Last posted
Total of 1000 posts
A&A - 31.
โชคร้ายที่คุณพ่อบ้านดันเห็นว่าฉันก่อเรื่องในครัวมากกว่าทำประโยชน์ เช้าวันถัดมา ฉันก็ได้รับคำสั่งให้ไปประจำอยู่ในห้องตัดเย็บ แต่โชคดีตรงที่ฉันได้กลับมาทำงานกับมารีอีกครั้ง
มารีเองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน เธอสอนฉันถักลูกไม้ ทำเอาความทรงจำที่คาบุรากินั่งถักลูกไม้ได้อย่างเพอร์เฟคในครั้งแรก ซ้ำยังเยาะเย้ยฉันว่าถักเบี้ยวผุดขึ้นมาในหัว ฉันคิดว่าถ้ากลับไปโลกเก่าได้ ฉันจะเอามือที่จับเฟรนช์ฟรายด์ไปจับเสื้อของเขา ให้เสื้อสุดเพอร์เฟคของคาบุรากิมีคราบน้ำมันจากของทอด เป็นการแก้แค้นที่เขาปักธงมรณะให้ฉันในโลกใบนี้
หลังจากทำงานที่ได้รับมอบหมายจนเสร็จ พวกเราก็อยู่ในห้องตัดเย็บเพื่อตัดชุดชั้นในของฉันต่อ มารีตัดสินใจตัดชุดชั้นในแบบเดียวกันกับฉันด้วย เพราะเธออยากมีเอวที่เล็กคอดเหมือนสตรีชั้นสูง
หลังจากใช้เวลาตัดเย็บหลังเลิกงาน และใช้เวลาวันหยุดเย็บอยู่ทั้งวัน ในที่สุดฉันก็มีชุดชั้นในใส่แล้ว
ฉันมองคอร์เซ็ตที่ตัวเองเย็บแล้วรู้สึกภาคภูมิใจ แม้จะเป็นคอร์เซ็ตเรียบ ๆ ไม่มีลูกไม้หรือลวดลาย แต่ก็แข็งแรงและสวมใส่ได้ง่าย เชือกร้อยที่อยู่ด้านหน้าทำให้สามารถใส่ได้เองโดยไม่ต้องพึ่งคุณเมดช่วยแต่งตัว โครงชุดดันหน้าอกได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ไม่ยกตู้มเหมือนคอร์เซ็ตที่ชนชั้นสูงใช้ ส่วนเอวฉันก็ผูกไว้หลวม ๆ เพราะฉันมาจากโลกยุคปัจจุบัน เลยไม่สนใจจะมีเอวเล็กคอดจนน่ากลัวเหมือนที่สาว ๆ ในยุคนี้ใฝ่ฝัน
เนื่องจากเหลืออีกเพียงสองสัปดาห์ ก็จะถึงกำหนดส่งตัวฉันกลับไปยังแท่นบูชา ฉันเลยอยากจะตัดเย็บเสื้อผ้าให้ตัวเองอีกหลายชุด เพราะไม่มั่นใจว่าตอนกลับไปจะขนอุปกรณ์ตัดเย็บกลับไปได้รึเปล่า นอกจากนั้น รองเท้าที่ใส่ก็เก่าเปื่อยมากแล้ว
ฉันมองรองเท้าของตัวเองแล้วก็ต้องถอนหายใจ ในโลกก่อน ฉันมีรองเท้าเกือบร้อยคู่ พวกมันถูกจัดเรียงอย่างงดงามบนชั้นวางรองเท้า ได้รับการดูแลอย่างดี แต่ในโลกนี้ฉันมีรองเท้าเพียงแค่สองคู่ คู่แรกพังตอนวิ่งพายูกิโนะคุงไปหาหมอ คู่ที่สองทั้งเปื่อยทั้งขาด แต่ก็ยังต้องทนใส่เพราะนอกจากยูนิฟอร์มสาวใช้กับชุดนอน ฉันก็ไม่ได้รับอะไรมาอีก
ในโลกนี้ผู้หญิงในชนชั้นล่างเกือบทุกคนต้องเย็บรองเท้ากันเอง รองเท้าของพวกเธอเป็นรองเท้าที่เหมือนรองเท้าบัลเล่ต์ ส้นบางนิดเดียว ฉันมองรองเท้าของตัวเองที่ส้นอ้าเปิด พื้นสึก ตัวรองเท้าขาดกระจุยแล้วตัดสินใจจะเปลี่ยนใหม่ จึงถามมารีว่าฉันจะหาพื้นรองเท้าได้จากไหน
มารีบอกว่าฉันสามารถไปซื้อได้ที่โรงช่าง ส้นรองเท้ามีตั้งแต่ไม้แกะไปจนถึงเศษหนัง ถ้าเป็นแบบดีที่สุดคือทำจากหนังทั้งชิ้น ทว่าฉันไม่ใช่คุณเมดที่มีชื่อในทะเบียนอย่างถูกต้อง เลยไม่ได้รับค่าตอบแทนเลยแม้แต่เหรียญเดียว
เย็นวันนั้นฉันไม่ได้ไปรับเสบียงส่วนเข้ากะที่โรงอาหารแต่ฝากให้มารีไปรับแทน ส่วนฉันไปหาคันตะคุงที่โรงครัวส่วนตัวของเขา
คันตะคุงรับปากว่าจะหาพื้นรองเท้ามาให้ ฉันเลยขออุปกรณ์ตัดเย็บกับผ้ากลับไปยังแท่นบูชาร้างด้วย หลังจากตกลงเรื่องของเสร็จ ฉันก็เอ่ยปากถามเขาเรื่องจดหมาย
คันตะคุงนิ่งไปซักพัก ก่อนจะบอกกับฉันว่าเขาฝากคนอื่นส่งต่อ ไม่รู้ว่าจดหมายนั่นไปถึงครอบครัวของฉันรึเปล่า แล้วเรียกฉันเข้าไปกินขนมที่เขาทำขึ้นมา แน่นอนว่าฉันไม่ปฏิเสธ ขนมในโลกนี้เป็นของหายากและมีราคาแพง คนธรรมดามีโอกาสได้กินแค่ในช่วงเทศกาลเท่านั้น เขาทำครีมโรล ถึงแม้จะไม่อร่อยเท่ากับครีมโรลของร้านทาคามิจิในโลกก่อน แต่ก็เยียวยาฉันได้อย่างดีมาก
.....
ท่านพี่ไม่ยอมอ่าน คันตะเลยบ่ายเบี่ยงแล้วปลอบใจสินะ คันตะคูงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
//เรือคันตะอยู่นี่เองจ้า
แง้ สงสารเรย์กะจัง. นายตัวสำรองรีบทำคะแนนเข้า เรือนายไม่ค่อยเล่นเลยน้า~
กูเกลียดการล้างแค้นด้วยเฟรนฟรายถถถถ แต่จะว่าไปเรือคุณมารีก็ไม่เลวแฮะ...
คันตะเบี่ยงประเด็นเพราะไม่อยากให้นางเสียใจแน่เลย ละก็เบี่ยงถูกประเด็นด้วยนะ
กูเชียร์ทุกเรือเลย จะนอมอลหรือลิลลี่ก็ได้ แต่คันตะก็ทำคะแนนดีจังเลย ท่านเจ้าแม่ต้องสู้นะ เกิดอะไรขึ้นต้องอย่าร้อง
A&A - 32.
งานเย็บรองเท้าเป็นงานที่ยากและใช้อุปกรณ์เป็นจำนวนมาก แม้ว่าฉันจะโชคดีที่คันตะคุงหาส้นรองเท้าแบบหนังอัดมาให้ แต่การตัดเย็บนั้นทำได้อย่างยากลำบาก เพราะถ้าเป็นรองเท้าส้นไม้ธรรมดา สิ่งที่ฉันต้องทำมีเพียงแค่เย็บรองเท้า แล้วแปะส้นลงไปด้วยกาวที่ทำจากยางไม้เท่านั้น แต่ถ้าเป็นส้นรองเท้าแบบหนังอัด จะต้องเจาะรูปส้นรองเท้า จากนั้นก็เย็บตัวรองเท้าแล้วเย็บร้อยมันเข้ากับส้นอีกที จากนั้นถ้ามีส้นเหลืออยู่ ก็จะใช้กาวแปะทับลงไปด้านล่างอีกชั้น เพื่อความคงทนและเสริมความหนาของพื้นรองเท้า
ฉันคิดว่าไหน ๆ จะทำรองเท้าที่ต้องใส่ไปตลอด ก็อยากจะทำให้ดี ฉันเย็บแก้แล้วแก้อีกเพราะการเย็บรองเท้าถ้าทำผิด ทรงก็จะเบี้ยวใส่ไม่สบาย นอกจากนี้ฉันยังอยากเสริมส้นด้านหลังด้วย จึงไปปรึกษานายตัวสำรองที่ดูจะมีความสามารถในด้านการประดิษฐ์
และเขาก็ไม่ทำให้ฉันผิดหวังจริง ๆ สองวันต่อมา เขาก็มาหาฉันที่ห้องตัดเย็บ แล้วเอาส้นรองเท้าสูงหนึ่งนิ้วซึ่งแกะจากไม้มาให้ ฉันบอกให้เขาทำส้นที่ค่อนข้างใหญ่ เพราะถึงส้นเล็ก ๆ จะสวย แต่ใช้งานได้ไม่ทน เมื่อหุ้มยางลงไปบนพื้นรองเท้า รองเท้าที่ฉันทำคู่แรกในชีวิตก็ออกมาใช้งานได้ในที่สุด ถึงจะไม่สวย แต่ใช้งานได้สบายไม่แพ้รองเท้าคู่แรกของเรย์กะ
นอกจากพื้นรองเท้าแล้ว มิซึซากิยังบอกอีกว่าเพราะฉันประพฤติตัวได้เรียบร้อยไม่ก่อความวุ่นวายในวัง ฉันจึงได้รับอนุญาตให้เลือกหนังสือจากห้องหนังสือกลับไปด้วย ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากที่ในที่สุด ฉันจะได้มีอะไรอ่านนอกจากพระคัมภีร์น่าเบื่อที่อ่านซ้ำไปซ้ำมา แต่ก็ไม่จบเพราะหลับก่อนทุกที
หนังสือที่ฉันเลือกไปนั้นเป็นหนังสือที่เกี่ยวกับมารยาทและประวัติศาสตร์ แม้ว่าจริง ๆ แล้วฉันจะชอบอ่านนิยายมากกว่า แต่เพราะว่าฉันได้รับอนุญาตให้เลือกหนังสือได้แค่สามเล่ม จึงกัดฟันตัดใจจากหนังสือนิยาย แล้วเลือกหนังสือที่น่าจะมีประโยชน์ต่อตัวเองในอนาคต เพราะฉันไม่มีความทรงจำของเรย์กะเลยแม้แต่น้อย ถ้าจู่ ๆ เรย์กะเกิดลืมมารยาทชนชั้นสูงที่เธอควรจะรู้ดีเพราะถูกปลูกฝังในสายเลือด ฉันคงไม่มีสิทธิ์แก้ตัวกับเอ็นโจอีก
เนื่องจากช่วงเวลาที่ผ่านมาฉันยุ่งอยู่กับการตัดเย็บเสื้อผ้ารองเท้าสำหรับตัวเอง รวมถึงโดนคันตะคุงเรียกไปฝึกทำอาหารด้วย จึงไม่มีเวลาได้นั่งกลุ้มเรื่องเอ็นโจและเรื่องที่ริรินะบอกนัก วันสุดท้ายก่อนจะกลับไปยังแท่นบูชา ฉันแวะไปเยี่ยมอุเมวากะกับเบียทริซที่โรงเลี้ยงม้า ทั้งมีเจตนาจะเยี่ยมเขาและหวังว่าจะได้พบกับริรินะเพื่อสืบข่าวอีก ฉันไม่พบกับริรินะ แต่ได้บอกลาอุเมวากะ
เพราะว่าฉันไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นนักโทษ เขาเลยนึกว่าหมดฤดูหนาว ฉันต้องกลับไปทำการเกษตรที่หมู่บ้าน เขาทำหน้าเศร้าบอกว่าเบียทริซชอบฉันมาก ถ้าฤดูหนาวปีหน้าฉันมาทำงานที่วังอีกครั้ง เขาจะให้ฉันลองขี่เบียทริซ
ฉันคิดว่าดีแล้วที่ไม่ได้บอกความจริงไป เพราะฉันคงไม่มีโอกาสได้กลับมาที่นี่อีก ไม่สิ ฉันหวังว่าฉันจะไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก
.....
อยากรู้ว่าเบียทริซเป็นม้าสีขาวหรือดำ กูไม่ได้อ่านข้ามใช่มะ
ม้าที่มีขนหางม้วนหลอดๆเหมือนเจ้าแม่ด้วยนะ
A&A - 33.
