อย่าใจร้ายกับท่านเรย์กะเลย / จดหมายท่านพี่ยาวยืดกว่าท่านพ่อท่านแม่ 55
Last posted
Total of 1000 posts
อย่าใจร้ายกับท่านเรย์กะเลย / จดหมายท่านพี่ยาวยืดกว่าท่านพ่อท่านแม่ 55
โอ๊ย กุมใจแบบ หวังว่าท่านพี่โลกนี้พอได้จดหมายจะใจดีนะ กูกลัวว่าท่านพี่จะหาว่าน้องตอแหลด้วยความไม่ชอบน้องอยู่แล้วนี่สิ
A&A - 16.
หลังจากที่คันตะคุงไปส่งจดหมาย เขาก็หายไปและส่งคุณเมดคนเดิมมาแทน
ฤดูหนาวกำลังจะใกล้เข้ามาแล้ว ฉันมองพืชในสวนที่แห้งเหี่ยว ในตอนนี้ที่นั่งด้านหน้าหนาวเกินกว่าที่จะออกไปนั่งอีกแล้ว ฉันเลยได้แต่อุดอู้อยู่ในบ้าน
คุณเมดบอกว่าหลังจากนี้หิมะจะตก เธอจึงขนเสบียงจำนวนมากมาให้ฉัน แบบที่สามารถกินไปได้อีกทั้งฤดูหนาว เผื่อว่าหิมะตกแล้วการสัญจรถูกตัดขาด นอกจากนี้ยังขนฟืนมาให้อีกจำนวนหนึ่ง บอกว่าจะขนมาให้อีกเรื่อย ๆ
ทว่าหิมะกลับตกลงมาซะก่อน
ฉันมองกองฟืนแล้วรู้สึกเป็นกังวล ฟืนจำนวนแค่นี้ใช้ไม่ถึงสองสัปดาห์ก็หมดแล้ว ฉันหวังว่าทางจะไม่แย่นักและคุณเมดจะขนฟืนมาให้ฉันได้อีก
แต่หิมะกลับตกไม่หยุด คุณเมดไม่ได้ปรากฏตัวอยู่ที่หน้าประตูรั้วของฉัน แม้แต่ยามเฝ้าด้านหน้าก็หายไปด้วย
ฉันนั่งตัวสั่นอยู่หน้าเตาผิง พยายามใช้ฟืนเท่าที่จำเป็นเพื่อประหยัดฟืนให้ใช้ได้ยาวนานที่สุด อากาศเลวร้ายลงจนกระทั่งผิวบนร่างแทบไม่รู้สึกอะไรในขณะที่ความหนาวเสียดแทงในกระดูก ฉันขดตัวเข้าใกล้กองไฟ ผ้าในบ้านมีกี่ผืนก็ห่มบนร่างจนหมดสิ้น แต่ฉันมีข้าวของไม่เยอะมาก นอกจากชุดผ้าฝ้ายบาง ๆ สองชุดที่ใส่สลับกัน ก็มีเสื้อหนาว และผ้าห่มที่ทำจากกระโปรงกำมะหยี่
ฉันนอนขดจนกระทั่งหลับไป และตื่นขึ้นมาอีกทีเพราะทนหนาวไม่ไหว พอตื่นขึ้นมาปุ๊บ ฉันก็ไอโขลก ๆ อย่างแรง
ลำคอที่ปวดบวมทำให้ฉันกังวลว่าตัวเองจะเป็นหวัด เลยดื่มชาสมุนไพรลงไปเป็นจำนวนมาก หิมะยังคงตกลงมาไม่หยุด และในบ่ายวันนั้น ฉันก็ไข้ขึ้น
ในโลกก่อน ฉันไม่ค่อยได้ป่วยจริงจัง และถึงจะป่วย แค่ไข้ขึ้นนิด ๆ ไอหน่อย ๆ ท่านแม่ก็รีบพาฉันไปหาหมอแล้ว ในตอนนี้ฉันไม่หวังว่าตัวเองจะได้เจอหมอ ขอแค่แอสไพรินเม็ดเดียวก็พอ หรืออย่างน้อยก็ให้ห้องอุ่นขึ้นกว่านี้
ฉันลากสังขารตัวเองขึ้นมาจุดไฟ แล้วพยายามกลืนขนมปังแข็ง ๆ ที่บาดคอกับชีสลงไปให้มากที่สุด ฉันรู้ดีว่าตัวเองจะต้องสะสมพลังงานเพื่อไว้ใช้ต่อสู้กับความหนาว แต่ร่างกายที่กำลังป่วยไม่อยากกลืนอะไรลงไปแม้แต่อย่างเดียว
ฉันคิดถึงซุปร้อน ๆ เลยเอาขนมปังกับชีสลงไปต้ม รสชาติของมันไม่ดีอย่างที่คิดไว้ แต่ก็ไม่เลวนัก ขนมปังนิ่มลง ชีสก็น่าขยะแขยงน้อยลง กินจนกลืนไม่ลง ฉันก็คลานกลับไปยังห้องโถงด้านหน้าเพื่ออังไฟ
ฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยความรู้สึกว่าฉันกำลังป่วยอย่างหนัก ไอจนปอดแทบหลุด หัวของฉันร้อนเป็นไฟ แต่ร่างกายหนาวจนเหมือนเนื้อจะหลุดจากกระดูก ฉันปวดหัวจนร้องไห้ออกมา นั่นยิ่งทำให้แย่เข้าไปใหญ่เพราะนอกจากจะปวดหัวแล้วยังหายใจไม่ออก
ฉันหลับตาอีกครั้ง สติเลื่อนลอยจนคิดสงสัยว่าท่านพี่จะกลับบ้านมาเมื่อไหร่ ฉันอยากจะให้ท่านพี่ลูบหัวแล้วบอกฉันว่าแค่กินยาพักผ่อนตามที่หมอบอก อีกไม่นานฉันจะดีขึ้น อยากให้ท่านแม่และท่านพ่อร้อนใจ เรียกหมอให้มาดูอาการฉันอีกครั้ง แต่แล้วเสียงไม้ถูกไฟเผาแตกเปรี๊ยะก็ปลุกฉันจากความฝันนั้น
ในโลกนี้ ฉันไม่ใช่คิโชวอิน เรย์กะอีกแล้ว แต่เป็นแค่เรย์กะ นักโทษที่ถูกจองจำเท่านั้น
.....
ท่านพี่ของน้องงงงงงงงงงงงงงงงง ท่านพี่โปรดมาดูท่านเรย์กะที
A&A - 17.
ฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้งในสถานที่ที่ไม่รู้จัก
คอของฉันบวมอักเสบจนแค่กลืนน้ำลายยังเจ็บ ตาพร่าเบลอ ฉันพยายามมองไปรอบ ๆ สงสัยว่าที่นี่เป็นที่ไหนกันแน่
เสียงของคนคุยกันดังมาเข้าหู แต่กลับไม่เห็นใคร ข้าง ๆ ฉันมีคนอื่นที่นอนหลับอยู่บนเตียงที่เรียงต่อกันเป็นแถบ ฉันมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง มองโถที่เรียงรายอยู่บนชั้น ฟังเสียงไอโขลก ๆ ของคนอื่น แล้วก็ประมวลผลว่าที่นี่คือห้องพยาบาล
เสียงพูดคุยหยุดลง ตามมาด้วยเสียงฝีเท้า และร่างในชุดเกราะเงินก็โผล่พ้นมุมห้องออกมา
นายตัวสำรองมองมาที่ฉันอย่างแปลกใจ ก่อนจะเดินเข้ามาหาฉัน ฉันจะเอ่ยทักทายเขา ถามเขาว่าฉันมาที่นี่ได้ยังไง แต่เสียงกลับไม่ออกมาแม้แต่น้อย
“เป็นยังไงบ้าง?” มิซึซากิถาม ฉันพยายามจะตอบ ทว่าส่งได้แต่เสียงครืด ๆ เครือ ๆ เขาเลยบอกให้ฉันพักผ่อน
ฉันนอนลง คิดอยากจะถามเขาว่าใครเป็นคนพาฉันมาที่นี่ แต่ก็หลับไปก่อน
ฉันหลับ ๆ ตื่น ๆ ในห้องพยาบาลของพวกคุณเมดอยู่นานหลายคืน เพราะฤดูนี้อากาศหนาวรุนแรง คนที่เข้ารับการรักษาจึงมีมากกว่าปกติ บางเตียงถึงขนาดต้องนอนเบียดกันสองคน แต่ฉันกลับครอบครองเตียงไว้คนเดียว
เมื่อฉันรู้สึกดีขึ้นจนสามารถถามนายตัวสำรองที่มาเยี่ยมด้วยเสียงแหบ ๆ ได้ เขาก็เล่าให้ฟังว่าไปเจอคนที่เข้าเวรเฝ้าฉันนั่งดื่มเหล้าอยู่แถวหน้าประตูวัง เลยลงโทษทางวินัยกับนายทหารคนนั้น เพราะได้ยินว่าคุณเมดของคันตะคุงฝากให้เขาเอาฟืนมาให้ฉัน แต่ถ้าเขาไม่ได้มาเฝ้า ฟืนก็มาไม่ถึง มิซึซากิเลยมาดูฉัน พอเรียกอยู่นานไม่มีใครตอบ ก็ถือวิสาสะเข้ามาในบ้านและเจอฉันป่วยหนัก
ฉันขอบคุณเขา รู้สึกซาบซึ้งที่เขาห่วงใยฉันถึงขนาดนี้ เขาถอนหายใจ แล้วบอกว่าเขาอบรมวินัยทหารย่อหย่อน ฉันเลยต้องรับเคราะห์ไปด้วย
ฉันบอกเขาว่าไม่เป็นไร ฉันดีขึ้นแล้วและอยากออกจากห้องพยาบาลเพราะสงสารคุณเมดที่ต้องนอนเบียดกันถึงเตียงละสามคนแล้วในตอนนี้ ถ้าฉันออกไป ห้องพยาบาลน่าจะว่างขึ้น
เขาบอกฉันว่าฉันยังไม่หายดี ถ้ากลับไปตอนนี้จะต้องป่วยอีกแน่ เขารู้ดีกว่าห้องพยาบาลแน่น และจะหาทางช่วยฉัน
ในคืนนั้น มิซึซากิมาเยี่ยมฉันอีกครั้ง พร้อมกับแจ้งข่าวว่าฉันได้รับอนุญาตให้ย้ายไปอยู่ในห้องพักสำหรับแขกขุนนาง เพื่อที่ฉันจะได้ไม่กินพื้นที่ในห้องพยาบาล และมีหมอที่คอยดูแลขุนนางมาตรวจรักษา
.....
กราบตีนนักอ่าน A&A ทุกท่าน
ตอนนี้กูกำลังปั่นงานอยู่ แต่เลือกไม่ได้ระหว่างดำเนินเรื่องแบบ Light mode กับ Dark mode กูจึงมาถามว่าาอยากอ่านแบบไหนกัน มีนิยามสั้น ๆ แค่
Light mode = Shojo, Slice of life
Dark mode = Plot, Warning content
เดี๋ยวเที่ยงตรงมาดูผลโหวต (จะมีคนมาโหวตไหมวะ ถ้าไม่มี เลื่อนรอบไป 16.00) แล้วลงตอนต่อไปในอีก 13.00
by โม่งฟิก
กูรู้สึกว่าหาความโชโจในฟิคนี้ไม่เจอเลย ครอบครัวก็ไม่แยแส ใช้ชีวิตก็ลำบาก เพื่อนก็ไม่มี คันตะกับอาริมะที่เหมือนจะพึ่งได้ แต่ก็คงไม่ได้ไว้ใจนางขนาดนั้นเพราะคงไม่เชื่อว่าจะกลับตัวได้ แถมตอนนี้มีชีวิตรอดไปวันๆก็ดีแล้ว รักเริกอะไรไม่ต้องสนใจหรอก เป็นโอชินสู้ชีวิตดีกว่า
โหวต dark ค่ะ
>>689 คือกูไม่รู้ว่ามัน light หรือ dark อะ แต่กูไม่อยากให้ครอบครัวนางมาเกี่ยวข้องเลย แล้วอีทหารยามหน้าบ้านเจ้าแม่อะ ลงโทษแม่งหนักๆ กูเห็นหลายรอบละ กูว่าเจ้าแม่ในฟิคโคตรทรหด ไม่น่าจะ slice of life ได้ละอะ แต่ประเด็นคือไม่นิยมพวกดราม่าเท่า ไหร่ T^T เอาเป็นว่าขอให้ happy ending เถอะนะมึง
light เหอะ ท่านพี่กลับมาช่วยที
กูโหวต dark ไหนๆจะบัดซบแล้ว กูอยากให้นางแข็งแกร่ง แล้วไปให้สุด สลัดคราบอ่อนแอทิ้งไปซะ
อยากได้ dark แบบมีแสงสว่างที่ปลายทาง ไหนๆก็มาทางนี้แล้วไปให้สุดเลยก็ดีเหมือนกัน
Dark อีกหนึ่งเสียง มาขนาดนี้แล้ว
Lightหน่อยได้ไหม หรือdarkแบบไม่tragedy เว่อได้ไหมเจ้าคะ 5555 อยากเห็นทั่นเรย์กะมีความสุข
โหวต dark แต่สุดท้ายอยากให้เจ้าแม่มีความสุขจริงๆซักทีค่ะ😂😂
Lightละกัน เรื่องเลิฟๆนี่คานซังได้แต่มองห่างๆแล้ว ให้ชีวิตด้านอื่นดีบ้างเถอะ
ปิดโหวต สรุปได้ Dark side แต่ระหว่างทางนี่ถ้าเจ้าแม่เป็นตัวเดินเรื่อง น่าจะมีความ Light ผสมค่อนข้างมาก แต่ก็ยังคงดำดิ่งสู่ธีมดาร์กตามท้องเรื่อง
มี Warning content แต่ไม่บอกว่าอะไร บอกอย่างเดียวคือกูเตือนมึงแล้วนะคะซิส
ขอบคุณสำหรับเสียงโหวต
โม่งฟิค
A&A - 18.
แม้ว่าห้องนั้นจะถูกตกแต่งอย่างเรียบ ๆ ไม่ได้เสี้ยวของห้องนอนในโลกเก่า แต่หัวใจของฉันกลับเต็มไปด้วยความปิติจนกระทั่งกังวลว่าฉันกำลังฝันไปรึเปล่า
หลังจากนอนเตียงไม้กระดานมานาน พอได้นอนเตียงที่อัดด้วยใยฝ้ายฉันก็รู้สึกว่านี่คือความฝัน ในห้องอุ่นจัดจนไม่ต้องนอนขดตัวฟันสั่นกระทบกับกึกกึก ฉันได้รับชุดสำหรับผลัดเปลี่ยนสามชุด มันเป็นชุดผ้าเบาบางเหมาะสำหรับการถอดออกเช็ดตัวเพื่อลดความร้อน ปกติแล้วคนที่นี่นอนเปลือยกันบนเตียงเพราะที่นอนถูกอุ่นด้วยถ่านร้อน แต่ฉันอาจจะเหงื่อออกมาก เลยต้องสวมชุดเอาไว้
คุณเมดประจำห้องปฏิบัติต่อฉันอย่างสุภาพ เธอช่วยเปลี่ยนผ้าปูที่นอน เอาหม้อถ่านอุ่นเตียง เช็ดตัว และยกซุปมาให้ฉัน ฉันนอนบนเตียงแล้วถอนหายใจ
หลังจากที่พักรักษาตัวเกือบสามสัปดาห์ ฉันก็หายดี แต่การคมนาคมแย่ลงมากจนกระทั่งแขกที่มาเยือนทั้งหมดติดอยู่ในวัง ดังนั้นเพื่อเป็นการประหยัดฟืนที่จะต้องแบ่งสรรปันส่วนไปให้ฉัน ซ้ำการขนส่งเป็นไปได้อย่างยากลำบาก ฉันเลยได้รับอนุญาตให้อยู่ในวังต่อ
หลังจากที่ฉันหายดี มิซึซากิก็มาเยี่ยมฉัน ฉันเปลี่ยนกลับไปใส่เป็นชุดผู้ชายอีกครั้ง แม้จะดูแปลกตาในสถานที่อย่างวังหลวง แต่ก็ดีกว่าชุดบาง ๆ ที่ได้รับมา
“ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์ช่วยฉันเอาไว้”
ฉันบอกมิซึซากิ รู้สึกอยากจะขอบคุณเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถ้าไม่ได้เขา ฉันคงตายไปแล้ว
มิซึซากิยิ้มน้อย ๆ บอกว่าหน้าที่ของอัศวินคือการปกป้องแผ่นดินและบรรดาเลดี้อยู่แล้ว ฉันมองเขาแล้วคิดว่าเขานี่ช่างไม่ต่างจากในโลกก่อนเลยแม้แต่น้อย ฉันขอบคุณเขาอีกครั้ง และบอกว่าถ้ามีโอกาส จะตอบแทนเขาอย่างแน่นอน
“อา...อย่าพูดอย่างนั้นเลย” มิซึซากิบอก “ถ้าจะขอบคุณ ไปขอบคุณท่านเอ็นโจดีกว่า”
ฉันมองเขาอย่างประหลาดใจเมื่อชื่อของเอ็นโจโผล่ขึ้นมา มิซึซากิบอกว่าคนที่อนุญาตให้ฉันเปลี่ยนจากห้องพยาบาลของคุณเมดเป็นห้องส่วนตัว และอยู่ต่อหลังจากที่หายป่วยแล้วคือเอ็นโจ
.....
A&A - 19.
เพราะมิซึซากิประเมินว่า กว่าหน้าหนาวจะผ่านพ้นจนกระทั่งสามารถกลับไปยังที่คุมขังของฉันและอยู่ที่นั่นอย่างไร้ฟืนให้ความอบอุ่นได้โดยหนาวตายก็อีกสองเดือน ฉันจึงบอกเขาว่าจะช่วยงานในราชวังเป็นการตอบแทน
เขามองฉันแล้วทำหน้าตกใจ ฉันบอกเขาว่าในตอนนี้พวกขุนนางติดอยู่ในวัง คุณเมดน่าจะยุ่งกันมาก ฉันเลยอยากช่วยงานพวกเธอ ถึงจะเป็นงานทำความสะอาดก็ไม่เป็นไร
นายตัวสำรองส่งฉันให้ไปอยู่ภายใต้การดูแลของพ่อบ้านใหญ่ในวังหลวง สีหน้าของเขาไม่ชอบใจอย่างรุนแรง แต่เพราะว่ามิซึซากิขอร้อง ก็เลยต้องรับฉันไว้
งานแรกของฉันคือการทำความสะอาดห้องน้ำ
ห้องน้ำในวังหลวงเป็นห้องน้ำรวมแบบแยกชายหญิง ยกเว้นแต่เชื้อพระวงศ์เท่านั้นที่จะมีห้องน้ำเป็นของตัวเอง คุณเมดที่ทำความสะอาดคู่กับฉันเป็นคุณเมดที่นิสัยดีมาก เธอชื่อมารี ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นคุณเมดที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ก็เลยไม่เคยได้สัมผัสกิติศัพท์ของคิโชวอิน เรย์กะ และคิดว่าฉันเป็นคุณเมดรุ่นน้องของเธอ
ในห้องน้ำแบบโบราณไม่มีชักโครกปิดประตูมิดชิด ที่นั่งขับถ่ายแต่ละอันซอยแยกเป็นซอง ๆ ด้านหน้าเปิดโล่ง ใช้ระบบชักน้ำรวม เพราะว่าการใช้แต่ละครั้งไม่ได้ถูกชักน้ำทันที ห้องน้ำก็เลยค่อนข้างมีกลิ่นไม่พึงประสงค์นัก แต่ก็ยังสะอาดกว่าในยุคกลางที่ฉันเคยอ่านว่าทิ้งเศษซากอารยธรรมสิ่งขับถ่ายรอบ ๆ กำแพงปราสาท หรือถ่ายกันในทุ่งแบบไม่คิดจะกลบฝังหรือทำห้องน้ำ ฉันพยายามกลั้นหายใจ แต่ดูเหมือนว่ามารีจะชินแล้ว พวกเรามีแปรงด้ามยาวกันคนละอัน หน้าที่ของพวกเราคือเข้ามาชักน้ำให้ไหลพาเอาของเสียลงไปในท่อ และทำความสะอาดในห้องน้ำ
การทำความสะอาดห้องน้ำนั้นเป็นเรื่องที่ต้องใช้แรงงานอย่างหนัก เพราะพวกเราไม่มีน้ำยาล้างห้องน้ำที่ราดทิ้งไว้แล้วจะกัดคราบบนพื้นจนขาวสะอาด ฉันกับมารีใช้แปรงยาวแปรงกันอยู่นาน ดีที่ในห้องน้ำมีระบบประปา ก็เลยไม่ต้องหิ้วน้ำทำความสะอาดกัน ไม่งั้นฉันคงเป็นลมไปซะก่อน
พอเสร็จงาน มารีก็เอ่ยปากชมฉัน บอกว่าฉันเป็นคนแรกที่ไม่อู้งาน เมดรุ่นพี่ไม่ยอมทำงานขัดห้องน้ำ ส่วนเมดในรุ่นราวคราวเดียวกับเธอชอบอู้ และมักจะทิ้งงานให้มารีทำคนเดียวบ่อย ๆ มารีชอบฉันมากจึงชวนฉันไปอาบน้ำและทานอาหารเย็นร่วมกัน และนั่นก็เป็นครั้งแรกตั้งแต่มาที่นี่ที่ฉันได้ทดลองใช้ระบบประปาในการอาบน้ำ ระบบประปาและระบบน้ำทิ้งของโลกนี้พัฒนาไปมากกว่ายุคกลางมาก มารีเล่าให้ฉันฟังว่าถ้าเป็นห้องอาบน้ำของเชื้อพระวงศ์หรือขุนนางชั้นสูง แม้แต่ก๊อกแยกน้ำร้อนน้ำเย็นก็ยังมี แต่ถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดาที่อยู่ในเมือง ยังต้องใช้ประปาสาธารณะกันอยู่
ฉันแอบโล่งใจที่อย่างน้อยเซ็ตติ้งของโลกนี้ ระบบสาธารณสุขก็ดีกว่าในยุคกลางจริง ๆ มาก มิน่าฉันเลยไม่ค่อยได้กลิ่นจากตัวของคนรอบข้าง แม้ว่าคุณเมดจะไม่ได้อาบน้ำกันทุกวัน แต่มารีเล่าว่าเจ้าชายคาบุรากิต้องอาบน้ำทุกวัน หนำซ้ำถ้าเป็นหน้าร้อน ยังเปลี่ยนเสื้อผ้าวันละสามชุดเพื่อไม่ให้ตัวสกปรกอีกต่างหาก ดูเหมือนคาบุรากิอยู่ที่ไหนก็ยังเป็นคาบุรากิที่ทำตัวเว่อร์เหมือนเดิม
คืนนั้นฉันหลับเป็นตาย สงสัยว่าหนึ่งในบรรดาขุนนางที่ติดอยู่ในวัง มีท่านพี่อยู่ด้วยรึเปล่า
.....
ท่านพี่ยยยยยยยยยยยยยยย์
แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
ดราม่าครอบครัวก็ได้ กูเตรียมใจกับพล็อตงี้แล้ว ขออย่างเดียวให้ท่านเรย์กะหลุดพ้นแล้วมีความสุขจริงๆเถอะ กูสงสารเจ้าแม่จะมีความสุขโลกเก่าก็ไม่ มาเจอโลกนี้ที่ทุกคนทิ้งอีกกกก /นายตัวสำรองโคตรดีย์ คันดะคุงก็ดี กูแจวหมด T_T
Dark แต่ของจบ Happy นะเว้ยเฮ้ย. No BE please
A&A - 20.
เพราะว่าฉันไม่ได้โวยวายอะไร มหกรรมล้างห้องน้ำจึงเริ่มต้นขึ้น
ฉันกับมารีถูกใช้ให้ล้างห้องน้ำทุกห้องในราชวัง ไม่เว้นแม้แต่ห้องน้ำผู้ชาย โชคยังดีที่เวลาล้างห้องน้ำ พวกเราจะเลือกล้างในเวลาที่ไม่มีคนอยู่ และปิดห้องน้ำเอาไว้ ดังนั้นเลยไม่แจ็กพ็อตเจอเหตุการณ์อย่างเช่นเปิดประตูเข้าไปเห็นคนทำธุระ
หลังจากขัดห้องน้ำไปได้ไม่กี่วัน มือของฉันก็พอง หลังปวดจนยืดตรงแทบไม่ไหว ดีที่ยูนิฟอร์มของคุณเมดไม่ต้องใส่คอร์เซ็ต ฉันเลยทำงานได้อย่างไม่ยากลำบากนัก
“เรย์กะ เธอนี่เอวเล็กเหมือนพวกขุนนางเลย” มารีทักขึ้นในขณะที่พวกเราอาบน้ำด้วยกัน อันที่จริงในบรรดาสตรีชั้นสูง ฉันถือว่าเอวหนากว่าพวกเธอเล็กน้อย แต่ถ้าเทียบกับมารีหรือสามัญชนที่ไม่ได้ใส่คอร์เซ็ต ก็ถือว่าเอวเล็กกว่ามาก
“อา...เป็นเพราะว่าที่ ๆ ฉันมา ไม่ค่อยมีอะไรกินน่ะ” ฉันบอกเธอไปแบบนั้น อันที่จริงถ้าเทียบกับโลกเก่าของฉัน อาหารที่ได้รับตอนอยู่ในแท่นบูชาร้างก็ถือว่าน้อยมาก
มารีลูบ ๆ เอวฉัน มองฉันขึ้นลงจนฉันรู้สึกเขิน ก่อนจะบอกว่าถ้าฉันไปทำงานในห้องน้ำชา จะต้องมีชนชั้นสูงถูกใจฉันแน่ ๆ ถ้าได้เป็นเมียเก็บของขุนนาง ก็จะได้ไม่ต้องทำงานหนักอีก
ฉันฟังความคิดเห็นของเธอแล้วได้แต่ยิ้มแหย ๆ แต่คิดว่าถ้าฉันไปทำงานในห้องน้ำชา อาจจะได้เจอกับท่านพี่ก็ได้ มารีเห็นฉันทำท่าสนใจ เลยบอกว่าถ้าฉันช่วยเธอขัดห้องน้ำจนครบทุกห้องในราชวัง เธอจะไปขอให้คุณพ่อบ้านสลับหน้าที่ให้ ฉันจะได้เจอกับผู้ชายดี ๆ ที่หาเลี้ยงฉันได้
ฉันขอบคุณมารี แต่บอกเธอว่าฉันแค่อยากจะลองไปทำงานในห้องน้ำชาดู เพราะอยากเจอกับชนชั้นสูงเท่านั้น มารีบอกฉันว่าฉันไม่ต้องเขินอาย การเป็นเมียเก็บของขุนนางเป็นความใฝ่ฝันของเมดที่มาจากชนชนล่างทั้งนั้น แล้วถ้ามีลูกด้วยกัน ฉันอาจจะได้เลื่อนเป็นเมียรอง และได้ใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือยเหมือนพวกชนชั้นสูง
ในคืนนั้นฉันถามตัวเองว่าถ้าต้องเจอหน้าคนที่รู้จัก และโดนพวกเขาถากถาง ฉันจะทนรับไหวหรือเปล่า แต่พอคิดว่าในโลกนี้ไม่มีใครรู้จักฉันจริง ๆ แม้แต่คนเดียว ฉันจะต้องใส่ใจอะไร กับอีแค่การถูกถากถางเล็ก ๆ น้อย ๆ ฉันในสมัยโลกเดิมก่อนที่เคยเป็นคิโชวอิน เรย์กะ ก็เคยถูกรังแกในโรงเรียนมาแล้ว ฉันจะต้องกลัวอะไร
.....
