พอกูจะลงฟิค เนตบ้านกูก็ดับซะงั้น ฮือออออ
KimiDolce ~after story >>>/webnovel/4018/756-759
-----------------------
“กำลังรออยู่เลยครับ”
พนักงานต้อนรับโค้งหัวให้ผมเมื่อไปถึงร้านอาหารและแจ้งความประสงค์ว่ามาพบคาบุรากิ มาซายะ เดินนำหน้าไปยังมุมที่เป็นโซนส่วนตัว
มาซายะที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วยกมือขึ้นทักทาย ผมเดินเข้าไปนั่งยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม วางกระเป๋าลงแล้วขอเมนูจากบริกร
“โทษที วันนี้คลาสเลิกช้าไปหน่อย”
“ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่าโปรเฟสเซอร์คนนี้ชอบสอนเลท” มาซายะพยักหน้าเนิบๆ ไล่สายตาดูเมนูอาหาร
วันนี้เรานัดทานมื้อกลางวันที่ร้านในโรงแรมของคาบุรากิ มาซายะแนะนำเมนูยอดนิยมที่ควรสั่งเมื่อมาที่ร้าน พร้อมกับบ่นพึมพำเล็กน้อยว่าอยากให้วาคาบะได้มาทานด้วย
“แล้วคุณวาคาบะไปไหนซะล่ะ”
“วันนี้วาคาบะต้องช่วยงานแม่ฉันน่ะสิ มะรืนนี้ก็จะมีงานเลี้ยงแล้ว แม่อยากให้ไปทำหน้าที่ดูแลทุกอย่างแทนตัวเอง...เหมือนโยนเนื้อลงไปในดงไฮยีน่าชัดๆ”
เขาโอดครวญอีกเล็กน้อยว่าไม่ได้พบหน้ากับคุณวาคาบะมาหลายอาทิตย์แล้ว เพราะวุ่นอยู่กับการเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับท่านทูตที่จะใช้โรงแรมของคาบุรากิเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงและงานประชุม บางทีถ้ามีเวลาส่วนตัวก็คือตอนที่ติวหนังสือด้วยกัน มาซายะพยายามจะช่วยเธอทบทวนบทเรียนแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากเท่าไหร่เพราะเราเรียนกันคนละคณะ
วิชาที่คุณวาคาบะเรียนนั่นคือวิชาที่เฉพาะทางมากอย่างรัฐศาสตร์ ไม่ใช่คณะบริหารธุรกิจแบบพวกเรา
มาดามคาบุรากิเข้มงวดกับคุณวาคาบะมาก วันที่ว่างจากการเรียนต้องเข้ามาเรียนรู้งานของบ้านคาบุรากิ และสั่งห้ามทุกคนเข้าช่วยเหลือใดๆทั้งสิ้น ไม่เว้นกระทั่งลูกชายตัวเอง
นี่คือบททดสอบสำหรับการเป็นสะใภ้ของบ้านคาบุรากิ เจอสถานการณ์แค่นี้ถ้าแก้ไขด้วยตัวเองไม่ได้ก็ถือว่าขาดคุณสมบัติ สะใภ้บ้านคาบุรากิต้องดีพร้อมในทุกๆด้านและยืนได้ด้วยตัวเองอย่างเข้มแข็ง
แต่มาซายะก็ยังแอบไปช่วยเธอลับหลังมาดามอยู่ดี
คราวที่คุณวาคาบะกลุ้มใจเพราะเต้นวอลซ์ไม่ได้แต่ต้องเต้นเปิดฟลอร์ มาซายะก็สอนให้ด้วยตัวเองจนเธอเต้นได้อย่างสง่างาม เปียโนที่เล่นไม่เป็นเขาก็เจียดเวลามาสอนให้อีกนั่นล่ะ กริยามารยาทแบบคุณหนูที่ไม่ได้มีมาตั้งแต่เกิด มาซายะก็จัดหาครูที่ดีที่สุดมาให้ ถึงแม้จะถูกบรรดาคุณหนูทั้งหลายถากถางว่ามันเป็นแค่เปลือกที่คอยเลียนแบบ เขาก็คอยช่วยซับน้ำตาและปลอบเธอให้หัวเราะได้
คุณวาคาบะเองก็เป็นนักเรียนที่ดี เรียนรู้ไว หัวไว สมกับที่ขับเคี่ยวชิงลำดับท็อปกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลายกับพวกผม บอกสอนอะไรไปแป๊บเดียวก็จำได้ มีความพยายามและตั้งใจที่จะอยู่เคียงข้างกับมาซายะ สำหรับบางคนถ้าเจอการเคี่ยวเข็ญและการดูถูกหนักขนาดนี้อาจจะถอดใจไปแล้วก็ได้
ฟังมาซายะบ่นพร่ำเพ้ออยู่จนอาหารมาถึงก็ลงมือรับประทาน เราทานไปคุยไปไม่รีบร้อนเพราะตอนบ่ายไม่มีนัดที่ไหน วันนี้เหมือนเป็นวันอิสระของพวกเราจากตารางงานที่รัดตัว
บทสนทนาดำเนินมาถึงเรื่องผู้หญิงที่คอยจ้องจะกลั่นแกล้งวาคาบะ เมื่อเราพ้นออกมาจากสังคมแคบๆในรั้วโรงเรียนซุยรัน ผู้หญิงที่มีจิตใจอิจฉาริษยาเหมือนคิโชวอิน เรย์กะก็มีอยู่ให้เต็มไปหมดที่โลกภายนอก ต่อให้อยากปกป้องแค่ไหนแต่มาซายะไม่สามารถยื่นมือเข้าไปทำลายทิ้งได้หมดแบบผู้หญิงคนนั้น ทุกอย่างเป็นเรื่องของผลประโยชน์ และเขาก็ไม่ใช่เด็กๆที่จะระเบิดอารมณ์ออกมาให้เสียการเสียงานได้
ผมปลอบมาซายะให้ใจเย็นและบอกว่ามันก็เป็นบททดสอบที่คุณวาคาบะจะต้องเจอเพื่อพิสูจน์ตัวเอง เขาก็ดูจะสงบลง และหันไปสนใจกับข้าวในจานต่อ
แต่อยู่ๆมาซายะก็พูดขึ้นมาประโยคหนึ่งที่ทำให้ผมตัวแข็งค้าง ใจหล่นวาบไปข้างล่าง
“จะว่าไป...นายได้ยินข่าวของคิโชวอิน เรย์กะบ้างมั้ย”