เสพกาวจนลืมออริกันซะละ
Last posted
Total of 1000 posts
เสพกาวจนลืมออริกันซะละ
กาวนี่มีฤทธิ์มอมเมาประสาทจริงๆ 555555555555555
ขอบคุณโม่งฟิคค มาเยียวยากูจากการทำสอบแท้ๆ ;--;)
นี่เราดมแต่กาวมาจะปีนึงแล้วสินะ
คืออะไร กูกำลังจะสอบแต่มานั่งรีเฟรชรอกาว ถถถถถ
กูเสิร์ฟกาวให้เพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์ท่านเอ็นโจบ้าง
กาลครั้งหนึ่งในฝัน >>>/webnovel/5401/249-250/
-----------------------------
ฉันไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป ได้แต่ยืนกระพริบตาปริบๆอยู่ตรงนั้น หัวใจเต้นถี่รัว พยายามเรียกสติที่หลุดลอยหายไปให้กลับเข้าร่าง
ดูเหมือนว่าเมื่อกี้ฉันจะถูกจูบ...ไม่สิ ไม่ดูเหมือนว่าหรอก นั่นมันจูบจริงๆเลยต่างหาก
จูบแรกของฉัน จูบแรกของฉัน จูบแรกของฉัน….
“คุณคิโชวอิน” เอ็นโจกระพริบตาปริบๆ โบกไม้โบกมือไปมาตรงหน้า “เป็นอะไรรึเปล่า...”
เสียงของเอ็นโจลากฉันกลับมาเผชิญกับความจริงได้ในที่สุด ฉันอ้าปากพะงาบๆ ชี้นิ้วใส่โจรขโมยจูบแบบไม่ทันให้ตั้งตัว
“ทำอะไรลงไปน่ะค้าา ท่านเอ็นโจ”
บ้าที่สุด!! นี่มันจูบแรกของฉันนะยะ ไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจเลยนะ ทำเอาเมื่อกี้เกือบช็อคหัวใจวายตายขึ้นมาแล้วไง
“ขอโทษด้วยนะ ก็คุณคิโชวอินน่ารักเกินไปเลยเผลอ..…”
ว๊ากกกกก!!!
ฉันสะดุ้งเฮือกที่ได้ยินคำนั้น ถอยกรูดไปด้านหลังให้ห่างจากเอ็นโจให้ได้มากที่สุด
เจ้าคนจากหมู่บ้านคาสโนว่าอันตรายเหลือเกิน ขนาดสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานขนาดนี้ก็ยังไม่วายจะพูดอะไรเลี่ยนๆออกมาได้หน้าตาเฉยจนเป็นอันตรายต่อหัวใจฉัน มันกำลังเต้นโครมครามแบบน่ากลัว ใบหน้าร้อนเหมือนเลือดในตัวไหลไปรวมกันอยู่ที่นั่นหมด
หมอนี่กำลังวางแผนฆาตกรรมให้หัวใจฉันทำงานหนักเกินขนาดใช่มั้ย ทำให้ระบบต่างๆของร่างกายฉันผิดปกติใช่มั้ย!!!
“ยกโทษให้ผมได้มั้ยนะ”
ถึงจะมาทำหน้าหงอยๆแบบนั้นก็ไม่ยกโทษให้หรอก มุกนี้ใช้กับฉันไม่ได้ผลซ้ำสองหรอกนะยะ!!
ฉันทำใจแข็ง เชิดหน้าใส่เอ็นโจเป็นเชิงว่าจะไม่อ่อนข้อให้เด็ดขาด
“ถ้าคุณคิโชวอินคิดมากเรื่องนี้ จะจูบผมคืนก็ได้นะ” เอ็นโจยิ้ม เอานิ้วเคาะริมฝีปากตัวเองเบาๆ “จะได้แฟร์ๆไง”
“ไม่แฟร์เลยซักนิดค่ะ” ฉันถลึงตาใส่ จะให้จูบคืนนี่มันฉันเสียเปรียบอยู่ทั้งขึ้นทั้งล่องไม่ใช่เหรอห๊ะ คนที่ได้กำไรที่สุดมันก็นายไม่ใช่รึไง
เอ็นโจไม่ตอบอะไรเอาแต่หัวเราะ โอ๊ย!! จะน่าโมโหไปถึงไหนกันยะ!!
แถมเวลายิ้มหน้าก็เหมือนยูกิโนะคุงอีก ฉันจะโกรธก็โกรธได้ไม่สุด ยิ่งมายืนใต้เงาของกระจกสีประดับโบสถ์ที่ส่องประกายเรืองรอง เอ็นโจก็ยิ่งเหมือนเทวดามากขึ้นทุกที
หนอย เจ้าเทวดาตกสวรรค์นี่...คิดจะล่อลวงฉันให้หลงมัวเมาในบาปรึไง ฝันไปเถอะย่ะ
ฉันท่องบทสวดขับไล่ปีศาจอยู่ในใจ แต่ไม่ได้ผลเลยซักนิด เอ็นโจยังคงอยู่ดีมีสุข แถมยังก้าวเท้าเข้าหาฉัน เผลอแป๊บเดียวก็ประชิดตัว คว้ามือฉันขึ้นมาจับ จูบปลายนิ้วเบาๆเหมือนกับที่ทำเมื่อตอนอยู่ในห้องท้องฟ้าจำลอง อุแว้กกก!!
นี่มันไม่ถูกต้องนะ คนที่มาสารภาพรักควรจะเคารพนอบน้อมต่อคนถูกสารภาพรักมากกว่านี้สิ แถมเมื่อกี้ฉันยังเป็นฝ่ายไล่ต้อนอยู่เลย แล้วไหงตอนนี้สถานการณ์มันถึงได้กลับกันล่ะยะ!!!
“อะ เอ่อ นี่ก็ดึกแล้ว ฉันว่าเรากลับกันดีกว่ามั้ยคะ ทางบ้านคงเป็นห่วงแย่แล้ว”
ไม่ใช่ข้ออ้างซักหน่อยนะ มือถือก็ไม่ได้พกติดตัวไว้ เกิดท่านพี่หรือท่านแม่โทรมาตอนนี้แล้วติดต่อไม่ได้คงวุ่นวายกันน่าดูเลยล่ะ
“นั่นสินะ” เอ็นโจพยักหน้ายิ้มๆ จับมือฉันเดินช้าๆลงจากบันไดหิน
ค่อยยังชั่วหน่อย
ฉันแอบถอนหายใจแบบโล่งอกที่ผ่านพ้นความอึดอัดตรงนั้นมาได้ ขืนให้จ้องตากับเอ็นโจตรงนั้นต่อไปไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง อาจจะเลือดกำเดาไหลแบบตอนอยู่ในห้องพยาบาลก็ได้
วิวหน้าโบสถ์ที่เห็นจากขั้นบันไดคือซุ้มต้นแปะก๊วยที่มองอีกหนก็ยังรู้สึกงดงามไม่เปลี่ยน น่าเสียดายในตอนที่ฉันแต่งงานในฝันไม่ใช่ฤดูหนาวที่ต้นไม้พวกนี้จะผลัดใบจากสีเขียวเป็นสีเหลืองทอง แต่เป็นฤดูใบไม้ผลิที่ดอกไม้ทั้งหลายบานสะพรั่งสมบรรยากาศของงานแต่ง ตอนที่นั่งรถออกจากโบสถ์ไปโรงแรมที่ใช้จัดงาน ดอกซากุระสองข้างทางก็บานสะพรั่งเต็มที่เหมือนกับจะอวยพรให้ยังไงยังงั้น
แต่เอ๊ะ!! ทำไมฉันจำได้เยอะขนาดนี้เลยล่ะ ไม่เอานะ อย่าไปนึกถึงมันสิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าบ่าวที่อยู่ในฝันนั้น ต้องลืมๆไปให้หมด
ฉันขับไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไปจากหัว เอ็นโจก็หันมามองแล้วก็ยิ้ม
“คิดอะไรอยู่เหรอ…”
“ปะ เปล่าค่ะ”
“หืม”
“เอ่อ...คิดว่าต้นแปะก๊วยพวกนี้สวยดีนะคะ” ฉันทำเป็นมองไปรอบๆเผื่อหนีจากสายตานั้น
“นั่นสินะ” เอ็นโจมองต้นไม้พวกนั้น แล้วก็ทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ “อ้อ จริงสิ คุณคิโชวอิน….”
“คะ…”
“งานแต่งที่อยู่ในฝันของผมน่ะ...ต้นไม้พวกนี้ ใบยังเป็นสีเขียวอยู่เลย ก็จัดงานในฤดูใบไม้ผลินี่นะ”
ฉันแทบสำลักอากาศกับคำพูดนั้น ไหงทะลุกลางปล้องขึ้นมาเรื่องงานแต่งล่ะเฮ้ย!!
แต่เอ๊ะ!! จัดงานในฤดูใบไม้ผลิอย่างนั้นเหรอ…
ฉันขนลุกวาบกับเรื่องนี้ ไหงเอ็นโจถึงได้ฝันว่าแต่งงานในฤดูใบไม้ผลิแบบเดียวกับฉันเลยล่ะ มันจะบังเอิญเกินไปหน่อยรึเปล่า
ไม่สิ ช่วงฤดูใบไม้ผลิก็เป็นช่วงเวลาที่นิยมจัดงานแต่งงานกันอยู่แล้วนี่นา จะฝันว่าแต่งงานตอนนั้นก็ไม่แปลกหรอก
เอ็นโจยังคงจ้องเอาๆจนฉันรู้สึกลุกลี้ลุกลนขึ้นมาก็เลยรีบดึงมือออกพร้อมกับก้าวเดินเพื่อจะรีบหนีจากสายตานั้น
“คุณคิโชวอิน วิ่งแบบนั้นมันอันตรายนะ…”
ไม่ทันขาดคำ เท้าฉันก็สะดุดเข้ากับแผ่นหินตรงบันไดขั้นสุดท้ายเข้าให้ หน้าจะทิ่มพื้นแล้วเจ้าข้าเอ้ยยย!!!
ฉันหลับตาปี๋ เตรียมใจรับการกระแทกเข้ากับพื้นในวินาทีใดวินาทีหนึ่งข้างหน้า
อ้าว ไม่เจ็บแฮะ….
คำตอบที่ว่าทำไมฉันถึงไม่เจ็บอยู่ตรงหน้า กลิ่นหอมอ่อนๆของน้ำหอมผู้ชายโชยเข้าจมูกและความอบอุ่นจากร่างกายคน พอเงยหน้าก็เห็นสายตาของเอ็นโจที่มองลงมาด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรนะ คุณคิโชวอิน”
“ไม่ค่ะ...ขอบคุณนะคะ”
“ค่อยยังชั่วหน่อย”
ฉันก็โล่งอกเหมือนกันนั่นล่ะที่หน้าไม่ฟาดพื้นให้เจ็บตัว แต่โล่งใจได้ไม่ถึงสิบวินาทีก็ฉุกคิดขึ้นมาได้หนึ่งเรื่อง
ถึงจะเป็นอุบัติเหตุแล้วถูกช่วยไว้ก็เหอะ แต่ถ้ามองจากมุมอื่นมันเหมือนฉันถลาเข้าไปหาอ้อมแขนของเอ็นโจเองเลยนี่นา
แล้วก็รู้สึกเหมือนเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นที่ไหนนะ
ราวกับจะตอบคำถามเพราะภาพในความฝันก็ปรากฎขึ้นมาในหัว เอ็นโจในชุดเจ้าบ่าวสีขาวส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยนตอนยื่นมือมาให้ฉันแล้วจับลงบันไดก้าวเดิน แต่ฉันก็สะดุดล้มจนได้ จะว่าด้วยชุดเจ้าสาวที่รุ่มร่ามและหนักหรือความซุ่มซ่ามของตัวเองก็เถอะ แต่เอ็นโจที่อยู่ข้างๆก็เข้ามาประคองไว้ได้ทันท่วงทีจนคล้ายฉันถลาเข้าไปกอดด้วยตัวเอง ทำเอาพวกเซริกะจังและคนอื่นๆที่อยู่ใกล้ๆวี้ดว้ายแซวกันยกใหญ่
เพราะมาอยู่ในสถานที่ที่ใช้แต่งงานในฝันรึเปล่านะ ถึงจำได้ไม่มีตกหล่นแบบนี้
ฉันเงยหน้าสบตากับเอ็นโจก็เห็นสายตาที่อ่อนโยนมองตอบกลับมา อ้อมแขนที่ประคองกอดไว้อย่างนุ่มนวลทำให้รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยและฉันก็เป็นเจ้าของ
“คุณชูสุเกะ”
พอหลุดปากออกไป เวทมนต์ในฝันก็จางหาย เหลือแค่เอ็นโจที่ใส่ชุดไปรเวทยืนอยู่ ท่าทางอึ้งๆเหมือนไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“คุณคิโชวอิน..เมื่อกี้ว่าอะไรนะ”
“.....ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
“เมื่อกี้คุณเรียกชื่อผมอย่างนั้นเหรอ”
“หูฝาดแล้วล่ะค่ะ”
“คุณคิโชวอิน”
“.....”
“เรย์กะ”
มือของเอ็นโจจับข้อมือฉันไว้ ปิดทางหนีโดยสิ้นเชิง อุกรี๊ด!!!!
“เรย์กะ”
แล้วยังเอาหน้ามาใกล้ๆอีก อ๊าก!! จะใกล้เกินไปแล้วนะยะ
ฉันหัวหมุนกับความคิดเรื่องระยะห่างที่เหมาะสมระหว่างชายและหญิง แต่เอ็นโจกลับแตะใบหน้าฉันให้หันมองสบตากัน แววตาดูสับสนและประหลาดใจ
“เรย์กะ”
“มะ ไม่ได้อนุญาตให้เรียกชื่อซักหน่อยนะคะ ท่านเอ็นโจ”
“เรย์กะฝันแบบเดียวกับผมใช่มั้ย”
“พะ พูดเรื่องอะไรกันคะ ไม่เห็นเข้าใจเลย”
“งั้นเหรอ” สายตาของเอ็นโจที่ใช้มองในตอนนี้ทำฉันต้องหลบตาไปมองที่อื่น รู้สึกร้อนผ่าวตรงที่ถูกจ้องมอง “...นั่นสินะ คนเราจะฝันแบบเดียวกันได้ยังไงล่ะเนอะ”
พอเอ็นโจทำท่าจะปล่อยผ่าน ฉันก็ถอนใจออกมาแบบโล่งอก แต่พอกำลังจะยันตัวออกจากอ้อมแขนนั่น เอ็นโจก็โพล่งขึ้นมา
“แต่รู้มั้ย ในฝันของผมน่ะ เรย์กะขี้อ้อนมากเลยนะ”
“เอ๋”
“เดี๋ยวก็เข้ามาซุกแล้วก็กอด เรียกชูคะ ชูขา แถมยังชอบขโมยจุ๊บผมตอนเผลอด้วย...”
เฮ้ยๆๆๆๆ พูดอะไรของนายยะ!! ฉันไปทำแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่
แล้วในฝันน่ะกว่าจะเรียกชื่อคุณชูสุเกะได้ก็ตอนเข้าห้องหอโน่น แถมตอนเรียกก็ยังไม่ชินปากอีกต่างหาก
หน้าฉันร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงความทรงจำในตอนนั้น เอ็นโจก็เข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆทำฉันหัวหมุนวนสับสนไปหมด
“....แล้วเรย์กะก็ชอบอ้อน ชูคะ คิดถึงจังเลยค่ะ เป็นห่วงชูนะคะ รักชูที่สุดเลยค่ะ”
“มะ ไม่ได้เรียกชูเฉยๆซักหน่อยนะคะ เรียกคุณชูสุเกะต่างหาก แล้วก็ไม่ได้พูดแบบนั้นเลยด้วย”
ฉันตัวเย็นวาบ รีบตะครุบปากตัวเองแทบไม่ทันเมื่อได้สติว่าเผลอพูดอะไรออกไป เห็นแววตาของเอ็นโจที่ส่องประกายวิบวับก็รู้ตัวว่าตกหลุมพรางเข้าให้แล้ว
“เห…” เอ็นโจยิ้มละมุนละไม “...ผมพูดถึง ‘เรย์กะ’ ที่อยู่ในฝันของผมต่างหาก แต่คุณคิโชวอินแก้ต่างให้อย่างนี้ แสดงว่าคุณคิโชวอินก็คือเรย์กะที่อยู่ในฝันของผมใช่มั้ยนะ”
“....”
“อื๋อ ว่ายังไงล่ะ”
ปลายนิ้วของเอ็นโจเกี่ยวเข้ากับนิ้วของฉัน เข้ามาเกาะกุมมืออย่างช้าๆ สายตาสบประสานกันในระยะประชิดแบบนี้พาให้รู้สึกเหมือนจะหน้ามืดเป็นลม
“คุณคิโชวอินคือเรย์กะของผมใช่มั้ย”
“คิดไปเองแล้วล่ะค่ะ”
ฉันตั้งใจว่าจะยืนกรานปฏิเสธไปอย่างนี้ ถ้าไม่พูดซะอย่าง เอ็นโจก็คาดคั้นฉันไม่ได้อยู่แล้ว
“ความฝันก็คือความฝัน ไม่ใช่ความจริงซักหน่อย เขาว่ากินมากก็ฝันมากไม่ใช่เหรอคะ แล้วก็ไม่มีใครบนโลกที่จะฝันเหมือนกันได้หรอกนะ ท่านเอ็นโจน่ะคิดไปเองแล้วล่ะค่ะ ฉันไม่ใช่เรย์กะในฝันหรอกนะคะ”
“งั้นเหรอ”
มือของเอ็นโจปล่อยมือฉันออกจากการเกาะกุมได้ในที่สุด
ขณะที่กำลังจะโล่งใจ แต่พอเงยหน้ามองก็เห็นเอ็นโจยิ้มเศร้าๆเหมือนกำลังขมขื่น ท่าทีหลุบสายตามองพื้นเหมือนคนหมดเรี่ยวแรงทำให้รู้สึกโหวงเหวงขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาด
“กลับกันเถอะ” เอ็นโจพูดเสียงเบา แล้วก็ออกเดินนำหน้าไป
ทั้งที่ควรจะยินดีที่ทุกอย่างมันจบ แต่ในใจฉันกลับรู้สึกสับสนไปหมด
จะว่าไปนี่มันเหมือนฉากในหนังตอนที่คุณชูจิอ้อนวอนขอความรักจากเรย์นะเป็นครั้งสุดท้าย แต่เรย์นะเอาแต่ปฏิเสธ ผลักไสคุณชูจิให้ออกไปห่างๆด้วยคำพูดทำร้ายจิตใจ
คุณชูจิทำแค่ยิ้มเศร้าๆ ปล่อยมือออกจากเรย์นะ เดินจากไปด้วยหัวใจที่แหลกสลาย
ฉันแทบจะกรี๊ดออกมาตอนที่อยู่ในโรง ทั้งคู่รักกันแล้วแท้ๆ แต่ยัยเรย์นะเอาแต่ปฏิเสธความรู้สึกตัวเองอยู่ได้ หล่อนจะกลัวอะไรนักหนายะ ยัยบ้าเอ้ย!!
...กลัว…อย่างนั้นเหรอ
ก็แหงอยู่แล้ว อีตาเจ้าเล่ห์นี่น่ากลัวจะตายไป จะไม่ให้กลัวได้ยังไงกันล่ะ ทั้งรอยยิ้มและสายตาที่อ่านใจคนได้ เดี๋ยวก็พูดจากดดันข่มขู่ เดี๋ยวก็หาเรื่องเดือดร้อนมาให้ เดี๋ยวก็ฉวยโอกาสแตะเนื้อต้องตัวทำรุ่มร่ามใส่ ต่างจากเอ็นโจที่เป็นเจ้าชายผมสีน้ำผึ้งผู้อ่อนโยนใน Kimi Dolce ลิบลับ เจ้าชายคนที่ฉันชอบในการ์ตูนไม่ใช่จอมเจ้าเล่ห์แบบนี้
ไม่สิ ไม่ๆๆๆ ฉันจะเอาหนังมาปะปนกับความเป็นจริงไม่ได้ นั่นมันเรื่องของคุณชูจิกับเรย์นะ ไม่ใช่ฉันกับเอ็นโจซักหน่อย
ฉันมองคนที่เดินนำหน้าแบบสับสน แล้วก็พยายามจะไม่คิดถึงเนื้อหาของหนัง แต่กลับจำได้ทุกรายละเอียด
นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เรย์นะได้เจอกับคุณชูจิ เพราะหลังจากนั้น คุณชูจิก็ปฏิเสธการพบเรย์นะในทุกทาง โหมทำงานหนักบวกกับตรอมใจจนร่างกายอ่อนแอ แล้วก็ป่วยตายไปในที่สุด
กรี๊ดดด!! ไม่นะ!! อย่าให้ทุกอย่างมันสายไปแบบนั้นสิ
ฉากที่เรย์นะนั่งร้องไห้อย่างหนักเพราะเพิ่งรู้สึกตัวว่าสูญเสียคนรักไป แต่ก็แก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้วสร้างความสะเทือนใจให้ฉันอย่างรุนแรงจนต้องร้องไห้ตาม ถ้าเพียงแต่เรย์นะจะกล้าเปิดใจให้คุณชูจิ เรื่องราวคงไม่ลงเอยเป็นโศกนาฎกรรมแบบนั้น
ฉันเผลอยื่นมือออกไปดึงชายเสื้อเอ็นโจเอาไว้ไม่ให้เดินจากไป
-----------------------------
ตอนหน้าจบชัวร์
>>416-417 เอ็นโจ แกมันจอมมารรรรพยายามขัดขวางมากก มีคิดจะแย่งคืน จอมมารจริงๆ ถึงจะน่าสงสารที่ต้องนั่งตอบบากะรากิ แต่แกควรตัดใจได้แล้วบ้างมั้ยยย ทำไมกูสงสารยุยโกะไงไม่รู้ โดนลากมาแต่งงานแถมยังมีอะไรกันแล้วทั้งๆที่ไม่ได้รู้สึกเลยย
ส่วน >>434-436 นี่มันฟิคที่รอคอย กรี๊ดดดดดด กูเพิ่งจะด่าจอมมารแต่ฟิคนี้ทำให้ไม้พายสั่นอีกแล้ว จอมมารฟิคนี้ละมุนมากกกก ท่านเรย์กะต้องสู้นะ!
ขอบคุณโม่งฟิคทั้งสองคนที่แบ่งปันกาวด้วยค่ะ เติมพลังได้ดีมากกกกก
สองฟิคนี้มาพร้อมกัน ทำเอาไม้พายสั่นกึกๆๆๆ เหยียบเรือสองแคมได้มั้ยคะ
แต่จริงๆกุอยากอ่านฟิค อิมาริ-เรย์กะ นะ ไม่มีคนชิปคู่นี้บ้างเหรอ? #เรือน้อยกลอยใจ #โดดเดี่ยวเดียวดายในท้องเล
ฟิคA-Zของเอ็นโจ กูนี่ลุ้นมากกว่าตอนจบเอ็นโจจะยืนยัน3P หรือวางแผนntr
กูไมืใช่คนเดียวสินะ ฮือออ อยากได้กาวคู่นี้จัง หรือต้องแต่งเองวะ แงแง
*รอเสพ
กูอยากให้ฟิคเกอิชามาต่อ...
โหยหากาว
ท่านอิมาริกูก็อวยนะ นายตัวสำรองกูก็อวย แต่ฟิคไม่มี T-T
ฟิคท่านอิมาริในโม่งเห็นมีตอนหนึ่งนะ เป็น POV ของท่านสั้นๆ
9.
ตอนที่เขาคิดว่าจะได้พบคุณคิโชวอินซึ่งสวมเดรสเจ้าหญิงที่เธอชอบ ใบหน้าน่ารักมีสีหน้าเศร้าสร้อยในขณะที่เข้าร่วมงานปาร์ตี้ริมสระน้ำของบ้านโมโมโซโนะ เธอก็ปรากฏตัวใน-ชุดนั้น-
ในฐานะมาดามน้อยของบ้านคาบุรากิ หน้าที่การเป็นแฟชั่นไอคอนของวงสังคมถือเป็นหน้าที่หลักของเธอ คุณคิโชวอินปรากฏตัวต่อหน้าคนอื่นด้วยชุดที่ไม่เคยซ้ำกัน แต่เครื่องแต่งกายของเธอมักจะเป็นเครื่องแต่งกายที่เหมือนเจ้าหญิงผู้อ่อนหวานหรือราชินีผู้สูงศักดิ์
แต่เดรส-ชุดนั้น-เป็นภาพลักษณ์ใหม่ของเธอ
ในตอนที่ยังเรียนอยู่ คุณคิโชวอินไม่ค่อยได้อดอาหาร หรือพยายามแต่ไม่สำเร็จเท่าไหร่ ดังนั้นเธอเลยดูมีเนื้อหนังมากกว่าเด็กสาวคนอื่น ๆ ซึ่งคลั่งความผอม และดูเหมือนว่าการได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ในช่วงกำลังเติบโตจะส่งผลถึงตอนที่เธอกลายเป็นหญิงสาว เพราะเธอกลายร่างจากราชินีโรโคโค่ที่บรรดาผู้ชายเคารพแต่ขอมองแค่ห่าง ๆ เป็นความใฝ่ฝันของผู้ชายทุกคนด้วยใบหน้าแบบตุ๊กตาที่มากับรูปร่างแบบดาราเอวี
ทว่าการวางตัวที่เรียบร้อยสง่างามของเธอทำให้ใครต่อใครมองข้ามในจุดนั้นไป คุณคิโชวอินไม่ใช่ผู้หญิงที่จะถูกเรียกว่าเป็นคนเซ็กซี่ เธออาจมีรูปร่างอวบอิ่ม แต่บรรยากาศที่อยู่รอบตัวทำให้คนอื่น ๆ รู้สึกว่าเธอน่านับถือ ในความคิดของเขา เธอเป็นเหมือนนางฟ้าที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง
และเธอก็ทำให้เขาเซอร์ไพรส์อีกครั้งเมื่อประตูของรถบูกัตติสีขาวที่จอดเทียบข้างเปิดออก และเธอก็ก้าวลงมาจากในรถที่มาซายะอ้อมมาเปิดประตูให้
เดรสสีบรอนซ์ชุดนั้นไม่ได้ติดอันดับเดรสที่โป๊ที่สุด คอรูปตัววีอาจจะผ่าต่ำลงมามากกว่าเดรสปกติที่ผู้หญิงญี่ปุ่นนิยมใส่ ผ้าไหมสีบรอนซ์แนบลู่กับร่างทว่าไม่ได้รัดจนไม่เหลืออะไรให้จินตนาการ ชายกระโปรงของเดรสตัวนั้นไม่ได้สั้นกว่ากระโปรงนักเรียนเลยด้วยซ้ำ ทว่าพอมันอยู่บนร่างของเธอ กลับทำให้ผู้ชายที่เห็นตบะแตก
เขารู้สึกนับถือมาซายะที่ขับรถมาได้ตลอดรอดฝั่งโดยไม่เกิดอุบัติเหตุซะก่อน
สายตาของชูสุเกะเหมือนถูกตรึงไว้บนร่างของเธอ แต่อาการหยาบคายของเขากลับไม่ได้เป็นปัญหาอะไรในเมื่อทุกคนที่อยู่ในงานทำอย่างนั้น แม้แต่ผู้หญิงเองก็ยังหันไปจ้อง เขาที่ยืนอยู่กลางกลุ่มผู้หญิงได้ยินเสียงกระซิบของหญิงสาวคนหนึ่งที่อุทานกับเพื่อนสาวของเธอ ‘พรุ่งนี้ไปช้อปปิ้งกันเถอะ พนันได้เลยว่ายัยซึงิอุระจะต้องใส่ชุดผ้าไหมตามท่านเรย์กะในงานปาร์ตี้ครั้งหน้าแน่ ๆ ฉันไม่มีวันยอมตกเทรนด์นี้หรอกนะ!’ นอกจากนั้นเขายังได้ยินคำซุบซิบแบบที่ว่า ‘เธอว่าท่านเรย์กะเป็นไบรึเปล่า? ความสัมพันธ์แบบเลสเบี้ยนนี่ไม่ถือว่านอกใจสามีใช่ไหม?’
เขาที่ยืนอยู่กลางกลุ่มผู้หญิงยังได้ยินเสียงกระซิบกระซาบแบบนี้ ไม่ต้องห่วงเลยว่าผู้ชายในงานจะคิดยังไง คิโชวอิน ทาคาเทรุปั้นสีหน้าอ่อนโยนเดินไปหาน้องสาวของตัวเอง โอบโหล่เธอแล้วกวาดตามองไปทั้งงานเหมือนกำลังส่งสายตาเตือนผู้ไม่ประสงค์ดีเหล่านั้น
ไม่รู้ว่าเพราะคุณโมโมโซโนะเป็นคาสโนว่าตัวท๊อปที่สามารถมองที่ไหนก็ได้ที่อยากมองโดยสายตาตรึงติดอยู่บนหน้าของคู่สนทนา หรือจริง ๆ แล้วเป็นคนรักของคิโชวอิน ทาคาเทรุ แบบที่ร่ำลืออย่างหนาหูกันแน่ แต่เขารู้สึกนับถืออีกฝ่ายที่สามารถคุยกับคุณคิโชวอินได้โดยไม่ละสายตาลงต่ำเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เขามองคุณคิโชวอินที่ตาเป็นประกาย หน้าแดงเมื่อคุณโมโมโซโนะจูบข้อนิ้วของเธอ เขารู้สึกสะใจเมื่อพี่ชายของเธอเตะอัดหน้าแข้งของคาสโนว่าหนุ่ม
มาซายะปล่อยให้พี่ชายของเธอเอสคอร์ทเธอไปหากลุ่มสาวไฮยีน่า ดวงตาจับจ้องอยู่บนสะโพกที่ผ้าไหมสีเมทัลลิกทิ้งตัวแกว่งไกวตามจังหวะการเดิน เขามองสะโพกที่กลมงอนแล้วสงสัยว่าข้างใต้นั่นเธอใส่ชุดชั้นในอะไร บางทีอาจจะเป็นจีสตริงตัวเล็กจิ๋วสีชมพู บางทีอาจจะเป็นชั้นในลูกไม้ที่เรียบลื่นไปกับผิวจนแทบไม่เห็นรอย
แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางงานเลี้ยง แต่ชูสุเกะก็อดจินตนาการไม่ได้ถึงตอนที่เขาอาศัยช่วงเวลาที่พี่ชายของเธอวุ่นวายกับคุณโมโมโซโนะพาเธออกไปในที่ลับตาคน มุมคฤหาสน์ที่มีเพียงแสงไฟสลัว เขากับเธออยู่กับเพียงลำพังในระเบียงแคบ ๆ แผ่นหลังของเธอติดกำแพง เบื้องหน้าคือร่างของเขาที่ค่อย ๆ รุกคืบเข้าไปใกล้ จนกระทั่งเธอทำได้แค่เพียงเงยหน้ามองเขาด้วยดวงตาที่สับสน ราวกับไม่รู้ว่าเธอยั่วยวนให้เขาคลุ้มคลั่งมากแค่ไหน
เธอเหลือบมองไปด้านข้างเพื่อหาทางหนีเหมือนที่เธอชอบทำสมัยอยู่มัธยม เธอมักจะหนีเขาเสมอ และนั่นกลับยิ่งกระตุ้นสัญชาตญาณดิบของผู้ชายในตัวเขาให้ออกไล่ตาม เขาล้อมกรอบเธอไว้ด้วยแขนทั้งสองข้าง โน้มตัวลงไปกระซิบข้างหูเธอถึงความปรารถนาที่ชั่วช้าโสมมของเขา มองใบหน้าขาวเนียนแดงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความอับอาย
ร่างกายของเขาแนบชิดจนกระทั่งสัมผัสได้ถึงอกอวบอิ่มที่ทะลักออกมาจากคอเสื้อลึก เขาจะบอกกับเธอว่าในค่ำคืนนี้มีคนกี่คนที่มองเธอแล้วเปลื้องผ้าเธอในสมองของพวกเขา มีคนกี่คนที่อยากจะฟอนเฟ้นหน้าอกนุ่มหยุ่นเต็มมือของเธอ มีคนกี่คนที่อยากจะแยกขาคู่นี้ของเธอออก ชำแรกร่างเข้าไปในช่องทางของเธอแล้วครั้งแล้วครั้งเล่า หากแต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถทำแบบนั้นกับเธอได้
เธอบอกให้เขาหยุดพูดจาลบหลู่เธอ มือทั้งสองข้างของเธอพยายามยกขึ้นอุดหู เพราะคำพูดของเขาสกปรกเกินกว่าที่หญิงสาวไร้เดียงสาอย่างเธอจะทานทนไหว หากแต่เขาไม่ยินยอมให้เธอทำเช่นนั้น เขารวบข้อมือของเธอแล้วตรึงไว้กับกำแพง มืออีกข้างลากผ่านส่วนนูนของทรวงอก เรื่อยลงไปจนถึงหน้าขา เขาเลื่อนมือเข้าไปยังใจกลางระหว่างต้นขาเนียน หัวเราะออกมาเมื่อสัมผัสได้ถึงความเปียกชิ้นที่ซึมผ่านชุดชั้นใน
‘อืมม์ ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ได้รังเกียจสิ่งที่ผมพูดอย่างที่ปากว่าซักเท่าไหร่นะครับ คุณคิโชวอิน’ เขาหยอกเธอ มองใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยความขัดแย้งในตัวเอง เธอเป็นสุภาพสตรีที่แสนอ่อนหวาน หากแต่ร่างกายของเธอกลับเรียกร้องสิ่งที่หยาบช้าไม่ต่างจากสัตว์ในฤดูผสมพันธุ์
ในจินตนาการของเขา เธอร้องไห้ด้วยความอับอาย แต่สะโพกกลับบดเบียดเมื่อเขาแทรกท่อนขาของตัวเองเข้าไประหว่างขาทั้งคู่ของเธอ ร่างของเธอคร่อมลงบนขาของเขา เสียดสีท่อนล่างที่แฉะเยิ้มกับกางเกงสูทของเขาอย่างเย้ายวนและไร้เดียงสา เขาก้มลงชิมรสหวานจากกลีบปากคู่นั้น เธอเผยอริมฝีปากออกตามสัญชาตญาณเหมือนครั้งที่พวกเขาจูบกันครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงสะอื้นและเสียงครวญครางของเธอถูกกลืนหายไปในปากของเขา ดังนั้นเขาจึงถอนห่างออกมาเพื่อฟังเสียงร่ำร้องของเธอ
‘ได้โปรดเถอะค่ะ ท่านเอ็นโจ’ เธอร่ำร้อง ราวกับว่าการเสียดสีร่างของเธอลงบนขาของเขาอย่างเชิญชวนนั้นไม่เพียงพอ เขา—
เขาควรจะหยุดคิดก่อนที่จะทำให้ตัวเองขายหน้า ชูสุเกะยิ้มให้กับมาดามที่เขามาทักทายเขา ก่อนจะเริ่มบทสนทนาอย่างไม่ติดขัด แม้ว่าในช่องท้องของเขาจะร้อนผ่าว แต่สูทเบลเซอร์ที่กลัดกระดุมไว้นั้นเพียงพอที่จะปิดปังปฏิกริยาทางร่างกายได้อย่างดีเยี่ยม
เขาเฝ้ามองเธอที่ดูจิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่ สีหน้าของเธอมีแววหงุดหงิด เธอไม่ได้พูดคุยไปทั่วเหมือนปกติ เขาสงสัยว่าเธอรู้สึกได้ถึงสายตาที่จาบจ้วงของคนอื่น ๆ ในห้องหรือไม่ ระหว่างงานมาซายะแทบไม่ได้คุยกับเธอเพราะมัวแต่คุยงาน ทว่าพี่ชายของเธอกลับแทบไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากดูแลเธอ แม้ว่าเขาจะเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้เข้าไปคุยกับเธอ แต่ก็ยังดีกว่าใครซักคนพยายามเข้าใกล้เธอเกินกว่าการพูดคุยตามมารยาท
และในตอนเที่ยงคืน เขาก็เห็นเธอเดินไปหามาซายะอีกครั้ง จังหวะการเดินที่ค่อนข้างแข็งตลอดทั้งงานนั้นกลับมานุ่มนวลลากสายตาคนในงานให้หันมองเธอเป็นตาเดียว ทว่าสายตาของเธอจ้องมองแต่มาซายะเท่านั้น ไม่ได้สังเกตเลยด้วยซ้ำว่าเธอหยุดบทสนทนากี่บทของคนในงาน หรือทำให้หัวกี่หัวหันตามร่างที่เดินนวยนาดราวกับว่าเธอเป็นราชินีผู้ปกครองโลกใบนี้ ร่างของเธอบดเบียดเข้ากับร่างของมาซายะ คนเบียดอาจไม่รู้แต่คนถูกเบียดความคิดกระจุยกระจายไปไหนต่อไหน
คุณคิโชวอินอาจจะคิดว่ามันเป็นความลับเล็ก ๆ ระหว่างเธอกับมาซายะ แต่ถ้าใครใจแข็งพอที่จะละสายตาจากร่องอกลึกและเรียวขาขาวได้นานกว่าสามวินาที แล้วสนใจมองตามมือของเธอ ก็สามารถเดาได้ว่าทั้งคู่กับกำลังเล่นเกมอะไรอยู่
มันไม่ใช่เกมใหม่ที่สุดของวงสังคม ดังนั้นชูสุเกะจึงได้ทันเห็นผ้าชิ้นเล็กจิ๋วลายลูกไม้สีดำที่เนื้อผ้าบางใสราวปีกแมลงปอถูกยัดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูทของมาซายะ และโลกก็เหมือนจะระเบิดในสมองของชูสุเกะ
ตอนนี้คุณคิโชวอินไม่ได้ใส่ชุดชั้นใน
ภายใต้ชุดเดรสสีบรอนซ์แนบลู่ไปกับทุกส่วนสัด เบาบางพอจะทำให้ชายกระโปรงสะบัดน้อย ๆ ได้ในเวลาเดิน ความสั้นระดับนั้นถ้าเธอเกิดทำโทรศัพท์มือถือหล่น และก้มลงเก็บ...
เขาไม่รู้ว่าเธอเรียนวิธียั่วยวนแบบนั้นมาจากไหน แต่มาซายะตบะแตกไปแล้วเรียบร้อย เขาไม่โทษเพื่อนสนิท เพราะเขาเองก็รู้สึกอย่างนั้นเช่นกัน
ทว่าคนที่ทันเห็นเหตุการณ์นั้นไม่ใช่แค่เพียงเขาคนเดียว คุณโมโมโซโนะยิ่มกริ่ม ส่วนพี่ชายของคุณคิโชวอินกลับยิ้มไม่ออก เขารู้ว่าทำไม แม้คุณคิโชวอินกับมาซายะจะแต่งงานกันแล้ว และถ้าไม่ใช่คนที่ได้รับข้อมูลอย่างละเอียด (เกินไป) จากเจ้าตัวเองอย่างเขา ย่อมต้องคิดว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ทางร่างกายกันแล้ว แต่จากท่าทางของมาซายะ ชูสุเกะเดาว่าไม่ห้องซักห้องของคฤหาสน์คุณโมโมโซโนะ ก็มุมมืดซักที่ในสวน หรือในบูกัตติสีขาวที่ขับมา ซึ่งตัวเลือกเหล่านั้นล้วนโจ่งแจ้งในสายตาของคนอื่นทั้งนั้น คนที่เป็นพี่ชายของเธอคงไม่อยากให้ใครต่อใครซุบซิบไปว่าน้องสาวกับสามีปฏิบัติกิจกรรมในห้องนอนได้โลดโผนเพียงไหน
ดูเหมือนสายตาที่ต่ำกว่าศูนย์องศาของพี่ชายคุณคิโชวอินจะทำให้มาซายะเย็นลงได้ เขามองคู่สามีภรรยาที่พากันออกไปจากงานอย่างรวดเร็วโดยแทบไม่ร่ำลาเจ้าภาพเลยด้วยซ้ำ มือของเขากำแน่นเมื่อคิดว่าคุณคิโชวอินจะตกเป็นของคนอื่น ตกเป็นของมาซายะโดยที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลยแม้แต่น้อย
.....
ทำไมยิ่งอ่าน a-z ของเอ็นโจยิ่งคิดว่าหมอนี่หื่น + เลวจังวะ ; w ;
โว้ยยยย สรุปช็อตนี้รู้กันถ้วนหน้าเลยสินะ
เรย์ก่าาาาาา ไม่รอดแล้ววววววว 555555555
ภาพลักษณ์เธอไม่เหลือแล้วววว
กูขำมาก ถ้าข่าวเรื่องท่านอิมาริกับท่านพี่จะลือกันขนาดนี้แต่งๆไปเถอะค่ะ จะได้หมดภาระกองอวย 55555
เอ็นโจววววว นายก็ใจเย็นหน่อยเว้ยยยยยย รุ่นกระทิงหรือไง เข้าวัดเข้าวาบ้าง
เดี๋ยวๆๆๆๆ ‘ความสัมพันธ์แบบเลสเบี้ยนนี่ไม่ถือว่านอกใจสามีใช่ไหม’ ใช่เหรอๆ ท่านเรย์กะบาปหนักอีกแล้วจ้า ถถถถ
เจ้าแม่ขาาาา ทำไมเจ้าแม่เป็นคนงี้ 5555555 เกลียดการถามว่าเจ้าแม่เป็นไบมั้ย เสน่ห์เหลือร้ายมากเลยนะคะท่าน ส่วนเอ็นโจ แกหื่นมากกก เลวมากกก หยุดจินตนาการถึงเจ้าแม่แบบนั้นเลยนะ ใจเย็นลงด้วย ไม่งั้นจะสาดเกลือไล่ผีใส่แกแล้ว
ถ้าอ่าน a-z เอ็นโจจบ แล้วออริยังไม่ออกภาพลักษณ์เอ็นโจคือกู่ไม่กลับแล้วแน่ๆเลยอ่ะ5555
ว่าคาบุอัดอั้นแล้วนะ มาเจอเอ็นโจ กุยอมเลย เฮียจิ้นทุกตอนเลย 55555
ยุยโกะใช้ชีวิตอย่างหงาดระแวง สามีฉันเป็นเกย์สินะ ฮือๆๆ
10.
เขารู้สึกประหลาดใจอย่างที่สุดเมื่อหลอกถามมาซายะไปเรื่อย ๆ แล้วพบว่าเพื่อนสนิทของเขากับคุณคิโชวอินยังไม่ได้มีความสัมพันธ์เกินเลย
หลังจากงานแต่งงานของทาคามิจิไม่นาน คุณคิโชวอินก็ป่วยจนเข้าโรงพยาบาล เขาจะเข้าเยี่ยมทว่าห้องของคุณคิโชวอินถูกระบุไว้ว่าให้เข้าเยี่ยมเฉพาะครอบครัวเท่านั้น
ในคืนที่คุณคิโชวอินออกจากโรงพยาบาล มาซายะไลน์มาหาเขาว่าคุณคิโชวอินขอหย่า
ถึงแม้ว่าชูสุเกะจะรอคอยช่วงเวลานี้มานาน แต่พอมันเกิดขึ้นจริง ๆ เขากลับไม่รู้สึกดีใจเลยซักนิด จริงอยู่ที่มาซายะกับคุณคิโชวอินยังคงทำงานและออกงานด้วยกันตามปกติ ไม่มีร่องรอยความบาดหมางของทั้งคู่เลยแม้แต่น้อย ทว่าความสดใสของคุณคิโชวอินก็หม่นลงราวกับรอบตัวเธอถูกปกคลุมด้วยความเศร้าที่ซ้อนเป็นชั้นบาง ๆ กั้นเธอออกจากคนรอบข้าง คนอื่นอาจจะมองไม่ออก แต่เขาที่เฝ้ามองเธอมาตลอดเห็นได้อย่างชัดเจน
มาซายะเองก็ดูเงียบ ๆ ไป จำนวนครั้งในการไลน์หาเขาน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ในบางครั้งมาซายะก็ชวนเขาออกไปนั่งดื่ม พวกเขาพูดเรื่องธุรกิจและเรื่องสัพเพเหระ ทว่าหัวข้อเรื่องคุณคิโชวอินกับอายูคาว่าดูเหมือนจะเป็นหัวข้อต้องห้ามที่อีกฝ่ายไม่อยากให้เขาแตะ
เขาไม่มีโอกาสได้คุยกับคุณคิโชวอินจนกระทั่งหลังเลิกงานเลี้ยงรับรองนักธุรกิจจากจีนที่โรงแรมในเครือคาบุรากิ มายาซะมีคุยธุระต่อ คุณคิโชวอินเลยต้องอยู่รอ ดังนั้นเขาจึงตามเธอไปที่บาร์
ตลอดทั้งงานคุณคิโชวอินไม่ได้กินดื่มอะไรทั้งนั้น เขากังวลว่าคอร์เซ็ตของเธอรัดแน่นเกินไปเหมือนในวันแต่งงานที่มาซายะเล่าให้เขาฟังรึเปล่า และเมื่อมาถึงบาร์ก็พบว่าเธอกำลังนั่งดื่มไวน์อยู่
“ได้ยินว่าวันครบรอบแต่งงานปีที่สามของคุณคิโช—มาดามกับมาซายะจะมีเซอร์ไพรส์” เขาทักทายเธอ บางทีเขาอาจจะดูโหดร้าย แต่เขาเกลียดบรรยากาศหมองหม่นรอบตัวเธอ ให้เธอร้องไห้ออกมาซะยังจะดีกว่า
“สายัณห์สวัสดิ์ค่ะท่านเอ็นโจ” เธอทักทายเขาด้วยน้ำเสียงสุภาพ ดวงตาที่ถูกย้อมไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอลล์จนหยาดเยิ้มกวาดมองไปรอบ ๆ “แล้วมาดามเอ็นโจล่ะคะ?”