ทันทีที่ก้าวเข้ามาในรั้วของแท่นบูชาร้าง ฉันก็รู้สึกเหมือนตัวเองได้กลับบ้าน
แม้ว่าจะถูกกักบริเวณในนี้ชั่วชีวิต แม้ว่าที่นี่จะไม่สะดวกสบาย ไม่มีแม้กระทั่งห้องน้ำหรือเพื่อนคุย แต่อย่างน้อยที่นี่ก็เป็นพื้นที่ของฉัน ที่ ๆ เดินไปทางไหนก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไปเจอธงมรณะอย่างคาบุรากิ วาคาบะจัง หรือเอ็นโจเมื่อไหร่
ฉันขนของที่ติดตัวจากราชวังลงมา มีทั้งหนังสือ ผ้าพับใหญ่ พื้นรองเท้า อุปกรณ์ตัดเย็บ ชุดชั้นในและเสื้อผ้าที่ตัดตอนที่ทำงานอยู่ในห้องตัดเย็บ รวมถึงเสบียงในวันนั้นด้วย ส่วนวัตถุดิบสำหรับทำอาหาร คันตะคุงสัญญาว่าจะให้คุณเมดเอามาให้ในเที่ยงวันถัดไป
ในบ้านค่อนข้างเย็น ฉันเลยจุดไฟในเตาเพื่อทำให้บ้านอุ่นขึ้น เนื่องจากใกล้จะหมดฤดูหนาวแล้ว เลยไม่ต้องกังวลเรื่องฟืนอีก ฉันนั่งกินขนมปังที่ได้มาจากคันตะคุงหน้าเตาผิง ผัดวันประกันพรุ่งในการทำความสะอาดบ้านที่เริ่มมีฝุ่นจาง ๆ เพราะไม่ได้อยู่มาสามเดือน
พอมีเวลาว่าง ฉันก็เริ่มฟุ้งซ่านถึงปัญหาของตัวเอง
ถ้าเป็นพล็อตนิยายตามปกติที่ฉันเคยได้อ่านมา แม้เจ้าชายจะหลงรักหญิงสาวสามัญอย่างวาคาบะจัง แต่ถ้าคิดตามหลักความจริง องค์ราชินีย่อมต้องไม่ปลื้มที่เชื้อพระวงศ์จะมีเลือดของสามัญชนมาปะปนในราชวงศ์เป็นแน่ ทว่าในโลกยุคโบราณ โดยเฉพาะในราชวงศ์ การตัดสินใจสูงสุดย่อมต้องเป็นของผู้ชาย และผู้ชายที่มีอำนาจมากที่สุดไม่พ้นพระราชา
ฉันนึกถึงคุณพ่อของคาบุรากิที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนบัลลังก์ในชุดกษัตริย์แล้วแอบเคลิ้มไปชั่วขณะ ถ้าเป็นคุณลุงที่หล่อเหลา ฉลาดเฉลียว ขายาว แถมยังมีรสนิยมวิไลอย่างการสะสมหนังสือหายากผิดกับทานูกิบ้านฉันคนนั้นย่อมต้องใจกว้างยอมรับสะใภ้สามัญชนแน่ ๆ ทว่ามีหรือที่ผู้หญิงที่ทรงอำนาจอย่างมาดามจะยอมให้ทุกอย่างดำเนินไปตามนั้น
ฉันนึกภาพมาดามที่แม้จะไม่ถูกใจคิโชวอิน เรย์กะ เพราะอารมณ์ร้ายแล้วก็ฉลาดน้อยไปหน่อย แต่อย่างน้อยในฐานะบุตรีดยุก เธอก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าวาคาบะจัง หรือถ้าไม่ใช่เรย์กะ ก็น่าจะมีบุตรีขุนนางคนอื่น ๆ รอเสียบตำแหน่งกันให้ยุบยั่บไปหมด ดังนั้นอุปสรรคของตัวเอกทั้งคู่น่าจะยังไม่หมดเป็นแน่
แม้ว่าฉันสงสัยว่าตัวเองจะเข้าไปเป็นหนึ่งในแผนการขัดขวางทางรักของคาบุรากิและวาคาบะจังยังไง ในเมื่อฉันโดนสั่งกักบริเวณขนาดนี้ แถมยังรู้กันไปทั่วว่าฉันกลายเป็นเมดขัดห้องน้ำที่เป็นงานซึ่งแม้แต่เมดรุ่นพี่ที่มาจากชนชั้นล่างยังเกี่ยงกันทำ ชื่อเสียงน่าจะเสียหายย่อยยับไปแล้วเรียบร้อย ดังนั้นจึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีในการเข้าชิงตำแหน่งราชินีในอนาคต แต่ในฐานะตัวร้ายของเรื่องย่อมต้องมีธงมรณะตามหลอกหลอนในระดับไม่ธรรมดา ดังนั้นฉันจะต้องระวังตัวไม่ทำอะไรเด่นเกินหน้า แล้วไปขัดขวางหนทางอันรุ่งโรจน์ของบรรดาตัวละครหลักเป็นอันขาด
นอกจากคาบุรากิแล้ว ตัวอันตรายอันดับสองคือเอ็นโจ โชคดีที่เรื่องคิมิดอลไม่ใช่เกมจีบหนุ่ม ไม่อย่างนั้นก้าวไปทางไหนฉันคงเจอแต่ชะตามรณะเพราะขัดขวางทางรักของวาคาบะจัง แต่ยังไงก็จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด เพราะการขัดขวางความรักของคู่รองก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะเจอแบดเอนเหมือนกัน ฉันสงสัยว่าในโลกนี้มีคุณยุยโกะรึเปล่า แต่ดูจากสภาพการณ์ ฉันเกือบจะมั่นใจว่าคู่หมั้นของเอ็นโจจะต้องเป็นคุณยุยโกะอย่างแน่นอน
ตัวอันตรายลำดับต่อไปคือนายตัวสำรอง ฉันไม่รู้ว่านายตัวสำรองตัดใจจากวาคาบะจังได้รึยัง ฉันนึกภาพตอนต่อของดราม่าการ์ตูนผู้หญิงคลาสสิกแล้วรู้สึกเหมือนขมับเต้นตุบ ๆ ด้วยความปวด ฉันที่น่าจะดวงซวยกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางทางรักของคู่เอกทำให้วาคาบะจังเข้าใจผิด นายตัวสำรองที่ยังรักวาคาบะจังอยู่จึงคิดอยากจะช่วยเหลือเธอด้วยการกำจัดฉันทิ้ง...
ไม่ นั่นมันยันเดเระเกินไปสำหรับนายตัวสำรอง นายตัวสำรองน่าจะมีมโนธรรมกว่านั้น เขาอาจจะช่วยปลอบวาคาบะจังให้กลับไปคืนดีกับคาบุรากิ ส่วนคาบุรากิโกรธที่ฉันทำให้วาคาบะจังเข้าใจผิดและเสียใจ เลยกำจัดฉันเพื่อความสบายใจของเธอ...
ฉันคิดถึงความเป็นไปได้แล้วหนทางนี้น่าจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้สูง หรือไม่ก็เอ็นโจเห็นเพื่อนตัวเองต้องทนทุกข์ เลยกำจัดฉันทิ้ง...
ฉันนึกถึงคำขู่ของเขาแล้วกรีดร้องในใจ นี่แหล่ะ ธงมรณะของฉัน
ฉันรู้สึกปวดท้องหน่วง ๆ ขึ้นมาอีกครั้ง และทบทวนกับตัวเองเหมือนตอนที่เข้าร่างของเรย์กะในวัยห้าขวบว่า จะหลีกให้ห่างจากตัวเอกและไม่ทำตัวเด่นให้มากที่สุด
..
โอ้ยยย กลุ้มแทนเจ้าแม่ มองไปทางไหนก็มีแต่ธงมรณะ
แง ไม่ว่าจะโลกไหน ทั่นเรย์กะก้อไม่มีความคิดโดขิโดขิกับใครเลย ถถถถ
โดขิๆกับฟู้ดซังไงล่ะ
กูว่ามีอยู่ครั้งเดียวอะ ที่ท่านเรย์กะแผ่ออร่าสาวน้อย คือตอนที่อ่านนิตยสารใกล้คาบุ อันนั้นคือมันดีต่อใจมาก เหมือนสาวน้อยหวั่นไหวพระเอกโชโจ แค่เจ้าคาบุมันก็ทำลายโมเมนต์ซะย่อยยับ....
จริงๆตอนเจ้าแม่เห็นคาบุนอนพักหลังออกกำลังกายก็ใจเต้นนะ ประมาณว่าเสี้ยวหน้าที่โดนแสงช่างหล่อเหลาอะไรเช่นนี้ ว่าแล้วนางก็ค่อยๆเอาผ้าชุบน้ำโปะหน้าคาบุ...
แล้วฉากสะดุดบันไดในตำนานสุดโดกิโดกินั้นล่ะ
ขอถามนอกเรื่องหน่อย พวกมึงคิดว่าพวกเซริกะไปได้แฟนจากที่ไหนกันวะ หรือเดินๆอยู่ก็มีหนุ่มมาขอเบอร์ แบบตอนที่พวกผู้ชายชวนไปกินเชอร์เบ็ตที่ปารีสน่ะ
ขนาดตอนชอบรุ่นพี่ซาวด์ยังไม่โดขิๆเลยมึง มาซะผ่างๆๆจนกูกลัว555555
โดขิโดขิกับยูกิโนะคุงไง ยูกิโนะคุงนี่สุดๆ ในเรื่องแล้ว ได้ใจเจ้าแม่ได้ความโดขิไปเยอะกว่าใคร
อย่าลืมท่านอืมาริสิ
A&A - 34.
ปรากฏว่าที่ปวดท้องหน่วง ๆ เมื่อวานไม่ใช่แค่เพราะความเครียด แต่เป็นเพราะประจำเดือนมา
ฉันมองชุดที่เปรอะเลือดประจำเดือน รวมไปถึงผ้าห่มที่ทำมาจากกระโปรงกำมะหยี่ของฉัน มันเปื้อนเลือดแดงแจ๋เป็นวงกว้าง ฉันเลยต้องซักผ้าตั้งแต่เช้าตรู่
การซักผ้าโดยที่ไม่มีผงซักฟอกเป็นเรื่องน่าลำบากยิ่งนัก ฉันเลยตัดสินใจที่จะทำสบู่
ความสามารถแรก ๆ ที่ตัวเอกในนิยายทะลุมิติแสดงออกมาคือการทำสบู่ ต่อจากนั้นก็คิดสร้างสรรค์สารพัด ไปจนกระทั่งออกนโยบายพัฒนาประเทศ ฉันอ่านแล้วสงสัยว่าตัวเอกพวกนั้นใช้ชีวิตในโลกเก่ายังไง ทำไมถึงได้รู้ว่าตัวเองจะต้องทำอะไร แล้วทั้ง ๆ ที่เป็นเด็กในเมือง ทว่าสามารถประดิษฐ์ของที่ใช้ทุ่นแรงในการทำเกษตรได้อย่างง่ายดาย แต่พอคิดว่าถ้าเกิดทะลุมิติมาแล้วง่อยเกินไป ผู้อ่านน่าจะปาหนังสือทิ้งตั้งแต่บทแรก ๆ ดังนั้นเลยต้องมีความสามารถเยอะ ๆ ไว้ก่อน
แม้ว่าฉันจะไม่ได้มีความสามารถมากเหมือนพวกตัวเอกในหนังสือนิยายทะลุมิติที่เคยอ่าน แต่เรื่องทำสบู่นี่สบายมาก ฉันจำได้ว่าแค่เอาน้ำด่างกับไขมันมาผสมกัน เติมน้ำหอมลงไปก็เรียบร้อย
น้ำด่างนั้นสามารถเอามาจากขี้เถ้าในเตา ส่วนไขมันนั้นสามารถขอเนยจากคันตะมาได้ แม้ว่าจะไม่มีน้ำหอม แต่ส่วนผสมหลักที่ใช้ทำสบู่ก็มีครบ
ฉันนึกภาพตัวเองประดิษฐ์สบู่ส่งขายหารายได้เข้ากระเป๋า ถึงแม้ว่าในโลกนี้จะมีสบู่ ทว่ามีแต่ชนชั้นสูงเท่านั้นที่ได้ใช้ ถ้าได้สบู่ช่วยน่าจะพัฒนาเรื่องสุขอนามัยไปได้มาก
ปัญหาคือฉันจำสัดส่วนไม่ได้
แม้ในอดีตฉันจะเคยทำสบู่ส่งอาจารย์ในวิชางานประดิษฐ์ แต่ก็แค่เดินไปซื้ออุปกรณ์สำเร็จที่บอกสัดส่วนไว้อย่างเรียบร้อย แต่เวลานี้กลับไม่ง่ายแบบนั้น
ฉันตั้งหม้อบนเตา แล้วเอาน้ำลงไปต้ม จากนั้นใส่ขี้เถ้าลงไป กะ ๆ เอาว่าน่าจะประมาณนี้แหล่ะ แล้วก็เทเนยลงไปคน ฉันยืนคนส่วนประกอบหน้าเตาแล้วสงสัยว่าไอ้ที่อยู่ในหม้อนี้จะกลายเป็นสบู่ไปได้ยังไง ดูมันไม่ตกตะกอนเหมือนในความทรงจำของฉันเลยแม้แต่น้อย ฉันจ้องหม้ออยู่พักหนึ่ง ก่อนจะใส่ขี้เถ้าลงไปอีก น้ำกลายเป็นสีดำข้น ๆ ฉันคนอีกพักใหญ่ พักกินข้าวเที่ยง กลับมาดูในหม้อก็พบว่ามีตะกอนสีประหลาด ๆ เกิดขึ้นมา แต่ดูหน้าตาไม่น่าจะเป็นสบู่ได้
พอทำถึงตรงนี้ ฉันก็เพิ่งคิดได้ว่า น่าจะต้องละลายขี้เถ้ากับน้ำ แล้วเอาแค่น้ำด่างมา เลยยกหม้อออกจากเตาแล้วตั้งทิ้งไว้ มองหม้อที่อยู่กลางครัวแล้วฉันก็คิดว่า สบู่นี่มันทำง่ายจริง ๆ งั้นเหรอ ทำไมนางเอกการ์ตูนทะลุมิติทุกคนถึงทำได้อย่างง่ายดายขนาดนั้น
ฉันนั่งทำสบู่อยู่หลายวัน ขอเนยจากคันตะคุงจนเขาบ่นว่าฉันเอาไปกินหรือเอาไปใช้แทนฟืนกันแน่ ฉันเลยสารภาพว่าฉันกำลังทำสบู่อยู่
คันตะคุงมาช่วยดูสบู่ของฉัน พอเห็นแล้วเขาก็ส่ายหน้า บอกว่าทักษะในการทำสบู่ของฉันแย่ยิ่งกว่าทำอาหารซะอีก แล้วบอกว่าฤดูกาลแบบนี้เป็นฤดูที่ไม่เหมาะกับการทำสบู่เลยแม้แต่น้อย เพราะอากาศยังชื้นเกินไป ปกติแล้วฤดูทำสบู่จะเริ่มขึ้นในฤดูใบไม้ผลิ ตากตลอดทั้งหน้าร้อน แล้วถึงเอามาใช้ได้ ฉันทำตั้งแต่ตอนนี้จะได้สบู่คุณภาพแย่ มีกลิ่นหืน แถมยังอาจทำให้ผิวถลอกได้อีก
“คันตะคุง...ทำสบู่เป็นด้วยเหรอคะ?”
