มัมมี่?
=======
คฤหาสน์โกลเด้นฮิลล์นั้นคับแคบ ว่ากันว่าเป็นคฤหาสน์ขุนนางที่เล็กที่สุดในประเทศ ถึงอย่างนั้นนอกจากห้องหับทั้งสามชั้น ที่นี่ก็ยังมีสิ่งที่เรียกว่าคุกใต้ดินอยู่
คุกใต้ดินหินกว้างขวางเย็นยะเยือก แม้แต่แสงแดดก็ยังสาดส่องมาไม่ถึง กลิ่นคาวโลหะนานนับทศวรรษโชยติดจมูกตั้งแต่หน้าประตูทางลง ทางเดินยาวของคุกใต้ดินขนาบข้างด้วยห้องคุมขัง ในห้องลูกกรงส่วนใหญ่ว่างเปล่า มีบ้างที่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าเคยมีผู้อาศัยภายใน แต่ชะตากรรมของบุคคลเหล่านั้นเป็นเช่นไรยากจะทราบได้
สุดทางเดินคือบานประตูไม้ขนาดใหญ่ แม่กุญแจที่คล้องบนโซ่ลั่นดาลไว้แน่นหนาบอกเป็นนัยถึงสถานที่หวงห้าม
เด็กสาวไขกุญแจ ปลดโซ่ และเปิดประตูออกอย่างคุ้นเคย
ตะเกียงมือให้แสงสลัวแก่ห้องมืด มีข้าวของกองสุมระเกะระกะที่มุมหนึ่ง พวกมันคือเครื่องทรมานที่ลอร์ดคนก่อนสะสมไว้
ณ ใจกลางอดีตห้องทรมานที่กว้างขวาง คือแท่นหินคล้ายเวทีที่คงเคยไว้ใช้แสดงความต่ำช้าต่างๆที่ยากจะหยั่งถึง บัดนี้บนแท่นหินมีหีบไม้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่
ไม่ซิ ไม่ใช่หีบ
มันคือโลงศพ
เด็กสาวเดินขึ้นไปยังโลงศพนั้น ค่อยๆทรุดตัวลงแล้วเลื่อนฝาโลงออก เธอหรี่เปลือกตาลงเล็กน้อยเมื่อกลิ่นเคมีและเครื่องหอมกอปรกับกลิ่นของร่างที่เต็มไปด้วยผ้าห่อศพคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง
'เห็นทีคงได้เวลาเปลี่ยนเครื่องหอมแล้ว....' เด็กสาวคิดพลางหยิบม้วนผ้าห่อศพชุบน้ำยาออกมาจากย่ามของตัวเอง
ผ้าผืนเก่าที่พันรอบกายของร่างในโลงค่อยถูกแก้ออก เผยให้เห็นชายหนุ่มผู้นอนหลับใหลไร้ลมหายใจ
ใบหน้าที่เธอยังจดจำรอยยิ้มอ่อนโยนและอบอุ่นบนนั้นได้ แต่บัดนี้เป็นเพียงใบหน้าซีดเซียวไร้ชีวิต
เป็นเวลาหลายปีมาแล้ว น้อยคนนักที่จะทราบว่าร่างของเขาถูกเก็บไว้ที่นี่ กระบวนการทำมัมมี่ทุกอย่างที่ได้มาจากการขอร้องท่านเอิร์ลให้ช่วยหา ด้วยการพยายามครั้งแล้วครั้งเล่า วิทยาศาสตร์, ศาสตร์ขาวหรือแม้แต่ศาสตร์มืด ทุกวิถีทางที่เธอยอมแลกมาด้วยทุกสิ่ง จนสามารถยื้อร่างของเขาไม่ให้เน่าเปื่อยไปได้
เด็กสาวยังคาดหวังว่าสักวันเขาจะตื่น แม้รู้ดีว่าเป็นเรื่องยาก แต่การทำใจให้ได้สิกลับเป็นเรื่องยากยิ่งกว่า
"คามิล...."
เอลิซ่ารำพึงเสียงเบา ปลายนิ้วลูบไล้บนแผลไฟไหม้ที่เขาได้มาจากเหตุการณ์ในตอนนั้น หากไม่มีแผลเหล่านี้ที่แขนและใบหน้า ร่างก็แทบจะสมบูรณ์แบบแล้ว
หากไม่โดนระเบิดนั่น... หากไม่หลงกลของอสูร... หากไม่เกิดเหตุการณ์นั้น... หากวันนั้นเขาไม่ไปที่นั่น... หาก... หาก... หาก....
เด็กสาวถอนหายใจยาวและหลับตา เธอคิดเรื่องเหล่านี้มามากเพียงพอแล้วไม่ควรจะเก็บมาฟุ้งซ่านอีก
เธอค่อยๆห่อผ้าอาบน้ำยาผืนใหม่เพื่อคงสภาพของร่างไว้ ด้วยความชำนาญที่ทำมานมนาน ไม่นานนักทั้งร่างของเขาก็ถูกพันผ้าอย่างประณีตแทบทั้งหมดอีกครั้ง คงเหลือแค่ส่วนใบหน้าและลำคอ
เด็กสาวเหม่อมองใบหน้านั้นอีกครู่หนึ่งด้วยความคิดคำนึง ก่อนจะค่อยๆโน้มตัวลงใกล้ร่างของชายหนุ่ม
ริมฝีปากสีแดงระเรื่อเกือบจะแนบทาบลำคอของเขาอ้าออกกว้าง เผยคมเขี้ยวยาวก่อนที่จะฝังลงในลำคอเปลือยของเขา
หยาดเลือดไหลย้อยจากรอยกัดซึบซาบกับผ้าพันแผล ใบหน้าซีดของเขามีสีเลือดวูบหนึ่งก่อนจางหาย
กล่าวกันว่าเหยื่อของแวมไพร์จะมีชีวิตเป็นอมตะ แม้จะหลังความตายแต่เธอก็ยังหวังว่ามันจะได้ผล
มันคืออีกหนึ่งสิ่งที่เธอแลกมา
แม้อับจนหนทาง แต่เธอรู้ดีว่าไม่ควรสิ้นหวัง เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เขาฟื้นขึ้นทันตา แบบนั้นที่เธอจะต้องทำก็คือการเฝ้ารอคอยอย่างอุตสาหะ
กว่ามัมมี่จะตื่นอาจใช้เวลารอชั่วนิรันดร์ การเป็นแวมไพร์ย่อมหมายถึงการมีชีวิตให้รอคอยได้ชั่วกัลปาวสาน
หากแวมไพร์อมตะยังมีได้จริง แบบนั้นมัมมี่ก็คงฟื้นคืนชีพได้ในสักวัน
เมื่อวันนั้นมาถึง ทุกสิ่งที่ยอมแลกมาก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว
====
กระทู้ก่อนมีคุยเรื่องมัมมี่เลยลองดู แต่จบไม่ลงเลยกลายเป็นไรไม่รุ้งี้แหละ 😛