“มาดามคาบุรากิยังขี้ระแวงเหมือนเดิมไม่มีผิด” เขาจ้องมองเธอ อยากจะอ่านให้ทะลุว่าในตอนนี้เธอรู้สึกยังไงกันแน่ เธอรักมาซายะ แต่กลับปล่อยเขาให้ไปหาอายูคาวะทั้ง ๆ ที่ตัวมาซายะเองก็ประกาศชัดว่าเขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงอื่นในระหว่างที่มีเธอเป็นภรรยา เขามองเธอแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจแทน ในตอนที่เขาบอกว่าตัวเองจะต้องหมั้นกับยุยโกะ เธอก็มีสีหน้าแบบนี้ ในตอนนั้นเขาอ่านเธอไม่ออกเพราะได้แต่เจ็บแค้นที่ตัวเองไม่มีกำลัง ไม่แม้กระทั่งจะปกป้องตัวเองหรือผู้หญิงที่รักได้ แต่ในตอนนี้เขากลับได้รู้ว่าความรักของเธอนั้นเป็นความรักที่บริสุทธิ์ที่สุด เธอรู้ว่าเขาไม่สามารถทิ้งกิจการบ้านเอ็นโจและหนีไปกับเธอได้ ดังนั้นเธอเลยไม่ร้องไห้ฟูมฟายขอให้เขาทำเช่นนั้น และในตอนนี้ก็เป็นเช่นเดียวกัน เธอรู้ว่ามาซายะรักผู้หญิงคนอื่น เธอจึงปล่อยให้เขาได้ไปกับคนที่เขารัก
เขาอยากจะบอกเธอว่าถึงแม้มันจะสายเกินไป แต่เขารู้แล้วว่าชีวิตที่ไม่มีเธอมันช่างไร้ความหมาย ไม่ว่าจะเงินทอง กิจการใหญ่โต ความนับหน้าถือตาจากสังคม หรือแม้กระทั่งภรรยาที่งดงาม ทุกสิ่งนั้นล้วนแต่เป็นตรวนที่ถ่วงเขา ในทุก ๆ วัน เขาจะต้องฝืนตื่นขึ้นมาเป็น เอ็นโจ ชูสุเกะ ทายาทเอ็นโจผู้เพียบพร้อม ชีวิตของเขาช่างสมบูรณ์แบบไปทุกด้าน ทว่าตั้งแต่วันที่ในชีวิตของเขาไม่มีเธอ เขาก็ไม่เคยมีความสุขอีกเลยแม้แต่วันเดียว
เขาสั่งเหล้าราคาแพงเพียงเพราะว่าเขาเห็นเธอมองเหล้าขวดนี้เสมอตอนที่นั่งดื่มในบาร์แห่งนี้ เธอทดลองดื่มมันดูทว่าไม่ชอบ เธอไม่ชอบวิสกี้เขาก็ไม่ได้ดึงดันจะให้เธอดื่มต่อ
“วันนี้มาดามดูสง่างามเป็นพิเศษเลยนะครับ ถ้าคุณไปยืนหน้าร้านทิฟฟานี่ ผมก็คงนึกว่าตัวเองตาฝาดเห็นฮอลลี่แล้ว “ เขาชมเธอเพราะรู้ดีว่าเธอชอบคำชม
เธอมีสีหน้าเย็นชาขึ้นมา “ถ้าฉันเจอท่านเอ็นโจที่ฟิฟต์อเวนิว ก็คงจะคิดว่าคุณหล่อเหลาเหมือนพอลเช่นกันค่ะ”
เขามองเธอซึ่งนั่งอยู่ที่บาร์เหล้าในชุดเดรสยาวสีดำ ท่าทางสง่างามเหมือนนางเอกจากเรื่องเบรคฟาสต์ แอท ทิฟฟานี่ เขาบอกว่าเธอเป็นฮอลลี่ และเธอบอกว่าเขาคือพอล แต่เขากลับรู้สึกเหมือนตัวเองเหมือนฮอลลี่มากกว่า ผู้หญิงชนบทที่เข้ามาในเมือง แต่งงานกับเศรษฐีเพื่อยกระดับตัวเอง หลงใหลความฟุ้งเฟ้อจนลืมความสุขที่แท้จริง
“แล้วถ้าผมเป็นพอล คุณจะล้มเลิกการไปบราซิล ใส่แหวนหมั้นแล้ววิ่งฝ่าฝนมาหาผมรึเปล่าครับ มาดาม” เขาถามกึ่งจริงกึ่งเล่น แต่ในใจยังหวังว่าเธอที่ตัดสินใจหย่ากับมาซายะจะให้โอกาสเขา
“พอลที่ยังมีคนอุปถัมป์ไม่มีสิทธิ์โยนแหวนหมั้นใส่ตักใครหรอกค่ะ” เธอพูดอย่างตัดรอน เขาเหม่อมองเธอแล้วนึกถึงเหตุผลที่เขาตัดสินใจแต่งงาน ตัวเขาเองไม่ได้รู้สึกเสียดายเงินมากมายก่ายกองหรือธุรกิจใหญ่โตของที่บ้าน หากแต่ถ้าเขาทิ้งหน้าที่ของทายาทตระกูลเอ็นโจ คนที่ต้องมารับหน้าที่สืบต่อคือยูกิโนะ
อาการของยูกิโนะหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งต้องย้ายโรงพยาบาลไปรักษาที่อเมริกาแทน ถ้าเขาหายตัวไป ไม่ช้า ยูกิโนะก็จะต้องถูกเรียกตัวกลับมาเพื่อฝึกฝนการเป็นทายาทของเอ็นโจ การรับผิดชอบงานมากมายมหาศาลและความกดดันอย่างหนักไม่ใช่สิ่งที่ใครจะทำได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะยูกิโนะที่ร่างกายอ่อนแอไม่เคยได้รับการเลี้ยงดูให้เติบโตเป็นทายาท ปลายทางของเส้นทางสายนี้คือเขาอาจจะต้องเห็นน้องชายของตัวเองรับภาระที่หนักเกินตัวจนร่างกายทนไม่ไหว หรือเฝ้ามองตระกูลเอ็นโจค่อย ๆ ถูกลดบทบาทและอาจจะโดนเทคโอเวอร์ธุรกิจเพราะผู้บริหารขาดความสามารถ ซ้ำยังสร้างความขัดแย้งไว้ทั้งกับคาบุรากิและอุริว
เพราะว่าเขาทนเห็นปลายทางที่ไม่ว่าทางไหนก็เลวร้ายเกินกว่าที่ครอบครัวของเขาจะรับได้ ในวันนั้น เขาจึงเลือกที่จะทิ้งเธอไป
ในวันนี้ หากว่ามาซายะเลือกอายูคาวะ เขาที่สร้างฐานอำนาจได้แล้วสามารถหย่าขาดกับยุยโกะได้อย่างไม่มีผลกระทบมากนัก เขารู้ดีว่ายุยโกะไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแม้แต่น้อย การหย่ากับเธอเป็นความเลวร้ายเกือบจะที่สุดที่สามีคนหนึ่งกระทำต่อภรรยา แต่เขาไม่เคยรักเธอเลยแม้แต่น้อย ทุกครั้งที่ยุยโกะเรียกร้อง เขาจำเป็นจะต้องจินตนาการถึงผู้หญิงที่เขารักแทนที่เธอเพื่อให้เขามีอารมณ์พอที่จะทำหน้าที่ให้พ้น ๆ ไป
คุณคิโชวอินโทรหามาซายะเพื่อที่จะให้ช่วยพาไปเข้าห้องน้ำ เขาจึงเสนอตัว หากแต่เธอกระซิบบอกเขาว่าชุดของเธอจำเป็นจะต้องถอดทั้งร่างเพื่อให้สามารถทำธุระได้ เขารู้สึกเหมือนร่างของตัวเองร้อนวูบขึ้นมา เธอเหมือนไฟเหลวที่พอเข้าปาก ก็แผดเผาเขาไปทั่วทั้งร่าง
หากแต่ภาพมาซายะที่วิ่งมาหาเธออย่างร้อนใจทำให้ความต้องการของเขาดับลงอย่างไม่น่าเชื่อ สีหน้าของมาซายะตอนที่อุ้มคุณคิโชวอินไปนั้นคือสีหน้าของผู้ชายที่เปี่ยมรัก ณ วินาทีที่มาซายะอุ้มร่างของเธอขึ้น เขาก็รู้ว่าคำประกาศหย่าในวันครบรอบแต่งงานของทั้งคู่จะไม่มีวันมาถึง
.....
เขาตกหลุมรักคุณคิโชวอินตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเธอสั่นระฆัง รอยยิ้มของเธอสว่างไสวราวกับแสงตะวันแสงแรกในชีวิตของเขา เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งตอนที่เห็นเธอทำงานอย่างขันแข็งตอนเป็นกรรมการงานกีฬา ทั้ง ๆ ที่คิโชวอิน เรย์กะ จะชี้นิ้วสั่งใครก็ได้ทั้งนั้น เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งตอนที่เธอก้มหัวให้ใครต่อใครไปทั่วเพื่อขอโทษแทนลูกพี่ลูกน้อง เธอไม่ควรจะต้องทำอย่างนั้นเลย เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งตอนที่เธอกรีดพัดใส่ซึรุฮานะราวกับราชินีสั่งสอนสตรีไร้มารยาท เขาอยากจะคุกเข่าและจูบชายกระโปรงของเธอ บอกว่าเธอคือราชินีของเขา เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งตอนที่เธอซัดกำปั้นใส่ท้องของเขาเต็มแรง คิโชวอิน เรย์กะ เธอทำให้เขาประหลาดใจราวกับว่าทุกวันที่ได้เจอเธอ คือวันที่เขาลงไปผ่านโพรงกระต่ายไปดินแดนมหัศจรรย์
เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งตอนที่เธอบอกเด็ก ๆ อย่างอ่อนโยนเรื่องระฆังในงานเลี้ยงฤดูร้อน เขาชอบเด็ก เขาสงสัยว่าเธอจะชอบน้องชายแสนดื้อของเขาไหม เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งตอนที่เธอพยายามวิ่งหนีความพยายามของมาดามคาบุรากิในการจับคู่เธอกับมาซายะ ทั้ง ๆ ที่นั่นเป็นความฝันสูงสุดของเด็กผู้หญิงคนอื่นแท้ ๆ เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งตอนที่เธอกล้าพอจะใส่ชุดแฟนซีเป็นหนูวิ่งแข่งและใส่ชุดพ่อบ้านแกะรับแขกในคาเฟ่ คุณคิโชวอิน ทำไมคุณถึงได้น่ารักขนาดนี้นะ เขาคิดอย่างนั้น รู้สึกว่าตัวเองถอนสายตาจากเธอไปไม่ได้ เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งตอนที่เธอฝากหนังสือภาพให้เมื่อรู้ว่ายูกิโนะเข้าโรงพยาบาล ภายใต้ใบหน้าและท่วงท่าของราชินีผู้เยือกเย็น เธอคือนางฟ้าที่เขาอยากจะอุทิศตัวบูชา
เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งตอนที่เห็นเธอใส่กิโมโนสีฟ้าอ่อนตัวนั้นในงานชมหิ่งห้อย เขาไม่แปลกใจเลยด้วยซ้ำว่าทำไมท่านพี่ของเธอถึงจับตาเธออย่างใกล้ชิด เธอน่ารัก ออกจะตลกหน่อย ๆ ในคืนนั้นเขาจับหิ่งห้อยให้เธอ สงสัยว่าเธอจะรู้ไหมว่าเธอคือแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวในคำ่คืนที่มืดมิดสำหรับเขา เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งตอนที่เธอยอมตามใจยูกิโนะแล้วเต้นวอลซ์คู่กันในงานเลี้ยงฤดูร้อน เขาอยากจะจับมือของเธอแล้วพาเธอเต้นรำไปรอบ ๆ ฟลอร์เช่นกัน เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งตอนที่เธอช่วยน้องชายของเขาเอาไว้ คุณคิโชวอินที่อ่อนนุ่มไร้เรี่ยวแรงคนนั้นแบกน้องชายของเขาเขาวิ่งไปห้องพยาบาล เธอเป็นนางฟ้าตัวจริง และเขาอยากจะคุกเข่าแทบเท้าแล้วบอกเธอว่าได้โปรดอย่าทำให้เขาตกหลุมรักเธอไปมากกว่านี้ได้ไหม หัวใจของเขาเต็มไปด้วยเรื่องของเธอ และเขาก็รู้สึกเหมือนแทบทนไม่ไหว
เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งตอนที่รู้ว่าเธอสามารถทำให้พวกหัวหน้าชมรมกีฬาสยบต่อเธออย่างสิโรราบ สายข่าวของเธอทำหน้าที่ได้ไม่เลวเลย เขาสงสัยว่าเธอจะรู้ตัวไหมว่าในหมู่พวกผู้ชาย เธอคือไอดอลที่พวกเขาไม่กล้าเข้าใกล้ เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งตอนที่เธอแกล้งคนกระต่ายลาเต้อาร์ตที่เขาอุตส่าห์ตั้งใจทำไปให้ ทั้ง ๆ ที่ผู้หญิงคนอื่นยื้อแย่งเพื่อที่จะให้ได้มา เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งตอนที่เธอทำหน้าตกใจเมื่อเขาบอกว่ายุยโกะเป็นว่าที่คู่หมั้น สงสัยว่าเธอจะรู้สึกหึงเหมือนที่เขารู้สึกตอนเธอตกหลุมรักผู้ชายคนอื่นรึเปล่า
เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งตอนที่เธอปรากฏตัวในชุดกระโปรงสีเรดไวน์ในงานเลี้ยงของบริษัทคิโชวอิน สีแดงเข้มที่ทำให้เธอเหมือนดอกโบตั๋น โดดเด่นเหนือดอกหญ้าทั้งปวง เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งตอนที่แจกช็อกโกแล็ตให้เด็ก ๆ และเหลือให้เขา ถ้าเขาจะนับว่าเธอให้ช็อกโกแล็ตเขาแล้ว ถึงจะเป็นช็อกโกแล็ตตามมารยาท ก็คงจะทำได้สินะ เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งตอนที่ได้ชิมอาหารที่เธอสารภาพว่าไม่ได้ทำเอง สงสัยว่าอาหารที่เธอทำเองรสชาติเป็นแบบไหน เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งตอนที่เธอฝากช็อกโกแล็ตให้กับน้องชายของเขาแล้วพยายามพูดให้คนอื่นรู้ว่าเขาไม่ใช่คนรับที่แท้จริง คุณคิโชวอิน คุณไม่รู้เลยสินะว่าพฤติกรรมแบบนั้นน่าสงสัยยิ่งกว่ายื่นช็อกโกแล็ตให้เฉย ๆ ซะอีก
เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งตอนที่เธอโดนใส่ร้ายแล้วมีแต่คนอยากจะปกป้องเธอ เธอคือนางฟ้าที่ช่วยเหลือใครต่อใครไว้มากมาย เขาอยากจะถามเธอว่าได้โปรดช่วยเขาอีกคนได้ไหม เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งเมื่อเห็นเธอในชุดกิโมโนฟุริโซเดะสีแดงเข้มท่ามกลางซากุระราตรี เขาอยากจะพาเธอเข้าไปในเงาไม้ ฉวยโอกาสกับเธอจนผิวสีขาวที่ตัดกับกิโมโนสีแดงเข้มกลายเป็นสีชมพู เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งตอนที่เธอแพ้ลูกอ้อนยูกิโนะแล้วต้องไปดื่มชากับเขา เธอดื่มชาที่ท่าทางไม่น่าอร่อย แต่ดูเข้ากับอิมเมจ ในภายหลังเขาลองไปชิมชาลาเวนเดอร์ที่เธอดื่ม สงสัยว่าถ้าโน้มหน้าไปจูบเธอในตอนนั้นจะรสชาติเดียวกับชาที่เขาดื่มอยู่ไหม เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งตอนที่เจอเธอที่ปารีส เธอที่พยายามจะปฏิเสธน้ำใจและรักษาระยะห่างจากเขา เธอบอกว่าเธอซื้อของให้ผู้ชายที่อายุเท่ากับพี่ชาย เขาสงสัยว่าเธอน่าจะซื้อของให้กับคุณโมโมโซโนะ ดูเหมือนว่าเขาจะต้องจับตาคุณโมโมโซโนะซักหน่อยแล้ว
เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งตอนที่เธอกล่าวหาเขาว่าเป็นนักต้มตุ๋น อันที่จริงเขาอยากบอกเธอว่า ถ้าจะกล่าวหาเขาให้ตรงกว่านั้น สโตรกเกอร์น่าจะเข้ากับเขามากกว่า และอาจจะมีฉายาแย่ ๆ อย่างอื่นเพิ่มขึ้นมาด้วยหากว่าคนที่อยู่หลังประตูที่ถูกล็อคสองต่อสองคือเขา ไม่ใช่มาซายะ เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งตอนที่เธอวางแผนเดทให้มาซายะแต่กลับกลายเป็นวางแผนตะลุยกิน เขาควรต้องระวังมาซายะไว้อีกคนสินะ เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งตอนที่เขากับเธอพาเด็ก ๆ ไปอคาเรี่ยมกัน จินตนาการไปว่าถ้าวันหนึ่งเขากับเธอแต่งงานกัน จะพาลูก ๆ มาเที่ยวแบบนี้ เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งที่เธอทำตัวเหมือนเคยชินกับร้านฟาสต์ฟู้ดส์ของสามัญชน คุณคิโชวอิน คุณนี่ชอบของกินจริง ๆ นะ เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งตอนที่เธอใส่วิกผมตลก ๆ แล้วทำเหมือนเล่นเป็นสปายปลอมตัว ทั้ง ๆ ที่เขานึกว่าตัวเองรู้จักเธอดีแล้ว เธอมักจะมีเรื่องแปลกใหม่มาให้เขาประหลาดใจเสมอ
เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งตอนที่เธอชมเขาว่าสอนหนังสือเก่งด้วยตาที่เป็นประกายผิดกับท่าทางขี้ระแวงปกติของเธอ เขาอยากจะบอกเธอว่านอกจากสอนหนังสือ เรื่องอื่นเขาก็ยินดีสอนให้เธอ เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งในยามที่เธอปรากฏตัวในชุดเดรสสีขาวฟ้าโปร่งพลิ้วดูนุ่มนวลน่ามองในงานทานาบาตะ เธอดูเหมือนเจ้าหญิงที่น่าทะนุถนอม เขาอยากจะยืนอยู่ข้าง ๆ และปกป้องเธอจากสายตาของพวกผู้ชายที่แอบมองเธอ เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งตอนที่เจอกับเธอโดยบังเอิญเหมือนพรหมลิขิตในห้องสโมสร ตอนที่เขาลี้ภัยจากที่บ้าน เขากับเธอคุยกันอย่างสนุกสนาน ท่าทีของเธอผ่อนคลายเมื่ออยู่กับเขาอย่างที่เธอไม่เคยทำมาก่อน
เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งตอนที่เธอสอบสวนมาซายะราวกับภรรยามืออาชีพ เขาอยากจะให้เธอลองทำแบบนั้นกับเขา ดูว่าเธอจะเค้นคำตอบจากเขาได้ไหม เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งตอนที่เธอทานคีชได้อย่างน่าเอร็ดอร่อย เธอเข้ากับน้องชายของเขาได้ดีมากจริง ๆ เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งที่เมื่อเห็นเธอทำหน้ามุ่ยตอนที่เขาขโมยส้อมในร้านกาแฟเพื่อรั้งตัวเธอไว้ไม่ให้หนีไป สงสัยว่าถ้าวันนั้นเธอยอมให้เขาป้อน เขาจะยับยั้งชั่งใจตัวเองไหวไหม
เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งตอนที่ร่างโชกเหงื่อหลังออกกำลังกายของเธอเอนพิงมาทางเขา ผิวของเธอร้อนผ่าวและเปียกชิ้น บนร่างมีกลิ่นกายหวาน ๆ กับกลิ่นเหงื่อซึ่งทำให้ร่างกายของเขาร้อนวูบ ทว่าได้แต่บอกให้ตัวเองอดทนเอาไว้ เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งตอนที่เธอไปดูดอกไม้ไฟกับเขาและยูกิโนะ เธออยู่ในชุดเดรสสวมทับด้วยคาร์ดิแกนดูน่ารักเรียบร้อย ในคืนนั้นเขาไม่ได้ดูดอกไม้ไฟ เพราะมัวแต่จ้องเธอที่ตาเป็นประกายในขณะที่ดูดอกไม้ไฟดอกแล้วดอกเล่าระเบิดบนฟ้า
เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งที่เธอยอมออกไปเดินเล่นกับเขาเพียงแค่สองคนโดยไม่ต้องใช้ยูกิโนะอ้างอีกแล้ว เธอบอกเขาว่าตอบแทนที่เขาเลี้ยงอาหารมื้อค่ำเธอวันนั้น เขาเลยให้เธอเลี้ยงกาแฟ มองดูเธอเลียฟองนมที่ติดอยู่บนริมฝีปากหลังดื่มคาปูชิโน่ด้วยลิ้นสีชมพู เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งที่ตอนที่เห็นเธอใส่เดรสสีเขียวอ่อนในงานเลี้ยงของบ้านคาบุรากิ ชุดที่ทำให้เขานึกถึงงานเลี้ยงฤดูร้อนที่ได้พบกับเธอครั้งแรก รอยยิ้มของเธอสว่างไสวและงดงามยิ่งกว่าเดิม จนเขาขอบคุณที่ตัวเองเกิดมาและได้พบกับเธอ มีชีวิตอยู่และได้เฝ้ามองเธอแบบนี้
เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งในวันจบการศึกษาที่พี่ชายของเธอหอบดอกไม้ช่อใหญ่มาให้ กุหลาบสีชมพูเข้ากับเธอได้ดีพอ ๆ กับดอกโบตั๋นสีแดง เขามองเธอแล้วนึกถึงภาพอนาคตที่เขากับเธอแต่งงานกันแล้วเดินเล่นในสวนกุหลาบหน้าบ้าน มีลูกเล็ก ๆ วิ่งเล่นอย่างสนุกสนานรอบตัว เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งเมื่อเธอตกลงไปทานอาหารค่ำกับเขา เธอใส่ชุดกระโปรงแคบ ๆ ที่ผ่าสูงขึ้นไปให้เห็นขาอ่อนขาวเนียน ทำให้เขาเกลียดผ้าคลุมโต๊ะดินเนอร์ที่บังมันไว้
เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งที่ใช้ค่ำคืนในวันคริสต์มาสเดินไปตามทางเดินประดับไปด้วยกัน เธอดูอบอุ่นในชุดเสื้อสีขาว ราวกับที่พักพิงในคืนอันเหน็บหนาวที่สุดของเขา เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งเมื่อไปดูดอกไม้ไฟด้วยกันอีกครั้ง คราวนี้เธอมาในชุดยูคาตะสีอ่อน ดูราวกับภาพวาดสาวงามที่น่าตราตรึง เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งเมื่อเธอพาเขาไปยังที่ต่าง ๆ ที่เขาไม่เคยไป ซุปเปอร์มาร์เก็ต งานออกร้าน เกมส์เซ็นเตอร์ เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งตอนที่เธอนิ่งเงียบ มีเพียงรอยยิ้มน้อย ๆ ปกปิดสายตาที่ปวดร้าว เมื่อเขาบอกว่างานหมั้นของเขากับยุยโกะถูกกำหนดวันไว้แล้ว
เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งในงานรับปริญญา เธอที่เป็นผู้ใหญ่และเงียบขรึมมากกว่าเดิมทำให้เขาทั้งรู้สึกเศร้าและนับถือ ตกหลุมรักเธออีกครั้งเมื่อเธอปรากฏตัวในชุดราตรีสีฟ้าอ่อนในงานแต่งงานของเขา เธองดงามเสียยิ่งกว่าในความทรงจำ คล้ายสิ่งดีงามเพียงสิ่งเดียวในงานแต่งงานที่เขาเกลียดงานนี้ เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งเมื่อเห็นเธอใส่ชุดเจ้าสาวในงานแต่งงานของเธอ ชุดสีขาวสะอาด กระโปรงพลิ้วบางเบาพองฟูเหมือนเจ้าหญิง บนร่างประดับประดาด้วยอัญมณีมากมายสมกับตำแหน่งเจ้าหญิงของคิโชวอินและมาดามน้อยของคาบุรากิ นั่นเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาหวังว่าตัวเองจะเป็นคาบุรากิ ไม่ใช่เอ็นโจ
เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งเมื่อเห็นเธอในเดรสสีเทาในงานวันเปิดตัวโรงแรมสาขาใหม่ของคาบุรากิ เธอดูสง่างามเพียบพร้อม เป็นจุดสนใจที่ใคร ๆ ก็อยากเข้าหา เขาอยากจะขโมยเธอกลับไปและซ่อนเธอเอาไว้ไม่ให้ใครเห็น เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งเมื่อได้ยินว่าเธอจัดการดาราสาวที่มาเกาะแกะมาซายะยังไง เธอยังคงเฉียบขาดเหมือนเคย เป็นโบตั๋นสูงส่งที่แม้จะเจอลมหนาว ก็ไม่ร่วงลงมาเกือกกลั้วกับดิน เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งเมื่อรู้ว่าเธอร้องไห้หน้าห้องผ่าตัดของเขา รู้สึกเหมือนมีกำลังใจในการอยู่ต่ออีกครั้งเมื่อคิดว่าในใจของเธอยังคงมีเขา เขาไม่ได้กลายเป็นคนแปลกหน้าและถูกเธอลืมเลือนไป
เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งเมื่อเห็นเธอในชุดในเกมส์มาริโอ้ที่ติดหนวดอันใหญ่เหนือปาก เขาเดาได้ว่านั่นต้องเป็นความคิดของมาซายะแน่ ๆ เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งเมื่อเห็นเธอในรูปถ่ายที่มาซายะส่งมาให้ เธอยังคงดูงดงามแม้ว่าภาพนั้นจะดูแปดเปื้อนเพียงใดก็ตาม เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งในเทศกาลชมดอกไม้เมื่อเธอปรากฏตัวออกมาในชุดกิโมโนเต็มยศ โดดเด่นเสียยิ่งกว่าดอกไม้ดอกใดในงาน เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งในงานทานาบาตะที่เธอใส่ชุดสีแชมเปญพลิ้วยาวราวกับเจ้าหญิง สง่างามเมื่อหมุนตัวบนฟลอร์เต้นรำภายใต้แสงไฟดวงเล็ก ๆ ราวกับความฝันอันเพริดแพร้วยามค่ำคืน เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งเมื่อเห็นเธอใส่ชุดผ้าไหมสีบรอนซ์แนบเนื้อในปาร์ตี้ริมสระน้ำ เขาอยากจะควักลูกตาผู้ชายทุกคนที่อยู่ในงานนั้นเพื่อไม่ให้จ้องมองเธอ เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งเมื่อเห็นเธอในชุดกระโปรงสีม่วงในงานแต่งงานของทาคามิจิ เธอดูบอบบางน่าทะนุถนอมภายใต้สายฝนที่โปรยปราย เขาตกหลุมรักอีกครั้งเมื่อเห็นเธออยู่ในชุดราตรีสีดำแบบในภาพยนตร์ นั่งดื่มไวน์ในบาร์เหล้าดูท่าทางเดียวดาย
เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งแม้กระทั่งในตอนนี้ ตอนที่ข้างกายของเขามีภรรยาที่แต่งงานตามหน้าที่อยู่เคียงข้าง ตอนที่เธอสาบานรักกับเพื่อนสนิทของเขาในงานแต่งงานครั้งที่สองของทั้งคู่ เขาตกหลุมรักเธออีกครั้งเมื่อเธอเต้นรำกับมาซายะในชุดแต่งงานสีขาว หัวเราะราวกับว่าโลกทั้งโลกนี้เป็นของเธอ
เขาตกหลุมรักเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขารู้ดีว่าจะไม่สามารถเลิกรักเธอได้ ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อน ตอนนี้ หรือต่อจากนี้ไปจนถึงวันตาย
คาบุรากิ มาซายะ อาจจะเคยตกหลุมรักและอกหักหลายต่อหลายครั้งจนกระทั่งได้เจอกับความรักที่สมหวัง หากทว่าสำหรับเขา ถึงจะเคยออกเดทกับผู้หญิงกี่คนก็ตาม แต่ความรักครั้งแรกและครั้งเดียวของ เอ็นโจ ชูสุเกะ คือเด็กผู้หญิงสวมชุดกระโปรงสีเขียวที่สั่นระฆังในงานเลี้ยงฤดูร้อน ผู้เติบโตขึ้นมาเป็นเจ้าสาวแสนสวยที่ไม่ใช่ของเขาคนนี้
ตลอดทั้งชีวิตเขารักผู้หญิงเพียงคนเดียว คน ๆ นั้นคือ คิโชวอิน เรย์กะ
จบซีรีย์ A-Z (Enjou’s Pov)
ขอบคุณโม่งทุกท่านที่ติดตามนะคะ (กราบสามครั้ง) โดยเฉพาะโม่งที่รีเควสพาร์ทของท่านเอ็นโจ กูได้ทำการ Fill Kink มึงละ กูหวังว่ามึงจะโอเคกับมัน (แต่ถึงไม่โอเคกูก็ไม่เขียนใหม่ให้หรอกนะคะซิส ทำใจค่ะ)
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ หวังว่าโอกาสหน้าจะได้เจอกันใหม่
รักนะคะ
โม่งฟิค
T-T
แงงงงงงงงง ขอบคุณค่ะโม่งฟิค น้ำตากุจะไหล ฮือออออ สงสารท่านเอ็นโจ ฮือออออออ
โม่งฟิคคคคคคคคคค ขอบคุณมากน้า สนุกมากจริงๆค่ะ โถ กู้เรือท่านเอ็นโจได้จากตอนจบเลย วงวารนางงงงงง โอกาสหน้ามีอารมณ์เมื่อไหร มาเปิดรับkinkนะคะ 555
โม่งฟิคคคค กราบ สนุกมากเลย
กรี๊ดดดดดด เศร้า กูฟังเพลงรักเธอให้น้อยลงอยู่พอดี มาเจอฟิคนี้กลายเป็นเข้ากับเพลงชิบหาย ;w; รักไม่สมหวังมันเจ็บปวด แต่ก็อร่อย ฮือออออ
ขอบคุณสำหรับฟิคค่ะ มึงทุ่มเทมากๆเลย รักมึงน้าาาาา //กอดๆขอบคุณ
"ผมตกหลุมรักเธออีกครั้ง เพียงคุณอัพตอนที่ 300" ;w;
ผมตกหลุมรักเธออีกครั้ง เพียงโม่งฟิคทุกคนกลับมา
ผมตกหลุมรักเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ส่วนชั้นก็ตกหลุมคุณนี่แหละ จอมมารรรร กูชอบเหลือเกิน เจ็บปวดแต่ก็งดงาม คำบรรยายช่วงสุดท้ายทำกูบ่อน้ำตาแตก ขอบคุณโม่งฟิคมากก มึงเขียนดีมสกๆเลย
สงสารรรร เอ็นโจเอ๊ยยยย ถึงใครจะว่านายเลวยังไง แต่เราให้อภัยน้าาา (แพ้คำว่ารัก 555) ตอนแรกสงสัยอยู่ว่ามันจะจบยังไง โม่งฟิคจะให้เอ็นโจปลงแล้วไปคู่ยุยโกะแทนรึเปล่า พอจบแบบนี้โดนเลยค่า ทั้งหน่วงทั้งเจ็บ แต่กูชอบ 555 ชอบคนที่รักมั่นคง นี่ฮีคงจะรักไปจนวันตาย สงสารก็แต่ชีวิตต่อจากนี้ ต้องมาทนความหวานแหววที่มาซายะเพื่อนรักมาคอยเสิร์ฟ คราวนี้คงช้ำกว่าเดิม เพราะเค้ารู้ใจตัวเองกันแล้ว คงจะมีแบบ 'จะรู้ได้ยังไงว่ผู้หญิงชอบหรือไม่ชอบเซ็กซ์ของเรา' 'ก็พอทำxxx แล้วคิโชวอินก็ xxx รุนแรงไปรึเปล่า' 5555 วงวาร
>>493 เรื่องหลังจากนี้นี่ประมาณนั้นเลย ชีวิตจอมมารนี่ hellish กว่าเดิมเพราะเพื่อนเข้าเข้าสู่โลกใหม่ (หลุดพ้นจากความเวอร์จิ้น) เอ็นโจเลยต้องเป็นที่ปรึกษาส่วน
ที่บ้านชูสุเกะ
คาบุ: ท่าแบบนี้มัน...คนทำได้จริง ๆ เหรอเนี่ย ชูสุเกะ นายลงดัดตัวแบบในภาพซิ ฉันจะลองขึ้นไปอยู่ข้างบน ดูว่ามันทำได้จริง ๆ รึเปล่า
เอ็นโจ: ไม่
คาบุ: ชูสุเกะ ถ้าฉันไปลองใช้จริงแล้วคิโชวอินเกิดบาดเจ็บขึ้นมา เธอต้องโมโหฉันแน่ ๆ
เอ็นโจ: ครั้งนี้เท่านั้นนะ
คาบุ: นายทำเอวอ่อน ๆ กว่านี้ไม่ได้เหรอ มันกดลงไปไม่ลง
เอ็นโจ: ตัดใจเถอะมาซายะ ฉันว่าแม้แต่คุณคิโชวอินก็----
*ยุยโกะเปิดประตูเข้ามา*
ก็ประมาณนี้ล่ะค่ะซิส 555
โฮฮฮ ท่านเอ็นโจจจจจจ ;;
โม่งฟิคงานดีมากกกก ขอบคุณสำหรับกาวค่ะ <3
นอบน้อมและหนักแน่น คือคติประจำใจในการใช้ชีวิตของฉันค่ะ!
คิโชวอิน เรย์กะ (ประถม )
ฉันกระพริบตาปริบๆ เมื่อได้รับสายตาคมกริบจากท่านเอ็นโจ ชูสุเกะ
แม้จะเป็นถึงมิตรสหายของท่านคาบุรากิ มาซายะ แต่ก็ไม่ยอมให้มาขัดขวางหรอกค่ะ ฉันสะบัดพัดในมือเบาๆ ทำเป็นไม่ใส่ใจในขณะที่ท่านเอ็นโจ ชูสุเกะ ค่อยๆ เบียดเข้ามาใกล้มากขึ้น จนแผ่นหลังฉันติดกับกำแพง ใบหน้าของเขายิ้มแย้ม แต่แววตากลับเยือกเย็นจนน่ากลัว ไม่คาดคิดเลยว่าคนที่ดูสง่างามและอ่อนโยนอย่างเขา จะมีมุมที่น่าเกรงกลัวเช่นนี้ด้วย
“คุณคิโชวอินกำลังทำอะไรอยู่งั้นหรือครับ?” เขายิ้ม ฉันจึงยิ้มตอบกลับ
“อะ...เอ๋ ฉันหรือคะ!? ฉันกำลังคิดว่าท่านเอ็นโจนี่ช่างสง่างาม เหมาะสมกับตำแหน่งสหายเคียงคู่ท่านคาบุรากิจริงๆ” ฉันหัวเราะโอะโฮะโฮะ
อุหวาาา ไม่นะ
จดหมายในมือของฉันถูกแย่งชิงไป ท่านเอ็นโจส่งรอยยิ้มมาให้พลางถือซองจดหมายในมือแล้วเดินออกไป
วันนี้ท่านคาบุรากิอารมณ์ไม่ดีอยู่ด้วย ถ้าถูกจับได้ว่าฉันไปขู่แย่งจดหมายมาจากเด็กที่ทำหน้าที่ส่งจดหมายให้ท่านยูริเอะ ฉันต้องแย่แน่!
แม้จะพยายามคิดหาทางออกจากสถานการณ์นี้มากแค่ไหน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านเอ็นโจแล้ว ฉันก็ไม่สามารถทำอะไรได้ พอกลับมาถึงบ้านฉันก็ระเบิดความอัดอั้นใจ ร้องไห้งอแงเข้าไปซุกกอดท่านพี่ในทันที ท่านพี่ถอนหายใจแล้วลูบหัวปลอบโยนฉันเหมือนทุกที ไม่มีคำพูดใดๆ ถามฉันแม้สักคำ อะไรกัน! ไม่ห่วงใยน้องบ้างหรือคะ?
ท่านแม่ได้ยินเสียงร้องไห้ของฉันก็โผล่หน้าออกมา แล้วเอ่ยถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้นคะคุณเรย์กะ!?” ฉันเกิดอาการน้อยเนื้อต่ำใจที่ท่านพี่ไม่เอ่ยถามถึงสาเหตุ จึงโผเข้ากอดท่านแม่ซึ่งกำลังมาร์กหน้าอยู่แทน ท่านแม่มองด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย ฉันรีบระบายความในใจแล้วถามสิ่งที่คาแคลงใจเสมอมา
“เรย์กะไม่เพียบพร้อมตรงไหนหรือคะ วันนี้เรย์กะให้คุกกี้ฝรั่งเศสกับท่านคาบุรากิ แต่ท่านคาบุรากิปฏิเสธไม่รับแล้วเมินเฉย เรย์กะไม่คู่ควรหรือคะ”
เมื่อพูดถึงท่านคาบุรากิ มาซายะ ท่านแม่ก็ยิ้มกริ่ม ย้ำกับฉันเหมือนอย่างเคยว่า “ท่านเรย์กะสมบูรณ์แบบที่สุดค่ะ” ฉันยิ้มตอบอย่างดีอกดีใจ ความกังวลสลายหายไปพร้อมกับวันใหม่ที่เข้ามา
ฉันเริ่มเกาะติดท่านแม่เพื่อเรียนรู้การเป็นคิโชวอินที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น อยู่ในกฎระเบียบที่ถูกวางไว้ ดูแลตัวเองให้คงความงามเสมอ แม้กระทั่งในหน้าร้อนที่เดินทางไปเที่ยวทะเล ฉันก็ไม่ยอมลงน้ำทะเลเลยแม้แต่น้อย และนั่นทำให้ความสัมพันธ์ของฉันกับท่านพี่ค่อนข้างแย่ลง เราแทบจะไม่ได้พูดคุยแบบสนุกสนานกันเลยตลอดหน้าร้อน แต่ฉันไม่สนใจอีกต่อไป อย่างไรท่านพี่ก็คือท่านพี่ของฉัน เรื่องนั้นแน่นอนไม่มีทางเปลี่ยนแปลง ท่านพี่ทาคาเทรุจะยังคงอ่อนโยนและใจดีเสมอ ฉันไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะสูญเสียพี่ชายสุดที่รักคนนี้
ในที่สุดงานเลี้ยงฤดูร้อนของ Pivoine ที่ฉันไม่ปรารถนาจะไปเท่าไหร่ก็มาถึงจนได้ ฉันได้พบกับท่านคาบุรากิและท่านเอ็นโจในงานนี้ รู้สึกดีใจมากค่ะ ภายในงานมีสีสันขึ้นมาทันที ไม่เสียเวลาบำรุงผิวพรรณไปโดยเปล่าประโยชน์เหมือนในตอนแรก ฉันได้ยินเรื่องที่ทั้งสองจะไปเมดิเตอเรเนียนร์ในช่วงหน้าร้อนจากคุณเซริกะและคุณคิคุโนะ แต่ตอนนี้ทั้งสองกลับมาปรากฎตัว ณ ที่แห่งนี้ ต้องเป็นพรหมลิขิตแน่นอนค่ะ!
หัวใจของฉันเต้นรัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ความรู้สึกนี้เรียกว่าอะไรกันนะ หวาาา~ น่าดีใจเกินไปแล้ว
..
ฉันเห็นกลุ่มเด็กน้อยสั่นกระดิ่งเสียงดังกริ๊งๆ แล้วมีคำถามขึ้นมาในใจว่า ‘ทำแบบนั้นจะดีหรือคะ? ไม่เกรงสายตาที่ได้รับมาหรือไงกันนะ’
ท่านพี่ซึ่งยืนอยู่เคียงข้าง เห็นฉันเอาแต่จ้องมองเด็กกลุ่มนั้น จึงก้มลงมากระซิบถามว่า “เรย์กะล่ะ อยากจะสั่นกระดิ่งบ้างไหม?” ฉันได้แต่ยกยิ้มอย่างเกรงอกเกรงใจ รีบตอบกลับไปว่า “ไม่เป็นไรค่ะท่านพี่ น้องอยากเต้นวอลซ์มากกว่า”
แหม หากคิโชวอิน เรย์กะอย่างฉัน ไปสั่นกระดิ่งเป็นเด็กน้อยอย่างนั้นในงานเลี้ยงคงจะไม่ดีล่ะมั้งคะ ฉันและท่านพี่เต้นวอลซ์ คู่กันในงานอย่างสง่างาม ฉันภูมิใจที่ยังคงความสมบูรณ์แบบของคิโชวอิน เรย์กะเอาไว้ได้เหมือนอย่างเคย เมื่อเราเต้นวอลซ์จบก็ได้รับเสียงปรบมืออย่างล้นหลาม ท่านคาบุรากิหน้าบึ้งไปแล้ว เอ๋? เกิดอะไรขึ้นกันคะ
“โย่ ทาคาเทรุ”
“อิมาริ…”
หวาาาา ช่างสง่างามเหลือเกิน ดูเหมือนจะเป็นสหายเพื่อนรักของท่านพี่ ฉันยิ้มอย่างยินดีแล้วเอ่ยทักทายอย่างสุภาพ “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ หนูชื่อเรย์กะ เป็นน้องสาวของท่านพี่” ฉันโน้มตัวยื่นขาออกไปด้านหลังอย่างอ่อนน้อม
“โมโมะโซโนะ อิมาริครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะเรย์กะจัง” ท่านอิมาริโค้งตัวแล้วเผยรอยยิ้มเจิดจ้ามาให้ หลงรักแล้วค่า~ ทำไมท่านผู้นี้ถึงได้น่าหลงใหลเช่นนี้ วะ หวาาาาา!
ฉันเผลอทำน้ำผลไม้ในแก้วหกใส่ชุดสีสวยฟูฟ่องที่ท่านแม่ช่วยเลือกซื้อ ฉันตกใจมาก แต่ท่านอิมาริบอกว่า “ไม่เป็นไร~ ไม่เป็นไร~” แล้วคุกเข่าลงกับพื้น หยิบผ้าเช็ดหน้าผืนสีน้ำเงินขึ้นมาเช็ดคราบน้ำผลไม้เล็กๆ ที่กระเซ็นมาเลอะชุดให้กับฉัน ภาพในตอนนั้นราวกับเจ้าชายกำลังขอเจ้าหญิงแต่งงาน หัวใจของฉันเต้นรัวอีกครั้งกับสเน่ห์ของท่านผู้นี้ บรรยากาศช่างเหมือนในเทพนิยาย แต่แล้วท่านพี่ก็เข้ามาจบบรรยากาศนั้นลงแทบจะทันที ท่านพี่บอกว่ามีธุระด่วน อยากจะพูดคุยกับท่านอิมาริเป็นการส่วนตัว เลยขอแยกตัวออกไปสองคน ฉันใช้โอกาสนี้รีบไปห้องน้ำเพื่อเช็ดคราบน้ำผลไม้ให้เกลี้ยงเกลา ถ้าท่านแม่รู้เข้าอาจจะไม่ดีก็ได้ ฉันต้องสมบูรณ์แบบ ต้องกลบเกลื่อนความผิดพลาดนี้ให้จมมิด…
เมื่อมาถึงห้องน้ำก็พบหญิงสาวอายุมากกว่าสามคน บทสนทนาหยุดลงเมื่อฉันปรากฎตัวขึ้น ซึ่งฉันก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรแม้แต่น้อย
ดีใจจริงๆ ค่ะ ที่ได้พบกับท่านคาบุรากิในงานเลี้ยงโดยบังเอิญ
คงจะดีไม่น้อยเลยนะคะ ถ้าเรย์กะจะได้เต้นวอลซ์คู่กับท่านคาบุรากิ!
