A&A - 41
ฉันถอนสายบัวอย่างชดช้อยงดงามที่สุดให้กับองค์ราชินีและคาบุรากิ เอ่ยทักทายด้วยท่าทางนอบน้อมสุขุม ในขณะที่ในใจกรีดร้อง สาปแช่งคาบุรากิที่เลือกเวลามาหามาดามได้แย่ที่สุด
คาบุรากิเห็นฉันแล้วทำหน้าเหมือนไอ้ที่เขาเพิ่งยกจิบเข้าไปคือน้ำโคลน ฉันมองเขาแล้วยังคงรักษารอยยิ้ม แต่รู้สึกว่าตาไม่ได้ยิ้มไปด้วย
“มาได้เวลาพอดีเลย คุณเรย์กะ ดื่มชาก่อนสิคะ“
เมื่อฉันเดินเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ด้านขวาของมาดาม ซึ่งทำให้ประจัญหน้ากับคาบุรากิโดยเลี่ยงไม่ได้ ถ้วยน้ำชาก็ถูกวางลงตรงหน้า ตามด้วยชาสีทองที่รินลงในแก้ว ฉันยกชาขึ้นดื่ม มันเป็นชาจีนรสชาติขม แต่พอกลืนลงคอแล้วในลิ้นกลับหวานละมุน ถือเป็นชาชั้นเยี่ยมที่บอกให้ฉันรู้ว่า ประเทศนี้น่าจะติดต่อค้าขายกับประเทศจีน หรือไม่ก็ประเทศที่เหมือนก๊อปปี้มาจากจีน
ฉันเอ่ยชมชาที่ได้ชิม มาดามคาบุรากิยกพัดจีบขึ้นปกปากในขณะที่เธอหัวเราะ บอกว่าดีใจที่ฉันชอบ เพราะปกติแล้วฉันดื่มแต่ชาสมุนไพร
คาบุรากิหรี่ตามองฉัน แล้วถามฉันว่ามาทำอะไรที่นี่
ก่อนที่ฉันจะได้เปิดปากตอบ มาดามกลับเป็นคนชิงตอบก่อนว่าเธอเรียกฉันให้มาเป็นเลดี้พี่เลี้ยงของบุตรีท่านมาควิสซาวาราบิ
คาบุรากิมองฉันเหมือนสงสัยว่าคนอย่างฉันเนี่ยนะ จะอบรมมารยาทให้ใครได้
ฉันหลบตาเขา อันที่จริงถ้าไม่นับนิสัย คิโชวอิน เรย์กะ ก็น่าจะเป็นเลดี้พี่เลี้ยงที่ดี แต่ถ้าฉันเป็นแม่ของมาโอะจัง แล้วรู้ว่าลูกสาวของตัวเองจะอยู่ภายใต้การดูแลของผู้หญิงขี้วีนนิสัยแย่ ฉันคงไม่ค่อยเต็มใจส่งเธอมาเท่าไหร่
ดูเหมือนว่ามาดามจะอ่านสายตาลูกชายได้กระจ่างเช่นกัน เธอโบกพัดไปมา “คุณเรย์กะจะต้องเป็นเลดี้พี่เลี้ยงที่แสนวิเศษได้แน่ ๆ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา งานเลี้ยงที่คุณจัดมักจะได้รับคำชมเสมอ ๆ นี่คะ” คาบุรากิจ้องฉันเขม็ง ราวกับจะใช้ตาเลเซอร์ของเขาเผาฉันให้เป็นจุล “คุณเรย์กะมาอยู่ที่นี่ฉันเองก็หายห่วง คุณที่ฉันเห็นมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อยกลับต้องไปอยู่ในแท่นบูชาร้างห่างไกล ทุก ๆ คืนฉันได้แต่เฝ้ากังวลว่าจะมีเรื่องอันตรายเกิดขึ้นไหม เพราะคุณที่เป็นเลดี้ยังไม่แต่งงาน กลับต้องอยู่ในที่แบบนั้นกับทหารที่ไม่ใช่คนของตัวเอง ซ้ำยังไม่มีเมดคอยเฝ้า โชคดีนะคะที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
