Fanboi Channel

ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับถุงกาวที่ไม่มีวันหมด ไม่เหนื่อยล้าแม้จะร้องไห้ [เติมถุงกาวครั้งที่ 28]

Last posted

Total of 1000 posts

434 Nameless Fanboi Posted ID:CjNyjydBKE

กูเสิร์ฟกาวให้เพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์ท่านเอ็นโจบ้าง

กาลครั้งหนึ่งในฝัน >>>/webnovel/5401/249-250/
-----------------------------

ฉันไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป ได้แต่ยืนกระพริบตาปริบๆอยู่ตรงนั้น หัวใจเต้นถี่รัว พยายามเรียกสติที่หลุดลอยหายไปให้กลับเข้าร่าง

ดูเหมือนว่าเมื่อกี้ฉันจะถูกจูบ...ไม่สิ ไม่ดูเหมือนว่าหรอก นั่นมันจูบจริงๆเลยต่างหาก

จูบแรกของฉัน จูบแรกของฉัน จูบแรกของฉัน….

“คุณคิโชวอิน” เอ็นโจกระพริบตาปริบๆ โบกไม้โบกมือไปมาตรงหน้า “เป็นอะไรรึเปล่า...”

เสียงของเอ็นโจลากฉันกลับมาเผชิญกับความจริงได้ในที่สุด ฉันอ้าปากพะงาบๆ ชี้นิ้วใส่โจรขโมยจูบแบบไม่ทันให้ตั้งตัว

“ทำอะไรลงไปน่ะค้าา ท่านเอ็นโจ”

บ้าที่สุด!! นี่มันจูบแรกของฉันนะยะ ไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจเลยนะ ทำเอาเมื่อกี้เกือบช็อคหัวใจวายตายขึ้นมาแล้วไง

“ขอโทษด้วยนะ ก็คุณคิโชวอินน่ารักเกินไปเลยเผลอ..…”

ว๊ากกกกก!!!

ฉันสะดุ้งเฮือกที่ได้ยินคำนั้น ถอยกรูดไปด้านหลังให้ห่างจากเอ็นโจให้ได้มากที่สุด

เจ้าคนจากหมู่บ้านคาสโนว่าอันตรายเหลือเกิน ขนาดสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานขนาดนี้ก็ยังไม่วายจะพูดอะไรเลี่ยนๆออกมาได้หน้าตาเฉยจนเป็นอันตรายต่อหัวใจฉัน มันกำลังเต้นโครมครามแบบน่ากลัว ใบหน้าร้อนเหมือนเลือดในตัวไหลไปรวมกันอยู่ที่นั่นหมด

หมอนี่กำลังวางแผนฆาตกรรมให้หัวใจฉันทำงานหนักเกินขนาดใช่มั้ย ทำให้ระบบต่างๆของร่างกายฉันผิดปกติใช่มั้ย!!!

“ยกโทษให้ผมได้มั้ยนะ”

ถึงจะมาทำหน้าหงอยๆแบบนั้นก็ไม่ยกโทษให้หรอก มุกนี้ใช้กับฉันไม่ได้ผลซ้ำสองหรอกนะยะ!!

ฉันทำใจแข็ง เชิดหน้าใส่เอ็นโจเป็นเชิงว่าจะไม่อ่อนข้อให้เด็ดขาด

“ถ้าคุณคิโชวอินคิดมากเรื่องนี้ จะจูบผมคืนก็ได้นะ” เอ็นโจยิ้ม เอานิ้วเคาะริมฝีปากตัวเองเบาๆ “จะได้แฟร์ๆไง”

“ไม่แฟร์เลยซักนิดค่ะ” ฉันถลึงตาใส่ จะให้จูบคืนนี่มันฉันเสียเปรียบอยู่ทั้งขึ้นทั้งล่องไม่ใช่เหรอห๊ะ คนที่ได้กำไรที่สุดมันก็นายไม่ใช่รึไง

เอ็นโจไม่ตอบอะไรเอาแต่หัวเราะ โอ๊ย!! จะน่าโมโหไปถึงไหนกันยะ!!

