A&A - 3.
ฉันตื่นขึ้นมาเพราะแสงอาทิตย์แยงตา
แม้ว่าบริเวณพื้นหินที่นอนจะมีซุ้มหลังคาบังแดด แต่แดดเจ้ากรรมก็ยังส่องลอดเข้ามาปลุกให้ฉันตื่น ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกเหมือนร่างกายกลายเป็นก้อนหิน แค่ขยับตัวก็ต้องร้องโอยออกมา
ทั้งต้นคอ บ่า และหลังของฉันประท้วงอย่างหนักจากการนอนบนพื้นหิน ส่วนขาเหมือนกลายเป็นสัมภาระไร้ประโยชน์ ฉันนอนทรมานอยู่ซักพัก ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นมาเพราะทนแสงแยงตาไม่ไหว
นั่งทบทวนและทำใจอยู่สักพัก ฉันก็ลุกขึ้นมาสำรวจบริเวณรอบ ๆ สถานที่แห่งนี้ มันเป็นพื้นที่ขนาดราว ๆ ร้อยตารางวาซึ่งนอกจากตัวตึกขนาดชั้นเดียวแล้ว ก็มีเพียงแค่หญ้าสูง ต้นไม้ใหญ่ บ่อน้ำ ลานหิน และสระน้ำรกร้างซึ่งน้ำมีสีเขียวจัดจากตะไคร่น้ำเท่านั้น
ฉันเดินอยู่นานก็รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ เลยจำใจเดินเข้าไปในตัวตึกในที่สุด
ประตูด้านหน้าเปิดยากซะจนตอนแรกฉันนึกว่าล็อค แต่มันแค่ติดเฉย ๆ บานประตูส่งเสียงเอี๊ยดบาดหูเหมือนสนิมจับเพราะไม่มีใครเปิดนานแล้ว ฉันเดินเข้าไปใน ‘คุก’ ของฉัน
พอเปิดเข้าไปก็เห็นห้องโถงร้างมีโต๊ะเก้าอี้ตัวยาวระเกะระกะอยู่สี่ห้าชุด บนผนังคือรูปแกะสลักที่แตกหักไปตามกาลเวลา พอเข้าไปด้านในก็พบว่าส่วนในมีห้องนอนเล็ก ๆ ในห้องนั้นยังมีเตียงไม้ที่ไม่มีฟูกที่นอน โต๊ะเขียนหนังสือและโต๊ะด้านข้างที่ตั้งอ่างทองเหลืองเอาไว้ พอออกมาสำรวจนอกห้องนอนก็พบว่ามีห้องครัวเล็ก ๆ ที่มีเตาโบราณเหมือนเตาย่างพิซซ่าในอิตาลี และพื้นที่สำหรับทานอาหาร นอกจากนั้นยังมีห้องเก็บของที่มีของใช้ฝุ่นเขรอะอีกมากมาย
หลังจากสำรวจอยู่นาน นอกจากถังไม้ขนาดใหญ่สำหรับอาบน้ำ ฉันก็ไม่พบกับสิ่งที่เรียกว่าห้องน้ำเลยแม้แต่น้อย และฉันก็คิดได้ว่าในยุคนี้อาจจะยังเป็นยุคที่ไม่มีห้องน้ำ หรืออย่างน้อยก็ไม่มีห้องน้ำในแท่นบูชาแห่งนี้
ชั่งใจอยู่นาน ฉันก็ไปทำธุระในพงหญ้าหลังบ้านจุดที่ไกลจากตัวบ้านที่สุด แม้จะขุดหลุมด้วยจอบเล็ก ๆ ที่เจอในห้องเก็บของ ทำการกลบฝังอย่างดี แต่ฉันก็รู้สึกว่าการเข้ามาในยุคอัศวินนั้นไม่มีความโรแมนติกเลยแม้แต่น้อย ห้องน้ำก็ไม่มี กระดาษทิชชู่ก็ไม่มี ฉันจำเป็นจะต้องแบกน้ำออกมาล้าง ดูเป็นอะไรที่ทุลักทุเลยิ่งนัก
หลังจากที่ทำธุระแล้วเรียบร้อย ฉันก็มานั่งอยู่ที่ลานหินหน้าประตู
ตอนที่บอกว่าจะถูกขัง ฉันนึกว่าตัวเองจะอยู่ในคุกแคบ ๆ ถูกล่ามติดกับผนังเหมือนในหนังโบราณที่ดู ขับถ่ายในถัง และกินของที่ถูกสาดลงบนพื้น ถึงที่นี่จะไม่ได้เรียกว่าน่าอยู่ แต่ถ้าเทียบกับในจินตนาการ ก็ไม่แย่นัก
ทว่าปัญหาใหญ่กว่าที่กินอยู่ขับถ่ายก็คืออาหาร และในบ้านไม่มีอาหารเลยแม้แต่น้อย
ฉันออกไปที่หน้าประตูรั้ว แม้จะเปิดออกไปไม่ได้ แต่ช่องว่างระหว่างรั้วบ่งบอกให้รู้ว่าหน้าประตูมีคนเฝ้าอยู่
“เอ้อ ขอโทษนะคะ แต่ว่า...อาหารจะมาเมื่อไหร่เหรอคะ?”
ยามหน้าประตูหันมา ก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่าอาหารจะมาส่งตอนเที่ยงของทุกวัน ฉันกินได้ก็กิน กินไม่ได้ก็อดตายไปซะ
ฉันมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนจะมองเงาที่ดวงอาทิตย์ส่อง น่าจะอีกซักพักกว่าจะเที่ยง ท้องของฉันร้องคราดครืด นึกถึงขนมที่แอบซุกไว้ในห้องนอน รู้อย่างงี้กินให้หมดรวดเดียวเลยดีกว่า
ร่างของคิโชวอิน เรย์กะ ที่อยู่ที่นี่ผอมกว่าร่างเดิมของฉันมาก ทว่าฉันไม่รู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่น้อย เอวที่ถูกคอร์เซ็ตบีบให้เล็กราวยี่สิบนิ้วไม่น่าจะกินอะไรได้ลงอยู่แล้ว ฉันมองคอร์เซ็ตที่ยังคงกองบนพื้นแล้วโบกมือลาเอวเล็ก ๆ ของเรย์กะ อันที่จริงถูกขังไว้อย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน ถึงจะไม่ใส่คอร์เซ็ต ปล่อยให้ตัวเองอ้วนอืดก็ไม่มีใครเห็น
ฉันนั่งรออาหารจนกระทั่งได้ยินเสียงประตูเปิดออก จึงลุกขึ้นแล้วเดินเร็ว ๆ ไปยังหน้าประตู พอประตูเปิดออก ฉันก็เห็นคันตะคุง
.....