ฉันมองเขาอย่างทึ่ง ๆ นอกจากทำอาหารเป็นแล้ว ยังทำสบู่เป็นด้วย
“พี่น่ะทำสบู่ใช้เอง ฉันแค่รู้พื้นฐานเบื้องต้นเท่านั้นแหล่ะ”
ฉันฟังแล้วอึ้งไป การทำสบู่เป็นคุณสมบัติพื้นฐานของนางเอกนิยายสินะ ถึงในเรื่องนี้วาคาบะจังจะไม่ได้ทะลุมิติมา แต่ก็ยังทำสบู่เป็น ช่าง...สมกับเป็นนางเอกของเรื่องจริง ๆ
ในเย็นวันนั้นคันตะคุงขนหม้อสบู่ของฉันจากไป บอกว่าจะลองเอาไปแก้ไขดู วันต่อมาเขาส่งสบู่สำหรับซักผ้าและอาบน้ำมาแทน ฉันมองสบู่เหล่านั้นแล้วสงสัยว่า ถ้าการที่ฉันเข้าไปอยู่ในร่างเรย์กะชาติก่อนคือการเล่นเกมส์แบบอีซี่โหมด เข้ามาอยู่ในโลกนี้คือการเล่นเกมส์อย่างนอร์มอลโหมด แล้วถ้าต้องไปอยู่ในโลกที่เจอวิกฤตการณ์แบบซอมบี้บุกโลก ฉันคงตายไปตั้งแต่เรื่องยังไม่เริ่มแน่นอน
.....
ค้างคา รออ่านทีเดียวดีกว่า...
>>860 อันที่จริงจบ A&A นี่มีแพลนว่าอยากเขียนแนวเกมส์จีบหนุ่ม คือเปิดเรื่องแล้วจบตอนแบบมีตัวเลือก เช่น ให้เลือก ไปกินข้าวบ้านวาคาบะ หรือไปดื่มชากับยูกิโนะ ให้เหมือนเล่นเกมส์จีบหนุ่มจริง ๆ ทำแบบนี้กับทุกตอน ส่วนกติกาก็กติกาเดิมค่ะ ใครเร็วก็ได้เลือกไป ความสนุกคือ คู่ใครไม่รู้ แม้แต่คนเขียนก็ไม่รู้ตอนต่อ หรือรู้ก็แค่ 1-2 ตอนล่วงหน้า
ความจริงกูควรเลิกเขียนเรื่องยาว ๆ ได้ละ เดี๋ยว A&A ถึงตอน 48 จะ hiatus ให้คนอื่นได้ลงกาวบ้าง รอแพรพ กูว่าอีกไม่เกิน 3 วัน กูปั่นถึงจุดหยุด checkpoint แรกชัวร์
เมื่อกี้กูไปอัพเดทสารบัญมา อยากอ่านตอนต่อของฟิคภาคหลังเรียนจบจังเลยค่ะ---
A&A - 35.
คุณภาพชีวิตของฉันดีขึ้นมากตั้งแต่มีสบู่ แต่ปัญหาที่ตามมาคือสบู่กับเส้นผมของเด็กสาวนี่ไม่ถูกกันเลยแม้แต่น้อย สบู่ในโลกนี้แม้จะพัฒนาให้อ่อนโยนกับผิวมากกว่าสบู่ซักผ้า แต่หลังจากสระก็ทำให้ผมแห้งอยู่ดี
โชคดีที่นายตัวสำรองมาเยี่ยมฉันในเช้าวันหนึ่งที่อากาศอุ่นขึ้น ฉันเลยถามเขาไปว่าเขาใช้น้ำมันอะไรทาเสื้อเกราะกับดาบกันสนิม มิซึซากิบอกฉันว่าเขาใช้น้ำมันสน แต่ถ้าฉันอยากได้น้ำมันพืชสำหรับทาผิวไม่ให้แตก น่าจะต้องใช้น้ำมันจำพวกน้ำมันอัลมอนด์มากกว่า
พวกเราคุยกันเรื่องต่าง ๆ ตั้งแต่เรื่องการดูแลของที่เป็นโลหะ เทคนิคในการทำความสะอาดที่พักอาศัย ฉันมอบสบู่ที่คันตะให้นายตัวสำรองไปชิ้นหนึ่งให้เขา นายตัวสำรองดูจะถูกใจมาก แล้วยังอบขนมออกมาเลี้ยงเขาในมื้อน้ำชาตอนเที่ยง แม้จะไม่ค่อยขึ้นฟูเท่าไหร่เหมือนตอนที่อบกับคันตะคุง แต่รสชาติก็ยังโอเคอยู่ นายตัวสำรองเลยสัญญากับฉันว่าจะหาน้ำมันทาผิวมาให้
ฉันค่อนข้างเกรงใจนายตัวสำรองไม่น้อย เพราะเขาทำอะไรให้ฉันหลายอย่าง แต่ฉันหาวิธีตอบแทนเขาได้น้อยเต็มที ก็เลยสัญญาว่าจะตัดเสื้อใส่เล่นให้กับเขา เนื่องจากฉันไปทำงานอยู่ในห้องตัดเย็บเกือบเดือน แม้จะถักลูกไม้ไม่ได้ แต่แค่เสื้อทูนิคน่ะเย็บได้สบายมาก
ฉันขอเขาวัดตัว นายตัวสำรองดูเขิน ๆ หน่อยที่ฉันประชิดตัวเขาแล้วลากสายวัดไปทั่ว ฉันมองเขาแล้วคิดว่าอันที่จริงเขาก็ไม่เลวเหมือนกัน ถึงมิซึซากิจะหล่อไม่เท่าคาบุรากิ รวยไม่เท่า มีอำนาจไม่เท่า แต่นิสัยของเขาก็เป็นผู้เป็นคนมากกว่าคาบุรากิหรือเอ็นโจ อย่างเขาน่าจะมีผู้หญิงมาแอบชอบเยอะ แต่น่าเสียดายที่คนที่เขาแอบชอบดันเป็นนางเอก
เพราะนายตัวสำรอง...ก็เป็นตัวสำรองอ่ะนะ
ฉันไว้อาลัยให้กับชีวิตรักของเขาในใจ ไม่ว่าเขาจะรักใครหรือแอบรักวาคาบะจังต่อไปเรื่อย ๆ ฉันก็จะเป็นกำลังใจให้ ขอแค่เขาไม่ปักธงมรณะให้ฉันก็พอ
วันต่อมาประตูหน้ารั้วถูกเปิดออกอีกครั้ง ฉันแอบตกใจว่านายตัวสำรองช่างทำงานได้รวดเร็วจริง ๆ ฉันยังไม่ได้เริ่มตัดเสื้อให้เขาเลยแม้แต่นิดเดียว ทว่าคนที่อยู่หลังประตูกลับเป็นพี่น้องเอ็นโจ
.....
ตัวสำรองขอเป็นตัวจริง
นายช่างดีต่อใจเหลือเกินนนน
นายตัวสำรองนี่ดีต่อใจจริงๆ😁😁
ทำไมเวลานายตัวสำรองมีบทกุต้องโยงไปหาทีวีไดเร็กฟร่ะ ไอ้น้ำมันขัดเสื้อเกราะนั่นต้องไปต่อหลังเวทีสิบคนแรกมาแน่ๆ
A&A - 36.
ถ้าไม่ติดว่ายูกิโนะคุงทำหน้าดีใจที่เห็นฉัน ฉันคงแกล้งทำเป็นว่าตัวเองไม่อยู่— ไม่สิ ทำอย่างนั้นไม่ได้สินะ เพราะฉันถูกกักบริเวณไว้นี่นา ถ้าขืนฉันไม่อยู่ รับรองเรื่องใหญ่มากแน่ ๆ
“คุณพี่เรย์กะ คิดถึงจังเลยฮะ” ยูกิโนะคุงวิ่งเข้ามากอดขาฉัน อุ...น่ารักเกินไปแล้ว
ฉันโดนรังสีโชตะระดับสิบสาดใส่แล้วรู้สึกมือไม้สั่น ได้แต่ย่อตัวลงไปลูบ ๆ กอด ๆ เขา แต่พอเห็นขายาว ๆ ของเอ็นโจ ก็ลืมไปว่ามารยาทในโลกนี้หากผู้สูงศักดิ์มาเยือน จะต้องถอนสายบัวทำความเคารพ เพราะว่าคราวก่อนฉันยังไม่ได้อ่านหนังสือมารยาทก็เลยเผลอไม่ได้ทักทายเขารึเปล่านะ เอ็นโจถึงจับได้ว่าฉันไม่ใช่คิโชวอิน เรย์กะ
“ขอโทษที่เสียมารยาทนะคะ ท่านเอ็นโจ อรุณสวัสดิ์ค่ะ” ฉันลุกขึ้นถอนสายบัว โชคดีที่วันนี้ใส่กระโปรง เลยสามารถจีบกระโปรงถอนสายบัวได้อย่างงดงาม
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณเรย์กะ” เอ็นโจยิ้มเหมือนคราวก่อนเขาไม่ได้ขู่เอาชีวิตของฉันตรงระเบียงทางเดินมืด ๆ เหมือนกริมม์ “ยูกิโนะ ทักทายคุณเรย์กะดี ๆ สิ อย่าเสียมารยาท”
ยูกิโนะผละออกจากฉันอย่างไม่เต็มใจนัก ก่อนจะกล่าวทักทายฉัน แล้ววิ่งเข้ามากอดขาฉันเหมือนเดิม ซุกไซร้ราวกับลูกหมาตัวเล็ก ๆ ฉันใจละลาย พาเขาเข้าไปนั่งเล่นแล้วเตรียมน้ำชาจากใบมินต์ตากแห้งชุดสุดท้ายที่เหลือจากฤดูใบไม้ร่วง ยูกิโนะคุงไม่ค่อยชอบชามากนัก แต่เขากินขนมที่ฉันอบเองอย่างเอร็ดอร่อย ทว่าเอ็นโจไม่แตะขนมของฉันเลยแม้แต่น้อย ฉันจำได้ว่าในโลกก่อนเขาไม่ชอบของหวาน แต่ไม่รู้ว่าในโลกนี้เขาก็ไม่ชอบของหวานเหมือนกัน หรือแค่รังเกียจฉันกันแน่
ฉันทำเป็นว่าเอ็นโจไม่ได้อยู่ตรงนั้น แล้วเล่นกันยูกิโนะคุงอย่างสนุกสนาน พวกเราเก็บหินสีมาเล่นหมากเก็บ แล้วก็ออกไปกระโดดข้ามเส้นกัน พอเห็นเขาเริ่มหน้าแดง ฉันก็นึกขึ้นมาได้ว่าเขาเป็นโรคหอบหืด ไม่ควรให้ออกแรงมากเกินไป ก็เลยชวนเขาไปนั่งเล่นเล่านิทานในฟังจนกระทั่งย่างเข้าบ่ายแก่
ในระหว่างที่กำลังเล่าเรื่องลูกหมูสามตัว เอ็นโจก็เดินเข้ามาบอกว่าวันนี้พวกเขาต้องเดินทางกลับดินแดนของตัวเอง และจะต้องออกเดินทางแล้ว ไม่อย่างนั้นจะถึงค่ำเกินไป
ยูกิโนะทำหน้าเสียดาย เขาบอกว่าถ้าคราวหน้าเขามาที่วังอีก จะมาเยี่ยมฉันอีกครั้ง เอ็นโจพายูกิโนะคุงขึ้นรถม้า แต่ตัวเองกลับหมุนตัวแล้วเดินเข้ามายืนต่อหน้าฉัน ยิ้มด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนที่ทำให้ฉันถอยกรูด ฉันรู้ดีว่ามันเสียมารยาท แต่สัญชาตญาณเอาตัวรอดของฉันกรีดร้องดังลั่นไปหมดเมื่ออยู่ต่อหน้าธงมรณะหมายเลขหนึ่งอย่างเอ็นโจ
“ขอบคุณนะครับที่วันนี้เล่นเป็นเพื่อนยูกิโนะ” เขาพูดอย่างสุภาพ ทำเอาฉันรู้สึกแปลกใจ “แล้วก็...คุณเหมาะกับชุดกระโปรงมากกว่าจริง ๆ นั่นแหล่ะครับ คุณเรย์กะ”
ฉันมองเอ็นโจที่ขึ้นรถม้าอย่างสง่างาม คิดในใจว่าครั้งหน้าถ้ารู้ว่าวันไหนจะต้องเจอเขา ฉันจะไม่ใส่กระโปรงอีก
.....