แถมเวลายิ้มหน้าก็เหมือนยูกิโนะคุงอีก ฉันจะโกรธก็โกรธได้ไม่สุด ยิ่งมายืนใต้เงาของกระจกสีประดับโบสถ์ที่ส่องประกายเรืองรอง เอ็นโจก็ยิ่งเหมือนเทวดามากขึ้นทุกที

หนอย เจ้าเทวดาตกสวรรค์นี่...คิดจะล่อลวงฉันให้หลงมัวเมาในบาปรึไง ฝันไปเถอะย่ะ

ฉันท่องบทสวดขับไล่ปีศาจอยู่ในใจ แต่ไม่ได้ผลเลยซักนิด เอ็นโจยังคงอยู่ดีมีสุข แถมยังก้าวเท้าเข้าหาฉัน เผลอแป๊บเดียวก็ประชิดตัว คว้ามือฉันขึ้นมาจับ จูบปลายนิ้วเบาๆเหมือนกับที่ทำเมื่อตอนอยู่ในห้องท้องฟ้าจำลอง อุแว้กกก!!

นี่มันไม่ถูกต้องนะ คนที่มาสารภาพรักควรจะเคารพนอบน้อมต่อคนถูกสารภาพรักมากกว่านี้สิ แถมเมื่อกี้ฉันยังเป็นฝ่ายไล่ต้อนอยู่เลย แล้วไหงตอนนี้สถานการณ์มันถึงได้กลับกันล่ะยะ!!!

“อะ เอ่อ นี่ก็ดึกแล้ว ฉันว่าเรากลับกันดีกว่ามั้ยคะ ทางบ้านคงเป็นห่วงแย่แล้ว”

ไม่ใช่ข้ออ้างซักหน่อยนะ มือถือก็ไม่ได้พกติดตัวไว้ เกิดท่านพี่หรือท่านแม่โทรมาตอนนี้แล้วติดต่อไม่ได้คงวุ่นวายกันน่าดูเลยล่ะ

“นั่นสินะ” เอ็นโจพยักหน้ายิ้มๆ จับมือฉันเดินช้าๆลงจากบันไดหิน

ค่อยยังชั่วหน่อย

ฉันแอบถอนหายใจแบบโล่งอกที่ผ่านพ้นความอึดอัดตรงนั้นมาได้ ขืนให้จ้องตากับเอ็นโจตรงนั้นต่อไปไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง อาจจะเลือดกำเดาไหลแบบตอนอยู่ในห้องพยาบาลก็ได้

435 Nameless Fanboi Posted ID:CjNyjydBKE

วิวหน้าโบสถ์ที่เห็นจากขั้นบันไดคือซุ้มต้นแปะก๊วยที่มองอีกหนก็ยังรู้สึกงดงามไม่เปลี่ยน น่าเสียดายในตอนที่ฉันแต่งงานในฝันไม่ใช่ฤดูหนาวที่ต้นไม้พวกนี้จะผลัดใบจากสีเขียวเป็นสีเหลืองทอง แต่เป็นฤดูใบไม้ผลิที่ดอกไม้ทั้งหลายบานสะพรั่งสมบรรยากาศของงานแต่ง ตอนที่นั่งรถออกจากโบสถ์ไปโรงแรมที่ใช้จัดงาน ดอกซากุระสองข้างทางก็บานสะพรั่งเต็มที่เหมือนกับจะอวยพรให้ยังไงยังงั้น

แต่เอ๊ะ!! ทำไมฉันจำได้เยอะขนาดนี้เลยล่ะ ไม่เอานะ อย่าไปนึกถึงมันสิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าบ่าวที่อยู่ในฝันนั้น ต้องลืมๆไปให้หมด

ฉันขับไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไปจากหัว เอ็นโจก็หันมามองแล้วก็ยิ้ม

“คิดอะไรอยู่เหรอ…”

“ปะ เปล่าค่ะ”

“หืม”

“เอ่อ...คิดว่าต้นแปะก๊วยพวกนี้สวยดีนะคะ” ฉันทำเป็นมองไปรอบๆเผื่อหนีจากสายตานั้น

“นั่นสินะ” เอ็นโจมองต้นไม้พวกนั้น แล้วก็ทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ “อ้อ จริงสิ คุณคิโชวอิน….”

“คะ…”

“งานแต่งที่อยู่ในฝันของผมน่ะ...ต้นไม้พวกนี้ ใบยังเป็นสีเขียวอยู่เลย ก็จัดงานในฤดูใบไม้ผลินี่นะ”

ฉันแทบสำลักอากาศกับคำพูดนั้น ไหงทะลุกลางปล้องขึ้นมาเรื่องงานแต่งล่ะเฮ้ย!!

