มือของฉันที่ถูกเกาะกุมอยู่ค่อยๆถูกจับให้เอามาแนบกับใบหน้าเอ็นโจเอง ฉันอยากจะหลบตาแต่เหมือนถูกสะกดไว้ไม่ให้เบือนหน้าหนี
“ผมไม่ชอบเวลาที่มีผู้ชายคนไหนเข้าใกล้คุณ ทั้งโทโมเอะ อิชิโนะคุระ หรือกระทั่งมาซายะเอง...ผมไม่ชอบเวลาที่คุณซื้อของฝากผู้ชายอื่นที่ไม่ใชพี่ชาย ผมไม่พอใจตอนเห็นมาซายะนั่งข้างๆคุณ แล้วคุณก็ไม่สนใจผมเลย มันยิ่งทำให้ผมโกรธ ตอนที่พูดจาไม่ดีใส่คุณ ผมเสียใจจนไม่มีสมาธิอ่านหนังสือ ลำดับก็เลยร่วงขนาดนั้น…”
...นึกว่าเป็นเพราะคำสาปของฉันซะอีก
แต่ขนาดลำดับตกก็ยังไม่ได้ตกมาไกลมากมายอะไรเลยนะ ถ้ามองจากมุมคนที่ได้ที่ 1 หรือ 2 เป็นประจำอย่างเอ็นโจแล้ว ได้ที่ 4 ก็คงถือว่าตกมากล่ะมั้ง
“...แม้แต่ตอนที่คุณไปขัดโต๊ะกับมิซึซากิ ผมก็โกรธ ทำไมคุณต้องไปอยู่กับหมอนั่นสองต่อสองในทุกๆเช้าด้วยล่ะ ถ้าผมไม่พูดเตือนหน่อยคุณจะขัดโต๊ะให้คุณทาคามิจิไปตลอดหนึ่งปีเลยรึยังไง คนที่จะแย่ทีหลังก็คือคุณเองนั่นล่ะ”
“เอ๊ะ เดี๋ยว เดี๋ยวก่อนค่ะ!!” ฉันอ้าปากค้าง “ท่านเอ็นโจรู้ได้ยังไงว่าฉันไปขัดโต๊ะกับมิซึซากิคุงน่ะ”
“เอ ยังไงกันน้า”
“อย่ามาเฉไฉนะคะ” ฉันจ้องเขม็ง ดึงมือเอ็นโจออกแล้วเปลี่ยนมายืนกอดอก ทำท่าเอาจริงเอาจังว่าถ้าไม่ได้คำตอบจะไม่ยอมปล่อยผ่านแน่
เอ็นโจยิ้มเฝื่อนๆอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆเปิดปากพูดออกมา
“ที่จริงแล้ว...ตอนได้ยินว่าโต๊ะของคุณทาคามิจิถูกขัดเป็นมันวับ ผมก็เดาออกทันทีว่าคุณต้องเป็นคนทำแน่ๆ ผมก็เลยมาดูที่โรงเรียน แล้วก็เห็นคุณกับมิซึซากิอยู่ด้วยกันทุกเช้า…”
หมอนี่รู้ด้วยอย่างนั้นเรอะ!! แย่แล้ว!!!
จินตนาการเลวร้ายผุดขึ้นมาในหัว เมื่อเอ็นโจจับฉันลากไปกลางห้องสโมสร Pivoine มีเหล่าสมาชิกยืนรายล้อม ทุกคนจ้องมองฉันด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว ด่าทอว่าฉันคือคนทรยศ ยูกิโนะคุง มาโอะจัง ยูริคุง เด็กๆจากเปอติต์ก็มองฉันด้วยความผิดหวัง และคาบุรากิก็พิพากษาโทษตายให้ฉันข้อหาสมคบคิดกับศัตรู เป็นหนอนบ่อนไส้ ตระกูลล่มสลาย ต้องออกไปเร่ร่อนข้างถนน อดมื้อกินมื้อ ต้องคุ้ยถังขยะหาของกินเหลือๆจากคนอื่น….
“คุณคิโชวอิน….” มือของเอ็นโจโบกไปมาตรงหน้า เรียกสติที่หลุดลอยไปของฉันให้กลับคืนมาสู่ความเป็นจริง
“ทะ ทำไมถึงคิดว่าเป็นฉันล่ะคะ เพื่อนคนอื่นของคุณทาคามิจิก็มีอยู่นี่นา” ฉันละล่ำละลักหาข้อแก้ตัว จะยอมถูกจับได้ตรงนี้ไม่ได้เด็ดขาด เพื่อจุดยืนของฉันเองด้วย
“คนที่หวังดีอย่างแท้จริงกับคุณทาคามิจิในโรงเรียนนี้นอกจากมาซายะแล้ว ก็มีแต่คุณเท่านั้นล่ะ” เอ็นโจยิ้มอ่อนโยน “ก็คุณสองคนเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ”
ฉันสะดุ้งโหยงเหมือนถูกหวดแส้ใส่ หมอนี่รู้ได้ยังไงน่ะ เรื่องนี้ไม่น่าจะมีใครรู้ได้นี่นา
“คนที่มีอะไรก็แสดงออกทางสีหน้าหมดแบบคุณน่ะ เดาไม่ยากหรอก อย่างตอนนี้ก็คิดว่ารู้ได้ยังไง ไม่น่าจะมีใครรู้ใช่มั้ยล่ะ”
ถูกเผง!!
สกิลอ่านใจของเอ็นโจช่างน่ากลัวเหลือเกิน ฉันถอยกรูดไปด้านหลังเตรียมเผ่น แต่เอ็นโจก็ก้าวตามมา อุกรี๊ดดดด!! ถูกจับตัวไว้แล้วเจ้าข้าเอ้ย!!!
“ที่จริงผมก็แค่สังเกตท่าทางของคุณตอนเจอคุณทาคามิจิ แล้วก็ดูจากการกระทำที่คุณออกหน้าปกป้องเธอในหลายๆหน ถึงคุณทาคามิจิจะไม่ยอมพูดอะไรเลย แต่ก็พอจะเดาออกว่าพวกคุณมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน…”
ดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ
“แล้วผมก็แน่ใจมากขึ้นตอนที่คุณทาคามิจิออกตัวปกป้องคุณเรื่องล็อคเกอร์ เธอพูดเหมือนรู้จักคุณดี ทั้งที่คุณสองคนไม่น่าจะมีอะไรข้องเกี่ยวกันด้วยซ้ำ แสดงว่าก่อนหน้านั้นอาจจะมีเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้คุณและคุณทาคามิจิพบกันและได้รู้จักกัน”
ก็เรื่องทำน้ำจิ้มปลาหมึกเปื้อนชุดเลยต้องกลับไปซักที่บ้านของวาคาบะจังอะนะ แต่ไม่เอาไม่นึกถึงดีกว่า เดี๋ยวโดนอ่านใจ
“ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าเหตุการณ์ไหน แต่ก็ไม่สำคัญเท่าที่คุณลงมือช่วยเธอหรอก เพราะคุณเป็นคนแบบนั้น ผมถึงได้ชอบคุณมาก”
สมกับเป็นผู้สืบทอดของท่านอิมาริ พูดอะไรเลี่ยนๆแบบนี้ออกมาได้หน้าตาเฉย