กูยังอยู่เรือองค์รัชทายาททททททททท ฮือออออ
หยึยยย สาดเกลือใส่เอ็นโจรัวๆ. นายตัวสำรองช่างดีต่อจัย. ขอให้ได้เป็นตัวจริงของเรย์กะจังน้า~
กูไม่ไว้ใจเอ็นโจเลยยย ยิ้มงี้มีแผนใช่มั้ยยย *สาดเกลือนัวๆ แต่ฟิคนี้นายตัวสำรองดีงามมากกกเลย ถึงจะมีความทีวีไดเรคก็เถอะ 55555
A&A - 37.
ฉันได้น้ำมันทาผิวมาแล้ว เป็นน้ำมันอัลมอนด์ในขวดแก้ว นายตัวสำรองละเอียดอ่อนถึงขนาดใส่กลีบกุหลาบลงไปในนั้นด้วย ทำให้น้ำมันกลายเป็นโรสออยล์สีชมพูน่ารักและมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ฉันประทับใจมาก เลยสัญญากับเขาว่านอกจากเสื้อแล้วจะเย็บกางเกงให้เขาด้วย แต่นายตัวสำรองปฏิเสธ บอกว่าแค่เสื้อก็พอแล้ว
เสื้อของนายตัวสำรองถูกตัดเย็บออกมาอย่างรวดเร็ว ฝีเข็มของฉันไม่เลวนัก ฉันเย็บตะเข็บเสื้อสามชั้นเพื่อให้มันทนทาน ถึงมันเป็นเสื้อทูนิคธรรมดาแต่เขาก็ขอบคุณฉัน แล้วบอกฉันว่าถ้ามีเรื่องเดือดร้อนอะไร ก็ให้บอกเขา เขาจะพยายามช่วยฉันเท่าที่เขาทำได้
ตอนบ่ายอ่อน ๆ ที่ฉันกับเขานั่งเล่นอยู่ใต้ต้นไม้ ฉันเปรยขึ้นมาว่าต้นไม้ฝั่งโน้นมีโต๊ะแล้ว ถ้าต้นไม้ฝั่งนี้มีชิงช้าน่าจะดี นายตัวสำรองเลยอาสาทำชิงช้าให้ฉัน ดูเหมือนว่าเขาจะชอบงานอะไรประมาณนี้มาก พูดวันนี้ อีกสองวันเขาก็มาเยี่ยมฉันพร้อมกับไม้กระดานและเชือก ทำชิงช้าให้ฉันนั่งเล่นสมใจ
ฉันเริ่มมองไปยังบ่อปลา คิดว่าถ้าทำความสะอาดดี ๆ แล้วรอจนหน้าฝน ฉันอาจจะได้บ่อปลาบ่อหนึ่งมาดูเล่น ฉันว่าเลี้ยงบัวหรือพวกปลาเป็นงานอดิเรก แต่ไม่กล้าจับมันมากินอย่างเด็ดขาด แค่คิดว่าตัวเองจะต้องฆ่าปลา ก็รู้สึกเหมือนจะเป็นลมแล้ว
เพราะว่าโปรเจคนี้กว่าจะได้ใช้จริงยังอีกยาวไกล ฉันเลยเงียบเอาไว้ก่อน ขืนใช้มิซึซากิรัว ๆ ถึงจะเป็นคนดีแต่เขาก็อาจจะขยาด และไม่มาเยี่ยมฉันอีกเลย ฉันเลยคิดว่าระหว่างนี้จะพยายามอบขนมให้อร่อยขึ้น ขุนนายตัวสำรองเอาไว้ใช้แรงงานในอนาคตทีเดียว
ในระหว่างนั้น ฉันเขียนจดหมายไปหาท่านพ่อท่านแม่และท่านพี่ และฝากคันตะไปส่งอีกครั้ง คันตะคุงมีสีหน้าลำบากใจ แต่บอกว่าเขาจะพยายาม นอกจากนี้ฉันยังขอสบู่ไปเพิ่ม เพราะขอร้องเขาเยอะแยะ ฉันเลยสัญญาว่าจะปักผ้าเช็ดหน้าให้เขาเป็นการตอบแทน
ตอนที่ฉันคิดว่า อา...ชีวิตอย่างนี้ก็ไม่เลวนะ คุณเมดส่งของก็เอาจดหมายฉบับหนึ่งมาให้ฉัน ฉันตื่นเต้นแทบแย่เมื่อนึกว่าในที่สุดที่บ้านก็ได้รับจดหมายของฉัน และเขียนจดหมายตอบมาแล้ว ทว่าตราสัญลักษณ์บนครั่งปิดจดหมายทำให้ฉันชะงัก
มันเป็นตราประทับขององค์ราชินี
.....
โรสออยยยยยยยยยยยย อ้อยเบอร์ไหนนนนน เรือกูแล่นฉิวมาก ฮือๆ
ปล check pointมาละสินะ สวดให้ทั่นเรย์กะเจ้าค่ะ ถถถ
ส่งจดหมายไปเค้าก็ไม่รับ แต่ที่ไม่อยากสุงสิงดันส่งจดหมายกลับมา
ตื่นเต้นขึ้นเรื่อย
A&A - 38.
ลายมือของมาดามคาบุรากิสวยจนเหมือนพิมพ์ออกมาจากปรินเตอร์ กระดาษที่ใช้ก็เป็นกระดาษหอมย้อมสี เนื้อเนียนละเอียดไม่เหมือนกระดาษที่คนทั่วไปใช้
ในนั้นเขียนระบุไว้ว่า เนื่องจากท่านมาควิสซาวาราบิมีบุตรีที่โตพอจะต้องอบรมเรื่องมารยาทของเลดี้ จึงมีพระประสงค์ให้ฉันพักอยู่ในวังช่วงสั้น ๆ เพื่อช่วยสอนมารยาทให้กับเธอ
ซาวาราบิ...มาโอะจัง?
ฉันมองจดหมายเรียกตัวเข้าวังแล้วมองเห็นเงามรณะจาง ๆ แต่ก็อดทึ่งไม่ได้ว่าช่างเป็นแผนการขัดขวางความรักของคาบุรากิกับวาคาบะจังที่แยบยลยิ่งนัก
ปกติแล้วในโลกนี้ ถ้าบุตรีขุนนางที่อายุถึงเกณฑ์แล้วจะได้รับการอบรมมารยาทจากเลดี้ที่อายุมากกว่า เลดี้เหล่านั้นจะอบรมมารยาทการเข้าสังคม ช่วยเธอจัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ทำความรู้จักกับเด็กผู้หญิงในวัยเดียวกัน ออกงานสังคมเพื่อสอดส่องดูผู้ชายที่เหมาะสมและแนะนำพวกเขาให้กับบ้านของเธอ รวมถึงพาเธอเปิดตัวต่อสังคมเมื่อถึงวัยสมควรแก่การแต่งงานด้วย
แม้ว่าปกติแล้วเลดี้พี่เลี้ยงมักจะเป็นเลดี้ที่แต่งงานแล้ว หรือเลดี้ที่ได้รับการอำนวยยศเพราะติดตามองค์ราชินีมาจนกระทั่งเลยวัยแต่งงาน ทว่าฉันกลับได้รับการแต่งตั้งเป็นพิเศษ นัยหนึ่งบ่งบอกว่าฉันที่เป็นเลดี้ที่ไม่มีโอกาสได้แต่งงาน แต่อีกนัยหนึ่งกลับเปิดโอกาสให้ฉันเข้าใกล้ผู้ชายได้อย่างเปิดเผยโดยไม่ต้องกลัวข้อครหานินทา ดู ๆ ไปแล้วสมกับเป็นความคิดของมาดามคาบุรากิ เพราะดูคาบเส้นอย่างน่าหวาดเสียวกับจารีตสังคม แต่ก็ดูไม่ได้ไม่เหมาะสมด้วย เพราะใครจะเป็นเลดี้พี่เลี้ยงไปได้ดีไปกว่าคิโชวอิน เรย์กะ ดอกไม้ในวงสังคมที่เด่นดังที่สุด
จากเสียงนินทาที่ฉันได้ยินตอนใช้ชีวิตในราชวัง แม้คิโชวอิน เรย์กะ จะเป็นคนอารมณ์ร้ายและชอบกลั่นแกล้งคนที่ต่ำศักดิ์กว่า แต่เธอก็เป็นเลดี้ที่ได้รับการยอมรับไม่น้อย แม้ส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะว่าเธอเป็นบุตรีของดยุก ทว่าใครต่อใครต่างเฝ้าดูว่างานเลี้ยงของเธอจะเป็นเช่นไร เธอใส่ชุดแบบไหน ใส่เครื่องประดับราคาเท่าไหร่ คุยเรื่องอะไร งดงามขนาดไหน โง่เขลาเพียงใด เพื่อที่จะเอามาเลียนแบบบ้าง นินทาบ้าง เรียกได้ว่าคนที่ชื่นชมเธอก็มาก คนที่เกลียดเธอก็มีไม่น้อย แต่เธอคือหัวข้อสนทนาของคนในสังคม และไม่มีใครที่จะไม่รู้จักเธอ
แม้ว่าเธอจะถูกลงโทษให้กักบริเวณ ได้รับความอับอายในงานหมั้นของตัวเอง แต่การเชื้อเชิญจากองค์ราชินีย่อมเป็นใบเบิกทางให้เรย์กะเข้าสู่วงสังคมอีกครั้ง ถึงลับหลังจะต่อต้านไม่ยอมรับ แต่เบื้องหน้าไม่มีใครกล้าไม่ต้อนรับฉันที่เป็นเลดี้พี่เลี้ยง เพราะนอกจากจะเป็นการหยามหน้าตระกูลซาวาราบิ แล้วยังเป็นการตบหน้าพระราชินีโดยตรงด้วย หมากตานี้ถือว่าร้ายกาจยิ่งนัก
ฉันมองจดหมายในมือแล้วรู้สึกหนักใจ นอกจากเหตุผลทางการเมืองแล้ว ฉันที่ไม่มีความทรงจำของเรย์กะในชาตินี้วิตกอย่างหนักว่าจะทำได้ดีรึเปล่า ทว่าถึงจะไม่เต็มใจ แต่พระราชเสาวนีย์ก็คือพระราชเสาวนีย์
ในคืนนั้น รถม้าที่มารับฉันไปยังปราสาทช่างหรูหราโอ่โถง นั่นยิ่งทำให้ฉันประหวั่นใจถึงแผนการของมาดามคาบุรากิขึ้นไปอีก
.....
ท่านพี่ใจร้าย... กูโกรธละ ไปไหนก็ไปเลย แกไม่ใช่ซิสค่อนคนนั้นอีกแล้ว //เรือกูเว้ย เรือกูวววว โครตชิว เรือยูกิโนะก็ยังแล่นแบบชิวๆ 5555555
A&A - 39.
