A&A - 32.
งานเย็บรองเท้าเป็นงานที่ยากและใช้อุปกรณ์เป็นจำนวนมาก แม้ว่าฉันจะโชคดีที่คันตะคุงหาส้นรองเท้าแบบหนังอัดมาให้ แต่การตัดเย็บนั้นทำได้อย่างยากลำบาก เพราะถ้าเป็นรองเท้าส้นไม้ธรรมดา สิ่งที่ฉันต้องทำมีเพียงแค่เย็บรองเท้า แล้วแปะส้นลงไปด้วยกาวที่ทำจากยางไม้เท่านั้น แต่ถ้าเป็นส้นรองเท้าแบบหนังอัด จะต้องเจาะรูปส้นรองเท้า จากนั้นก็เย็บตัวรองเท้าแล้วเย็บร้อยมันเข้ากับส้นอีกที จากนั้นถ้ามีส้นเหลืออยู่ ก็จะใช้กาวแปะทับลงไปด้านล่างอีกชั้น เพื่อความคงทนและเสริมความหนาของพื้นรองเท้า
ฉันคิดว่าไหน ๆ จะทำรองเท้าที่ต้องใส่ไปตลอด ก็อยากจะทำให้ดี ฉันเย็บแก้แล้วแก้อีกเพราะการเย็บรองเท้าถ้าทำผิด ทรงก็จะเบี้ยวใส่ไม่สบาย นอกจากนี้ฉันยังอยากเสริมส้นด้านหลังด้วย จึงไปปรึกษานายตัวสำรองที่ดูจะมีความสามารถในด้านการประดิษฐ์
และเขาก็ไม่ทำให้ฉันผิดหวังจริง ๆ สองวันต่อมา เขาก็มาหาฉันที่ห้องตัดเย็บ แล้วเอาส้นรองเท้าสูงหนึ่งนิ้วซึ่งแกะจากไม้มาให้ ฉันบอกให้เขาทำส้นที่ค่อนข้างใหญ่ เพราะถึงส้นเล็ก ๆ จะสวย แต่ใช้งานได้ไม่ทน เมื่อหุ้มยางลงไปบนพื้นรองเท้า รองเท้าที่ฉันทำคู่แรกในชีวิตก็ออกมาใช้งานได้ในที่สุด ถึงจะไม่สวย แต่ใช้งานได้สบายไม่แพ้รองเท้าคู่แรกของเรย์กะ
นอกจากพื้นรองเท้าแล้ว มิซึซากิยังบอกอีกว่าเพราะฉันประพฤติตัวได้เรียบร้อยไม่ก่อความวุ่นวายในวัง ฉันจึงได้รับอนุญาตให้เลือกหนังสือจากห้องหนังสือกลับไปด้วย ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากที่ในที่สุด ฉันจะได้มีอะไรอ่านนอกจากพระคัมภีร์น่าเบื่อที่อ่านซ้ำไปซ้ำมา แต่ก็ไม่จบเพราะหลับก่อนทุกที
หนังสือที่ฉันเลือกไปนั้นเป็นหนังสือที่เกี่ยวกับมารยาทและประวัติศาสตร์ แม้ว่าจริง ๆ แล้วฉันจะชอบอ่านนิยายมากกว่า แต่เพราะว่าฉันได้รับอนุญาตให้เลือกหนังสือได้แค่สามเล่ม จึงกัดฟันตัดใจจากหนังสือนิยาย แล้วเลือกหนังสือที่น่าจะมีประโยชน์ต่อตัวเองในอนาคต เพราะฉันไม่มีความทรงจำของเรย์กะเลยแม้แต่น้อย ถ้าจู่ ๆ เรย์กะเกิดลืมมารยาทชนชั้นสูงที่เธอควรจะรู้ดีเพราะถูกปลูกฝังในสายเลือด ฉันคงไม่มีสิทธิ์แก้ตัวกับเอ็นโจอีก
เนื่องจากช่วงเวลาที่ผ่านมาฉันยุ่งอยู่กับการตัดเย็บเสื้อผ้ารองเท้าสำหรับตัวเอง รวมถึงโดนคันตะคุงเรียกไปฝึกทำอาหารด้วย จึงไม่มีเวลาได้นั่งกลุ้มเรื่องเอ็นโจและเรื่องที่ริรินะบอกนัก วันสุดท้ายก่อนจะกลับไปยังแท่นบูชา ฉันแวะไปเยี่ยมอุเมวากะกับเบียทริซที่โรงเลี้ยงม้า ทั้งมีเจตนาจะเยี่ยมเขาและหวังว่าจะได้พบกับริรินะเพื่อสืบข่าวอีก ฉันไม่พบกับริรินะ แต่ได้บอกลาอุเมวากะ
เพราะว่าฉันไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นนักโทษ เขาเลยนึกว่าหมดฤดูหนาว ฉันต้องกลับไปทำการเกษตรที่หมู่บ้าน เขาทำหน้าเศร้าบอกว่าเบียทริซชอบฉันมาก ถ้าฤดูหนาวปีหน้าฉันมาทำงานที่วังอีกครั้ง เขาจะให้ฉันลองขี่เบียทริซ
ฉันคิดว่าดีแล้วที่ไม่ได้บอกความจริงไป เพราะฉันคงไม่มีโอกาสได้กลับมาที่นี่อีก ไม่สิ ฉันหวังว่าฉันจะไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก
.....