เจ้าแม่สู้ๆนะงืออ😁😁
A&A - 21.
สามวันหลังจากที่ทำความสะอาดห้องน้ำในราชวังได้ครบทุกห้อง ฉันก็ได้เปลี่ยนงานไปเป็นคุณเมดในห้องน้ำชา
แม้จะเป็นเมดเหมือนกัน แต่เมดที่ทำงานแรงงาน กับเมดที่ทำงานรับใช้เจ้านายมีสถานะต่างกันมาก เมดที่ทำงานแรงงานส่วนมากเป็นชนชั้นล่างที่ต้องการขายแรงงานหาเงินเข้าครอบครัว แต่เมดที่ทำงานรับใช้เจ้านายในห้องน้ำชาหรือติดตามปรนนิบัตินั้นมีเชื้อสายขุนนาง โดยปกติแล้วพวกขุนนางชั้นล่างที่ไม่มีสิทธิ์ได้เข้ามาในวัง จึงมักจะส่งบุตรและบุตรีตามปรนนิบัติขุนนางชั้นสูง หรือเข้ามาเป็นเมดรับใช้เจ้านาย
งานในห้องน้ำชานั้นมีตั้งแต่การชงชา เสิร์ฟชา เสิร์ฟขนม และรับใช้ตามแต่ที่ชนชั้นสูงจะมีคำสั่ง แน่นอนว่าฉันที่เพิ่งมาทำงานในห้องนี้ไม่มีสิทธิ์เสนอหน้าออกไปด้านนอก ได้แต่ช่วยคุณเมดรุ่นพี่เตรียมขนมที่ถูกส่งมาจากห้องครัว แต่ทว่าถ้าทำงานเสร็จ ก็จะสามารถชะโงกหน้าไปแอบมองในห้องได้ ซึ่งก็ถือว่าฉันโชคดีมาก เพราะฉันไม่มีความทรงจำของเรย์กะในโลกนี้เลยแม้แต่น้อย จึงไม่รู้ว่ามารยาทของการดื่มชาในโลกนี้เป็นยังไง การได้แอบมองพวกคุณเมดทำงานเลยเป็นการเรียนรู้ไปในตัว
ฉันมาทำงานในห้องน้ำชาได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว แต่ก็ยังไม่เจอท่านพี่เลยแม้แต่ครั้งเดียว
ในวันที่แปดของการทำงาน ฉันก็ถูกเรียกตัวไปให้ช่วยงานน้ำชาในห้องอื่น ปกติห้องเล็กจะมีคุณเมดประจำสามคน ห้องใหญ่มีหกคน แต่เพราะคุณเมดในห้องใหญ่ห้องหนึ่งเกิดป่วยกระทันหัน เมดรุ่นพี่เลยเรียกฉันให้ไปช่วยงาน ตามธรรมเนียมของการเปิดห้อง พวกเราจะต้องไปยืนต้อนรับแขกผู้มาเยือนคนแรกของห้อง เผื่อว่ามีเมดคนไหนที่เจ้านายไม่ชอบหน้า จะได้เปลี่ยนคน
ทำงานวันแรกก็แจ็กพ็อต เพราะแขกของฉันคือ ไมฮามะ เอมะ
ดูเหมือนเธอเองก็จะรู้จักคิโชวอิน เรย์กะ ดีมากเช่นกัน
ในตอนแรกไมฮามะไม่ได้สนใจเมดอย่างฉัน แต่พอฉันถอนสายบัวเดินผ่านเธอ เธอก็จ้องหน้าฉันเขม็ง ก่อนจะอุทานอย่างตกใจ
“เธอ...คิโชวอิน เรย์กะ??!”
ฉันก้มหน้าแต่ไม่ได้ตอบอะไร ไมฮามะสั่งให้ฉันคุกเข่าต่อหน้าเธอ ก่อนจะจับคางของฉันไว้ แล้วเชยขึ้นมองหน้าฉันอย่างสงสัย กลิ่นน้ำหอมฉุนกึกของเธอทำให้ฉันต้องกลั้นหายใจ
ถ้าเป็นในยุคกลางที่คนไม่ชอบอาบน้ำ เสื้อผ้าไม่ซัก ไม่มีระบบประปาและระบบระบายน้ำที่ดี การใส่น้ำหอมกลิ่นฉุนเพื่อดับกลิ่นตัวนั่นฉันก็พอเข้าใจได้อยู่ แต่คนที่นี่อาบน้ำค่อนข้างบ่อย พอมาใส่น้ำหอมกลิ่นฉุน ๆ แบบนี้ก็รู้สึกเหมือนคนดมจะตายก่อนได้ทันเข้าใกล้
ในตอนที่ฉันคิดว่าจะแกล้งทำเป็นคุณเมดธรรมดา ประตูก็เปิดออก ไมฮามะ เอมะ ตาเป็นประกายเมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามา
“ท่านคาบุรากิคะ มาช่วยฉันดูหน่อยเถอะค่ะว่าเมดคนนี้หน้าตาเหมือนใคร”
ฉันชะงัก เมื่อมองคาบุรากิ วาคาบะจัง เอ็นโจ ท่านพี่ และท่านอิมาริเดินเข้ามา จริงอยู่ที่ฉันคาดหวังว่าจะได้เจอกับท่านพี่ แต่ไม่ใช่ตอนที่อยู่ต่อหน้าคนอื่นแบบนี้
.....
กรี๊ดดดดด พวกแกโหวดดาร์กเรอะ!; น้ำตาจะไหลว้อยยยย สงสารเจ้าแม่
>725 โนวววว T^T
A&A - 22.
“ไมฮามะ อย่าทำเสียงเอะอะหนวกหู น่ารำคาญจะตาย” คาบุรากิก็ยังคงเป็นคาบุรากิ
แต่ไมฮามะไม่ได้ปล่อยให้ตัวเองหน้าบูดบึ้งเพราะถูกตำหนิ เธอจับคางของฉันแล้วหมุนให้หันไปทางประตู ทำราวกับว่าฉันเป็นตุ๊กตาที่หัวหมุนไปมาได้อย่างอิสระ ฉันแอบโมโหเธอ แต่แสดงออกทางสีหน้าไม่ได้ ได้แต่หรุบตาต่ำมองพื้นเท่านั้น
“จะดูไป—“ คาบุรากิพูด ก่อนจะชะงัก เขาเดินมาหยุดต่อหน้าฉัน ฉันมองไม่เห็นสีหน้าเขา เห็นแต่รองเท้าหนังมันปลาบ “เธอมาอยู่ในนี้ได้ยังไง” พอฉันเงียบ เขาก็ทำเสียงเหี้ยมเกรียมขึ้นไปอีก “ตอบ”
ฉันที่ทนรับแรงกดดันไม่ได้ก้มหัวต่ำ แล้วตอบไปตามตรง “ฉันช่วยงานเมดที่นี่ค่ะ”
”แล้วเธอมาอยู่ในวังนี้ได้ยังไง” คาบุรากิพูดเสียงเย็น ปกติแล้วเขาค่อนข้างจะเป็นคนหัวร้อน ฉันไม่ค่อยเห็นเขาตอนที่ทำตัวเย็นชาหนัก ๆ แบบนี้ แม้กระทั่งกับพวกผู้หญิงที่ทำเสียงหนวกหูเวลารุมล้อมเขา
“ฉันให้เข้ามาเองแหล่ะ” เอ็นโจแทรกขึ้นมา “เธอป่วยหนักจนเกือบตายในแท่นบูชาร้างเพราะไม่มีฟืนใช้ หัวหน้าองครักษ์ของนายไปเจอเข้า ฉันเลยบอกให้เอาตัวมารักษาในสถานพยาบาล โทษที ตอนที่เคาะห้องนายจะถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ นายตะโกนออกมาว่าให้ฉันตัดสินใจไปเองเลย ฉันเลยตัดสินใจไป”
คาบุรากิทำเสียงเหมือนจะโวยวาย แต่แล้วก็ตะกุกตะกัก แล้วเงียบไปที่สุด “แล้วอย่างเธอเนี่ยนะ เป็นเมด?”
ฉันไม่ตอบ ทว่ามีคนตอบแทน
“เด็กคนนี้เป็นเมดที่ขยันขันแข็งมากเลยทีเดียวนะคะ แค่สองสัปดาห์ เธอก็ขัดห้องน้ำได้หมดทั้งปราสาท ฉันเลยให้มาช่วยงานในห้องน้ำชาค่ะ เผื่อว่าจะถูกใจเจ้านาย”
คนพูดขึ้นมาเป็นเมดรุ่นพี่ที่เรียกตัวฉันมาใช้ที่ห้องนี้ ฉันเหลือบตามองสีหน้าเยาะเย้ยของเธอ เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองโดนจับโชว์ละครลิง ดูเหมือนว่าเธอจะรู้ว่าวันนี้คาบุรากิจะมาที่ห้องนี้ เลยเรียกตัวฉันมาให้พวกเขากลั่นแกล้ง
ในห้องน้ำชาเงียบจนได้ยินเสียงหายใจ ฉันพยายามไม่แสดงสีหน้าอะไรทั้งนั้น
“เธอ...ขัดห้องน้ำ?” คาบุรากิถามฉัน ทำเสียงเหมือนไม่อยากเชื่อ ฉันพยักหน้า เพราะฉันก็ทำมันจริง ๆ
ทั้งห้องเงียบไปอีกพักใหญ่ จนกระทั่งท่านอิมาริเอ่ยปากขอน้ำชา คุณเมดรีบกุลีกุจรไปเตรียมน้ำชาให้ ไมฮามะ เอมะ ปล่อยหน้าฉัน ก่อนจะไล่ให้ฉันไปยกชามาเสิร์ฟให้เธอ
ฉันเข้าไปในห้องด้านหลัง ทันทีที่เข้าไป ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของคุณเมด พอฉันเดินเข้าไปจะเตรียมชงชา เธอก็เดินสวนออกมา ใช้ไหล่กระแทกตัวฉันจนฉันเซ
ฉันทำเป็นไม่สนแล้วเดินเข้าไปเตรียมกาน้ำชา ก่อนจะยกออกมาเสิร์ฟให้กับไมฮามะ ส่วนคนอื่น ๆ ทยอยยกชาเสิร์ฟเช่นกัน พอฉันเสิร์ฟเสร็จ ไมฮามะก็ยกชาขึ้นจิบ แล้วบ่นฉันว่าน้ำชาร้อนเกินไป
เพราะรู้ดีว่าเธอแกล้งฉัน ฉันเลยแค่ขอโทษแล้วยกชากลับเข้าไป พอเติมน้ำเย็นแล้วยกออกมา ไมฮามะก็บอกว่าชาจืดไป
ฉันเดินวนกลับเข้าไปชงให้เธออีกรอบ คราวนี้ชงน้ำร้อนครึ่งกา แล้วเติมน้ำเย็นลงไปอีกเล็กน้อย พอเอาออกไปให้ด้วยสีหน้าแบบพนักงานบริการของญี่ปุ่นที่ดูกระตือรือล้นแม้ว่าคำสั่งที่ได้รับจะงี่เง่าขนาดไหน ไมฮามะก็ทำหน้าบึ้ง สุดท้ายจึงยอมดื่มชาแต่โดยดี ฉันถอยเข้าห้องด้านหลัง แล้วเตรียมขนมให้กับเธอ
ไม่รู้ว่าเรย์กะคนก่อนเคยรังแกคุณเมดเอาไว้เยอะหรือไง ดูเหมือนว่าเธอจะแค้นฉันมาก นอกจากจะทำให้ฉันขายหน้าแล้ว เธอยังแกล้งทำเป็นมือลื่นสาดน้ำใส่ฉัน นอกจากฉันจะเปียกหัวจรดเท้าแล้ว ขนมที่อุตส่าห์เตรียมไว้ก็ยังเปียกจนต้องเตรียมอีกครั้ง
“อุ๊ย มือลื่น ขอโทษด้วยนะจ๊ะ” ยัยเมดที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับฉันทำเสียงระริกระรี้ ราวกับว่าวิธีการกลั่นแกล้งงี่เง่าจะส่งผลอะไรกับฉันอย่างนั้นแหล่ะ อันที่จริงถ้าเป็นตัวฉันชาติก่อน ก็คงจะรู้สึกเฟลมาก แต่ในตอนนี้ฉันกลับรู้สึกว่ามันไร้สาระ
ฉันหันไปยิ้มให้กับเธอ “ซุ่มซ่ามขนาดนี้ระวังอยู่รับใช้ในห้องน้ำชาไม่ได้นานนะคะ”
เมดรุ่นพี่คนนั้นหน้าตึง ก่อนจะยิ้มแสยะ “นี่เธอคิดว่าตัวเองยังคงเป็นท่านคิโชวอิน เรย์กะ หรือยังไง ก็แค่ผู้หญิงที่โดนเจ้าชายถอนหมั้น ถูกลดชั้นให้กลายเป็นนักโทษเท่านั้น ยังกล้าปากดีอีกเหรอ”
หากว่ากันตามลำดับชั้นจริง ๆ ฉันก็สถานะสู้เธอที่เป็นเมดชั้นสูงลูกสาวขุนนางไม่ได้ แต่เธอคงลืมไปว่าคิโชวอิน เรย์กะ ถึงจะเป็นนักโทษ แต่ก็มีอดีตเป็นบุตรีดยุกผู้คบหาชนชั้นสูง อยู่ในดงอสรพิษมาอย่างโชกโชน ถึงฉันจะไม่ใช่เรย์กะ แต่ก็เคยอยู่ในวงสังคมที่ต้องลับฝีปาก บลัฟกันด้วยบารมีเช่นกัน
“จริงอยู่ที่ฉันไม่ใช่คิโชวอินแล้ว และตอนนี้ฉันเป็นแค่นักโทษ” ฉันก้าวเข้าไปประชิดเธอ ก่อนจะกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงเหมือนที่เอ็นโจชอบใช้ในโลกก่อน “แต่อย่าคิดนะคะว่าฉันจะอยู่ในตำแหน่งนี้ตลอดไป ก่อนหน้านี้ฉันอยู่ในแท่นบูชาร้าง แม้แต่ก้าวขาออกมาซักครึ่งก้าวก็ยังมีความผิด แต่ในตอนนี้สามารถอาศัยในปราสาทได้อย่างเปิดเผย ในอนาคตใครจะรู้ว่าฉันจะอยู่ตรงไหน”
เมื่อถอยออกมา ก็พบว่ารุ่นพี่เมดคนนั้นตัวสั่น พวกพ้องของเธอถอยหลังราวกับจะออกห่างจากฉันให้มากที่สุด สีหน้าของพวกเธอมีแวววิตกกังวล
ฉันบิดน้ำออกจากชุดให้ได้มากที่สุด แล้วจัดขนมจานใหม่ออกไปเสิร์ฟ
พอฉันออกไป ไมฮามะก็บ่นจนกระทั่งเธอหันมาเห็นฉัน
“เธอไปตกกาน้ำชามารึไง” ไมฮามะทำเสียงรังเกียจ เธอไม่แตะต้องขนมที่ฉันยกไปเสิร์ฟ ทว่าหันไปคุยในวงสนทนาต่ออย่างสนุกสนาน
ฉันลุกขึ้นแล้วจะถอยกลับไป พอเหลือบมองใบหน้าของท่านพี่ ก็เห็นว่าเขาไม่มองมาทางฉันเลยแม้แต่น้อย
ในอกของฉันเหมือนมีรูกลวงโบ๋ ฉันก้าวถอยหลังจะหลบไปยังห้องด้านใน ทว่าจู่ ๆ ท่านอิมาริก็ยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้ ฉันรับโดยไม่ได้ขอบคุณเขาด้วยซ้ำ แล้วเดินถอยไป
ตอนที่ฉันเดินเข้าไป คุณเมดมองฉันแต่ไม่ได้แกล้งหรือหัวเราะอีก ฉันมองน้ำที่หยดติ๋งลงจากคาง เพิ่งสังเกตว่าน้ำที่ไหลอาบแก้มหยดลงเบื้องล่างนั้นคือน้ำตา
ตั้งแต่ทะลุมิติมาโลกนี้ ฉันก็ไม่เคยได้รับรู้ถึงความทรงจำของเรย์กะเลยแม้แต่น้อย แต่ในคืนนั้นฉันฝัน ฝันถึงตอนที่เรย์กะยังเป็นเด็กเล็ก ๆ เธออยู่ในชุดกระโปรงสีสดใส มีหมวกบอนเนตต์ใบใหญ่ประดับดอกไม้สวมอยู่บนหัว ในวันนั้นมีแดดอ่อน ๆ หลังจากที่ฟ้าปิดมานานหลายเดือน เธอจึงออกไปเดินเล่น ด้านหลังมีคุณเมดเดินตาม ส่วนด้านข้างของเธอคือพี่ชายผู้ยังไม่เข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เขาดูน่ารักหล่อเหลาในชุดเสื้อโค้ทสีดำหางยาว มือจูงน้องสาวตัวน้อย เมื่อเห็นเธอมองเขา เขาก็ยิ้มให้กับเธอ
‘ท่านพี่คะ ดูนั่นสิคะ’ เด็กหญิงพูดด้วยเจื้อยแจ้ว ไม่สู้ชัดเจนเท่าไหร่เพราะเพิ่งหัดพูดได้ไม่นานนัก เธอชี้ไปยังนกที่จิกผลไม้เล็ก ๆ บนพื้น สลัดมือจากพี่ชายแล้ววิ่งเข้าไปหามัน
นกสีเทาคาดฟ้าบินขึ้นด้วยความตกใจเมื่อเด็กหญิงวิ่งเข้าไป ใบหน้าของเธอมีแววเสียดายเมื่อนกน้อยบินหนีไป พอพี่ชายที่เดินตามมาเห็นเข้า ก็ยิ้มอ่อนแล้ววางมือลงบนบ่าเล็ก ๆ บอกกับเธอว่าหากเธอโตขึ้นมากกว่านี้อีกหน่อย เขาจะพาเธอไปดูรังกระต่าย
เรย์กะตาเป็นประกายทันทีที่ได้ยินพี่ชายเล่าถึงสัตว์ตัวเล็กหูยาวขนปุกปุย เธอเฝ้าแต่ถามเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในยามค่ำคืนยังหนีพี่เลี้ยง สู้ฝ่าทางเดินมืดทึบน่ากลัวมายังห้องของเขา แอบปีนขึ้นเตียงเพื่อถามเขาว่าเมื่อไหร่เธอถึงจะโตพอได้ไปดูกระต่าย ท่านพี่ของเธอได้แต่ถอนหายใจ แล้วกล่อมเธอด้วยนิทานก่อนนอนแทน
ตอนที่ฉันตื่นขึ้นมา ในอกยังรู้สึกอบอุ่นด้วยภาพน่ารักสงบสุขนั่น ทั้งที่ตอนเด็กเรย์กะกับพี่ชายของเธอสนิทกันเพราะท่านพ่อกับท่านแม่มัวแต่ยุ่งอยู่กับภารกิจของตนเอง ทิ้งให้ท่านพี่และเรย์กะอยู่ด้วยกันสองคนกับคุณเมดและคุณพี่เลี้ยงแท้ ๆ แต่ทำไมตอนนี้ท่านพี่ถึงได้หมางเมินเธอเหลือเกิน
ความผิดที่เรย์กะทำลงไปมันเลวร้ายถึงขนาดที่ท่านพี่ของเธอทิ้งให้เธอเผชิญกับชะตากรรมโดยไม่แยแสเลยงั้นหรือ ฉันจ้องมองห้องที่ตกแต่งหรูหรากว่าห้องนอนในแท่นบูชาร้าง หากทว่าไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย เพราะแม้ว่าท่านพี่คนนี้จะไม่ใช่ท่านพี่แท้ ๆ ของฉัน แต่พอเห็นสีหน้าท่าทางของเขา ก็รู้สึกเจ็บปวดจนเหมือนจะทนไม่ได้
ฉันไม่รู้ว่าความเจ็บปวดนี้เป็นของฉัน หรือเป็นของเรย์กะที่ถูกพี่ชายสุดที่รักตัดเยื่อใยกันแน่ หากแต่จะสำคัญด้วยหรือ ในเมื่อตอนนี้พวกเราเป็นคน ๆ เดียวกัน
.....
อีเหี้ยยยยยย ใครโหวตดาร์กกกกกก จิตใจอันบอบบางของกู T-T
กูชอบนะ แต่เล่นประเด็นครอบครัวแล้วเศร้าว่ะ แม่ง ท่านพี่ยยย โฮฮฮฮฮ
กูยังหวังว่าหวังว่าปลายทางจะมีแสงสว่าง...
โอยยยย โดนท่านพี่เมินนี่ ดาเมจแรงมาก ปวดใจแทนท่านเรย์กะเลยอ่ะ T^T
ท่านพี่ ท่านพี่โลกเรย์กะช่วยทะลุมิติมามิตินี้ช่วยเรย์กะหน่อยเถ้ออ
>>735 กูเอง 🙋🙋🙋🙋🙋
อ่านตอนนี้แล้วก็แปลก ๆ ว่าทำไมเรย์กะนางจำเรื่องราวของยุคนี้ไม่ได้เลย หรือว่ามันจะมีอะไรทีทำให้ท่านบ้านคิโชวอินตัดขาด
แต่เมินกันขนาดนี้ อยากให้พอปรับความเข้าใจได้แล้ว เรย์กะกลับโลกเดิมไปหาท่านพี่ซิสคอนจังโว้ย แล้วปล่อยให้ท่านพี่ยุดกลางระทมไปเลย
โฮรววว ท่านพี่เมิน ดาเมจรุนแรงมาก ท่านพี่เป็นซิสค่อนแท้ๆ ทำไมเย็นชาได้ขนาดนี้คะะะะ
ท่านพรรรรี่ แงงงงงง
A&A - 23.
หลังจากวันนั้น ฉันก็ขอย้ายกลับไปขัดห้องน้ำ มารีเข้ามาขอโทษฉัน ดูเหมือนเธอจะรู้แล้วว่าฉันโดนรุ่นพี่ในห้องน้ำชากลั่นแกล้ง ในวันนั้นพวกเราขัดห้องน้ำกันเงียบ ๆ ถึงแม้จะเหนื่อย แต่ก็ทำให้หลับได้สนิทในตอนกลางคืน
ในตอนเช้าตรู่ของวันหนึ่ง ห้องของฉันก็ถูกเคาะ ฉันที่เพิ่งแต่งชุดเมดเสร็จกำลังจะเตรียมออกไปทำงานเปิดประตู แล้วก็พบกับมิซึซากิในชุดธรรมดาที่ไม่ใช่เกราะอัศวินยืนอยู่หน้าห้อง
พอเห็นฉัน เขาก็ทักด้วยสีหน้าลำบากใจ
“อรุณสวัสดิ์”
ฉันตอบอรุณสวัสดิ์กลับไป เขามองฉันอยู่พักหนึ่ง แล้วก็ก้มหัวขอโทษฉัน บอกว่าเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าฉันถูกใช้ให้ไปทำงานขัดห้องน้ำ
“ฉันเลือกที่จะทำเองค่ะ” ฉันบอกนายตัวสำรอง “ยังไงก็ต้องมีคนทำความสะอาดห้องน้ำอยู่แล้ว การได้อยู่ในราชวังในเวลานี้ถือเป็นความกรุณาของท่านเอ็นโจที่คุณอุตส่าห์ไปขอร้องมาให้ งานอาจจะเหนื่อย แต่อย่างน้อยห้องนอนก็อุ่นมาก ไม่ได้ลำบากอะไรขนาดนั้นหรอกค่ะ”
นายตัวสำรองยังคงมีสีหน้ารู้สึกผิด ราวกับว่าเขาเป็นคนสั่งให้ฉันขัดห้องน้ำเอง “วันนี้ฉันว่าง ฉันจะช่วยเธอขัดห้องน้ำ” เขาบอก แม้ว่าฉันจะปฏิเสธ แต่เขาก็ยืนยันที่จะช่วย บอกว่าการทำให้ที่พักอาศัยสะอาด คือเป็นกฏของอัศวิน และตอนนี้เขาก็พักในวัง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องเหมาะสมที่จะทำ
พอฉันพาเขาไปหามารี มารีก็มองฉันสลับกับมองนายตัวสำรอง แล้วถามฉันว่าเธอจะออกกะได้ไหม เพราะวันนี้คนรักของเธอไม่ได้เข้ากะ ถ้าฉันมีคนช่วยแล้ว เธอจะหาเวลาไปเที่ยวกับคนรักของเธอ แล้ววันหลังเธอจะเข้ากะแทนฉันอย่างแน่นอน
ฉันตกลง แต่บอกเธอว่าไม่ต้องเข้ากะแทนฉัน บอกให้เธอไปเที่ยวกับคนรักให้สนุกก็พอ
เพราะมิซึซากิช่วย ฉันเลยพาเขาไปขัดห้องน้ำชาย มิซึซากิช่วยฉันอย่างเต็มแรง เขาขัดห้องน้ำได้เร็วกว่าฉันและมารีมาก เร็วจนกระทั่งพวกเราขัดเสร็จก่อนเวลาที่กำหนด ฉันเลยพาเขาไปขัดห้องน้ำอีกชั้นหนึ่ง กว่าพวกเราจะออกกะ ก็เกินเวลามามาก
แยกย้ายกันอาบน้ำเสร็จแล้วฉันก็ไปรับอาหารในโรงครัวส่วนของมารีมาให้เขา พวกเรานั่งกินมันฝรั่งบดใส่แครอทกันในที่ระเบียงแห่งหนึ่งที่มองเห็นเห็นวิวที่งดงามของเมืองในยามเย็นซึ่งถูกปกคลุมด้วยหิมะ
“เธอ...ไม่เหมือนที่ใคร ๆ เคยเล่าให้ฉันฟัง ขอโทษด้วยนะที่ตัดสินเธอจากคำพูดของคนอื่น” มิซึซากิพูดขึ้นมาในระหว่างที่พวกเรานั่งกินมื้อเย็นกันอยู่
ฉันมองเมืองที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ “ฉันเคยทำเรื่องแย่ ๆ เหล่านั้นจริง ๆ ค่ะ ท่านมิซึซากิ”
มิซึซากิทำหน้าเหมือนไม่มั่นใจ “เธอเป็นคนดี”
ฉันหันมายิ้มให้กับเขา แต่ไม่ได้พูดอะไร
แม้จะรู้สึกดี แต่ในใจของฉันคิดเพียงว่า ถ้าท่านพี่เป็นคนพูดคำนั้น ฉันจะดีใจเพียงไร
.....