คุณเมดที่มาต้อนรับฉันหน้าประตูวังทำให้ลมหายใจของฉันสะดุด
อันที่จริงฉันควรจะเลิกประหลาดใจได้แล้วตอนที่เจอกับคนรู้จักจากโลกเดิม แต่ภาพเซริกะจังและคิคุโนะจังทำให้ฉันรู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ
ดูเหมือนว่าในโลกนี้เซริกะจังและคิคุโนะจังเองก็เป็นเพื่อนของเรย์กะเหมือนกัน พวกเธอรอรับฉันด้วยสีหน้าดีใจจนแทบกลั้นน้ำตาไม่ไหว ก้มหัวให้ฉันต่ำ ฉันเลยรีบลงไปหาพวกเธอ
เซริกะจังเข้ามาประคองมือของฉัน ส่วนคิคุโนะจังช่วยจับชายกระโปรงของฉัน แม้ว่าชายกระโปรงของฉันจะมีความยาวไม่มากนัก แต่เธอก็ทำเหมือนฉันกำลังใส่ชุดของชนชั้นสูง พวกเธอนำฉันไปจนถึงห้องนอนที่พอเปิดเข้าไป ก็เป็นห้องที่หรูหรากว่าห้องที่ฉันเคยพักในวัง บนพื้นปูพรมหนา มีเตียงสี่เสา มีเตาผิงในห้องนอน ข้างเตาผิงคืออ่างอาบน้ำที่ทำจากทองเหลือง
“ท่านเรย์กะ ฉันคิดถึงท่านเหลือเกินค่ะ” คิคุโนะจังบอก น้ำตาไหลออกมา
“ฉันเองก็คิดถึงท่านเรย์กะเช่นกันค่ะ เพียงแค่คิดว่าท่านเรย์กะต้องอยู่อย่างยากลำบาก ฉันก็รู้สึกเหมือนจะขาดใจ” เซริกะจังร้องไห้
พอเห็นทั้งสองคนร้องไห้ ฉันก็ร้องไห้ออกมา พวกเราร้องไห้กอดกันอยู่ในห้องจนกระทั่งคิคุโนะจังบอกว่าฉันคงเหนื่อยแย่ เลยช่วยฉันอาบน้ำ
แม้ว่าฉันจะรู้สึกไม่สบายใจนักกับการมีคนมาช่วยถอดเสื้อผ้าให้ แต่ก็ต้องฝืนเพราะไม่อยากให้ผิดสังเกต ฉันน้ำตาไหลพรากในใจเมื่อเซริกะจังถอดถึงกางเกงในผูกเชือกของฉัน แล้วจ้องเป๋ง
ฉันที่ไม่รู้จะปิดบนหรือปิดล่างดีได้แต่ยืนท่องบทสวดมนต์ในใจ คิคุโนะจังเองก็จ้องเช่นกัน ก่อนจะถอนหายใจเฮือก แล้วบอกกับฉันว่าถึงจะโดนกักบริเวณ แต่ฉันก็สมกับเป็นท่านเรย์กะที่มักจะมีความคิดแปลกใหม่ในการแต่งตัวเสมอ
“กางเกงชั้นในแบบนี้แปลกดีจริง ๆ ค่ะ ดูกระชับสวยงามกว่ากางเกงในแบบเก่าตั้งเยอะ สมกับเป็นท่านเรย์กะจริง ๆ” เซริกะจังพูด ไม่รู้ว่าพูดจริงหรือแค่ชมเพื่อเอาใจฉันกันแน่ แต่ฉันขยับออกมาแล้วบอกกับพวกเธอว่าฉันจะอาบน้ำเอง
ทั้งสองคนทำท่าไม่เข้าใจ พอฉันบอกไปว่าฉันชินกับการอาบน้ำเองแล้ว ทั้งเซริกะจังและคิคุโนะจังก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง บอกว่าชีวิตของฉันช่างยากลำบากจริง ๆ ฉันบอกพวกเธอว่าให้พวกเธอช่วยอุ่นเตียง กับเติมน้ำร้อนน้ำเย็นก็พอ
เพราะว่าฉันไม่ได้อาบน้ำกลางแจ้ง จึงค่อนข้างทุลักทุเล ฉันใช้ผ้าถูตัวทำความสะอาดร่างกาย ฟอกสบู่แล้วใช้ผ้าสะอาดเช็ดจนฟองหมด ก่อนจะลงไปแช่น้ำอุ่น
ตอนหน้าหนาวฉันได้แต่ต้มน้ำในหม้อเล็ก ๆ ผสมมันกับน้ำเย็นแล้วใช้ผ้าเช็ด เนื่องจากไม่สามารถต้มน้ำจำนวนมากได้ การได้แช่น้ำอุ่นหลังจากที่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากนี่ถือว่าเป็นสวรรค์บนดินจริง ๆ
หลังจากที่แช่น้ำอุ่นจนง่วงแล้ว เซริกะจังก็เอาผ้าเช็ดตัวมาจะซับน้ำบนร่างให้ฉัน แต่ฉันที่แค่เปลือยต่อหน้าพวกเธอก็อายจนไม่รู้จะอายยังไงอยู่แล้วได้แต่ขอผ้าเช็ดตัวมาเช็ดเอง ฉันมองพวกเธออย่างรอคอยว่าเมื่อไหร่พวกเธอถึงจะเอาชุดนอนมาให้ฉัน แล้วก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าคนที่นี่นอนเปลือยกัน
เพราะตอนที่ฉันป่วย ฉันเหงื่อออกค่อนข้างมาก จึงได้รับอนุญาตให้ใส่ชุดนอนได้ แต่ตอนนี้ไม่ได้ป่วย ดังนั้นจึงไม่มีชุดนอนสำหรับฉัน ถึงในห่อสัมภาระจะมีชุดนอนเตรียมมา การที่สตรีชั้นสูงอย่างเรย์กะใส่ชุดนอนหมายความว่าคุณเมดอุ่นเตียงของเธอได้ไม่ดีพอ จึงถือเป็นการตำหนิกลาย ๆ
ฉันน้ำตาไหลพรากในใจอีกครั้งตอนปีนขึ้นเตียง สาวน้อยที่ยังไม่ได้แต่งงานอย่างฉันนอนเปลือยแบบนี้ ถ้าเป็นในโลกก่อนใครรู้เข้าต้องโดนนินทาแน่ เซริกะจัดการเอาอ่างน้ำออกไป ส่วนคิคุโนะจังบอกกับฉันว่าคืนนี้เธออยู่รับใช้ฉันในห้องด้านข้าง แล้วก็หายเข้าไปในประตูบานเล็ก ๆ ซึ่งเป็นที่พักของคุณเมดต้นห้อง
ในคืนนั้นฉันหลับตาลง แล้วคิดว่าก่อนที่จะไปสอนมาโอะจัง ฉันต้องทำตัวให้ชินกับสังคมของที่นี่ให้มากกว่านี้ซะแล้ว
.....
A&A - 40.
เช้าของวันรุ่งขึ้น คิคุโนะจังมาปลุกฉัน ส่วนเซริกะยังยกถาดอาหารเข้ามาในห้อง บอกฉันว่าตอนช่วงสายองค์ราชินีมีรับสั่งให้ฉันไปเข้าเฝ้าดื่มชา
อาหารที่ยกเข้ามานั้นเป็นขนมปังชิ้นเล็กกับผลไม้เชื่อม ฉันทานอาหารเช้าไซส์กระจุ๋มกระจิ๋มอย่างเอร็ดอร่อย แต่รู้สึกไม่อิ่มเลยแม้แต่น้อย
แล้วฉันก็ต้องขอบคุณเซริกะจังที่ไม่ได้ยกอาหารมาให้ฉันเยอะกว่านี้ เพราะตอนที่คิคุโนะจังแต่งตัวให้ฉัน เธอจับฉันใส่เสื้อผ้าฝ้ายตัวใน แล้วเอาคอร์เซ็ตที่ดูเหมือนเครื่องลงทัณฑ์มาใส่ให้ฉัน
“หายใจออกค่ะท่านเรย์กะ พยายามแขม่วท้องให้แบนที่สุด” คิคุโนะจังให้ฉันกอดเสาเตียงเอาไว้ ในขณะที่เธอดึงสายคอร์เซ็ตจนตึงแล้วตึงอีก ถ้าตึงกว่านี้ซี่โครงฉันจะต้องหักแน่ ๆ “ดึงได้ครึ่งนึงแล้วค่ะ อดทนอีกนิดนะคะ ท่านเรย์กะไม่ได้ใส่คอร์เซ็ตมานาน อาจจะรู้สึกอึดอัดนิดหน่อย แต่เพื่อเอวที่เล็กสมส่วน ท่านเรย์กะจะต้องอดทนไว้ค่ะ”
ฉันกรีดร้องในใจ อะไรคือรัดมาถึงแค่ครึ่งเดียว อะไรคือรู้สึกอึดอัดนิดหน่อย อะไรคือเอวที่เล็กสมส่วน ฉันจิกเสาแน่น ลมหายใจถูกรีดออกจนไม่เหลือแม้แต่แรงกรี๊ด เซริกะยืนอยู่ข้าง ๆ ช่วยจับขอบคอร์เซ็ตให้รั้งเข้ามา
อันที่จริง บทลงโทษที่แท้จริงของฉันคือนี่สินะ เอาฉันไปปล่อยในที่ ๆ ไม่ต้องใส่คอร์เซ็ต ให้กินอาหารเต็มที่ไม่อดอยากจนน้ำหนักขึ้น แล้วก็จับฉันยัดใส่คอร์เซ็ตเหมือนเดิม นี่มันบทลงโทษชัด ๆ!
กว่าจะยัดตัวเองเข้าไปในคอร์เซ็ตไซส์มาตรฐานที่ทำออกมาเพื่อรัดเอวของผู้หญิงให้เหลือสิบเจ็ดสิบแปดนิ้ว ฉันก็หมดแรงซะจนจะร่วงลงไปนอนบนเตียงอีกครั้ง
เซริกะจังกับคิคุโนะจังประคองปีกของฉันคนละข้าง ราวกับเคยชินกับการช่วยเหลือเจ้านายแบบนี้แล้ว พวกเธออาศัยตอนที่ฉันตัวอ่อนปวกเปียกยัดฉันลงไปในชุดหกชั้นของสตรีชั้นสูง เกล้าผมด้วยเครื่องประดับหลายชิ้น ฉันปฏิเสธไม่ให้พวกเธอใส่ปอมเมดให้กับฉัน เพราะทนไม่ได้ที่ต้องหัวเยิ้มเหมือนลุงแก่ ๆ ตกยุค พอมองตัวเองในกระจกที่ยังเทออกมาได้ไม่เรียบ ทำให้ส่องไม่ชัดเหมือนกระจกยุคปัจจุบัน ก็เห็นคิโชวอิน เรย์กะในชุดคอคว้านเผยเนินอกแบบที่มีเท่าไหร่ก็โกยออกมาโชว์จนหมด ฉันมองชุดแล้วสงสัยว่าทำไมชุดโชว์โป๊อย่างนี้ถึงไม่ถูกประนาม แต่ชุดผ้าฝ้ายที่ไม่เห็นหน้าอกเลยแม้แต่น้อยกลับถูกบอกว่าไม่เหมาะสม ฉันก้มมองเอวคอดกิ่วของตัวเอง ถึงฉันจะเกลียดพุงแบบทานุกินักหนา แต่เอวคอดจนผิดปกติแบบนี้ก็ไม่ชอบเหมือนกัน
“ท่านเรย์กะจะแต่งหน้าเองไหมคะ?” คิคุโนะจังถาม ฉันส่ายหน้าปฏิเสธเพราะไม่คุ้นกับเครื่องสำอางในถาด คิคุโนะจังเลยแต่งหน้าให้ฉัน เธอเพียงปัดฝุ่นขาวลงบนใบหน้าของฉัน ใช้ฝุ่นสีดำแต้มคิ้ว ปัดแก้มด้วยฝุ่นสีแดง และใช้ออยล์เบสผสมฝุ่นสีแดงทาปาก ฉันมองวิธีการแต่งหน้าในโลกนี้อย่างสนใจ เครื่องสำอางในโลกนี้เป็นแบบเรียบง่าย เทคนิคการแต่งหน้าก็แสนจะธรรมดา ถ้าไม่สวยจริงนี่อย่าหวังได้เกิดเลย
เซริกะจังจะพรมน้ำหอมกลิ่นฉุนให้ฉัน แต่ฉันปฏิเสธไปเพราะขนาดแค่ยกมายังไม่ได้ฉีดลงบนตัว ฉันยังรู้สึกเหมือนจะอ๊อก ไม่รู้ว่ายัยไมฮามะทนได้ยังไง
ไม่ว่ายังไงทั้งสองคนก็ยืนยันว่าฉันควรจะใส่น้ำหอมไป ฉันเลยใช้น้ำมันหอมของมิซึซากิ ทาบาง ๆ ลงบนตัว ยังดีที่หน้านี้ยังคงเป็นหน้าหนาว ถ้าเป็นหน้าร้อน ฉันคงเอาน้ำมันมาละเลงตัวแบบนี้ไม่ไหว
ฉันแอบคิดในใจว่าจะดีแค่ไหนหนอ ถ้าฉันเกิดเป็นเรย์กะตอนที่ยังไม่เข้ารูทมรณะ เพราะจะได้ขอร้องให้วาคาบะจังช่วยทำเครื่องประทินผิวแบบที่ใช้ง่าย ๆ แต่ว่านั่นเป็นแค่ความเพ้อฝัน ฉันเลยจ้องขวดน้ำมัน แล้วตั้งใจว่าจะขอร้องนายตัวสำรองที่ตอนนี้ได้กลายเป็นนางฟ้าแม่ทูนหัวของฉันไปซะแล้ว เพราะเขาน่าจะถนัดเรื่องแบบนี้
หลังจากหลีกเลี่ยงวิกฤตการณ์น้ำหอมกลิ่นฉุนชวนอ้วกไปได้ ฉันก็ไปเข้าเฝ้าองค์ราชินี รู้สึกเสียใจทันทีที่ปฏิเสธน้ำหอมกลิ่นเหม็นของเซริกะจัง
เพราะข้าง ๆ ร่างของมาดามคาบุรากิในชุดกระโปรงสุ่มดันโป่งด้วยกลีบกระโปรงซับใน คือคาบุรากิที่นั่งจิบชาเต๊ะท่าเจ้าชายอยู่
.....