แต่เอ๊ะ!! จัดงานในฤดูใบไม้ผลิอย่างนั้นเหรอ…

ฉันขนลุกวาบกับเรื่องนี้ ไหงเอ็นโจถึงได้ฝันว่าแต่งงานในฤดูใบไม้ผลิแบบเดียวกับฉันเลยล่ะ มันจะบังเอิญเกินไปหน่อยรึเปล่า

ไม่สิ ช่วงฤดูใบไม้ผลิก็เป็นช่วงเวลาที่นิยมจัดงานแต่งงานกันอยู่แล้วนี่นา จะฝันว่าแต่งงานตอนนั้นก็ไม่แปลกหรอก

เอ็นโจยังคงจ้องเอาๆจนฉันรู้สึกลุกลี้ลุกลนขึ้นมาก็เลยรีบดึงมือออกพร้อมกับก้าวเดินเพื่อจะรีบหนีจากสายตานั้น

“คุณคิโชวอิน วิ่งแบบนั้นมันอันตรายนะ…”

ไม่ทันขาดคำ เท้าฉันก็สะดุดเข้ากับแผ่นหินตรงบันไดขั้นสุดท้ายเข้าให้ หน้าจะทิ่มพื้นแล้วเจ้าข้าเอ้ยยย!!!

ฉันหลับตาปี๋ เตรียมใจรับการกระแทกเข้ากับพื้นในวินาทีใดวินาทีหนึ่งข้างหน้า

อ้าว ไม่เจ็บแฮะ….

คำตอบที่ว่าทำไมฉันถึงไม่เจ็บอยู่ตรงหน้า กลิ่นหอมอ่อนๆของน้ำหอมผู้ชายโชยเข้าจมูกและความอบอุ่นจากร่างกายคน พอเงยหน้าก็เห็นสายตาของเอ็นโจที่มองลงมาด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เป็นไรนะ คุณคิโชวอิน”

“ไม่ค่ะ...ขอบคุณนะคะ”

“ค่อยยังชั่วหน่อย”

ฉันก็โล่งอกเหมือนกันนั่นล่ะที่หน้าไม่ฟาดพื้นให้เจ็บตัว แต่โล่งใจได้ไม่ถึงสิบวินาทีก็ฉุกคิดขึ้นมาได้หนึ่งเรื่อง

ถึงจะเป็นอุบัติเหตุแล้วถูกช่วยไว้ก็เหอะ แต่ถ้ามองจากมุมอื่นมันเหมือนฉันถลาเข้าไปหาอ้อมแขนของเอ็นโจเองเลยนี่นา

แล้วก็รู้สึกเหมือนเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นที่ไหนนะ

ราวกับจะตอบคำถามเพราะภาพในความฝันก็ปรากฎขึ้นมาในหัว เอ็นโจในชุดเจ้าบ่าวสีขาวส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยนตอนยื่นมือมาให้ฉันแล้วจับลงบันไดก้าวเดิน แต่ฉันก็สะดุดล้มจนได้ จะว่าด้วยชุดเจ้าสาวที่รุ่มร่ามและหนักหรือความซุ่มซ่ามของตัวเองก็เถอะ แต่เอ็นโจที่อยู่ข้างๆก็เข้ามาประคองไว้ได้ทันท่วงทีจนคล้ายฉันถลาเข้าไปกอดด้วยตัวเอง ทำเอาพวกเซริกะจังและคนอื่นๆที่อยู่ใกล้ๆวี้ดว้ายแซวกันยกใหญ่

เพราะมาอยู่ในสถานที่ที่ใช้แต่งงานในฝันรึเปล่านะ ถึงจำได้ไม่มีตกหล่นแบบนี้

ฉันเงยหน้าสบตากับเอ็นโจก็เห็นสายตาที่อ่อนโยนมองตอบกลับมา อ้อมแขนที่ประคองกอดไว้อย่างนุ่มนวลทำให้รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยและฉันก็เป็นเจ้าของ

“คุณชูสุเกะ”

พอหลุดปากออกไป เวทมนต์ในฝันก็จางหาย เหลือแค่เอ็นโจที่ใส่ชุดไปรเวทยืนอยู่ ท่าทางอึ้งๆเหมือนไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

“คุณคิโชวอิน..เมื่อกี้ว่าอะไรนะ”

“.....ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”

“เมื่อกี้คุณเรียกชื่อผมอย่างนั้นเหรอ”

“หูฝาดแล้วล่ะค่ะ”

“คุณคิโชวอิน”

“.....”