...
ของคุณโม่งฟิคA-Zมาก กูอิ่มกาว หนุกหนานมาก สงสารเอ็นโจ แต่จำความใช้สมองใต้เข็มขัดคิดแทนบ่อยๆในตอนก่อนหน้าได้นะยะ นายมีเวลาล้างสมองเพื่อนสนิทให้3Pอยู่นะ สู้ๆ
รอคนอัพสารบัญนะ กุลืมเนื้อเรื่องละ
ช่วงนี้เป็นฤดูกาลฟิคเหรอวะ กูจะรอนะ
ก็รู้สึกว่ากูกำลังจะกลายเป็นหนึ่งในหมู่บ้านไร้เพื่อนแบบคาบุรากิว่ะ อยากจะทักแชทไปสาธยายเรื่องราวทุกๆ 4 ชม. แบบมันไม่มีคนจะคุย มีอยู่คนเดียวอะ อะฮรื้อๆๆ //มโนว่าคาบุรากิส่งรอยยิ้มเข้าอกเข้าใจมาให้กู
>>516 ทำใจว่ะ ยิ่งโตยิ่งเพื่อนน้อยลงเรื่อย ๆ
ปล.แบบคาบุนี่มันก็... แต่เพื่อนก็ก็เล่าเรื่องของตัวเองกะผัวขั้นฮาร์ดคอร์เหมือนกันนะ คือ ทุกเรื่องราวบนเตียง แม่สาธยายหมด ทั้งขนาด ท่วงท่า ระยะเวลา กูก็ อห. กูยังต้องมองหน้าผัวมึงอยู่นะคะ พอมองแล้วนึกถึงตอนมันเยเพื่อนกูด้วยลีลาxxxxแล้วก็เอิ่ม...
พอกูจะลงฟิค เนตบ้านกูก็ดับซะงั้น ฮือออออ
KimiDolce ~after story >>>/webnovel/4018/756-759
-----------------------
“กำลังรออยู่เลยครับ”
พนักงานต้อนรับโค้งหัวให้ผมเมื่อไปถึงร้านอาหารและแจ้งความประสงค์ว่ามาพบคาบุรากิ มาซายะ เดินนำหน้าไปยังมุมที่เป็นโซนส่วนตัว
มาซายะที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วยกมือขึ้นทักทาย ผมเดินเข้าไปนั่งยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม วางกระเป๋าลงแล้วขอเมนูจากบริกร
“โทษที วันนี้คลาสเลิกช้าไปหน่อย”
“ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่าโปรเฟสเซอร์คนนี้ชอบสอนเลท” มาซายะพยักหน้าเนิบๆ ไล่สายตาดูเมนูอาหาร
วันนี้เรานัดทานมื้อกลางวันที่ร้านในโรงแรมของคาบุรากิ มาซายะแนะนำเมนูยอดนิยมที่ควรสั่งเมื่อมาที่ร้าน พร้อมกับบ่นพึมพำเล็กน้อยว่าอยากให้วาคาบะได้มาทานด้วย
“แล้วคุณวาคาบะไปไหนซะล่ะ”
“วันนี้วาคาบะต้องช่วยงานแม่ฉันน่ะสิ มะรืนนี้ก็จะมีงานเลี้ยงแล้ว แม่อยากให้ไปทำหน้าที่ดูแลทุกอย่างแทนตัวเอง...เหมือนโยนเนื้อลงไปในดงไฮยีน่าชัดๆ”
เขาโอดครวญอีกเล็กน้อยว่าไม่ได้พบหน้ากับคุณวาคาบะมาหลายอาทิตย์แล้ว เพราะวุ่นอยู่กับการเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับท่านทูตที่จะใช้โรงแรมของคาบุรากิเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงและงานประชุม บางทีถ้ามีเวลาส่วนตัวก็คือตอนที่ติวหนังสือด้วยกัน มาซายะพยายามจะช่วยเธอทบทวนบทเรียนแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากเท่าไหร่เพราะเราเรียนกันคนละคณะ
วิชาที่คุณวาคาบะเรียนนั่นคือวิชาที่เฉพาะทางมากอย่างรัฐศาสตร์ ไม่ใช่คณะบริหารธุรกิจแบบพวกเรา
มาดามคาบุรากิเข้มงวดกับคุณวาคาบะมาก วันที่ว่างจากการเรียนต้องเข้ามาเรียนรู้งานของบ้านคาบุรากิ และสั่งห้ามทุกคนเข้าช่วยเหลือใดๆทั้งสิ้น ไม่เว้นกระทั่งลูกชายตัวเอง
นี่คือบททดสอบสำหรับการเป็นสะใภ้ของบ้านคาบุรากิ เจอสถานการณ์แค่นี้ถ้าแก้ไขด้วยตัวเองไม่ได้ก็ถือว่าขาดคุณสมบัติ สะใภ้บ้านคาบุรากิต้องดีพร้อมในทุกๆด้านและยืนได้ด้วยตัวเองอย่างเข้มแข็ง
แต่มาซายะก็ยังแอบไปช่วยเธอลับหลังมาดามอยู่ดี
คราวที่คุณวาคาบะกลุ้มใจเพราะเต้นวอลซ์ไม่ได้แต่ต้องเต้นเปิดฟลอร์ มาซายะก็สอนให้ด้วยตัวเองจนเธอเต้นได้อย่างสง่างาม เปียโนที่เล่นไม่เป็นเขาก็เจียดเวลามาสอนให้อีกนั่นล่ะ กริยามารยาทแบบคุณหนูที่ไม่ได้มีมาตั้งแต่เกิด มาซายะก็จัดหาครูที่ดีที่สุดมาให้ ถึงแม้จะถูกบรรดาคุณหนูทั้งหลายถากถางว่ามันเป็นแค่เปลือกที่คอยเลียนแบบ เขาก็คอยช่วยซับน้ำตาและปลอบเธอให้หัวเราะได้
คุณวาคาบะเองก็เป็นนักเรียนที่ดี เรียนรู้ไว หัวไว สมกับที่ขับเคี่ยวชิงลำดับท็อปกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลายกับพวกผม บอกสอนอะไรไปแป๊บเดียวก็จำได้ มีความพยายามและตั้งใจที่จะอยู่เคียงข้างกับมาซายะ สำหรับบางคนถ้าเจอการเคี่ยวเข็ญและการดูถูกหนักขนาดนี้อาจจะถอดใจไปแล้วก็ได้
ฟังมาซายะบ่นพร่ำเพ้ออยู่จนอาหารมาถึงก็ลงมือรับประทาน เราทานไปคุยไปไม่รีบร้อนเพราะตอนบ่ายไม่มีนัดที่ไหน วันนี้เหมือนเป็นวันอิสระของพวกเราจากตารางงานที่รัดตัว
บทสนทนาดำเนินมาถึงเรื่องผู้หญิงที่คอยจ้องจะกลั่นแกล้งวาคาบะ เมื่อเราพ้นออกมาจากสังคมแคบๆในรั้วโรงเรียนซุยรัน ผู้หญิงที่มีจิตใจอิจฉาริษยาเหมือนคิโชวอิน เรย์กะก็มีอยู่ให้เต็มไปหมดที่โลกภายนอก ต่อให้อยากปกป้องแค่ไหนแต่มาซายะไม่สามารถยื่นมือเข้าไปทำลายทิ้งได้หมดแบบผู้หญิงคนนั้น ทุกอย่างเป็นเรื่องของผลประโยชน์ และเขาก็ไม่ใช่เด็กๆที่จะระเบิดอารมณ์ออกมาให้เสียการเสียงานได้
ผมปลอบมาซายะให้ใจเย็นและบอกว่ามันก็เป็นบททดสอบที่คุณวาคาบะจะต้องเจอเพื่อพิสูจน์ตัวเอง เขาก็ดูจะสงบลง และหันไปสนใจกับข้าวในจานต่อ
แต่อยู่ๆมาซายะก็พูดขึ้นมาประโยคหนึ่งที่ทำให้ผมตัวแข็งค้าง ใจหล่นวาบไปข้างล่าง
“จะว่าไป...นายได้ยินข่าวของคิโชวอิน เรย์กะบ้างมั้ย”
ผมก้มลงมองจาน ทำเป็นง่วนอยู่กับการคีบกับข้าวใส่ปากตัวเอง แต่ในใจคิดว่าจะหาทางออกอย่างไรดีเกี่ยวกับเรื่องนี้
“...ก็ไม่นะ”
“ข่าวสุดท้ายที่ฉันรู้คือผู้หญิงคนนั้นกลับเกียวโตไปพึ่งพิงญาติที่นั่น”
“อื๋อ...แล้วยังไงล่ะ”
“ก็เวลาผ่านไปนานขนาดนั้น ผู้หญิงคนนั้นอาจจะวางแผนอะไรอยู่ก็ได้ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคนแบบนั้นจะยอมอยู่เฉยๆ”
“กังวลเหรอ”
“ก็นิดหน่อย” มาซายะยักไหล่แล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม “งานเลี้ยงที่จะมาถึงนี้คืองานใหญ่มาก มีแขกจากหลายประเทศแล้วก็ยังท่านทูตอีก ฉันอยากให้วาคาบะเปิดตัวในฐานะคู่หมั้นของฉันกับคู่ค้าทางธุรกิจชาวต่างชาติให้มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุด และคิโชวอิน เรย์กะคนนั้นก็อาจจะมาป่วนงานก็ได้”
“เธอจะเข้ามาได้ยังไงล่ะ ไม่มีบัตรเชิญ”
“ก็ไม่รู้สิ อาจจะใช้วิธีใดวิธีหนึ่งแอบเข้ามาก็ได้” มาซายะเบ้ปากเหมือนกำลังนึกถึงอะไรบางอย่างที่ดูน่ารังเกียจ “วิธีสกปรกก็เป็นเรื่องที่ผู้หญิงคนนั้นถนัดอยู่แล้วนี่”
“คิดมากไปแล้วน่า”
“มันก็ต้องคิดเผื่อไว้ก่อน วางแผนกันตั้งแต่เนิ่นๆ เกิดมีอะไรผิดพลาดมาก็จะได้รับมือทันยังไงล่ะ”
“ไม่เอาน่า ไม่เชื่อมั่นในระบบรักษาความปลอดภัยของโรงแรมเหรอ” ผมส่งยิ้มให้เขาขัดตาทัพ “อีกอย่างนะ ผู้หญิงคนนั้นอาจจะยังอยู่เกียวโต ไม่รู้ข่าวงานเลี้ยงที่ว่านี่ก็ได้”
เงียบไปพักหนึ่ง เขาก็พยักหน้าเนิบๆคล้ายกับคล้อยตามผม
“นั่นสินะ…ฉันคงคิดมากไปเอง”
ผมแอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่มาซายะปล่อยผ่านไปในเรื่องนี้ แต่ก็ต้องมาสับสนอยู่ในใจว่าทำไมผมถึงช่วยปกปิดเรื่องคิโชวอิน เรย์กะกลับมาโตเกียว เป็นเกอิชาอยู่ในร้านหรูหราย่านอาซากุสะ พยายามอ่อยคู่ค้าทางธุรกิจของตระกูลเอ็นโจ มีแผนจะทำลายล้างตระกูลคาบุรากิ ติดอยู่ที่ว่ายังไม่มีปัญญาทำได้
ไม่เข้าใจตัวเองเลย
หรือจะเป็นเพราะช่วงนี้มาซายะก็วุ่นๆ ผมเลยไม่อยากเอาเรื่องหนักใจไปเพิ่มให้เขากันนะ
อีกอย่างผู้หญิงคนนั้นก็คงยังไม่สามารถทำอะไรในช่วงนี้หรอก และผมก็ยังจับตาดูอยู่ ยังไม่มีอะไรร้ายแรงน่าเป็นกังวลให้บอกกล่าว
หลังทานข้าว มาซายะชวนผมไปรับของขวัญที่สั่งจองให้คุณวาคาบะไว้เมื่อหลายอาทิตย์ก่อน เป็นชุดเครื่องเพชรที่มีสร้อย ตุ้มหู แหวน กำไลเข้าชุดกัน เห็นว่าจะให้เอาไว้ใส่ในงานเลี้ยงที่กำลังจะมาถึง เขาดูวางแผนว่าจะกลับไปรับคุณวาคาบะให้ทันเวลาเลิกงาน
คุณวาคาบะเดินออกมาส่งดีไซเนอร์จากออร์แกไนซ์จัดงานอีเวนท์เจ้าประจำของตระกูลคาบุรากิขึ้นรถที่ด้านหน้าโรงแรมอยู่พอดี พอหันมาเห็นพวกผมเธอก็ยิ้มกว้าง เดินตรงเข้ามาทักทาย
มาซายะเปิดฉากบ่นเรื่องที่แม่ใช้แรงงานของคุณวาคาบะหนักเกินไป แต่คุณวาคาบะก็ส่งยิ้มแบบอ่อนโยนและปลอบให้เขาสงบลง
เมื่อสองคนนั้นสร้างบรรยากาศหวานแหวว ผมที่เป็นส่วนเกินเกะกะก็ขอตัวกลับก่อน แต่ไม่ลืมที่จะแซวให้สองคนนั้นเขินอายกันบ้าง มาซายะชูกำปั้นใส่ผม ส่วนคุณวาคาบะก็หน้าแดง
เมื่อมองกระจกหลังก็เห็นทั้งคู่โบกมือส่งผมแล้วจูงมือเข้าไปด้านในโรงแรม คุยอะไรกันก็ไม่ทราบ แต่เห็นสองคนนั้นมีรอยยิ้มกว้างที่ดูมีความสุข ผมก็ยิ้มตาม
ระหว่างที่รถติดไฟแดงอยู่ ผมเคาะนิ้วลงกับพวงมาลัย คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับสองคนนั้น เห็นแล้วก็อดที่จะนึกถึงตัวเองไม่ได้
ถ้าตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ผมจะสู้เพื่อรักได้แบบสองคนนี้มั้ยนะ หรือจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ทางบ้านเห็นว่าเหมาะสมคู่ควร
ไม่น่าถามเลยนี่นะ
ผมหัวเราะหึๆให้ตัวเองแล้วก็ปัดเรื่องนี้ออกไปจากสมอง ความคิดไร้สาระแบบนี้ไม่ควรจะมีอยู่ในหัวผมด้วยซ้ำ
ความรักอะไรนั่นมันไม่จำเป็นชีวิตที่ถูกกำหนดไว้แล้วหรอก
.
.
.
.
งานเลี้ยงรับรองท่านทูตเป็นงานใหญ่สมอย่างที่มาซายะว่าไว้จริงๆ มีคนใหญ่คนโตจากคณะรัฐบาลกับ ข้าราชการกระทรวงต่างๆเข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง มองไปทางไหนก็เห็นคนคุ้นหน้าในแวดวงการเมืองทั้งนั้น
ผมทักทายกับผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีคอนเนคชั่นกับตระกูลเอ็นโจจนทั่ว เป็นคู่สนทนาให้กับกลุ่มคนเหล่านั้นอยู่พักหนึ่งก่อนจะปลีกตัวมายืนเป็นไม้ประดับข้างกำแพง จิบเครื่องดื่มมองคนเดินผ่านไปผ่านมาตรงหน้า
พระเอกและนางเอกของงานวันนี้คือมาซายะที่กำลังเต้นวอลซ์คู่กับภรรยาของท่านทูตอยู่กลางฟลอร์เต้นรำ และคุณวาคาบะที่มีคู่เต้นเป็นท่านทูตที่ดูจะคุยถูกคอกับเธอเป็นอย่างยิ่ง
ผมได้ยินสาวๆแถวนั้นซุบซิบกันถึงเรื่องเครื่องเพชรที่มาซายะซื้อให้คุณวาคาบะใส่ออกงาน ท่าทางข่าวจะไปไวยิ่งกว่าที่คิด ว่าด้วยคุณชายคาบุรากิหลงแม่สาวสามัญชนจนโงหัวไม่ขึ้น ยอมเสียเงินหลายล้านเยนเพื่อเอาใจสาวคนนั้น ดูแล้วกลุ่มสาวๆพวกนี้จะอิจฉาริษยากันไม่เบา เห็นมีบางคนจ้องคุณวาคาบะอย่างขุ่นเคืองด้วย
เมื่อเพลงจบทุกคนก็ปรบมือให้แก่สองคู่ที่อยู่ในฟลอร์ แสงแฟลชจากนักข่าวสาดใส่มาซายะและคุณวาคาบะอย่างบ้าคลั่ง พรุ่งนี้ก็น่าจะได้ข่าวลงพาดหัวนิตยสารกอสซิปเรื่องซินเดอเรล่าออกงานสังคมอะไรเทือกๆนั้น
มาซายะโอบเอวเธอไปเดินทักทายแขกคนอื่นๆต่อ คราวนี้เป็นกลุ่มคณะรัฐมนตรีจากกระทรวงพาณิชย์ ท่าทางของคุณวาคาบะไม่ได้ดูประหม่าหรือเขินอายแบบงานที่ผ่านมาก่อนหน้า แต่เดินตัวตรงอย่างสง่างามบนส้นสูงสี่นิ้ว แม้จะอยู่ต่อหน้าคนใหญ่คนโตในคณะรัฐบาลก็ยังมีรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ นับว่าการฝึกหนักของมาดามคาบุรากิได้ผล
เดินวนเวียนจนครบในงาน มาซายะก็พาคุณวาคาบะเดินตรงมาหา ผมเลยดีดนิ้วเรียกบริกรให้เอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้สองคนนั้น
“เหนื่อยมั้ย คุณวาคาบะ” ผมถามเธอยิ้มๆตอนที่มาซายะหันไปเลือกน้ำจากถาด
“ไม่หรอกค่ะ สนุกดี” คุณวาคาบะยิ้มกว้าง “ได้ฟังเรื่องสนุกๆตั้งหลายเรื่อง ท่านทูตแนะนำเรื่องการเรียนให้ฉันด้วยล่ะ อ๊ะ ขอบคุณนะมาซายะคุง”
พวกเรายืนคุยสัพเพเหระเกี่ยวกับเรื่องที่ท่านทูตเล่าให้คุณวาคาบะฟังอยู่ครู่หนึ่ง คุณวาคาบะก็ขอปลีกตัวไปห้องน้ำ ทีแรกมาซายะว่าจะไปเป็นเพื่อน แต่คุณวาคาบะกลับโบกมือไปมา
“ฉันไปคนเดียวได้จ๊ะ ไม่เป็นไรหรอก”
“แต่ว่า...”
“ไม่ต้องเป็นห่วงน่า เดี๋ยวฉันมานะ”
มาซายะจะเดินตาม แต่ถูกขัดขวางด้วยกลุ่มนักธุรกิจเข้ามาคุยด้วยเสียก่อน เขาชะเง้อคอมองไปยังทิศทางที่คุณวาคาบะเดินไปด้วยความเป็นห่วง
เมื่อครู่นี้ผมก็เห็นกลุ่มสาวๆที่ซุบซิบเรื่องเครื่องเพชรของคุณวาคาบะเดินตามเธอไป น่าจะตามไปหาเรื่องเพราะมีโอกาส และมาซายะก็เห็น แต่ติดที่ตัวเองต้องคุยกับแขกเหรื่อของแม่ หน้าที่ของคุณชายคาบุรากิต้องมาก่อน ผมก็เลยเข้าช่วยเหลือ
“เดี๋ยวผมเดินไปดูเองก็แล้วกัน” ผมกระซิบใส่หูมาซายะ ตบบ่าเขาเบาๆแล้วเดินออกมา
ห้องน้ำในชั้นนี้มีอยู่สองจุด ผมเดินไปยังจุดที่ใกล้ห้องประชุมจัดเลี้ยงที่สุดก่อน รออยู่ราวๆห้านาทีก็เห็นสาวๆขี้อิจฉากลุ่มนั้นเดินออกมาจากห้องน้ำ ได้ยินพวกเธอบ่นกันว่าคุณวาคาบะไม่อยู่ที่นี่ พลาดโอกาสเล่นงานไปอย่างน่าเสียดาย แสดงว่าเธอคงเดินไปอีกฟากหนึ่ง
ผมเลยเดินไปยังห้องน้ำที่ว่านั่น ยืนรออยู่พักหนึ่งก็เห็นคุณวาคาบะเดินออกมาจากห้องน้ำ กำลังคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้ารื่นเริง คงเป็นมาซายะที่โทรหา
ผมเลยปล่อยให้เธอเดินไป ไม่ได้เรียกไว้ และเธอก็คงไม่เห็นผมเพราะกำลังคุยกับมาซายะอยู่
รอเธอเดินไปจนลับสายตา ผมก็จะเดินกลับไปที่ห้องจัดเลี้ยงบ้าง แต่เสียงประตูที่เปิดออกเรียกความสนใจให้หันไปมองเสียก่อน
คิโชวอิน เรย์กะเดินออกมาจากห้องน้ำนั้น เธอตาเบิกกว้างอย่างตกใจที่เห็นผม ส่วนผมก็อึ้งที่ได้เห็นเธอเหมือนกัน
เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
คุณคิโชวอินยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเชิดหน้าขึ้น เดินฉับๆผ่านไป ทำเหมือนผมไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้น
“เดี๋ยวก่อน” ผมเดินไปดักหน้า เธอเบ้ปากเล็กน้อยเหมือนกำลังรำคาญ “เมื่อกี้คุณวาคาบะออกมาจากห้องน้ำ แล้วคุณก็เดินตามออกมา...คุณทำอะไรเธอ”
“แหม มองโลกในแง่ร้ายจังเลยนะคะ น่าเสียใจจัง”
“คุณคิโชวอิน” ผมกดเสียงลงต่ำ จ้องหน้าเธออย่างคาดคั้น
เธอแค่นยิ้มออกมาแล้วเริ่มต้นพูดด้วยเสียงแหลมสูงเหมือนกำลังประชดประชัน
“ใครจะไปทำอะไรได้ล่ะคะ ก็ตอนนี้ฉันไม่มีอิทธิพลอะไรหนุนหลังแล้วนี่นา จะไปแตะต้องคนรักของทายาทตระกูลคาบุรากิได้อย่างไรกันล่ะเจ้าคะ”
ผมได้แต่ขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ ไม่ชอบทุกอย่างที่รวมออกมาเป็นผู้หญิงคนนี้ ไม่ชอบที่เธอแต่งหน้าทาปากเสียเข้มจนเหมือนผู้หญิงจัดจ้านกร้านโลก ไม่ชอบชุดเดรสสีแดงนั่นที่เปิดเนื้อหนังใต้ร่มผ้ามากไป ไม่ชอบสร้อยไข่มุกเส้นยาวที่อยู่บนลำคอของเธอ ไม่ชอบรองเท้าส้นสูงที่โผล่มาแว้บๆตรงชายกระโปรง ไม่ชอบถุงมือยาวถึงข้อศอกที่เธอใส่ เห็นแล้วมันน่าหงุดหงิดชะมัด
“เรื่องนั้นช่างเถอะ….” ผมมองทั่วตัวเธอเหมือนกำลังหาข้อตำหนิ “คุณใส่ชุดบ้าอะไรของคุณน่ะ โชว์เนื้อหนังขนาดนี้เนี่ยนะ น่าเกลียดชะมัด”
“แล้วมีปัญหาอะไรไม่ทราบคะ ฉันจะใส่อะไรมันก็เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับท่านเอ็นโจซักหน่อย” เธอเหยียดยิ้ม ม้วนปลายนิ้วเล่นกับสร้อยไข่มุกที่สวม
ให้ตายสิ เธอไม่คิดว่ามันจะโป๊ไปหน่อยเหรอ เกาะอกที่มันเกาะแบบหมิ่นเหม่นั่น ถ้าหลุดขึ้นมาจะทำยังไง
“อ้อ แต่คนที่ซื้อชุดนี้ให้เขาก็ไม่เห็นจะบอกน่าเกลียดตรงไหนเลย บอกว่าเหมาะกับฉันออกนะ รสนิยมคุณมีปัญหาแล้วล่ะ”
“คนที่ซื้อให้…” ใคร...ผู้ชายคนไหน แขกในร้านหรือที่อื่น เธอไปหลอกลวงผู้ชายคนไหนมาได้อีก
คุณคิโชวอินแย้มรอยยิ้มที่ดูน่าเกลียด มองผมด้วยสายตาที่เหมือนมองไอ้โง่คนหนึ่ง
“ก็ท่านอิมาริยังไงล่ะค้า”
ชื่อที่ออกจากปากนั่นทำให้ผมตกใจ พอเธอเห็นแบบนั้นก็เปล่งเสียงหัวเราะแหลมสูง ค้อมหัวลงอย่างล้อเลียน
“ต้องขอบพระคุณท่านเอ็นโจมากเลยนะคะที่ช่วยแนะนำท่านอิมาริมาเป็นแขก ฉันก็เลยได้ลูกค้ากระเป๋าหนักที่ยอมจ่ายไม่อั้น อย่างสร้อยไข่มุกแพงๆเส้นนี้เขาก็ซื้อให้อีกนั่นล่ะ แหม... ไม่รู้จะขอบคุณยังไงเลยล่ะค่ะ”
“คุณคิโชวอิน อย่าไปยุ่งกับเขานะ ผู้ชายคนนั้นน่ะ…” ผมรีบเอ่ยปากเตือน บางทีคุณคิโชวอินอาจจะไม่รู้ถึงกิตติศัพท์ของคุณโมโมโซโนะในด้านของความเจ้าชู้ก็ได้
“ถ้าเรื่องที่เขาเป็นคนแบบนั้นน่ะฉันรู้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องเตือนหรอก” เธอตอบกลับมาอย่างเย็นชา แล้วก็มองผมขึ้นๆลงๆด้วยสายตาดูถูก “คุณเองก็เถอะ เที่ยวตามก้นแฟนเพื่อนสนิทไปทุกที่อย่างนี้มันไม่งามนะคะ คงไม่ใช่ว่าคุณก็แอบเล็งทาคามิจิคนนั้นอยู่หรอกนะ เห็นเป็นห่วงเป็นใยกันดีเหลือเกินนี่ แต่แย่หน่อยน้าที่เธอก็ไม่เอาคุณอยู่ดี”
ผมขบกรามแน่น ต้องนับหนึ่งถึงสิบตั้งสติอยู่ในใจเป็นการสะกดกลั้นอารมณ์โกรธก่อนจะพูดตอบออกไป
“คุณคิโชวอิน...เลิกพูดอะไรต่ำๆแบบนั้นได้แล้ว ผมไม่ได้คิดอะไรทำนองนั้นกับคุณวาคาบะเลยซักนิด”
“นั่นพูดแก้เก้อรึไงคะ” เธอหัวเราะเสียงแหลมสูงเหมือนกำลังเย้ยหยัน “แต่ก็อย่างว่าล่ะ...ท่านคาบุรากิสุดแสนจะเลิศเลอออกขนาดนั้น เป็นฉันก็เลือกท่านคาบุรากิอยู่วันยังค่ำ ไม่มาคว้าเอาตัวรองๆหรือกรวดหินไร้ค่าข้างทางหรอก”
คงเป็นเพราะความโกรธ ผมถึงได้รู้สึกจุกแน่น พูดไม่ออก เจ็บแปลบขึ้นมาในหัวใจ แถมเนื้อตัวก็เหมือนจะไร้เรี่ยวแรงได้อย่างน่าประหลาด
คุณคิโชวอินยิ้มเยาะที่เห็นผมพ่ายแพ้ในการโต้เถียง ยกกระโปรงถอนสายบัวให้อย่างงดงามอ่อนช้อย
“ฉันต้องขอตัวล่ะค่ะ ป่านนี้ท่านอิมาริคงรอแย่แล้ว...ไปก่อนนะคะ”
คงเป็นเพราะความโกรธ ผมถึงได้ก้าวตามเธอไป ดึงแขนไว้จากด้านหลัง ฉีกยิ้มให้ดูเป็นคนเลือดเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้
“แล้ว... คุณคิโชวอินไม่อยากรู้เหรอ ว่าวันนี้คุณวาคาบะมาที่นี่ทำไม”
เธอดูตกใจที่ผมเข้าใกล้ขนาดนี้ แววตาเริ่มปรากฎร่องรอยของความหวาดหวั่น แต่ยังคงเชิดหน้าเหมือนไม่ได้กลัวเกรง
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ฉันไม่ได้อยากรู้”
ผมยิ้มมุมปาก นึกแต่คำพูดที่จะทำให้เธอเจ็บปวดบ้าง ผมรู้จุดอ่อนของเธอ ไม่ได้ยากอะไรเลยสำหรับการทำร้ายจิตใจใครซักคน
“มาซายะพาคุณวาคาบะออกงานสังคมในฐานะคู่หมั้นอย่างเป็นทางการยังไงล่ะ” ผมไม่ได้เหลือบมองสีหน้าเธอ “คุณคงไม่ได้ตามข่าวสินะ แต่มาซายะน่ะเพิ่งจะหมั้นหมายกับคุณวาคาบะไปเมื่อไม่กี่เดือนนี้เอง คุณอิมาริก็ไปงานมาด้วยนะ...เขาไม่ได้บอกคุณเหรอ”
พูดไป ผมก็หัวเราะไป ทำเหมือนมันเป็นเรื่องตลกขบขันที่ไม่สำคัญ
“มาซายะนี่ก็ใจร้อนจริงๆ คุณวาคาบะบอกให้เรียนจบแล้วค่อยหมั้นกันแบบเป็นทางการก็ได้ แต่ยังไงมาซายะก็ไม่ยอมท่าเดียว บอกว่าประกาศไปแล้วตั้งแต่ตอนนั้นก็ต้องทำให้เรียบร้อย...อ้อ...ตอนนั้นที่ว่าก็ตอนที่ยกเลิกการหมั้นกับคุณเพื่อคุณวาคาบะไงล่ะ”
ผมก้มลงไปกระซิบข้างหูเธอ เอาคำพูดที่พูดเมื่อครู่นี้คืนกลับไปให้
“แย่หน่อยน้า ที่เขาก็ไม่เอาคุณเหมือนกัน”
พูดจบผมก็ถอยออกมา รอดูว่าเธอจะโต้ตอบกลับมาอย่างไร
แต่ผิดคาดที่เธอยืนนิ่งค้าง ริมฝีปากสั่นระริก ดวงตากลมโตมีน้ำตาเอ่อคลอ และเมื่อสบตากันผมก็เห็นร่องรอยของความเสียใจและความผิดหวังปรากฎอยู่
ใจผมอ่อนลงยวบยาบ ความสำนึกผิดทิ่มแทงจนรู้สึกเจ็บปวด ผมได้แต่ยืนอ้ำอึ้งเพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปเหมือนตัวเองได้สูญเสียการพูดไปแล้ว
“คุณคิโชวอิน...ผม….”
เธอสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงผม ขณะที่ก้าวเท้าไปด้านหลังก็ยังจับจ้องผมไม่วางตา ก่อนจะหมุนตัวกลับหลังหันวิ่งหนีไป ดูแล้วคล้ายสัตว์ตัวเล็กๆที่ได้รับบาดเจ็บ
ต้องใช้เวลาอีกหลายสิบวินาทีกว่าผมจะตั้งสติได้และวิ่งตามในทิศที่คุณคิโชวอินมุ่งหน้าไป แต่เธอหายไปแล้ว ผมเดินวนเวียนหาแถวๆนั้นก็ไม่พบ
ผมไม่รู้จะไปตามหาต่อได้ที่ไหนเลยต้องกลับมาตั้งหลักที่ห้องจัดเลี้ยง มาซายะอยู่กลางฟลอร์ กำลังเต้นวอลซ์กับคุณวาคาบะอยู่พอดี แต่ผมไม่มีอารมณ์จะคุยกับใครหน้าไหนทั้งสิ้นเลยส่งเมล์ถึงมาซายะว่าขอตัวกลับก่อน แล้วปลีกตัวออกจากงาน
แม่ดูแปลกใจที่ผมกลับมาถึงบ้านเร็วกว่าที่คิด ผมอ้างว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายเลยอยากกลับมาพักผ่อนและไม่อยากให้ใครรบกวน แม่ก็ไม่เซ้าซี้ถามต่อ ปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวตามที่ร้องขอ
ผมคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ เปิดฝักบัวให้ความเย็นของสายน้ำดับความร้อนที่อยู่ในตัว แต่ไม่ค่อยจะได้ผล ความโกรธก็ยังกรุ่นอยู่ในอกไม่ยอมหายไปจนต้องทุบผนังห้องน้ำแรงๆเป็นการระบายอารมณ์
คืนนี้ อะไรก็ผิดพลาดไปหมด ตั้งแต่ผู้หญิงคนนั้นโผล่มา
ไม่สิ...มันผิดพลาดตั้งแต่ผมบอกคุณอิมาริเรื่องที่เธอไปทำงานแบบนั้นแล้ว
ผมมันโง่เองที่มองโลกในแง่ดีเกินไป คิดว่าถ้าบอกคุณอิมาริ แล้วเขาก็คงจะเอาไปบอกต่อคุณทาคาเทรุ พี่ชายของเธอให้มาห้ามเธอทำงานแบบนั้น เป็นความคิดตื้นๆที่มีช่องโหว่มากมาย แต่ตอนนั้นผมกลับไม่รู้สึกตัวเพราะแค่อยากระบายอารมณ์หงุดหงิดที่สุมอยู่ในอก ถ้าพ่อรู้ว่าผมปล่อยตัวตามอารมณ์แบบนี้คงถูกเรียกไปด่า
แล้วผลก็เป็นอย่างที่เห็น คุณอิมาริไม่ได้บอกพี่ชายเธอ คุณคิโชวอินได้ผู้ชายร่ำรวยไว้ให้เกาะสมใจปรารถนา ผมทำพลาด เป็นไอ้โง่ที่ใช้อารมณ์นำหน้าเหตุผล
ผมถูกสอนให้ควบคุมอารมณ์มาตั้งแต่เล็กแต่น้อย เจอสถานการณ์ที่น่าหงุดหงิดหรือลำบากใจแค่ไหนก็ต้องแสดงออกว่าไม่เป็นอะไร และผมก็ทำมันได้ดีซะด้วย ยกเว้นอยู่เรื่องเดียวคือเรื่องของคิโชวอิน เรย์กะ
พออยู่ใกล้เธอ ผมก็ไม่สามารถควบคุมตัวได้เลยสักครั้ง
ผมไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้โมโหเธอได้ ผมไม่พอใจที่เห็นเธอใส่ชุดบ้าๆนั่น การมีตัวตนอยู่ของเธอมันช่างทำให้ผมโกรธได้ทุกสิ่งอย่าง
เธอเป็นผู้หญิงน่ารำคาญที่เอาแต่ไล่ตามมาซายะ ผู้หญิงที่มองผมด้วยสายตาดูถูก ผู้หญิงที่เอาแต่พ่นคำร้ายๆออกมา ผู้หญิงเห็นแก่ตัวที่ไม่สนใจอะไรไปมากกว่าตัวเอง ไม่แยแสว่าจะทำให้ใครเดือดร้อน แต่ชั่วแว้บหนึ่งที่ผมเห็นน้ำตาของเธอ หัวใจก็สั่นไหว ผมเกือบจะยื่นมือออกไปแล้วพูดปลอบ
เป็นอะไรไปนะ ไม่เข้าใจตัวเองเลย
เมื่อเช็ดผมและเช็ดตัวจนแห้งก็ได้เวลาเข้านอน ผมบอกให้ตัวเองข่มตาให้หลับเพราะพรุ่งนี้มีเรียนงานบริหารตั้งแต่เช้า แต่ทำได้ยากเย็นเต็มทีเพราะภาพที่คุณคิโชวอินร้องไห้ยังติดตรึงอยู่ในหัว
คืนนั้นผมฝัน
ในห้วงฝัน ผมเห็นนางเงือกร้องไห้ หยดน้ำตาร่วงลงมาเป็นไข่มุกเม็ดงามรายล้อมตัว
ผมรู้สึกเสียใจแต่ทำอะไรไม่ได้ และไม่มีความกล้าพอที่จะยื่นมือเข้าไปหา เพราะผมคือหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้นางเงือกต้องหลั่งน้ำตา
ในความฝัน ผมทำได้แค่เฝ้ามองเธอดูเธอ และกล่าวซ้ำไปซ้ำมาด้วยคำว่าขอโทษที่เหมือนจะส่งไปไม่ถึง
---------------------------------
ไม่ได้เขียนซะนานกูเขียนซะยาวเลย ถ้าอ่านแล้วรู้สึกขัดๆหรืแปร่งๆตรงจุดไหนก็ขออภัยด้วยเน้อ
ท่านเรย์กะเป็นนางร้ายว่ะช่วงนี้ 55555 เอ็นโจกูก็ยังคงความจอมมารหงอยเหมือนเดิม อนาถาเกินไปแล้วเว้ยยย
ฟิคไหนๆ เอ็นโจก็เป็นนายไก่อ่อน วงวารรร
ไม่ชอบเขา แต่เก็บรายละเอียดตัวเขาทุกอย่างเลย ทั้งชุดที่ใส่ เครื่องประดับที่สวม แน่ใจนะว่าไม่ชอบจริงๆอ่ะ 5555
จอมมารไก่อ่อน
จอมมารเอ๊ยยยย ซึนนะเรา ปากแข็งได้อีก //โม่งฟิคเกอิชา มึงเขียนดีมากกก ลื่นเลยแหละ
มีใครใจดีจะโปรยกาวอีกมั้ยคะ//มองหาด้วยสายตามีความหวัง
พอมีกาวนี่มู้วิ่งไวมาก 555
เอ็นโจ ไอคนโง่ พูดจาไม่ดีละพอเค้าทนไม่ไหวน้ำตาร่วงเผาะๆ ก็มาเสียใจทีหลัง ดูหงุดหงิดกับเรื่องของเค้าบ่อยเหลือเกินนะ ชอบเค้ารักเค้าแล้วล่ะสิ เหอะ
--อินมากมั้ยตอบเลยว่ามากกก5555555 ฟิคมึงยังอ่านไหลลื่นเหมือนเดิมรวมทั้งตอนนี้ยาวมั่ก กู้ดจ๊อบ
กูไม่ไหวแล้ววว.... พยายามรมกาวตัวเองแต่แม่งก็อดนึกถึงต้นฉบับไม่ด้ายยย แค่กๆๆ
ๆ ซู้ดกาวอีกรอบ ;_;
>>537 กูก็รออยู่เหมือนกัน//ปูเสื่อนอนรอ
แต่เมื่อคืนกูฝันว่าได้อ่านตอนใหม่ว่ะ เป็นตอนเรย์กะไปเที่ยวบ้านเอ็นโจตามคำชวนของยูกิโนะแล้วเจอพ่อของสองพี่น้องที่หน้าเหมือนชูสุเกะเด๊ะๆ แต่พอจะคลิกอ่านตอนถัดไปแม่งไม่มีต่อ มันขึ้นว่ากลับไปหน้าหลักของโปรเจค ฮือออ กูเศร้า กูอยากรู้มากว่าพ่อของเอ็นโจเป็นคนยังไง ตอนต่อไปจะมีอะไรเกิดขึ้น ยุยโกะจะบุกมามั้ย แม่งลงแดงมาก 555555555555555555
แต่กูก็อยากรู้เหมือนกันว่าพ่อเอ็นโจเป็นยังไง ดูลึกลับดำมืดพอๆกับลูกชายมั้ย แล้วอีกนานมั้ยกว่าจะเฉลยปมบ้านเอ็นโจ ตอนนี้ก็ได้แต่ดมกาวไปไม่รู้วันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่ T_T
พูดถึงพ่อเอ็นโจ นี่ถ้าฟิคเกอิชาจับพ่อเอ็นโจเป็นผู้อุปถัมภ์นี่แม่งจะพีคสุด ดราม่าสุด ฟฟฟฟฟ
พ่อเอ็นโจอาจจะมาแนวเดียวกับพ่อเรย์กะก็ได้นะ เป็นทานุกิพุงพลุ้ยหัวเถิกเหมือนกัน....
พวกมึงกำลังจินตนาการถึงอะไรกันวะเนี่ย 555555 อย่าลากกูเข้าไปในจินตการของพวกมึงแล้วกัน กูยังคงเชื่อว่าทานุกิมีแค่ท่านพ่อของเจ้าแม่ ที่เหลือไม่น่าจะปล่อยตัวเองมีพุง
สัสเอ๊ย ยิ่งหนักกว่าทานุกิไหมเนี่ย 5555555 ยิ้มขื่นกันทั้งตระกูล
Again and Again
.....
A&A - 1.