หวี้ดดดดด------- อ๊ากกก พายพายพาย กรี๊ดดดดดดด มันไม่รู้จะหวี้ดยังไงแล้ว แต่นายดีมาก นายมันเลอค่าจริงๆ ฮรึกฮรือ ช่วยให้ท่านเรย์กะได้ซบอกนายด้วยเถอะนะ //ซับน้ำตา
กรี๊ดดด เรือแล่น ดีจัย แท้งกิ้วโม่งฟิก
โอ๊ยยยยยยย เรือมิซึซากิแล่นแล้วค่าคุณ!!! แอบหย่อนชิ้นส่วนร่างไว้เรือนี้แต่นอกจากโมเม้นท์น้อยแล้วฟิคยังแทบไม่มี ขอบคุณโม่งฟิคมากฮือออ
นี่สินะความดีงามของนายตัวสำรอ----มิสึซากิคุงงง ฟิกนี้ต้องสละจากฉายานี้ได้ล่ะนะะะะ
เออออ แล้วฟิคนี้มิสึซากิ จะแอบชอบวาคาบะอยู่เปล่าวะ กูยังไม่เห็นโมเมนต์ดีๆ ของสองคนนี้เลย จะว่าไปไม่เห็นรูทที่วาคาบะโผล่มาด้วยซ้ำ....
เรย์กะเธอเลิกพร่ำเห้อถึงพี่ชายเถอะ หมอนั่นเป็นแค่คนหน้าเหมือนแต่ไม่ใช่พี่ชายจริงๆของเธอ
เข้มแข็งมากกว่านี้ได้แล้ว เธอต้องสู้ต่อไปนะ
ท่านรัชทายาททททททททททททททททททททททททททททททททททททททท♥♥♥
นี่ไม่ใช่ท่านพี่คนเดิมท่านเรย์กะนี่แค่คนหน้าเหมือนเมินได้เมินเลยค่ะ😂😂
พวกมึงทำแบบนี้ได้ยังไง ท่านพี่อาจมีปมในใจก็ได้นะเว้ย อย่าพึ่งงอนท่านพี่ดิวะ ความโกรธของเหล่าโม่งช่างน่ากลัว
ท่านพี่กับทานุกิอาจจะกำลังวางแผนกบฏเพื่อเอาคืนคาบุทบต้นทบดอกก็เป็นได้... เลยต้องทำนิ่งเฉยไว้ก่อน //ยังมีความหวัง
กุว่าท่านเรย์กะ กับมิซึซากิ นี่แหละปฏิวัติแมร่งเลย สู้ๆๆๆ
A&A - 24.
มารีพยายามถามเรื่องความสัมพันธ์ของฉันกับนายตัวสำรอง แต่พอฉันปฏิเสธจริงจัง เธอก็ทำหน้าเสียดาย
“ท่านมิซึซากิเป็นหัวหน้าองครักษ์ที่ขนาดสตรีชั้นสูงยังหมายตาเลย แต่เอาเถอะ ผู้ชายอนาคตไกลขนาดนั้นมีหรือจะมาสนเมดแบบพวกเรา”
ฉันพยักหน้าเออออตามเธอไป เพราะว่าห้องน้ำถูกวนมาขัดรอบสองในเวลาติด ๆ กันกับรอบแรก ดังนั้นเลยใช้เวลาขัดไม่นานนัก ไม่ถึงสัปดาห์ ห้องน้ำทั้งหมดก็ถูกขัดอีกครั้ง และพวกเราก็ถูกย้ายให้ไปทำอย่างอื่น
ฉันถูกย้ายให้ไปทำงานในโรงครัวสำหรับคุณเมด ส่วนมารีถูกย้ายให้ไปปักผ้า
เพราะว่าฉันทำอาหารไม่ได้เรื่อง ก็เลยถูกอัปเปหิจากหน้าเตาให้ขนย้ายสเบียงจากคลังมายังห้องครัวแทน ถึงหุ่นจะหนากว่าสตรีชั้นสูงทั่วไปที่เฉลี่ยรอบเอวแค่สิบเจ็ดนิ้ว แต่ร่างกายของเรย์กะในโลกนี้เอวบางร่างน้อยกว่าคุณเมดมาก ดังนั้นการขนเสบียงของฉันจึงเป็นเรื่องที่ทุลักทุเลกว่าตอนขัดห้องน้ำพอควร
“ทำบ้าอะไรของเธอน่ะ”
ฉันเงยหน้าขึ้นมาจากการไล่เก็บผลมะเขือเทศที่ทำกลิ้งหลุน ๆ ไปตามทางเพราะสะดุดล้มขณะขนของ ก็พบกับคันตะที่แบกกระสอบมันฝรั่ง
พอฉันบอกว่าฉันมาทำงานในวังชั่วคราว แต่เพราะว่าทำกับข้าวไม่ได้เรื่อง เลยโดนไล่ให้มาใช้แรงงานแทน คันตะคุงก็ช่วยฉันแบกถุงมะเขือเทศไปถึงโรงครัว แล้วบอกกับพ่อครัวที่นั่นว่าขอตัวฉันไปช่วยงานในโรงทำขนม พ่อครัวใหญ่ดูจะโล่งใจมากที่คันตะคุงเอ่ยปากออกมา ทำเอาเขาหันมามองหน้าฉันแล้วถามว่าฉันก่อเรื่องอะไรเอาไว้
ฉันบอกเขาว่าฉันแค่ทดลองดัดแปลงอาหาร โดยการใส่เหล้ารัมลงไปในซุปเห็ด แต่ใส่เยอะไปหน่อย แถมใช้ไฟแรงไปนิด ซุปเลยแตกตัวออกเป็นก้อน ๆ ดูเหมือนคราบไขมันลอยฟ่อง ส่งกลิ่นเหล้าน่าเวียนหัว
คันตะคุงเขกหัวฉัน แล้วบอกว่าห้ามเล่นของกินเด็ดขาด เขาจะให้ฉันช่วยงานครัวของเขา แต่ฉันต้องปฏิบัติตามที่เขาสั่งเท่านั้น
การเรียนทำขนมของฉันได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง และฉันก็ได้รู้ว่า ถึงจะเป็นโลกนั้นหรือโลกนี้ คันตะคุงก็ยังคงเข้มงวดเรื่องการทำอาหารเหมือนเดิมไม่มีผิด
.....
เชี่ย กรุเหยียบเรือสองลำนี่แน่นมาก จะนายตัวสำรองก็ดี คันตะคุงก็ดี
ครบปียังวะ ;-;
กูกำลังไล่ตามอ่านอย่างเมามัน ขอบคุณมากโม่งฟิค ความรู้สึกกูผันผวนมากเลย สงสารท่านเรย์กะที่โดนกลั่นแกล้งจริงจัง แล้วก็มาปลื้มกับความดีงามของนายตัวสำรองในชุดผ้ากันเปื้อนถือไม้ขัดส้วม คันตะคุงแม่งก็น่ารักไปอีก ว่าแต่เจ้าแม่มาอยู่โลกนี้ยังเพาะเชื้อแห่งความทำอาหารห่วยได้อีกเหรอวะ...
โอ้ยยย คันตะก็น่ารัก อยากรับเป็นน้องชาย วาคาบะจังจะมาช่วยสอนทำเค้กด้วยไหม แต่ยังเกาะเรือมิซึซากิอยู่นะจ้ะโม่งฟิก
A&A - 25.
”ยัยเบื้อก หั่นให้ชิ้นมันเท่า ๆ กันสิ ไม่งั้นเดี๋ยวเวลาลงไปตุ๋น มันก็นิ่มไม่เท่ากันพอดี ทำใหม่เดี๋ยวนี้เลยนะ ห้ามทำชุ่ย ๆ เด็ดขาดนะ!”
“ค่ะ”
“ตีจนตั้งยอด ตั้งยอด ยัง ยังไม่ตั้ง ตีเข้าไปอีก ถึงมือจะหัก แขนจะหลุด ก็ต้องตีต่อไป!”
“ค่ะ”
“ยัยบ้า ไฟแรงเกินไปแล้ว! ยกขึ้นสูงกว่านี้อีก ห้ามให้โดนไฟโดยตรงเด็ดขาด!”
ในระหว่างที่คันตะดุฉัน ฉันได้แต่ตอบว่า ‘ค่ะ’ เหมือนกับว่าเรายังอยู่ในโลกเก่า เขามองฉันแล้วถอนหายใจ บ่นว่าฉันเป็นลูกขุนนางทำอะไรไม่เป็น
ผลงานที่คันตะคุงจับตามองอย่างใกล้ชิดในที่สุดก็สำเร็จออกมาอย่างงดงาม ฉันชิมเค้กส้มแล้วไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นฝีมือตัวเอง ฉันแอบเพ้อฝันว่าเชฟสาวแสนสวยได้กำเนิดขึ้นแล้ว ในที่สุด ฉันก็ค้นหาวิถีทางของตัวเองพบ ตอนที่กลับไปที่แท่นบูชา ฉันจะให้คันตะคุงช่วยส่งส่วนประกอบในการทำขนมไปให้ จะได้ไม่ต้องกินแต่ขนมปังอีก
เพราะว่าทำเค้กออกมาได้ดี ฉันเลยตัดแบ่งออกมาจะเอาไปให้มารี นายตัวสำรอง และคุณเมดคนอื่นที่ดีกับฉัน มารีกับคุณเมดคนอื่นชิมแล้วก็ชมว่าฉันฝีมือดี สมแล้วที่ได้ไปทำงานในห้องครัว หลังจากคุณเมดในห้องเสื้อได้ชิมแล้ว ฉันก็มาดักรอพวกอัศวินที่เลิกจากลานฝึก
พอพวกเขาเลิก ฉันก็โบกมือให้กับนายตัวสำรอง เขาเดินมาหาฉัน ฉันเลยให้เค้กเขาไปชิมแล้วอวดว่าฉันทำเอง เขาชมฝีมือทำขนมของฉัน แล้วขอบคุณจริงจังซะจนฉันรู้สึกเกรงใจ
หลังจากนั้น ฉันก็เดินไปห้องน้ำชาเพื่อที่จะเอาขนมไปให้คุณเมดที่เคยทำงานในห้องเล็กกับฉันในช่วงเจ็ดวันแรก ทว่าฉันเจอกับพี่น้องเอ็นโจที่เดินออกมาจากห้องน้ำชาห้องหนึ่งก่อน
“คุณพี่เรย์กะ!”
“ยูกิโนะคุง!” ฉันหัวใจเต้นแรงจนแทบจะกระโดดออกจากปากเมื่อยูกิโนะคุงวิ่งมากอดขาฉัน
ใบหน้าน่ารักถูไถไปมากับกระโปรงของฉัน ก่อนที่ดวงตาแป๋วแหววจะเงยขึ้นมาสบ “สายัณห์สวัสดิ์ครับ คุณพี่เรย์กะ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน คิดถึงแทบแย่เลย”
“พี่ก็คิดถึงยูกิโนะคุงเหมือนกันจ่ะ ได้ยินว่าไม่ค่อยสบาย พี่เป็นห่วงแทบแย่” ฉันย่อตัวลงไปหายูกิโนะคุง
พอจานเค้กไปอยู่ระดับสายตา ยูกิโนะคุงก็มองอย่างอยากรู้อยากเห็น “คุณพี่เรย์กะกำลังจะพักทานน้ำชาหรือครับ?”
ฉันยิ้มหวาน แล้วลูบ ๆ หัวยูกิโนะคุง อา ช่างน่ารักเยียวยาอะไรเช่นนี้นะ เห็นยูกิโนะคุงแล้วฉันรู้สึกเหมือนอยากมีลูกขึ้นมาทันที “เปล่าจ่ะ พอดีพี่ทำเค้กได้อร่อย ก็เลยกะว่าจะเอาไปแบ่งคนอื่นชิม”
ยูกิโนะคุงมองฉันแล้วทำท่ากระมิดกระเมี้ยน “ถ้ามีเหลือ แบ่งให้ผมชิมได้ไหมฮะ?”
”ได้สิจ๊ะ” ฉันบอก รู้สึกยินดีมาก ๆ ที่ได้แบ่งขนมให้ยูกิโนะคุงชิม เพราะคราวก่อนตอนที่เขาเอาขนมมาให้ ฉันไม่มีอะไรตอบแทนนอกจากนิทาน “เดี๋ยวพี่จะเอาไปให้คุณเมดประจำห้องจัดให้ทานกับน้ำชา ว่าแต่ยูกิโนะคุงเพิ่งออกมาจากห้องน้ำชา จะกินขนมของพี่ลงไหมเอ่ย ถ้ากินไม่ลง เอาไว้ตอนเย็นก็ได้นะ”
“ทานตอนนี้เลยฮะ” ยูกิโนะคุงบอกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะทำหน้าออดอ้อน “คุณพี่เรย์กะไปดื่มน้ำชาด้วยกันนะฮะ”
ฉันอยากจะกอดยูกิโนะคุงไว้แน่น ๆ แล้วหอมแก้มเขาหลาย ๆ ที แต่เพราะในตอนนี้สถานะพวกเราต่างกันมาก อีกอย่างเอ็นโจก็ดูอยู่ด้วย ดังนั้นเลยแค่ลูบหัวเขา “ขอโทษด้วยนะจ๊ะ พี่ไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ ยูกิโนะคุงคงต้องทานขนมกับพี่ชายสองคนแล้วล่ะ” ความจริงแล้ววันนี้ฉันว่างเลยออกมาลอยชายแจกขนมได้ แต่เพราะว่าเมดไม่ได้รับอนุญาตให้ดื่มน้ำชากับเจ้านาย เลยปฏิเสธไป
สีหน้าเศร้าสร้อยของยูกิโนะคุงทำเอาฉันรู้สึกปวดใจ ”แค่แป๊บเดียวเอง ผมไม่ได้เจอคุณพี่เรย์กะตั้งนาน อยากจะฟังนิทานอีก แค่แป๊บเดียวไม่ได้เหรอฮะ”
หัวใจของฉันสั่นไหว แต่กฏก็คือกฏ ฉันไม่ค่อยอยากแหกกฏพาตัวเองไปสู่ธงมรณะในเช็คพอยต์ที่สองเท่าไหร่ เลยต้องทำใจแข็ง “พี่ยังมีงานต้องทำ ถ้าโดดงานก็จะต้องถูกดุ...”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นผมจะช่วยพูดกับหัวหน้าของคุณเอง เท่านี้ก็คงไม่มีปัญหาแล้วสินะครับ” เอ็นโจพูดแทรกขึ้นมา ยูกิโนะคุงร้องเย้ แล้วทำท่าดีใจใหญ่ ฉันเลยต้องตามพวกเขาเข้าไปในห้องน้ำชาอย่างปฏิเสธไม่ได้อีก
.....
กูว่าคนที่ดีกับท่านเรย์กะเสมอต้นเสมอปลายไม่ว่าโลกไหนๆ ก็ยูกิโนะนี่แหละ
นายตัวสำรองนี่ไม่รู้ว่าในโลกการ์ตูนจะดีกับท่านเรย์กะไหม เพราะโลกนั้นเป็นศัตรูกับวาคาบะ
ยูกิโนะคุงดีต่อใจเหลือเกินน😊😊
A&A - 26.
โชคดีที่ห้องซึ่งสองพี่น้องเอ็นโจเดินเข้าไปเป็นห้องที่ฉันเคยทำงาน ฉันคุยกับคุณเมดเพื่อนร่วมงาน พอเธอรู้ว่าจะได้รับใช้พี่น้องเอ็นโจก็กระตือรือล้น บอกฉันว่าเธอจะชงชาสุดฝีมือ และไม่เผยแพร่ความลับครั้งนี้ออกไปเด็ดขาด
ยูกิโนะคุงนั่งลงบนม้านั่งข้าง ๆ ฉันแล้วพูดเจื้อยแจ้ว ฉันฟังเขาพูดถึงนิทานที่ฉันเขียนให้เขาอ่าน ยูกิโนะคุงชอบนิยายทุกเรื่อง “ผมอ่านเรื่องราพันเซลแล้วก็นึกถึงท่านพี่เรย์กะเลยฮะ ซักวันนึงตอนที่ผมโตขึ้น ผมจะพาท่านพี่ออกมาจากหอคอยให้ได้เลย”
“งั้นเหรอจ๊ะ งั้นพี่จะคอยนะ” ฉันรับมุขไป คนอื่น ๆ บอกว่าฉันเป็นแม่มด แต่ยูกิโนะกลับมองฉันว่าเป็นสาวงามผู้ตกอับ ช่างเป็นเด็กดีอะไรอย่างนี้นะ
“ผมจะรีบโตนะฮะ ท่านพี่เรย์กะห้ามหมั้นหมายกับใครไปก่อนนะฮะ ถึงจะมีผู้ชายมาต่อแถวขอความรัก ก็ต้องปฏิเสธไปทั้งหมดนะ”
ฉันหัวเราะกะเรี่ยกะราด ฉันที่ถูกจองจำในแท่นบูชาร้างทั้งชีวิตคงไม่มีโอกาสนั้น แต่ก็ไม่ได้ทำลายบรรยากาศโดยการบอกความจริงไป “เอ...แต่พี่ชอบผู้ชายอ่อนโยน ใจดี แล้วก็ตัวสูง ยูกิโนะคุงจะโตขึ้นมาตัวสูงไหมจ๊ะ?”
ยูกิโนะคุงทำท่าคิด ก่อนจะพยักหน้า “ผมจะโตขึ้นมาตัวสูง ๆ สูงให้มากกว่าท่านพี่เลยฮะ”
“แต่นายไม่ชอบกินผักนี่ เนื้อก็ไม่ค่อยชอบกิน เวลาให้กินข้าวก็ไม่ยอมกิน จะเอาแต่กินขนม แบบนั้นสูงสู้พี่ไม่ได้หรอก” เอ็นโจได้ทีก็เข้าร่วมวงหาทางกล่อมน้องชายทันที “นายเลือกกิน ก็เลยโตช้ากว่าคนอื่น มีหวังโดนผู้ชายที่ตัวสูงกว่าตัดหน้าแน่ ๆ”
”เอ๋??” ยูกิโนะคุงทำจมูกย่น สีหน้าเหมือนกำลังต่อสู้กับความขัดแย้งในใจตนเอง “นอกจากผมกับท่านพี่แล้วก็ห้ามชอบคนอื่นอีกเด็ดขาดนะฮะ ผมจะทานผักกับเนื้อทุกมื้อ จะได้โตไว ๆ คุณพี่เรย์กะห้ามหนีไปแต่งงานกับคนอื่นนะฮะ!”
แม้คำพูดนั้นจะแหม่ง ๆ แต่ฉันก็พยักหน้ารับคำเอาใจยูกิโนะคุงไป
พูดเราพวกคุยกันอย่างสนุกสนานจนกระทั่งถึงเย็น ยูกิโนะคุงก็ทำท่าเริ่มง่วง แต่เขาดื้อดึงไม่ยอมไปนอน เอ็นโจเลยขู่ว่าเด็กที่ไม่นอนก็จะไม่โต ยูกิโนะคุงเลยยอมกลับไปนอน แต่ขอร้องให้ฉันมาเล่นกับเขาอีกในเวลาว่าง ฉันรับปากยูกิโนะคุงว่าถ้ามีวันลาหยุดอีก จะมาเล่นกับเขาอย่างแน่นอน
หลังจากให้คุณพี่เลี้ยงไปส่งยูกิโนะคุงเข้านอน เอ็นโจก็ยืนยันกับฉันว่าจะพาฉันไปส่งห้อง เผื่อว่าระหว่างทางฉันเจอเจ้านาย จะได้ไม่ถูกตำหนิ แน่นอนว่าฉันพยายามปฏิเสธ แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องยินยอมให้เขาเดินตามมา
เขาเดินมาส่งฉันที่ห้อง จนกระทั่งถึงหน้าประตู ตอนที่ฉันขอบคุณและบอกลาเขา เปิดประตูจะเข้าไปในห้อง เอ็นโจก็แตะมือลงมาที่ประตู ก่อนจะพูดลอย ๆ ด้วยคำพูดที่ทำให้ฉันตัวแข็ง
“คุณไม่ใช่คิโชวอิน เรย์กะ สินะครับ”
.....
.....โดนจับได้ซะแล้วววว
กรี๊ดดดดดดด.... อย่ามาตัดฟีลกันแบบนี้นะ!! หัวใจอันบอบบางกำลังถูกยูกิโนะคุงเยียวยา อย่าทำแบบนี้นะเฟ้ย อะเฮื้อออ
เอ้า!! เอาแล้วไง สมกับที่เป็นจอมมารจริงๆ ฉลาดทุกเรื่อง
ยกเว้นเรื่องจีบสาว
ในที่สุดก็ตามอ่านจนทัน ใช่ท่านเรย์กะแน่นอน แค่คนละโลกเอ๊งงงง ต่อเรือเพิ่มดีไหมวะ
กรี๊ดดดดดด ไม่ได้เจ้าค่าาา บ่าวลงเรือรัชทายาทไปจะทั้งตัวแล้วววว ท่านจอมมารจะมาต่อเรือตอนนี้ได้ไงค๊าาาา ;;
กรีดร้อง ทำไมฉลาดอย่างเน้~ สมเป็นจอมมาร
ยูกิโนะคุงเป็นกับตันเรือเอ็นโจอีกละ
จอมมารไก่อ่อนฉลาดทุกเรื่องยกเว้นเรื่องความรัก.... เจ้าแม่จะแถไงเนี่ย โอ๊ย ลุ้นนนน ยูกิโนะหนูน่ารักมากกกก
จินตนาการพวกโม่งในนี้นี่พีคสัส ตั้งแตกูไล่อ่านมา ความคิดพวกมึงนี่แบบ... เชี้ย พีคของพีค 555555
เจ้าแม่น่าจะสามารถแถได้แต่อาจไม่เนียนเท่าไหร่ เอ็นโจก็อาจจะทำเหมือนเชื่อเจ้าแม่แล้วค่อยทดสอบต่อไป5555
A&A - 27.