นางฟ้าแม่ทูนหัว 55555 ทำไมรู้สึกน่ารัก
ฟิคนี้กูเชียร์อาริมะจริงๆนะเนี่ย ในเมื่อไม่ถูกจริตชีวิตชนชั้นสูงก็ออกไปใช้ชีวิตแบบสาวชาวบ้านด้วยกันกับท่านหัวหน้าองครักษ์นะคะท่านเรย์กะ
เรืออาริมะกับคันตะแล่นฉิว กูเลือกไม่ถูกกกกกกกกกกกกกกกกก
ใครก็ได้ ยูกิโนะคุงก็ได้นะจ๊ะ ♥
A&A - 41
ฉันถอนสายบัวอย่างชดช้อยงดงามที่สุดให้กับองค์ราชินีและคาบุรากิ เอ่ยทักทายด้วยท่าทางนอบน้อมสุขุม ในขณะที่ในใจกรีดร้อง สาปแช่งคาบุรากิที่เลือกเวลามาหามาดามได้แย่ที่สุด
คาบุรากิเห็นฉันแล้วทำหน้าเหมือนไอ้ที่เขาเพิ่งยกจิบเข้าไปคือน้ำโคลน ฉันมองเขาแล้วยังคงรักษารอยยิ้ม แต่รู้สึกว่าตาไม่ได้ยิ้มไปด้วย
“มาได้เวลาพอดีเลย คุณเรย์กะ ดื่มชาก่อนสิคะ“
เมื่อฉันเดินเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ด้านขวาของมาดาม ซึ่งทำให้ประจัญหน้ากับคาบุรากิโดยเลี่ยงไม่ได้ ถ้วยน้ำชาก็ถูกวางลงตรงหน้า ตามด้วยชาสีทองที่รินลงในแก้ว ฉันยกชาขึ้นดื่ม มันเป็นชาจีนรสชาติขม แต่พอกลืนลงคอแล้วในลิ้นกลับหวานละมุน ถือเป็นชาชั้นเยี่ยมที่บอกให้ฉันรู้ว่า ประเทศนี้น่าจะติดต่อค้าขายกับประเทศจีน หรือไม่ก็ประเทศที่เหมือนก๊อปปี้มาจากจีน
ฉันเอ่ยชมชาที่ได้ชิม มาดามคาบุรากิยกพัดจีบขึ้นปกปากในขณะที่เธอหัวเราะ บอกว่าดีใจที่ฉันชอบ เพราะปกติแล้วฉันดื่มแต่ชาสมุนไพร
คาบุรากิหรี่ตามองฉัน แล้วถามฉันว่ามาทำอะไรที่นี่
ก่อนที่ฉันจะได้เปิดปากตอบ มาดามกลับเป็นคนชิงตอบก่อนว่าเธอเรียกฉันให้มาเป็นเลดี้พี่เลี้ยงของบุตรีท่านมาควิสซาวาราบิ
คาบุรากิมองฉันเหมือนสงสัยว่าคนอย่างฉันเนี่ยนะ จะอบรมมารยาทให้ใครได้
ฉันหลบตาเขา อันที่จริงถ้าไม่นับนิสัย คิโชวอิน เรย์กะ ก็น่าจะเป็นเลดี้พี่เลี้ยงที่ดี แต่ถ้าฉันเป็นแม่ของมาโอะจัง แล้วรู้ว่าลูกสาวของตัวเองจะอยู่ภายใต้การดูแลของผู้หญิงขี้วีนนิสัยแย่ ฉันคงไม่ค่อยเต็มใจส่งเธอมาเท่าไหร่
ดูเหมือนว่ามาดามจะอ่านสายตาลูกชายได้กระจ่างเช่นกัน เธอโบกพัดไปมา “คุณเรย์กะจะต้องเป็นเลดี้พี่เลี้ยงที่แสนวิเศษได้แน่ ๆ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา งานเลี้ยงที่คุณจัดมักจะได้รับคำชมเสมอ ๆ นี่คะ” คาบุรากิจ้องฉันเขม็ง ราวกับจะใช้ตาเลเซอร์ของเขาเผาฉันให้เป็นจุล “คุณเรย์กะมาอยู่ที่นี่ฉันเองก็หายห่วง คุณที่ฉันเห็นมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อยกลับต้องไปอยู่ในแท่นบูชาร้างห่างไกล ทุก ๆ คืนฉันได้แต่เฝ้ากังวลว่าจะมีเรื่องอันตรายเกิดขึ้นไหม เพราะคุณที่เป็นเลดี้ยังไม่แต่งงาน กลับต้องอยู่ในที่แบบนั้นกับทหารที่ไม่ใช่คนของตัวเอง ซ้ำยังไม่มีเมดคอยเฝ้า โชคดีนะคะที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
คราวนี้คาบุรากิสะดุ้งเหมือนโดนตบหน้า ฉันเองก็หน้าซีดไปเช่นกันเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
ขนาดอยู่ในวังที่ประตูห้องล็อคแน่นหนา เลดี้ที่ยังไม่แต่งงานยังต้องมีคุณเมดคอยติดตามและนอนเฝ้าเพื่อไม่ให้มีคนย่องเข้าหา แต่ที่ ๆ ฉันถูกส่งไปนั้นไม่มีแม้แต่กลอนล็อคประตู แม้มียามเฝ้าอยู่ด้านหน้า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ายามคนนั้นไว้ใจได้ ซ้ำทหารยามยังชอบหายตัวไปบ่อย ๆ ดังนั้นจึงไม่มีความปลอดภัยเลยแม้แต่น้อย
ถ้าในวันนั้น คนที่บุกรุกเข้ามาไม่ใช่พวกเด็ก ๆ แต่เป็นพวกผู้ชายที่ประสงค์ร้าย ฉันคงโดนฆ่าข่มขืนไปแล้ว
ตอนนี้ถึงมีคนกล่าวหาว่าฉันไม่ได้เป็นสาวบริสุทธิ์ ฉันก็ไม่สามารถหาใครมาเป็นพยานยืนยันได้ เพราะช่วงเวลาที่อยู่ในแท่นบูชาร้างนั่นสุ่มเสี่ยงจริง ๆ
คาบุรากิที่เมื่อครู่ยังมีสีหน้าอวดดีนิ่งไป มาดามส่งสายตาคมปลาบแล้วยิ้มน้อย ๆ สมกับเป็นมาดามคาบุรากิ เพราะภายนอกแม้เธอจะดูเรียบร้อย แต่เวลาเอาจริงก็ต่อยหมัดเดียวน็อค
มาดามกรีดพัดด้วยท่าทางสง่าแล้วหันมาส่งยิ้มให้ฉัน “ถ้าอย่างนั้นเรามาคุยกันเรื่องการฝึกสอนท่านหญิงจากบ้านซาวาราบิกันเถอะค่ะ”
คาบุรากิไม่ได้มองหน้าหรือพูดกับฉันอีกตลอดเวลาที่ฉันสนทนากับมาดาม พอพวกเราคุยกันจบ เขาก็ขอตัวออกไปจากห้องทันที
มาดามบอกกับฉันว่าถึงคิโชวอินจะตัดฉันออกจากตระกูล แต่ท่านแม่ของฉันได้ขอร้องให้ตระกูลเดิมของเธอรับฉันไว้ในฐานะหลานสาว และเมื่อฉันแต่งงาน พวกเขาจะเป็นคนจ่ายสินเดิมให้กับฉัน
ตอนที่ได้ยินจากริรินะว่าท่านแม่ของฉันเข้าพบองค์ราชินี ฉันก็เริ่มสืบข่าวเกี่ยวกับตนเอง และรู้ว่าตระกูลของท่านแม่ฉันถึงจะอยู่แค่ในลำดับมาควิส แต่ก็เป็นตระกูลที่ร่ำรวยและสนิทสนมกับตระกูลเดิมของมาดามคาบุรากิดี เพราะเหตุผลนั้น ตั้งแต่คิโชวอิน เรย์กะ เกิด เธอจึงถูกวางตัวไว้เป็นคู่หมายของคาบุรากิ มาซายะ รัชทายาทผู้สืบต่อบัลลังก์ และตอนที่เรย์กะเริ่มฝึกเป็นเลดี้ ก็ได้ญาติของมาดามคาบุรากิอย่างคุณโยโกะเป็นเลดี้พี่เลี้ยง
“เรื่องมาซายะไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง” มาดามคาบุรากิประกาศ สีหน้าของเธอมุ่งมั่นจนฉันไม่กล้าบอกว่าถ้าต้องแต่งกับคาบุรากิ ให้อยู่เป็นโสดแห้งเหี่ยวตายยังดีกว่า เพราะอย่างน้อยก็ได้แก่ตาย ไม่โดนใครซักคนปักธงมรณะใส่
ฉันพยายามพูดปฏิเสธอ้อม ๆ แต่เธอส่งสายตาเห็นใจให้ฉัน ราวกับฉันเป็นเด็กสาวผู้ถูกทรยศรัก ฉันที่ไม่สามารถโน้มน้าวเธอจึงได้แต่ร้องไห้ในใจ
.....
รอดูรีแอคชั่นคาบุว่าหลังจากนี้จะมีอาการรู้สึกผิดจนต้องทำอะไรไถ่โทษบ้างไหม...
แต่ผลโหวตdarkนี่ยังทำใจสั่นได้เรื่อยๆ
เออ กูว่า Dark อะดีแล้ว กูเห็นแววว่าจะโดนจับแต่งกับคาบุรากิ จบแบบนี้อะดีแล้ว กูอยากเห็นเจ้าแม่แข็งแกร่ง ใช้ชีวิตต่อไปด้วยตัวเองได้บ้าง อ่านเรย์กะคาบุเยอะมันก็เลี่ยนๆ เปลี่ยนรสชาติชีวิตซะบ้างก็ดี มันคือการบริหารตับ.... อุโฮะโฮะโฮะ
>>895 ใช่ กูชอบผู้หญิงแกร่ง ไม่มีผู้ชายก็อยู่ได้ไม่ง้อ
จริงๆกูไม่ชอบพล็อตประเภทวิญญาณคนอื่นมาสิงร่างนางร้ายที่ทำชั่วไว้มากหรือคนที่ไม่เคยอยู่ในสายตาพระเอก แล้วถูกขับไสไล่ส่ง พอเห็นเขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นดันมาทำหวง พล็อตแบบนี้กูรู้สึกมันไม่แฟร์กับเจ้าของร่างเดิมเลย แต่กูแค่ไม่ชอบอยู่คนเดียวอะเน้อ โม่งฟิคอยากเขียนให้ไปทางไหนก็เขียนต่อไปเถอะจ้า
กูอยากอ่านพล็อตตายแล้วไปเกิดเป็นนางเอกเกมหรือนางเอกนิยายมั่งว่ะ เบื่อพล็อตเกิดเป็นนางร้ายแล้ว และถ้ากูเป็นนางเอกนะ กูจะไม่เอาแค่พระเอกคนเดียวหรอก แต่กูจะตั้งฮาเร็มกวาดผู้ชายทั้งหมดมาเป็นของกู จะเลือกไปทำไมในเมื่อทุกคนก็แซ่บกันขนาดนั้น กูรักทุกคนนนน หรือไม่ก็จะเชียร์ให้พวกเขาได้กันแล้วกูนั่งฟิน//แค่กๆๆๆๆ
>>896 กูนึกถึงอีเรื่องหมอหญิงของส้มขึ้นมาทันที เรื่องนั้นกูยังอ่านไม่จบเพราะความควายของพระเอกนี่ล่ะ
ไม่ใช่อะไร กลัวเรื่องการมุ้งยุ่งการเมืองแล้วจะมีอีเวนท์ประหารสามชั่วโคตรอะไรแบบนั้น...
แต่ก็ชักสงสัยว่าเรย์กะก่อเรื่องอะไรไว้ ร้ายแรงขนาดโดนกักบบบริเวณแถมตัดออกจากตระกูลนี่มันน่าจะเรื่องใหญ่เอาการอยู่
A&A - 42.
เนื่องจากดินแดนของซาวาราบิอยู่ไกล ดังนั้นกว่ามาโอะจังจะเดินทางมาถึง ก็ต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือน ในช่วงเวลานี้มาดามอนุญาตให้ฉันเตรียมการสอน และแพลนปาร์ตี้ที่จะต้องจัดอนาคต เพื่อส่งงบประมาณและให้ตระกูลซาวาราบิเตรียมตัว
การเรียนของมาโอะจังแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือการเรียนตามปกติ โดยเด็กผู้หญิงที่เกิดในตระกูลขุนนางชั้นสูงจะต้องเรียนอ่านเขียนและการคำนวน เพื่อที่เธอจะได้เขียนจดหมาย อ่านบทกวี และจัดสรรเงินในบ้านได้ แต่นั่นถือว่าเป็นเรื่องเล็ก เพราะสิ่งสำคัญของชนชั้นสูงคือความงาม ความสามารถในการจัดงานเลี้ยง การเจรจา และการเป็นที่กล่าวถึง
แม้ว่าสิ่งสำคัญของสตรีชั้นสูงอาจจะดูกลวง ๆ ไปบ้าง แต่เนื้อแท้แล้วไม่ต่างจากภรรยานักธุรกิจและผู้มีอิทธิพลในปัจจุบันเลย
ถ้าเป็นเรย์กะคนเดิม คงจะสอนเรื่องพวกนั้นให้กับมาโอะจังได้อย่างง่ายดาย ทว่าฉันที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกใบนี้เลยนั่งกลุ้มจนแทบเป็นบ้า
ฉันขอให้เซริกะจังกับคิคุโนะจังเอาเครื่องสำอางทั้งหมดเท่าที่พวกเธอหาได้มาให้ฉัน หากเป็นในโลกก่อน ฉันสามารถแต่งหน้าหรือแม้กระทั่งเปิดคอร์สสอนแต่งหน้าเบื้องต้นได้อย่างสบาย ทว่าในโลกนี้ เครื่องสำอางตรงหน้าฉันกลับกลายเป็นของแปลกใหม่
แน่นอนว่าฉันซึ่งเป็น ‘ท่านเรย์กะ’ ที่แสนจะเพอร์เฟคในสายตาของเซริกะจังและคิคุโนะจัง ไม่สามารถจะขอร้องให้พวกเธอสอนการใช้เครื่องสำอางพวกนี้ได้ และจะเผยพิรุธออกไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด
ดังนั้นฉันจึงต้องการตัวช่วย โชคร้ายที่มารีได้รับการคัดเลือกจากคุณหญิงที่มาจากตระกูลบารอนตระกูลหนึ่งให้กลับไปรับใช้เธอเพราะถูกใจอัธยาศัยเปิดเผยน่ารัก จึงไม่สามารถขอความช่วยเหลือได้ ดังนั้นตัวช่วยที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเครื่องสำอาง แต่มีความละเอียดอ่อนพอที่จะให้คอมเมนต์กับฉันได้ อีกทั้งยังคอยช่วยฉันมาเสมอจึงเหลือเพียงคนเดียว
แม้ว่าจะเป็นการไม่สมควร แต่ฉันก็ให้คิคุโนะจังไปส่งจดหมายเรียกนางฟ้าแม่ทูนหัวของฉันให้มาที่ห้อง
.....