คืนก่อนหน้านัดไปดูดอกไม้ไฟกับยูกิโนะคุงและเอ็นโจ ฉันเกิดเปลี่ยนใจเลือกเสื้อผ้าใหม่อีกครั้งจนทั้งคืนแทบไม่ได้นอน และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันเบลอจัดจนกระทั่งตอนเช้าที่ตื่นนอนแล้วเดินลงมาชั้นล่าง ฉันเกิดก้าวพลาดแล้วตกบันไดลงมา
ถ้าฉันคิดว่าความอับอายจากการตกบันได มีแผลถลอก กระโปรงเปิดให้คุณเมดที่บังเอิญอยู่ตรงนั้นเห็นกางเกงใน เป็นเรื่องที่แย่มากแล้ว แต่สิ่งที่ฉันเห็นตอนลืมตาตื่นขึ้นมานั้นยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
ตอนที่เข้ามาในโลกของคิมิดอล ความทรงจำแรกเริ่มของฉันชัดเจนขึ้นมาตอนที่ท่านแม่พามาดูโรงเรียนซุยรัน ในตอนนั้นคิโชวอิน เรย์กะ ยังอายุแค่ 5 ขวบ และเธอยังไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์ใด ๆ กับตัวละครเอกเลยแม้แต่น้อย ซึ่งทำให้ฉันสามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตัวเอง และมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุข (ในระดับหนึ่ง) ได้ ทว่าภาพที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของฉันนั้นกรีดร้องว่านี่คือธงมรณะ แม้ว่าทุกอย่างจะดูแปลกประหลาดราวกับพวกเรากำลังแสดงละครเวทีอยู่ แต่ฉันก็รู้ว่านี่คือฉากในคิมิดอลที่ตัวฉันหลบเลี่ยงไปได้จากการไม่ไปตามตื้อคาบุรากิ
ท่ามกลางงานเลี้ยงที่หรูหรา คาบุรากิยืนอยู่ต่อหน้าฉัน ประกาศความชั่วร้ายของคิโชวอิน เรย์กะ ต่อหน้าธารกำนัล ข้างกายของเขาคือวาคาบะจังและเอ็นโจ ด้านข้างคือทานูกิ ท่านแม่ และท่านพี่ ส่วนฉันยืนอยู่โดดเดี่ยวในใจกลางวงล้อม
ในขณะที่ทุกอย่างเป็นไปตามเซ็ตติ้งในการ์ตูน แต่ความแปลกประหลาดแฝงอยู่ในทุกอณูของภาพเบื้องหน้าฉัน คิมิดอลเป็นการ์ตูนมัธยมที่ดำเนินเรื่องอยู่ในญี่ปุ่นปัจจุบัน แต่ทุกอย่างที่ล้อมรอบฉัน แม้กระทั่งตัวฉันเอง กลับไม่เป็นไปตามนั้น
เริ่มต้นจากตัวฉันที่แม้จะแต่งชุดเดรสงดงาม แต่ชุดกลับรัดแน่นซะจนแทบหายใจไม่ออก คอเสื้อคว้านต่ำเผยให้เห็นหน้าอกครึ่งหนึ่ง ฉันก้มมองตัวเองแล้วรู้สึกอยากจะกรีดร้อง ฉันที่เป็นเด็กสาวไม่บรรลุนิติภาวะแต่งตัวโป๊ขนาดนี้ ในอนาคตใครจะอยากรับไปเป็นเจ้าสาว ครึ่งบนยังไม่เท่าไหร่ แต่ครึ่งล่างกลับยิ่งแปลกประหลาดเข้าไปอีก เพราะกระโปรงที่ฉันใส่บานกว้าง แข็งทื่อเหมือนใส่สุ่มไว้ด้านใน หากเป็นบนเวทีแฟชั่นหรือเวทีละครอาจจะไม่แปลก แต่ในงานเลี้ยงปกติแบบนี้ให้ตายยังไงฉันก็ไม่มีวันใส่ของที่ดูผิดแปลกโดดเด่นแบบนี้เด็ดขาด
ทว่าการแต่งกายของฉันที่ดูราวกับออกมาจากภาพยนตร์กลับไม่ได้แปลกประหลาดไปจากรอบข้างเลยแม้แต่น้อย ฉันเงยหน้าขึ้นมองคาบุรากิที่กำลังร่ายข้อกล่าวหา เขาอยู่ในชุดอัศวินเกราะทองหรูหรา ดูทั้งหนักและเว่อร์วังอลังการสมกับเป็นคาบุรากิ หนำซ้ำยังคอสเพลย์ได้ครบชุดเพราะนอกจากเกราะแล้ว ข้างเอวเขายังเหน็บดาบเล่มหนึ่งอีก
ด้านข้างของคาบุรากิคือวาคาบะจังในชุดกระโปรงโบราณ ฉันมองวาคาบะจังที่ปกติใส่แต่ชุดนักเรียน หรือไม่ก็ชุดสบาย ๆ เพราะเจ้าตัวชอบขี่จักรยานไปไหนต่อไหนแล้วอึ้งไป วาคาบะตรงหน้าฉันไม่เหมือนวาคาบะจังที่ฉันรู้จักแม้แต่น้อย วาคาบะจังในโลกของฉันหน้าตาเอ๋อ ๆ แต่ก็ดูเป็นผู้หญิงเฉลียวฉลาดแข็งแกร่ง ทว่าวาคาบะจังตรงหน้าของฉันกลับมีท่าทีอ่อนหวานราวกับลูกกวางตัวน้อย ๆ ทำให้ฉันนึกถึงนางเอกการ์ตูนโชวโจทั่วไปที่ทั้งสวยและน่าปกป้อง
อีกข้างหนึ่งของคาบุรากิคือเอ็นโจ เอ็นโจไม่ได้อยู่ในชุดเกราะ แต่อยู่ในชุดที่ดูท่าทางแฟนซีราวกับเจ้าชายในเทพนิยาย ฉันสบเข้ากับสายตาเย็นชาที่มองมาของเขาแล้วสะดุ้ง ปกติเอ็นโจมักจะมีท่าทางอ่อนโยนและแฝงไว้ด้วยความดำมืดเล็ก ๆ แบบที่ทำให้ฉันต้องระมัดระวังตัวเสมอ ทว่าเขาไม่เคยมองฉันอย่างเป็นปรปักษ์โดยตรงแบบนี้ ครั้งสุดท้ายที่ฉันเห็นเขามีสีหน้าแบบนี้ ก็เป็นตอนที่เขาดุริรินะซึ่งทำเรื่องไปทั่ว แต่สายตาของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยความเกลียดชังยิ่งกว่าครั้งนั้นมาก
ฉันมองไปรอบ ๆ เห็นท่านแม่ยืนหน้าซีด เธอดูเหมือนจะแล่นออกมาหาฉันได้ทุกเมื่อ แต่ถูกทานุกิยึดข้อมือไว้แน่น ฉันมองทานุกิที่มีท่าทางชั่วร้ายเหมือนตัวโกงในหนังแล้วรู้สึกประหลาดใจ นั่นไม่ใช่ทานุกิท่านพ่อที่ไม่ได้เรื่องของฉัน เขาไม่เหมือนท่านพ่อที่ชอบตามใจและดูท่าทางบื้อ ๆ เลยแม้แต่น้อย เขายืนอยู่ในชุดแฟนซีที่ดูราวกับเตรียมพร้อมไปร่วมงานคาลนิวาลด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว แต่เขาไม่ได้มองฉันด้วยความเป็นห่วงเหมือนท่านแม่เลยแม้แต่น้อย
แต่คนที่ทำให้ฉันประหลาดใจมากที่สุดคือท่านพี่
ในการ์ตูนเรื่องคิมิดอลไม่มีฉากที่ท่านพี่ของคิโชวอิน เรย์กะ ปรากฏตัวออกมา ทว่าโลกที่ฉันอยู่มาทั้งชีวิตในฐานะคิโชวอิน เรย์กะ เขาคือพี่ชายสุดที่รักของฉัน ท่านพี่ที่อ่อนโยน เป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบกว่าคาบุรากิและเอ็นโจรวมกันเสียอีก ทว่าในตอนนี้ท่านพี่คนนั้นกลับมองฉันด้วยสายตาเย็นชา ราวกับว่าฉันเป็นจุดด่างพร้อยเพียงอย่างเดียวในชีวิตที่เขาอยากจะกำจัดไปให้พ้น ๆ
ฉันไม่สามารถทนสายตาแบบนั้นของเขาได้ จึงกวาดตามองไปรอบ ๆ ตัว มีคนที่ฉันคุ้นหน้าบ้าง ไม่คุ้นหน้าบ้าง ทุกคนอยู่ในชุดที่ราวกับพวกเรากำลังเล่นละคร ฉันเหลือบมองสถานที่ที่พวกเราอยู่ มันคือห้องโถงที่งดงามราวกับราชวังแวร์ซายด์ ฉันมองไปรอบ ๆ ตัวแล้วไม่เจอเทคโนโลยีเลยแม้แต่น้อย บนโคมแชนเดอเลียนั่นคือเทียนจริง ๆ หลายพันเล่ม
ฉันมองจนกระทั่งสายตากลับมาหยุดอยู่ที่ตัวเอง และระลึกได้ว่า ฉันมาในโลกใหม่ที่เป็นโลกซึ่งอ้างอิงตัวละครจากคิมิดอล แต่อยู่ในเซ็ตติ้งที่ต่างออกไป โดยที่ไม่ได้มีความทรงจำของตัวคิโชวอิน เรย์กะ ที่เคยอยู่ในโลกนี้เลยแม้แต่น้อย
.....
เครๆ แทคสร้างบ้านแปลงเมืองก็มา
A&A - 2.
ไม่มีการขึ้นศาล ไม่มีการไต่สวนคดี ไม่มีคำอุธรณ์จากครอบครัวของฉัน คิโชวอิน เรย์กะ ถูกตัดสินให้จองจำอยู่ในแท่นบูชาร้างในเขตราชวัง
ฉันปล่อยให้พวกเขาพาตัวไปโดยดี ก่อนที่จะถูกทหารลากออกไปจากห้องโถง ฉันหันไปมองหน้าครอบครัวของตัวเอง ท่านแม่ยืนตัวสั่น พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ ในขณะที่ท่านพี่กำลังคุยอะไรซักอย่างกับคาบุรากิ สีหน้าของเขามีความเสียใจอย่างสุดซึ้ง แต่เขาไม่ได้มองมาทางฉัน หรือมีท่าทีจะขอร้องแทนฉันเลยแม้แต่น้อย
ฉันถูกผลักขึ้นไปบนรถม้า แต่การขึ้นรถม้าแคบ ๆ โดยที่ใส่กระโปรงสุ่มนั้นเป็นเรื่องยากลำบากยิ่งกว่าการบีบตัวเองเข้าไปในรถไฟญี่ปุ่นช่วงเวลาเร่งด่วน ทหารที่จับกุมฉันด่าว่าฉันอีกครั้งและเตือนฉันไม่ให้ก่อเรื่องวุ่นวาย ฉันพยายามอยู่นานกว่าจะยัดตัวเองเข้าไปในรถม้าแคบ ๆ อับ ๆ ได้ รู้สึกเหมือนยังมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่หาย
ทั้ง ๆ ที่คืนนี้น่าจะเป็นคืนฉันได้ไปดูดอกไม้ไฟบนดาดฟ้าตึกอย่างสนุกสนานกับพี่น้องเอ็นโจแท้ ๆ แต่กลับทะลุเข้ามาในอีกโลกหนึ่ง แถมยังเป็นโลกที่คิโชวอิน เรย์กะ ก่อเรื่องจนมาถึงตอนที่โดนธงมรณะปักไปแล้วเรียบร้อย
รถม้าที่ล้อไม่ได้มีการหุ้มยางเสริมนั้นกระแทกรุนแรงราวกับเป็นบทลงโทษบทหนึ่ง แย่ยิ่งกว่านั้นคือฉันที่อยู่ในกระโปรงสุ่มไม่สามารถนั่งได้เลยต้องนั่งเก้าอี้อากาศ ในหัวของฉันแว่บไปถึงตอนที่คาบุรากิเคี่ยวเข็ญให้ออกกำลังกาย ในตอนนั้นก็ยังไม่ลำบากเท่านี้ เพราะยังมีช่วงเวลาพักบ้าง แต่ตอนนี้ฉันต้องเอามือยันผนังรถไว้ ขาทั้งสองข้างใต้กระโปรงสั่นริก อยากจะนั่งลงไปก็นั่งไม่ได้เพราะโครงกระโปรงแข็งโป๊ก อยากจะยืนก็ยืนไม่ได้เพราะหัวติดเพดานรถ
ตอนที่ประตูเปิดออก ฉันแทบร้องได้ออกมาด้วยความยินดี ทหารด้านนอกตะคอกให้ฉันลงจากรถ ฉันพยายามจะออกไปทว่าขาที่เกร็งตลอดการเดินทางสั่นริก พอลงจากรถก็ล้มลงไปทันที ทหารที่ดูแลฉันส่งเสียงเอะอะ พวกเขาจับแขนของฉันแล้วดึงให้ฉันลุกขึ้น ก่อนจะกึ่งลากกึ่งพยุงไปยังรั้วที่มีต้นไม้ขึ้นเต็ม ไขกุญแจรั้วแล้วโยนฉันเข้าไปในนั้น ก่อนจะกระแทกประตูปิดแล้วลั่นกุญแจ
ฉันนอนในพงหญ้าที่ขึ้นสูง รอจนขาทั้งสองข้างหายสั่นแล้วตะกายตัวขึ้นมา ท่ามกลางความมืด มีเพียงแสงจันทร์เท่านั้นที่ส่องให้เห็นถึงอาคารหลังหนึ่งที่ขนาดพอ ๆ กับบ้านเดี่ยวของครอบครัวญี่ปุ่นซึ่งมีฐานะปานกลาง
การเข้าไปในอาคารร้างในตอนกลางคืนเป็นเรื่องที่เสี่ยงอันตรายมาก ฉันจึงเดินไปจนกระทั่งถึงชานหน้าประตูที่ปูด้วยหิน รู้สึกเหมือนขมับทั้งสองข้างเต้นตุบ ๆ
หลังจากพยายามอยู่นาน ฉันก็ถอดชุดกระโปรงได้ในที่สุด กระโปรงที่สวมอยู่นั้นชั้นนอกทำด้วยผ้ากะมะหยี่ รองใต้ด้วยกระโปรงซับใน และมีโครงกระโปรงที่สานจากกระดูกปลาวาฬ ส่วนท่อนบนนั้นชุดด้านนอกตัดเย็บด้วยผ้ากำมะหยี่ปักลายและประดับอัญมณีงดงาม ข้างใต้คือคอร์เซ็ตที่ต้องปล้ำอยู่นานกว่าจะหลุดออกจากร่างของฉันได้ และถึงแม้จะถอดทั้งหมดนั่นออกไป บนตัวฉันก็ยังมีกระโปรงซับในที่เป็นผ้าฝ้ายยาวคลุมข้อเท้า กระโปรงรองด้านในที่เป็นผ้าเนื้อนุ่มยาวถึงเข่า และกางเกงชั้นในสุดที่เป็นกางเกงผ้ายาวถึงเข่าเช่นกัน ส่วนท่อนบนมีเสื้อที่ตัดเย็บด้วยผ้าเนื้อนุ่มคว้านอกลึก แขนพองยาวถึงศอก ชายเสื้อยาวถึงสะโพก
ฉันมองชุดที่กองพะเนินอยู่บนพื้นแล้วไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้หญิงสมัยก่อนถึงต้องมีคนรับใช้จำนวนมาก แค่เสื้อผ้าก็ไม่รู้ว่าจะต้องใส่กี่ชั้น ขืนใส่หมดนี่คนเดียวคงใช้เวลาแต่งตัวทั้งวันไม่ต้องทำอะไร
ในคืนนั้นฉันนอนที่ลานหินหน้าประตูโดยใช้ชุดกระโปรงกำมะหยี่เป็นผ้าปูรองนอน กระโปรงซับในตัวนอกสุดเป็นผ้าห่ม ม้วนเสื้อกำมะหยี่รองเป็นหมอนหนุน แกะเครื่องประดับจำนวนมากออกจากหัวเสร็จ ฉันก็ล้มตัวลงนอนอย่างเหนื่อยล้า อธิษฐานให้พอตื่นขึ้นมา ฉันกลับไปยังโลกคิมิดอลโลกเดิมที่มีครอบครัวที่รักฉัน มีเพื่อน ๆ และถึงแม้ว่าคาบุรากิกับเอ็นโจจะเป็นตัวปัญหา แต่ก็ไม่ได้ทำท่าเกลียดฉันเหมือนอย่างตอนนี้
.....
ตัวละครก็เกลียดท่านเรย์กะซะขนาดนี้ กูควรลงเรือใครดีวะ อะฮรื้อวๆ
กาวใหม่ โฮรววว ท่านเรย์กะช่างน่าสงสาร แทนที่จะได้ดูดอกไม้ไฟต้องมาเจออะไรแบบเน้
ฮืออออ มีฟิคใหม่มาแล้ว โม่งฟิค พวกมึงขยันกันมาก
การดูดอกไม้ไฟทำไมมีอุปสรรคเยอะเยี่ยงนี้ล่ะเจ้าคะ แล้วเรย์กะโลกเดิมนี่อย่าบอกว่าคอหักตายเพราะตกบันได วิญญาณเลยลอยละลิ่วเข้าร่างเรย์กะเวอร์ชั่นยุโรปนะ ถ้าเป็นแบบนั้นจอมมารต้องใจสลายแน่นวล T_T
เออ...จะว่าไป เอ็นโจฟิคใหม่นี้ก็จอมมารยิ้มขื่นอีกแล้วว่ะ กำลังจะได้ไปเดท...เอ๊ย ดูดอกไม้ไฟแม่งก็เป็นซะอย่างนี้ โถโถ 555555555
A&A - 3.
ฉันตื่นขึ้นมาเพราะแสงอาทิตย์แยงตา
แม้ว่าบริเวณพื้นหินที่นอนจะมีซุ้มหลังคาบังแดด แต่แดดเจ้ากรรมก็ยังส่องลอดเข้ามาปลุกให้ฉันตื่น ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกเหมือนร่างกายกลายเป็นก้อนหิน แค่ขยับตัวก็ต้องร้องโอยออกมา
ทั้งต้นคอ บ่า และหลังของฉันประท้วงอย่างหนักจากการนอนบนพื้นหิน ส่วนขาเหมือนกลายเป็นสัมภาระไร้ประโยชน์ ฉันนอนทรมานอยู่ซักพัก ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นมาเพราะทนแสงแยงตาไม่ไหว
นั่งทบทวนและทำใจอยู่สักพัก ฉันก็ลุกขึ้นมาสำรวจบริเวณรอบ ๆ สถานที่แห่งนี้ มันเป็นพื้นที่ขนาดราว ๆ ร้อยตารางวาซึ่งนอกจากตัวตึกขนาดชั้นเดียวแล้ว ก็มีเพียงแค่หญ้าสูง ต้นไม้ใหญ่ บ่อน้ำ ลานหิน และสระน้ำรกร้างซึ่งน้ำมีสีเขียวจัดจากตะไคร่น้ำเท่านั้น
ฉันเดินอยู่นานก็รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ เลยจำใจเดินเข้าไปในตัวตึกในที่สุด
ประตูด้านหน้าเปิดยากซะจนตอนแรกฉันนึกว่าล็อค แต่มันแค่ติดเฉย ๆ บานประตูส่งเสียงเอี๊ยดบาดหูเหมือนสนิมจับเพราะไม่มีใครเปิดนานแล้ว ฉันเดินเข้าไปใน ‘คุก’ ของฉัน
พอเปิดเข้าไปก็เห็นห้องโถงร้างมีโต๊ะเก้าอี้ตัวยาวระเกะระกะอยู่สี่ห้าชุด บนผนังคือรูปแกะสลักที่แตกหักไปตามกาลเวลา พอเข้าไปด้านในก็พบว่าส่วนในมีห้องนอนเล็ก ๆ ในห้องนั้นยังมีเตียงไม้ที่ไม่มีฟูกที่นอน โต๊ะเขียนหนังสือและโต๊ะด้านข้างที่ตั้งอ่างทองเหลืองเอาไว้ พอออกมาสำรวจนอกห้องนอนก็พบว่ามีห้องครัวเล็ก ๆ ที่มีเตาโบราณเหมือนเตาย่างพิซซ่าในอิตาลี และพื้นที่สำหรับทานอาหาร นอกจากนั้นยังมีห้องเก็บของที่มีของใช้ฝุ่นเขรอะอีกมากมาย
หลังจากสำรวจอยู่นาน นอกจากถังไม้ขนาดใหญ่สำหรับอาบน้ำ ฉันก็ไม่พบกับสิ่งที่เรียกว่าห้องน้ำเลยแม้แต่น้อย และฉันก็คิดได้ว่าในยุคนี้อาจจะยังเป็นยุคที่ไม่มีห้องน้ำ หรืออย่างน้อยก็ไม่มีห้องน้ำในแท่นบูชาแห่งนี้
ชั่งใจอยู่นาน ฉันก็ไปทำธุระในพงหญ้าหลังบ้านจุดที่ไกลจากตัวบ้านที่สุด แม้จะขุดหลุมด้วยจอบเล็ก ๆ ที่เจอในห้องเก็บของ ทำการกลบฝังอย่างดี แต่ฉันก็รู้สึกว่าการเข้ามาในยุคอัศวินนั้นไม่มีความโรแมนติกเลยแม้แต่น้อย ห้องน้ำก็ไม่มี กระดาษทิชชู่ก็ไม่มี ฉันจำเป็นจะต้องแบกน้ำออกมาล้าง ดูเป็นอะไรที่ทุลักทุเลยิ่งนัก
หลังจากที่ทำธุระแล้วเรียบร้อย ฉันก็มานั่งอยู่ที่ลานหินหน้าประตู
ตอนที่บอกว่าจะถูกขัง ฉันนึกว่าตัวเองจะอยู่ในคุกแคบ ๆ ถูกล่ามติดกับผนังเหมือนในหนังโบราณที่ดู ขับถ่ายในถัง และกินของที่ถูกสาดลงบนพื้น ถึงที่นี่จะไม่ได้เรียกว่าน่าอยู่ แต่ถ้าเทียบกับในจินตนาการ ก็ไม่แย่นัก
ทว่าปัญหาใหญ่กว่าที่กินอยู่ขับถ่ายก็คืออาหาร และในบ้านไม่มีอาหารเลยแม้แต่น้อย
ฉันออกไปที่หน้าประตูรั้ว แม้จะเปิดออกไปไม่ได้ แต่ช่องว่างระหว่างรั้วบ่งบอกให้รู้ว่าหน้าประตูมีคนเฝ้าอยู่
“เอ้อ ขอโทษนะคะ แต่ว่า...อาหารจะมาเมื่อไหร่เหรอคะ?”
ยามหน้าประตูหันมา ก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่าอาหารจะมาส่งตอนเที่ยงของทุกวัน ฉันกินได้ก็กิน กินไม่ได้ก็อดตายไปซะ
ฉันมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนจะมองเงาที่ดวงอาทิตย์ส่อง น่าจะอีกซักพักกว่าจะเที่ยง ท้องของฉันร้องคราดครืด นึกถึงขนมที่แอบซุกไว้ในห้องนอน รู้อย่างงี้กินให้หมดรวดเดียวเลยดีกว่า
ร่างของคิโชวอิน เรย์กะ ที่อยู่ที่นี่ผอมกว่าร่างเดิมของฉันมาก ทว่าฉันไม่รู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่น้อย เอวที่ถูกคอร์เซ็ตบีบให้เล็กราวยี่สิบนิ้วไม่น่าจะกินอะไรได้ลงอยู่แล้ว ฉันมองคอร์เซ็ตที่ยังคงกองบนพื้นแล้วโบกมือลาเอวเล็ก ๆ ของเรย์กะ อันที่จริงถูกขังไว้อย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน ถึงจะไม่ใส่คอร์เซ็ต ปล่อยให้ตัวเองอ้วนอืดก็ไม่มีใครเห็น
ฉันนั่งรออาหารจนกระทั่งได้ยินเสียงประตูเปิดออก จึงลุกขึ้นแล้วเดินเร็ว ๆ ไปยังหน้าประตู พอประตูเปิดออก ฉันก็เห็นคันตะคุง
.....
อ๊ากกกก ไม่นะ!!! ใครกันช่างใจร้ายกับท่านเรย์กะกู ท่านเรย์กะต้องการสารอาหารที่ครบถ้วนและขนมหวานๆ เพื่อการคงอยู่ของพุงพุ้ยและต้นแขนที่คอยสะกิดใจคาบุรากิ จะปล่อยให้ท่านเรย์กะอยู่ทนท้องร้องตัวผอมแห้งไม่ได้ว้อยยย กร๊าซซ //โดนท่านเรย์กะเหวี่ยงใส่ด้วยคอร์เซ็ต
จากตอน207 266 และอื่นๆเท่าที่จำได้
บรรยายยุยูโกะว่า ตัวตากลมโต ขนลุก ยิ้มเหมือนจันทร์ส่อง ร่างอรชรบอบบาง ยืนกะเอ็นโจสวยหล่อเหมือนภาพวาด
เจ้าแม่ เครื่องหน้าคมเข้ม ตุ๊กตาฝรั่งเศส คนท้อง สง่างาม
วาคาบะ อืม น่ารักสดใส? เอวบาง
ซากุระ คุณหนูสไตล์ญี่ปุ่น เรียบร้อย บอบบาง
ท่านไอระ สาวเท่ สง่างาม
ท่านยูริเอะ คุณหนูตัวอย่าง สวย อ่อนโยน สง่างาม
>>571 กูเคยมโนว่าตัวเองอยากเป็นนางเอกทะลุมิติไปอยู่ในยุคโบราณ มีชีวิตสวยๆเป็นคุณหนูสูงศักดิ์พบรักกับพระเอกรูปงาม แต่คิดได้แค่สามนาทีก็เลิกมโน เพราะเข้าห้องน้ำก็ลำบาก โรคภัยไข้เจ็บก็รักษาแทบไม่ได้ ชีวิตที่ไม่มีเน็ต ไม่มีมือถือกูต้องขาดใจตายก่อนแน่ แถมบางทีอาจจะไม่ได้เกิดเป็นคุณหนู แต่ไปเป็นบ่าวเป็นทาสไรเงี้ย แม่งมีแต่ตายกับตายอย่างเดียว เพราะฉะนั้นเกิดในยุคปัจจุบันน่ะดีที่สุดเลยว่ะ 5555555555555555555
ไม่มีห้องน้ำ ไม่มีผ้าอนามัย ไม่มีอินเตอร์เน็ต แล้วยุคนั้นผู้หญิงถูกปฏิบัติไม่เท่าเทียมกับผู้ชายด้วย มีหน้าที่แค่ออกเรียนเป็นหน้าเป็นตา ผู้หญิงอยากเรียนหนังสือนี่เป็นตัวประหลาด ไม่ค่อยได้อาบน้ำ ถ้ามึงเกิดเป็นขุนนางก็ต้องทนใส่คอร์เซ็ตรัดๆ ทั้งวันทั้งปี ใส่กระโปรงสุ่มไก่เดินไปมา ถ้าเกิดเป็นสามัญชนก็ถูกคนมีอำนาจเอารัดเอาเปรียบ ไหนจะสงคราม โรคภัยไข้เจ็บ การฆ่ากันที่มีได้ทั่วไป ถ้าถูกชนชั้นสูงใส่ร้ายมีโอกาสรอดยาก โทษประหารตัดคอโหดๆ บรื๋ออออ กูไม่เอาด้วยหรอก โดยเฉพาะมีชีวิตไปวันๆ เพื่อออกเรือน ให้กูอยู่อย่างนี้แหละดีแล้ว ถถถถถ ยุคนี้เท่าเทียม แกล้งพวกผู้ชายได้สนุกจะตาย
>>579 เป็นชนชั้นสูงก็ใช่ว่าจะรอดด้วยนะ แบบแอนน์ โบลีนที่เก่งเกินหน้าผู้ชาย ผัวหมดรักก็อยากมีเมียใหม่แต่หย่าไม่ได้ แถมไม่มีลูกชายให้เลยป้ายความผิดสั่งประหารแม่งเลย แต่ที่กูรับไม่ได้ในยุคโบราณคือเรื่องสุขอนามัยที่โครตจะซกมกกันทั้งชนชั้นล่างและชนชั้นสูง แถมแม่งไม่อาบน้ำกันนี่ล่ะ ถ้าเกิดหลุดไปอยู่ยุคนั้นจริงๆกูจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร จะเอาน้ำหอมมากลบกลิ่นทุกครั้งก็ไม่ไหวนะมึง 5555555555
ฟันผุก็อุดไม่ได้นะเมิง ทนปวดฟันไป ยาปฏิชีวนะก็ไม่มี
แค่ไล่อ่านตรงนี้ก็รู้สึกกลิ่นตุๆละ เปลี่ยนเรื่องคุยเห๊อะ 555+
A&A - 4.
คันตะคุงที่ยืนถือตะกร้าสีหน้าบูดเบี้ยวเอาเรื่องหน้าแดงจัดทันทีเมื่อเห็นฉัน ประตูรั้วถูกปิดดังโครม เขาตะโกนด่าฉันว่าเป็นผู้หญิงไร้ยางอาย ฉันก้มมองตัวเองแล้วสงสัยว่ามีอะไรผิดปกติตรงไหน ก่อนออกมาที่ประตู ฉันใช้ผ้าที่พาดตกแต่งกระโปรงมาพันปิดบริเวณคอเพื่อบังอกเสื้อที่คว้านจนลึกและหน้าอกที่ไม่ได้ใส่บราจนมิด ไม่มีส่วนไหนอนาจารเลยแม้แต่น้อย
เขาบ่นอะไรยาวเหยียด แล้วฉันก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าในยุคที่ผู้หญิงใส่เสื้อสามชั้น กระโปรงหกชั้น ฉันที่ใส่เสื้อชั้นเดียวกับกระโปรงสองชั้นนั้นไม่ต่างกับไปเจอหน้าแขกที่มาเยือนในชุดชั้นใน
แต่ถ้าจะให้กลับไปใส่ชุดเต็มยศนั้นก็แทบเป็นไปไม่ได้เลย ฉันมองชุดบนร่างที่เป็นแขนเสื้อยาวถึงศอก กระโปรงยาวถึงตาตุ่ม แถมผ้าก็ไม่ได้บางขนาดเห็นทะลุปรุโปร่ง แล้วก็คิดว่าผู้หญิงในยุคนี้ช่างลำบากจริง ๆ ก่อนจะส่งเสียงตะโกนเรียกคันตะคุงออกไปอีกครั้งเพราะกลัวว่าเขาจะจากไปโดยไม่ได้เอาตะกร้าอาหารทิ้งไว้
โชคดีที่คันตะคุงยังคงอยู่นอกรั้วไม่ได้หนีไปหนี เขาแง้มประตูแล้วโยนถุงผ้าในตะกร้าเข้ามาในรั้วเหมือนฉันเป็นสิงโต ก่อนจะงับประตูปิดอย่างรวดเร็ว
ฉันเข้าไปสำรวจถุงผ้า รู้สึกประหลาดใจเมื่อในนั้นมีขนมปังก้อนขนาดขนาดสองฝ่ามือ ชีสขนาดเท่ากำปั้น กับผลไม้จำพวกแอ๊ปเปิ้ลและเบอร์รี่
ในตอนแรกฉันนึกว่าพวกเขาจะส่งอาหารกินเหลือแล้วคลุกผสมเหมือนอาหารหมูมาให้ ไม่รู้ว่าถึงฉันจะเป็นนักโทษแต่ก็มียศก็เลยได้รับการปฏิบัติด้วยดี หรือว่าพวกเขามีมนุษยธรรมต่อนักโทษสูง จึงส่งอาหารแบบนี้มาให้
ฉันพยายามจะจุดเตาไฟในครัว แต่ทำยังไงก็จุดไม่ได้ซักทีก็เลยเลิกล้มความตั้งใจแล้วกินขนมปังที่ค่อนข้างแข็งกับชีสเย็น ๆ ถึงขนมปังจะหยาบสาก แต่ก็เหมือนขนมปังออร์แกนิคที่เคยกินตอนลดน้ำหนัก ชีสที่เย็นเฉียบค่อนข้างเปรี้ยวและขม แต่พอกินแกล้มขนมปังก็ไม่แย่นัก ซ้ำยังมีแอ๊ปเปิ้ลกับเบอร์รี่อีก รวม ๆ แล้วอาหารของฉันรสชาติไม่เลว แถมยังมีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนอีกต่างหาก
พอท้องอิ่มแล้วฉันที่นั่งผึ่งพุงอยู่ลานหินหน้าบ้านก็ตัดสินใจว่า ถึงฉันจะไม่ได้กลับไปยังโลกเดิมอีกแล้ว ถึงฉันจะถูกคุมขัง แต่ฉันก็จะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปให้ดีที่สุด
คิดอย่างนั้นแล้วฉันก็เริ่มลงมือจัดการกับส่วนที่อยู่อาศัยทันที แม้ว่าจะเป็นงานหนักมาก แต่ฉันจะกังวลอะไร ในเมื่อฉันมีเวลาตลอดทั้งชีวิต หรือไม่ก็จนกว่าจะถูกย้ายข้ามไปยังมิติอื่นอีก
ฉันตักน้ำจากบ่อน้ำแล้วทั้งยกทั้งลากถังเข้าไปในห้องนอนทันที บอกกับตัวเองว่าในคืนนี้ฉันจะต้องมีที่นอนที่ดีกว่าลานหน้าบ้านให้ได้
ฉันเริ่มจากการเปิดหน้าต่างระบายอากาศแล้วใช้ผ้าขี้ริ้วเช็ดฝุ่นออก ไม่กล้าปัดเพราะกลัวฝุ่นฟุ้ง ฉันต้องเปลี่ยนน้ำในถังเกินสิบรอบกว่าฝุ่นในห้องถึงจะถูกทำความสะอาดจนหมด
แม้ว่าในชาติก่อนโน้นฉันจะต้องทำงานบ้านตามปกติ แต่พอเป็นคิโชวอิน เรย์กะ ฉันก็ไม่เคยต้องหยิบจับงานบ้านเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นกว่าจะทำความสะอาดห้องเสร็จ ฉันก็เหนื่อยจนแทบจะนอนหลับบนพื้นห้อง
ทว่ามองห้องนอนที่สะอาดไร้ฝุ่นแล้วฉันก็รู้สึกดีขึ้นมาก ฉันจุดเทียนที่เจอในห้องเก็บของด้วยหินจุดไฟเหมือนสมัยที่ออกค่ายตอนประถม สงสัยว่านอกจากอาหารพวกเขาจะยอมให้เทียนหรือหินจุดไฟแก่ฉันไหม อันที่จริงถ้าได้เสื้อผ้ามาเพิ่มก็คงดีไม่น้อย เพราะในตอนนี้เสื้อผ้าของฉันทั้งสกปรกและชุ่มเหงื่อหมดแล้ว คงไม่สามารถใส่นอนได้แน่นอน
ฉันตัดสินใจลากอ่างไม้ขนาดใหญ่ออกไปยังข้างบ่อน้ำ ก่อนจะตักน้ำใส่อ่าง ในหนังยุคโบราณ คุณเมดจะต้องแบกน้ำทีละถังขึ้นไปใส่ในอ่าง เพื่อให้เจ้านายได้อาบน้ำในห้องนอน แต่ฉันไม่มีแรงขนาดนั้น อีกอย่างที่นี่ก็ไม่มีใคร ฉันเลยตัดสินใจอาบน้ำกลางแจ้ง
สิ่งที่น่าหนักใจอีกอย่างคือแม้ว่าจะมีน้ำเพียงพอ แต่กลับไม่มีสบู่หรือผงซักฟอกเลยแม้แต่น้อย ฉันซักชุดที่ใส่ด้วยน้ำเปล่า รู้สึกว่าตัวเองซกมกเกินบรรยาย แต่ก็ไม่มีทางเลือกอีก ฉันพาดชุดที่ซักเสร็จแล้วไว้กับขอบบ่ออย่างระมัดระวัง ก่อนจะชำระร่างกายของตัวเองจนสะอาดแล้วค่อยลงไปแช่น้ำ
พอได้แช่น้ำเย็น ๆ ร่างกายของฉันก็ผ่อนคลายขึ้น ฉันสงสัยว่าครอบครัวของฉันจะเป็นยังไง พวกเขาทำอะไรผิดกฏหมายรึเปล่า แล้วจะถูกขังเหมือนฉันหรือไม่ แต่ดูท่าทีของท่านพี่กับคาบุรากิก่อนที่ฉันจะถูกลากออกมาแล้ว ฉันมีความรู้สึกว่าคิโชวอิน เรย์กะ ทำผิดแค่คนเดียว โดยที่ครอบครัวของฉันไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย ดังนั้นพวกเขาน่าจะปลอดภัยดี
ในตอนจบของคิมิดอล มีเพียงแค่ภาพของคาบุรากิกับวาคาบะแต่งงานกันอย่างมีความสุข ส่วนคิโชวอิน เรย์กะ ถูกกล่าวถึงสั้น ๆ ว่าครอบครัวล้มละลายเท่านั้น ทว่าชีวิตของฉันกลับเริ่มต้นจากจุดนั้น แถมยังไม่ได้อยู่ในโลกปกติอีกต่างหาก
ฉันหลับตาลง แล้วนึกภาพตัวเองทะลุมิติกลับไปยังโลกเก่า เล่าความฝันที่ไร้สาระให้กับท่านพี่ฟัง ท่านพี่ฟังแล้วหัวเราะ บอกว่าฉันคิดมาก ไม่ว่าจะโลกไหน ๆ หรือสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ครอบครัวคิโชวอินจะไม่มีทางทิ้งให้ฉันตกระกำลำบากคนเดียวอย่างเด็ดขาด
ฉันร้องไห้ออกมาเมื่อนึกถึงสายตาที่เย็นชาของท่านพี่ ท่าทีที่ไม่แยแสของท่านพ่อ และท่านแม่ที่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้เข้ามาช่วยฉัน
.....
ขอบคุณมากมึงงงงง สงสารเจ้าแม่เหมือนกันนะ ชาติก่อนมีครอบครัวที่รักมากแท้ๆ พอทะลุมิติปุ๊บเจอครอบครัวที่หน้าตาเหมือนกันแต่พฤติกรรมคนละขั้วเลย
แต่กุไม่ค่อยฟินเจ้าแม่กับคันตะ ฟิกนี้ขอรีเควสท่านอิมาริได้ไหมวะ
/ก้าวขาขึ้นเรือคันตะเงียบๆ--
กูอวยหมดว่ะ ไม่เข้าใจตัวเอง อารมณ์ประมาณว่าอะไรก็ได้ ตัวละครเป็นคนดีก็พอ เอิ่มนะ 5555555 สงสารท่านเรย์กะเว้ย แต่ของกินจะอุดมณ์ครบโภชนาไปไหน นี่สินะ เกิดมาดีมีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะมียศฐาโทษเลยไม่ร้ายแรงเท่าสามัญชน คือดีมากจริงๆ อย่างน้อยในความโชคร้าย มันก็ยังมีเรื่องดีๆ บ้างล่ะวะ เอ๊ะ...หรือในโลกนั้น การที่คนชั้นสูงลดตัวมาใช้แรงงาน มันจะเลวร้ายกันวะ? แต่พอดีกับท่านเรย์กะมันไม่ได้แย่ขนาดนั้น
A&A - 5.
แม้ว่าเตียงเปล่า ๆ ไม่มีฟูกจะนอนไม่สบายนัก แต่ก็ยังดีกว่าพื้นหินนอกบ้าน
ในตอนเช้าที่เสื้อผ้าชุดเดิมของฉันยังไม่แห้ง ฉันใส่เสื้อกำมะหยี่ตัวนอกที่ผูกหลังอย่างลวก ๆ กับกระโปรงรองตัวยาว กระโปรงกำมะหยี่ตัวนอกที่ไม่คิดจะใส่อีกแล้วถูกแปรสภาพไปเป็นผ้าห่มแทน หลังจากพันผ้าพันคอปิดหน้าอกเอาไว้ ฉันก็ไปรับตะกร้าอาหารในตอนเที่ยงอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าคนที่เอาอาหารมาให้ฉันจะเป็นคันตะเหมือนเดิม ฉันมองเขาที่ไม่ยอมเปิดประตูมากไปกว่าการอ้าประตูออกแล้วโยนอาหารเข้ามาอีกครั้ง
“เดี๋ยวก่อนค่ะ!” ฉันตะโกนเรียก จากเงาลาง ๆ ระหว่างช่องประตู ฉันเห็นเขาทำท่าจะวิ่งหนี แต่แล้วก็หันกลับมา ฉันเลยแจ้งความจำนงค์ของตัวเองออกไป “ถ้าไม่เป็นการรบกวน ฉันขอเทียนกับเสื้อผ้าเพิ่มได้ไหมคะ”
คันตะคุงไม่ได้ตอบอะไร เขาวิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว ฉันรู้สึกผิดหวัง แต่ฉันเป็นนักโทษเลยไม่ได้ตั้งความหวังไว้สูงมากนัก อาหารในห่อผ้าวันนี้ก็ยังคงเป็นขนมปัง ชีส กับผลไม้เหมือนเดิม ฉันมองผ้าที่ถูกส่งมากับอาหาร แล้วนึกถึงผ้าที่อยู่ในห้องเก็บของ สงสัยว่าในบ้านจะมีชุดเข็มกับด้ายไว้สำหรับเย็บผ้ารึเปล่า เพราะถ้าพวกเขาไม่ให้เสื้อผ้าฉัน ฉันคงต้องลงมือตัดเย็บเสื้อผ้าไว้สำหรับผลัดเปลี่ยนเอาเอง
ในวันนี้ฉันลงมือรื้อห้องเก็บของเพื่อหาของที่เป็นประโยชน์ ฉันได้ถังก้นทะลุถังหนึ่งมา ฉันเลยคิดว่าไหน ๆ จะต้องอยู่ยาวแล้ว คงต้องทำห้องน้ำที่ถาวรซักหน่อย ตัวฉันไม่เคยทำห้องน้ำเวลาเข้าแคมป์เลยแม้แต่น้อย แต่ก็พอรู้ว่ามันมีส่วนประกอบอะไรบ้าง ฉันใช้เวลาทั้งวันในการขุดหลุมให้ลึกพอที่จะฝังถังลงไปใต้ดิน กว่าจะขุดหลุมเสร็จ มือก็พองไปหมด ดีที่ไม่มีแดด ไม่อย่างนั้นนอกจากมือ ผิวก็คงพองเพราะตากแดดทั้งวัน
ในคืนนั้นฉันอาบน้ำโดยที่ไม่ได้จุดเทียนเพราะอยากจะประหยัดไว้ยามจำเป็น ภายใต้แสงจันทร์ ฉันมองมือที่พองจนขึ้นตุ่มน้ำใส ๆ แล้วสงสัยว่าชาตินี้จะได้มีวันออกจากที่นี่รึเปล่า ท่านพี่ของฉันจะคิดสงสารแล้วหาทางช่วยฉันไหม หรือว่าฉันควรจะทำใจให้ได้แล้วอยู่กับมันโดยคิดว่าแค่นี้ก็โชคดีมากแล้ว
.....
เรื่องส้วมเรื่องใหญ่นี่นา นอนพื้นได้แต่ส้วมไม่มีหรือสกปรกนี่ทนไม่ได้จริงๆ
A&A - 6.
ในเที่ยงของวันต่อมา นอกจากอาหารแล้ว คันตะคุงยังเอาเสื้อผ้าสองชุดและเทียนมาให้ฉัน
ทว่าก่อนที่ฉันจะได้ขอบคุณ หรือได้ทันเรียกร้องอะไร เขาก็วิ่งหนีไปซะก่อน เสื้อผ้าในห่อผ้านั้นตัวเล็กแคบ ฉันแอบสะเทือนใจว่าเอวของเรย์กะในโลกนี้น่าจะอยู่ที่ยี่สิบนิ้ว แต่ชุดปกติก็ยังเล็กกว่าไซส์ของเธออยู่ดี ผู้หญิงในโลกนี้จะตัวเล็กไปถึงไหน แม้จะใส่เสื้อตัวนอกไม่พอดี แต่เสื้อซับในที่หลวมกว้างกับกระโปรงนั้นใส่ได้สบายมาก วันนั้นฉันนั่งทำห้องน้ำต่อ โดยการพยายามรื้อไม้จากเก้าอี้เก่า ๆ ที่กองอยู่ในห้องโถงด้านหน้ามาพาดไว้ขอบถัง ก่อนจะยึดมันไว้โดยโครงกระโปรงและลวดยึดโครงที่ผูกแผ่นไม้ให้ติดกับถัง เนื่องจากความสามารถในการทำงานประดิษฐ์ของฉันไม่ได้ดีอย่างที่ตัวเองเคยคิดไว้ ดังนั้นกว่าจะทำได้สำเร็จ ก็ใช้เวลาทั้งวัน ฉันมองมือที่นอกจากแผลพุพองแล้วยังมีรอยบาดของลวดแล้วรู้สึกสลดใจ ในชาติก่อนฉันใช้ครีมบำรุงผิวราคาแพง ซ้ำยังไม่ต้องถือของหรือทำงานหนัก ดังนั้นมือจึงเนียนสวย ในชาตินี้มือของเรย์กะเองก็สวยเนียน แต่สองสามวันมานี้โดนฉันใช้งานซะจนพองแดงไปหมด
วันถัดมา ฉันเรียกคันตะคุงไว้ได้ก่อนที่เขาจะวิ่งหนีไป ฉันขอให้เขานำทรายหรือขี้กบจากการไสไม้มาให้หน่อย เขาถามฉันว่าฉันจะเอาไปทำอะไร ฉันบอกเขาว่าฉันจะเอาไปสร้างห้องน้ำ เขาถามฉันว่าทำไมไม่ใช้ห้องน้ำดี ๆ เหมือนคนอื่น ฉันเลยเพิ่งรู้ว่าในโลกนี้มีระบบห้องน้ำแล้ว จากนั้นจึงตอบเขาไปว่าที่นี่ไม่มีห้องน้ำ
เขาเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะบอกว่าพรุ่งนี้เขาจะเอามาให้
วันต่อมา นอกจากขี้กบจากการไสไม้แล้ว ฉันยังได้เนยกับแยมมาด้วย คันตะบอกว่าตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงเตรียมงานหมั้นของเจ้าชายคาบุรากิ ดังนั้นในครัวจึงทำอาหารเพิ่มเป็นพิเศษ
ฉันขอบคุณเขา แต่คันตะคุงก็ยังไม่จากไปเหมือนอย่างทุก ๆ ที เขาถามฉันว่าเขาเสียใจไหมที่จะต้องตกระกำลำบากแบบนี้ ฉันเลยถามเขากลับว่าทั้ง ๆ ที่ฉันรังแกพี่สาวของเขา ทำไมเขาถึงยังเอาอาหารและของที่ขอไปมาให้ฉัน
คันตะคุงอึ้งไป เขาถามฉันว่ารู้ด้วยเหรอว่าเขาคือใคร เขาบอกว่าข้างนอกลือกันว่าฉันเป็นแม่มดเลยอยากมาดูว่าแม่มดที่รังแกพี่สาวของเขาเป็นยังไง แต่ฉันดูท่าทางโง่ ๆ ไม่น่าจะเป็นแม่มดได้เลยซักนิด
ฉันบอกว่าวันนั้นเขามองฉันแค่แว๊บเดียวเอง จะรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ใช่แม่มด เขาบอกฉันว่าจะไม่มีทางเข้าไปดูฉันโป๊ให้เสียสายตาอีกเป็นอันขาด ฉันเลยบอกเขาว่าวันนี้ฉันใส่ชุดหลายชั้นแล้ว แต่ถ้าเขาไม่อยากเข้ามาก็ตามใจ
ในที่สุด คันตะคุงก็เข้ามาในรั้วด้วยท่าทีระมัดระวังราวกับว่าถ้าเขาเผลอ ฉันจะทำเรื่องสะเทือนขวัญเขาอีกครั้ง พอเงยหน้าขึ้นมองฉัน คันตะก็หน้าแดง แล้วละล่ำละลักถามฉันว่าทำไมฉันไม่ยอมแต่งตัวให้ดีกว่านี้
ฉันบอกเขาว่าชุดที่เขาเอามาให้ต้องผูกเชือกด้านหลัง เนื่องจากเสื้อตัวเล็กจัด ฉันผูกได้แค่ช่วงใต้อกเท่านั้น ส่วนช่วงอกกับช่วงเอวต้องปล่อยเสื้อให้ด้านหลังเปิดแบะออกเพราะความยาวเชือกไม่ถึง แต่ฉันก็ไม่ได้เปลือยหลังเลยแม้แต่น้อย เพราะนอกจากเสื้อตัวนอก ฉันก็ใส่เสื้อตัวในที่เป็นเสื้อผ้าฝ้ายตามปกติ ถ้าเป็นโลกที่จากมา ฉันใส่เสื้อผ้าเทอะทะเกินไปด้วยซ้ำ แต่พอมาอยู่ที่นี่ กลับถูกหาว่าแต่งตัวไม่เรียบร้อย
คันตะกล่าวหาฉันว่าเป็นแม่มด แล้ววิ่งหนีไปเหมือนกลัวว่าฉันจะไล่ตามเขา ฉันมองเขาอย่างเป็นกังวล กลัวว่าพรุ่งนี้จะต้องอดข้าวเพราะเขาไม่กล้ามาอีก
.....