ฉันไม่กล้าหันไปมองสีหน้าของเอ็นโจ ไม่กล้าขยับตัว ไม่กล้าแม้แต่จะสูดลมหายใจลงปอด
ความเงียบเข้าครอบงำ ฉันมองเงาของเอ็นโจที่ทอทับประตูห้อง ร่างกายเหมือนจะไม่ทำตามคำสั่งของสมอง ฉันบังคับให้ตัวเองสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่บังคับไม่ให้สั่น
“ในตอนนี้ฉันเป็นแค่เรย์กะ ไม่ใช่คิโชวอินแล้วค่ะ”
มือที่ยื่นผ่านไหล่ของฉันซึ่งวางทาบบนประตูเคาะนิ้วลงบนนั้น
“คุณน่าจะรู้ว่าผมกำลังพูดถึงอะไร”
ฉันนิ่ง ก่อนจะตอบกลับไป
“ขอโทษด้วยนะคะท่านเอ็นโจ ฉันไม่ทราบว่าท่านเอ็นโจกำลังพูดถึงอะไร”
เสียงหัวเราะที่อยู่ใกล้หูทำให้ฉันรู้สึกขนลุก
“คิโชวอิน เรย์กะ คนที่ผมรู้จักเป็นบุตรีดยุกที่ใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อมากกว่าสตรีผู้ใด เธอผู้ผลาญเงินของดินแดนไปกับเครื่องประดับโอ่อ่าเสียยิ่งกว่าองค์ราชินี เธอรักการแต่งตัวมากกว่าสิ่งใด ผมเกือบจะมั่นใจว่าเธอยอมเปลือยกายเสียยังดีกว่าใส่เสื้อผ้าเนื้อหยาบของผู้ชาย เธอที่เกลียดความสกปรกเข้ากระดูกดำถึงขนาดต้องทิ้งชุดกระโปรงที่ตัดเย็บอย่างปราณีตซึ่งยังไม่เคยได้ใส่ซักครั้ง เพราะเมดทำน้ำชาหกเปื้อนชายกระโปรงเพียงแค่นิดเดียว ผู้หญิงคนนั้นน่ะหรือจะยอมขัดห้องน้ำ เธอที่ใจร้อน ขี้โมโห โง่เง่า กล้าหาเรื่องแม้แต่พระคู่หมั้นของเจ้าชายมีหรือจะยอมให้เมดในห้องน้ำชาสาดน้ำใส่ได้โดยไม่ก่อเรื่องวุ่นวายอันใด”
ฉันพยายามคิดหาข้อแก้ตัว เพราะฉันเคยข้ามมิติไปอยู่ในร่างของคิโชวอิน เรย์กะ ตอนอายุห้าขวบ ซ้ำยังมีความทรงจำของเธอ ดังนั้นคนที่เห็นการเปลี่ยนแปลงมีแต่ครอบครัวของฉันเท่านั้น ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่ได้คิดว่ามันผิดปกติอะไรที่เด็กดื้อคนหนึ่งจะว่าง่ายขึ้น ฉันซึ่งมัวแต่กังวลว่าถ้าก่อเรื่องแล้วจะพาตัวเองไปสู่ธงมรณะที่สองนั้นลืมคิดไปว่า ฉันทะลุมิติมาร่างนี้ในตอนที่คิโชวอิน เรย์กะ ได้แผลงฤทธิ์กับทุกคนแล้วเรียบร้อย พอฉันทำตัวสงบเสงี่ยม บุคคลิกของพวกเราจึงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
“คิโชวอิน เรย์กะ ทำสิ่งที่เธออยากทำได้เพราะเธอคือบุตรีของดยุก แต่ฉันทราบดีว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในสถานะอะไรค่ะ” ฉันตอบออกไปช้า ๆ ราวกับกลัวว่าจะเผลอพูดอะไรผิดออกไป
ฉันนึกถึงสีหน้าเฉยเมยของท่านพี่แล้วเหมือนน้ำตาจะไหลอีกครั้ง ทว่าฉันพยายามกลั้นไว้ เอ็นโจในโลกนี้ไม่เหมือนเอ็นโจในโลกก่อน ฉันจะไม่มีวันร้องไห้ให้เขาเห็นเด็ดขาด
“ผมจะจับตาดูคุณ” เอ็นโจโน้มหน้าลงมากระซิบข้างใบหูของฉัน “วันใดที่คุณก่อเรื่องให้กับมาซายะหรือวาคาบะ ผมนี่แหล่ะจะเป็นคนจัดการกับคุณเอง“
มือและเงาที่ทาบทับบนประตูถอยห่างก่อนที่บรรยากาศกดดันรอบตัวจะเบาบางขึ้นอย่างเห็นได้ชัดตอนที่เอ็นโจเดินจากไป ฉันรีบก้าวเข้าไปในห้อง ปิดประตูเหมือนมีปีศาจตามหลัง ก่อนจะทรุดลงนั่งหน้าประตูด้วยหัวใจที่เต้นกระหน่ำด้วยความกลัว
.....
จอมมารรร แกกลับหมู่บ้านไก่อ่อนไปเลยนะ กูเชียร์ยูกิโนะคุง คันตะคุง มิซึซากิว้อยยยย ไม่ต้องมาทำฉลาดเลยยย *ปาเกลือไล่พร้อมเสิร์ฟชาพีชให้เจ้าแม่
ไม่!! /เหยียบเรือมิสึซากิ เรือคันตะคุงอย่างเหนียวแน่น
อีกนิดเดียวนายก็จะก้าวข้ามบทเพื่อนพระเอกไปเป็นตัวร้ายสายยันแล้วนะ ชูสุเกะคุงงงง ทำไมเป็นคนแบบเนร้ ต้นฉบับก็ออกจะเป็นเจ้าชายผู้อ่อนโยนไม่ใช่เหรอ 5555555555555555555
A&A - 28.
“เธอเป็นบ้าอะไรของเธอน่ะ ถ้าจะเหม่อลอยขนาดนั้น วันนี้ก็ไม่ต้องเข้าครัวอีก!” คันตะคุงดุฉัน ก่อนจะไล่ตะเพิดฉันออกจากครัวอย่างหงุดหงิด ฉันไม่มีแม้แต่อารมณ์จะรู้สึกสลดเลยด้วยซ้ำ เพราะกำลังเครียดอย่างหนักเรื่องที่ถูกเอ็นโจจับได้ว่าฉันไม่ใช่คิโชวอิน เรย์กะ คนเดิมที่อยู่ในโลกนี้
เพราะว่าวันนี้ฉันถูกไล่ออกจากครัว เลยโดนเมดรุ่นพี่ใช้ให้เอาเศษผักไปให้ม้า ฉันแทบกระอักเลือดเมื่อต้องลากถังใส่เศษผักออกมาตัวคนเดียว ระยะทางระหว่างตัวราชวังและคอกม้าไกลกันพอสมควร กว่าจะลากถังหนัก ๆ ไปถึงโรงเลี้ยงม้าได้ ฉันก็เหนื่อยจนพอถึงที่ก็ทรุดลงไปนั่งกับพื้น
“นั่นไง อาหารมาแล้วเบียทริซ ไม่ต้องทนหิวแล้วเน้อ”
ฉันเงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็วเหมือนมีคนเกี่ยวตะขอไว้ที่กลางหัวแล้วดึงขึ้นราวกับตุ๊กตาชักใย ชื่อเรียกสัตว์เลี้ยงแบบนั้น น้ำเสียงแบบนั้น...
อุเมกาวะที่อยู่ในชุดทูนิคกับกางเกงผ้าขาห้าส่วนวิ่งออกมาจากคอกม้า เขาเกือบเหยียบฉันเพราะมัวแต่สนใจถังอาหาร แต่โชคดีที่ฉันกลิ้งหลบได้ทัน
“โอ๊ะ ขอโทษที” อุเมกาวะที่เพิ่งสังเกตเห็นฉันบอกด้วยน้ำเสียงขอโทษที่ไม่จริงจังเลยแม้แต่น้อย “เธอเป็นเมดคนใหม่เหรอ ไม่คุ้นหน้าเลย นี่ ๆ มานี่สิ ฉันจะแนะนำให้รู้จักกับเบียทริซสุดที่รักของฉัน”
ไม่ต้องรอขอความเห็นจากฉัน อุเมกาวะที่ปกติก็ดูเหมือนเด็กอันธพาลแล้วยิ่งดูเหมือนเด็กอันธพาลเข้าไปใหญ่เมื่อเขาลากฉันเข้าไปในโรงเลี้ยงม้าจนกระทั่งฉันหยุดอยู่ตรงหน้าม้าที่มีขนสีน้ำตาล อุเมกาวะทำหน้าระริกระรี้ แล้วแนะนำฉันให้รู้จักกับเบียทริซ โลกก่อนนายอุเมกาวะเป็นคนบ้าหมายังไง โลกนี้ก็เป็นคนบ้าม้าอย่างนั้น ฉันได้ฟังถึงประวัติและวีรกรรมของเบียทริซทั้งแต่มันเกิดจนถึงปัจจุบัน รู้สึกว่าตัวเองพลาดไปแล้วที่ไม่รีบวิ่งหนีไปตอนที่เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นอุเมกาวะ
เพราะต้องฟังเขาพูดยืดยาว ฉันเลยทรุดนั่งลงบนกองฟาง อันที่จริงถึงเขาจะเล่าเรื่องของเบียทริซให้ฉันฟังไม่หยุดจนเข้าขอบข่ายน่ารำคาญ แต่การที่เขาแทบไม่เปลี่ยนไปจากโลกเดิมเลยทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจขึ้นมา
กว่าจะออกจากโรงเลี้ยงม้าได้ก็เกือบเย็น นายอุเมกาวะโบกมือลาฉัน แล้วบอกว่าเขากับเบียทริซถูกชะตากับฉันมาก น่าจะเป็นเพราะว่าผมกับฉันเหมือนกับขนของเบียทริซ เลยบอกให้ฉันลงมาเยี่ยมเขาอีก ถ้าหากว่าเขากับฉันว่างตรงกัน เขาจะสอนวิธีการดูแลเบียทริซให้กับฉัน ฉันบอกเขาว่าฉันไม่ค่อยว่างนัก แต่ถ้ามีเวลา จะลงมาเยี่ยมเขากับเบียทริซ ถึงจะเดินจากมาได้
ในคืนนั้น ฉันหลับลงโดยคิดว่า ถึงตอนนี้จะพยายามแสดงเป็นคิโชวอิน เรย์กะ ก็ไม่ทันซะแล้ว ดังนั้นถึงเอ็นโจจะพยายามเค้นคำตอบ ฉันก็จะบอกเขาไปว่าฉันรู้สึกผิดและกลับตัวกลับใจได้ ฉันไม่สารภาพซะอย่าง เขาจะทำอะไรได้
.....
อุเมกาว้าาาาา ฮรืออออ นายนี่มัน... ดีจริงๆ ! แต่โทษที นายไม่ผ่าน-------
ที่เหมือนกันทั้งสองโลกคือ อุเมวากะแม่งบ้า
โอ้ย อุเมกาวะน่ารัก โลกนี้เปลี่ยนจากบ้าหมาเป็นบ้าม้าเรอะ
นายบ้าหมาเปลี่ยนเป็นนายบ้าม้าซะแล้ว
เห็นภาพอุเมวากะไปซุกไซร้ม้าแล้วพูด "เบียทันยัยปีศาจน้อย ฟัดๆๆๆๆ" เลยว่ะ 555555555555555
สรุป อุเมวากะ หรือ อุเมกาวะ'-'?
A&A - 29.
ในตอนเย็นหลังจากที่เลิกงานจากโรงครัว ฉันก็ไปขอให้มารีช่วยแนะนำวิธีตัดเย็บให้ เนื่องจากการตัดเย็บกางเกงในไม่ยากนัก แต่จะตัดเย็บเสื้อชั้นในนั้นจำเป็นต้องใช้ฝีมือมาก ฉันที่ไม่สามารถใส่คอร์เซ็ตทำงานได้เลยต้องพันหน้าอกมาจนถึงทุกวันนี้เพื่อไม่ให้เกะกะหรือไม่สุภาพเวลาไปในมาไหนในราชวัง
จริง ๆ แล้วถ้าฉันมีทักษะในการวาดภาพ มารีก็คงจะตัดชุดชั้นในออกมาได้ แต่ฉันที่วาดรูปออกมาได้แย่มากจนกระทั่งตัวเองยังต้องขยำทิ้งได้แต่บอกกับมารีปากเปล่า มารีบอกว่าเธอตัดเย็บเป็นแต่คอร์เซ็ต ถ้าฉันอยากจะได้คอร์เซ็ตที่ใส่สะดวกและไม่รัดมาก ก็ตัดเย็บให้เป็นแบบผูกเชือกด้านหน้าและไม่ต้องใส่โครงปลาวาฬก็ได้ การตัดเย็บแบบนั้นทำได้ไม่ยากนัก ซ้ำยังไม่ต้องใช้เงิน เพราะสามารถทำจากผ้าเหลือ ๆ ในห้องตัดเย็บได้ ปกติคอร์เซ็ตเป็นของที่ชนชั้นสูงสามารถครอบครองได้เท่านั้น เนื่องจากโครงปลาวาฬและลวดที่ใช้ดัดทรงราคาแพง ถ้าใช้แค่ผ้า แม้แต่เมดอย่างฉันก็สามารถตัดใส่เองได้หลายตัว
เพราะวันก่อนถูกเอ็นโจขู่เอาไว้ แม้ว่าฉันจะมีเวลาว่าง แต่ก็ไม่กล้าไปหายูกิโนะคุงอีก เลยลงไปเยี่ยมอุเมวากะอย่างที่เคยสัญญาเอาไว้ ทว่าพอไปถึง กลับพบกับคนที่ไม่คาดว่าตัวเองจะได้เจอ
ริรินะกับมินามิคุงยืนอยู่ด้านหน้าของโรงเลี้ยงม้า ดูจากชุดและบุคลิกลักษณะ ริรินะคือสตรีชั้นสูงบุตรีขุนนาง ส่วนมินามิคุงน่าจะเป็นเด็กรับใช้ของเธอ
พอริรินะเห็นฉัน ก็นิ่งไป ฉันกับริรินะจ้องหน้ากันอยู่แบบนั้น ก่อนที่ริรินะจะเป็นคนเอ่ยปากขึ้น
“คุณเรย์กะ...ได้ยินว่าถูกขังไว้ในแท่นบูชาร้างไม่ใช่หรือคะ?”
ฉันมองริรินะที่ถึงแม้จะทำท่าเหมือนวางตัวไม่ถูก แต่ก็ไม่ได้มีสายตารังเกียจหรือดูถูกฉัน “เพราะว่าฉันไม่สบาย ก็เลยได้มาพักรักษาตัวในวังหลวง แล้วก็ติดหิมะน่ะค่ะ”
ริรินะมองฉัน มองซ้ายมองขวาแล้วก็ลากฉันเข้าไปในโรงเลี้ยงม้า แล้วไล่ตะเพิดให้อุเมวากะออกไป ก่อนจะให้มินามิเฝ้าต้นทางเอาไว้
“คุณเรย์กะอยู่ที่นั่นคงลำบากมากสินะคะ” ริรินะมองฉันหัวจรดเท้า เธอกำแส้ในมือแน่น “ขนาดป่วยจนต้องเข้ามารักษาตัวที่วัง ก็ยังถูกใช้งานในฐานะเมดชั้นต่ำอีก น่าโมโหนัก!”
ฉันมองริรินะที่กำลังจะเดือดแล้วบอกว่าอันที่จริงฉันเป็นคนสมัครใจทำงานในฐานะเมดเอง ไม่มีใครบังคับอะไรทั้งนั้น ริรินะฟังแล้วก็ยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่
“น่าแค้นใจยัยจิ้งจอกนั่นนัก หลอกล่อท่านคาบุรากิให้หูตามืดมัว ทั้ง ๆ ที่คุณเรย์กะเป็นคนที่องค์ราชินีหมายตาและให้สัญญาเอาไว้ตั้งแต่แรกแท้ ๆ” ริรินะฟาดแส้เปรี้ยงลงกับพื้น ม้าที่อยู่ในคอกแถวนั้นรวมถึงฉันสะดุ้งเฮือก
“ฉันไม่โทษคุณเรย์กะที่วางแผนกำจัดยัยนั่นหรอกค่ะ ถึงแผนจะโง่ไปซักหน่อยก็เถอะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะคุณเรย์กะ ฉันได้ยินว่าท่านแม่ของคุณเรย์กะขอเข้าพบองค์ราชินี ไม่นานนักคงจะต้องมีความคืบหน้าแน่ ๆ”
ฉันฟังริรินะแล้วรู้สึกเหมือนจะเป็นลม เพราะเห็นแววธงมรณะมาแต่ไกล
.....
เอ้าเฮ้ย นี่ขาขวากรุอยู่เรือคันตะ ขาซ้ายอยู่เรือนายตัวสำรอง ถ้ากรุเอื้อมมือขวาเกี่ยวเรือริรินะด้วยอีกลำจะผิดไหมวะ//สายตาก็มองเรืออุเมวากะที่จู๋จี๋กับเบียทันน้องม้าในคราบหมาไปพลางๆ
ยังเหลือปาก กูต้องเก็บเอาไว้งับเรือใครอีก...
ริรินะนี่แหละ พระเอกตัวจริง
A&A - 30.
ในตอนเช้าฉันไปทำงานด้วยขอบตาดำปี๋ รู้สึกมวนท้องเหมือนจะอ้วกเพราะความเครียด ทั้งคืนนอนไม่หลับ เพราะนอกจากเรื่องเอ็นโจแล้ว ยังมีเรื่องที่ริรินะบอกเมื่อวาน
ฉันไม่รู้ว่าคิโชวอิน เรย์กะ ในเรื่องนี้มีชีวิตยังไง หรือเธอทำอะไรไว้บ้าง แต่จากโครงเรื่องคงไม่พ้นเธอเป็นบุตรีขุนนางแสนกร่าง สถาปนาตัวเองเป็นคนรักของคาบุรากิแล้วไล่ตามตื้อเขาโดยไม่ได้มองเลยว่าเขาไม่สนใจเธอแม้แต่น้อย พอวาคาบะจังที่เป็นนางเอกโผล่ขึ้นมา เรย์กะก็กลั่นแกล้งวาคาบะจังเพราะสถานะที่แตกต่างกัน คาบุรากิที่ทั้งสงสารทั้งสนใจจึงปกป้องเธอทุกวิถีทาง และความรักก็ดันก่อตัวขึ้น ตามพล็อตเรื่องแล้วเรย์กะที่เป็นนางร้ายจึงหาทางกำจัดเธอทิ้ง สุดท้ายแล้วเลยโดนคาบุรากิแฉเรื่องชั่วร้ายที่เธอทำ เธอเลยโดนลงโทษให้ถูกกักบริเวณในแท่นบูชาร้าง ตามโครงเรื่องของคิมิดอล
ถ้าหากว่าความรักและการกระทำในครั้งนั้นเป็นเพียงแค่ผลจากความโง่เขลาของเด็กผู้หญิงเอาแต่ใจที่ตกอยู่ในห้วงความรัก เรื่องราวก็ไม่น่าจะซับซ้อนยุ่งยากนัก ในเรื่องหลักของคิมิดอล มาดามคาบุรากิเองก็ทั้งชักจูงทั้งหว่านล้อม เป็นตัวตั้งตัวตีให้สองตระกูลเกี่ยวดองกัน และยังกีดกันลูกสะใภ้สามัญชน แต่สุดท้ายแล้วกลับประทับใจการแก้ปัญหาของคาบุรากิและความทุ่มเทที่เขามีให้นางเอก จึงยินยอมให้ทั้งคู่คบกันในที่สุด
ฉันที่คิดเอาเองว่าตอนที่เรย์กะถูกถอนหมั้น น่าจะเป็นตอนที่มาดามยอมรับลูกสะใภ้ตัวจริงแล้ว เลยเชื่อมั่นว่าถ้าตัวเองไม่ได้ก่อเรื่อง อยู่อย่างสงบเสงี่ยม ก็จะสามารถรอดพ้นธงมรณะลำดับที่สองไปได้ แต่จากปากคำของริรินะ ถ้ามาดามยังไม่ยอมรับ อีกทั้งท่านแม่ก็ยังไม่ลดละ ดูท่าว่าเรื่องราวความโชคร้ายของคิโชวอิน เรย์กะ จะยังไม่จบลงแต่เพียงเท่านี้ ฉันชอบมาดามก็จริง แต่ตอนที่ครอบครัวคิโชวอินล่มสลาย เธอไม่ใยดีแม้แต่น้อย ช่าง...เป็นนักธุรกิจแต่กำเนิดโดยแท้
วันนี้ยังไม่ทันจะถึงมื้อเช้า ฉันก็โดนคันตะคุงไล่ตะเพิดออกมาจากครัวอีกครั้ง แต่เพราะยังเช้าอยู่เลยยังไม่มีเศษผักมากพอจะให้ไปส่งที่โรงเลี้ยงม้า ฉันเลยถูกใช้ให้ไปทำความสะอาดโรงอาหารของพวกองครักษ์แทน
ฉันหิ้วท้องทนรอพวกทหารองครักษ์กินมื้อเช้าเสร็จ จะได้ทำความสะอาดโรงอาหารแล้วกลับไปกินมื้อเช้าของตัวเองบ้าง ทว่าตอนที่ยืนหลบมุมรออยู่ นายตัวสำรองที่เห็นฉันเข้าพอดีก็เดินเข้ามาทัก
“เธอ...ไม่สบายอีกแล้วเหรอ?”
สีหน้าของเขาดูเป็นกังวล ฉันเลยบอกไปว่าสองสามวันมานี้ฉันทำอาหารได้ไม่ดี เลยถูกดุ นายตัวสำรองทำหน้าเห็นใจฉัน บอกฉันว่าถ้าฉันไม่ถนัดทำอาหาร เขาจะไปขอร้องให้พ่อบ้านช่วยย้ายงานให้ ฉันบอกเขาไปว่าฉันยังอยากทำงานอยู่ในครัว เพราะถ้าเป็นวันว่าง คันตะคุงจะเรียกให้ฉันไปฝึกทำขนม แล้วถ้าทำออกมาได้ดี ฉันก็จะมีขนมไว้กินเองรวมถึงแบ่งคนอื่น ๆ ด้วย อีกอย่างฉันคิดว่าควรฝึกทำขนมไว้ เพราะถ้าต้องกลับไปแท่นบูชา ฉันคงไม่สามารถขอของฟุ่มเฟือยอย่างขนมได้ ดีที่สุดก็คงเป็นพวกแป้งสาลี ไข่ กับน้ำตาล
หลังจากที่องครักษ์ออกไปทำงาน ฉันกับคุณเมดอีกคนก็ช่วยกันทำความสะอาดโรงอาหาร ทว่าคุณเมดที่ทำงานกับฉันไม่เหมือนกับมารีเลยแม้แต่น้อย เธอมัวแต่คุยกับองครักษ์หนุ่มจนงานไม่เดิน ครึ่งชั่วโมงก่อนเช็ดโต๊ะตัวไหน ครึ่งชั่วโมงต่อมาก็ยังคงเช็ดอยู่ตัวเดิม จนกระทั่งฉันทำความสะอาดเสร็จหมดแล้ว เธอก็เพียงแค่มอง ๆ แต่ไม่ได้ใส่ใจแม้แต่จะขอบคุณหรือขอโทษฉันเลยแม้แต่น้อย
ในเย็นวันนั้นก่อนที่ฉันจะกลับเข้าห้อง นายตัวสำรองเอาถุงหอมลาเวนเดอร์ที่เขาทำเองมาให้ฉัน บอกว่าเป็นการตอบแทนเค้กที่เอามาให้วันก่อน ถุงหอมลาเวนเดอร์มีสรรพคุณช่วยคลายเครียดและทำให้นอนหลับดี ฉันรับเอาไว้และขอบคุณเขา คิดว่าถ้าทำขนมได้ดีเมื่อไหร่ จะเอาไปให้เขาแลกกับถุงหอมอีก
ก่อนที่จะหลับไป ฉันนึกถึงท่านพี่แล้วสงสัยว่าที่เขาไม่ยอมมองหน้าฉัน เป็นเพราะกลัวคาบุรากิจะโกรธรึเปล่า ดังนั้นฉันเลยตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะลองไปถามคันตะคุงเกี่ยวกับเรื่องจดหมายที่ฝากเขาส่ง
ไม่รู้เป็นเพราะว่าเมื่อวานไม่ได้นอนทั้งคืนจนทำให้รู้สึกเพลีย หรือว่าถุงหอมของนายตัวสำรองที่โลกนี้เป็นอัศวิน แต่ดันพกวิญญาณแม่บ้านของชาติก่อนมาด้วยได้ผลดี แต่ฉันพลิกตัวอยู่บนเตียงไม่นานนัก ก็หลับไป
.....
จิตวิญญาณแม่บ้าน.... แกรรร ฉ้านควรลงเรือเจ้านี่ดีไหม ออร่าเพื่อนสาวมันแบบ... จะเป็นลมมม ริรินะนี่เหมาะสุดจริงๆ แหลพ
อย่าบอกนะว่านายตัวสำรองซื้อถุงหอมมาจากทีวีไดเร็ก ?!
A&A - 31.