A&A - 43.
ทั้งเซริกะจังและคิคุโนะจังไม่เต็มใจนักเมื่อฉันบอกให้เธอปล่อยพวกเราไว้ตามลำพัง แต่พอฉันบอกว่านายตัวสำรองมีงานอดิเรกลับ ๆ คือการแต่งตัวเป็นผู้หญิงออกไปเที่ยวในเมืองโดยที่ฉันเป็นคนแต่งหน้าแต่งตัวให้ ทั้งสองคนก็ยอมหลบไปอยู่ที่ห้องเล็กแต่โดยดี
ต้องขอบคุณอิวามุโระคุงที่ทำให้ฉันคิดข้ออ้างนี้ออกมาได้ นายตัวสำรองทำหน้าเหมือนเด็กสาวมัธยมที่ถูกขังให้อยู่ในห้องเดียวกับลุงโรคจิตหื่นกามทันทีที่เห็นเมดของฉันเข้าห้องเล็ก พอฉันก้าวเข้าไปหาเขาก้าวหนึ่ง เขาก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง พวกเราทำอย่างนั้นจนกระทั่งนายตัวสำรองถอยหลังชนเตียง แต่เขาไม่ได้ร่วงลงไปเหมือนในการ์ตูนที่ฉันอ่าน มิซึซากิถอยชิ่งไปด้านข้างอย่างรวดเร็วเหมือนกระแตบนต้นไม้
”ช่วยอย่าทำท่าเหมือนกับว่าฉันจะล่วงเกินคุณได้ไหมคะ คุณหัวหน้าองครักษ์”
มิซึซากิหน้าแดงจัด ฉันเลยถอยห่างออกมาเพื่อไม่ให้เป็นการคุกคามเขา แล้วบอกเขาไปว่าฉันจะลองวิธีแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางตัวใหม่ แต่ถ้าลองกับหน้าเมดของฉันก็กลัวว่าจะแพ้ เลยมาขอยืมหน้าของเขา
ถ้าเป็นคาบุรากิ คงโวยวายแล้วด่าฉันว่าไปลองกับเขานี่ไม่กลัวเขาแพ้เครื่องสำอางรึไง แต่มิซึซากิที่ฉันแจ้งความประสงค์ว่าเจตนาขอยืมใช้หน้าเขา ไม่ได้จะทำอะไรมากกว่านี้ก็ทำท่าโล่งใจ แล้วบอกฉันว่าถ้าเป็นเรื่องแค่นี้เขาก็ยินดีจะช่วยฉัน แต่เขาต้องไปเข้าเวรในอีกสามชั่วโมง ดังนั้นคงไม่มีเวลามากนัก
แค่สามชั่วโมงก็เหลือแหล่ ฉันให้มิซึซากินั่งเก้าอี้ สวมเสื้อคลุมทับอีกชั้นเพื่อปิดหน้าอกที่เสื้อคว้านจนแทบจะเห็นถึงตาตุ่ม ก่อนจะใช้เขาเป็นหนูทดลองแต่งหน้า
เครื่องสำอางของโลกใบนี้มีพื้นฐานคือเบสที่เป็นแป้ง โรสวอเตอร์ น้ำมันมะกอก กับผงสี ฉันมองเครื่องสำอางเหล่านั้นแล้วภาวนาไม่ให้มันมีปรอท ตะกั่วหรือสารหนู อย่างที่เครื่องสำอางในสมัยก่อนชอบใส่กัน
แม้เครื่องสำอางที่ใช้จะต่างกัน แต่พื้นฐานทางด้านความงามกลับไม่ค่อยต่างกันนัก ในโลกแห่งนี้นิยมผิวขาวเนียน แก้มระเรื่ออมชมพู ดวงตากลมโต คิ้วเข้มเป็นธรรมชาติ และปากสีชมพูหรือสีแดง โดยการแต่งหน้าจะเน้นให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด
ถึงฉันจะทำอาหารไม่เก่ง ทำสบู่ไม่ได้ แต่การเล่นเครื่องสำอางกลับเป็นสิ่งที่ฉันทำมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ในบางครั้ง พวกแบรนด์ต่าง ๆ ก็จะออกเบสและสีออกมาให้ผสมเล่นเอง แม้ว่าเครื่องสำอางที่อยู่ตรงหน้าของฉันจะมีเบสและสีจำกัด แต่ไม่นานนัก ฉันก็ผสมได้อย่างคล่องแคล่ว
ใบหน้าของมิซึซากิที่ปกติก็หน้าตาดีตามสไตล์พระรองอยู่แล้ว ตอนนี้กลับถูกแต่งแต้มให้ยิ่งสมบูรณ์แบบขึ้นไปอีก ฉันมองใบหน้าอาฟเตอร์ของเขาแล้วยกมือแนบแก้ม ความจริงตอนแต่งหน้าอิวามุโระคุงก็สนุกอ่ะนะ แต่ว่าพอได้แต่งหน้าคนสวย ๆ ทำให้สวยเข้าไปอีกนี่สนุกที่สุด!
เห็นเขาแต่งหน้าได้สวย ฉันก็เริ่มล่วงล้ำเข้าไปในโซนที่คิดว่า อา...ถ้านายตัวสำรองใส่กระโปรงจะเป็นไงน้า แต่พอเห็นแขนล่ำ ๆ ของเขา ความคิดบรรเจิดของฉันก็ดับทันที ถ้าเป็นชุดญี่ปุ่นอย่างกิโมโนก็ว่าไปอย่าง แต่ให้ผู้ชายล่ำ ๆ แต่งชุดกระโปรงโรโคโค่นี่ไม่เวิร์คสุด ๆ
หมดเวลาสามชั่วโมง ฉันก็ลบหน้าให้กับมิซึซากิ แล้วขอบคุณเขา เนื่องจากตอนที่รับงานเลดี้พี่เลี้ยงฉันได้รับเงินในทุกคลาสที่สอนมาโอะเป็นค่าธรรมเนียม จู่ ๆ เลยกลายเป็นเศรษฐีนีย่อม ๆ จึงสัญญากับนายตัวสำรองว่าฉันจะพาเขาไปเลี้ยงอาหารเย็นข้างนอกเป็นค่าตอบแทน (ค่าปิดปาก) ที่เขามาช่วยฉันในวันนี้
.....
นายตัวสำรองโคตรน่ารัก ยอมให้เจ้าแม่แต่งหน้าซะด้วย แต่ไม่รู้ทำไม พอเจ้าแม่บอกว่านายตัวสำรองสวย คำว่า เคะ เคะ เคะ ผุดขึ้นในหัวกูไม่หยุดเลย...
A&A - 44.
นอกจากเรียนรู้เรื่องเครื่องสำอาง ฉันยังต้องอ่านหนังสือเรื่องมารยาทต่าง ๆ และธรรมเนียมปฏิบัติทั้งของประเทศนี้ ประเทศอื่น และประวัติศาสตร์อย่างเร็วจี๋ ดีที่เซริกะจังและคิคุโนะจังไม่ได้สงสัยว่าฉันเกิดลืมกฏต่าง ๆ เกี่ยวกับมารยาท แต่กลับคิดว่าฉันเป็นอาจารย์ผู้ทุ่มเท
มาดามคาบุรากิอนุญาตให้ฉันเข้าไปศึกษาในหอหนังสือที่เป็นของราชวงศ์ซึ่งเป็นที่เก็บหนังสือที่สมบูรณ์ที่สุด เพราะว่าอยู่ในหอหนังสือที่ปกติไม่อนุญาตให้คนนอกเข้า ฉันเลยให้เซริกะจังกับคิคุโนะจังนั่งรอที่โต๊ะ ตัวเองจะได้หาหนังสือที่อยากอ่านโดยไม่ต้องกังวลว่าทั้งสองคนจะรู้สึกเบื่อกับการเดินตามฉันรึเปล่า
ตอนที่ฉันปีนบันไดขึ้นลง ก็เริ่มเสียใจว่าน่าจะให้เซริกะจังหรือคิคุโนะจังมาด้วย เพราะชุดเมดกับชุดที่ฉันใส่ความคล่องตัวต่างกันมาก โชคดีที่ชั้นหนังสือที่นี่ไม่สูงมากนัก ปีนบันไดเตี้ย ๆ ก็หยิบถึง
ทว่าในตอนที่ฉันพยายามดึงหนังสือที่ว่าด้วยการใช้สีและความหมายของสัญลักษณ์ต่าง ๆ ในงานเลี้ยงซึ่งเบียดแน่นอยู่ในชั้น หนังสือเล่มข้าง ๆ กลับหลุดออกมาด้วย ฉันที่เห็นกับตาว่าหนังสือจะตกใส่ แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะมือนึงจับขอบชั้นหนังสือ อีกมือนึงจับหนังสือเล่มที่หยิบอยู่ ได้แต่หลับตาปี๋ ก้มหน้าลงรอหนังสือเล่มหนาที่ร่วงลงใส่หัวเพราะใจไม่กล้าพอจะกระโดดลงจากบันได
“อา...อันตรายจังเลยนะ เกือบไปแล้ว”
เสียงทุ้มต่ำนุ่มนวลดังขึ้นจากด้านหลัง ฉันรู้สึกได้ถึงร่างที่แนบเข้ามาด้านหลัง แผ่นอกกว้าง แขนที่ยกขึ้นยันหนังสือเล่มหนาหนักไม่ให้ตกลงมา เมื่อหันไปด้านหลัง ก็ต้องตกใจเมื่อใบหน้าสุขุมอยู่ใกล้แค่ฝ่ามือ
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” อัศวินผู้ช่วยชีวิตของฉันถาม ใบหน้าของเขาอ่อนโยนใจดี หัวใจของฉันเต้นระรัวเมื่อจำได้ว่าเขาเป็นใคร
ในที่สุด ท่านพ่อของคาบุรากิที่เป็นพระราชาก็ปรากฏตัว!
.....
A&A - 45
“บางทีหนังสือบนชั้นก็ติดกัน ได้ยินว่ามีเมดที่บาดเจ็บเพราะโดนหนังสือทับด้วย คุณก็ควรจะระวังไว้หน่อยนะครับ ถ้าจะมาเลือกหนังสือ ก็ควรจะพาเมดมาด้วย”
ฉันที่ตกใจเพราะตัวละครแรร์ไอเท็มปรากฏตัวได้แต่ทำท่าเงอะงะ จนกระทั่งท่านพ่อของคาบุรากิต้องยื่นมือออกมาให้ฉันจับ แล้วประคองลงมาจากบันได
“ขอบพระคุณมากนะคะ” พอยืนได้มั่นคงบนพื้น ฉันก็ถอนสายบัวให้กับท่านพ่อของคาบุรากิทันที ถึงจะเสียมารยาทต่อหน้าเอ็นโจไปครั้งหนึ่ง แต่จะพลาดอีกไม่ได้
ท่านพ่อของคาบุรากิยิ้ม ๆ แล้วตอบรับคำทักทายของฉันอย่างสุภาพเป็นกันเองไม่ถือตัวแม้แต่น้อย นอกจากนี้ยังช่วยฉันหยิบหนังสือ รวมถึงแนะนำหนังสือเกี่ยวกับการเรียนมารยาทและการจัดงานปาร์ตี้ ทั้ง ๆ ที่เป็นผู้ชายแท้ ๆ แต่กลับรู้ดีว่าหนังสือเล่มไหนเป็นหนังสือที่สุภาพสตรีชั้นสูงควรอ่าน ช่างรอบรู้ได้อย่างกว้างขวางอะไรเช่นนี้นะ อีกทั้งถึงจะคอยเอสคอร์ตฉันไปช่วยเลือกและถือหนังสือ แต่กลับไม่มีกลิ่นอายเจ้าชู้เหมือนท่านอิมาริเลยแม้แต่น้อย ช่างเป็นผู้ชายที่สุดยอดจริง ๆ
เซริกะจังกับคิคุโนะจังเหมือนจะเป็นลมเมื่อเห็นว่าใครช่วยแบกกองหนังสือตามหลังฉันมา พวกเธอถอนสายบัวทำความเคารพท่านพ่อของคาบุรากิ พอพวกเรากลับถึงห้อง ก็ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดถามฉันใหญ่ว่าฉันไปเจอกับองค์ราชาได้ยังไง แล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ฉันแอบรู้สึกเหมือนกลับไปยังโลกก่อน แต่เปลี่ยนจากคาบุรากิเป็นท่านพ่อของคาบุรากิเท่านั้น ซึ่งตอนสมัยคาบุรากิ ฉันไม่มีโมเมนต์อะไรให้เล่าถึงเลยแม้แต่น้อย ทว่าพอเปลี่ยนเป็นท่านพ่อ ฉันก็อดเล่าแบบอวด ๆ ไม่ได้ว่าท่านพ่อของคาบุรากิสุภาพอ่อนโยนแค่ไหน เฉลียวฉลาดเก่งกาจแค่ไหน
พวกเราคุยกันจนถึงดึก จนกระทั่งคิคุโนะจังส่งฉันเข้านอน
.....