A&A - 7.
โชคดีที่คันตะคุงยังคงมีมโนธรรมในใจพอที่จะไม่ให้ฉันอดตาย วันต่อมาคุณเมดมาส่งอาหารแทน เธอบอกกับฉันว่าถ้ามีของอะไรที่จำเป็นต้องใช้ก็สามารถบอกกับเธอได้ ถ้าเจ้านายของเธออนุญาต เธอก็จะเอามาให้ในวันรุ่งขึ้น
ฉันขอเสื้อผ้าที่ใส่ได้ง่ายไปเพิ่ม กับเศษผ้าสำหรับใช้เป็นกระดาษทิชชู่และผ้าอนามัย ฉันนึกภาพโลกที่ไม่มีผ้าอนามัยแบบที่สามารถซึมซับเลือดประจำเดือนได้อย่างแห้งสะอาดแล้วรู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้อ้อนวอนขอให้พระเจ้าส่งกลับบ้าน แต่ในเมื่อในคืนก่อน ๆ ฉันเคยลองอ้อนวอนแล้วไม่สำเร็จ เลยต้องเตรียมผ้าไว้สำหรับซับเลือดประจำเดือน
ชีวิตของฉันผ่านไปอย่างเรียบง่ายและรวดเร็วเพราะมีงานต้องทำทุกวัน หลังจากทำความสะอาดห้องนอน ทำห้องน้ำที่ใช้ขี้กบจากการไสไม้แทนน้ำราดเหมือนเวลาไปเข้าแคมป์ เคลียร์ห้องเก็บของ ฉันยังต้องทำความสะอาดห้องโถงและห้องครัว พอตัวบ้านสะอาด ก็ต้องจัดการตัดหญ้ารกรอบ ๆ บ้าน เพราะกลัวพวกงูหรือหนูจะมาซุกซ่อน
ทำไปทำมา นับจากวันที่ฉันถูกลงโทษจองจำไว้ในที่แห่งนี้ ก็ผ่านไปเกือบเดือนแล้ว
แม้ว่าอาหารและของใช้ที่จำเป็นจะถูกส่งมาทุกวัน แต่กลับไม่มีข่าวจากท่านพี่เลยแม้แต่น้อย
ฉันนั่งอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ ด้านข้างจุดเทียนให้แสงสว่าง บนโต๊ะมีหนังสือคัมภีร์คำสอนสำหรับโลกนี้ มันเป็นหนังสือเพียงเล่มเดียวที่ฉันได้รับอนุญาตให้ครอบครองได้ มันไม่ใช่ไบเบิ้ล และฉันก็พบว่าโลกนี้เป็นโลกสมมติ ไม่ได้เป็นอดีตในประวัติศาสตร์
อันที่จริงฉันควรจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคิมิดอลเองก็เป็นโลกสมมติ ดังนั้นก็ไม่แปลกที่ที่นี่เป็นโลกสมมติเช่นกัน แต่ผิดตรงที่ว่าคิมิดอลเรื่องยังคงอิงประเทศญี่ปุ่น พื้นฐานในด้านต่าง ๆ ก็ยังอิงกับความเป็นจริง แต่ที่นี่กลับเป็นโลกที่ไม่ได้อิงกับประวัติศาสตร์ที่ฉันเคยรู้จักมา
ตอนที่ฉันระลึกได้อย่างนั้น ในใจก็รู้สึกว้าเหว่เปล่าเปลี่ยว ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นของฉัน ไม่มีสิ่งที่ฉันรู้จัก คนที่ฉันคิดว่าเป็นครอบครัว เป็นเพื่อน เป็นคนที่รัก พวกเขาเหล่านั้นกลับเป็นเหมือนคนแปลกหน้า
ในคืนนั้นฉันนอนไม่หลับทั้งคืน ได้แต่พลิกตัวไปมาบนเตียงแข็ง ๆ คิดอยากจะร้องไห้ แต่บ่อน้ำตาก็เหมือนจะแห้งเหือดไม่มีน้ำตาไหลออกมา
.....
A&A - 8.
ในช่วงเวลาที่ฉันรู้สึกหดหู่ กลับมีเรื่องเซอร์ไพรส์ขึ้นมาในชีวิตอันราบเรียบของฉัน
มันเป็นเวลากลางดึกของวันที่ฉันรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากการพยายามหาวิธีจุดเตาในครัวจนกระทั่งสามารถปิ้งขนมปังได้สำเร็จในที่สุด ขณะที่ฉันกำลังจะพลิกตัวนอน ก็ได้ยินเสียงบานประตูหน้าบ้านเปิดออก
เนื่องจากฉันยังไม่ได้ขอน้ำมันมาหล่อลื่นบานพับ ประตูด้านหน้าจึงส่งเสียงแหลม ๆ ทุกครั้งที่เปิดปิด ฉันได้ยินเสียงอะไรซักอย่างนอกจากเสียงประตูดังขึ้นมา ก่อนจะตามมาด้วยเสียงฝีเท้า
หัวใจของฉันเต้นระรัว ฉันลุกขึ้นนั่งแล้วพยายามหาอะไรซักอย่างเป็นอาวุธ เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ฉันหยิบเก้าอี้ไม้ขึ้นมาแล้วยกขึ้น กะว่าถ้าคนร้ายเข้ามาในห้อง ฉันจะฟาดมันด้วยเก้าอี้
ประตูห้องถูกเปิดออก เก้าอี้ในมือของฉันปลิวออกไปทันที
เสียงกรีดร้องดังระงม ตามด้วยเสียงฝีเท้า ฉันหยิบเก้าอี้แล้ววิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว กะว่าจะฟาดให้สลบเผื่อว่ามันจะย้อนกลับมาอีกครั้ง และเมื่อออกไปยังห้องด้านนอก ฉันจะก็บานประตูเปิดค้างไว้แบบนั้น แสงจันทร์ที่ส่องสว่างในคืนเดือนเพ็ญส่องให้เห็นร่างเล็กของเด็กน้อยวิ่งออกไปเป็นสายตรงไปยังประตูรั้วด้านหน้า แต่มีร่างหนึ่งที่ล้มลงบนพื้นหินหน้าบ้าน วิ่งตามเด็กคนอื่นไม่ทัน
ฉันวางเก้าอี้ลงทันทีเมื่อเห็นว่าเด็กคนนั้นเป็นใคร
ร่างเล็กกึ่งนั่งกึ่งนอนล้มลุกคลุกคลานบนพื้น ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เขาหอบอย่างรุนแรงเหมือนจะขาดใจ
ฉันเรียกชื่อเขาซ้ำ ๆ แต่เขาไม่ตอบสนองเลยแม้แต่น้อย เอาแต่หอบหายใจแรง ๆ ฉันนึกถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ยูกิโนะในโลกก่อนเป็นโรคหอบหืด ในโลกนี้เองก็ดูเหมือนว่าโรคนี้จะตามติดเขามาเช่นกัน และถ้าเขาไม่ได้รับการรักษาก็อาจจะตายได้
ในวินาทีนั้นฉันไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าการช่วยยูกิโนะ ฉันอุ้มร่างเล็กของเขาขึ้นมา ใส่รองเท้าแล้ววิ่งออกไปยังรั้วด้านหน้าเพื่อขอความช่วยเหลือจากทหารที่เฝ้าฉัน ทว่าด้านหน้านั้นกลับไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว
ฉันรู้สึกร้อนใจซะจนเหมือนอยากจะกรี๊ดออกมา ยูกิโนะในอ้อมกอดของฉันยังคงหายใจถี่ เขามีท่าทางทรมานมาก ฉันตัดสินใจวิ่งออกไปด้านนอก พุ่งตรงไปยังราชวังที่ดูเหมือนจะสว่างไสวกว่าปกติ คิดในใจว่าถ้าวิ่งไปเรื่อย ๆ จะต้องเจอคนที่ขอความช่วยเหลือได้แน่
ทั้ง ๆ ที่ระยะทางระหว่างตัววังหลวงและที่คุมขังของฉันจะค่อนข้างไกลจากกัน ถ้าเป็นปกติฉันคงขาดใจอยู่กลางทางไปแล้ว แต่ยูกิโนะในอ้อมกอดที่กำลังจะตายสั่งให้ฉันวิ่ง รู้ดีว่าถ้าตัวเองไม่ไหว เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน
ในที่สุดฉันก็วิ่งมาถึงหน้าราชวัง ทหารยามเห็นฉันก็ชะงัก แล้วตวาดไล่ฉัน แต่ฉันยังไม่ยอมหยุด พวกเขาส่งเสียงไล่ฉันอีกครั้ง คราวนี้ชักดาบออกมาด้วย ฉันพยายามขอร้องพวกเขา บอกว่าฉันมีเด็กที่ป่วยมาด้วย
“เสียงเอะอะอะไรกันน่ะ”
ร่างในชุดอัศวินเกราะเงินโผล่ออกมา พอเขาเห็นฉัน เขาก็ชะงักไป “คิโชวอิน เรย์กะ?”
ฉันมองร่างที่โผล่ขึ้นมา รู้สึกโล่งอกเหมือนเทพมาโปรดเมื่อเห็นว่าคน ๆ นั้น คือนายตัวสำรอง
.....
อ่าว ทำไมออกมาง่ายนักวะ
โม่งฟิค โลกยุควิคตอเรีย คือกูชอบมาก.... กูชอบยุคกลางอยู่แล้ว ได้เห็นท่านเรย์กะผจญภัยในยุคนั้น คือดีต่อใจกูมาก โอะโฮะโฮะโฮะ ท่านเรย์กะไม่ต้องอายเวลาหัวเราะแบบนี้แล้วเว้ย 5555555
A&A - 9.
“ได้โปรดช่วยเขาด้วยเถอะค่ะ” ฉันอุ้มยูกิโนะคุงแล้ววิ่งเข้าไปใต้แสงคบเพลิง พอนายตัวสำรองเห็นร่างที่อยู่ในอ้อมกอดของฉัน เขาก็ชะงักแล้วหันไปสั่งทหารให้ตามหมอ บอกว่าน้องชายของท่านเอ็นโจต้องการยาด่วน
ฉันกอดยูกิโนะคุงไว้แน่น มองเขาที่ใบหน้ากลายเป็นสีม่วงเพราะหายใจไม่ออก รู้สึกเหมือนจะร้องไห้ มิซึซากิเองก็มีสีหน้าเครียดเหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังถอดเสื้อคลุมด้านหลังออกมา แล้วสั่งให้ฉันห่มเอาไว้ ฉันมองเขาอย่างไม่เข้าใจ เขาบอกให้ฉันทำตามด้วยน้ำเสียงดุ ๆ ฉันจึงคลายมือออกจากร่างของยูกิโนะ แล้วห่มผ้าคลุมของเขาเอาไว้
ไม่นานนัก หมอก็ถูกตามตัวมา เมื่อเอาผ้าที่ด้านในห่ออะไรซักอย่างโปะลงไปบนปากและจมูก ไม่นานนัก ยูกิโนะก็ดูจะหายใจสะดวกขึ้น หมอคนนั้นสั่งให้ทหารพายูกิโนะไปยังห้องรักษา แล้วก็จากไปโดยทิ้งฉันกับนายตัวสำรองเอาไว้
“เธอ...ไปเจอท่านยูกิโนะได้ยังไง”
ฉันเล่าให้ฟังว่ามีกลุ่มเด็ก ๆ บุกเข้ามาในบ้านตอนที่ฉันนอนอยู่ พอออกไปดู ก็พบว่ายูกิโนะเป็นอย่างนั้นแล้ว
นายตัวสำรองทำหน้าเครียด แล้วบอกฉันว่าเขาจะไปส่งฉันยังที่คุมขัง เพราะฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ออกมาจากที่นั่น เขาขอโทษฉัน ก่อนจะอุ้มฉันขึ้นม้าแล้วพาขี่กลับไปยังที่ ๆ ฉันจากมา
“เธอ...ไม่ควรจะออกจากที่พักด้วยชุดแบบนั้น”
มิซึซากิบอกด้วยเสียงซีเรียส
ฉันบอกเขาว่าในตอนนั้นเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน เขาบอกฉันว่าถึงอย่างนั้นฉันก็ควรจะแต่งตัวให้เรียบร้อย ทหารบางคนไม่ได้มีจิตใจแข็งแกร่ง ถึงฉันจะเป็นนักโทษและทำเรื่องร้ายแรงหลายอย่าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาอยากเห็นฉันโดนฆ่าข่มขืนกลางทาง
ฉันพยักหน้า บอกเขาว่าฉันจะไม่ทำอย่างนั้นอีก รู้สึกหงอยลงไปมาก ทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่าที่นี่กับที่ ๆ ฉันจากมาต่างกัน แต่ในตอนนั้นฉันไม่ได้คิดอะไรนอกจากความปลอดภัยของยูกิโนะคุง
“ยังไงก็...ขอบใจมาก ถ้าไม่ได้เธอ ท่านยูกิโนะอาจจะ...” เขาเงียบไป “ความจริงเรื่องนี้เป็นความผิดของทหารที่เฝ้ายามเธอ และฉันในฐานะหัวหน้าองครักษ์ของวังหลวงก็ถือเป็นความรับผิดชอบด้วย ฉันจะไปขอรับโทษจากท่านคาบุรากิ ส่วนเรื่องของเธอ...เธอออกจากที่คุมขังโดยพละการ แต่เพื่อช่วยท่านยูกิโนะ ฉันจะพยายามหาทางช่วยเรื่องนั้นเอง”
ฉันมองมิซึซากิที่มาส่งฉันถึงหน้าประตูรั้ว ฉันจะคืนเสื้อคลุมให้เขา แต่เขากลับบอกว่าให้ฉันห่มกลับเข้าไปในที่พักให้เรียบร้อย เผื่อทหารเฝ้ายามฉันอยู่แถวนั้น
เช้าวันถัดมา เอ็นโจก็ปรากฏตัวอยู่หน้าประตูรั้วของฉัน
.....
เอ็นโจมาแว้ว กรี๊ดดดดดด บทจะเด่นๆ ไหมน้อ
ฟิคนี้เชียร์ทั้งคันตะคุงทังนายตัวสำรอง
A&A - 10.
โชคดีที่ในวันนั้นฉันแต่งตัวได้ค่อนข้างเรียบร้อยเพราะสังหรณ์ใจว่าน่าจะมีแขกมา และลางสังหรณ์ของฉันก็แม่นจริง ๆ แม้เอ็นโจจะเป็นแขกที่ฉันไม่อยากต้อนรับก็ตามที
ฉันยังจำสายตารังเกียจของเขาตอนที่คาบุรากิประนามฉันกลางงานเลี้ยงได้ เอ็นโจตอนที่เป็นคนรู้จักนั้นปกติก็น่ากลัวอยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้เขาเป็นศัตรูของฉัน ยิ่งต้องระมัดระวังเข้าไปใหญ่
เขามองฉันด้วยรอยยิ้มจาง ๆ แบบที่มักจะอยู่บนใบหน้าของเขาเสมอ แต่ฉันรู้ดีว่าจะประมาทไม่ได้
“ได้ยินว่าคุณเรย์กะช่วยน้องชายของผมเอาไว้” ตอนคาบุรากิฉันยังช็อคเกินกว่าจะคิดออก แต่ตอนนี้...ฉันมองหน้าเอ็นโจ มองรูปแบบการสนทนาที่ไม่เหมือนกับในนิยายโบราณหรือยุคปัจจุบันแล้วรู้สึกแปลก ๆ อันที่จริงเรื่องนี้มันประหลาดตั้งแต่เซ็ตติ้งเป็นธีมยุโรป แต่ชื่อกับหน้าตาตัวละครดันเป็นคนญี่ปุ่นทั้งหมดแล้ว ยิ่งโดยเฉพาะเขาเรียกชื่อฉันว่า ‘คุณเรย์กะ’ แทนที่จะเป็น ‘คุณคิโชวอิน’ ยิ่งแปลก แต่ก็ถือว่าเหมาะสม เพราะในตอนนี้ฉันถูกถอดออกจากตระกูลคิโชวอิน ไม่มีนามสกุลอีกต่อไปแล้ว
ฉันพยักหน้า ตอบออกไปว่า “ค่ะ” เป็นครั้งแรกที่พอมีแขกมาแล้วฉันอยากจะปิดประตูใส่หน้า แล้วหลบกลับเข้าไปในบ้าน
“ผมจะจำบุญคุณครั้งนี้เอาไว้” เอ็นโจบอก ตาคู่นั้นจ้องฉันจนฉันสงสัยว่าตัวเองใส่ชุดผิดประหลาดอะไรไปอีกรึเปล่า แต่ในเมื่อเขาไม่ได้พูดอะไร ฉันก็จะทำเป็นว่าตัวเองไม่ได้มีอะไรประหลาด
เอ็นโจมาพูดแค่นั้นแล้วก็จากไปโดยที่ไม่ได้เข้ามาในเขตรั้ว ฉันถอนหายใจอย่างโล่งออก รีบวิ่งไปตักน้ำจากบ่อมาส่อง เพราะน้ำในถังสะท้อนได้ไม่ดีเท่ากระจก และยังส่องให้ได้นิดเดียว ดังนั้นฉันจึงไม่เห็นอะไรผิดปกติ
ในตอนเที่ยงที่คุณเมดคนเดิมเอาอาหารมาส่งให้ฉัน ฉันขอให้เธอเอาชุดผู้ชายมาให้ฉันพร้อมกับผ้าพันแผลและรองเท้าคู่ใหม่ เธอมองฉันอย่างฉงน พอฉันบอกว่าฉันรู้สึกลำบากเวลาต้องแต่งตัว เพราะชุดผู้หญิงจำเป็นต้องใช้เมดในการช่วยแต่ง เธอมองฉันอย่างเห็นใจ ก่อนจะรับปากว่าเธอจะหามาให้
.....
หวาดระแวงเอ็นโจคนนี้มากๆ 5555
เอ็นโจน่าระแวงทุกโลกจริงๆ555
จอมมารโลกนี้มาดีเกินว่ะ ต้องมีเบื้องหลังแน่ๆ!!
นายตัวสำรองนี่ไม่ว่าโลกไหนก็เป็นคนที่เข้มงวดต่อตัวเองและผู้อื่นไม่เปลี่ยนเลย//ครอมขาจากเรือคันตะไปเรือนายตัวสำรอง....เหยียบสองเรือไว้ก่อน
พวกมึงๆ ด้านบนเนี่ย ยังเห็นหัวของเอ็นโจกับเจ้าบากะรากิอยู่ไหมวะ มันอาจบทพลิกก็ได้นะเว้ย 5555555
พวกมึงอย่าลืมบรรดาเรือลิลลี่!
พวกมึงอย่าลืมเรือคาน นี่พระเอกของเรื่องนะเว้ย!!
แต่ทำไมกูรู้สึกว่าฟิคนี้ออกแนวต้องรอด มากกว่าโดขิโดขิวะ
ต้องรอดไปเจอผู้ชายที่ดี!!
พวกมึงในนี้ก็รมกาวตัวเองไม่ต่างกันหรอกว่ะ ปะ!! เรือคาน!!! //รอโดดลงเรือคาน กระซิกๆ
เรือไหนก้ได้ ตอนนึ้เหมือนลอยเคว้งกลางมหาสมุทร เฮ้อ เมื่อไหร่300จะมา
กูเชียร์หมดแม้กระทั่งเมดที่มาส่งข้าวอ่ะ ขอแค่ไม่คาน TT
https://twitter.com/inktober/status/1035886145173745664?s=09
โม่งฟิกๆ ใครก็ได้แต่งตาม prompt นี้หน่อย อยากอ่าน
กูไม่ไหว ตายก่อนพอดี 555555
A&A - 11.
เพราะกังวลเรื่องคำพูดของมิซึซากิ หลังจากนั้นฉันเลยใช้ผ้าพันหน้าอกเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะอึดอัด แต่ก็ยังอึดอัดน้อยกว่าใส่คอร์เซ็ต ชุดของผู้ชายที่คุณเมดให้มาสวมใส่ได้สบายมาก มันเป็นเสื้อทูนิกกับกางเกงผูกเอว รู้อย่างงี้ฉันน่าจะขอชุดผู้ชายใส่ตั้งแต่แรก
ในช่วงเวลาที่ว่าง ฉันใช้เวลาตัดเย็บกางเกงชั้นใน เนื่องจากในโลกนี้ไม่มียางยืด ฉันเลยเย็บให้เป็นแบบผูกข้างเอา แม้จะใส่ไม่สะดวกเหมือนยางยืด ซ้ำฝีเข็มยังเบี้ยว ๆ แต่ก็ยังดีกว่าใส่กางเกงชั้นในของผู้หญิงในโลกนี้ภายใต้กางเกงของผู้ชาย
นอกจากนี้ ฉันยังขอเมล็ดพันธุ์พืชผักกับดอกไม้ไปด้วย เพราะคิดว่ายังไงก็มีพื้นที่เยอะแยะ อยากจะปลูกอะไรซักหน่อย ดีไม่ดีช่วงเวลาเก็บเกี่ยวผลฉันอาจจะได้ผลไม้กินเพิ่มขึ้น แถมยังเป็นงานอดิเรกที่ดีด้วย
ฉันจับจอบขุดดินอีกครั้ง ขุดไปได้ไม่นานมือก็พองอีก เพราะคราวก่อนขุดดิน มือของฉันก็เลยหนังลอกอยู่นาน ฉันมองมือของตัวเองแล้วสงสัยว่าเมื่อไหร่มันจะด้านซักที เพราะมือของฉันพองไปแล้วเรียบร้อย งานขุดดินเลยค้างอย่างงั้นไม่คืบหน้าไปไหน ฉันมองที่ดินแล้วตัดสินใจขว้าง ๆ เมล็ดพันธุ์ลงไป ในธรรมชาติยังไม่ต้องอาศัยคนปลูกเลย ถึงแม้จะขึ้นมาไม่งามนัก แต่ก็คงไม่เป็นอะไรหรอก
ในวันถัดมา คุณเมดมาหาฉันอีกครั้ง แล้วบอกฉันว่าหลังจากนี้ไปอีกสองสามเดือน เธออาจจะมาหาฉันทุกวันไม่ได้อีกแล้ว เธอจะขนอาหารมาให้ฉันมากขึ้นในแต่ละครั้งแทน พอถามออกไป เธอก็มีสีหน้าลังเล ก่อนจะบอกฉันว่าตอนนี้ในวังเตรียมงานหมั้นระหว่างเจ้าชายกับพระคู่หมั้น นอกจากงานหมั้นแล้ว ยังมีงานเลี้ยงฉลองที่จะจัดเจ็ดวันเจ็ดคืนทั่วอาณาจักรอีก ดังนั้นคุณเมดจึงต้องทำงานเพิ่มขึ้นกว่าเดิม
ฉันถามเธอว่านับตั้งแต่วันที่ฉันถูกถอนหมั้น ผ่านไปกี่วันแล้ว คุณเมดคนนั้นบอกว่าสามเดือนแล้ว
ฉันมองคุณเมดที่ไม่ยอมบอกแม้แต่ชื่อของตัวเองให้ฉันรู้เดินจากไป เหม่อมองไปที่ราชวัง แล้วคิดว่าครอบครัวของฉันคงจะตัดใจจากเรื่องของฉันไปแล้วจริง ๆ
.....
เชี้ย... กูนั่งเขียนฟิคเจ้าแม่ผจญภัยในวันเดอร์แลน พอออกมาค้นข้อมูลนิดๆ หน่อย ปรากฎว่าลืมกดบันทึก จบแล้วววว มันจบแล้วว 555555 แล้วกูเขียนไปยาวเหยียดมาก อะเหื้อออ น้ำตามายาไหลริน
A&A - 12.
ในยามเย็นของวันที่สามในระหว่างการเฉลิมฉลองพิธีหมั้นหมายของคาบุรากิกับวาคาบะจัง หน้าประตูรั้วของฉันก็มีแขกมาเยือนอีกครั้ง
ฉันมองประตูที่เปิดออกแล้วก็รู้สึกแปลกใจเมื่อเจอยูกิโนะคุง
“เอ้อ...สวัสดีจ่ะ” ฉันทักทายออกไป
ยูกิโนะคุงมีท่าทางประหม่าอย่างเห็นได้ชัด เบื้องหลังของเขาคือพี่เลี้ยงที่ท่าทางดุ จ้องมองฉันเหมือนถ้าเธอคลาดสายตา ฉันจะจับยูกิโนะคุงกิน
“สวัสดีครับ คุณพี่เรย์กะ”
ฉันมองยูกิโนะคุงแล้วรู้สึกเหมือนฤดูหนาวในหัวใจกลายเป็นฤดูใบไม้ผลิอีกครั้ง ฉันเชิญให้เขาเข้ามาในรั้ว เขาเข้ามาอย่างรวดเร็ว คุณพี่เลี้ยงหน้าตึงเหมือนจะเอ่ยปากปฏิเสธแต่ก็ไม่ทันซะแล้ว
ฉันชวนยูกิโนะคุงไปนั่งที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ เพราะในห้องโถงมีโต๊ะเก้าอี้เหลือ ๆ เป็นจำนวนมาก ฉันเลยขนไปไว้ในที่ต่าง ๆ เพื่อที่จะนั่งเล่นได้ทุกมุมของที่พักอาศัย กว่าจะลากออกมาได้ก็เหนื่อยสายตัวแทบขาด แต่คุ้มค่ามากเพราะในวันที่มีแสงแดดอ่อน ๆ ฉันสามารถนั่งชมธรรมชาติใต้ต้นไม้ได้อย่างรื่นรมย์ ไม่ต้องนั่งอุดอู้อยู่ในบ้าน
ฉันเอาเบอร์รี่ที่เก็บไว้ในครัวออกมานั่งกินกับยูกิโนะคุง ยูกิโนะขอบคุณที่ฉันช่วยเขาไว้ และขอโทษที่บุกรุกบ้านของฉัน เขาเล่าให้ฟังว่าในวันนั้นพวกเด็ก ๆ ประลองความกล้ากัน เนื่องจากยูกิโนะป่วยบ่อย ๆ ทำให้เขาไม่ค่อยมีเพื่อนในวัยเดียวกัน และเมื่อคนอื่น ๆ ไป เขาก็ไม่อยากจะทำตัวแปลกแยก
“ท่านพี่เรย์กะดูไม่เหมือนแม่มดเลย” ยูกิโนะคุงบอก ฉันฟังแล้วอมยิ้ม ถึงคนทั้งโลกจะคิดว่าฉันเป็นแม่มดหรือปีศาจก็ช่าง ขอแค่ยูกิโนะคุงไม่กลัวฉันก็พอ
นอกจากกล่าวคำขอบคุณ ยูกิโนะคุงก็ยังเอาของขวัญมาให้ฉันด้วย มันเป็นเครื่องประดับผม แต่เขากลับดูเป็นกังวล
“คุณพี่เรย์กะเป็นผู้หญิงใช่ไหมฮะ?” พอฉันตอบรับว่าใช่ เขาก็มีสีหน้างุนงง “แล้วทำไมถึงใส่ชุดผู้ชายล่ะฮะ?”
ฉันบอกเขาไปว่าชุดผู้หญิงใส่ไม่สะดวกเพราะฉันต้องทำงาน อีกอย่างก็ไม่มีเมดช่วยฉันแต่งตัวด้วย เขามีสีหน้างง ๆ ถามฉันว่าฉันต้องการเมดไหม เขาจะขอให้ท่านพี่ส่งมาให้ ฉันรีบบอกเขาว่าฉันชอบอยู่คนเดียวมากกว่า
“คุณพี่เรย์กะไม่เหงาเหรอฮะ?”
ฉันนิ่งไป
ฉันนึกถึงโลกของคิมิดอลอย่างที่ไม่ได้นึกถึงมาซักพักแล้ว ฉันคิดถึงครอบครัวของฉัน นึกถึงเพื่อนที่โรงเรียน นึกถึงขนมอร่อย ๆ และชีวิตที่สะดวกสบาย แต่มันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว
ฉันโกหกเขาไปว่าฉันไม่เหงาเลยแม้แต่น้อย
วันต่อมายูกิโนะคุงก็มาหาฉันอีก คราวนี้เขาเอาขนมมาด้วย คุณพี่เลี้ยงยังคงหน้าบึ้งเช่นเคย แต่ไม่ได้ทำเหมือนกับว่าฉันจะฉีกเนื้อยูกิโนะกินถ้าเธอไม่จ้องฉันไว้ทุกวินาทีแล้ว
เพื่อตอบแทนยูกิโนะคุง ฉันเล่านิทานก่อนนอนจากโลกเก่าให้เขาฟัง ยูกิโนะคุงตั้งใจฟังมาก ภาพที่เขามองฉันตาแป๋ว บอกฉันว่านิทานที่ฉันเล่าสนุกกว่านิทานที่พี่เลี้ยงของเขาเล่าตั้งเยอะทำให้หัวใจของฉันละลาย ฉันอยากจะยึดตัวของเขาไว้เหมือนที่แม่มดยึดตัวราพันเซล แต่ในตอนบ่าย ก็ต้องปล่อยเขากลับไปแต่โดยดี
ยูกิโนะคุงบอกว่าเหลืออีก 3 วันที่เขาจะต้องอยู่เฉลิมฉลองในราชวัง เขาจะมาเยี่ยมฉันอีกแน่นอน
ทว่าวันรุ่งขึ้น กลับเป็นเอ็นโจที่มายืนอยู่หน้าประตูรั้วของฉัน
.....
แต่เป็นเมดนี่... ต้องช่วยแต่งตัวด้วยนะ
จอมมารมาทำไม. เจ้าแม่อย่าใจอ่อนนะ
A&A - 13.
เอ็นโจบอกฉันว่ายูกิโนะไม่สบายเลยฝากให้เขามาบอกว่าจะมาหาฉันไม่ได้ ฉันรีบถามอาการของยูกิโนะคุง เอ็นโจบอกว่าน้องชายของเขาไม่ค่อยชินกับการเข้าร่วมงานเลี้ยง จึงไม่สบายและต้องพักรักษาตัว
ฉันรู้สึกเป็นกังวล และเสียใจที่เขามาเยี่ยมฉันไม่ได้อีก ฉันจึงบอกเอ็นโจว่าก่อนที่เขาจะกลับไปยังดินแดนของเขา ช่วยแวะมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม ฉันมีของที่จะฝากเขาไปให้น้องชายของเขา
เขามีท่าทางประหลาดใจ แต่ก็รับปากฉัน
“ได้ยินว่ายูกิโนะมอบที่ประดับผมให้คุณ”
ฉันตอบรับไป เขาเลยถามฉันว่าถูกใจไหม ฉันตอบเขาว่าฉันรู้สึกดีใจมากที่ได้รับของขวัญ แต่การติดเครื่องประดับที่ดูน่ารักแบบนั้นตอนใส่ชุดผู้ชายดูไม่เข้ากันเลยแม้แต่น้อย ฉันเลยเก็บมันไว้ที่หัวเตียง
“ผมไม่เคยนึกเลยว่าจะมีวันได้เห็นคุณในชุดแบบนี้ ปกติแล้วคุณชอบเครื่องประดับกับชุดหรูหราที่สุด”
เอ็นโจบอก ฉันไม่รู้จะตอบเขายังไงดี อันที่จริงฉันก็ชอบชุดสวย ๆ เครื่องประดับหรู ๆ แต่ในโลกที่ชุดสำหรับผู้หญิงใส่ยากขนาดนี้ คอร์เซ็ตก็รัดจนหายใจไม่ออก ซ้ำฉันยังต้องทำงานบ้านทุกอย่าง พ่วงทำสวนเข้าไปด้วย การใส่ชุดผู้หญิงเลยไม่สะดวกเลยแม้แต่น้อย และเมื่อทรัพยากรมีอย่างจำกัด ฉันเลยแปรสภาพชุดกระโปรงที่ได้รับมาไปใช้เป็นผ้าขี้ริ้วบ้าง ทำผ้าอนามัยบ้าง ทำกระดาษทิชชู่บ้าง สุดท้ายแล้วเสื้อผ้าผู้หญิงที่มีทั้งหมดเลยไม่เหลืออีก
“มีชุดอยู่แค่ไหนฉันก็ใส่แค่นั้นแหล่ะค่ะ ท่านเอ็นโจ ก่อนกลับอย่าลืมแวะมานะคะ” ฉันพูดตัดบท รู้สึกเหมือนไม่มีอารมณ์สนทนาต่อไปอีก
สองวันที่ไม่มีแขกมาเยือน ฉันเขียนนิทานมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ลงในกระดาษ แทบไม่ได้ทำอะไรนอกจากกิน นอน เขียนนิทาน พอเอ็นโจแวะมาอีกครั้ง ฉันก็เขียนนิทานได้ยี่สิบกว่าเรื่อง ใช้กระดาษไปจนเกือบหมด ฉันส่งม้วนกระดาษให้เขา
เขารับมันไปดู เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ เอ็นโจขอบคุณฉันแล้วจากไปในที่สุด
.....
ยูกิโนะคุงโครตสดใส ฮีลใจชั้นเกลือเกิ้นนน
โอ๊ย ท่านเรย์กะฟิคนี้น่าสงสารแต่ก็น่าชื่นชมชิบหาย ขอให้เจอเจ้าชายดีๆนะท่านนน กูจะก้าวขาลงเรือยูกิโนะละ ฮีลดีเหลือเกินนน
A&A - 14.
หลังจากที่อากาศเย็นขึ้น ฉันก็ขอเสื้อหนาวและฟืนจากคุณเมดเพิ่ม แต่คนที่ขนมาให้ฉันกลับเป็นคันตะคุง ไม่ใช่คุณเมด
เมื่อเห็นฉัน เขาก็มีท่าทางประหลาดใจ
“แต่งตัวอะไร น่าเกลียดชะมัด เป็นผู้หญิงทำไมแต่งชุดผู้ชาย”
พอฉันบอกเขาว่าถ้าให้ฉันแต่งชุดผู้หญิงเอง คงจะใส่ได้แค่ชุดชั้นในแบบที่เขาเห็นในวันแรก เขาก็หุบปากเงียบ ฉันขอบคุณคันตะคุงสำหรับฟืนที่เขาขนมาให้ นอกจากนั้นยังมีเสื้อกันหนาว ขนมปังกับชีสและแยมอีกจำนวนมาก
ฉันชวนเขาเข้ามานั่งเล่น คันตะคุงที่ขนฟืนมาจนเหงื่อออกท่ามกลางฤดูใบไม้ร่วงตกลงนั่งพักซักครู่ ฉันอาสาปิ้งขนมปังให้เขากิน พอยกไปให้ เขาก็บ่นว่าฉันปิ้งไหม้เกินไป
“เธอกินขนมปังใหม้ ๆ แบบนี้ทุกวันเลยงั้นเรอะ” เขาถาม ทำหน้าสยดสยอง
ฉันปฏิเสธไป อันที่จริงเพราะฉันรีบไปหน่อย ก็เลยหนีบขนมปังแล้วจ่อไฟเพื่อให้มันร้อนเร็ว ๆ แต่ผลปรากฏว่าจ่อไฟนานไปหน่อย ด้านนอกเลยไหม้
“ไม่ใช่ซักหน่อยค่ะ ปกติมันไม่ได้ไหม้ขนาดนี้...” ฉันแก้ตัว
เขามองฉันอย่างระอา “ฉันลืมไปว่าเธอเป็นลูกขุนนาง ไม่เคยต้องเข้าครัวทำอาหารเอง” เขามองครัวของฉัน มองฉัน แล้วบอกว่าคราวหน้าเขาจะเอาเนื้อรมควันมาให้
ฉันที่ไม่ได้กินเนื้อสัตว์มานานได้ยินแล้วก็น้ำลายไหล ฉันมองคันตะคุงที่หั่นขนมปังออกเป็นแผ่นบาง ๆ แล้วปิ้งบนตะแกรงอย่างใจเย็น พอเกรียมนิด ๆ แล้วจึงค่อยปาดเนยแล้วไปย่างต่ออีกนิด
แม้แต่ย่างขนมปัง คันตะคุงกับฉันทำแล้วยังออกมาต่างกัน ฉันมองขนมปังชิ้นนั้นแล้วกลืนน้ำลาย เขาส่งต่อให้ฉัน ก่อนจะย่างเพิ่ม ในที่สุดขนมปังในถาดก็เรียงพูน ส่งกลิ่นหอมหวาน พวกเราออกมานั่งที่สวนแล้วกินขนมปังกับชาเปปเปอร์มินท์
“รสประหลาด” คันตะคุงบอก แต่ก็ดื่มชาลงไป
พวกเรานั่งอยู่ตรงนั้นกันพักใหญ่ จนกระทั่งฉันถามเรื่องที่อยากรู้มานาน
“บ้านคิโชวอิน...เป็นยังไงบ้างคะ?”
คันตะคุงนิ่งไป เขามองหน้าฉัน ก่อนจะตอบออกมาเหมือนไม่เต็มใจตอบ
“ก็ดี พี่ของเธอ เขาได้รับสืบทอดตำแหน่งดยุกจากพ่อของเธอแล้ว”
ฉันฟังแล้วรู้สึกตกใจ แม้ว่าบ้านคิโชวอินจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่การที่ฉันก่อปัญหา แล้วบ้านคิโชวอินยังสามารถดำรงตำแหน่งดยุกได้ดังเดิม ซ้ำท่านพี่ยังสามารถรับตำแหน่งนั้นได้ด้วยทำให้ฉันประหลาดใจอย่างมาก แม้ว่าฉันจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกนี้เลย แต่ก็พอรู้เรื่องเกี่ยวกับขั้วอำนาจและการเมืองเพราะใช้ชีวิตในฐานะคิโชวอินนานหลายปี ถ้าบ้านคิโชวอินไม่ได้มีฐานอำนาจมาก ก็ต้องสนิทกับราชวงศ์มากจนกระทั่งคาบุรากิไม่ถือโทษแม้ว่าฉันจะทำเรื่องเลวร้ายลงไป
ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่ ข่าวจากคันตะคุงเป็นข้อสรุปที่บ่งบอกว่าคิโชวอินตัดหางปล่อยวัดเรย์กะแล้ว การที่พวกเขาไม่พยายามช่วยเรย์กะน่าจะทำให้คาบุรากิพอใจ ฉันได้ฟังแบบนั้นก็รู้สึกทั้งเศร้าที่ไม่เหลือใครอีก ทั้งดีใจที่บ้านคิโชวอินไม่ได้ตกต่ำเหมือนการ์ตูนคิมิดอล
ฉันมองขนมปังกองพะเนินข้างหน้าแล้วไม่รู้สึกหิวอีกต่อไป คันตะเองก็เงียบไปเช่นกัน
“เธออยากเขียนจดหมายหาครอบครัวของเธอรึเปล่า?” คันตะคุงบอกขึ้นมาในที่สุด ฉันเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ทำได้ด้วยเหรอคะ?”
ฉันถาม รู้สึกหัวใจเต้นแรงอีกครั้ง
“ก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้หรอกนะ ถ้าเธออยากเขียน ฉันจะเอาไปส่งให้เอง”
ฉันพยักหน้าแล้วบอกว่าฉันจะเขียนจดหมายให้พวกเขา และขอให้พรุ่งนี้เขามาอีกครั้ง
.....
ถึงโม่งฟิคA&A กูชอบฟิคมึงมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ฮือออ ถูกจริตกูเหลือเกินนน ใจน้องนี่ไม่ไหวแล้ว อยากจะกราบมึงหลายๆทีละเกิน ฮอลลลลล
แท้งกิ้วโม่งฟิก กุอยากรู้ว่าเรย์กะในฟิกทำอะไรถึงโดนขัง. แต่ครอบครัวไม่เป็นไรเลยวะ
กูสงสัยอย่างนึง คันตะคุงในโลกนี้อายุใกล้เคียงกับท่านเรย์กะเหรอวะ?? กูอ่านไปในหัวนี่จินตนาการภาพชายหนุ่มในชุดยุคกลางเลย แล้วเรียกท่านเรย์กะว่าเธอด้วย หรือกูก็มโนเพ้อเจ้อไปเอง
A&A - 15.
ฉันนั่งลงบนโต๊ะหนังสือ บนโต๊ะมีกระดาษที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ ปากกาขนนกที่หมึกในขวดเริ่มแข็งเป็นก้อน และเทียนให้แสงสว่าง
ฉันตั้งใจจะเขียนจดหมายสองฉบับ ฉบับแรกให้ท่านพ่อกับท่านแม่ อีกฉบับให้ท่านพี่
‘เรียนท่านพ่อและท่านแม่ที่เคารพรัก
หวังว่าตอนที่จดหมายฉบับนี้จะไปถึง ท่านพ่อกับท่านแม่จะมีสุขภาพแข็งแรงดี หนูอยู่ที่นี่สบายดี ไม่ได้ลำบากอะไร ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ
ขอโทษด้วยที่ทำให้ลำบาก หนูคงไม่สามารถขอโทษและชดใช้กับเรื่องที่ก่อลงไปได้อย่างสาสมกับที่ต้องทำให้ทุกคนเดือดร้อน หวังแต่เพียงว่าท่านพ่อกับท่านแม่จะไม่ลำบากมากนัก
ด้วยความเคารพ
เรย์กะ’
ฉันมองจดหมายที่แสนสั้นเพราะไม่รู้ว่าจะเขียนอะไร ก่อนจะคิดว่าฉบับของท่านพี่น่าจะยาวขึ้นกว่านี้
‘สวัสดีท่านพี่ที่รัก
เรย์กะเองนะคะ ตอนนี้อากาศกำลังหนาว หวังว่าท่านพี่จะรักษาสุขภาพ ไม่เจ็บป่วยไปซะก่อน น้องอยู่ที่นี่สุขสบายดี ไม่ได้ลำบากอะไร ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ
บ้านหลังที่น้องอยู่ หลังจากที่ทำความสะอาดแล้วก็อยู่ได้สบายมาก ในห้องนอนมีเตียงแล้วก็โต๊ะหนังสือด้วย ถึงเตียงจะแข็งไปหน่อย แต่ก็ทำให้ตื่นได้อย่างรวดเร็วในตอนเช้า ตอนนี้น้องชินแล้ว อันที่จริงเตียงแข็ง ๆ แบบนี้ก็ดีต่อหลังเหมือนกันนะคะ ส่วนโต๊ะหนังสือก็แข็งแรงดี โชคดีที่คันตะคุงส่งเทียนมาให้น้องเป็นจำนวนมาก ทำให้น้องสามารถอ่านหนังสือและเขียนหนังสือได้อย่างสบายบนโต๊ะตัวนี้
เรื่องอาหารการกินค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ทีเดียวค่ะ น้องไม่เคยต้องอดเลยแม้แต่มื้อเดียว ถือว่าเป็นความกรุณาสูงสุดที่ราชวงศ์ประทานมาให้แล้ว ในช่วงที่สตรอว์เบอร์รี่สุก น้องยังได้กินสตรอว์เบอร์รี่จำนวนมากด้วย รสชาติเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ ของมันสดชื่นดีมากเลยค่ะ ความจริงน้องอยากจะตากสตรอว์เบอร์รี่เก็บไว้ทำชา แต่เสียดายที่ไม่ค่อยมีแดดเท่าไหร่ พอตากไว้ก็ราขึ้น น่าเสียดายจริง ๆ ค่ะ
ในสวนของน้องปลูกพืชหลายชนิดเลยทีเดียว เสียดายที่ส่วนมากจะขึ้นเป็นวัชพืชมากกว่าต้นไม้ที่น้องอยากปลูก คันตะคุงบอกว่าต้นไม้บางอย่างชอบน้ำ บางอย่างไม่ชอบ น้องดันปลูกรวมกัน มันเลยขึ้นบ้างไม่ขึ้นบ้าง สงสัยว่าน้องจะต้องเรียนรู้การปลูกพืชให้มากกว่านี้แล้วค่ะ
ได้ยินว่าท่านพี่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นดยุก น้องขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ น้องเสียดายที่ไม่ได้ไปเข้าร่วมงานแสดงความยินดี ได้แต่ส่งหัวใจไปให้กับท่านพี่ อวยพรให้ท่านพี่ก้าวหน้าในการงาน
สุดท้ายนี้น้องขอโทษด้วยที่ทำเรื่องเดือดร้อนให้กับครอบครัวของเรา น้องหวังว่าท่านพี่จะโกรธน้องไม่นาน และถ้าหากว่าท่านพี่มีเวลา อย่าลืมเขียนจดหมายมานะคะ น้องจะรอจดหมายของท่านพี่
ด้วยรักและห่วงใย
เรย์กะ
.....