โชคร้ายที่คุณพ่อบ้านดันเห็นว่าฉันก่อเรื่องในครัวมากกว่าทำประโยชน์ เช้าวันถัดมา ฉันก็ได้รับคำสั่งให้ไปประจำอยู่ในห้องตัดเย็บ แต่โชคดีตรงที่ฉันได้กลับมาทำงานกับมารีอีกครั้ง
มารีเองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน เธอสอนฉันถักลูกไม้ ทำเอาความทรงจำที่คาบุรากินั่งถักลูกไม้ได้อย่างเพอร์เฟคในครั้งแรก ซ้ำยังเยาะเย้ยฉันว่าถักเบี้ยวผุดขึ้นมาในหัว ฉันคิดว่าถ้ากลับไปโลกเก่าได้ ฉันจะเอามือที่จับเฟรนช์ฟรายด์ไปจับเสื้อของเขา ให้เสื้อสุดเพอร์เฟคของคาบุรากิมีคราบน้ำมันจากของทอด เป็นการแก้แค้นที่เขาปักธงมรณะให้ฉันในโลกใบนี้
หลังจากทำงานที่ได้รับมอบหมายจนเสร็จ พวกเราก็อยู่ในห้องตัดเย็บเพื่อตัดชุดชั้นในของฉันต่อ มารีตัดสินใจตัดชุดชั้นในแบบเดียวกันกับฉันด้วย เพราะเธออยากมีเอวที่เล็กคอดเหมือนสตรีชั้นสูง
หลังจากใช้เวลาตัดเย็บหลังเลิกงาน และใช้เวลาวันหยุดเย็บอยู่ทั้งวัน ในที่สุดฉันก็มีชุดชั้นในใส่แล้ว
ฉันมองคอร์เซ็ตที่ตัวเองเย็บแล้วรู้สึกภาคภูมิใจ แม้จะเป็นคอร์เซ็ตเรียบ ๆ ไม่มีลูกไม้หรือลวดลาย แต่ก็แข็งแรงและสวมใส่ได้ง่าย เชือกร้อยที่อยู่ด้านหน้าทำให้สามารถใส่ได้เองโดยไม่ต้องพึ่งคุณเมดช่วยแต่งตัว โครงชุดดันหน้าอกได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ไม่ยกตู้มเหมือนคอร์เซ็ตที่ชนชั้นสูงใช้ ส่วนเอวฉันก็ผูกไว้หลวม ๆ เพราะฉันมาจากโลกยุคปัจจุบัน เลยไม่สนใจจะมีเอวเล็กคอดจนน่ากลัวเหมือนที่สาว ๆ ในยุคนี้ใฝ่ฝัน
เนื่องจากเหลืออีกเพียงสองสัปดาห์ ก็จะถึงกำหนดส่งตัวฉันกลับไปยังแท่นบูชา ฉันเลยอยากจะตัดเย็บเสื้อผ้าให้ตัวเองอีกหลายชุด เพราะไม่มั่นใจว่าตอนกลับไปจะขนอุปกรณ์ตัดเย็บกลับไปได้รึเปล่า นอกจากนั้น รองเท้าที่ใส่ก็เก่าเปื่อยมากแล้ว
ฉันมองรองเท้าของตัวเองแล้วก็ต้องถอนหายใจ ในโลกก่อน ฉันมีรองเท้าเกือบร้อยคู่ พวกมันถูกจัดเรียงอย่างงดงามบนชั้นวางรองเท้า ได้รับการดูแลอย่างดี แต่ในโลกนี้ฉันมีรองเท้าเพียงแค่สองคู่ คู่แรกพังตอนวิ่งพายูกิโนะคุงไปหาหมอ คู่ที่สองทั้งเปื่อยทั้งขาด แต่ก็ยังต้องทนใส่เพราะนอกจากยูนิฟอร์มสาวใช้กับชุดนอน ฉันก็ไม่ได้รับอะไรมาอีก
ในโลกนี้ผู้หญิงในชนชั้นล่างเกือบทุกคนต้องเย็บรองเท้ากันเอง รองเท้าของพวกเธอเป็นรองเท้าที่เหมือนรองเท้าบัลเล่ต์ ส้นบางนิดเดียว ฉันมองรองเท้าของตัวเองที่ส้นอ้าเปิด พื้นสึก ตัวรองเท้าขาดกระจุยแล้วตัดสินใจจะเปลี่ยนใหม่ จึงถามมารีว่าฉันจะหาพื้นรองเท้าได้จากไหน
มารีบอกว่าฉันสามารถไปซื้อได้ที่โรงช่าง ส้นรองเท้ามีตั้งแต่ไม้แกะไปจนถึงเศษหนัง ถ้าเป็นแบบดีที่สุดคือทำจากหนังทั้งชิ้น ทว่าฉันไม่ใช่คุณเมดที่มีชื่อในทะเบียนอย่างถูกต้อง เลยไม่ได้รับค่าตอบแทนเลยแม้แต่เหรียญเดียว
เย็นวันนั้นฉันไม่ได้ไปรับเสบียงส่วนเข้ากะที่โรงอาหารแต่ฝากให้มารีไปรับแทน ส่วนฉันไปหาคันตะคุงที่โรงครัวส่วนตัวของเขา
คันตะคุงรับปากว่าจะหาพื้นรองเท้ามาให้ ฉันเลยขออุปกรณ์ตัดเย็บกับผ้ากลับไปยังแท่นบูชาร้างด้วย หลังจากตกลงเรื่องของเสร็จ ฉันก็เอ่ยปากถามเขาเรื่องจดหมาย
คันตะคุงนิ่งไปซักพัก ก่อนจะบอกกับฉันว่าเขาฝากคนอื่นส่งต่อ ไม่รู้ว่าจดหมายนั่นไปถึงครอบครัวของฉันรึเปล่า แล้วเรียกฉันเข้าไปกินขนมที่เขาทำขึ้นมา แน่นอนว่าฉันไม่ปฏิเสธ ขนมในโลกนี้เป็นของหายากและมีราคาแพง คนธรรมดามีโอกาสได้กินแค่ในช่วงเทศกาลเท่านั้น เขาทำครีมโรล ถึงแม้จะไม่อร่อยเท่ากับครีมโรลของร้านทาคามิจิในโลกก่อน แต่ก็เยียวยาฉันได้อย่างดีมาก
.....
ท่านพี่ไม่ยอมอ่าน คันตะเลยบ่ายเบี่ยงแล้วปลอบใจสินะ คันตะคูงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
//เรือคันตะอยู่นี่เองจ้า
แง้ สงสารเรย์กะจัง. นายตัวสำรองรีบทำคะแนนเข้า เรือนายไม่ค่อยเล่นเลยน้า~
กูเกลียดการล้างแค้นด้วยเฟรนฟรายถถถถ แต่จะว่าไปเรือคุณมารีก็ไม่เลวแฮะ...
คันตะเบี่ยงประเด็นเพราะไม่อยากให้นางเสียใจแน่เลย ละก็เบี่ยงถูกประเด็นด้วยนะ
กูเชียร์ทุกเรือเลย จะนอมอลหรือลิลลี่ก็ได้ แต่คันตะก็ทำคะแนนดีจังเลย ท่านเจ้าแม่ต้องสู้นะ เกิดอะไรขึ้นต้องอย่าร้อง
A&A - 32.
งานเย็บรองเท้าเป็นงานที่ยากและใช้อุปกรณ์เป็นจำนวนมาก แม้ว่าฉันจะโชคดีที่คันตะคุงหาส้นรองเท้าแบบหนังอัดมาให้ แต่การตัดเย็บนั้นทำได้อย่างยากลำบาก เพราะถ้าเป็นรองเท้าส้นไม้ธรรมดา สิ่งที่ฉันต้องทำมีเพียงแค่เย็บรองเท้า แล้วแปะส้นลงไปด้วยกาวที่ทำจากยางไม้เท่านั้น แต่ถ้าเป็นส้นรองเท้าแบบหนังอัด จะต้องเจาะรูปส้นรองเท้า จากนั้นก็เย็บตัวรองเท้าแล้วเย็บร้อยมันเข้ากับส้นอีกที จากนั้นถ้ามีส้นเหลืออยู่ ก็จะใช้กาวแปะทับลงไปด้านล่างอีกชั้น เพื่อความคงทนและเสริมความหนาของพื้นรองเท้า
ฉันคิดว่าไหน ๆ จะทำรองเท้าที่ต้องใส่ไปตลอด ก็อยากจะทำให้ดี ฉันเย็บแก้แล้วแก้อีกเพราะการเย็บรองเท้าถ้าทำผิด ทรงก็จะเบี้ยวใส่ไม่สบาย นอกจากนี้ฉันยังอยากเสริมส้นด้านหลังด้วย จึงไปปรึกษานายตัวสำรองที่ดูจะมีความสามารถในด้านการประดิษฐ์
และเขาก็ไม่ทำให้ฉันผิดหวังจริง ๆ สองวันต่อมา เขาก็มาหาฉันที่ห้องตัดเย็บ แล้วเอาส้นรองเท้าสูงหนึ่งนิ้วซึ่งแกะจากไม้มาให้ ฉันบอกให้เขาทำส้นที่ค่อนข้างใหญ่ เพราะถึงส้นเล็ก ๆ จะสวย แต่ใช้งานได้ไม่ทน เมื่อหุ้มยางลงไปบนพื้นรองเท้า รองเท้าที่ฉันทำคู่แรกในชีวิตก็ออกมาใช้งานได้ในที่สุด ถึงจะไม่สวย แต่ใช้งานได้สบายไม่แพ้รองเท้าคู่แรกของเรย์กะ
นอกจากพื้นรองเท้าแล้ว มิซึซากิยังบอกอีกว่าเพราะฉันประพฤติตัวได้เรียบร้อยไม่ก่อความวุ่นวายในวัง ฉันจึงได้รับอนุญาตให้เลือกหนังสือจากห้องหนังสือกลับไปด้วย ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากที่ในที่สุด ฉันจะได้มีอะไรอ่านนอกจากพระคัมภีร์น่าเบื่อที่อ่านซ้ำไปซ้ำมา แต่ก็ไม่จบเพราะหลับก่อนทุกที
หนังสือที่ฉันเลือกไปนั้นเป็นหนังสือที่เกี่ยวกับมารยาทและประวัติศาสตร์ แม้ว่าจริง ๆ แล้วฉันจะชอบอ่านนิยายมากกว่า แต่เพราะว่าฉันได้รับอนุญาตให้เลือกหนังสือได้แค่สามเล่ม จึงกัดฟันตัดใจจากหนังสือนิยาย แล้วเลือกหนังสือที่น่าจะมีประโยชน์ต่อตัวเองในอนาคต เพราะฉันไม่มีความทรงจำของเรย์กะเลยแม้แต่น้อย ถ้าจู่ ๆ เรย์กะเกิดลืมมารยาทชนชั้นสูงที่เธอควรจะรู้ดีเพราะถูกปลูกฝังในสายเลือด ฉันคงไม่มีสิทธิ์แก้ตัวกับเอ็นโจอีก
เนื่องจากช่วงเวลาที่ผ่านมาฉันยุ่งอยู่กับการตัดเย็บเสื้อผ้ารองเท้าสำหรับตัวเอง รวมถึงโดนคันตะคุงเรียกไปฝึกทำอาหารด้วย จึงไม่มีเวลาได้นั่งกลุ้มเรื่องเอ็นโจและเรื่องที่ริรินะบอกนัก วันสุดท้ายก่อนจะกลับไปยังแท่นบูชา ฉันแวะไปเยี่ยมอุเมวากะกับเบียทริซที่โรงเลี้ยงม้า ทั้งมีเจตนาจะเยี่ยมเขาและหวังว่าจะได้พบกับริรินะเพื่อสืบข่าวอีก ฉันไม่พบกับริรินะ แต่ได้บอกลาอุเมวากะ
เพราะว่าฉันไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นนักโทษ เขาเลยนึกว่าหมดฤดูหนาว ฉันต้องกลับไปทำการเกษตรที่หมู่บ้าน เขาทำหน้าเศร้าบอกว่าเบียทริซชอบฉันมาก ถ้าฤดูหนาวปีหน้าฉันมาทำงานที่วังอีกครั้ง เขาจะให้ฉันลองขี่เบียทริซ
ฉันคิดว่าดีแล้วที่ไม่ได้บอกความจริงไป เพราะฉันคงไม่มีโอกาสได้กลับมาที่นี่อีก ไม่สิ ฉันหวังว่าฉันจะไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก
.....
อยากรู้ว่าเบียทริซเป็นม้าสีขาวหรือดำ กูไม่ได้อ่านข้ามใช่มะ
ม้าที่มีขนหางม้วนหลอดๆเหมือนเจ้าแม่ด้วยนะ
A&A - 33.
ทันทีที่ก้าวเข้ามาในรั้วของแท่นบูชาร้าง ฉันก็รู้สึกเหมือนตัวเองได้กลับบ้าน
แม้ว่าจะถูกกักบริเวณในนี้ชั่วชีวิต แม้ว่าที่นี่จะไม่สะดวกสบาย ไม่มีแม้กระทั่งห้องน้ำหรือเพื่อนคุย แต่อย่างน้อยที่นี่ก็เป็นพื้นที่ของฉัน ที่ ๆ เดินไปทางไหนก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไปเจอธงมรณะอย่างคาบุรากิ วาคาบะจัง หรือเอ็นโจเมื่อไหร่
ฉันขนของที่ติดตัวจากราชวังลงมา มีทั้งหนังสือ ผ้าพับใหญ่ พื้นรองเท้า อุปกรณ์ตัดเย็บ ชุดชั้นในและเสื้อผ้าที่ตัดตอนที่ทำงานอยู่ในห้องตัดเย็บ รวมถึงเสบียงในวันนั้นด้วย ส่วนวัตถุดิบสำหรับทำอาหาร คันตะคุงสัญญาว่าจะให้คุณเมดเอามาให้ในเที่ยงวันถัดไป
ในบ้านค่อนข้างเย็น ฉันเลยจุดไฟในเตาเพื่อทำให้บ้านอุ่นขึ้น เนื่องจากใกล้จะหมดฤดูหนาวแล้ว เลยไม่ต้องกังวลเรื่องฟืนอีก ฉันนั่งกินขนมปังที่ได้มาจากคันตะคุงหน้าเตาผิง ผัดวันประกันพรุ่งในการทำความสะอาดบ้านที่เริ่มมีฝุ่นจาง ๆ เพราะไม่ได้อยู่มาสามเดือน
พอมีเวลาว่าง ฉันก็เริ่มฟุ้งซ่านถึงปัญหาของตัวเอง
ถ้าเป็นพล็อตนิยายตามปกติที่ฉันเคยได้อ่านมา แม้เจ้าชายจะหลงรักหญิงสาวสามัญอย่างวาคาบะจัง แต่ถ้าคิดตามหลักความจริง องค์ราชินีย่อมต้องไม่ปลื้มที่เชื้อพระวงศ์จะมีเลือดของสามัญชนมาปะปนในราชวงศ์เป็นแน่ ทว่าในโลกยุคโบราณ โดยเฉพาะในราชวงศ์ การตัดสินใจสูงสุดย่อมต้องเป็นของผู้ชาย และผู้ชายที่มีอำนาจมากที่สุดไม่พ้นพระราชา
ฉันนึกถึงคุณพ่อของคาบุรากิที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนบัลลังก์ในชุดกษัตริย์แล้วแอบเคลิ้มไปชั่วขณะ ถ้าเป็นคุณลุงที่หล่อเหลา ฉลาดเฉลียว ขายาว แถมยังมีรสนิยมวิไลอย่างการสะสมหนังสือหายากผิดกับทานูกิบ้านฉันคนนั้นย่อมต้องใจกว้างยอมรับสะใภ้สามัญชนแน่ ๆ ทว่ามีหรือที่ผู้หญิงที่ทรงอำนาจอย่างมาดามจะยอมให้ทุกอย่างดำเนินไปตามนั้น
ฉันนึกภาพมาดามที่แม้จะไม่ถูกใจคิโชวอิน เรย์กะ เพราะอารมณ์ร้ายแล้วก็ฉลาดน้อยไปหน่อย แต่อย่างน้อยในฐานะบุตรีดยุก เธอก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าวาคาบะจัง หรือถ้าไม่ใช่เรย์กะ ก็น่าจะมีบุตรีขุนนางคนอื่น ๆ รอเสียบตำแหน่งกันให้ยุบยั่บไปหมด ดังนั้นอุปสรรคของตัวเอกทั้งคู่น่าจะยังไม่หมดเป็นแน่
แม้ว่าฉันสงสัยว่าตัวเองจะเข้าไปเป็นหนึ่งในแผนการขัดขวางทางรักของคาบุรากิและวาคาบะจังยังไง ในเมื่อฉันโดนสั่งกักบริเวณขนาดนี้ แถมยังรู้กันไปทั่วว่าฉันกลายเป็นเมดขัดห้องน้ำที่เป็นงานซึ่งแม้แต่เมดรุ่นพี่ที่มาจากชนชั้นล่างยังเกี่ยงกันทำ ชื่อเสียงน่าจะเสียหายย่อยยับไปแล้วเรียบร้อย ดังนั้นจึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีในการเข้าชิงตำแหน่งราชินีในอนาคต แต่ในฐานะตัวร้ายของเรื่องย่อมต้องมีธงมรณะตามหลอกหลอนในระดับไม่ธรรมดา ดังนั้นฉันจะต้องระวังตัวไม่ทำอะไรเด่นเกินหน้า แล้วไปขัดขวางหนทางอันรุ่งโรจน์ของบรรดาตัวละครหลักเป็นอันขาด
นอกจากคาบุรากิแล้ว ตัวอันตรายอันดับสองคือเอ็นโจ โชคดีที่เรื่องคิมิดอลไม่ใช่เกมจีบหนุ่ม ไม่อย่างนั้นก้าวไปทางไหนฉันคงเจอแต่ชะตามรณะเพราะขัดขวางทางรักของวาคาบะจัง แต่ยังไงก็จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด เพราะการขัดขวางความรักของคู่รองก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะเจอแบดเอนเหมือนกัน ฉันสงสัยว่าในโลกนี้มีคุณยุยโกะรึเปล่า แต่ดูจากสภาพการณ์ ฉันเกือบจะมั่นใจว่าคู่หมั้นของเอ็นโจจะต้องเป็นคุณยุยโกะอย่างแน่นอน
ตัวอันตรายลำดับต่อไปคือนายตัวสำรอง ฉันไม่รู้ว่านายตัวสำรองตัดใจจากวาคาบะจังได้รึยัง ฉันนึกภาพตอนต่อของดราม่าการ์ตูนผู้หญิงคลาสสิกแล้วรู้สึกเหมือนขมับเต้นตุบ ๆ ด้วยความปวด ฉันที่น่าจะดวงซวยกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางทางรักของคู่เอกทำให้วาคาบะจังเข้าใจผิด นายตัวสำรองที่ยังรักวาคาบะจังอยู่จึงคิดอยากจะช่วยเหลือเธอด้วยการกำจัดฉันทิ้ง...
ไม่ นั่นมันยันเดเระเกินไปสำหรับนายตัวสำรอง นายตัวสำรองน่าจะมีมโนธรรมกว่านั้น เขาอาจจะช่วยปลอบวาคาบะจังให้กลับไปคืนดีกับคาบุรากิ ส่วนคาบุรากิโกรธที่ฉันทำให้วาคาบะจังเข้าใจผิดและเสียใจ เลยกำจัดฉันเพื่อความสบายใจของเธอ...
ฉันคิดถึงความเป็นไปได้แล้วหนทางนี้น่าจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้สูง หรือไม่ก็เอ็นโจเห็นเพื่อนตัวเองต้องทนทุกข์ เลยกำจัดฉันทิ้ง...
ฉันนึกถึงคำขู่ของเขาแล้วกรีดร้องในใจ นี่แหล่ะ ธงมรณะของฉัน
ฉันรู้สึกปวดท้องหน่วง ๆ ขึ้นมาอีกครั้ง และทบทวนกับตัวเองเหมือนตอนที่เข้าร่างของเรย์กะในวัยห้าขวบว่า จะหลีกให้ห่างจากตัวเอกและไม่ทำตัวเด่นให้มากที่สุด
..
โอ้ยยย กลุ้มแทนเจ้าแม่ มองไปทางไหนก็มีแต่ธงมรณะ
แง ไม่ว่าจะโลกไหน ทั่นเรย์กะก้อไม่มีความคิดโดขิโดขิกับใครเลย ถถถถ
โดขิๆกับฟู้ดซังไงล่ะ
กูว่ามีอยู่ครั้งเดียวอะ ที่ท่านเรย์กะแผ่ออร่าสาวน้อย คือตอนที่อ่านนิตยสารใกล้คาบุ อันนั้นคือมันดีต่อใจมาก เหมือนสาวน้อยหวั่นไหวพระเอกโชโจ แค่เจ้าคาบุมันก็ทำลายโมเมนต์ซะย่อยยับ....
จริงๆตอนเจ้าแม่เห็นคาบุนอนพักหลังออกกำลังกายก็ใจเต้นนะ ประมาณว่าเสี้ยวหน้าที่โดนแสงช่างหล่อเหลาอะไรเช่นนี้ ว่าแล้วนางก็ค่อยๆเอาผ้าชุบน้ำโปะหน้าคาบุ...
แล้วฉากสะดุดบันไดในตำนานสุดโดกิโดกินั้นล่ะ
ขอถามนอกเรื่องหน่อย พวกมึงคิดว่าพวกเซริกะไปได้แฟนจากที่ไหนกันวะ หรือเดินๆอยู่ก็มีหนุ่มมาขอเบอร์ แบบตอนที่พวกผู้ชายชวนไปกินเชอร์เบ็ตที่ปารีสน่ะ
ขนาดตอนชอบรุ่นพี่ซาวด์ยังไม่โดขิๆเลยมึง มาซะผ่างๆๆจนกูกลัว555555
โดขิโดขิกับยูกิโนะคุงไง ยูกิโนะคุงนี่สุดๆ ในเรื่องแล้ว ได้ใจเจ้าแม่ได้ความโดขิไปเยอะกว่าใคร
อย่าลืมท่านอืมาริสิ
A&A - 34.
ปรากฏว่าที่ปวดท้องหน่วง ๆ เมื่อวานไม่ใช่แค่เพราะความเครียด แต่เป็นเพราะประจำเดือนมา
ฉันมองชุดที่เปรอะเลือดประจำเดือน รวมไปถึงผ้าห่มที่ทำมาจากกระโปรงกำมะหยี่ของฉัน มันเปื้อนเลือดแดงแจ๋เป็นวงกว้าง ฉันเลยต้องซักผ้าตั้งแต่เช้าตรู่
การซักผ้าโดยที่ไม่มีผงซักฟอกเป็นเรื่องน่าลำบากยิ่งนัก ฉันเลยตัดสินใจที่จะทำสบู่
ความสามารถแรก ๆ ที่ตัวเอกในนิยายทะลุมิติแสดงออกมาคือการทำสบู่ ต่อจากนั้นก็คิดสร้างสรรค์สารพัด ไปจนกระทั่งออกนโยบายพัฒนาประเทศ ฉันอ่านแล้วสงสัยว่าตัวเอกพวกนั้นใช้ชีวิตในโลกเก่ายังไง ทำไมถึงได้รู้ว่าตัวเองจะต้องทำอะไร แล้วทั้ง ๆ ที่เป็นเด็กในเมือง ทว่าสามารถประดิษฐ์ของที่ใช้ทุ่นแรงในการทำเกษตรได้อย่างง่ายดาย แต่พอคิดว่าถ้าเกิดทะลุมิติมาแล้วง่อยเกินไป ผู้อ่านน่าจะปาหนังสือทิ้งตั้งแต่บทแรก ๆ ดังนั้นเลยต้องมีความสามารถเยอะ ๆ ไว้ก่อน
แม้ว่าฉันจะไม่ได้มีความสามารถมากเหมือนพวกตัวเอกในหนังสือนิยายทะลุมิติที่เคยอ่าน แต่เรื่องทำสบู่นี่สบายมาก ฉันจำได้ว่าแค่เอาน้ำด่างกับไขมันมาผสมกัน เติมน้ำหอมลงไปก็เรียบร้อย
น้ำด่างนั้นสามารถเอามาจากขี้เถ้าในเตา ส่วนไขมันนั้นสามารถขอเนยจากคันตะมาได้ แม้ว่าจะไม่มีน้ำหอม แต่ส่วนผสมหลักที่ใช้ทำสบู่ก็มีครบ
ฉันนึกภาพตัวเองประดิษฐ์สบู่ส่งขายหารายได้เข้ากระเป๋า ถึงแม้ว่าในโลกนี้จะมีสบู่ ทว่ามีแต่ชนชั้นสูงเท่านั้นที่ได้ใช้ ถ้าได้สบู่ช่วยน่าจะพัฒนาเรื่องสุขอนามัยไปได้มาก
ปัญหาคือฉันจำสัดส่วนไม่ได้
แม้ในอดีตฉันจะเคยทำสบู่ส่งอาจารย์ในวิชางานประดิษฐ์ แต่ก็แค่เดินไปซื้ออุปกรณ์สำเร็จที่บอกสัดส่วนไว้อย่างเรียบร้อย แต่เวลานี้กลับไม่ง่ายแบบนั้น
ฉันตั้งหม้อบนเตา แล้วเอาน้ำลงไปต้ม จากนั้นใส่ขี้เถ้าลงไป กะ ๆ เอาว่าน่าจะประมาณนี้แหล่ะ แล้วก็เทเนยลงไปคน ฉันยืนคนส่วนประกอบหน้าเตาแล้วสงสัยว่าไอ้ที่อยู่ในหม้อนี้จะกลายเป็นสบู่ไปได้ยังไง ดูมันไม่ตกตะกอนเหมือนในความทรงจำของฉันเลยแม้แต่น้อย ฉันจ้องหม้ออยู่พักหนึ่ง ก่อนจะใส่ขี้เถ้าลงไปอีก น้ำกลายเป็นสีดำข้น ๆ ฉันคนอีกพักใหญ่ พักกินข้าวเที่ยง กลับมาดูในหม้อก็พบว่ามีตะกอนสีประหลาด ๆ เกิดขึ้นมา แต่ดูหน้าตาไม่น่าจะเป็นสบู่ได้
พอทำถึงตรงนี้ ฉันก็เพิ่งคิดได้ว่า น่าจะต้องละลายขี้เถ้ากับน้ำ แล้วเอาแค่น้ำด่างมา เลยยกหม้อออกจากเตาแล้วตั้งทิ้งไว้ มองหม้อที่อยู่กลางครัวแล้วฉันก็คิดว่า สบู่นี่มันทำง่ายจริง ๆ งั้นเหรอ ทำไมนางเอกการ์ตูนทะลุมิติทุกคนถึงทำได้อย่างง่ายดายขนาดนั้น
ฉันนั่งทำสบู่อยู่หลายวัน ขอเนยจากคันตะคุงจนเขาบ่นว่าฉันเอาไปกินหรือเอาไปใช้แทนฟืนกันแน่ ฉันเลยสารภาพว่าฉันกำลังทำสบู่อยู่
คันตะคุงมาช่วยดูสบู่ของฉัน พอเห็นแล้วเขาก็ส่ายหน้า บอกว่าทักษะในการทำสบู่ของฉันแย่ยิ่งกว่าทำอาหารซะอีก แล้วบอกว่าฤดูกาลแบบนี้เป็นฤดูที่ไม่เหมาะกับการทำสบู่เลยแม้แต่น้อย เพราะอากาศยังชื้นเกินไป ปกติแล้วฤดูทำสบู่จะเริ่มขึ้นในฤดูใบไม้ผลิ ตากตลอดทั้งหน้าร้อน แล้วถึงเอามาใช้ได้ ฉันทำตั้งแต่ตอนนี้จะได้สบู่คุณภาพแย่ มีกลิ่นหืน แถมยังอาจทำให้ผิวถลอกได้อีก
“คันตะคุง...ทำสบู่เป็นด้วยเหรอคะ?”