แปปๆก็900แล้วหรอวะเนี่ย...
900 แล้ว เสนอชื่อกระทู้กันด้วยนะ
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับกาวแห่งโม่งฟิค เมื่อไหร่ท่านฮิโยโกะจะมาต่อกันน้า~ { นั่งนับดาวครั้งที่29 }
กรี๊ดดดดดดดด
มึงงงงงงง โม่งฟิคคคคคค กุทีมท่านพ่อได้มั้ย แงงงงงงง
มาดามป่วยตาย เจ้าแม่ขึ้นเป็นแม่เลี้ยงไซซายะไรงี้
หวก่กสกด่สกวก
ท่านพ่อหล่อมากค่าาาาาท งงงงง
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันที่มีกาวเป็นขนมว่าง (ค้างเติ่งอยู่ตอนที่ 29เก้า มานานแล้วนะคะ...)
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับโม่งฟิคผู้ร่ายมหาเวทย์กาวดึงดาวข้ามจักรวาล [สับสนเรื่องฝันและความจริงรอบที่29]
A&A - 46.
ไม่รู้เป็นเพราะว่าไปเจอเรื่องน่าตื่นเต้นอย่างเกือบโดนหนังสือทับตาย หรือเจอตัวละครลับอย่างท่านพ่อของคาบุรากิกันแน่ แต่ในคืนนั้น ฉันฝันเกี่ยวกับเรื่องของเรย์กะอีกครั้ง
ในตอนนี้เธออยู่ในชุดกระโปรงพองสีเลือดนก รูปร่างดูเป็นสาวขึ้นแต่ยังไม่โตเต็มวัย แบบเสื้อยังไม่คว้านหน้าอกเหมือนอย่างที่ฉันใส่ทุกวันนี้ เธอยืนอยู่บนระเบียงชั้นสามของคฤหาสน์แห่งหนึ่ง ทัศนียภาพในยามตะวันใกล้ลับฟ้าเบื้องนอกงดงามยิ่ง แต่น่าแปลกที่ด้านข้างของสตรีชั้นสูงอย่างเธอไม่มีเมดติดตาม
เมื่อร่างสูงของท่านพี่ที่ยังคงเป็นเด็กหนุ่มก้าวผ่านประตูระเบียง ดวงตาของเรย์กะก็ประกายวาววับทันที เธอยกกระโปรงแล้วก้าวเร็ว ๆ เข้าไปหาพี่ชาย
ท่านพี่มีสีหน้าเคร่งเครียด ดูเหมือนจะต่อว่าอะไรเธอหลายคำ ทว่าไม่รู้ว่าเรื่องอะไรเพราะฉันเห็นแต่ภาพ ไม่ได้ยินเสียงของพวกเขา
ใบหน้าของเรย์กะมีแววเจ็บปวด เธอพยายามเข้าไปเกาะแขนพี่ชายอย่างออดอ้อน แต่เขาสะบัดทิ้งแล้วถอยห่างออกไป ทั้งสองคนพูดคุยกันต่อ ดูเหมือนยิ่งพูด ก็ยิ่งทวีอารมณ์รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
“ความรักของน้อง แม้แต่พระเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ตัดสินหรอกค่ะ!” เรย์กะตวาดลั่น นั่นเป็นคำเดียวที่ฉันได้ยิน เธอดูหัวเสีย โกรธจนหน้าแดงก่ำ น้ำตาพรั่งพรูไหลอาบแก้ม “ท่านพี่น่ะ— ทั้ง ๆ ที่—-”
เสียงของเรย์กะขาดหายไป แต่ปากของเธอขยับพูดต่อ ไม่รู้ว่าเธอพูดว่าอะไร แต่คำพูดของเธอน่าจะรุนแรงมาก เพราะเมื่อฉันหันไปมองทางท่านพี่ ก็ได้เห็นสีหน้าน่ากลัวแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ฉันสะดุ้งตื่น เสียงกรีดร้องจุกอยู่ในลำคอไม่สามารถเปล่งออกมาได้ ร่างของฉันสะท้านเฮือก แต่ไม่ได้ลุกขึ้นมาเหมือนในหนัง ยังคงนอนเบิกตาโพลงในความมืด
ร่างของฉันท่วมไปด้วยเหงื่อราวกับเพิ่งหลุดออกมาจากการออกกำลังกายแบบสปาร์ตันกับคาบุรากิ ฉันกำมือแน่นใต้ผ้าห่ม เพราะนอนเปลือยไม่ได้สวมชุดนอน ก็เลยรู้สึกเหนอะหนะ
ฉันลุกออกจากเตียง คลำทางไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งคว้าเสื้อคลุมที่อยู่มุมห้องมาสวมได้ ก่อนจะงมจุดเทียนในความมืดอยู่นาน พอมีแสงฉันก็ล้างหน้าในอ่างทองเหลือง แล้วมองตัวเองในกระจกอันมืดทึม
เหตุการณ์นั้นดูร้ายแรงกว่าการที่พี่ชายห้ามไม่ให้น้องสาวรังแกเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ความโกรธในดวงตาของท่านพี่ไม่ใช่ความโกรธในระดับที่ธรรมดาเลยแม้แต่น้อย
เรย์กะ...เธอทำอะไรลงไปกันแน่นะ?
.....
A&A - 47 (องค์ราชา ท่านพ่อของคาบุรากิ)
“มีหนังสือใหม่ ๆ เข้ามางั้นหรือคะ” ร่างที่นั่งเอนบนเก้าอี้พักผ่อนถามขึ้นเมื่อพระสวามีก้าวเข้ามาในห้อง
องค์ราชาเดินถือหนังสือเข้ามาเล่มหนึ่ง ก่อนจะนั่งลงอย่างนุ่มนวลสง่างามลงบนเก้าอี้บุนวมตกแต่งอย่างหรูหราอีกตัวที่อยู่ใกล้กัน “ไปดูหนังสือที่มีคนคนแนะนำมาน่ะ เป็นหนังสือเล่มต่อที่น่าประหลาดราวกับถูกเขียนขึ้นจากคนเขียนคนละคน”
”ถ้าเป็นเช่นนั้นน่าจะเสียอารมณ์แย่” คิ้วโก่งเลิกขึ้น มุมปากยังคงประดับด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ
คนถูกถามทำท่าครุ่นคิดครู่หนึ่ง ดวงตาก็วาวระยับเมื่อนึกถึงภาพเด็กสาวตัวน้อยที่ดวงตาเป็นประกาย ตั้งใจฟังเขาเล่าเกี่ยวกับประวัติของหนังสือและนักเขียน ราวกับบุตรชายครั้งเมื่อยังเยาว์ “อา...ไม่หรอก น่าสนุกมากเลยทีเดียว ยิ่งเห็นแล้วก็ยิ่งอยากอ่านมากขึ้น เพราะชวนให้สงสัยว่าเล่มหนึ่งดำเนินเรื่องมาเช่นนั้น เล่มสองจะเป็นเช่นไร”
ร่างบนเก้าอี้พักผ่อนขยับตัว มือเรียวขาวเอื้อมไปวางบนหนังสือเล่มหนา “แน่ใจนะคะว่าเป็นหนังสือชุดเดียวกัน? บางทีอาจจะถูกคนขายย้อมแมวเข้าเสียให้”
องค์ราชาหัวเราะ “เรื่องนั้น...มีคนช่วยดูให้อยู่น่ะ แต่เพราะสำนวนการเขียนที่ต่างกันออกไปจนเห็นได้ชัดแบบนั้น ยิ่งทำให้รู้สึกว่าไม่ใช่ของปลอมแปลงเข้าไปใหญ่”
“อืมม์ จะหนังสือจริง หนังสือปลอมก็ช่าง ขอแค่ใช้ตบแมลงตายได้ ฉันก็พอใจแล้วล่ะค่ะ” องค์ราชินีขยับไปนั่งเบียดกับร่างของพระสวามี แนบหน้าลงไปกับแขนแข็งแรง “จะว่าไปก็ได้ยินเรื่องสนุก ๆ เกี่ยวกับคนขายหนังสือมาด้วย คุณอยากจะฟังไหมคะ?”
แขนคู่นั้นโอบกอดร่างบอบบาง ก่อนที่ริมฝีปากจะแนบกับใบหูขาวละมุน “เรื่องที่เธอเล่า จะเป็นเรื่องไหนก็อยากฟังทั้งนั้นแหล่ะ”
.....
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการสูดกาวฆ่าเวลา (ท่านเอ็นโจส่งยิ้มให้เป็นครั้งที่ 29)
To be continued....
เนื่องจาก A&A ถึงจุด Check point ที่ 1 แล้ว กูจะหายไปซักพักเพื่อให้โม่งฟิคท่านอื่นได้เทกาวออกมาบ้างนะคะ
แล้วพบกันใหม่เมื่อชาติต้องการ
-คันตะบอกว่าเรย์กะโดนลือว่าเป็นแม่มด
-ปกติแล้วชนชั้นสูงแล้วจะโดนโทษหนักขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่อาชญากรรมหนักมากๆก็เรื่องศาสนา
-ความรักที่ท่านพี่ไม่ยอมรับด้วย
หรือว่าเรย์กะปล้ำวาคาบะ!? //อัดกาวอีกสามเฮือก
กูคิดถึงท่านอิมาริ....
กูอยากขึ้นเรือท่านพ่อของคาบุรากิ //ลากกูไปเก็บ
หรือเจ้าแม่ไปรู้ความลับเกี่ยวกับรักต้องห้ามระหว่างท่านพี่กับอิมาริวะ ท่านพี่ที่มองเรย์กะไม่ดีอยู่แล้วเลยหันมาเป็นศัตรูเต็มตัว
หรือว่าเรย์กะคนเดิมจะเล่นคุณไสยวะ คนอื่นก็ลือว่านางเป็นแม่มดด้วยนี่ หรือนางจะวางยาพิษ?
เสนอ
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการรอคอยให้ท่านฮิมาต่อพร้อมกับการเปิดตัวพระเอกที่เหล่าโม่งกำลังสับสน [การย้ายเรือไปมารอบที่29จากการเมากาวของเหล่าโม่งฟิค]
เสนอ ฮาเร็มเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรัน สูดกาวไปด้วยกันกับโม่งฟิก [ลุ้นให้จบด้วยแทคเลิฟครั้งที่ 29]
ปิดโหวตที่ 980 เหมือนเดิมดีมั้ย
แท้งกิ้วโม่งฟิก
ขอแบบ dark เช่นให้เรย์กะตัวจริงชอบท่านพี่ จนเข้า dark mode ไม่ได้ชอบคาบุไรงี้
ฮือขอโทษค่าเห็นแทคเลิฟไม่ได้จริงๆมันกะแทกใจเหลือเกินTT
โอ้โห... เนียนจริง
ดูผ่านๆนึกว่าคนละคนอ่ะ5555
อิเนียนนน
กูจะนับคะแนนแล้วนะ รอแปป
>>915 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับกาวแห่งโม่งฟิค เมื่อไหร่ท่านฮิโยโกะจะมาต่อกันน้า~ { นั่งนับดาวครั้งที่29 }
= 0
>>917 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันที่มีกาวเป็นขนมว่าง (ค้างเติ่งอยู่ตอนที่ 29เก้า มานานแล้วนะคะ...)
= 0
>>918 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับโม่งฟิคผู้ร่ายมหาเวทย์กาวดึงดาวข้ามจักรวาล [สับสนเรื่องฝันและความจริงรอบที่29]
= 7
>>922 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการสูดกาวฆ่าเวลา (ท่านเอ็นโจส่งยิ้มให้เป็นครั้งที่ 29)
= 0
>>942 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการรอคอยให้ท่านฮิมาต่อพร้อมกับการเปิดตัวพระเอกที่เหล่าโม่งกำลังสับสน [การย้ายเรือไปมารอบที่29จากการเมากาวของเหล่าโม่งฟิค]
= 11
>>943 ฮาเร็มเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรัน สูดกาวไปด้วยกันกับโม่งฟิก [ลุ้นให้จบด้วยแทคเลิฟครั้งที่ 29]
ขอตัดคะแนนโหวตซ้ำออก เหลือ 6 คะแนน
สรุป >>942 ได้เป็นชื่อกระทู้ใหม่
เปิดวาร์ป >>>/webnovel/6114/
จากนี้เชิญวิ่งควายกันได้ตามสบาย
กูเสพกาวเข้าไปมากขนาดนี้ละ เดทของจอมมารอยู่ไหนวะ ฮรือๆๆ
เราควรจะหาเรื่องเป็นมงคลคุยตอนปิดมู้นะ คุยเรื่องไรดีวะ
ไม่แน่นะ คนแต่งเขาคงเห็นว่านักอ่านไม่ค่อยชอบพระเอกของเรื่องนี้ (คาน) เลยหยุดเขียนต่อซะเลย
พูดขนาดนี้ที่สับสนกันคือจะลงเรือฟู๊ดซังหรือคานซังดีสินะะะ
ไม่ลงเลยได้ไหม ฮืออออ ฟู้ดซังนี่จัดในเฟรนด์โซนพอ ส่วนคานซังนี่เลิกคบเห๊อะ
ท่านอิมาริ × ท่านพี่ = คู่รักที่แท้จริงของเรื่อง นี่ไงล่ะ tag love จงเจริญญญ
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.