อย่าใจร้ายกับท่านเรย์กะเลย / จดหมายท่านพี่ยาวยืดกว่าท่านพ่อท่านแม่ 55
โอ๊ย กุมใจแบบ หวังว่าท่านพี่โลกนี้พอได้จดหมายจะใจดีนะ กูกลัวว่าท่านพี่จะหาว่าน้องตอแหลด้วยความไม่ชอบน้องอยู่แล้วนี่สิ
A&A - 16.
หลังจากที่คันตะคุงไปส่งจดหมาย เขาก็หายไปและส่งคุณเมดคนเดิมมาแทน
ฤดูหนาวกำลังจะใกล้เข้ามาแล้ว ฉันมองพืชในสวนที่แห้งเหี่ยว ในตอนนี้ที่นั่งด้านหน้าหนาวเกินกว่าที่จะออกไปนั่งอีกแล้ว ฉันเลยได้แต่อุดอู้อยู่ในบ้าน
คุณเมดบอกว่าหลังจากนี้หิมะจะตก เธอจึงขนเสบียงจำนวนมากมาให้ฉัน แบบที่สามารถกินไปได้อีกทั้งฤดูหนาว เผื่อว่าหิมะตกแล้วการสัญจรถูกตัดขาด นอกจากนี้ยังขนฟืนมาให้อีกจำนวนหนึ่ง บอกว่าจะขนมาให้อีกเรื่อย ๆ
ทว่าหิมะกลับตกลงมาซะก่อน
ฉันมองกองฟืนแล้วรู้สึกเป็นกังวล ฟืนจำนวนแค่นี้ใช้ไม่ถึงสองสัปดาห์ก็หมดแล้ว ฉันหวังว่าทางจะไม่แย่นักและคุณเมดจะขนฟืนมาให้ฉันได้อีก
แต่หิมะกลับตกไม่หยุด คุณเมดไม่ได้ปรากฏตัวอยู่ที่หน้าประตูรั้วของฉัน แม้แต่ยามเฝ้าด้านหน้าก็หายไปด้วย
ฉันนั่งตัวสั่นอยู่หน้าเตาผิง พยายามใช้ฟืนเท่าที่จำเป็นเพื่อประหยัดฟืนให้ใช้ได้ยาวนานที่สุด อากาศเลวร้ายลงจนกระทั่งผิวบนร่างแทบไม่รู้สึกอะไรในขณะที่ความหนาวเสียดแทงในกระดูก ฉันขดตัวเข้าใกล้กองไฟ ผ้าในบ้านมีกี่ผืนก็ห่มบนร่างจนหมดสิ้น แต่ฉันมีข้าวของไม่เยอะมาก นอกจากชุดผ้าฝ้ายบาง ๆ สองชุดที่ใส่สลับกัน ก็มีเสื้อหนาว และผ้าห่มที่ทำจากกระโปรงกำมะหยี่
ฉันนอนขดจนกระทั่งหลับไป และตื่นขึ้นมาอีกทีเพราะทนหนาวไม่ไหว พอตื่นขึ้นมาปุ๊บ ฉันก็ไอโขลก ๆ อย่างแรง
ลำคอที่ปวดบวมทำให้ฉันกังวลว่าตัวเองจะเป็นหวัด เลยดื่มชาสมุนไพรลงไปเป็นจำนวนมาก หิมะยังคงตกลงมาไม่หยุด และในบ่ายวันนั้น ฉันก็ไข้ขึ้น
ในโลกก่อน ฉันไม่ค่อยได้ป่วยจริงจัง และถึงจะป่วย แค่ไข้ขึ้นนิด ๆ ไอหน่อย ๆ ท่านแม่ก็รีบพาฉันไปหาหมอแล้ว ในตอนนี้ฉันไม่หวังว่าตัวเองจะได้เจอหมอ ขอแค่แอสไพรินเม็ดเดียวก็พอ หรืออย่างน้อยก็ให้ห้องอุ่นขึ้นกว่านี้
ฉันลากสังขารตัวเองขึ้นมาจุดไฟ แล้วพยายามกลืนขนมปังแข็ง ๆ ที่บาดคอกับชีสลงไปให้มากที่สุด ฉันรู้ดีว่าตัวเองจะต้องสะสมพลังงานเพื่อไว้ใช้ต่อสู้กับความหนาว แต่ร่างกายที่กำลังป่วยไม่อยากกลืนอะไรลงไปแม้แต่อย่างเดียว
ฉันคิดถึงซุปร้อน ๆ เลยเอาขนมปังกับชีสลงไปต้ม รสชาติของมันไม่ดีอย่างที่คิดไว้ แต่ก็ไม่เลวนัก ขนมปังนิ่มลง ชีสก็น่าขยะแขยงน้อยลง กินจนกลืนไม่ลง ฉันก็คลานกลับไปยังห้องโถงด้านหน้าเพื่ออังไฟ
ฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยความรู้สึกว่าฉันกำลังป่วยอย่างหนัก ไอจนปอดแทบหลุด หัวของฉันร้อนเป็นไฟ แต่ร่างกายหนาวจนเหมือนเนื้อจะหลุดจากกระดูก ฉันปวดหัวจนร้องไห้ออกมา นั่นยิ่งทำให้แย่เข้าไปใหญ่เพราะนอกจากจะปวดหัวแล้วยังหายใจไม่ออก
ฉันหลับตาอีกครั้ง สติเลื่อนลอยจนคิดสงสัยว่าท่านพี่จะกลับบ้านมาเมื่อไหร่ ฉันอยากจะให้ท่านพี่ลูบหัวแล้วบอกฉันว่าแค่กินยาพักผ่อนตามที่หมอบอก อีกไม่นานฉันจะดีขึ้น อยากให้ท่านแม่และท่านพ่อร้อนใจ เรียกหมอให้มาดูอาการฉันอีกครั้ง แต่แล้วเสียงไม้ถูกไฟเผาแตกเปรี๊ยะก็ปลุกฉันจากความฝันนั้น
ในโลกนี้ ฉันไม่ใช่คิโชวอิน เรย์กะอีกแล้ว แต่เป็นแค่เรย์กะ นักโทษที่ถูกจองจำเท่านั้น
.....
ท่านพี่ของน้องงงงงงงงงงงงงงงงง ท่านพี่โปรดมาดูท่านเรย์กะที
A&A - 17.
ฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้งในสถานที่ที่ไม่รู้จัก
คอของฉันบวมอักเสบจนแค่กลืนน้ำลายยังเจ็บ ตาพร่าเบลอ ฉันพยายามมองไปรอบ ๆ สงสัยว่าที่นี่เป็นที่ไหนกันแน่
เสียงของคนคุยกันดังมาเข้าหู แต่กลับไม่เห็นใคร ข้าง ๆ ฉันมีคนอื่นที่นอนหลับอยู่บนเตียงที่เรียงต่อกันเป็นแถบ ฉันมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง มองโถที่เรียงรายอยู่บนชั้น ฟังเสียงไอโขลก ๆ ของคนอื่น แล้วก็ประมวลผลว่าที่นี่คือห้องพยาบาล
เสียงพูดคุยหยุดลง ตามมาด้วยเสียงฝีเท้า และร่างในชุดเกราะเงินก็โผล่พ้นมุมห้องออกมา
นายตัวสำรองมองมาที่ฉันอย่างแปลกใจ ก่อนจะเดินเข้ามาหาฉัน ฉันจะเอ่ยทักทายเขา ถามเขาว่าฉันมาที่นี่ได้ยังไง แต่เสียงกลับไม่ออกมาแม้แต่น้อย
“เป็นยังไงบ้าง?” มิซึซากิถาม ฉันพยายามจะตอบ ทว่าส่งได้แต่เสียงครืด ๆ เครือ ๆ เขาเลยบอกให้ฉันพักผ่อน
ฉันนอนลง คิดอยากจะถามเขาว่าใครเป็นคนพาฉันมาที่นี่ แต่ก็หลับไปก่อน
ฉันหลับ ๆ ตื่น ๆ ในห้องพยาบาลของพวกคุณเมดอยู่นานหลายคืน เพราะฤดูนี้อากาศหนาวรุนแรง คนที่เข้ารับการรักษาจึงมีมากกว่าปกติ บางเตียงถึงขนาดต้องนอนเบียดกันสองคน แต่ฉันกลับครอบครองเตียงไว้คนเดียว
เมื่อฉันรู้สึกดีขึ้นจนสามารถถามนายตัวสำรองที่มาเยี่ยมด้วยเสียงแหบ ๆ ได้ เขาก็เล่าให้ฟังว่าไปเจอคนที่เข้าเวรเฝ้าฉันนั่งดื่มเหล้าอยู่แถวหน้าประตูวัง เลยลงโทษทางวินัยกับนายทหารคนนั้น เพราะได้ยินว่าคุณเมดของคันตะคุงฝากให้เขาเอาฟืนมาให้ฉัน แต่ถ้าเขาไม่ได้มาเฝ้า ฟืนก็มาไม่ถึง มิซึซากิเลยมาดูฉัน พอเรียกอยู่นานไม่มีใครตอบ ก็ถือวิสาสะเข้ามาในบ้านและเจอฉันป่วยหนัก
ฉันขอบคุณเขา รู้สึกซาบซึ้งที่เขาห่วงใยฉันถึงขนาดนี้ เขาถอนหายใจ แล้วบอกว่าเขาอบรมวินัยทหารย่อหย่อน ฉันเลยต้องรับเคราะห์ไปด้วย
ฉันบอกเขาว่าไม่เป็นไร ฉันดีขึ้นแล้วและอยากออกจากห้องพยาบาลเพราะสงสารคุณเมดที่ต้องนอนเบียดกันถึงเตียงละสามคนแล้วในตอนนี้ ถ้าฉันออกไป ห้องพยาบาลน่าจะว่างขึ้น
เขาบอกฉันว่าฉันยังไม่หายดี ถ้ากลับไปตอนนี้จะต้องป่วยอีกแน่ เขารู้ดีกว่าห้องพยาบาลแน่น และจะหาทางช่วยฉัน
ในคืนนั้น มิซึซากิมาเยี่ยมฉันอีกครั้ง พร้อมกับแจ้งข่าวว่าฉันได้รับอนุญาตให้ย้ายไปอยู่ในห้องพักสำหรับแขกขุนนาง เพื่อที่ฉันจะได้ไม่กินพื้นที่ในห้องพยาบาล และมีหมอที่คอยดูแลขุนนางมาตรวจรักษา
.....
กราบตีนนักอ่าน A&A ทุกท่าน
ตอนนี้กูกำลังปั่นงานอยู่ แต่เลือกไม่ได้ระหว่างดำเนินเรื่องแบบ Light mode กับ Dark mode กูจึงมาถามว่าาอยากอ่านแบบไหนกัน มีนิยามสั้น ๆ แค่
Light mode = Shojo, Slice of life
Dark mode = Plot, Warning content
เดี๋ยวเที่ยงตรงมาดูผลโหวต (จะมีคนมาโหวตไหมวะ ถ้าไม่มี เลื่อนรอบไป 16.00) แล้วลงตอนต่อไปในอีก 13.00
by โม่งฟิก
กูรู้สึกว่าหาความโชโจในฟิคนี้ไม่เจอเลย ครอบครัวก็ไม่แยแส ใช้ชีวิตก็ลำบาก เพื่อนก็ไม่มี คันตะกับอาริมะที่เหมือนจะพึ่งได้ แต่ก็คงไม่ได้ไว้ใจนางขนาดนั้นเพราะคงไม่เชื่อว่าจะกลับตัวได้ แถมตอนนี้มีชีวิตรอดไปวันๆก็ดีแล้ว รักเริกอะไรไม่ต้องสนใจหรอก เป็นโอชินสู้ชีวิตดีกว่า
โหวต dark ค่ะ
>>689 คือกูไม่รู้ว่ามัน light หรือ dark อะ แต่กูไม่อยากให้ครอบครัวนางมาเกี่ยวข้องเลย แล้วอีทหารยามหน้าบ้านเจ้าแม่อะ ลงโทษแม่งหนักๆ กูเห็นหลายรอบละ กูว่าเจ้าแม่ในฟิคโคตรทรหด ไม่น่าจะ slice of life ได้ละอะ แต่ประเด็นคือไม่นิยมพวกดราม่าเท่า ไหร่ T^T เอาเป็นว่าขอให้ happy ending เถอะนะมึง
light เหอะ ท่านพี่กลับมาช่วยที
กูโหวต dark ไหนๆจะบัดซบแล้ว กูอยากให้นางแข็งแกร่ง แล้วไปให้สุด สลัดคราบอ่อนแอทิ้งไปซะ
อยากได้ dark แบบมีแสงสว่างที่ปลายทาง ไหนๆก็มาทางนี้แล้วไปให้สุดเลยก็ดีเหมือนกัน
Dark อีกหนึ่งเสียง มาขนาดนี้แล้ว
Lightหน่อยได้ไหม หรือdarkแบบไม่tragedy เว่อได้ไหมเจ้าคะ 5555 อยากเห็นทั่นเรย์กะมีความสุข
โหวต dark แต่สุดท้ายอยากให้เจ้าแม่มีความสุขจริงๆซักทีค่ะ😂😂
Lightละกัน เรื่องเลิฟๆนี่คานซังได้แต่มองห่างๆแล้ว ให้ชีวิตด้านอื่นดีบ้างเถอะ
ปิดโหวต สรุปได้ Dark side แต่ระหว่างทางนี่ถ้าเจ้าแม่เป็นตัวเดินเรื่อง น่าจะมีความ Light ผสมค่อนข้างมาก แต่ก็ยังคงดำดิ่งสู่ธีมดาร์กตามท้องเรื่อง
มี Warning content แต่ไม่บอกว่าอะไร บอกอย่างเดียวคือกูเตือนมึงแล้วนะคะซิส
ขอบคุณสำหรับเสียงโหวต
โม่งฟิค
A&A - 18.
แม้ว่าห้องนั้นจะถูกตกแต่งอย่างเรียบ ๆ ไม่ได้เสี้ยวของห้องนอนในโลกเก่า แต่หัวใจของฉันกลับเต็มไปด้วยความปิติจนกระทั่งกังวลว่าฉันกำลังฝันไปรึเปล่า
หลังจากนอนเตียงไม้กระดานมานาน พอได้นอนเตียงที่อัดด้วยใยฝ้ายฉันก็รู้สึกว่านี่คือความฝัน ในห้องอุ่นจัดจนไม่ต้องนอนขดตัวฟันสั่นกระทบกับกึกกึก ฉันได้รับชุดสำหรับผลัดเปลี่ยนสามชุด มันเป็นชุดผ้าเบาบางเหมาะสำหรับการถอดออกเช็ดตัวเพื่อลดความร้อน ปกติแล้วคนที่นี่นอนเปลือยกันบนเตียงเพราะที่นอนถูกอุ่นด้วยถ่านร้อน แต่ฉันอาจจะเหงื่อออกมาก เลยต้องสวมชุดเอาไว้
คุณเมดประจำห้องปฏิบัติต่อฉันอย่างสุภาพ เธอช่วยเปลี่ยนผ้าปูที่นอน เอาหม้อถ่านอุ่นเตียง เช็ดตัว และยกซุปมาให้ฉัน ฉันนอนบนเตียงแล้วถอนหายใจ
หลังจากที่พักรักษาตัวเกือบสามสัปดาห์ ฉันก็หายดี แต่การคมนาคมแย่ลงมากจนกระทั่งแขกที่มาเยือนทั้งหมดติดอยู่ในวัง ดังนั้นเพื่อเป็นการประหยัดฟืนที่จะต้องแบ่งสรรปันส่วนไปให้ฉัน ซ้ำการขนส่งเป็นไปได้อย่างยากลำบาก ฉันเลยได้รับอนุญาตให้อยู่ในวังต่อ
หลังจากที่ฉันหายดี มิซึซากิก็มาเยี่ยมฉัน ฉันเปลี่ยนกลับไปใส่เป็นชุดผู้ชายอีกครั้ง แม้จะดูแปลกตาในสถานที่อย่างวังหลวง แต่ก็ดีกว่าชุดบาง ๆ ที่ได้รับมา
“ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์ช่วยฉันเอาไว้”
ฉันบอกมิซึซากิ รู้สึกอยากจะขอบคุณเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถ้าไม่ได้เขา ฉันคงตายไปแล้ว
มิซึซากิยิ้มน้อย ๆ บอกว่าหน้าที่ของอัศวินคือการปกป้องแผ่นดินและบรรดาเลดี้อยู่แล้ว ฉันมองเขาแล้วคิดว่าเขานี่ช่างไม่ต่างจากในโลกก่อนเลยแม้แต่น้อย ฉันขอบคุณเขาอีกครั้ง และบอกว่าถ้ามีโอกาส จะตอบแทนเขาอย่างแน่นอน
“อา...อย่าพูดอย่างนั้นเลย” มิซึซากิบอก “ถ้าจะขอบคุณ ไปขอบคุณท่านเอ็นโจดีกว่า”
ฉันมองเขาอย่างประหลาดใจเมื่อชื่อของเอ็นโจโผล่ขึ้นมา มิซึซากิบอกว่าคนที่อนุญาตให้ฉันเปลี่ยนจากห้องพยาบาลของคุณเมดเป็นห้องส่วนตัว และอยู่ต่อหลังจากที่หายป่วยแล้วคือเอ็นโจ
.....
A&A - 19.
เพราะมิซึซากิประเมินว่า กว่าหน้าหนาวจะผ่านพ้นจนกระทั่งสามารถกลับไปยังที่คุมขังของฉันและอยู่ที่นั่นอย่างไร้ฟืนให้ความอบอุ่นได้โดยหนาวตายก็อีกสองเดือน ฉันจึงบอกเขาว่าจะช่วยงานในราชวังเป็นการตอบแทน
เขามองฉันแล้วทำหน้าตกใจ ฉันบอกเขาว่าในตอนนี้พวกขุนนางติดอยู่ในวัง คุณเมดน่าจะยุ่งกันมาก ฉันเลยอยากช่วยงานพวกเธอ ถึงจะเป็นงานทำความสะอาดก็ไม่เป็นไร
นายตัวสำรองส่งฉันให้ไปอยู่ภายใต้การดูแลของพ่อบ้านใหญ่ในวังหลวง สีหน้าของเขาไม่ชอบใจอย่างรุนแรง แต่เพราะว่ามิซึซากิขอร้อง ก็เลยต้องรับฉันไว้
งานแรกของฉันคือการทำความสะอาดห้องน้ำ
ห้องน้ำในวังหลวงเป็นห้องน้ำรวมแบบแยกชายหญิง ยกเว้นแต่เชื้อพระวงศ์เท่านั้นที่จะมีห้องน้ำเป็นของตัวเอง คุณเมดที่ทำความสะอาดคู่กับฉันเป็นคุณเมดที่นิสัยดีมาก เธอชื่อมารี ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นคุณเมดที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ก็เลยไม่เคยได้สัมผัสกิติศัพท์ของคิโชวอิน เรย์กะ และคิดว่าฉันเป็นคุณเมดรุ่นน้องของเธอ
ในห้องน้ำแบบโบราณไม่มีชักโครกปิดประตูมิดชิด ที่นั่งขับถ่ายแต่ละอันซอยแยกเป็นซอง ๆ ด้านหน้าเปิดโล่ง ใช้ระบบชักน้ำรวม เพราะว่าการใช้แต่ละครั้งไม่ได้ถูกชักน้ำทันที ห้องน้ำก็เลยค่อนข้างมีกลิ่นไม่พึงประสงค์นัก แต่ก็ยังสะอาดกว่าในยุคกลางที่ฉันเคยอ่านว่าทิ้งเศษซากอารยธรรมสิ่งขับถ่ายรอบ ๆ กำแพงปราสาท หรือถ่ายกันในทุ่งแบบไม่คิดจะกลบฝังหรือทำห้องน้ำ ฉันพยายามกลั้นหายใจ แต่ดูเหมือนว่ามารีจะชินแล้ว พวกเรามีแปรงด้ามยาวกันคนละอัน หน้าที่ของพวกเราคือเข้ามาชักน้ำให้ไหลพาเอาของเสียลงไปในท่อ และทำความสะอาดในห้องน้ำ
การทำความสะอาดห้องน้ำนั้นเป็นเรื่องที่ต้องใช้แรงงานอย่างหนัก เพราะพวกเราไม่มีน้ำยาล้างห้องน้ำที่ราดทิ้งไว้แล้วจะกัดคราบบนพื้นจนขาวสะอาด ฉันกับมารีใช้แปรงยาวแปรงกันอยู่นาน ดีที่ในห้องน้ำมีระบบประปา ก็เลยไม่ต้องหิ้วน้ำทำความสะอาดกัน ไม่งั้นฉันคงเป็นลมไปซะก่อน
พอเสร็จงาน มารีก็เอ่ยปากชมฉัน บอกว่าฉันเป็นคนแรกที่ไม่อู้งาน เมดรุ่นพี่ไม่ยอมทำงานขัดห้องน้ำ ส่วนเมดในรุ่นราวคราวเดียวกับเธอชอบอู้ และมักจะทิ้งงานให้มารีทำคนเดียวบ่อย ๆ มารีชอบฉันมากจึงชวนฉันไปอาบน้ำและทานอาหารเย็นร่วมกัน และนั่นก็เป็นครั้งแรกตั้งแต่มาที่นี่ที่ฉันได้ทดลองใช้ระบบประปาในการอาบน้ำ ระบบประปาและระบบน้ำทิ้งของโลกนี้พัฒนาไปมากกว่ายุคกลางมาก มารีเล่าให้ฉันฟังว่าถ้าเป็นห้องอาบน้ำของเชื้อพระวงศ์หรือขุนนางชั้นสูง แม้แต่ก๊อกแยกน้ำร้อนน้ำเย็นก็ยังมี แต่ถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดาที่อยู่ในเมือง ยังต้องใช้ประปาสาธารณะกันอยู่
ฉันแอบโล่งใจที่อย่างน้อยเซ็ตติ้งของโลกนี้ ระบบสาธารณสุขก็ดีกว่าในยุคกลางจริง ๆ มาก มิน่าฉันเลยไม่ค่อยได้กลิ่นจากตัวของคนรอบข้าง แม้ว่าคุณเมดจะไม่ได้อาบน้ำกันทุกวัน แต่มารีเล่าว่าเจ้าชายคาบุรากิต้องอาบน้ำทุกวัน หนำซ้ำถ้าเป็นหน้าร้อน ยังเปลี่ยนเสื้อผ้าวันละสามชุดเพื่อไม่ให้ตัวสกปรกอีกต่างหาก ดูเหมือนคาบุรากิอยู่ที่ไหนก็ยังเป็นคาบุรากิที่ทำตัวเว่อร์เหมือนเดิม
คืนนั้นฉันหลับเป็นตาย สงสัยว่าหนึ่งในบรรดาขุนนางที่ติดอยู่ในวัง มีท่านพี่อยู่ด้วยรึเปล่า
.....
ท่านพี่ยยยยยยยยยยยยยยย์
แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
ดราม่าครอบครัวก็ได้ กูเตรียมใจกับพล็อตงี้แล้ว ขออย่างเดียวให้ท่านเรย์กะหลุดพ้นแล้วมีความสุขจริงๆเถอะ กูสงสารเจ้าแม่จะมีความสุขโลกเก่าก็ไม่ มาเจอโลกนี้ที่ทุกคนทิ้งอีกกกก /นายตัวสำรองโคตรดีย์ คันดะคุงก็ดี กูแจวหมด T_T
Dark แต่ของจบ Happy นะเว้ยเฮ้ย. No BE please
A&A - 20.
เพราะว่าฉันไม่ได้โวยวายอะไร มหกรรมล้างห้องน้ำจึงเริ่มต้นขึ้น
ฉันกับมารีถูกใช้ให้ล้างห้องน้ำทุกห้องในราชวัง ไม่เว้นแม้แต่ห้องน้ำผู้ชาย โชคยังดีที่เวลาล้างห้องน้ำ พวกเราจะเลือกล้างในเวลาที่ไม่มีคนอยู่ และปิดห้องน้ำเอาไว้ ดังนั้นเลยไม่แจ็กพ็อตเจอเหตุการณ์อย่างเช่นเปิดประตูเข้าไปเห็นคนทำธุระ
หลังจากขัดห้องน้ำไปได้ไม่กี่วัน มือของฉันก็พอง หลังปวดจนยืดตรงแทบไม่ไหว ดีที่ยูนิฟอร์มของคุณเมดไม่ต้องใส่คอร์เซ็ต ฉันเลยทำงานได้อย่างไม่ยากลำบากนัก
“เรย์กะ เธอนี่เอวเล็กเหมือนพวกขุนนางเลย” มารีทักขึ้นในขณะที่พวกเราอาบน้ำด้วยกัน อันที่จริงในบรรดาสตรีชั้นสูง ฉันถือว่าเอวหนากว่าพวกเธอเล็กน้อย แต่ถ้าเทียบกับมารีหรือสามัญชนที่ไม่ได้ใส่คอร์เซ็ต ก็ถือว่าเอวเล็กกว่ามาก
“อา...เป็นเพราะว่าที่ ๆ ฉันมา ไม่ค่อยมีอะไรกินน่ะ” ฉันบอกเธอไปแบบนั้น อันที่จริงถ้าเทียบกับโลกเก่าของฉัน อาหารที่ได้รับตอนอยู่ในแท่นบูชาร้างก็ถือว่าน้อยมาก
มารีลูบ ๆ เอวฉัน มองฉันขึ้นลงจนฉันรู้สึกเขิน ก่อนจะบอกว่าถ้าฉันไปทำงานในห้องน้ำชา จะต้องมีชนชั้นสูงถูกใจฉันแน่ ๆ ถ้าได้เป็นเมียเก็บของขุนนาง ก็จะได้ไม่ต้องทำงานหนักอีก
ฉันฟังความคิดเห็นของเธอแล้วได้แต่ยิ้มแหย ๆ แต่คิดว่าถ้าฉันไปทำงานในห้องน้ำชา อาจจะได้เจอกับท่านพี่ก็ได้ มารีเห็นฉันทำท่าสนใจ เลยบอกว่าถ้าฉันช่วยเธอขัดห้องน้ำจนครบทุกห้องในราชวัง เธอจะไปขอให้คุณพ่อบ้านสลับหน้าที่ให้ ฉันจะได้เจอกับผู้ชายดี ๆ ที่หาเลี้ยงฉันได้
ฉันขอบคุณมารี แต่บอกเธอว่าฉันแค่อยากจะลองไปทำงานในห้องน้ำชาดู เพราะอยากเจอกับชนชั้นสูงเท่านั้น มารีบอกฉันว่าฉันไม่ต้องเขินอาย การเป็นเมียเก็บของขุนนางเป็นความใฝ่ฝันของเมดที่มาจากชนชนล่างทั้งนั้น แล้วถ้ามีลูกด้วยกัน ฉันอาจจะได้เลื่อนเป็นเมียรอง และได้ใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือยเหมือนพวกชนชั้นสูง
ในคืนนั้นฉันถามตัวเองว่าถ้าต้องเจอหน้าคนที่รู้จัก และโดนพวกเขาถากถาง ฉันจะทนรับไหวหรือเปล่า แต่พอคิดว่าในโลกนี้ไม่มีใครรู้จักฉันจริง ๆ แม้แต่คนเดียว ฉันจะต้องใส่ใจอะไร กับอีแค่การถูกถากถางเล็ก ๆ น้อย ๆ ฉันในสมัยโลกเดิมก่อนที่เคยเป็นคิโชวอิน เรย์กะ ก็เคยถูกรังแกในโรงเรียนมาแล้ว ฉันจะต้องกลัวอะไร
.....
เจ้าแม่สู้ๆนะงืออ😁😁
A&A - 21.
สามวันหลังจากที่ทำความสะอาดห้องน้ำในราชวังได้ครบทุกห้อง ฉันก็ได้เปลี่ยนงานไปเป็นคุณเมดในห้องน้ำชา
แม้จะเป็นเมดเหมือนกัน แต่เมดที่ทำงานแรงงาน กับเมดที่ทำงานรับใช้เจ้านายมีสถานะต่างกันมาก เมดที่ทำงานแรงงานส่วนมากเป็นชนชั้นล่างที่ต้องการขายแรงงานหาเงินเข้าครอบครัว แต่เมดที่ทำงานรับใช้เจ้านายในห้องน้ำชาหรือติดตามปรนนิบัตินั้นมีเชื้อสายขุนนาง โดยปกติแล้วพวกขุนนางชั้นล่างที่ไม่มีสิทธิ์ได้เข้ามาในวัง จึงมักจะส่งบุตรและบุตรีตามปรนนิบัติขุนนางชั้นสูง หรือเข้ามาเป็นเมดรับใช้เจ้านาย
งานในห้องน้ำชานั้นมีตั้งแต่การชงชา เสิร์ฟชา เสิร์ฟขนม และรับใช้ตามแต่ที่ชนชั้นสูงจะมีคำสั่ง แน่นอนว่าฉันที่เพิ่งมาทำงานในห้องนี้ไม่มีสิทธิ์เสนอหน้าออกไปด้านนอก ได้แต่ช่วยคุณเมดรุ่นพี่เตรียมขนมที่ถูกส่งมาจากห้องครัว แต่ทว่าถ้าทำงานเสร็จ ก็จะสามารถชะโงกหน้าไปแอบมองในห้องได้ ซึ่งก็ถือว่าฉันโชคดีมาก เพราะฉันไม่มีความทรงจำของเรย์กะในโลกนี้เลยแม้แต่น้อย จึงไม่รู้ว่ามารยาทของการดื่มชาในโลกนี้เป็นยังไง การได้แอบมองพวกคุณเมดทำงานเลยเป็นการเรียนรู้ไปในตัว
ฉันมาทำงานในห้องน้ำชาได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว แต่ก็ยังไม่เจอท่านพี่เลยแม้แต่ครั้งเดียว
ในวันที่แปดของการทำงาน ฉันก็ถูกเรียกตัวไปให้ช่วยงานน้ำชาในห้องอื่น ปกติห้องเล็กจะมีคุณเมดประจำสามคน ห้องใหญ่มีหกคน แต่เพราะคุณเมดในห้องใหญ่ห้องหนึ่งเกิดป่วยกระทันหัน เมดรุ่นพี่เลยเรียกฉันให้ไปช่วยงาน ตามธรรมเนียมของการเปิดห้อง พวกเราจะต้องไปยืนต้อนรับแขกผู้มาเยือนคนแรกของห้อง เผื่อว่ามีเมดคนไหนที่เจ้านายไม่ชอบหน้า จะได้เปลี่ยนคน
ทำงานวันแรกก็แจ็กพ็อต เพราะแขกของฉันคือ ไมฮามะ เอมะ
ดูเหมือนเธอเองก็จะรู้จักคิโชวอิน เรย์กะ ดีมากเช่นกัน
ในตอนแรกไมฮามะไม่ได้สนใจเมดอย่างฉัน แต่พอฉันถอนสายบัวเดินผ่านเธอ เธอก็จ้องหน้าฉันเขม็ง ก่อนจะอุทานอย่างตกใจ
“เธอ...คิโชวอิน เรย์กะ??!”
ฉันก้มหน้าแต่ไม่ได้ตอบอะไร ไมฮามะสั่งให้ฉันคุกเข่าต่อหน้าเธอ ก่อนจะจับคางของฉันไว้ แล้วเชยขึ้นมองหน้าฉันอย่างสงสัย กลิ่นน้ำหอมฉุนกึกของเธอทำให้ฉันต้องกลั้นหายใจ
ถ้าเป็นในยุคกลางที่คนไม่ชอบอาบน้ำ เสื้อผ้าไม่ซัก ไม่มีระบบประปาและระบบระบายน้ำที่ดี การใส่น้ำหอมกลิ่นฉุนเพื่อดับกลิ่นตัวนั่นฉันก็พอเข้าใจได้อยู่ แต่คนที่นี่อาบน้ำค่อนข้างบ่อย พอมาใส่น้ำหอมกลิ่นฉุน ๆ แบบนี้ก็รู้สึกเหมือนคนดมจะตายก่อนได้ทันเข้าใกล้
ในตอนที่ฉันคิดว่าจะแกล้งทำเป็นคุณเมดธรรมดา ประตูก็เปิดออก ไมฮามะ เอมะ ตาเป็นประกายเมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามา
“ท่านคาบุรากิคะ มาช่วยฉันดูหน่อยเถอะค่ะว่าเมดคนนี้หน้าตาเหมือนใคร”
ฉันชะงัก เมื่อมองคาบุรากิ วาคาบะจัง เอ็นโจ ท่านพี่ และท่านอิมาริเดินเข้ามา จริงอยู่ที่ฉันคาดหวังว่าจะได้เจอกับท่านพี่ แต่ไม่ใช่ตอนที่อยู่ต่อหน้าคนอื่นแบบนี้
.....
กรี๊ดดดดด พวกแกโหวดดาร์กเรอะ!; น้ำตาจะไหลว้อยยยย สงสารเจ้าแม่
>725 โนวววว T^T
A&A - 22.
“ไมฮามะ อย่าทำเสียงเอะอะหนวกหู น่ารำคาญจะตาย” คาบุรากิก็ยังคงเป็นคาบุรากิ
แต่ไมฮามะไม่ได้ปล่อยให้ตัวเองหน้าบูดบึ้งเพราะถูกตำหนิ เธอจับคางของฉันแล้วหมุนให้หันไปทางประตู ทำราวกับว่าฉันเป็นตุ๊กตาที่หัวหมุนไปมาได้อย่างอิสระ ฉันแอบโมโหเธอ แต่แสดงออกทางสีหน้าไม่ได้ ได้แต่หรุบตาต่ำมองพื้นเท่านั้น
“จะดูไป—“ คาบุรากิพูด ก่อนจะชะงัก เขาเดินมาหยุดต่อหน้าฉัน ฉันมองไม่เห็นสีหน้าเขา เห็นแต่รองเท้าหนังมันปลาบ “เธอมาอยู่ในนี้ได้ยังไง” พอฉันเงียบ เขาก็ทำเสียงเหี้ยมเกรียมขึ้นไปอีก “ตอบ”
ฉันที่ทนรับแรงกดดันไม่ได้ก้มหัวต่ำ แล้วตอบไปตามตรง “ฉันช่วยงานเมดที่นี่ค่ะ”
”แล้วเธอมาอยู่ในวังนี้ได้ยังไง” คาบุรากิพูดเสียงเย็น ปกติแล้วเขาค่อนข้างจะเป็นคนหัวร้อน ฉันไม่ค่อยเห็นเขาตอนที่ทำตัวเย็นชาหนัก ๆ แบบนี้ แม้กระทั่งกับพวกผู้หญิงที่ทำเสียงหนวกหูเวลารุมล้อมเขา
“ฉันให้เข้ามาเองแหล่ะ” เอ็นโจแทรกขึ้นมา “เธอป่วยหนักจนเกือบตายในแท่นบูชาร้างเพราะไม่มีฟืนใช้ หัวหน้าองครักษ์ของนายไปเจอเข้า ฉันเลยบอกให้เอาตัวมารักษาในสถานพยาบาล โทษที ตอนที่เคาะห้องนายจะถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ นายตะโกนออกมาว่าให้ฉันตัดสินใจไปเองเลย ฉันเลยตัดสินใจไป”
คาบุรากิทำเสียงเหมือนจะโวยวาย แต่แล้วก็ตะกุกตะกัก แล้วเงียบไปที่สุด “แล้วอย่างเธอเนี่ยนะ เป็นเมด?”
ฉันไม่ตอบ ทว่ามีคนตอบแทน
“เด็กคนนี้เป็นเมดที่ขยันขันแข็งมากเลยทีเดียวนะคะ แค่สองสัปดาห์ เธอก็ขัดห้องน้ำได้หมดทั้งปราสาท ฉันเลยให้มาช่วยงานในห้องน้ำชาค่ะ เผื่อว่าจะถูกใจเจ้านาย”
คนพูดขึ้นมาเป็นเมดรุ่นพี่ที่เรียกตัวฉันมาใช้ที่ห้องนี้ ฉันเหลือบตามองสีหน้าเยาะเย้ยของเธอ เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองโดนจับโชว์ละครลิง ดูเหมือนว่าเธอจะรู้ว่าวันนี้คาบุรากิจะมาที่ห้องนี้ เลยเรียกตัวฉันมาให้พวกเขากลั่นแกล้ง
ในห้องน้ำชาเงียบจนได้ยินเสียงหายใจ ฉันพยายามไม่แสดงสีหน้าอะไรทั้งนั้น
“เธอ...ขัดห้องน้ำ?” คาบุรากิถามฉัน ทำเสียงเหมือนไม่อยากเชื่อ ฉันพยักหน้า เพราะฉันก็ทำมันจริง ๆ
ทั้งห้องเงียบไปอีกพักใหญ่ จนกระทั่งท่านอิมาริเอ่ยปากขอน้ำชา คุณเมดรีบกุลีกุจรไปเตรียมน้ำชาให้ ไมฮามะ เอมะ ปล่อยหน้าฉัน ก่อนจะไล่ให้ฉันไปยกชามาเสิร์ฟให้เธอ
ฉันเข้าไปในห้องด้านหลัง ทันทีที่เข้าไป ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของคุณเมด พอฉันเดินเข้าไปจะเตรียมชงชา เธอก็เดินสวนออกมา ใช้ไหล่กระแทกตัวฉันจนฉันเซ
ฉันทำเป็นไม่สนแล้วเดินเข้าไปเตรียมกาน้ำชา ก่อนจะยกออกมาเสิร์ฟให้กับไมฮามะ ส่วนคนอื่น ๆ ทยอยยกชาเสิร์ฟเช่นกัน พอฉันเสิร์ฟเสร็จ ไมฮามะก็ยกชาขึ้นจิบ แล้วบ่นฉันว่าน้ำชาร้อนเกินไป
เพราะรู้ดีว่าเธอแกล้งฉัน ฉันเลยแค่ขอโทษแล้วยกชากลับเข้าไป พอเติมน้ำเย็นแล้วยกออกมา ไมฮามะก็บอกว่าชาจืดไป
ฉันเดินวนกลับเข้าไปชงให้เธออีกรอบ คราวนี้ชงน้ำร้อนครึ่งกา แล้วเติมน้ำเย็นลงไปอีกเล็กน้อย พอเอาออกไปให้ด้วยสีหน้าแบบพนักงานบริการของญี่ปุ่นที่ดูกระตือรือล้นแม้ว่าคำสั่งที่ได้รับจะงี่เง่าขนาดไหน ไมฮามะก็ทำหน้าบึ้ง สุดท้ายจึงยอมดื่มชาแต่โดยดี ฉันถอยเข้าห้องด้านหลัง แล้วเตรียมขนมให้กับเธอ
ไม่รู้ว่าเรย์กะคนก่อนเคยรังแกคุณเมดเอาไว้เยอะหรือไง ดูเหมือนว่าเธอจะแค้นฉันมาก นอกจากจะทำให้ฉันขายหน้าแล้ว เธอยังแกล้งทำเป็นมือลื่นสาดน้ำใส่ฉัน นอกจากฉันจะเปียกหัวจรดเท้าแล้ว ขนมที่อุตส่าห์เตรียมไว้ก็ยังเปียกจนต้องเตรียมอีกครั้ง
“อุ๊ย มือลื่น ขอโทษด้วยนะจ๊ะ” ยัยเมดที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับฉันทำเสียงระริกระรี้ ราวกับว่าวิธีการกลั่นแกล้งงี่เง่าจะส่งผลอะไรกับฉันอย่างนั้นแหล่ะ อันที่จริงถ้าเป็นตัวฉันชาติก่อน ก็คงจะรู้สึกเฟลมาก แต่ในตอนนี้ฉันกลับรู้สึกว่ามันไร้สาระ
ฉันหันไปยิ้มให้กับเธอ “ซุ่มซ่ามขนาดนี้ระวังอยู่รับใช้ในห้องน้ำชาไม่ได้นานนะคะ”
เมดรุ่นพี่คนนั้นหน้าตึง ก่อนจะยิ้มแสยะ “นี่เธอคิดว่าตัวเองยังคงเป็นท่านคิโชวอิน เรย์กะ หรือยังไง ก็แค่ผู้หญิงที่โดนเจ้าชายถอนหมั้น ถูกลดชั้นให้กลายเป็นนักโทษเท่านั้น ยังกล้าปากดีอีกเหรอ”
หากว่ากันตามลำดับชั้นจริง ๆ ฉันก็สถานะสู้เธอที่เป็นเมดชั้นสูงลูกสาวขุนนางไม่ได้ แต่เธอคงลืมไปว่าคิโชวอิน เรย์กะ ถึงจะเป็นนักโทษ แต่ก็มีอดีตเป็นบุตรีดยุกผู้คบหาชนชั้นสูง อยู่ในดงอสรพิษมาอย่างโชกโชน ถึงฉันจะไม่ใช่เรย์กะ แต่ก็เคยอยู่ในวงสังคมที่ต้องลับฝีปาก บลัฟกันด้วยบารมีเช่นกัน
“จริงอยู่ที่ฉันไม่ใช่คิโชวอินแล้ว และตอนนี้ฉันเป็นแค่นักโทษ” ฉันก้าวเข้าไปประชิดเธอ ก่อนจะกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงเหมือนที่เอ็นโจชอบใช้ในโลกก่อน “แต่อย่าคิดนะคะว่าฉันจะอยู่ในตำแหน่งนี้ตลอดไป ก่อนหน้านี้ฉันอยู่ในแท่นบูชาร้าง แม้แต่ก้าวขาออกมาซักครึ่งก้าวก็ยังมีความผิด แต่ในตอนนี้สามารถอาศัยในปราสาทได้อย่างเปิดเผย ในอนาคตใครจะรู้ว่าฉันจะอยู่ตรงไหน”
เมื่อถอยออกมา ก็พบว่ารุ่นพี่เมดคนนั้นตัวสั่น พวกพ้องของเธอถอยหลังราวกับจะออกห่างจากฉันให้มากที่สุด สีหน้าของพวกเธอมีแวววิตกกังวล
ฉันบิดน้ำออกจากชุดให้ได้มากที่สุด แล้วจัดขนมจานใหม่ออกไปเสิร์ฟ
พอฉันออกไป ไมฮามะก็บ่นจนกระทั่งเธอหันมาเห็นฉัน
“เธอไปตกกาน้ำชามารึไง” ไมฮามะทำเสียงรังเกียจ เธอไม่แตะต้องขนมที่ฉันยกไปเสิร์ฟ ทว่าหันไปคุยในวงสนทนาต่ออย่างสนุกสนาน
ฉันลุกขึ้นแล้วจะถอยกลับไป พอเหลือบมองใบหน้าของท่านพี่ ก็เห็นว่าเขาไม่มองมาทางฉันเลยแม้แต่น้อย
ในอกของฉันเหมือนมีรูกลวงโบ๋ ฉันก้าวถอยหลังจะหลบไปยังห้องด้านใน ทว่าจู่ ๆ ท่านอิมาริก็ยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้ ฉันรับโดยไม่ได้ขอบคุณเขาด้วยซ้ำ แล้วเดินถอยไป
ตอนที่ฉันเดินเข้าไป คุณเมดมองฉันแต่ไม่ได้แกล้งหรือหัวเราะอีก ฉันมองน้ำที่หยดติ๋งลงจากคาง เพิ่งสังเกตว่าน้ำที่ไหลอาบแก้มหยดลงเบื้องล่างนั้นคือน้ำตา
ตั้งแต่ทะลุมิติมาโลกนี้ ฉันก็ไม่เคยได้รับรู้ถึงความทรงจำของเรย์กะเลยแม้แต่น้อย แต่ในคืนนั้นฉันฝัน ฝันถึงตอนที่เรย์กะยังเป็นเด็กเล็ก ๆ เธออยู่ในชุดกระโปรงสีสดใส มีหมวกบอนเนตต์ใบใหญ่ประดับดอกไม้สวมอยู่บนหัว ในวันนั้นมีแดดอ่อน ๆ หลังจากที่ฟ้าปิดมานานหลายเดือน เธอจึงออกไปเดินเล่น ด้านหลังมีคุณเมดเดินตาม ส่วนด้านข้างของเธอคือพี่ชายผู้ยังไม่เข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เขาดูน่ารักหล่อเหลาในชุดเสื้อโค้ทสีดำหางยาว มือจูงน้องสาวตัวน้อย เมื่อเห็นเธอมองเขา เขาก็ยิ้มให้กับเธอ
‘ท่านพี่คะ ดูนั่นสิคะ’ เด็กหญิงพูดด้วยเจื้อยแจ้ว ไม่สู้ชัดเจนเท่าไหร่เพราะเพิ่งหัดพูดได้ไม่นานนัก เธอชี้ไปยังนกที่จิกผลไม้เล็ก ๆ บนพื้น สลัดมือจากพี่ชายแล้ววิ่งเข้าไปหามัน
นกสีเทาคาดฟ้าบินขึ้นด้วยความตกใจเมื่อเด็กหญิงวิ่งเข้าไป ใบหน้าของเธอมีแววเสียดายเมื่อนกน้อยบินหนีไป พอพี่ชายที่เดินตามมาเห็นเข้า ก็ยิ้มอ่อนแล้ววางมือลงบนบ่าเล็ก ๆ บอกกับเธอว่าหากเธอโตขึ้นมากกว่านี้อีกหน่อย เขาจะพาเธอไปดูรังกระต่าย
เรย์กะตาเป็นประกายทันทีที่ได้ยินพี่ชายเล่าถึงสัตว์ตัวเล็กหูยาวขนปุกปุย เธอเฝ้าแต่ถามเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในยามค่ำคืนยังหนีพี่เลี้ยง สู้ฝ่าทางเดินมืดทึบน่ากลัวมายังห้องของเขา แอบปีนขึ้นเตียงเพื่อถามเขาว่าเมื่อไหร่เธอถึงจะโตพอได้ไปดูกระต่าย ท่านพี่ของเธอได้แต่ถอนหายใจ แล้วกล่อมเธอด้วยนิทานก่อนนอนแทน
ตอนที่ฉันตื่นขึ้นมา ในอกยังรู้สึกอบอุ่นด้วยภาพน่ารักสงบสุขนั่น ทั้งที่ตอนเด็กเรย์กะกับพี่ชายของเธอสนิทกันเพราะท่านพ่อกับท่านแม่มัวแต่ยุ่งอยู่กับภารกิจของตนเอง ทิ้งให้ท่านพี่และเรย์กะอยู่ด้วยกันสองคนกับคุณเมดและคุณพี่เลี้ยงแท้ ๆ แต่ทำไมตอนนี้ท่านพี่ถึงได้หมางเมินเธอเหลือเกิน
ความผิดที่เรย์กะทำลงไปมันเลวร้ายถึงขนาดที่ท่านพี่ของเธอทิ้งให้เธอเผชิญกับชะตากรรมโดยไม่แยแสเลยงั้นหรือ ฉันจ้องมองห้องที่ตกแต่งหรูหรากว่าห้องนอนในแท่นบูชาร้าง หากทว่าไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย เพราะแม้ว่าท่านพี่คนนี้จะไม่ใช่ท่านพี่แท้ ๆ ของฉัน แต่พอเห็นสีหน้าท่าทางของเขา ก็รู้สึกเจ็บปวดจนเหมือนจะทนไม่ได้
ฉันไม่รู้ว่าความเจ็บปวดนี้เป็นของฉัน หรือเป็นของเรย์กะที่ถูกพี่ชายสุดที่รักตัดเยื่อใยกันแน่ หากแต่จะสำคัญด้วยหรือ ในเมื่อตอนนี้พวกเราเป็นคน ๆ เดียวกัน
.....