คราวนี้คาบุรากิสะดุ้งเหมือนโดนตบหน้า ฉันเองก็หน้าซีดไปเช่นกันเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
ขนาดอยู่ในวังที่ประตูห้องล็อคแน่นหนา เลดี้ที่ยังไม่แต่งงานยังต้องมีคุณเมดคอยติดตามและนอนเฝ้าเพื่อไม่ให้มีคนย่องเข้าหา แต่ที่ ๆ ฉันถูกส่งไปนั้นไม่มีแม้แต่กลอนล็อคประตู แม้มียามเฝ้าอยู่ด้านหน้า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ายามคนนั้นไว้ใจได้ ซ้ำทหารยามยังชอบหายตัวไปบ่อย ๆ ดังนั้นจึงไม่มีความปลอดภัยเลยแม้แต่น้อย
ถ้าในวันนั้น คนที่บุกรุกเข้ามาไม่ใช่พวกเด็ก ๆ แต่เป็นพวกผู้ชายที่ประสงค์ร้าย ฉันคงโดนฆ่าข่มขืนไปแล้ว
ตอนนี้ถึงมีคนกล่าวหาว่าฉันไม่ได้เป็นสาวบริสุทธิ์ ฉันก็ไม่สามารถหาใครมาเป็นพยานยืนยันได้ เพราะช่วงเวลาที่อยู่ในแท่นบูชาร้างนั่นสุ่มเสี่ยงจริง ๆ
คาบุรากิที่เมื่อครู่ยังมีสีหน้าอวดดีนิ่งไป มาดามส่งสายตาคมปลาบแล้วยิ้มน้อย ๆ สมกับเป็นมาดามคาบุรากิ เพราะภายนอกแม้เธอจะดูเรียบร้อย แต่เวลาเอาจริงก็ต่อยหมัดเดียวน็อค
มาดามกรีดพัดด้วยท่าทางสง่าแล้วหันมาส่งยิ้มให้ฉัน “ถ้าอย่างนั้นเรามาคุยกันเรื่องการฝึกสอนท่านหญิงจากบ้านซาวาราบิกันเถอะค่ะ”
คาบุรากิไม่ได้มองหน้าหรือพูดกับฉันอีกตลอดเวลาที่ฉันสนทนากับมาดาม พอพวกเราคุยกันจบ เขาก็ขอตัวออกไปจากห้องทันที
มาดามบอกกับฉันว่าถึงคิโชวอินจะตัดฉันออกจากตระกูล แต่ท่านแม่ของฉันได้ขอร้องให้ตระกูลเดิมของเธอรับฉันไว้ในฐานะหลานสาว และเมื่อฉันแต่งงาน พวกเขาจะเป็นคนจ่ายสินเดิมให้กับฉัน
ตอนที่ได้ยินจากริรินะว่าท่านแม่ของฉันเข้าพบองค์ราชินี ฉันก็เริ่มสืบข่าวเกี่ยวกับตนเอง และรู้ว่าตระกูลของท่านแม่ฉันถึงจะอยู่แค่ในลำดับมาควิส แต่ก็เป็นตระกูลที่ร่ำรวยและสนิทสนมกับตระกูลเดิมของมาดามคาบุรากิดี เพราะเหตุผลนั้น ตั้งแต่คิโชวอิน เรย์กะ เกิด เธอจึงถูกวางตัวไว้เป็นคู่หมายของคาบุรากิ มาซายะ รัชทายาทผู้สืบต่อบัลลังก์ และตอนที่เรย์กะเริ่มฝึกเป็นเลดี้ ก็ได้ญาติของมาดามคาบุรากิอย่างคุณโยโกะเป็นเลดี้พี่เลี้ยง
“เรื่องมาซายะไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง” มาดามคาบุรากิประกาศ สีหน้าของเธอมุ่งมั่นจนฉันไม่กล้าบอกว่าถ้าต้องแต่งกับคาบุรากิ ให้อยู่เป็นโสดแห้งเหี่ยวตายยังดีกว่า เพราะอย่างน้อยก็ได้แก่ตาย ไม่โดนใครซักคนปักธงมรณะใส่
ฉันพยายามพูดปฏิเสธอ้อม ๆ แต่เธอส่งสายตาเห็นใจให้ฉัน ราวกับฉันเป็นเด็กสาวผู้ถูกทรยศรัก ฉันที่ไม่สามารถโน้มน้าวเธอจึงได้แต่ร้องไห้ในใจ
.....