ฉันมองเขาอย่างทึ่ง ๆ นอกจากทำอาหารเป็นแล้ว ยังทำสบู่เป็นด้วย
“พี่น่ะทำสบู่ใช้เอง ฉันแค่รู้พื้นฐานเบื้องต้นเท่านั้นแหล่ะ”
ฉันฟังแล้วอึ้งไป การทำสบู่เป็นคุณสมบัติพื้นฐานของนางเอกนิยายสินะ ถึงในเรื่องนี้วาคาบะจังจะไม่ได้ทะลุมิติมา แต่ก็ยังทำสบู่เป็น ช่าง...สมกับเป็นนางเอกของเรื่องจริง ๆ
ในเย็นวันนั้นคันตะคุงขนหม้อสบู่ของฉันจากไป บอกว่าจะลองเอาไปแก้ไขดู วันต่อมาเขาส่งสบู่สำหรับซักผ้าและอาบน้ำมาแทน ฉันมองสบู่เหล่านั้นแล้วสงสัยว่า ถ้าการที่ฉันเข้าไปอยู่ในร่างเรย์กะชาติก่อนคือการเล่นเกมส์แบบอีซี่โหมด เข้ามาอยู่ในโลกนี้คือการเล่นเกมส์อย่างนอร์มอลโหมด แล้วถ้าต้องไปอยู่ในโลกที่เจอวิกฤตการณ์แบบซอมบี้บุกโลก ฉันคงตายไปตั้งแต่เรื่องยังไม่เริ่มแน่นอน
.....
ค้างคา รออ่านทีเดียวดีกว่า...
>>860 อันที่จริงจบ A&A นี่มีแพลนว่าอยากเขียนแนวเกมส์จีบหนุ่ม คือเปิดเรื่องแล้วจบตอนแบบมีตัวเลือก เช่น ให้เลือก ไปกินข้าวบ้านวาคาบะ หรือไปดื่มชากับยูกิโนะ ให้เหมือนเล่นเกมส์จีบหนุ่มจริง ๆ ทำแบบนี้กับทุกตอน ส่วนกติกาก็กติกาเดิมค่ะ ใครเร็วก็ได้เลือกไป ความสนุกคือ คู่ใครไม่รู้ แม้แต่คนเขียนก็ไม่รู้ตอนต่อ หรือรู้ก็แค่ 1-2 ตอนล่วงหน้า
ความจริงกูควรเลิกเขียนเรื่องยาว ๆ ได้ละ เดี๋ยว A&A ถึงตอน 48 จะ hiatus ให้คนอื่นได้ลงกาวบ้าง รอแพรพ กูว่าอีกไม่เกิน 3 วัน กูปั่นถึงจุดหยุด checkpoint แรกชัวร์
เมื่อกี้กูไปอัพเดทสารบัญมา อยากอ่านตอนต่อของฟิคภาคหลังเรียนจบจังเลยค่ะ---
A&A - 35.
คุณภาพชีวิตของฉันดีขึ้นมากตั้งแต่มีสบู่ แต่ปัญหาที่ตามมาคือสบู่กับเส้นผมของเด็กสาวนี่ไม่ถูกกันเลยแม้แต่น้อย สบู่ในโลกนี้แม้จะพัฒนาให้อ่อนโยนกับผิวมากกว่าสบู่ซักผ้า แต่หลังจากสระก็ทำให้ผมแห้งอยู่ดี
โชคดีที่นายตัวสำรองมาเยี่ยมฉันในเช้าวันหนึ่งที่อากาศอุ่นขึ้น ฉันเลยถามเขาไปว่าเขาใช้น้ำมันอะไรทาเสื้อเกราะกับดาบกันสนิม มิซึซากิบอกฉันว่าเขาใช้น้ำมันสน แต่ถ้าฉันอยากได้น้ำมันพืชสำหรับทาผิวไม่ให้แตก น่าจะต้องใช้น้ำมันจำพวกน้ำมันอัลมอนด์มากกว่า
พวกเราคุยกันเรื่องต่าง ๆ ตั้งแต่เรื่องการดูแลของที่เป็นโลหะ เทคนิคในการทำความสะอาดที่พักอาศัย ฉันมอบสบู่ที่คันตะให้นายตัวสำรองไปชิ้นหนึ่งให้เขา นายตัวสำรองดูจะถูกใจมาก แล้วยังอบขนมออกมาเลี้ยงเขาในมื้อน้ำชาตอนเที่ยง แม้จะไม่ค่อยขึ้นฟูเท่าไหร่เหมือนตอนที่อบกับคันตะคุง แต่รสชาติก็ยังโอเคอยู่ นายตัวสำรองเลยสัญญากับฉันว่าจะหาน้ำมันทาผิวมาให้
ฉันค่อนข้างเกรงใจนายตัวสำรองไม่น้อย เพราะเขาทำอะไรให้ฉันหลายอย่าง แต่ฉันหาวิธีตอบแทนเขาได้น้อยเต็มที ก็เลยสัญญาว่าจะตัดเสื้อใส่เล่นให้กับเขา เนื่องจากฉันไปทำงานอยู่ในห้องตัดเย็บเกือบเดือน แม้จะถักลูกไม้ไม่ได้ แต่แค่เสื้อทูนิคน่ะเย็บได้สบายมาก
ฉันขอเขาวัดตัว นายตัวสำรองดูเขิน ๆ หน่อยที่ฉันประชิดตัวเขาแล้วลากสายวัดไปทั่ว ฉันมองเขาแล้วคิดว่าอันที่จริงเขาก็ไม่เลวเหมือนกัน ถึงมิซึซากิจะหล่อไม่เท่าคาบุรากิ รวยไม่เท่า มีอำนาจไม่เท่า แต่นิสัยของเขาก็เป็นผู้เป็นคนมากกว่าคาบุรากิหรือเอ็นโจ อย่างเขาน่าจะมีผู้หญิงมาแอบชอบเยอะ แต่น่าเสียดายที่คนที่เขาแอบชอบดันเป็นนางเอก
เพราะนายตัวสำรอง...ก็เป็นตัวสำรองอ่ะนะ
ฉันไว้อาลัยให้กับชีวิตรักของเขาในใจ ไม่ว่าเขาจะรักใครหรือแอบรักวาคาบะจังต่อไปเรื่อย ๆ ฉันก็จะเป็นกำลังใจให้ ขอแค่เขาไม่ปักธงมรณะให้ฉันก็พอ
วันต่อมาประตูหน้ารั้วถูกเปิดออกอีกครั้ง ฉันแอบตกใจว่านายตัวสำรองช่างทำงานได้รวดเร็วจริง ๆ ฉันยังไม่ได้เริ่มตัดเสื้อให้เขาเลยแม้แต่นิดเดียว ทว่าคนที่อยู่หลังประตูกลับเป็นพี่น้องเอ็นโจ
.....
ตัวสำรองขอเป็นตัวจริง
นายช่างดีต่อใจเหลือเกินนนน
นายตัวสำรองนี่ดีต่อใจจริงๆ😁😁
ทำไมเวลานายตัวสำรองมีบทกุต้องโยงไปหาทีวีไดเร็กฟร่ะ ไอ้น้ำมันขัดเสื้อเกราะนั่นต้องไปต่อหลังเวทีสิบคนแรกมาแน่ๆ
A&A - 36.
ถ้าไม่ติดว่ายูกิโนะคุงทำหน้าดีใจที่เห็นฉัน ฉันคงแกล้งทำเป็นว่าตัวเองไม่อยู่— ไม่สิ ทำอย่างนั้นไม่ได้สินะ เพราะฉันถูกกักบริเวณไว้นี่นา ถ้าขืนฉันไม่อยู่ รับรองเรื่องใหญ่มากแน่ ๆ
“คุณพี่เรย์กะ คิดถึงจังเลยฮะ” ยูกิโนะคุงวิ่งเข้ามากอดขาฉัน อุ...น่ารักเกินไปแล้ว
ฉันโดนรังสีโชตะระดับสิบสาดใส่แล้วรู้สึกมือไม้สั่น ได้แต่ย่อตัวลงไปลูบ ๆ กอด ๆ เขา แต่พอเห็นขายาว ๆ ของเอ็นโจ ก็ลืมไปว่ามารยาทในโลกนี้หากผู้สูงศักดิ์มาเยือน จะต้องถอนสายบัวทำความเคารพ เพราะว่าคราวก่อนฉันยังไม่ได้อ่านหนังสือมารยาทก็เลยเผลอไม่ได้ทักทายเขารึเปล่านะ เอ็นโจถึงจับได้ว่าฉันไม่ใช่คิโชวอิน เรย์กะ
“ขอโทษที่เสียมารยาทนะคะ ท่านเอ็นโจ อรุณสวัสดิ์ค่ะ” ฉันลุกขึ้นถอนสายบัว โชคดีที่วันนี้ใส่กระโปรง เลยสามารถจีบกระโปรงถอนสายบัวได้อย่างงดงาม
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณเรย์กะ” เอ็นโจยิ้มเหมือนคราวก่อนเขาไม่ได้ขู่เอาชีวิตของฉันตรงระเบียงทางเดินมืด ๆ เหมือนกริมม์ “ยูกิโนะ ทักทายคุณเรย์กะดี ๆ สิ อย่าเสียมารยาท”
ยูกิโนะผละออกจากฉันอย่างไม่เต็มใจนัก ก่อนจะกล่าวทักทายฉัน แล้ววิ่งเข้ามากอดขาฉันเหมือนเดิม ซุกไซร้ราวกับลูกหมาตัวเล็ก ๆ ฉันใจละลาย พาเขาเข้าไปนั่งเล่นแล้วเตรียมน้ำชาจากใบมินต์ตากแห้งชุดสุดท้ายที่เหลือจากฤดูใบไม้ร่วง ยูกิโนะคุงไม่ค่อยชอบชามากนัก แต่เขากินขนมที่ฉันอบเองอย่างเอร็ดอร่อย ทว่าเอ็นโจไม่แตะขนมของฉันเลยแม้แต่น้อย ฉันจำได้ว่าในโลกก่อนเขาไม่ชอบของหวาน แต่ไม่รู้ว่าในโลกนี้เขาก็ไม่ชอบของหวานเหมือนกัน หรือแค่รังเกียจฉันกันแน่
ฉันทำเป็นว่าเอ็นโจไม่ได้อยู่ตรงนั้น แล้วเล่นกันยูกิโนะคุงอย่างสนุกสนาน พวกเราเก็บหินสีมาเล่นหมากเก็บ แล้วก็ออกไปกระโดดข้ามเส้นกัน พอเห็นเขาเริ่มหน้าแดง ฉันก็นึกขึ้นมาได้ว่าเขาเป็นโรคหอบหืด ไม่ควรให้ออกแรงมากเกินไป ก็เลยชวนเขาไปนั่งเล่นเล่านิทานในฟังจนกระทั่งย่างเข้าบ่ายแก่
ในระหว่างที่กำลังเล่าเรื่องลูกหมูสามตัว เอ็นโจก็เดินเข้ามาบอกว่าวันนี้พวกเขาต้องเดินทางกลับดินแดนของตัวเอง และจะต้องออกเดินทางแล้ว ไม่อย่างนั้นจะถึงค่ำเกินไป
ยูกิโนะทำหน้าเสียดาย เขาบอกว่าถ้าคราวหน้าเขามาที่วังอีก จะมาเยี่ยมฉันอีกครั้ง เอ็นโจพายูกิโนะคุงขึ้นรถม้า แต่ตัวเองกลับหมุนตัวแล้วเดินเข้ามายืนต่อหน้าฉัน ยิ้มด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนที่ทำให้ฉันถอยกรูด ฉันรู้ดีว่ามันเสียมารยาท แต่สัญชาตญาณเอาตัวรอดของฉันกรีดร้องดังลั่นไปหมดเมื่ออยู่ต่อหน้าธงมรณะหมายเลขหนึ่งอย่างเอ็นโจ
“ขอบคุณนะครับที่วันนี้เล่นเป็นเพื่อนยูกิโนะ” เขาพูดอย่างสุภาพ ทำเอาฉันรู้สึกแปลกใจ “แล้วก็...คุณเหมาะกับชุดกระโปรงมากกว่าจริง ๆ นั่นแหล่ะครับ คุณเรย์กะ”
ฉันมองเอ็นโจที่ขึ้นรถม้าอย่างสง่างาม คิดในใจว่าครั้งหน้าถ้ารู้ว่าวันไหนจะต้องเจอเขา ฉันจะไม่ใส่กระโปรงอีก
.....
กูยังอยู่เรือองค์รัชทายาททททททททท ฮือออออ
หยึยยย สาดเกลือใส่เอ็นโจรัวๆ. นายตัวสำรองช่างดีต่อจัย. ขอให้ได้เป็นตัวจริงของเรย์กะจังน้า~
กูไม่ไว้ใจเอ็นโจเลยยย ยิ้มงี้มีแผนใช่มั้ยยย *สาดเกลือนัวๆ แต่ฟิคนี้นายตัวสำรองดีงามมากกกเลย ถึงจะมีความทีวีไดเรคก็เถอะ 55555
A&A - 37.
ฉันได้น้ำมันทาผิวมาแล้ว เป็นน้ำมันอัลมอนด์ในขวดแก้ว นายตัวสำรองละเอียดอ่อนถึงขนาดใส่กลีบกุหลาบลงไปในนั้นด้วย ทำให้น้ำมันกลายเป็นโรสออยล์สีชมพูน่ารักและมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ฉันประทับใจมาก เลยสัญญากับเขาว่านอกจากเสื้อแล้วจะเย็บกางเกงให้เขาด้วย แต่นายตัวสำรองปฏิเสธ บอกว่าแค่เสื้อก็พอแล้ว
เสื้อของนายตัวสำรองถูกตัดเย็บออกมาอย่างรวดเร็ว ฝีเข็มของฉันไม่เลวนัก ฉันเย็บตะเข็บเสื้อสามชั้นเพื่อให้มันทนทาน ถึงมันเป็นเสื้อทูนิคธรรมดาแต่เขาก็ขอบคุณฉัน แล้วบอกฉันว่าถ้ามีเรื่องเดือดร้อนอะไร ก็ให้บอกเขา เขาจะพยายามช่วยฉันเท่าที่เขาทำได้
ตอนบ่ายอ่อน ๆ ที่ฉันกับเขานั่งเล่นอยู่ใต้ต้นไม้ ฉันเปรยขึ้นมาว่าต้นไม้ฝั่งโน้นมีโต๊ะแล้ว ถ้าต้นไม้ฝั่งนี้มีชิงช้าน่าจะดี นายตัวสำรองเลยอาสาทำชิงช้าให้ฉัน ดูเหมือนว่าเขาจะชอบงานอะไรประมาณนี้มาก พูดวันนี้ อีกสองวันเขาก็มาเยี่ยมฉันพร้อมกับไม้กระดานและเชือก ทำชิงช้าให้ฉันนั่งเล่นสมใจ
ฉันเริ่มมองไปยังบ่อปลา คิดว่าถ้าทำความสะอาดดี ๆ แล้วรอจนหน้าฝน ฉันอาจจะได้บ่อปลาบ่อหนึ่งมาดูเล่น ฉันว่าเลี้ยงบัวหรือพวกปลาเป็นงานอดิเรก แต่ไม่กล้าจับมันมากินอย่างเด็ดขาด แค่คิดว่าตัวเองจะต้องฆ่าปลา ก็รู้สึกเหมือนจะเป็นลมแล้ว
เพราะว่าโปรเจคนี้กว่าจะได้ใช้จริงยังอีกยาวไกล ฉันเลยเงียบเอาไว้ก่อน ขืนใช้มิซึซากิรัว ๆ ถึงจะเป็นคนดีแต่เขาก็อาจจะขยาด และไม่มาเยี่ยมฉันอีกเลย ฉันเลยคิดว่าระหว่างนี้จะพยายามอบขนมให้อร่อยขึ้น ขุนนายตัวสำรองเอาไว้ใช้แรงงานในอนาคตทีเดียว
ในระหว่างนั้น ฉันเขียนจดหมายไปหาท่านพ่อท่านแม่และท่านพี่ และฝากคันตะไปส่งอีกครั้ง คันตะคุงมีสีหน้าลำบากใจ แต่บอกว่าเขาจะพยายาม นอกจากนี้ฉันยังขอสบู่ไปเพิ่ม เพราะขอร้องเขาเยอะแยะ ฉันเลยสัญญาว่าจะปักผ้าเช็ดหน้าให้เขาเป็นการตอบแทน
ตอนที่ฉันคิดว่า อา...ชีวิตอย่างนี้ก็ไม่เลวนะ คุณเมดส่งของก็เอาจดหมายฉบับหนึ่งมาให้ฉัน ฉันตื่นเต้นแทบแย่เมื่อนึกว่าในที่สุดที่บ้านก็ได้รับจดหมายของฉัน และเขียนจดหมายตอบมาแล้ว ทว่าตราสัญลักษณ์บนครั่งปิดจดหมายทำให้ฉันชะงัก
มันเป็นตราประทับขององค์ราชินี
.....
โรสออยยยยยยยยยยยย อ้อยเบอร์ไหนนนนน เรือกูแล่นฉิวมาก ฮือๆ
ปล check pointมาละสินะ สวดให้ทั่นเรย์กะเจ้าค่ะ ถถถ
ส่งจดหมายไปเค้าก็ไม่รับ แต่ที่ไม่อยากสุงสิงดันส่งจดหมายกลับมา
ตื่นเต้นขึ้นเรื่อย
A&A - 38.
ลายมือของมาดามคาบุรากิสวยจนเหมือนพิมพ์ออกมาจากปรินเตอร์ กระดาษที่ใช้ก็เป็นกระดาษหอมย้อมสี เนื้อเนียนละเอียดไม่เหมือนกระดาษที่คนทั่วไปใช้
ในนั้นเขียนระบุไว้ว่า เนื่องจากท่านมาควิสซาวาราบิมีบุตรีที่โตพอจะต้องอบรมเรื่องมารยาทของเลดี้ จึงมีพระประสงค์ให้ฉันพักอยู่ในวังช่วงสั้น ๆ เพื่อช่วยสอนมารยาทให้กับเธอ
ซาวาราบิ...มาโอะจัง?
ฉันมองจดหมายเรียกตัวเข้าวังแล้วมองเห็นเงามรณะจาง ๆ แต่ก็อดทึ่งไม่ได้ว่าช่างเป็นแผนการขัดขวางความรักของคาบุรากิกับวาคาบะจังที่แยบยลยิ่งนัก
ปกติแล้วในโลกนี้ ถ้าบุตรีขุนนางที่อายุถึงเกณฑ์แล้วจะได้รับการอบรมมารยาทจากเลดี้ที่อายุมากกว่า เลดี้เหล่านั้นจะอบรมมารยาทการเข้าสังคม ช่วยเธอจัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ทำความรู้จักกับเด็กผู้หญิงในวัยเดียวกัน ออกงานสังคมเพื่อสอดส่องดูผู้ชายที่เหมาะสมและแนะนำพวกเขาให้กับบ้านของเธอ รวมถึงพาเธอเปิดตัวต่อสังคมเมื่อถึงวัยสมควรแก่การแต่งงานด้วย
แม้ว่าปกติแล้วเลดี้พี่เลี้ยงมักจะเป็นเลดี้ที่แต่งงานแล้ว หรือเลดี้ที่ได้รับการอำนวยยศเพราะติดตามองค์ราชินีมาจนกระทั่งเลยวัยแต่งงาน ทว่าฉันกลับได้รับการแต่งตั้งเป็นพิเศษ นัยหนึ่งบ่งบอกว่าฉันที่เป็นเลดี้ที่ไม่มีโอกาสได้แต่งงาน แต่อีกนัยหนึ่งกลับเปิดโอกาสให้ฉันเข้าใกล้ผู้ชายได้อย่างเปิดเผยโดยไม่ต้องกลัวข้อครหานินทา ดู ๆ ไปแล้วสมกับเป็นความคิดของมาดามคาบุรากิ เพราะดูคาบเส้นอย่างน่าหวาดเสียวกับจารีตสังคม แต่ก็ดูไม่ได้ไม่เหมาะสมด้วย เพราะใครจะเป็นเลดี้พี่เลี้ยงไปได้ดีไปกว่าคิโชวอิน เรย์กะ ดอกไม้ในวงสังคมที่เด่นดังที่สุด
จากเสียงนินทาที่ฉันได้ยินตอนใช้ชีวิตในราชวัง แม้คิโชวอิน เรย์กะ จะเป็นคนอารมณ์ร้ายและชอบกลั่นแกล้งคนที่ต่ำศักดิ์กว่า แต่เธอก็เป็นเลดี้ที่ได้รับการยอมรับไม่น้อย แม้ส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะว่าเธอเป็นบุตรีของดยุก ทว่าใครต่อใครต่างเฝ้าดูว่างานเลี้ยงของเธอจะเป็นเช่นไร เธอใส่ชุดแบบไหน ใส่เครื่องประดับราคาเท่าไหร่ คุยเรื่องอะไร งดงามขนาดไหน โง่เขลาเพียงใด เพื่อที่จะเอามาเลียนแบบบ้าง นินทาบ้าง เรียกได้ว่าคนที่ชื่นชมเธอก็มาก คนที่เกลียดเธอก็มีไม่น้อย แต่เธอคือหัวข้อสนทนาของคนในสังคม และไม่มีใครที่จะไม่รู้จักเธอ
แม้ว่าเธอจะถูกลงโทษให้กักบริเวณ ได้รับความอับอายในงานหมั้นของตัวเอง แต่การเชื้อเชิญจากองค์ราชินีย่อมเป็นใบเบิกทางให้เรย์กะเข้าสู่วงสังคมอีกครั้ง ถึงลับหลังจะต่อต้านไม่ยอมรับ แต่เบื้องหน้าไม่มีใครกล้าไม่ต้อนรับฉันที่เป็นเลดี้พี่เลี้ยง เพราะนอกจากจะเป็นการหยามหน้าตระกูลซาวาราบิ แล้วยังเป็นการตบหน้าพระราชินีโดยตรงด้วย หมากตานี้ถือว่าร้ายกาจยิ่งนัก
ฉันมองจดหมายในมือแล้วรู้สึกหนักใจ นอกจากเหตุผลทางการเมืองแล้ว ฉันที่ไม่มีความทรงจำของเรย์กะในชาตินี้วิตกอย่างหนักว่าจะทำได้ดีรึเปล่า ทว่าถึงจะไม่เต็มใจ แต่พระราชเสาวนีย์ก็คือพระราชเสาวนีย์
ในคืนนั้น รถม้าที่มารับฉันไปยังปราสาทช่างหรูหราโอ่โถง นั่นยิ่งทำให้ฉันประหวั่นใจถึงแผนการของมาดามคาบุรากิขึ้นไปอีก
.....
ท่านพี่ใจร้าย... กูโกรธละ ไปไหนก็ไปเลย แกไม่ใช่ซิสค่อนคนนั้นอีกแล้ว //เรือกูเว้ย เรือกูวววว โครตชิว เรือยูกิโนะก็ยังแล่นแบบชิวๆ 5555555
A&A - 39.
คุณเมดที่มาต้อนรับฉันหน้าประตูวังทำให้ลมหายใจของฉันสะดุด
อันที่จริงฉันควรจะเลิกประหลาดใจได้แล้วตอนที่เจอกับคนรู้จักจากโลกเดิม แต่ภาพเซริกะจังและคิคุโนะจังทำให้ฉันรู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ
ดูเหมือนว่าในโลกนี้เซริกะจังและคิคุโนะจังเองก็เป็นเพื่อนของเรย์กะเหมือนกัน พวกเธอรอรับฉันด้วยสีหน้าดีใจจนแทบกลั้นน้ำตาไม่ไหว ก้มหัวให้ฉันต่ำ ฉันเลยรีบลงไปหาพวกเธอ
เซริกะจังเข้ามาประคองมือของฉัน ส่วนคิคุโนะจังช่วยจับชายกระโปรงของฉัน แม้ว่าชายกระโปรงของฉันจะมีความยาวไม่มากนัก แต่เธอก็ทำเหมือนฉันกำลังใส่ชุดของชนชั้นสูง พวกเธอนำฉันไปจนถึงห้องนอนที่พอเปิดเข้าไป ก็เป็นห้องที่หรูหรากว่าห้องที่ฉันเคยพักในวัง บนพื้นปูพรมหนา มีเตียงสี่เสา มีเตาผิงในห้องนอน ข้างเตาผิงคืออ่างอาบน้ำที่ทำจากทองเหลือง
“ท่านเรย์กะ ฉันคิดถึงท่านเหลือเกินค่ะ” คิคุโนะจังบอก น้ำตาไหลออกมา
“ฉันเองก็คิดถึงท่านเรย์กะเช่นกันค่ะ เพียงแค่คิดว่าท่านเรย์กะต้องอยู่อย่างยากลำบาก ฉันก็รู้สึกเหมือนจะขาดใจ” เซริกะจังร้องไห้
พอเห็นทั้งสองคนร้องไห้ ฉันก็ร้องไห้ออกมา พวกเราร้องไห้กอดกันอยู่ในห้องจนกระทั่งคิคุโนะจังบอกว่าฉันคงเหนื่อยแย่ เลยช่วยฉันอาบน้ำ
แม้ว่าฉันจะรู้สึกไม่สบายใจนักกับการมีคนมาช่วยถอดเสื้อผ้าให้ แต่ก็ต้องฝืนเพราะไม่อยากให้ผิดสังเกต ฉันน้ำตาไหลพรากในใจเมื่อเซริกะจังถอดถึงกางเกงในผูกเชือกของฉัน แล้วจ้องเป๋ง
ฉันที่ไม่รู้จะปิดบนหรือปิดล่างดีได้แต่ยืนท่องบทสวดมนต์ในใจ คิคุโนะจังเองก็จ้องเช่นกัน ก่อนจะถอนหายใจเฮือก แล้วบอกกับฉันว่าถึงจะโดนกักบริเวณ แต่ฉันก็สมกับเป็นท่านเรย์กะที่มักจะมีความคิดแปลกใหม่ในการแต่งตัวเสมอ
“กางเกงชั้นในแบบนี้แปลกดีจริง ๆ ค่ะ ดูกระชับสวยงามกว่ากางเกงในแบบเก่าตั้งเยอะ สมกับเป็นท่านเรย์กะจริง ๆ” เซริกะจังพูด ไม่รู้ว่าพูดจริงหรือแค่ชมเพื่อเอาใจฉันกันแน่ แต่ฉันขยับออกมาแล้วบอกกับพวกเธอว่าฉันจะอาบน้ำเอง
ทั้งสองคนทำท่าไม่เข้าใจ พอฉันบอกไปว่าฉันชินกับการอาบน้ำเองแล้ว ทั้งเซริกะจังและคิคุโนะจังก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง บอกว่าชีวิตของฉันช่างยากลำบากจริง ๆ ฉันบอกพวกเธอว่าให้พวกเธอช่วยอุ่นเตียง กับเติมน้ำร้อนน้ำเย็นก็พอ
เพราะว่าฉันไม่ได้อาบน้ำกลางแจ้ง จึงค่อนข้างทุลักทุเล ฉันใช้ผ้าถูตัวทำความสะอาดร่างกาย ฟอกสบู่แล้วใช้ผ้าสะอาดเช็ดจนฟองหมด ก่อนจะลงไปแช่น้ำอุ่น
ตอนหน้าหนาวฉันได้แต่ต้มน้ำในหม้อเล็ก ๆ ผสมมันกับน้ำเย็นแล้วใช้ผ้าเช็ด เนื่องจากไม่สามารถต้มน้ำจำนวนมากได้ การได้แช่น้ำอุ่นหลังจากที่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากนี่ถือว่าเป็นสวรรค์บนดินจริง ๆ
หลังจากที่แช่น้ำอุ่นจนง่วงแล้ว เซริกะจังก็เอาผ้าเช็ดตัวมาจะซับน้ำบนร่างให้ฉัน แต่ฉันที่แค่เปลือยต่อหน้าพวกเธอก็อายจนไม่รู้จะอายยังไงอยู่แล้วได้แต่ขอผ้าเช็ดตัวมาเช็ดเอง ฉันมองพวกเธออย่างรอคอยว่าเมื่อไหร่พวกเธอถึงจะเอาชุดนอนมาให้ฉัน แล้วก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าคนที่นี่นอนเปลือยกัน
เพราะตอนที่ฉันป่วย ฉันเหงื่อออกค่อนข้างมาก จึงได้รับอนุญาตให้ใส่ชุดนอนได้ แต่ตอนนี้ไม่ได้ป่วย ดังนั้นจึงไม่มีชุดนอนสำหรับฉัน ถึงในห่อสัมภาระจะมีชุดนอนเตรียมมา การที่สตรีชั้นสูงอย่างเรย์กะใส่ชุดนอนหมายความว่าคุณเมดอุ่นเตียงของเธอได้ไม่ดีพอ จึงถือเป็นการตำหนิกลาย ๆ
ฉันน้ำตาไหลพรากในใจอีกครั้งตอนปีนขึ้นเตียง สาวน้อยที่ยังไม่ได้แต่งงานอย่างฉันนอนเปลือยแบบนี้ ถ้าเป็นในโลกก่อนใครรู้เข้าต้องโดนนินทาแน่ เซริกะจัดการเอาอ่างน้ำออกไป ส่วนคิคุโนะจังบอกกับฉันว่าคืนนี้เธออยู่รับใช้ฉันในห้องด้านข้าง แล้วก็หายเข้าไปในประตูบานเล็ก ๆ ซึ่งเป็นที่พักของคุณเมดต้นห้อง
ในคืนนั้นฉันหลับตาลง แล้วคิดว่าก่อนที่จะไปสอนมาโอะจัง ฉันต้องทำตัวให้ชินกับสังคมของที่นี่ให้มากกว่านี้ซะแล้ว
.....
