วิวหน้าโบสถ์ที่เห็นจากขั้นบันไดคือซุ้มต้นแปะก๊วยที่มองอีกหนก็ยังรู้สึกงดงามไม่เปลี่ยน น่าเสียดายในตอนที่ฉันแต่งงานในฝันไม่ใช่ฤดูหนาวที่ต้นไม้พวกนี้จะผลัดใบจากสีเขียวเป็นสีเหลืองทอง แต่เป็นฤดูใบไม้ผลิที่ดอกไม้ทั้งหลายบานสะพรั่งสมบรรยากาศของงานแต่ง ตอนที่นั่งรถออกจากโบสถ์ไปโรงแรมที่ใช้จัดงาน ดอกซากุระสองข้างทางก็บานสะพรั่งเต็มที่เหมือนกับจะอวยพรให้ยังไงยังงั้น
แต่เอ๊ะ!! ทำไมฉันจำได้เยอะขนาดนี้เลยล่ะ ไม่เอานะ อย่าไปนึกถึงมันสิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าบ่าวที่อยู่ในฝันนั้น ต้องลืมๆไปให้หมด
ฉันขับไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไปจากหัว เอ็นโจก็หันมามองแล้วก็ยิ้ม
“คิดอะไรอยู่เหรอ…”
“ปะ เปล่าค่ะ”
“หืม”
“เอ่อ...คิดว่าต้นแปะก๊วยพวกนี้สวยดีนะคะ” ฉันทำเป็นมองไปรอบๆเผื่อหนีจากสายตานั้น
“นั่นสินะ” เอ็นโจมองต้นไม้พวกนั้น แล้วก็ทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ “อ้อ จริงสิ คุณคิโชวอิน….”
“คะ…”
“งานแต่งที่อยู่ในฝันของผมน่ะ...ต้นไม้พวกนี้ ใบยังเป็นสีเขียวอยู่เลย ก็จัดงานในฤดูใบไม้ผลินี่นะ”
ฉันแทบสำลักอากาศกับคำพูดนั้น ไหงทะลุกลางปล้องขึ้นมาเรื่องงานแต่งล่ะเฮ้ย!!
แต่เอ๊ะ!! จัดงานในฤดูใบไม้ผลิอย่างนั้นเหรอ…
ฉันขนลุกวาบกับเรื่องนี้ ไหงเอ็นโจถึงได้ฝันว่าแต่งงานในฤดูใบไม้ผลิแบบเดียวกับฉันเลยล่ะ มันจะบังเอิญเกินไปหน่อยรึเปล่า
ไม่สิ ช่วงฤดูใบไม้ผลิก็เป็นช่วงเวลาที่นิยมจัดงานแต่งงานกันอยู่แล้วนี่นา จะฝันว่าแต่งงานตอนนั้นก็ไม่แปลกหรอก
เอ็นโจยังคงจ้องเอาๆจนฉันรู้สึกลุกลี้ลุกลนขึ้นมาก็เลยรีบดึงมือออกพร้อมกับก้าวเดินเพื่อจะรีบหนีจากสายตานั้น
“คุณคิโชวอิน วิ่งแบบนั้นมันอันตรายนะ…”
ไม่ทันขาดคำ เท้าฉันก็สะดุดเข้ากับแผ่นหินตรงบันไดขั้นสุดท้ายเข้าให้ หน้าจะทิ่มพื้นแล้วเจ้าข้าเอ้ยยย!!!
ฉันหลับตาปี๋ เตรียมใจรับการกระแทกเข้ากับพื้นในวินาทีใดวินาทีหนึ่งข้างหน้า
อ้าว ไม่เจ็บแฮะ….
คำตอบที่ว่าทำไมฉันถึงไม่เจ็บอยู่ตรงหน้า กลิ่นหอมอ่อนๆของน้ำหอมผู้ชายโชยเข้าจมูกและความอบอุ่นจากร่างกายคน พอเงยหน้าก็เห็นสายตาของเอ็นโจที่มองลงมาด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรนะ คุณคิโชวอิน”
“ไม่ค่ะ...ขอบคุณนะคะ”
“ค่อยยังชั่วหน่อย”
ฉันก็โล่งอกเหมือนกันนั่นล่ะที่หน้าไม่ฟาดพื้นให้เจ็บตัว แต่โล่งใจได้ไม่ถึงสิบวินาทีก็ฉุกคิดขึ้นมาได้หนึ่งเรื่อง
ถึงจะเป็นอุบัติเหตุแล้วถูกช่วยไว้ก็เหอะ แต่ถ้ามองจากมุมอื่นมันเหมือนฉันถลาเข้าไปหาอ้อมแขนของเอ็นโจเองเลยนี่นา
แล้วก็รู้สึกเหมือนเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นที่ไหนนะ
ราวกับจะตอบคำถามเพราะภาพในความฝันก็ปรากฎขึ้นมาในหัว เอ็นโจในชุดเจ้าบ่าวสีขาวส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยนตอนยื่นมือมาให้ฉันแล้วจับลงบันไดก้าวเดิน แต่ฉันก็สะดุดล้มจนได้ จะว่าด้วยชุดเจ้าสาวที่รุ่มร่ามและหนักหรือความซุ่มซ่ามของตัวเองก็เถอะ แต่เอ็นโจที่อยู่ข้างๆก็เข้ามาประคองไว้ได้ทันท่วงทีจนคล้ายฉันถลาเข้าไปกอดด้วยตัวเอง ทำเอาพวกเซริกะจังและคนอื่นๆที่อยู่ใกล้ๆวี้ดว้ายแซวกันยกใหญ่
เพราะมาอยู่ในสถานที่ที่ใช้แต่งงานในฝันรึเปล่านะ ถึงจำได้ไม่มีตกหล่นแบบนี้
ฉันเงยหน้าสบตากับเอ็นโจก็เห็นสายตาที่อ่อนโยนมองตอบกลับมา อ้อมแขนที่ประคองกอดไว้อย่างนุ่มนวลทำให้รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยและฉันก็เป็นเจ้าของ
“คุณชูสุเกะ”
พอหลุดปากออกไป เวทมนต์ในฝันก็จางหาย เหลือแค่เอ็นโจที่ใส่ชุดไปรเวทยืนอยู่ ท่าทางอึ้งๆเหมือนไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“คุณคิโชวอิน..เมื่อกี้ว่าอะไรนะ”
“.....ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
“เมื่อกี้คุณเรียกชื่อผมอย่างนั้นเหรอ”
“หูฝาดแล้วล่ะค่ะ”
“คุณคิโชวอิน”
“.....”
“เรย์กะ”
มือของเอ็นโจจับข้อมือฉันไว้ ปิดทางหนีโดยสิ้นเชิง อุกรี๊ด!!!!
“เรย์กะ”
แล้วยังเอาหน้ามาใกล้ๆอีก อ๊าก!! จะใกล้เกินไปแล้วนะยะ