“เรย์กะ”

มือของเอ็นโจจับข้อมือฉันไว้ ปิดทางหนีโดยสิ้นเชิง อุกรี๊ด!!!!

“เรย์กะ”

แล้วยังเอาหน้ามาใกล้ๆอีก อ๊าก!! จะใกล้เกินไปแล้วนะยะ

436 Nameless Fanboi Posted ID:CjNyjydBKE

ฉันหัวหมุนกับความคิดเรื่องระยะห่างที่เหมาะสมระหว่างชายและหญิง แต่เอ็นโจกลับแตะใบหน้าฉันให้หันมองสบตากัน แววตาดูสับสนและประหลาดใจ

“เรย์กะ”

“มะ ไม่ได้อนุญาตให้เรียกชื่อซักหน่อยนะคะ ท่านเอ็นโจ”

“เรย์กะฝันแบบเดียวกับผมใช่มั้ย”

“พะ พูดเรื่องอะไรกันคะ ไม่เห็นเข้าใจเลย”

“งั้นเหรอ” สายตาของเอ็นโจที่ใช้มองในตอนนี้ทำฉันต้องหลบตาไปมองที่อื่น รู้สึกร้อนผ่าวตรงที่ถูกจ้องมอง “...นั่นสินะ คนเราจะฝันแบบเดียวกันได้ยังไงล่ะเนอะ”

พอเอ็นโจทำท่าจะปล่อยผ่าน ฉันก็ถอนใจออกมาแบบโล่งอก แต่พอกำลังจะยันตัวออกจากอ้อมแขนนั่น เอ็นโจก็โพล่งขึ้นมา

“แต่รู้มั้ย ในฝันของผมน่ะ เรย์กะขี้อ้อนมากเลยนะ”

“เอ๋”

“เดี๋ยวก็เข้ามาซุกแล้วก็กอด เรียกชูคะ ชูขา แถมยังชอบขโมยจุ๊บผมตอนเผลอด้วย...”

เฮ้ยๆๆๆๆ พูดอะไรของนายยะ!! ฉันไปทำแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่

แล้วในฝันน่ะกว่าจะเรียกชื่อคุณชูสุเกะได้ก็ตอนเข้าห้องหอโน่น แถมตอนเรียกก็ยังไม่ชินปากอีกต่างหาก

หน้าฉันร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงความทรงจำในตอนนั้น เอ็นโจก็เข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆทำฉันหัวหมุนวนสับสนไปหมด

“....แล้วเรย์กะก็ชอบอ้อน ชูคะ คิดถึงจังเลยค่ะ เป็นห่วงชูนะคะ รักชูที่สุดเลยค่ะ”

“มะ ไม่ได้เรียกชูเฉยๆซักหน่อยนะคะ เรียกคุณชูสุเกะต่างหาก แล้วก็ไม่ได้พูดแบบนั้นเลยด้วย”

ฉันตัวเย็นวาบ รีบตะครุบปากตัวเองแทบไม่ทันเมื่อได้สติว่าเผลอพูดอะไรออกไป เห็นแววตาของเอ็นโจที่ส่องประกายวิบวับก็รู้ตัวว่าตกหลุมพรางเข้าให้แล้ว

“เห…” เอ็นโจยิ้มละมุนละไม “...ผมพูดถึง ‘เรย์กะ’ ที่อยู่ในฝันของผมต่างหาก แต่คุณคิโชวอินแก้ต่างให้อย่างนี้ แสดงว่าคุณคิโชวอินก็คือเรย์กะที่อยู่ในฝันของผมใช่มั้ยนะ”

“....”

“อื๋อ ว่ายังไงล่ะ”

ปลายนิ้วของเอ็นโจเกี่ยวเข้ากับนิ้วของฉัน เข้ามาเกาะกุมมืออย่างช้าๆ สายตาสบประสานกันในระยะประชิดแบบนี้พาให้รู้สึกเหมือนจะหน้ามืดเป็นลม

“คุณคิโชวอินคือเรย์กะของผมใช่มั้ย”

“คิดไปเองแล้วล่ะค่ะ”

ฉันตั้งใจว่าจะยืนกรานปฏิเสธไปอย่างนี้ ถ้าไม่พูดซะอย่าง เอ็นโจก็คาดคั้นฉันไม่ได้อยู่แล้ว