อีเหี้ยยยยยย ใครโหวตดาร์กกกกกก จิตใจอันบอบบางของกู T-T
กูชอบนะ แต่เล่นประเด็นครอบครัวแล้วเศร้าว่ะ แม่ง ท่านพี่ยยย โฮฮฮฮฮ
กูยังหวังว่าหวังว่าปลายทางจะมีแสงสว่าง...
โอยยยย โดนท่านพี่เมินนี่ ดาเมจแรงมาก ปวดใจแทนท่านเรย์กะเลยอ่ะ T^T
ท่านพี่ ท่านพี่โลกเรย์กะช่วยทะลุมิติมามิตินี้ช่วยเรย์กะหน่อยเถ้ออ
>>735 กูเอง 🙋🙋🙋🙋🙋
อ่านตอนนี้แล้วก็แปลก ๆ ว่าทำไมเรย์กะนางจำเรื่องราวของยุคนี้ไม่ได้เลย หรือว่ามันจะมีอะไรทีทำให้ท่านบ้านคิโชวอินตัดขาด
แต่เมินกันขนาดนี้ อยากให้พอปรับความเข้าใจได้แล้ว เรย์กะกลับโลกเดิมไปหาท่านพี่ซิสคอนจังโว้ย แล้วปล่อยให้ท่านพี่ยุดกลางระทมไปเลย
โฮรววว ท่านพี่เมิน ดาเมจรุนแรงมาก ท่านพี่เป็นซิสค่อนแท้ๆ ทำไมเย็นชาได้ขนาดนี้คะะะะ
ท่านพรรรรี่ แงงงงงง
A&A - 23.
หลังจากวันนั้น ฉันก็ขอย้ายกลับไปขัดห้องน้ำ มารีเข้ามาขอโทษฉัน ดูเหมือนเธอจะรู้แล้วว่าฉันโดนรุ่นพี่ในห้องน้ำชากลั่นแกล้ง ในวันนั้นพวกเราขัดห้องน้ำกันเงียบ ๆ ถึงแม้จะเหนื่อย แต่ก็ทำให้หลับได้สนิทในตอนกลางคืน
ในตอนเช้าตรู่ของวันหนึ่ง ห้องของฉันก็ถูกเคาะ ฉันที่เพิ่งแต่งชุดเมดเสร็จกำลังจะเตรียมออกไปทำงานเปิดประตู แล้วก็พบกับมิซึซากิในชุดธรรมดาที่ไม่ใช่เกราะอัศวินยืนอยู่หน้าห้อง
พอเห็นฉัน เขาก็ทักด้วยสีหน้าลำบากใจ
“อรุณสวัสดิ์”
ฉันตอบอรุณสวัสดิ์กลับไป เขามองฉันอยู่พักหนึ่ง แล้วก็ก้มหัวขอโทษฉัน บอกว่าเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าฉันถูกใช้ให้ไปทำงานขัดห้องน้ำ
“ฉันเลือกที่จะทำเองค่ะ” ฉันบอกนายตัวสำรอง “ยังไงก็ต้องมีคนทำความสะอาดห้องน้ำอยู่แล้ว การได้อยู่ในราชวังในเวลานี้ถือเป็นความกรุณาของท่านเอ็นโจที่คุณอุตส่าห์ไปขอร้องมาให้ งานอาจจะเหนื่อย แต่อย่างน้อยห้องนอนก็อุ่นมาก ไม่ได้ลำบากอะไรขนาดนั้นหรอกค่ะ”
นายตัวสำรองยังคงมีสีหน้ารู้สึกผิด ราวกับว่าเขาเป็นคนสั่งให้ฉันขัดห้องน้ำเอง “วันนี้ฉันว่าง ฉันจะช่วยเธอขัดห้องน้ำ” เขาบอก แม้ว่าฉันจะปฏิเสธ แต่เขาก็ยืนยันที่จะช่วย บอกว่าการทำให้ที่พักอาศัยสะอาด คือเป็นกฏของอัศวิน และตอนนี้เขาก็พักในวัง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องเหมาะสมที่จะทำ
พอฉันพาเขาไปหามารี มารีก็มองฉันสลับกับมองนายตัวสำรอง แล้วถามฉันว่าเธอจะออกกะได้ไหม เพราะวันนี้คนรักของเธอไม่ได้เข้ากะ ถ้าฉันมีคนช่วยแล้ว เธอจะหาเวลาไปเที่ยวกับคนรักของเธอ แล้ววันหลังเธอจะเข้ากะแทนฉันอย่างแน่นอน
ฉันตกลง แต่บอกเธอว่าไม่ต้องเข้ากะแทนฉัน บอกให้เธอไปเที่ยวกับคนรักให้สนุกก็พอ
เพราะมิซึซากิช่วย ฉันเลยพาเขาไปขัดห้องน้ำชาย มิซึซากิช่วยฉันอย่างเต็มแรง เขาขัดห้องน้ำได้เร็วกว่าฉันและมารีมาก เร็วจนกระทั่งพวกเราขัดเสร็จก่อนเวลาที่กำหนด ฉันเลยพาเขาไปขัดห้องน้ำอีกชั้นหนึ่ง กว่าพวกเราจะออกกะ ก็เกินเวลามามาก
แยกย้ายกันอาบน้ำเสร็จแล้วฉันก็ไปรับอาหารในโรงครัวส่วนของมารีมาให้เขา พวกเรานั่งกินมันฝรั่งบดใส่แครอทกันในที่ระเบียงแห่งหนึ่งที่มองเห็นเห็นวิวที่งดงามของเมืองในยามเย็นซึ่งถูกปกคลุมด้วยหิมะ
“เธอ...ไม่เหมือนที่ใคร ๆ เคยเล่าให้ฉันฟัง ขอโทษด้วยนะที่ตัดสินเธอจากคำพูดของคนอื่น” มิซึซากิพูดขึ้นมาในระหว่างที่พวกเรานั่งกินมื้อเย็นกันอยู่
ฉันมองเมืองที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ “ฉันเคยทำเรื่องแย่ ๆ เหล่านั้นจริง ๆ ค่ะ ท่านมิซึซากิ”
มิซึซากิทำหน้าเหมือนไม่มั่นใจ “เธอเป็นคนดี”
ฉันหันมายิ้มให้กับเขา แต่ไม่ได้พูดอะไร
แม้จะรู้สึกดี แต่ในใจของฉันคิดเพียงว่า ถ้าท่านพี่เป็นคนพูดคำนั้น ฉันจะดีใจเพียงไร
.....
หวี้ดดดดด------- อ๊ากกก พายพายพาย กรี๊ดดดดดดด มันไม่รู้จะหวี้ดยังไงแล้ว แต่นายดีมาก นายมันเลอค่าจริงๆ ฮรึกฮรือ ช่วยให้ท่านเรย์กะได้ซบอกนายด้วยเถอะนะ //ซับน้ำตา
กรี๊ดดด เรือแล่น ดีจัย แท้งกิ้วโม่งฟิก
โอ๊ยยยยยยย เรือมิซึซากิแล่นแล้วค่าคุณ!!! แอบหย่อนชิ้นส่วนร่างไว้เรือนี้แต่นอกจากโมเม้นท์น้อยแล้วฟิคยังแทบไม่มี ขอบคุณโม่งฟิคมากฮือออ
นี่สินะความดีงามของนายตัวสำรอ----มิสึซากิคุงงง ฟิกนี้ต้องสละจากฉายานี้ได้ล่ะนะะะะ
เออออ แล้วฟิคนี้มิสึซากิ จะแอบชอบวาคาบะอยู่เปล่าวะ กูยังไม่เห็นโมเมนต์ดีๆ ของสองคนนี้เลย จะว่าไปไม่เห็นรูทที่วาคาบะโผล่มาด้วยซ้ำ....
เรย์กะเธอเลิกพร่ำเห้อถึงพี่ชายเถอะ หมอนั่นเป็นแค่คนหน้าเหมือนแต่ไม่ใช่พี่ชายจริงๆของเธอ
เข้มแข็งมากกว่านี้ได้แล้ว เธอต้องสู้ต่อไปนะ
ท่านรัชทายาททททททททททททททททททททททททททททททททททททททท♥♥♥
นี่ไม่ใช่ท่านพี่คนเดิมท่านเรย์กะนี่แค่คนหน้าเหมือนเมินได้เมินเลยค่ะ😂😂
พวกมึงทำแบบนี้ได้ยังไง ท่านพี่อาจมีปมในใจก็ได้นะเว้ย อย่าพึ่งงอนท่านพี่ดิวะ ความโกรธของเหล่าโม่งช่างน่ากลัว
ท่านพี่กับทานุกิอาจจะกำลังวางแผนกบฏเพื่อเอาคืนคาบุทบต้นทบดอกก็เป็นได้... เลยต้องทำนิ่งเฉยไว้ก่อน //ยังมีความหวัง
กุว่าท่านเรย์กะ กับมิซึซากิ นี่แหละปฏิวัติแมร่งเลย สู้ๆๆๆ
A&A - 24.
มารีพยายามถามเรื่องความสัมพันธ์ของฉันกับนายตัวสำรอง แต่พอฉันปฏิเสธจริงจัง เธอก็ทำหน้าเสียดาย
“ท่านมิซึซากิเป็นหัวหน้าองครักษ์ที่ขนาดสตรีชั้นสูงยังหมายตาเลย แต่เอาเถอะ ผู้ชายอนาคตไกลขนาดนั้นมีหรือจะมาสนเมดแบบพวกเรา”
ฉันพยักหน้าเออออตามเธอไป เพราะว่าห้องน้ำถูกวนมาขัดรอบสองในเวลาติด ๆ กันกับรอบแรก ดังนั้นเลยใช้เวลาขัดไม่นานนัก ไม่ถึงสัปดาห์ ห้องน้ำทั้งหมดก็ถูกขัดอีกครั้ง และพวกเราก็ถูกย้ายให้ไปทำอย่างอื่น
ฉันถูกย้ายให้ไปทำงานในโรงครัวสำหรับคุณเมด ส่วนมารีถูกย้ายให้ไปปักผ้า
เพราะว่าฉันทำอาหารไม่ได้เรื่อง ก็เลยถูกอัปเปหิจากหน้าเตาให้ขนย้ายสเบียงจากคลังมายังห้องครัวแทน ถึงหุ่นจะหนากว่าสตรีชั้นสูงทั่วไปที่เฉลี่ยรอบเอวแค่สิบเจ็ดนิ้ว แต่ร่างกายของเรย์กะในโลกนี้เอวบางร่างน้อยกว่าคุณเมดมาก ดังนั้นการขนเสบียงของฉันจึงเป็นเรื่องที่ทุลักทุเลกว่าตอนขัดห้องน้ำพอควร
“ทำบ้าอะไรของเธอน่ะ”
ฉันเงยหน้าขึ้นมาจากการไล่เก็บผลมะเขือเทศที่ทำกลิ้งหลุน ๆ ไปตามทางเพราะสะดุดล้มขณะขนของ ก็พบกับคันตะที่แบกกระสอบมันฝรั่ง
พอฉันบอกว่าฉันมาทำงานในวังชั่วคราว แต่เพราะว่าทำกับข้าวไม่ได้เรื่อง เลยโดนไล่ให้มาใช้แรงงานแทน คันตะคุงก็ช่วยฉันแบกถุงมะเขือเทศไปถึงโรงครัว แล้วบอกกับพ่อครัวที่นั่นว่าขอตัวฉันไปช่วยงานในโรงทำขนม พ่อครัวใหญ่ดูจะโล่งใจมากที่คันตะคุงเอ่ยปากออกมา ทำเอาเขาหันมามองหน้าฉันแล้วถามว่าฉันก่อเรื่องอะไรเอาไว้
ฉันบอกเขาว่าฉันแค่ทดลองดัดแปลงอาหาร โดยการใส่เหล้ารัมลงไปในซุปเห็ด แต่ใส่เยอะไปหน่อย แถมใช้ไฟแรงไปนิด ซุปเลยแตกตัวออกเป็นก้อน ๆ ดูเหมือนคราบไขมันลอยฟ่อง ส่งกลิ่นเหล้าน่าเวียนหัว
คันตะคุงเขกหัวฉัน แล้วบอกว่าห้ามเล่นของกินเด็ดขาด เขาจะให้ฉันช่วยงานครัวของเขา แต่ฉันต้องปฏิบัติตามที่เขาสั่งเท่านั้น
การเรียนทำขนมของฉันได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง และฉันก็ได้รู้ว่า ถึงจะเป็นโลกนั้นหรือโลกนี้ คันตะคุงก็ยังคงเข้มงวดเรื่องการทำอาหารเหมือนเดิมไม่มีผิด
.....
เชี่ย กรุเหยียบเรือสองลำนี่แน่นมาก จะนายตัวสำรองก็ดี คันตะคุงก็ดี
ครบปียังวะ ;-;
กูกำลังไล่ตามอ่านอย่างเมามัน ขอบคุณมากโม่งฟิค ความรู้สึกกูผันผวนมากเลย สงสารท่านเรย์กะที่โดนกลั่นแกล้งจริงจัง แล้วก็มาปลื้มกับความดีงามของนายตัวสำรองในชุดผ้ากันเปื้อนถือไม้ขัดส้วม คันตะคุงแม่งก็น่ารักไปอีก ว่าแต่เจ้าแม่มาอยู่โลกนี้ยังเพาะเชื้อแห่งความทำอาหารห่วยได้อีกเหรอวะ...
โอ้ยยย คันตะก็น่ารัก อยากรับเป็นน้องชาย วาคาบะจังจะมาช่วยสอนทำเค้กด้วยไหม แต่ยังเกาะเรือมิซึซากิอยู่นะจ้ะโม่งฟิก
A&A - 25.
”ยัยเบื้อก หั่นให้ชิ้นมันเท่า ๆ กันสิ ไม่งั้นเดี๋ยวเวลาลงไปตุ๋น มันก็นิ่มไม่เท่ากันพอดี ทำใหม่เดี๋ยวนี้เลยนะ ห้ามทำชุ่ย ๆ เด็ดขาดนะ!”
“ค่ะ”
“ตีจนตั้งยอด ตั้งยอด ยัง ยังไม่ตั้ง ตีเข้าไปอีก ถึงมือจะหัก แขนจะหลุด ก็ต้องตีต่อไป!”
“ค่ะ”
“ยัยบ้า ไฟแรงเกินไปแล้ว! ยกขึ้นสูงกว่านี้อีก ห้ามให้โดนไฟโดยตรงเด็ดขาด!”
ในระหว่างที่คันตะดุฉัน ฉันได้แต่ตอบว่า ‘ค่ะ’ เหมือนกับว่าเรายังอยู่ในโลกเก่า เขามองฉันแล้วถอนหายใจ บ่นว่าฉันเป็นลูกขุนนางทำอะไรไม่เป็น
ผลงานที่คันตะคุงจับตามองอย่างใกล้ชิดในที่สุดก็สำเร็จออกมาอย่างงดงาม ฉันชิมเค้กส้มแล้วไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นฝีมือตัวเอง ฉันแอบเพ้อฝันว่าเชฟสาวแสนสวยได้กำเนิดขึ้นแล้ว ในที่สุด ฉันก็ค้นหาวิถีทางของตัวเองพบ ตอนที่กลับไปที่แท่นบูชา ฉันจะให้คันตะคุงช่วยส่งส่วนประกอบในการทำขนมไปให้ จะได้ไม่ต้องกินแต่ขนมปังอีก
เพราะว่าทำเค้กออกมาได้ดี ฉันเลยตัดแบ่งออกมาจะเอาไปให้มารี นายตัวสำรอง และคุณเมดคนอื่นที่ดีกับฉัน มารีกับคุณเมดคนอื่นชิมแล้วก็ชมว่าฉันฝีมือดี สมแล้วที่ได้ไปทำงานในห้องครัว หลังจากคุณเมดในห้องเสื้อได้ชิมแล้ว ฉันก็มาดักรอพวกอัศวินที่เลิกจากลานฝึก
พอพวกเขาเลิก ฉันก็โบกมือให้กับนายตัวสำรอง เขาเดินมาหาฉัน ฉันเลยให้เค้กเขาไปชิมแล้วอวดว่าฉันทำเอง เขาชมฝีมือทำขนมของฉัน แล้วขอบคุณจริงจังซะจนฉันรู้สึกเกรงใจ
หลังจากนั้น ฉันก็เดินไปห้องน้ำชาเพื่อที่จะเอาขนมไปให้คุณเมดที่เคยทำงานในห้องเล็กกับฉันในช่วงเจ็ดวันแรก ทว่าฉันเจอกับพี่น้องเอ็นโจที่เดินออกมาจากห้องน้ำชาห้องหนึ่งก่อน
“คุณพี่เรย์กะ!”
“ยูกิโนะคุง!” ฉันหัวใจเต้นแรงจนแทบจะกระโดดออกจากปากเมื่อยูกิโนะคุงวิ่งมากอดขาฉัน
ใบหน้าน่ารักถูไถไปมากับกระโปรงของฉัน ก่อนที่ดวงตาแป๋วแหววจะเงยขึ้นมาสบ “สายัณห์สวัสดิ์ครับ คุณพี่เรย์กะ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน คิดถึงแทบแย่เลย”
“พี่ก็คิดถึงยูกิโนะคุงเหมือนกันจ่ะ ได้ยินว่าไม่ค่อยสบาย พี่เป็นห่วงแทบแย่” ฉันย่อตัวลงไปหายูกิโนะคุง
พอจานเค้กไปอยู่ระดับสายตา ยูกิโนะคุงก็มองอย่างอยากรู้อยากเห็น “คุณพี่เรย์กะกำลังจะพักทานน้ำชาหรือครับ?”
ฉันยิ้มหวาน แล้วลูบ ๆ หัวยูกิโนะคุง อา ช่างน่ารักเยียวยาอะไรเช่นนี้นะ เห็นยูกิโนะคุงแล้วฉันรู้สึกเหมือนอยากมีลูกขึ้นมาทันที “เปล่าจ่ะ พอดีพี่ทำเค้กได้อร่อย ก็เลยกะว่าจะเอาไปแบ่งคนอื่นชิม”
ยูกิโนะคุงมองฉันแล้วทำท่ากระมิดกระเมี้ยน “ถ้ามีเหลือ แบ่งให้ผมชิมได้ไหมฮะ?”
”ได้สิจ๊ะ” ฉันบอก รู้สึกยินดีมาก ๆ ที่ได้แบ่งขนมให้ยูกิโนะคุงชิม เพราะคราวก่อนตอนที่เขาเอาขนมมาให้ ฉันไม่มีอะไรตอบแทนนอกจากนิทาน “เดี๋ยวพี่จะเอาไปให้คุณเมดประจำห้องจัดให้ทานกับน้ำชา ว่าแต่ยูกิโนะคุงเพิ่งออกมาจากห้องน้ำชา จะกินขนมของพี่ลงไหมเอ่ย ถ้ากินไม่ลง เอาไว้ตอนเย็นก็ได้นะ”
“ทานตอนนี้เลยฮะ” ยูกิโนะคุงบอกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะทำหน้าออดอ้อน “คุณพี่เรย์กะไปดื่มน้ำชาด้วยกันนะฮะ”
ฉันอยากจะกอดยูกิโนะคุงไว้แน่น ๆ แล้วหอมแก้มเขาหลาย ๆ ที แต่เพราะในตอนนี้สถานะพวกเราต่างกันมาก อีกอย่างเอ็นโจก็ดูอยู่ด้วย ดังนั้นเลยแค่ลูบหัวเขา “ขอโทษด้วยนะจ๊ะ พี่ไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ ยูกิโนะคุงคงต้องทานขนมกับพี่ชายสองคนแล้วล่ะ” ความจริงแล้ววันนี้ฉันว่างเลยออกมาลอยชายแจกขนมได้ แต่เพราะว่าเมดไม่ได้รับอนุญาตให้ดื่มน้ำชากับเจ้านาย เลยปฏิเสธไป
สีหน้าเศร้าสร้อยของยูกิโนะคุงทำเอาฉันรู้สึกปวดใจ ”แค่แป๊บเดียวเอง ผมไม่ได้เจอคุณพี่เรย์กะตั้งนาน อยากจะฟังนิทานอีก แค่แป๊บเดียวไม่ได้เหรอฮะ”
หัวใจของฉันสั่นไหว แต่กฏก็คือกฏ ฉันไม่ค่อยอยากแหกกฏพาตัวเองไปสู่ธงมรณะในเช็คพอยต์ที่สองเท่าไหร่ เลยต้องทำใจแข็ง “พี่ยังมีงานต้องทำ ถ้าโดดงานก็จะต้องถูกดุ...”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นผมจะช่วยพูดกับหัวหน้าของคุณเอง เท่านี้ก็คงไม่มีปัญหาแล้วสินะครับ” เอ็นโจพูดแทรกขึ้นมา ยูกิโนะคุงร้องเย้ แล้วทำท่าดีใจใหญ่ ฉันเลยต้องตามพวกเขาเข้าไปในห้องน้ำชาอย่างปฏิเสธไม่ได้อีก
.....
กูว่าคนที่ดีกับท่านเรย์กะเสมอต้นเสมอปลายไม่ว่าโลกไหนๆ ก็ยูกิโนะนี่แหละ
นายตัวสำรองนี่ไม่รู้ว่าในโลกการ์ตูนจะดีกับท่านเรย์กะไหม เพราะโลกนั้นเป็นศัตรูกับวาคาบะ
ยูกิโนะคุงดีต่อใจเหลือเกินน😊😊
A&A - 26.
โชคดีที่ห้องซึ่งสองพี่น้องเอ็นโจเดินเข้าไปเป็นห้องที่ฉันเคยทำงาน ฉันคุยกับคุณเมดเพื่อนร่วมงาน พอเธอรู้ว่าจะได้รับใช้พี่น้องเอ็นโจก็กระตือรือล้น บอกฉันว่าเธอจะชงชาสุดฝีมือ และไม่เผยแพร่ความลับครั้งนี้ออกไปเด็ดขาด
ยูกิโนะคุงนั่งลงบนม้านั่งข้าง ๆ ฉันแล้วพูดเจื้อยแจ้ว ฉันฟังเขาพูดถึงนิทานที่ฉันเขียนให้เขาอ่าน ยูกิโนะคุงชอบนิยายทุกเรื่อง “ผมอ่านเรื่องราพันเซลแล้วก็นึกถึงท่านพี่เรย์กะเลยฮะ ซักวันนึงตอนที่ผมโตขึ้น ผมจะพาท่านพี่ออกมาจากหอคอยให้ได้เลย”
“งั้นเหรอจ๊ะ งั้นพี่จะคอยนะ” ฉันรับมุขไป คนอื่น ๆ บอกว่าฉันเป็นแม่มด แต่ยูกิโนะกลับมองฉันว่าเป็นสาวงามผู้ตกอับ ช่างเป็นเด็กดีอะไรอย่างนี้นะ
“ผมจะรีบโตนะฮะ ท่านพี่เรย์กะห้ามหมั้นหมายกับใครไปก่อนนะฮะ ถึงจะมีผู้ชายมาต่อแถวขอความรัก ก็ต้องปฏิเสธไปทั้งหมดนะ”
ฉันหัวเราะกะเรี่ยกะราด ฉันที่ถูกจองจำในแท่นบูชาร้างทั้งชีวิตคงไม่มีโอกาสนั้น แต่ก็ไม่ได้ทำลายบรรยากาศโดยการบอกความจริงไป “เอ...แต่พี่ชอบผู้ชายอ่อนโยน ใจดี แล้วก็ตัวสูง ยูกิโนะคุงจะโตขึ้นมาตัวสูงไหมจ๊ะ?”
ยูกิโนะคุงทำท่าคิด ก่อนจะพยักหน้า “ผมจะโตขึ้นมาตัวสูง ๆ สูงให้มากกว่าท่านพี่เลยฮะ”
“แต่นายไม่ชอบกินผักนี่ เนื้อก็ไม่ค่อยชอบกิน เวลาให้กินข้าวก็ไม่ยอมกิน จะเอาแต่กินขนม แบบนั้นสูงสู้พี่ไม่ได้หรอก” เอ็นโจได้ทีก็เข้าร่วมวงหาทางกล่อมน้องชายทันที “นายเลือกกิน ก็เลยโตช้ากว่าคนอื่น มีหวังโดนผู้ชายที่ตัวสูงกว่าตัดหน้าแน่ ๆ”
”เอ๋??” ยูกิโนะคุงทำจมูกย่น สีหน้าเหมือนกำลังต่อสู้กับความขัดแย้งในใจตนเอง “นอกจากผมกับท่านพี่แล้วก็ห้ามชอบคนอื่นอีกเด็ดขาดนะฮะ ผมจะทานผักกับเนื้อทุกมื้อ จะได้โตไว ๆ คุณพี่เรย์กะห้ามหนีไปแต่งงานกับคนอื่นนะฮะ!”
แม้คำพูดนั้นจะแหม่ง ๆ แต่ฉันก็พยักหน้ารับคำเอาใจยูกิโนะคุงไป
พูดเราพวกคุยกันอย่างสนุกสนานจนกระทั่งถึงเย็น ยูกิโนะคุงก็ทำท่าเริ่มง่วง แต่เขาดื้อดึงไม่ยอมไปนอน เอ็นโจเลยขู่ว่าเด็กที่ไม่นอนก็จะไม่โต ยูกิโนะคุงเลยยอมกลับไปนอน แต่ขอร้องให้ฉันมาเล่นกับเขาอีกในเวลาว่าง ฉันรับปากยูกิโนะคุงว่าถ้ามีวันลาหยุดอีก จะมาเล่นกับเขาอย่างแน่นอน
หลังจากให้คุณพี่เลี้ยงไปส่งยูกิโนะคุงเข้านอน เอ็นโจก็ยืนยันกับฉันว่าจะพาฉันไปส่งห้อง เผื่อว่าระหว่างทางฉันเจอเจ้านาย จะได้ไม่ถูกตำหนิ แน่นอนว่าฉันพยายามปฏิเสธ แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องยินยอมให้เขาเดินตามมา
เขาเดินมาส่งฉันที่ห้อง จนกระทั่งถึงหน้าประตู ตอนที่ฉันขอบคุณและบอกลาเขา เปิดประตูจะเข้าไปในห้อง เอ็นโจก็แตะมือลงมาที่ประตู ก่อนจะพูดลอย ๆ ด้วยคำพูดที่ทำให้ฉันตัวแข็ง
“คุณไม่ใช่คิโชวอิน เรย์กะ สินะครับ”
.....
.....โดนจับได้ซะแล้วววว
กรี๊ดดดดดดด.... อย่ามาตัดฟีลกันแบบนี้นะ!! หัวใจอันบอบบางกำลังถูกยูกิโนะคุงเยียวยา อย่าทำแบบนี้นะเฟ้ย อะเฮื้อออ
เอ้า!! เอาแล้วไง สมกับที่เป็นจอมมารจริงๆ ฉลาดทุกเรื่อง
ยกเว้นเรื่องจีบสาว
ในที่สุดก็ตามอ่านจนทัน ใช่ท่านเรย์กะแน่นอน แค่คนละโลกเอ๊งงงง ต่อเรือเพิ่มดีไหมวะ
กรี๊ดดดดดด ไม่ได้เจ้าค่าาา บ่าวลงเรือรัชทายาทไปจะทั้งตัวแล้วววว ท่านจอมมารจะมาต่อเรือตอนนี้ได้ไงค๊าาาา ;;
กรีดร้อง ทำไมฉลาดอย่างเน้~ สมเป็นจอมมาร
ยูกิโนะคุงเป็นกับตันเรือเอ็นโจอีกละ
จอมมารไก่อ่อนฉลาดทุกเรื่องยกเว้นเรื่องความรัก.... เจ้าแม่จะแถไงเนี่ย โอ๊ย ลุ้นนนน ยูกิโนะหนูน่ารักมากกกก
จินตนาการพวกโม่งในนี้นี่พีคสัส ตั้งแตกูไล่อ่านมา ความคิดพวกมึงนี่แบบ... เชี้ย พีคของพีค 555555
เจ้าแม่น่าจะสามารถแถได้แต่อาจไม่เนียนเท่าไหร่ เอ็นโจก็อาจจะทำเหมือนเชื่อเจ้าแม่แล้วค่อยทดสอบต่อไป5555
A&A - 27.
ฉันไม่กล้าหันไปมองสีหน้าของเอ็นโจ ไม่กล้าขยับตัว ไม่กล้าแม้แต่จะสูดลมหายใจลงปอด
ความเงียบเข้าครอบงำ ฉันมองเงาของเอ็นโจที่ทอทับประตูห้อง ร่างกายเหมือนจะไม่ทำตามคำสั่งของสมอง ฉันบังคับให้ตัวเองสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่บังคับไม่ให้สั่น
“ในตอนนี้ฉันเป็นแค่เรย์กะ ไม่ใช่คิโชวอินแล้วค่ะ”
มือที่ยื่นผ่านไหล่ของฉันซึ่งวางทาบบนประตูเคาะนิ้วลงบนนั้น
“คุณน่าจะรู้ว่าผมกำลังพูดถึงอะไร”
ฉันนิ่ง ก่อนจะตอบกลับไป
“ขอโทษด้วยนะคะท่านเอ็นโจ ฉันไม่ทราบว่าท่านเอ็นโจกำลังพูดถึงอะไร”
เสียงหัวเราะที่อยู่ใกล้หูทำให้ฉันรู้สึกขนลุก
“คิโชวอิน เรย์กะ คนที่ผมรู้จักเป็นบุตรีดยุกที่ใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อมากกว่าสตรีผู้ใด เธอผู้ผลาญเงินของดินแดนไปกับเครื่องประดับโอ่อ่าเสียยิ่งกว่าองค์ราชินี เธอรักการแต่งตัวมากกว่าสิ่งใด ผมเกือบจะมั่นใจว่าเธอยอมเปลือยกายเสียยังดีกว่าใส่เสื้อผ้าเนื้อหยาบของผู้ชาย เธอที่เกลียดความสกปรกเข้ากระดูกดำถึงขนาดต้องทิ้งชุดกระโปรงที่ตัดเย็บอย่างปราณีตซึ่งยังไม่เคยได้ใส่ซักครั้ง เพราะเมดทำน้ำชาหกเปื้อนชายกระโปรงเพียงแค่นิดเดียว ผู้หญิงคนนั้นน่ะหรือจะยอมขัดห้องน้ำ เธอที่ใจร้อน ขี้โมโห โง่เง่า กล้าหาเรื่องแม้แต่พระคู่หมั้นของเจ้าชายมีหรือจะยอมให้เมดในห้องน้ำชาสาดน้ำใส่ได้โดยไม่ก่อเรื่องวุ่นวายอันใด”
ฉันพยายามคิดหาข้อแก้ตัว เพราะฉันเคยข้ามมิติไปอยู่ในร่างของคิโชวอิน เรย์กะ ตอนอายุห้าขวบ ซ้ำยังมีความทรงจำของเธอ ดังนั้นคนที่เห็นการเปลี่ยนแปลงมีแต่ครอบครัวของฉันเท่านั้น ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่ได้คิดว่ามันผิดปกติอะไรที่เด็กดื้อคนหนึ่งจะว่าง่ายขึ้น ฉันซึ่งมัวแต่กังวลว่าถ้าก่อเรื่องแล้วจะพาตัวเองไปสู่ธงมรณะที่สองนั้นลืมคิดไปว่า ฉันทะลุมิติมาร่างนี้ในตอนที่คิโชวอิน เรย์กะ ได้แผลงฤทธิ์กับทุกคนแล้วเรียบร้อย พอฉันทำตัวสงบเสงี่ยม บุคคลิกของพวกเราจึงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
“คิโชวอิน เรย์กะ ทำสิ่งที่เธออยากทำได้เพราะเธอคือบุตรีของดยุก แต่ฉันทราบดีว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในสถานะอะไรค่ะ” ฉันตอบออกไปช้า ๆ ราวกับกลัวว่าจะเผลอพูดอะไรผิดออกไป
ฉันนึกถึงสีหน้าเฉยเมยของท่านพี่แล้วเหมือนน้ำตาจะไหลอีกครั้ง ทว่าฉันพยายามกลั้นไว้ เอ็นโจในโลกนี้ไม่เหมือนเอ็นโจในโลกก่อน ฉันจะไม่มีวันร้องไห้ให้เขาเห็นเด็ดขาด
“ผมจะจับตาดูคุณ” เอ็นโจโน้มหน้าลงมากระซิบข้างใบหูของฉัน “วันใดที่คุณก่อเรื่องให้กับมาซายะหรือวาคาบะ ผมนี่แหล่ะจะเป็นคนจัดการกับคุณเอง“
มือและเงาที่ทาบทับบนประตูถอยห่างก่อนที่บรรยากาศกดดันรอบตัวจะเบาบางขึ้นอย่างเห็นได้ชัดตอนที่เอ็นโจเดินจากไป ฉันรีบก้าวเข้าไปในห้อง ปิดประตูเหมือนมีปีศาจตามหลัง ก่อนจะทรุดลงนั่งหน้าประตูด้วยหัวใจที่เต้นกระหน่ำด้วยความกลัว
.....
จอมมารรร แกกลับหมู่บ้านไก่อ่อนไปเลยนะ กูเชียร์ยูกิโนะคุง คันตะคุง มิซึซากิว้อยยยย ไม่ต้องมาทำฉลาดเลยยย *ปาเกลือไล่พร้อมเสิร์ฟชาพีชให้เจ้าแม่
ไม่!! /เหยียบเรือมิสึซากิ เรือคันตะคุงอย่างเหนียวแน่น
อีกนิดเดียวนายก็จะก้าวข้ามบทเพื่อนพระเอกไปเป็นตัวร้ายสายยันแล้วนะ ชูสุเกะคุงงงง ทำไมเป็นคนแบบเนร้ ต้นฉบับก็ออกจะเป็นเจ้าชายผู้อ่อนโยนไม่ใช่เหรอ 5555555555555555555
A&A - 28.
“เธอเป็นบ้าอะไรของเธอน่ะ ถ้าจะเหม่อลอยขนาดนั้น วันนี้ก็ไม่ต้องเข้าครัวอีก!” คันตะคุงดุฉัน ก่อนจะไล่ตะเพิดฉันออกจากครัวอย่างหงุดหงิด ฉันไม่มีแม้แต่อารมณ์จะรู้สึกสลดเลยด้วยซ้ำ เพราะกำลังเครียดอย่างหนักเรื่องที่ถูกเอ็นโจจับได้ว่าฉันไม่ใช่คิโชวอิน เรย์กะ คนเดิมที่อยู่ในโลกนี้
เพราะว่าวันนี้ฉันถูกไล่ออกจากครัว เลยโดนเมดรุ่นพี่ใช้ให้เอาเศษผักไปให้ม้า ฉันแทบกระอักเลือดเมื่อต้องลากถังใส่เศษผักออกมาตัวคนเดียว ระยะทางระหว่างตัวราชวังและคอกม้าไกลกันพอสมควร กว่าจะลากถังหนัก ๆ ไปถึงโรงเลี้ยงม้าได้ ฉันก็เหนื่อยจนพอถึงที่ก็ทรุดลงไปนั่งกับพื้น
“นั่นไง อาหารมาแล้วเบียทริซ ไม่ต้องทนหิวแล้วเน้อ”
ฉันเงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็วเหมือนมีคนเกี่ยวตะขอไว้ที่กลางหัวแล้วดึงขึ้นราวกับตุ๊กตาชักใย ชื่อเรียกสัตว์เลี้ยงแบบนั้น น้ำเสียงแบบนั้น...
อุเมกาวะที่อยู่ในชุดทูนิคกับกางเกงผ้าขาห้าส่วนวิ่งออกมาจากคอกม้า เขาเกือบเหยียบฉันเพราะมัวแต่สนใจถังอาหาร แต่โชคดีที่ฉันกลิ้งหลบได้ทัน
“โอ๊ะ ขอโทษที” อุเมกาวะที่เพิ่งสังเกตเห็นฉันบอกด้วยน้ำเสียงขอโทษที่ไม่จริงจังเลยแม้แต่น้อย “เธอเป็นเมดคนใหม่เหรอ ไม่คุ้นหน้าเลย นี่ ๆ มานี่สิ ฉันจะแนะนำให้รู้จักกับเบียทริซสุดที่รักของฉัน”
ไม่ต้องรอขอความเห็นจากฉัน อุเมกาวะที่ปกติก็ดูเหมือนเด็กอันธพาลแล้วยิ่งดูเหมือนเด็กอันธพาลเข้าไปใหญ่เมื่อเขาลากฉันเข้าไปในโรงเลี้ยงม้าจนกระทั่งฉันหยุดอยู่ตรงหน้าม้าที่มีขนสีน้ำตาล อุเมกาวะทำหน้าระริกระรี้ แล้วแนะนำฉันให้รู้จักกับเบียทริซ โลกก่อนนายอุเมกาวะเป็นคนบ้าหมายังไง โลกนี้ก็เป็นคนบ้าม้าอย่างนั้น ฉันได้ฟังถึงประวัติและวีรกรรมของเบียทริซทั้งแต่มันเกิดจนถึงปัจจุบัน รู้สึกว่าตัวเองพลาดไปแล้วที่ไม่รีบวิ่งหนีไปตอนที่เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นอุเมกาวะ
เพราะต้องฟังเขาพูดยืดยาว ฉันเลยทรุดนั่งลงบนกองฟาง อันที่จริงถึงเขาจะเล่าเรื่องของเบียทริซให้ฉันฟังไม่หยุดจนเข้าขอบข่ายน่ารำคาญ แต่การที่เขาแทบไม่เปลี่ยนไปจากโลกเดิมเลยทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจขึ้นมา
กว่าจะออกจากโรงเลี้ยงม้าได้ก็เกือบเย็น นายอุเมกาวะโบกมือลาฉัน แล้วบอกว่าเขากับเบียทริซถูกชะตากับฉันมาก น่าจะเป็นเพราะว่าผมกับฉันเหมือนกับขนของเบียทริซ เลยบอกให้ฉันลงมาเยี่ยมเขาอีก ถ้าหากว่าเขากับฉันว่างตรงกัน เขาจะสอนวิธีการดูแลเบียทริซให้กับฉัน ฉันบอกเขาว่าฉันไม่ค่อยว่างนัก แต่ถ้ามีเวลา จะลงมาเยี่ยมเขากับเบียทริซ ถึงจะเดินจากมาได้
ในคืนนั้น ฉันหลับลงโดยคิดว่า ถึงตอนนี้จะพยายามแสดงเป็นคิโชวอิน เรย์กะ ก็ไม่ทันซะแล้ว ดังนั้นถึงเอ็นโจจะพยายามเค้นคำตอบ ฉันก็จะบอกเขาไปว่าฉันรู้สึกผิดและกลับตัวกลับใจได้ ฉันไม่สารภาพซะอย่าง เขาจะทำอะไรได้
.....
อุเมกาว้าาาาา ฮรืออออ นายนี่มัน... ดีจริงๆ ! แต่โทษที นายไม่ผ่าน-------
ที่เหมือนกันทั้งสองโลกคือ อุเมวากะแม่งบ้า
โอ้ย อุเมกาวะน่ารัก โลกนี้เปลี่ยนจากบ้าหมาเป็นบ้าม้าเรอะ
นายบ้าหมาเปลี่ยนเป็นนายบ้าม้าซะแล้ว
เห็นภาพอุเมวากะไปซุกไซร้ม้าแล้วพูด "เบียทันยัยปีศาจน้อย ฟัดๆๆๆๆ" เลยว่ะ 555555555555555
สรุป อุเมวากะ หรือ อุเมกาวะ'-'?
A&A - 29.