A&A - 40.
เช้าของวันรุ่งขึ้น คิคุโนะจังมาปลุกฉัน ส่วนเซริกะยังยกถาดอาหารเข้ามาในห้อง บอกฉันว่าตอนช่วงสายองค์ราชินีมีรับสั่งให้ฉันไปเข้าเฝ้าดื่มชา
อาหารที่ยกเข้ามานั้นเป็นขนมปังชิ้นเล็กกับผลไม้เชื่อม ฉันทานอาหารเช้าไซส์กระจุ๋มกระจิ๋มอย่างเอร็ดอร่อย แต่รู้สึกไม่อิ่มเลยแม้แต่น้อย
แล้วฉันก็ต้องขอบคุณเซริกะจังที่ไม่ได้ยกอาหารมาให้ฉันเยอะกว่านี้ เพราะตอนที่คิคุโนะจังแต่งตัวให้ฉัน เธอจับฉันใส่เสื้อผ้าฝ้ายตัวใน แล้วเอาคอร์เซ็ตที่ดูเหมือนเครื่องลงทัณฑ์มาใส่ให้ฉัน
“หายใจออกค่ะท่านเรย์กะ พยายามแขม่วท้องให้แบนที่สุด” คิคุโนะจังให้ฉันกอดเสาเตียงเอาไว้ ในขณะที่เธอดึงสายคอร์เซ็ตจนตึงแล้วตึงอีก ถ้าตึงกว่านี้ซี่โครงฉันจะต้องหักแน่ ๆ “ดึงได้ครึ่งนึงแล้วค่ะ อดทนอีกนิดนะคะ ท่านเรย์กะไม่ได้ใส่คอร์เซ็ตมานาน อาจจะรู้สึกอึดอัดนิดหน่อย แต่เพื่อเอวที่เล็กสมส่วน ท่านเรย์กะจะต้องอดทนไว้ค่ะ”
ฉันกรีดร้องในใจ อะไรคือรัดมาถึงแค่ครึ่งเดียว อะไรคือรู้สึกอึดอัดนิดหน่อย อะไรคือเอวที่เล็กสมส่วน ฉันจิกเสาแน่น ลมหายใจถูกรีดออกจนไม่เหลือแม้แต่แรงกรี๊ด เซริกะยืนอยู่ข้าง ๆ ช่วยจับขอบคอร์เซ็ตให้รั้งเข้ามา
อันที่จริง บทลงโทษที่แท้จริงของฉันคือนี่สินะ เอาฉันไปปล่อยในที่ ๆ ไม่ต้องใส่คอร์เซ็ต ให้กินอาหารเต็มที่ไม่อดอยากจนน้ำหนักขึ้น แล้วก็จับฉันยัดใส่คอร์เซ็ตเหมือนเดิม นี่มันบทลงโทษชัด ๆ!
กว่าจะยัดตัวเองเข้าไปในคอร์เซ็ตไซส์มาตรฐานที่ทำออกมาเพื่อรัดเอวของผู้หญิงให้เหลือสิบเจ็ดสิบแปดนิ้ว ฉันก็หมดแรงซะจนจะร่วงลงไปนอนบนเตียงอีกครั้ง
เซริกะจังกับคิคุโนะจังประคองปีกของฉันคนละข้าง ราวกับเคยชินกับการช่วยเหลือเจ้านายแบบนี้แล้ว พวกเธออาศัยตอนที่ฉันตัวอ่อนปวกเปียกยัดฉันลงไปในชุดหกชั้นของสตรีชั้นสูง เกล้าผมด้วยเครื่องประดับหลายชิ้น ฉันปฏิเสธไม่ให้พวกเธอใส่ปอมเมดให้กับฉัน เพราะทนไม่ได้ที่ต้องหัวเยิ้มเหมือนลุงแก่ ๆ ตกยุค พอมองตัวเองในกระจกที่ยังเทออกมาได้ไม่เรียบ ทำให้ส่องไม่ชัดเหมือนกระจกยุคปัจจุบัน ก็เห็นคิโชวอิน เรย์กะในชุดคอคว้านเผยเนินอกแบบที่มีเท่าไหร่ก็โกยออกมาโชว์จนหมด ฉันมองชุดแล้วสงสัยว่าทำไมชุดโชว์โป๊อย่างนี้ถึงไม่ถูกประนาม แต่ชุดผ้าฝ้ายที่ไม่เห็นหน้าอกเลยแม้แต่น้อยกลับถูกบอกว่าไม่เหมาะสม ฉันก้มมองเอวคอดกิ่วของตัวเอง ถึงฉันจะเกลียดพุงแบบทานุกินักหนา แต่เอวคอดจนผิดปกติแบบนี้ก็ไม่ชอบเหมือนกัน
“ท่านเรย์กะจะแต่งหน้าเองไหมคะ?” คิคุโนะจังถาม ฉันส่ายหน้าปฏิเสธเพราะไม่คุ้นกับเครื่องสำอางในถาด คิคุโนะจังเลยแต่งหน้าให้ฉัน เธอเพียงปัดฝุ่นขาวลงบนใบหน้าของฉัน ใช้ฝุ่นสีดำแต้มคิ้ว ปัดแก้มด้วยฝุ่นสีแดง และใช้ออยล์เบสผสมฝุ่นสีแดงทาปาก ฉันมองวิธีการแต่งหน้าในโลกนี้อย่างสนใจ เครื่องสำอางในโลกนี้เป็นแบบเรียบง่าย เทคนิคการแต่งหน้าก็แสนจะธรรมดา ถ้าไม่สวยจริงนี่อย่าหวังได้เกิดเลย
เซริกะจังจะพรมน้ำหอมกลิ่นฉุนให้ฉัน แต่ฉันปฏิเสธไปเพราะขนาดแค่ยกมายังไม่ได้ฉีดลงบนตัว ฉันยังรู้สึกเหมือนจะอ๊อก ไม่รู้ว่ายัยไมฮามะทนได้ยังไง
ไม่ว่ายังไงทั้งสองคนก็ยืนยันว่าฉันควรจะใส่น้ำหอมไป ฉันเลยใช้น้ำมันหอมของมิซึซากิ ทาบาง ๆ ลงบนตัว ยังดีที่หน้านี้ยังคงเป็นหน้าหนาว ถ้าเป็นหน้าร้อน ฉันคงเอาน้ำมันมาละเลงตัวแบบนี้ไม่ไหว
ฉันแอบคิดในใจว่าจะดีแค่ไหนหนอ ถ้าฉันเกิดเป็นเรย์กะตอนที่ยังไม่เข้ารูทมรณะ เพราะจะได้ขอร้องให้วาคาบะจังช่วยทำเครื่องประทินผิวแบบที่ใช้ง่าย ๆ แต่ว่านั่นเป็นแค่ความเพ้อฝัน ฉันเลยจ้องขวดน้ำมัน แล้วตั้งใจว่าจะขอร้องนายตัวสำรองที่ตอนนี้ได้กลายเป็นนางฟ้าแม่ทูนหัวของฉันไปซะแล้ว เพราะเขาน่าจะถนัดเรื่องแบบนี้
หลังจากหลีกเลี่ยงวิกฤตการณ์น้ำหอมกลิ่นฉุนชวนอ้วกไปได้ ฉันก็ไปเข้าเฝ้าองค์ราชินี รู้สึกเสียใจทันทีที่ปฏิเสธน้ำหอมกลิ่นเหม็นของเซริกะจัง
เพราะข้าง ๆ ร่างของมาดามคาบุรากิในชุดกระโปรงสุ่มดันโป่งด้วยกลีบกระโปรงซับใน คือคาบุรากิที่นั่งจิบชาเต๊ะท่าเจ้าชายอยู่
.....
นางฟ้าแม่ทูนหัว 55555 ทำไมรู้สึกน่ารัก
ฟิคนี้กูเชียร์อาริมะจริงๆนะเนี่ย ในเมื่อไม่ถูกจริตชีวิตชนชั้นสูงก็ออกไปใช้ชีวิตแบบสาวชาวบ้านด้วยกันกับท่านหัวหน้าองครักษ์นะคะท่านเรย์กะ
เรืออาริมะกับคันตะแล่นฉิว กูเลือกไม่ถูกกกกกกกกกกกกกกกกก
ใครก็ได้ ยูกิโนะคุงก็ได้นะจ๊ะ ♥
A&A - 41
ฉันถอนสายบัวอย่างชดช้อยงดงามที่สุดให้กับองค์ราชินีและคาบุรากิ เอ่ยทักทายด้วยท่าทางนอบน้อมสุขุม ในขณะที่ในใจกรีดร้อง สาปแช่งคาบุรากิที่เลือกเวลามาหามาดามได้แย่ที่สุด
คาบุรากิเห็นฉันแล้วทำหน้าเหมือนไอ้ที่เขาเพิ่งยกจิบเข้าไปคือน้ำโคลน ฉันมองเขาแล้วยังคงรักษารอยยิ้ม แต่รู้สึกว่าตาไม่ได้ยิ้มไปด้วย
“มาได้เวลาพอดีเลย คุณเรย์กะ ดื่มชาก่อนสิคะ“
เมื่อฉันเดินเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ด้านขวาของมาดาม ซึ่งทำให้ประจัญหน้ากับคาบุรากิโดยเลี่ยงไม่ได้ ถ้วยน้ำชาก็ถูกวางลงตรงหน้า ตามด้วยชาสีทองที่รินลงในแก้ว ฉันยกชาขึ้นดื่ม มันเป็นชาจีนรสชาติขม แต่พอกลืนลงคอแล้วในลิ้นกลับหวานละมุน ถือเป็นชาชั้นเยี่ยมที่บอกให้ฉันรู้ว่า ประเทศนี้น่าจะติดต่อค้าขายกับประเทศจีน หรือไม่ก็ประเทศที่เหมือนก๊อปปี้มาจากจีน
ฉันเอ่ยชมชาที่ได้ชิม มาดามคาบุรากิยกพัดจีบขึ้นปกปากในขณะที่เธอหัวเราะ บอกว่าดีใจที่ฉันชอบ เพราะปกติแล้วฉันดื่มแต่ชาสมุนไพร
คาบุรากิหรี่ตามองฉัน แล้วถามฉันว่ามาทำอะไรที่นี่
ก่อนที่ฉันจะได้เปิดปากตอบ มาดามกลับเป็นคนชิงตอบก่อนว่าเธอเรียกฉันให้มาเป็นเลดี้พี่เลี้ยงของบุตรีท่านมาควิสซาวาราบิ
คาบุรากิมองฉันเหมือนสงสัยว่าคนอย่างฉันเนี่ยนะ จะอบรมมารยาทให้ใครได้
ฉันหลบตาเขา อันที่จริงถ้าไม่นับนิสัย คิโชวอิน เรย์กะ ก็น่าจะเป็นเลดี้พี่เลี้ยงที่ดี แต่ถ้าฉันเป็นแม่ของมาโอะจัง แล้วรู้ว่าลูกสาวของตัวเองจะอยู่ภายใต้การดูแลของผู้หญิงขี้วีนนิสัยแย่ ฉันคงไม่ค่อยเต็มใจส่งเธอมาเท่าไหร่
ดูเหมือนว่ามาดามจะอ่านสายตาลูกชายได้กระจ่างเช่นกัน เธอโบกพัดไปมา “คุณเรย์กะจะต้องเป็นเลดี้พี่เลี้ยงที่แสนวิเศษได้แน่ ๆ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา งานเลี้ยงที่คุณจัดมักจะได้รับคำชมเสมอ ๆ นี่คะ” คาบุรากิจ้องฉันเขม็ง ราวกับจะใช้ตาเลเซอร์ของเขาเผาฉันให้เป็นจุล “คุณเรย์กะมาอยู่ที่นี่ฉันเองก็หายห่วง คุณที่ฉันเห็นมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อยกลับต้องไปอยู่ในแท่นบูชาร้างห่างไกล ทุก ๆ คืนฉันได้แต่เฝ้ากังวลว่าจะมีเรื่องอันตรายเกิดขึ้นไหม เพราะคุณที่เป็นเลดี้ยังไม่แต่งงาน กลับต้องอยู่ในที่แบบนั้นกับทหารที่ไม่ใช่คนของตัวเอง ซ้ำยังไม่มีเมดคอยเฝ้า โชคดีนะคะที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
คราวนี้คาบุรากิสะดุ้งเหมือนโดนตบหน้า ฉันเองก็หน้าซีดไปเช่นกันเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
ขนาดอยู่ในวังที่ประตูห้องล็อคแน่นหนา เลดี้ที่ยังไม่แต่งงานยังต้องมีคุณเมดคอยติดตามและนอนเฝ้าเพื่อไม่ให้มีคนย่องเข้าหา แต่ที่ ๆ ฉันถูกส่งไปนั้นไม่มีแม้แต่กลอนล็อคประตู แม้มียามเฝ้าอยู่ด้านหน้า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ายามคนนั้นไว้ใจได้ ซ้ำทหารยามยังชอบหายตัวไปบ่อย ๆ ดังนั้นจึงไม่มีความปลอดภัยเลยแม้แต่น้อย
ถ้าในวันนั้น คนที่บุกรุกเข้ามาไม่ใช่พวกเด็ก ๆ แต่เป็นพวกผู้ชายที่ประสงค์ร้าย ฉันคงโดนฆ่าข่มขืนไปแล้ว
ตอนนี้ถึงมีคนกล่าวหาว่าฉันไม่ได้เป็นสาวบริสุทธิ์ ฉันก็ไม่สามารถหาใครมาเป็นพยานยืนยันได้ เพราะช่วงเวลาที่อยู่ในแท่นบูชาร้างนั่นสุ่มเสี่ยงจริง ๆ
คาบุรากิที่เมื่อครู่ยังมีสีหน้าอวดดีนิ่งไป มาดามส่งสายตาคมปลาบแล้วยิ้มน้อย ๆ สมกับเป็นมาดามคาบุรากิ เพราะภายนอกแม้เธอจะดูเรียบร้อย แต่เวลาเอาจริงก็ต่อยหมัดเดียวน็อค
มาดามกรีดพัดด้วยท่าทางสง่าแล้วหันมาส่งยิ้มให้ฉัน “ถ้าอย่างนั้นเรามาคุยกันเรื่องการฝึกสอนท่านหญิงจากบ้านซาวาราบิกันเถอะค่ะ”
คาบุรากิไม่ได้มองหน้าหรือพูดกับฉันอีกตลอดเวลาที่ฉันสนทนากับมาดาม พอพวกเราคุยกันจบ เขาก็ขอตัวออกไปจากห้องทันที
มาดามบอกกับฉันว่าถึงคิโชวอินจะตัดฉันออกจากตระกูล แต่ท่านแม่ของฉันได้ขอร้องให้ตระกูลเดิมของเธอรับฉันไว้ในฐานะหลานสาว และเมื่อฉันแต่งงาน พวกเขาจะเป็นคนจ่ายสินเดิมให้กับฉัน
ตอนที่ได้ยินจากริรินะว่าท่านแม่ของฉันเข้าพบองค์ราชินี ฉันก็เริ่มสืบข่าวเกี่ยวกับตนเอง และรู้ว่าตระกูลของท่านแม่ฉันถึงจะอยู่แค่ในลำดับมาควิส แต่ก็เป็นตระกูลที่ร่ำรวยและสนิทสนมกับตระกูลเดิมของมาดามคาบุรากิดี เพราะเหตุผลนั้น ตั้งแต่คิโชวอิน เรย์กะ เกิด เธอจึงถูกวางตัวไว้เป็นคู่หมายของคาบุรากิ มาซายะ รัชทายาทผู้สืบต่อบัลลังก์ และตอนที่เรย์กะเริ่มฝึกเป็นเลดี้ ก็ได้ญาติของมาดามคาบุรากิอย่างคุณโยโกะเป็นเลดี้พี่เลี้ยง
“เรื่องมาซายะไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง” มาดามคาบุรากิประกาศ สีหน้าของเธอมุ่งมั่นจนฉันไม่กล้าบอกว่าถ้าต้องแต่งกับคาบุรากิ ให้อยู่เป็นโสดแห้งเหี่ยวตายยังดีกว่า เพราะอย่างน้อยก็ได้แก่ตาย ไม่โดนใครซักคนปักธงมรณะใส่
ฉันพยายามพูดปฏิเสธอ้อม ๆ แต่เธอส่งสายตาเห็นใจให้ฉัน ราวกับฉันเป็นเด็กสาวผู้ถูกทรยศรัก ฉันที่ไม่สามารถโน้มน้าวเธอจึงได้แต่ร้องไห้ในใจ
.....
รอดูรีแอคชั่นคาบุว่าหลังจากนี้จะมีอาการรู้สึกผิดจนต้องทำอะไรไถ่โทษบ้างไหม...
แต่ผลโหวตdarkนี่ยังทำใจสั่นได้เรื่อยๆ
เออ กูว่า Dark อะดีแล้ว กูเห็นแววว่าจะโดนจับแต่งกับคาบุรากิ จบแบบนี้อะดีแล้ว กูอยากเห็นเจ้าแม่แข็งแกร่ง ใช้ชีวิตต่อไปด้วยตัวเองได้บ้าง อ่านเรย์กะคาบุเยอะมันก็เลี่ยนๆ เปลี่ยนรสชาติชีวิตซะบ้างก็ดี มันคือการบริหารตับ.... อุโฮะโฮะโฮะ
>>895 ใช่ กูชอบผู้หญิงแกร่ง ไม่มีผู้ชายก็อยู่ได้ไม่ง้อ
จริงๆกูไม่ชอบพล็อตประเภทวิญญาณคนอื่นมาสิงร่างนางร้ายที่ทำชั่วไว้มากหรือคนที่ไม่เคยอยู่ในสายตาพระเอก แล้วถูกขับไสไล่ส่ง พอเห็นเขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นดันมาทำหวง พล็อตแบบนี้กูรู้สึกมันไม่แฟร์กับเจ้าของร่างเดิมเลย แต่กูแค่ไม่ชอบอยู่คนเดียวอะเน้อ โม่งฟิคอยากเขียนให้ไปทางไหนก็เขียนต่อไปเถอะจ้า
กูอยากอ่านพล็อตตายแล้วไปเกิดเป็นนางเอกเกมหรือนางเอกนิยายมั่งว่ะ เบื่อพล็อตเกิดเป็นนางร้ายแล้ว และถ้ากูเป็นนางเอกนะ กูจะไม่เอาแค่พระเอกคนเดียวหรอก แต่กูจะตั้งฮาเร็มกวาดผู้ชายทั้งหมดมาเป็นของกู จะเลือกไปทำไมในเมื่อทุกคนก็แซ่บกันขนาดนั้น กูรักทุกคนนนน หรือไม่ก็จะเชียร์ให้พวกเขาได้กันแล้วกูนั่งฟิน//แค่กๆๆๆๆ
>>896 กูนึกถึงอีเรื่องหมอหญิงของส้มขึ้นมาทันที เรื่องนั้นกูยังอ่านไม่จบเพราะความควายของพระเอกนี่ล่ะ
ไม่ใช่อะไร กลัวเรื่องการมุ้งยุ่งการเมืองแล้วจะมีอีเวนท์ประหารสามชั่วโคตรอะไรแบบนั้น...
แต่ก็ชักสงสัยว่าเรย์กะก่อเรื่องอะไรไว้ ร้ายแรงขนาดโดนกักบบบริเวณแถมตัดออกจากตระกูลนี่มันน่าจะเรื่องใหญ่เอาการอยู่
A&A - 42.
เนื่องจากดินแดนของซาวาราบิอยู่ไกล ดังนั้นกว่ามาโอะจังจะเดินทางมาถึง ก็ต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือน ในช่วงเวลานี้มาดามอนุญาตให้ฉันเตรียมการสอน และแพลนปาร์ตี้ที่จะต้องจัดอนาคต เพื่อส่งงบประมาณและให้ตระกูลซาวาราบิเตรียมตัว
การเรียนของมาโอะจังแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือการเรียนตามปกติ โดยเด็กผู้หญิงที่เกิดในตระกูลขุนนางชั้นสูงจะต้องเรียนอ่านเขียนและการคำนวน เพื่อที่เธอจะได้เขียนจดหมาย อ่านบทกวี และจัดสรรเงินในบ้านได้ แต่นั่นถือว่าเป็นเรื่องเล็ก เพราะสิ่งสำคัญของชนชั้นสูงคือความงาม ความสามารถในการจัดงานเลี้ยง การเจรจา และการเป็นที่กล่าวถึง
แม้ว่าสิ่งสำคัญของสตรีชั้นสูงอาจจะดูกลวง ๆ ไปบ้าง แต่เนื้อแท้แล้วไม่ต่างจากภรรยานักธุรกิจและผู้มีอิทธิพลในปัจจุบันเลย
ถ้าเป็นเรย์กะคนเดิม คงจะสอนเรื่องพวกนั้นให้กับมาโอะจังได้อย่างง่ายดาย ทว่าฉันที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกใบนี้เลยนั่งกลุ้มจนแทบเป็นบ้า
ฉันขอให้เซริกะจังกับคิคุโนะจังเอาเครื่องสำอางทั้งหมดเท่าที่พวกเธอหาได้มาให้ฉัน หากเป็นในโลกก่อน ฉันสามารถแต่งหน้าหรือแม้กระทั่งเปิดคอร์สสอนแต่งหน้าเบื้องต้นได้อย่างสบาย ทว่าในโลกนี้ เครื่องสำอางตรงหน้าฉันกลับกลายเป็นของแปลกใหม่
แน่นอนว่าฉันซึ่งเป็น ‘ท่านเรย์กะ’ ที่แสนจะเพอร์เฟคในสายตาของเซริกะจังและคิคุโนะจัง ไม่สามารถจะขอร้องให้พวกเธอสอนการใช้เครื่องสำอางพวกนี้ได้ และจะเผยพิรุธออกไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด
ดังนั้นฉันจึงต้องการตัวช่วย โชคร้ายที่มารีได้รับการคัดเลือกจากคุณหญิงที่มาจากตระกูลบารอนตระกูลหนึ่งให้กลับไปรับใช้เธอเพราะถูกใจอัธยาศัยเปิดเผยน่ารัก จึงไม่สามารถขอความช่วยเหลือได้ ดังนั้นตัวช่วยที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเครื่องสำอาง แต่มีความละเอียดอ่อนพอที่จะให้คอมเมนต์กับฉันได้ อีกทั้งยังคอยช่วยฉันมาเสมอจึงเหลือเพียงคนเดียว
แม้ว่าจะเป็นการไม่สมควร แต่ฉันก็ให้คิคุโนะจังไปส่งจดหมายเรียกนางฟ้าแม่ทูนหัวของฉันให้มาที่ห้อง
.....
A&A - 43.