“ความฝันก็คือความฝัน ไม่ใช่ความจริงซักหน่อย เขาว่ากินมากก็ฝันมากไม่ใช่เหรอคะ แล้วก็ไม่มีใครบนโลกที่จะฝันเหมือนกันได้หรอกนะ ท่านเอ็นโจน่ะคิดไปเองแล้วล่ะค่ะ ฉันไม่ใช่เรย์กะในฝันหรอกนะคะ”

“งั้นเหรอ”

มือของเอ็นโจปล่อยมือฉันออกจากการเกาะกุมได้ในที่สุด

ขณะที่กำลังจะโล่งใจ แต่พอเงยหน้ามองก็เห็นเอ็นโจยิ้มเศร้าๆเหมือนกำลังขมขื่น ท่าทีหลุบสายตามองพื้นเหมือนคนหมดเรี่ยวแรงทำให้รู้สึกโหวงเหวงขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาด

“กลับกันเถอะ” เอ็นโจพูดเสียงเบา แล้วก็ออกเดินนำหน้าไป

ทั้งที่ควรจะยินดีที่ทุกอย่างมันจบ แต่ในใจฉันกลับรู้สึกสับสนไปหมด

จะว่าไปนี่มันเหมือนฉากในหนังตอนที่คุณชูจิอ้อนวอนขอความรักจากเรย์นะเป็นครั้งสุดท้าย แต่เรย์นะเอาแต่ปฏิเสธ ผลักไสคุณชูจิให้ออกไปห่างๆด้วยคำพูดทำร้ายจิตใจ

คุณชูจิทำแค่ยิ้มเศร้าๆ ปล่อยมือออกจากเรย์นะ เดินจากไปด้วยหัวใจที่แหลกสลาย

ฉันแทบจะกรี๊ดออกมาตอนที่อยู่ในโรง ทั้งคู่รักกันแล้วแท้ๆ แต่ยัยเรย์นะเอาแต่ปฏิเสธความรู้สึกตัวเองอยู่ได้ หล่อนจะกลัวอะไรนักหนายะ ยัยบ้าเอ้ย!!

...กลัว…อย่างนั้นเหรอ

ก็แหงอยู่แล้ว อีตาเจ้าเล่ห์นี่น่ากลัวจะตายไป จะไม่ให้กลัวได้ยังไงกันล่ะ ทั้งรอยยิ้มและสายตาที่อ่านใจคนได้ เดี๋ยวก็พูดจากดดันข่มขู่ เดี๋ยวก็หาเรื่องเดือดร้อนมาให้ เดี๋ยวก็ฉวยโอกาสแตะเนื้อต้องตัวทำรุ่มร่ามใส่ ต่างจากเอ็นโจที่เป็นเจ้าชายผมสีน้ำผึ้งผู้อ่อนโยนใน Kimi Dolce ลิบลับ เจ้าชายคนที่ฉันชอบในการ์ตูนไม่ใช่จอมเจ้าเล่ห์แบบนี้

ไม่สิ ไม่ๆๆๆ ฉันจะเอาหนังมาปะปนกับความเป็นจริงไม่ได้ นั่นมันเรื่องของคุณชูจิกับเรย์นะ ไม่ใช่ฉันกับเอ็นโจซักหน่อย

ฉันมองคนที่เดินนำหน้าแบบสับสน แล้วก็พยายามจะไม่คิดถึงเนื้อหาของหนัง แต่กลับจำได้ทุกรายละเอียด

นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เรย์นะได้เจอกับคุณชูจิ เพราะหลังจากนั้น คุณชูจิก็ปฏิเสธการพบเรย์นะในทุกทาง โหมทำงานหนักบวกกับตรอมใจจนร่างกายอ่อนแอ แล้วก็ป่วยตายไปในที่สุด

กรี๊ดดด!! ไม่นะ!! อย่าให้ทุกอย่างมันสายไปแบบนั้นสิ

ฉากที่เรย์นะนั่งร้องไห้อย่างหนักเพราะเพิ่งรู้สึกตัวว่าสูญเสียคนรักไป แต่ก็แก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้วสร้างความสะเทือนใจให้ฉันอย่างรุนแรงจนต้องร้องไห้ตาม ถ้าเพียงแต่เรย์นะจะกล้าเปิดใจให้คุณชูจิ เรื่องราวคงไม่ลงเอยเป็นโศกนาฎกรรมแบบนั้น

ฉันเผลอยื่นมือออกไปดึงชายเสื้อเอ็นโจเอาไว้ไม่ให้เดินจากไป

-----------------------------
ตอนหน้าจบชัวร์

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.