ทั้งเซริกะจังและคิคุโนะจังไม่เต็มใจนักเมื่อฉันบอกให้เธอปล่อยพวกเราไว้ตามลำพัง แต่พอฉันบอกว่านายตัวสำรองมีงานอดิเรกลับ ๆ คือการแต่งตัวเป็นผู้หญิงออกไปเที่ยวในเมืองโดยที่ฉันเป็นคนแต่งหน้าแต่งตัวให้ ทั้งสองคนก็ยอมหลบไปอยู่ที่ห้องเล็กแต่โดยดี
ต้องขอบคุณอิวามุโระคุงที่ทำให้ฉันคิดข้ออ้างนี้ออกมาได้ นายตัวสำรองทำหน้าเหมือนเด็กสาวมัธยมที่ถูกขังให้อยู่ในห้องเดียวกับลุงโรคจิตหื่นกามทันทีที่เห็นเมดของฉันเข้าห้องเล็ก พอฉันก้าวเข้าไปหาเขาก้าวหนึ่ง เขาก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง พวกเราทำอย่างนั้นจนกระทั่งนายตัวสำรองถอยหลังชนเตียง แต่เขาไม่ได้ร่วงลงไปเหมือนในการ์ตูนที่ฉันอ่าน มิซึซากิถอยชิ่งไปด้านข้างอย่างรวดเร็วเหมือนกระแตบนต้นไม้
”ช่วยอย่าทำท่าเหมือนกับว่าฉันจะล่วงเกินคุณได้ไหมคะ คุณหัวหน้าองครักษ์”
มิซึซากิหน้าแดงจัด ฉันเลยถอยห่างออกมาเพื่อไม่ให้เป็นการคุกคามเขา แล้วบอกเขาไปว่าฉันจะลองวิธีแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางตัวใหม่ แต่ถ้าลองกับหน้าเมดของฉันก็กลัวว่าจะแพ้ เลยมาขอยืมหน้าของเขา
ถ้าเป็นคาบุรากิ คงโวยวายแล้วด่าฉันว่าไปลองกับเขานี่ไม่กลัวเขาแพ้เครื่องสำอางรึไง แต่มิซึซากิที่ฉันแจ้งความประสงค์ว่าเจตนาขอยืมใช้หน้าเขา ไม่ได้จะทำอะไรมากกว่านี้ก็ทำท่าโล่งใจ แล้วบอกฉันว่าถ้าเป็นเรื่องแค่นี้เขาก็ยินดีจะช่วยฉัน แต่เขาต้องไปเข้าเวรในอีกสามชั่วโมง ดังนั้นคงไม่มีเวลามากนัก
แค่สามชั่วโมงก็เหลือแหล่ ฉันให้มิซึซากินั่งเก้าอี้ สวมเสื้อคลุมทับอีกชั้นเพื่อปิดหน้าอกที่เสื้อคว้านจนแทบจะเห็นถึงตาตุ่ม ก่อนจะใช้เขาเป็นหนูทดลองแต่งหน้า
เครื่องสำอางของโลกใบนี้มีพื้นฐานคือเบสที่เป็นแป้ง โรสวอเตอร์ น้ำมันมะกอก กับผงสี ฉันมองเครื่องสำอางเหล่านั้นแล้วภาวนาไม่ให้มันมีปรอท ตะกั่วหรือสารหนู อย่างที่เครื่องสำอางในสมัยก่อนชอบใส่กัน
แม้เครื่องสำอางที่ใช้จะต่างกัน แต่พื้นฐานทางด้านความงามกลับไม่ค่อยต่างกันนัก ในโลกแห่งนี้นิยมผิวขาวเนียน แก้มระเรื่ออมชมพู ดวงตากลมโต คิ้วเข้มเป็นธรรมชาติ และปากสีชมพูหรือสีแดง โดยการแต่งหน้าจะเน้นให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด
ถึงฉันจะทำอาหารไม่เก่ง ทำสบู่ไม่ได้ แต่การเล่นเครื่องสำอางกลับเป็นสิ่งที่ฉันทำมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ในบางครั้ง พวกแบรนด์ต่าง ๆ ก็จะออกเบสและสีออกมาให้ผสมเล่นเอง แม้ว่าเครื่องสำอางที่อยู่ตรงหน้าของฉันจะมีเบสและสีจำกัด แต่ไม่นานนัก ฉันก็ผสมได้อย่างคล่องแคล่ว
ใบหน้าของมิซึซากิที่ปกติก็หน้าตาดีตามสไตล์พระรองอยู่แล้ว ตอนนี้กลับถูกแต่งแต้มให้ยิ่งสมบูรณ์แบบขึ้นไปอีก ฉันมองใบหน้าอาฟเตอร์ของเขาแล้วยกมือแนบแก้ม ความจริงตอนแต่งหน้าอิวามุโระคุงก็สนุกอ่ะนะ แต่ว่าพอได้แต่งหน้าคนสวย ๆ ทำให้สวยเข้าไปอีกนี่สนุกที่สุด!
เห็นเขาแต่งหน้าได้สวย ฉันก็เริ่มล่วงล้ำเข้าไปในโซนที่คิดว่า อา...ถ้านายตัวสำรองใส่กระโปรงจะเป็นไงน้า แต่พอเห็นแขนล่ำ ๆ ของเขา ความคิดบรรเจิดของฉันก็ดับทันที ถ้าเป็นชุดญี่ปุ่นอย่างกิโมโนก็ว่าไปอย่าง แต่ให้ผู้ชายล่ำ ๆ แต่งชุดกระโปรงโรโคโค่นี่ไม่เวิร์คสุด ๆ
หมดเวลาสามชั่วโมง ฉันก็ลบหน้าให้กับมิซึซากิ แล้วขอบคุณเขา เนื่องจากตอนที่รับงานเลดี้พี่เลี้ยงฉันได้รับเงินในทุกคลาสที่สอนมาโอะเป็นค่าธรรมเนียม จู่ ๆ เลยกลายเป็นเศรษฐีนีย่อม ๆ จึงสัญญากับนายตัวสำรองว่าฉันจะพาเขาไปเลี้ยงอาหารเย็นข้างนอกเป็นค่าตอบแทน (ค่าปิดปาก) ที่เขามาช่วยฉันในวันนี้
.....
นายตัวสำรองโคตรน่ารัก ยอมให้เจ้าแม่แต่งหน้าซะด้วย แต่ไม่รู้ทำไม พอเจ้าแม่บอกว่านายตัวสำรองสวย คำว่า เคะ เคะ เคะ ผุดขึ้นในหัวกูไม่หยุดเลย...
A&A - 44.
นอกจากเรียนรู้เรื่องเครื่องสำอาง ฉันยังต้องอ่านหนังสือเรื่องมารยาทต่าง ๆ และธรรมเนียมปฏิบัติทั้งของประเทศนี้ ประเทศอื่น และประวัติศาสตร์อย่างเร็วจี๋ ดีที่เซริกะจังและคิคุโนะจังไม่ได้สงสัยว่าฉันเกิดลืมกฏต่าง ๆ เกี่ยวกับมารยาท แต่กลับคิดว่าฉันเป็นอาจารย์ผู้ทุ่มเท
มาดามคาบุรากิอนุญาตให้ฉันเข้าไปศึกษาในหอหนังสือที่เป็นของราชวงศ์ซึ่งเป็นที่เก็บหนังสือที่สมบูรณ์ที่สุด เพราะว่าอยู่ในหอหนังสือที่ปกติไม่อนุญาตให้คนนอกเข้า ฉันเลยให้เซริกะจังกับคิคุโนะจังนั่งรอที่โต๊ะ ตัวเองจะได้หาหนังสือที่อยากอ่านโดยไม่ต้องกังวลว่าทั้งสองคนจะรู้สึกเบื่อกับการเดินตามฉันรึเปล่า
ตอนที่ฉันปีนบันไดขึ้นลง ก็เริ่มเสียใจว่าน่าจะให้เซริกะจังหรือคิคุโนะจังมาด้วย เพราะชุดเมดกับชุดที่ฉันใส่ความคล่องตัวต่างกันมาก โชคดีที่ชั้นหนังสือที่นี่ไม่สูงมากนัก ปีนบันไดเตี้ย ๆ ก็หยิบถึง
ทว่าในตอนที่ฉันพยายามดึงหนังสือที่ว่าด้วยการใช้สีและความหมายของสัญลักษณ์ต่าง ๆ ในงานเลี้ยงซึ่งเบียดแน่นอยู่ในชั้น หนังสือเล่มข้าง ๆ กลับหลุดออกมาด้วย ฉันที่เห็นกับตาว่าหนังสือจะตกใส่ แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะมือนึงจับขอบชั้นหนังสือ อีกมือนึงจับหนังสือเล่มที่หยิบอยู่ ได้แต่หลับตาปี๋ ก้มหน้าลงรอหนังสือเล่มหนาที่ร่วงลงใส่หัวเพราะใจไม่กล้าพอจะกระโดดลงจากบันได
“อา...อันตรายจังเลยนะ เกือบไปแล้ว”
เสียงทุ้มต่ำนุ่มนวลดังขึ้นจากด้านหลัง ฉันรู้สึกได้ถึงร่างที่แนบเข้ามาด้านหลัง แผ่นอกกว้าง แขนที่ยกขึ้นยันหนังสือเล่มหนาหนักไม่ให้ตกลงมา เมื่อหันไปด้านหลัง ก็ต้องตกใจเมื่อใบหน้าสุขุมอยู่ใกล้แค่ฝ่ามือ
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” อัศวินผู้ช่วยชีวิตของฉันถาม ใบหน้าของเขาอ่อนโยนใจดี หัวใจของฉันเต้นระรัวเมื่อจำได้ว่าเขาเป็นใคร
ในที่สุด ท่านพ่อของคาบุรากิที่เป็นพระราชาก็ปรากฏตัว!
.....
A&A - 45
“บางทีหนังสือบนชั้นก็ติดกัน ได้ยินว่ามีเมดที่บาดเจ็บเพราะโดนหนังสือทับด้วย คุณก็ควรจะระวังไว้หน่อยนะครับ ถ้าจะมาเลือกหนังสือ ก็ควรจะพาเมดมาด้วย”
ฉันที่ตกใจเพราะตัวละครแรร์ไอเท็มปรากฏตัวได้แต่ทำท่าเงอะงะ จนกระทั่งท่านพ่อของคาบุรากิต้องยื่นมือออกมาให้ฉันจับ แล้วประคองลงมาจากบันได
“ขอบพระคุณมากนะคะ” พอยืนได้มั่นคงบนพื้น ฉันก็ถอนสายบัวให้กับท่านพ่อของคาบุรากิทันที ถึงจะเสียมารยาทต่อหน้าเอ็นโจไปครั้งหนึ่ง แต่จะพลาดอีกไม่ได้
ท่านพ่อของคาบุรากิยิ้ม ๆ แล้วตอบรับคำทักทายของฉันอย่างสุภาพเป็นกันเองไม่ถือตัวแม้แต่น้อย นอกจากนี้ยังช่วยฉันหยิบหนังสือ รวมถึงแนะนำหนังสือเกี่ยวกับการเรียนมารยาทและการจัดงานปาร์ตี้ ทั้ง ๆ ที่เป็นผู้ชายแท้ ๆ แต่กลับรู้ดีว่าหนังสือเล่มไหนเป็นหนังสือที่สุภาพสตรีชั้นสูงควรอ่าน ช่างรอบรู้ได้อย่างกว้างขวางอะไรเช่นนี้นะ อีกทั้งถึงจะคอยเอสคอร์ตฉันไปช่วยเลือกและถือหนังสือ แต่กลับไม่มีกลิ่นอายเจ้าชู้เหมือนท่านอิมาริเลยแม้แต่น้อย ช่างเป็นผู้ชายที่สุดยอดจริง ๆ
เซริกะจังกับคิคุโนะจังเหมือนจะเป็นลมเมื่อเห็นว่าใครช่วยแบกกองหนังสือตามหลังฉันมา พวกเธอถอนสายบัวทำความเคารพท่านพ่อของคาบุรากิ พอพวกเรากลับถึงห้อง ก็ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดถามฉันใหญ่ว่าฉันไปเจอกับองค์ราชาได้ยังไง แล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ฉันแอบรู้สึกเหมือนกลับไปยังโลกก่อน แต่เปลี่ยนจากคาบุรากิเป็นท่านพ่อของคาบุรากิเท่านั้น ซึ่งตอนสมัยคาบุรากิ ฉันไม่มีโมเมนต์อะไรให้เล่าถึงเลยแม้แต่น้อย ทว่าพอเปลี่ยนเป็นท่านพ่อ ฉันก็อดเล่าแบบอวด ๆ ไม่ได้ว่าท่านพ่อของคาบุรากิสุภาพอ่อนโยนแค่ไหน เฉลียวฉลาดเก่งกาจแค่ไหน
พวกเราคุยกันจนถึงดึก จนกระทั่งคิคุโนะจังส่งฉันเข้านอน
.....
แปปๆก็900แล้วหรอวะเนี่ย...
900 แล้ว เสนอชื่อกระทู้กันด้วยนะ
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับกาวแห่งโม่งฟิค เมื่อไหร่ท่านฮิโยโกะจะมาต่อกันน้า~ { นั่งนับดาวครั้งที่29 }
กรี๊ดดดดดดดด
มึงงงงงงง โม่งฟิคคคคคค กุทีมท่านพ่อได้มั้ย แงงงงงงง
มาดามป่วยตาย เจ้าแม่ขึ้นเป็นแม่เลี้ยงไซซายะไรงี้
หวก่กสกด่สกวก
ท่านพ่อหล่อมากค่าาาาาท งงงงง
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันที่มีกาวเป็นขนมว่าง (ค้างเติ่งอยู่ตอนที่ 29เก้า มานานแล้วนะคะ...)
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับโม่งฟิคผู้ร่ายมหาเวทย์กาวดึงดาวข้ามจักรวาล [สับสนเรื่องฝันและความจริงรอบที่29]
A&A - 46.
ไม่รู้เป็นเพราะว่าไปเจอเรื่องน่าตื่นเต้นอย่างเกือบโดนหนังสือทับตาย หรือเจอตัวละครลับอย่างท่านพ่อของคาบุรากิกันแน่ แต่ในคืนนั้น ฉันฝันเกี่ยวกับเรื่องของเรย์กะอีกครั้ง
ในตอนนี้เธออยู่ในชุดกระโปรงพองสีเลือดนก รูปร่างดูเป็นสาวขึ้นแต่ยังไม่โตเต็มวัย แบบเสื้อยังไม่คว้านหน้าอกเหมือนอย่างที่ฉันใส่ทุกวันนี้ เธอยืนอยู่บนระเบียงชั้นสามของคฤหาสน์แห่งหนึ่ง ทัศนียภาพในยามตะวันใกล้ลับฟ้าเบื้องนอกงดงามยิ่ง แต่น่าแปลกที่ด้านข้างของสตรีชั้นสูงอย่างเธอไม่มีเมดติดตาม
เมื่อร่างสูงของท่านพี่ที่ยังคงเป็นเด็กหนุ่มก้าวผ่านประตูระเบียง ดวงตาของเรย์กะก็ประกายวาววับทันที เธอยกกระโปรงแล้วก้าวเร็ว ๆ เข้าไปหาพี่ชาย
ท่านพี่มีสีหน้าเคร่งเครียด ดูเหมือนจะต่อว่าอะไรเธอหลายคำ ทว่าไม่รู้ว่าเรื่องอะไรเพราะฉันเห็นแต่ภาพ ไม่ได้ยินเสียงของพวกเขา
ใบหน้าของเรย์กะมีแววเจ็บปวด เธอพยายามเข้าไปเกาะแขนพี่ชายอย่างออดอ้อน แต่เขาสะบัดทิ้งแล้วถอยห่างออกไป ทั้งสองคนพูดคุยกันต่อ ดูเหมือนยิ่งพูด ก็ยิ่งทวีอารมณ์รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
“ความรักของน้อง แม้แต่พระเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ตัดสินหรอกค่ะ!” เรย์กะตวาดลั่น นั่นเป็นคำเดียวที่ฉันได้ยิน เธอดูหัวเสีย โกรธจนหน้าแดงก่ำ น้ำตาพรั่งพรูไหลอาบแก้ม “ท่านพี่น่ะ— ทั้ง ๆ ที่—-”
เสียงของเรย์กะขาดหายไป แต่ปากของเธอขยับพูดต่อ ไม่รู้ว่าเธอพูดว่าอะไร แต่คำพูดของเธอน่าจะรุนแรงมาก เพราะเมื่อฉันหันไปมองทางท่านพี่ ก็ได้เห็นสีหน้าน่ากลัวแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ฉันสะดุ้งตื่น เสียงกรีดร้องจุกอยู่ในลำคอไม่สามารถเปล่งออกมาได้ ร่างของฉันสะท้านเฮือก แต่ไม่ได้ลุกขึ้นมาเหมือนในหนัง ยังคงนอนเบิกตาโพลงในความมืด
ร่างของฉันท่วมไปด้วยเหงื่อราวกับเพิ่งหลุดออกมาจากการออกกำลังกายแบบสปาร์ตันกับคาบุรากิ ฉันกำมือแน่นใต้ผ้าห่ม เพราะนอนเปลือยไม่ได้สวมชุดนอน ก็เลยรู้สึกเหนอะหนะ
ฉันลุกออกจากเตียง คลำทางไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งคว้าเสื้อคลุมที่อยู่มุมห้องมาสวมได้ ก่อนจะงมจุดเทียนในความมืดอยู่นาน พอมีแสงฉันก็ล้างหน้าในอ่างทองเหลือง แล้วมองตัวเองในกระจกอันมืดทึม
เหตุการณ์นั้นดูร้ายแรงกว่าการที่พี่ชายห้ามไม่ให้น้องสาวรังแกเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ความโกรธในดวงตาของท่านพี่ไม่ใช่ความโกรธในระดับที่ธรรมดาเลยแม้แต่น้อย
เรย์กะ...เธอทำอะไรลงไปกันแน่นะ?
.....
A&A - 47 (องค์ราชา ท่านพ่อของคาบุรากิ)
“มีหนังสือใหม่ ๆ เข้ามางั้นหรือคะ” ร่างที่นั่งเอนบนเก้าอี้พักผ่อนถามขึ้นเมื่อพระสวามีก้าวเข้ามาในห้อง
องค์ราชาเดินถือหนังสือเข้ามาเล่มหนึ่ง ก่อนจะนั่งลงอย่างนุ่มนวลสง่างามลงบนเก้าอี้บุนวมตกแต่งอย่างหรูหราอีกตัวที่อยู่ใกล้กัน “ไปดูหนังสือที่มีคนคนแนะนำมาน่ะ เป็นหนังสือเล่มต่อที่น่าประหลาดราวกับถูกเขียนขึ้นจากคนเขียนคนละคน”
”ถ้าเป็นเช่นนั้นน่าจะเสียอารมณ์แย่” คิ้วโก่งเลิกขึ้น มุมปากยังคงประดับด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ
คนถูกถามทำท่าครุ่นคิดครู่หนึ่ง ดวงตาก็วาวระยับเมื่อนึกถึงภาพเด็กสาวตัวน้อยที่ดวงตาเป็นประกาย ตั้งใจฟังเขาเล่าเกี่ยวกับประวัติของหนังสือและนักเขียน ราวกับบุตรชายครั้งเมื่อยังเยาว์ “อา...ไม่หรอก น่าสนุกมากเลยทีเดียว ยิ่งเห็นแล้วก็ยิ่งอยากอ่านมากขึ้น เพราะชวนให้สงสัยว่าเล่มหนึ่งดำเนินเรื่องมาเช่นนั้น เล่มสองจะเป็นเช่นไร”
ร่างบนเก้าอี้พักผ่อนขยับตัว มือเรียวขาวเอื้อมไปวางบนหนังสือเล่มหนา “แน่ใจนะคะว่าเป็นหนังสือชุดเดียวกัน? บางทีอาจจะถูกคนขายย้อมแมวเข้าเสียให้”
องค์ราชาหัวเราะ “เรื่องนั้น...มีคนช่วยดูให้อยู่น่ะ แต่เพราะสำนวนการเขียนที่ต่างกันออกไปจนเห็นได้ชัดแบบนั้น ยิ่งทำให้รู้สึกว่าไม่ใช่ของปลอมแปลงเข้าไปใหญ่”
“อืมม์ จะหนังสือจริง หนังสือปลอมก็ช่าง ขอแค่ใช้ตบแมลงตายได้ ฉันก็พอใจแล้วล่ะค่ะ” องค์ราชินีขยับไปนั่งเบียดกับร่างของพระสวามี แนบหน้าลงไปกับแขนแข็งแรง “จะว่าไปก็ได้ยินเรื่องสนุก ๆ เกี่ยวกับคนขายหนังสือมาด้วย คุณอยากจะฟังไหมคะ?”
แขนคู่นั้นโอบกอดร่างบอบบาง ก่อนที่ริมฝีปากจะแนบกับใบหูขาวละมุน “เรื่องที่เธอเล่า จะเป็นเรื่องไหนก็อยากฟังทั้งนั้นแหล่ะ”
.....
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการสูดกาวฆ่าเวลา (ท่านเอ็นโจส่งยิ้มให้เป็นครั้งที่ 29)
To be continued....
เนื่องจาก A&A ถึงจุด Check point ที่ 1 แล้ว กูจะหายไปซักพักเพื่อให้โม่งฟิคท่านอื่นได้เทกาวออกมาบ้างนะคะ
แล้วพบกันใหม่เมื่อชาติต้องการ
-คันตะบอกว่าเรย์กะโดนลือว่าเป็นแม่มด
-ปกติแล้วชนชั้นสูงแล้วจะโดนโทษหนักขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่อาชญากรรมหนักมากๆก็เรื่องศาสนา
-ความรักที่ท่านพี่ไม่ยอมรับด้วย
หรือว่าเรย์กะปล้ำวาคาบะ!? //อัดกาวอีกสามเฮือก
กูคิดถึงท่านอิมาริ....
กูอยากขึ้นเรือท่านพ่อของคาบุรากิ //ลากกูไปเก็บ
หรือเจ้าแม่ไปรู้ความลับเกี่ยวกับรักต้องห้ามระหว่างท่านพี่กับอิมาริวะ ท่านพี่ที่มองเรย์กะไม่ดีอยู่แล้วเลยหันมาเป็นศัตรูเต็มตัว
หรือว่าเรย์กะคนเดิมจะเล่นคุณไสยวะ คนอื่นก็ลือว่านางเป็นแม่มดด้วยนี่ หรือนางจะวางยาพิษ?
เสนอ
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการรอคอยให้ท่านฮิมาต่อพร้อมกับการเปิดตัวพระเอกที่เหล่าโม่งกำลังสับสน [การย้ายเรือไปมารอบที่29จากการเมากาวของเหล่าโม่งฟิค]
เสนอ ฮาเร็มเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรัน สูดกาวไปด้วยกันกับโม่งฟิก [ลุ้นให้จบด้วยแทคเลิฟครั้งที่ 29]
ปิดโหวตที่ 980 เหมือนเดิมดีมั้ย
แท้งกิ้วโม่งฟิก
ขอแบบ dark เช่นให้เรย์กะตัวจริงชอบท่านพี่ จนเข้า dark mode ไม่ได้ชอบคาบุไรงี้
ฮือขอโทษค่าเห็นแทคเลิฟไม่ได้จริงๆมันกะแทกใจเหลือเกินTT
โอ้โห... เนียนจริง
ดูผ่านๆนึกว่าคนละคนอ่ะ5555
อิเนียนนน
กูจะนับคะแนนแล้วนะ รอแปป
>>915 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับกาวแห่งโม่งฟิค เมื่อไหร่ท่านฮิโยโกะจะมาต่อกันน้า~ { นั่งนับดาวครั้งที่29 }
= 0
>>917 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันที่มีกาวเป็นขนมว่าง (ค้างเติ่งอยู่ตอนที่ 29เก้า มานานแล้วนะคะ...)
= 0
>>918 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับโม่งฟิคผู้ร่ายมหาเวทย์กาวดึงดาวข้ามจักรวาล [สับสนเรื่องฝันและความจริงรอบที่29]
= 7
>>922 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการสูดกาวฆ่าเวลา (ท่านเอ็นโจส่งยิ้มให้เป็นครั้งที่ 29)
= 0
>>942 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการรอคอยให้ท่านฮิมาต่อพร้อมกับการเปิดตัวพระเอกที่เหล่าโม่งกำลังสับสน [การย้ายเรือไปมารอบที่29จากการเมากาวของเหล่าโม่งฟิค]
= 11
>>943 ฮาเร็มเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรัน สูดกาวไปด้วยกันกับโม่งฟิก [ลุ้นให้จบด้วยแทคเลิฟครั้งที่ 29]
ขอตัดคะแนนโหวตซ้ำออก เหลือ 6 คะแนน
สรุป >>942 ได้เป็นชื่อกระทู้ใหม่
เปิดวาร์ป >>>/webnovel/6114/
จากนี้เชิญวิ่งควายกันได้ตามสบาย
กูเสพกาวเข้าไปมากขนาดนี้ละ เดทของจอมมารอยู่ไหนวะ ฮรือๆๆ
เราควรจะหาเรื่องเป็นมงคลคุยตอนปิดมู้นะ คุยเรื่องไรดีวะ
ไม่แน่นะ คนแต่งเขาคงเห็นว่านักอ่านไม่ค่อยชอบพระเอกของเรื่องนี้ (คาน) เลยหยุดเขียนต่อซะเลย
พูดขนาดนี้ที่สับสนกันคือจะลงเรือฟู๊ดซังหรือคานซังดีสินะะะ
ไม่ลงเลยได้ไหม ฮืออออ ฟู้ดซังนี่จัดในเฟรนด์โซนพอ ส่วนคานซังนี่เลิกคบเห๊อะ
ท่านอิมาริ × ท่านพี่ = คู่รักที่แท้จริงของเรื่อง นี่ไงล่ะ tag love จงเจริญญญ
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.