ในตอนเย็นหลังจากที่เลิกงานจากโรงครัว ฉันก็ไปขอให้มารีช่วยแนะนำวิธีตัดเย็บให้ เนื่องจากการตัดเย็บกางเกงในไม่ยากนัก แต่จะตัดเย็บเสื้อชั้นในนั้นจำเป็นต้องใช้ฝีมือมาก ฉันที่ไม่สามารถใส่คอร์เซ็ตทำงานได้เลยต้องพันหน้าอกมาจนถึงทุกวันนี้เพื่อไม่ให้เกะกะหรือไม่สุภาพเวลาไปในมาไหนในราชวัง
จริง ๆ แล้วถ้าฉันมีทักษะในการวาดภาพ มารีก็คงจะตัดชุดชั้นในออกมาได้ แต่ฉันที่วาดรูปออกมาได้แย่มากจนกระทั่งตัวเองยังต้องขยำทิ้งได้แต่บอกกับมารีปากเปล่า มารีบอกว่าเธอตัดเย็บเป็นแต่คอร์เซ็ต ถ้าฉันอยากจะได้คอร์เซ็ตที่ใส่สะดวกและไม่รัดมาก ก็ตัดเย็บให้เป็นแบบผูกเชือกด้านหน้าและไม่ต้องใส่โครงปลาวาฬก็ได้ การตัดเย็บแบบนั้นทำได้ไม่ยากนัก ซ้ำยังไม่ต้องใช้เงิน เพราะสามารถทำจากผ้าเหลือ ๆ ในห้องตัดเย็บได้ ปกติคอร์เซ็ตเป็นของที่ชนชั้นสูงสามารถครอบครองได้เท่านั้น เนื่องจากโครงปลาวาฬและลวดที่ใช้ดัดทรงราคาแพง ถ้าใช้แค่ผ้า แม้แต่เมดอย่างฉันก็สามารถตัดใส่เองได้หลายตัว
เพราะวันก่อนถูกเอ็นโจขู่เอาไว้ แม้ว่าฉันจะมีเวลาว่าง แต่ก็ไม่กล้าไปหายูกิโนะคุงอีก เลยลงไปเยี่ยมอุเมวากะอย่างที่เคยสัญญาเอาไว้ ทว่าพอไปถึง กลับพบกับคนที่ไม่คาดว่าตัวเองจะได้เจอ
ริรินะกับมินามิคุงยืนอยู่ด้านหน้าของโรงเลี้ยงม้า ดูจากชุดและบุคลิกลักษณะ ริรินะคือสตรีชั้นสูงบุตรีขุนนาง ส่วนมินามิคุงน่าจะเป็นเด็กรับใช้ของเธอ
พอริรินะเห็นฉัน ก็นิ่งไป ฉันกับริรินะจ้องหน้ากันอยู่แบบนั้น ก่อนที่ริรินะจะเป็นคนเอ่ยปากขึ้น
“คุณเรย์กะ...ได้ยินว่าถูกขังไว้ในแท่นบูชาร้างไม่ใช่หรือคะ?”
ฉันมองริรินะที่ถึงแม้จะทำท่าเหมือนวางตัวไม่ถูก แต่ก็ไม่ได้มีสายตารังเกียจหรือดูถูกฉัน “เพราะว่าฉันไม่สบาย ก็เลยได้มาพักรักษาตัวในวังหลวง แล้วก็ติดหิมะน่ะค่ะ”
ริรินะมองฉัน มองซ้ายมองขวาแล้วก็ลากฉันเข้าไปในโรงเลี้ยงม้า แล้วไล่ตะเพิดให้อุเมวากะออกไป ก่อนจะให้มินามิเฝ้าต้นทางเอาไว้
“คุณเรย์กะอยู่ที่นั่นคงลำบากมากสินะคะ” ริรินะมองฉันหัวจรดเท้า เธอกำแส้ในมือแน่น “ขนาดป่วยจนต้องเข้ามารักษาตัวที่วัง ก็ยังถูกใช้งานในฐานะเมดชั้นต่ำอีก น่าโมโหนัก!”
ฉันมองริรินะที่กำลังจะเดือดแล้วบอกว่าอันที่จริงฉันเป็นคนสมัครใจทำงานในฐานะเมดเอง ไม่มีใครบังคับอะไรทั้งนั้น ริรินะฟังแล้วก็ยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่
“น่าแค้นใจยัยจิ้งจอกนั่นนัก หลอกล่อท่านคาบุรากิให้หูตามืดมัว ทั้ง ๆ ที่คุณเรย์กะเป็นคนที่องค์ราชินีหมายตาและให้สัญญาเอาไว้ตั้งแต่แรกแท้ ๆ” ริรินะฟาดแส้เปรี้ยงลงกับพื้น ม้าที่อยู่ในคอกแถวนั้นรวมถึงฉันสะดุ้งเฮือก
“ฉันไม่โทษคุณเรย์กะที่วางแผนกำจัดยัยนั่นหรอกค่ะ ถึงแผนจะโง่ไปซักหน่อยก็เถอะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะคุณเรย์กะ ฉันได้ยินว่าท่านแม่ของคุณเรย์กะขอเข้าพบองค์ราชินี ไม่นานนักคงจะต้องมีความคืบหน้าแน่ ๆ”
ฉันฟังริรินะแล้วรู้สึกเหมือนจะเป็นลม เพราะเห็นแววธงมรณะมาแต่ไกล
.....
เอ้าเฮ้ย นี่ขาขวากรุอยู่เรือคันตะ ขาซ้ายอยู่เรือนายตัวสำรอง ถ้ากรุเอื้อมมือขวาเกี่ยวเรือริรินะด้วยอีกลำจะผิดไหมวะ//สายตาก็มองเรืออุเมวากะที่จู๋จี๋กับเบียทันน้องม้าในคราบหมาไปพลางๆ
ยังเหลือปาก กูต้องเก็บเอาไว้งับเรือใครอีก...
ริรินะนี่แหละ พระเอกตัวจริง
A&A - 30.
ในตอนเช้าฉันไปทำงานด้วยขอบตาดำปี๋ รู้สึกมวนท้องเหมือนจะอ้วกเพราะความเครียด ทั้งคืนนอนไม่หลับ เพราะนอกจากเรื่องเอ็นโจแล้ว ยังมีเรื่องที่ริรินะบอกเมื่อวาน
ฉันไม่รู้ว่าคิโชวอิน เรย์กะ ในเรื่องนี้มีชีวิตยังไง หรือเธอทำอะไรไว้บ้าง แต่จากโครงเรื่องคงไม่พ้นเธอเป็นบุตรีขุนนางแสนกร่าง สถาปนาตัวเองเป็นคนรักของคาบุรากิแล้วไล่ตามตื้อเขาโดยไม่ได้มองเลยว่าเขาไม่สนใจเธอแม้แต่น้อย พอวาคาบะจังที่เป็นนางเอกโผล่ขึ้นมา เรย์กะก็กลั่นแกล้งวาคาบะจังเพราะสถานะที่แตกต่างกัน คาบุรากิที่ทั้งสงสารทั้งสนใจจึงปกป้องเธอทุกวิถีทาง และความรักก็ดันก่อตัวขึ้น ตามพล็อตเรื่องแล้วเรย์กะที่เป็นนางร้ายจึงหาทางกำจัดเธอทิ้ง สุดท้ายแล้วเลยโดนคาบุรากิแฉเรื่องชั่วร้ายที่เธอทำ เธอเลยโดนลงโทษให้ถูกกักบริเวณในแท่นบูชาร้าง ตามโครงเรื่องของคิมิดอล
ถ้าหากว่าความรักและการกระทำในครั้งนั้นเป็นเพียงแค่ผลจากความโง่เขลาของเด็กผู้หญิงเอาแต่ใจที่ตกอยู่ในห้วงความรัก เรื่องราวก็ไม่น่าจะซับซ้อนยุ่งยากนัก ในเรื่องหลักของคิมิดอล มาดามคาบุรากิเองก็ทั้งชักจูงทั้งหว่านล้อม เป็นตัวตั้งตัวตีให้สองตระกูลเกี่ยวดองกัน และยังกีดกันลูกสะใภ้สามัญชน แต่สุดท้ายแล้วกลับประทับใจการแก้ปัญหาของคาบุรากิและความทุ่มเทที่เขามีให้นางเอก จึงยินยอมให้ทั้งคู่คบกันในที่สุด
ฉันที่คิดเอาเองว่าตอนที่เรย์กะถูกถอนหมั้น น่าจะเป็นตอนที่มาดามยอมรับลูกสะใภ้ตัวจริงแล้ว เลยเชื่อมั่นว่าถ้าตัวเองไม่ได้ก่อเรื่อง อยู่อย่างสงบเสงี่ยม ก็จะสามารถรอดพ้นธงมรณะลำดับที่สองไปได้ แต่จากปากคำของริรินะ ถ้ามาดามยังไม่ยอมรับ อีกทั้งท่านแม่ก็ยังไม่ลดละ ดูท่าว่าเรื่องราวความโชคร้ายของคิโชวอิน เรย์กะ จะยังไม่จบลงแต่เพียงเท่านี้ ฉันชอบมาดามก็จริง แต่ตอนที่ครอบครัวคิโชวอินล่มสลาย เธอไม่ใยดีแม้แต่น้อย ช่าง...เป็นนักธุรกิจแต่กำเนิดโดยแท้
วันนี้ยังไม่ทันจะถึงมื้อเช้า ฉันก็โดนคันตะคุงไล่ตะเพิดออกมาจากครัวอีกครั้ง แต่เพราะยังเช้าอยู่เลยยังไม่มีเศษผักมากพอจะให้ไปส่งที่โรงเลี้ยงม้า ฉันเลยถูกใช้ให้ไปทำความสะอาดโรงอาหารของพวกองครักษ์แทน
ฉันหิ้วท้องทนรอพวกทหารองครักษ์กินมื้อเช้าเสร็จ จะได้ทำความสะอาดโรงอาหารแล้วกลับไปกินมื้อเช้าของตัวเองบ้าง ทว่าตอนที่ยืนหลบมุมรออยู่ นายตัวสำรองที่เห็นฉันเข้าพอดีก็เดินเข้ามาทัก
“เธอ...ไม่สบายอีกแล้วเหรอ?”
สีหน้าของเขาดูเป็นกังวล ฉันเลยบอกไปว่าสองสามวันมานี้ฉันทำอาหารได้ไม่ดี เลยถูกดุ นายตัวสำรองทำหน้าเห็นใจฉัน บอกฉันว่าถ้าฉันไม่ถนัดทำอาหาร เขาจะไปขอร้องให้พ่อบ้านช่วยย้ายงานให้ ฉันบอกเขาไปว่าฉันยังอยากทำงานอยู่ในครัว เพราะถ้าเป็นวันว่าง คันตะคุงจะเรียกให้ฉันไปฝึกทำขนม แล้วถ้าทำออกมาได้ดี ฉันก็จะมีขนมไว้กินเองรวมถึงแบ่งคนอื่น ๆ ด้วย อีกอย่างฉันคิดว่าควรฝึกทำขนมไว้ เพราะถ้าต้องกลับไปแท่นบูชา ฉันคงไม่สามารถขอของฟุ่มเฟือยอย่างขนมได้ ดีที่สุดก็คงเป็นพวกแป้งสาลี ไข่ กับน้ำตาล
หลังจากที่องครักษ์ออกไปทำงาน ฉันกับคุณเมดอีกคนก็ช่วยกันทำความสะอาดโรงอาหาร ทว่าคุณเมดที่ทำงานกับฉันไม่เหมือนกับมารีเลยแม้แต่น้อย เธอมัวแต่คุยกับองครักษ์หนุ่มจนงานไม่เดิน ครึ่งชั่วโมงก่อนเช็ดโต๊ะตัวไหน ครึ่งชั่วโมงต่อมาก็ยังคงเช็ดอยู่ตัวเดิม จนกระทั่งฉันทำความสะอาดเสร็จหมดแล้ว เธอก็เพียงแค่มอง ๆ แต่ไม่ได้ใส่ใจแม้แต่จะขอบคุณหรือขอโทษฉันเลยแม้แต่น้อย
ในเย็นวันนั้นก่อนที่ฉันจะกลับเข้าห้อง นายตัวสำรองเอาถุงหอมลาเวนเดอร์ที่เขาทำเองมาให้ฉัน บอกว่าเป็นการตอบแทนเค้กที่เอามาให้วันก่อน ถุงหอมลาเวนเดอร์มีสรรพคุณช่วยคลายเครียดและทำให้นอนหลับดี ฉันรับเอาไว้และขอบคุณเขา คิดว่าถ้าทำขนมได้ดีเมื่อไหร่ จะเอาไปให้เขาแลกกับถุงหอมอีก
ก่อนที่จะหลับไป ฉันนึกถึงท่านพี่แล้วสงสัยว่าที่เขาไม่ยอมมองหน้าฉัน เป็นเพราะกลัวคาบุรากิจะโกรธรึเปล่า ดังนั้นฉันเลยตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะลองไปถามคันตะคุงเกี่ยวกับเรื่องจดหมายที่ฝากเขาส่ง
ไม่รู้เป็นเพราะว่าเมื่อวานไม่ได้นอนทั้งคืนจนทำให้รู้สึกเพลีย หรือว่าถุงหอมของนายตัวสำรองที่โลกนี้เป็นอัศวิน แต่ดันพกวิญญาณแม่บ้านของชาติก่อนมาด้วยได้ผลดี แต่ฉันพลิกตัวอยู่บนเตียงไม่นานนัก ก็หลับไป
.....
จิตวิญญาณแม่บ้าน.... แกรรร ฉ้านควรลงเรือเจ้านี่ดีไหม ออร่าเพื่อนสาวมันแบบ... จะเป็นลมมม ริรินะนี่เหมาะสุดจริงๆ แหลพ
อย่าบอกนะว่านายตัวสำรองซื้อถุงหอมมาจากทีวีไดเร็ก ?!
A&A - 31.
โชคร้ายที่คุณพ่อบ้านดันเห็นว่าฉันก่อเรื่องในครัวมากกว่าทำประโยชน์ เช้าวันถัดมา ฉันก็ได้รับคำสั่งให้ไปประจำอยู่ในห้องตัดเย็บ แต่โชคดีตรงที่ฉันได้กลับมาทำงานกับมารีอีกครั้ง
มารีเองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน เธอสอนฉันถักลูกไม้ ทำเอาความทรงจำที่คาบุรากินั่งถักลูกไม้ได้อย่างเพอร์เฟคในครั้งแรก ซ้ำยังเยาะเย้ยฉันว่าถักเบี้ยวผุดขึ้นมาในหัว ฉันคิดว่าถ้ากลับไปโลกเก่าได้ ฉันจะเอามือที่จับเฟรนช์ฟรายด์ไปจับเสื้อของเขา ให้เสื้อสุดเพอร์เฟคของคาบุรากิมีคราบน้ำมันจากของทอด เป็นการแก้แค้นที่เขาปักธงมรณะให้ฉันในโลกใบนี้
หลังจากทำงานที่ได้รับมอบหมายจนเสร็จ พวกเราก็อยู่ในห้องตัดเย็บเพื่อตัดชุดชั้นในของฉันต่อ มารีตัดสินใจตัดชุดชั้นในแบบเดียวกันกับฉันด้วย เพราะเธออยากมีเอวที่เล็กคอดเหมือนสตรีชั้นสูง
หลังจากใช้เวลาตัดเย็บหลังเลิกงาน และใช้เวลาวันหยุดเย็บอยู่ทั้งวัน ในที่สุดฉันก็มีชุดชั้นในใส่แล้ว
ฉันมองคอร์เซ็ตที่ตัวเองเย็บแล้วรู้สึกภาคภูมิใจ แม้จะเป็นคอร์เซ็ตเรียบ ๆ ไม่มีลูกไม้หรือลวดลาย แต่ก็แข็งแรงและสวมใส่ได้ง่าย เชือกร้อยที่อยู่ด้านหน้าทำให้สามารถใส่ได้เองโดยไม่ต้องพึ่งคุณเมดช่วยแต่งตัว โครงชุดดันหน้าอกได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ไม่ยกตู้มเหมือนคอร์เซ็ตที่ชนชั้นสูงใช้ ส่วนเอวฉันก็ผูกไว้หลวม ๆ เพราะฉันมาจากโลกยุคปัจจุบัน เลยไม่สนใจจะมีเอวเล็กคอดจนน่ากลัวเหมือนที่สาว ๆ ในยุคนี้ใฝ่ฝัน
เนื่องจากเหลืออีกเพียงสองสัปดาห์ ก็จะถึงกำหนดส่งตัวฉันกลับไปยังแท่นบูชา ฉันเลยอยากจะตัดเย็บเสื้อผ้าให้ตัวเองอีกหลายชุด เพราะไม่มั่นใจว่าตอนกลับไปจะขนอุปกรณ์ตัดเย็บกลับไปได้รึเปล่า นอกจากนั้น รองเท้าที่ใส่ก็เก่าเปื่อยมากแล้ว
ฉันมองรองเท้าของตัวเองแล้วก็ต้องถอนหายใจ ในโลกก่อน ฉันมีรองเท้าเกือบร้อยคู่ พวกมันถูกจัดเรียงอย่างงดงามบนชั้นวางรองเท้า ได้รับการดูแลอย่างดี แต่ในโลกนี้ฉันมีรองเท้าเพียงแค่สองคู่ คู่แรกพังตอนวิ่งพายูกิโนะคุงไปหาหมอ คู่ที่สองทั้งเปื่อยทั้งขาด แต่ก็ยังต้องทนใส่เพราะนอกจากยูนิฟอร์มสาวใช้กับชุดนอน ฉันก็ไม่ได้รับอะไรมาอีก
ในโลกนี้ผู้หญิงในชนชั้นล่างเกือบทุกคนต้องเย็บรองเท้ากันเอง รองเท้าของพวกเธอเป็นรองเท้าที่เหมือนรองเท้าบัลเล่ต์ ส้นบางนิดเดียว ฉันมองรองเท้าของตัวเองที่ส้นอ้าเปิด พื้นสึก ตัวรองเท้าขาดกระจุยแล้วตัดสินใจจะเปลี่ยนใหม่ จึงถามมารีว่าฉันจะหาพื้นรองเท้าได้จากไหน
มารีบอกว่าฉันสามารถไปซื้อได้ที่โรงช่าง ส้นรองเท้ามีตั้งแต่ไม้แกะไปจนถึงเศษหนัง ถ้าเป็นแบบดีที่สุดคือทำจากหนังทั้งชิ้น ทว่าฉันไม่ใช่คุณเมดที่มีชื่อในทะเบียนอย่างถูกต้อง เลยไม่ได้รับค่าตอบแทนเลยแม้แต่เหรียญเดียว
เย็นวันนั้นฉันไม่ได้ไปรับเสบียงส่วนเข้ากะที่โรงอาหารแต่ฝากให้มารีไปรับแทน ส่วนฉันไปหาคันตะคุงที่โรงครัวส่วนตัวของเขา
คันตะคุงรับปากว่าจะหาพื้นรองเท้ามาให้ ฉันเลยขออุปกรณ์ตัดเย็บกับผ้ากลับไปยังแท่นบูชาร้างด้วย หลังจากตกลงเรื่องของเสร็จ ฉันก็เอ่ยปากถามเขาเรื่องจดหมาย
คันตะคุงนิ่งไปซักพัก ก่อนจะบอกกับฉันว่าเขาฝากคนอื่นส่งต่อ ไม่รู้ว่าจดหมายนั่นไปถึงครอบครัวของฉันรึเปล่า แล้วเรียกฉันเข้าไปกินขนมที่เขาทำขึ้นมา แน่นอนว่าฉันไม่ปฏิเสธ ขนมในโลกนี้เป็นของหายากและมีราคาแพง คนธรรมดามีโอกาสได้กินแค่ในช่วงเทศกาลเท่านั้น เขาทำครีมโรล ถึงแม้จะไม่อร่อยเท่ากับครีมโรลของร้านทาคามิจิในโลกก่อน แต่ก็เยียวยาฉันได้อย่างดีมาก
.....
ท่านพี่ไม่ยอมอ่าน คันตะเลยบ่ายเบี่ยงแล้วปลอบใจสินะ คันตะคูงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
//เรือคันตะอยู่นี่เองจ้า
แง้ สงสารเรย์กะจัง. นายตัวสำรองรีบทำคะแนนเข้า เรือนายไม่ค่อยเล่นเลยน้า~
กูเกลียดการล้างแค้นด้วยเฟรนฟรายถถถถ แต่จะว่าไปเรือคุณมารีก็ไม่เลวแฮะ...
คันตะเบี่ยงประเด็นเพราะไม่อยากให้นางเสียใจแน่เลย ละก็เบี่ยงถูกประเด็นด้วยนะ
กูเชียร์ทุกเรือเลย จะนอมอลหรือลิลลี่ก็ได้ แต่คันตะก็ทำคะแนนดีจังเลย ท่านเจ้าแม่ต้องสู้นะ เกิดอะไรขึ้นต้องอย่าร้อง
A&A - 32.
งานเย็บรองเท้าเป็นงานที่ยากและใช้อุปกรณ์เป็นจำนวนมาก แม้ว่าฉันจะโชคดีที่คันตะคุงหาส้นรองเท้าแบบหนังอัดมาให้ แต่การตัดเย็บนั้นทำได้อย่างยากลำบาก เพราะถ้าเป็นรองเท้าส้นไม้ธรรมดา สิ่งที่ฉันต้องทำมีเพียงแค่เย็บรองเท้า แล้วแปะส้นลงไปด้วยกาวที่ทำจากยางไม้เท่านั้น แต่ถ้าเป็นส้นรองเท้าแบบหนังอัด จะต้องเจาะรูปส้นรองเท้า จากนั้นก็เย็บตัวรองเท้าแล้วเย็บร้อยมันเข้ากับส้นอีกที จากนั้นถ้ามีส้นเหลืออยู่ ก็จะใช้กาวแปะทับลงไปด้านล่างอีกชั้น เพื่อความคงทนและเสริมความหนาของพื้นรองเท้า
ฉันคิดว่าไหน ๆ จะทำรองเท้าที่ต้องใส่ไปตลอด ก็อยากจะทำให้ดี ฉันเย็บแก้แล้วแก้อีกเพราะการเย็บรองเท้าถ้าทำผิด ทรงก็จะเบี้ยวใส่ไม่สบาย นอกจากนี้ฉันยังอยากเสริมส้นด้านหลังด้วย จึงไปปรึกษานายตัวสำรองที่ดูจะมีความสามารถในด้านการประดิษฐ์
และเขาก็ไม่ทำให้ฉันผิดหวังจริง ๆ สองวันต่อมา เขาก็มาหาฉันที่ห้องตัดเย็บ แล้วเอาส้นรองเท้าสูงหนึ่งนิ้วซึ่งแกะจากไม้มาให้ ฉันบอกให้เขาทำส้นที่ค่อนข้างใหญ่ เพราะถึงส้นเล็ก ๆ จะสวย แต่ใช้งานได้ไม่ทน เมื่อหุ้มยางลงไปบนพื้นรองเท้า รองเท้าที่ฉันทำคู่แรกในชีวิตก็ออกมาใช้งานได้ในที่สุด ถึงจะไม่สวย แต่ใช้งานได้สบายไม่แพ้รองเท้าคู่แรกของเรย์กะ
นอกจากพื้นรองเท้าแล้ว มิซึซากิยังบอกอีกว่าเพราะฉันประพฤติตัวได้เรียบร้อยไม่ก่อความวุ่นวายในวัง ฉันจึงได้รับอนุญาตให้เลือกหนังสือจากห้องหนังสือกลับไปด้วย ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากที่ในที่สุด ฉันจะได้มีอะไรอ่านนอกจากพระคัมภีร์น่าเบื่อที่อ่านซ้ำไปซ้ำมา แต่ก็ไม่จบเพราะหลับก่อนทุกที
หนังสือที่ฉันเลือกไปนั้นเป็นหนังสือที่เกี่ยวกับมารยาทและประวัติศาสตร์ แม้ว่าจริง ๆ แล้วฉันจะชอบอ่านนิยายมากกว่า แต่เพราะว่าฉันได้รับอนุญาตให้เลือกหนังสือได้แค่สามเล่ม จึงกัดฟันตัดใจจากหนังสือนิยาย แล้วเลือกหนังสือที่น่าจะมีประโยชน์ต่อตัวเองในอนาคต เพราะฉันไม่มีความทรงจำของเรย์กะเลยแม้แต่น้อย ถ้าจู่ ๆ เรย์กะเกิดลืมมารยาทชนชั้นสูงที่เธอควรจะรู้ดีเพราะถูกปลูกฝังในสายเลือด ฉันคงไม่มีสิทธิ์แก้ตัวกับเอ็นโจอีก
เนื่องจากช่วงเวลาที่ผ่านมาฉันยุ่งอยู่กับการตัดเย็บเสื้อผ้ารองเท้าสำหรับตัวเอง รวมถึงโดนคันตะคุงเรียกไปฝึกทำอาหารด้วย จึงไม่มีเวลาได้นั่งกลุ้มเรื่องเอ็นโจและเรื่องที่ริรินะบอกนัก วันสุดท้ายก่อนจะกลับไปยังแท่นบูชา ฉันแวะไปเยี่ยมอุเมวากะกับเบียทริซที่โรงเลี้ยงม้า ทั้งมีเจตนาจะเยี่ยมเขาและหวังว่าจะได้พบกับริรินะเพื่อสืบข่าวอีก ฉันไม่พบกับริรินะ แต่ได้บอกลาอุเมวากะ
เพราะว่าฉันไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นนักโทษ เขาเลยนึกว่าหมดฤดูหนาว ฉันต้องกลับไปทำการเกษตรที่หมู่บ้าน เขาทำหน้าเศร้าบอกว่าเบียทริซชอบฉันมาก ถ้าฤดูหนาวปีหน้าฉันมาทำงานที่วังอีกครั้ง เขาจะให้ฉันลองขี่เบียทริซ
ฉันคิดว่าดีแล้วที่ไม่ได้บอกความจริงไป เพราะฉันคงไม่มีโอกาสได้กลับมาที่นี่อีก ไม่สิ ฉันหวังว่าฉันจะไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก
.....
อยากรู้ว่าเบียทริซเป็นม้าสีขาวหรือดำ กูไม่ได้อ่านข้ามใช่มะ
ม้าที่มีขนหางม้วนหลอดๆเหมือนเจ้าแม่ด้วยนะ
A&A - 33.
ทันทีที่ก้าวเข้ามาในรั้วของแท่นบูชาร้าง ฉันก็รู้สึกเหมือนตัวเองได้กลับบ้าน
แม้ว่าจะถูกกักบริเวณในนี้ชั่วชีวิต แม้ว่าที่นี่จะไม่สะดวกสบาย ไม่มีแม้กระทั่งห้องน้ำหรือเพื่อนคุย แต่อย่างน้อยที่นี่ก็เป็นพื้นที่ของฉัน ที่ ๆ เดินไปทางไหนก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไปเจอธงมรณะอย่างคาบุรากิ วาคาบะจัง หรือเอ็นโจเมื่อไหร่
ฉันขนของที่ติดตัวจากราชวังลงมา มีทั้งหนังสือ ผ้าพับใหญ่ พื้นรองเท้า อุปกรณ์ตัดเย็บ ชุดชั้นในและเสื้อผ้าที่ตัดตอนที่ทำงานอยู่ในห้องตัดเย็บ รวมถึงเสบียงในวันนั้นด้วย ส่วนวัตถุดิบสำหรับทำอาหาร คันตะคุงสัญญาว่าจะให้คุณเมดเอามาให้ในเที่ยงวันถัดไป
ในบ้านค่อนข้างเย็น ฉันเลยจุดไฟในเตาเพื่อทำให้บ้านอุ่นขึ้น เนื่องจากใกล้จะหมดฤดูหนาวแล้ว เลยไม่ต้องกังวลเรื่องฟืนอีก ฉันนั่งกินขนมปังที่ได้มาจากคันตะคุงหน้าเตาผิง ผัดวันประกันพรุ่งในการทำความสะอาดบ้านที่เริ่มมีฝุ่นจาง ๆ เพราะไม่ได้อยู่มาสามเดือน
พอมีเวลาว่าง ฉันก็เริ่มฟุ้งซ่านถึงปัญหาของตัวเอง
ถ้าเป็นพล็อตนิยายตามปกติที่ฉันเคยได้อ่านมา แม้เจ้าชายจะหลงรักหญิงสาวสามัญอย่างวาคาบะจัง แต่ถ้าคิดตามหลักความจริง องค์ราชินีย่อมต้องไม่ปลื้มที่เชื้อพระวงศ์จะมีเลือดของสามัญชนมาปะปนในราชวงศ์เป็นแน่ ทว่าในโลกยุคโบราณ โดยเฉพาะในราชวงศ์ การตัดสินใจสูงสุดย่อมต้องเป็นของผู้ชาย และผู้ชายที่มีอำนาจมากที่สุดไม่พ้นพระราชา
ฉันนึกถึงคุณพ่อของคาบุรากิที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนบัลลังก์ในชุดกษัตริย์แล้วแอบเคลิ้มไปชั่วขณะ ถ้าเป็นคุณลุงที่หล่อเหลา ฉลาดเฉลียว ขายาว แถมยังมีรสนิยมวิไลอย่างการสะสมหนังสือหายากผิดกับทานูกิบ้านฉันคนนั้นย่อมต้องใจกว้างยอมรับสะใภ้สามัญชนแน่ ๆ ทว่ามีหรือที่ผู้หญิงที่ทรงอำนาจอย่างมาดามจะยอมให้ทุกอย่างดำเนินไปตามนั้น
ฉันนึกภาพมาดามที่แม้จะไม่ถูกใจคิโชวอิน เรย์กะ เพราะอารมณ์ร้ายแล้วก็ฉลาดน้อยไปหน่อย แต่อย่างน้อยในฐานะบุตรีดยุก เธอก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าวาคาบะจัง หรือถ้าไม่ใช่เรย์กะ ก็น่าจะมีบุตรีขุนนางคนอื่น ๆ รอเสียบตำแหน่งกันให้ยุบยั่บไปหมด ดังนั้นอุปสรรคของตัวเอกทั้งคู่น่าจะยังไม่หมดเป็นแน่
แม้ว่าฉันสงสัยว่าตัวเองจะเข้าไปเป็นหนึ่งในแผนการขัดขวางทางรักของคาบุรากิและวาคาบะจังยังไง ในเมื่อฉันโดนสั่งกักบริเวณขนาดนี้ แถมยังรู้กันไปทั่วว่าฉันกลายเป็นเมดขัดห้องน้ำที่เป็นงานซึ่งแม้แต่เมดรุ่นพี่ที่มาจากชนชั้นล่างยังเกี่ยงกันทำ ชื่อเสียงน่าจะเสียหายย่อยยับไปแล้วเรียบร้อย ดังนั้นจึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีในการเข้าชิงตำแหน่งราชินีในอนาคต แต่ในฐานะตัวร้ายของเรื่องย่อมต้องมีธงมรณะตามหลอกหลอนในระดับไม่ธรรมดา ดังนั้นฉันจะต้องระวังตัวไม่ทำอะไรเด่นเกินหน้า แล้วไปขัดขวางหนทางอันรุ่งโรจน์ของบรรดาตัวละครหลักเป็นอันขาด
นอกจากคาบุรากิแล้ว ตัวอันตรายอันดับสองคือเอ็นโจ โชคดีที่เรื่องคิมิดอลไม่ใช่เกมจีบหนุ่ม ไม่อย่างนั้นก้าวไปทางไหนฉันคงเจอแต่ชะตามรณะเพราะขัดขวางทางรักของวาคาบะจัง แต่ยังไงก็จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด เพราะการขัดขวางความรักของคู่รองก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะเจอแบดเอนเหมือนกัน ฉันสงสัยว่าในโลกนี้มีคุณยุยโกะรึเปล่า แต่ดูจากสภาพการณ์ ฉันเกือบจะมั่นใจว่าคู่หมั้นของเอ็นโจจะต้องเป็นคุณยุยโกะอย่างแน่นอน
ตัวอันตรายลำดับต่อไปคือนายตัวสำรอง ฉันไม่รู้ว่านายตัวสำรองตัดใจจากวาคาบะจังได้รึยัง ฉันนึกภาพตอนต่อของดราม่าการ์ตูนผู้หญิงคลาสสิกแล้วรู้สึกเหมือนขมับเต้นตุบ ๆ ด้วยความปวด ฉันที่น่าจะดวงซวยกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางทางรักของคู่เอกทำให้วาคาบะจังเข้าใจผิด นายตัวสำรองที่ยังรักวาคาบะจังอยู่จึงคิดอยากจะช่วยเหลือเธอด้วยการกำจัดฉันทิ้ง...
ไม่ นั่นมันยันเดเระเกินไปสำหรับนายตัวสำรอง นายตัวสำรองน่าจะมีมโนธรรมกว่านั้น เขาอาจจะช่วยปลอบวาคาบะจังให้กลับไปคืนดีกับคาบุรากิ ส่วนคาบุรากิโกรธที่ฉันทำให้วาคาบะจังเข้าใจผิดและเสียใจ เลยกำจัดฉันเพื่อความสบายใจของเธอ...
ฉันคิดถึงความเป็นไปได้แล้วหนทางนี้น่าจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้สูง หรือไม่ก็เอ็นโจเห็นเพื่อนตัวเองต้องทนทุกข์ เลยกำจัดฉันทิ้ง...
ฉันนึกถึงคำขู่ของเขาแล้วกรีดร้องในใจ นี่แหล่ะ ธงมรณะของฉัน
ฉันรู้สึกปวดท้องหน่วง ๆ ขึ้นมาอีกครั้ง และทบทวนกับตัวเองเหมือนตอนที่เข้าร่างของเรย์กะในวัยห้าขวบว่า จะหลีกให้ห่างจากตัวเอกและไม่ทำตัวเด่นให้มากที่สุด
..
โอ้ยยย กลุ้มแทนเจ้าแม่ มองไปทางไหนก็มีแต่ธงมรณะ
แง ไม่ว่าจะโลกไหน ทั่นเรย์กะก้อไม่มีความคิดโดขิโดขิกับใครเลย ถถถถ
โดขิๆกับฟู้ดซังไงล่ะ
กูว่ามีอยู่ครั้งเดียวอะ ที่ท่านเรย์กะแผ่ออร่าสาวน้อย คือตอนที่อ่านนิตยสารใกล้คาบุ อันนั้นคือมันดีต่อใจมาก เหมือนสาวน้อยหวั่นไหวพระเอกโชโจ แค่เจ้าคาบุมันก็ทำลายโมเมนต์ซะย่อยยับ....
จริงๆตอนเจ้าแม่เห็นคาบุนอนพักหลังออกกำลังกายก็ใจเต้นนะ ประมาณว่าเสี้ยวหน้าที่โดนแสงช่างหล่อเหลาอะไรเช่นนี้ ว่าแล้วนางก็ค่อยๆเอาผ้าชุบน้ำโปะหน้าคาบุ...
แล้วฉากสะดุดบันไดในตำนานสุดโดกิโดกินั้นล่ะ
ขอถามนอกเรื่องหน่อย พวกมึงคิดว่าพวกเซริกะไปได้แฟนจากที่ไหนกันวะ หรือเดินๆอยู่ก็มีหนุ่มมาขอเบอร์ แบบตอนที่พวกผู้ชายชวนไปกินเชอร์เบ็ตที่ปารีสน่ะ
ขนาดตอนชอบรุ่นพี่ซาวด์ยังไม่โดขิๆเลยมึง มาซะผ่างๆๆจนกูกลัว555555
โดขิโดขิกับยูกิโนะคุงไง ยูกิโนะคุงนี่สุดๆ ในเรื่องแล้ว ได้ใจเจ้าแม่ได้ความโดขิไปเยอะกว่าใคร
อย่าลืมท่านอืมาริสิ
A&A - 34.
ปรากฏว่าที่ปวดท้องหน่วง ๆ เมื่อวานไม่ใช่แค่เพราะความเครียด แต่เป็นเพราะประจำเดือนมา
ฉันมองชุดที่เปรอะเลือดประจำเดือน รวมไปถึงผ้าห่มที่ทำมาจากกระโปรงกำมะหยี่ของฉัน มันเปื้อนเลือดแดงแจ๋เป็นวงกว้าง ฉันเลยต้องซักผ้าตั้งแต่เช้าตรู่
การซักผ้าโดยที่ไม่มีผงซักฟอกเป็นเรื่องน่าลำบากยิ่งนัก ฉันเลยตัดสินใจที่จะทำสบู่
ความสามารถแรก ๆ ที่ตัวเอกในนิยายทะลุมิติแสดงออกมาคือการทำสบู่ ต่อจากนั้นก็คิดสร้างสรรค์สารพัด ไปจนกระทั่งออกนโยบายพัฒนาประเทศ ฉันอ่านแล้วสงสัยว่าตัวเอกพวกนั้นใช้ชีวิตในโลกเก่ายังไง ทำไมถึงได้รู้ว่าตัวเองจะต้องทำอะไร แล้วทั้ง ๆ ที่เป็นเด็กในเมือง ทว่าสามารถประดิษฐ์ของที่ใช้ทุ่นแรงในการทำเกษตรได้อย่างง่ายดาย แต่พอคิดว่าถ้าเกิดทะลุมิติมาแล้วง่อยเกินไป ผู้อ่านน่าจะปาหนังสือทิ้งตั้งแต่บทแรก ๆ ดังนั้นเลยต้องมีความสามารถเยอะ ๆ ไว้ก่อน
แม้ว่าฉันจะไม่ได้มีความสามารถมากเหมือนพวกตัวเอกในหนังสือนิยายทะลุมิติที่เคยอ่าน แต่เรื่องทำสบู่นี่สบายมาก ฉันจำได้ว่าแค่เอาน้ำด่างกับไขมันมาผสมกัน เติมน้ำหอมลงไปก็เรียบร้อย
น้ำด่างนั้นสามารถเอามาจากขี้เถ้าในเตา ส่วนไขมันนั้นสามารถขอเนยจากคันตะมาได้ แม้ว่าจะไม่มีน้ำหอม แต่ส่วนผสมหลักที่ใช้ทำสบู่ก็มีครบ
ฉันนึกภาพตัวเองประดิษฐ์สบู่ส่งขายหารายได้เข้ากระเป๋า ถึงแม้ว่าในโลกนี้จะมีสบู่ ทว่ามีแต่ชนชั้นสูงเท่านั้นที่ได้ใช้ ถ้าได้สบู่ช่วยน่าจะพัฒนาเรื่องสุขอนามัยไปได้มาก
ปัญหาคือฉันจำสัดส่วนไม่ได้
แม้ในอดีตฉันจะเคยทำสบู่ส่งอาจารย์ในวิชางานประดิษฐ์ แต่ก็แค่เดินไปซื้ออุปกรณ์สำเร็จที่บอกสัดส่วนไว้อย่างเรียบร้อย แต่เวลานี้กลับไม่ง่ายแบบนั้น
ฉันตั้งหม้อบนเตา แล้วเอาน้ำลงไปต้ม จากนั้นใส่ขี้เถ้าลงไป กะ ๆ เอาว่าน่าจะประมาณนี้แหล่ะ แล้วก็เทเนยลงไปคน ฉันยืนคนส่วนประกอบหน้าเตาแล้วสงสัยว่าไอ้ที่อยู่ในหม้อนี้จะกลายเป็นสบู่ไปได้ยังไง ดูมันไม่ตกตะกอนเหมือนในความทรงจำของฉันเลยแม้แต่น้อย ฉันจ้องหม้ออยู่พักหนึ่ง ก่อนจะใส่ขี้เถ้าลงไปอีก น้ำกลายเป็นสีดำข้น ๆ ฉันคนอีกพักใหญ่ พักกินข้าวเที่ยง กลับมาดูในหม้อก็พบว่ามีตะกอนสีประหลาด ๆ เกิดขึ้นมา แต่ดูหน้าตาไม่น่าจะเป็นสบู่ได้
พอทำถึงตรงนี้ ฉันก็เพิ่งคิดได้ว่า น่าจะต้องละลายขี้เถ้ากับน้ำ แล้วเอาแค่น้ำด่างมา เลยยกหม้อออกจากเตาแล้วตั้งทิ้งไว้ มองหม้อที่อยู่กลางครัวแล้วฉันก็คิดว่า สบู่นี่มันทำง่ายจริง ๆ งั้นเหรอ ทำไมนางเอกการ์ตูนทะลุมิติทุกคนถึงทำได้อย่างง่ายดายขนาดนั้น
ฉันนั่งทำสบู่อยู่หลายวัน ขอเนยจากคันตะคุงจนเขาบ่นว่าฉันเอาไปกินหรือเอาไปใช้แทนฟืนกันแน่ ฉันเลยสารภาพว่าฉันกำลังทำสบู่อยู่
คันตะคุงมาช่วยดูสบู่ของฉัน พอเห็นแล้วเขาก็ส่ายหน้า บอกว่าทักษะในการทำสบู่ของฉันแย่ยิ่งกว่าทำอาหารซะอีก แล้วบอกว่าฤดูกาลแบบนี้เป็นฤดูที่ไม่เหมาะกับการทำสบู่เลยแม้แต่น้อย เพราะอากาศยังชื้นเกินไป ปกติแล้วฤดูทำสบู่จะเริ่มขึ้นในฤดูใบไม้ผลิ ตากตลอดทั้งหน้าร้อน แล้วถึงเอามาใช้ได้ ฉันทำตั้งแต่ตอนนี้จะได้สบู่คุณภาพแย่ มีกลิ่นหืน แถมยังอาจทำให้ผิวถลอกได้อีก
“คันตะคุง...ทำสบู่เป็นด้วยเหรอคะ?”
ฉันมองเขาอย่างทึ่ง ๆ นอกจากทำอาหารเป็นแล้ว ยังทำสบู่เป็นด้วย
“พี่น่ะทำสบู่ใช้เอง ฉันแค่รู้พื้นฐานเบื้องต้นเท่านั้นแหล่ะ”
ฉันฟังแล้วอึ้งไป การทำสบู่เป็นคุณสมบัติพื้นฐานของนางเอกนิยายสินะ ถึงในเรื่องนี้วาคาบะจังจะไม่ได้ทะลุมิติมา แต่ก็ยังทำสบู่เป็น ช่าง...สมกับเป็นนางเอกของเรื่องจริง ๆ
ในเย็นวันนั้นคันตะคุงขนหม้อสบู่ของฉันจากไป บอกว่าจะลองเอาไปแก้ไขดู วันต่อมาเขาส่งสบู่สำหรับซักผ้าและอาบน้ำมาแทน ฉันมองสบู่เหล่านั้นแล้วสงสัยว่า ถ้าการที่ฉันเข้าไปอยู่ในร่างเรย์กะชาติก่อนคือการเล่นเกมส์แบบอีซี่โหมด เข้ามาอยู่ในโลกนี้คือการเล่นเกมส์อย่างนอร์มอลโหมด แล้วถ้าต้องไปอยู่ในโลกที่เจอวิกฤตการณ์แบบซอมบี้บุกโลก ฉันคงตายไปตั้งแต่เรื่องยังไม่เริ่มแน่นอน
.....
ค้างคา รออ่านทีเดียวดีกว่า...
>>860 อันที่จริงจบ A&A นี่มีแพลนว่าอยากเขียนแนวเกมส์จีบหนุ่ม คือเปิดเรื่องแล้วจบตอนแบบมีตัวเลือก เช่น ให้เลือก ไปกินข้าวบ้านวาคาบะ หรือไปดื่มชากับยูกิโนะ ให้เหมือนเล่นเกมส์จีบหนุ่มจริง ๆ ทำแบบนี้กับทุกตอน ส่วนกติกาก็กติกาเดิมค่ะ ใครเร็วก็ได้เลือกไป ความสนุกคือ คู่ใครไม่รู้ แม้แต่คนเขียนก็ไม่รู้ตอนต่อ หรือรู้ก็แค่ 1-2 ตอนล่วงหน้า
ความจริงกูควรเลิกเขียนเรื่องยาว ๆ ได้ละ เดี๋ยว A&A ถึงตอน 48 จะ hiatus ให้คนอื่นได้ลงกาวบ้าง รอแพรพ กูว่าอีกไม่เกิน 3 วัน กูปั่นถึงจุดหยุด checkpoint แรกชัวร์
เมื่อกี้กูไปอัพเดทสารบัญมา อยากอ่านตอนต่อของฟิคภาคหลังเรียนจบจังเลยค่ะ---
A&A - 35.
คุณภาพชีวิตของฉันดีขึ้นมากตั้งแต่มีสบู่ แต่ปัญหาที่ตามมาคือสบู่กับเส้นผมของเด็กสาวนี่ไม่ถูกกันเลยแม้แต่น้อย สบู่ในโลกนี้แม้จะพัฒนาให้อ่อนโยนกับผิวมากกว่าสบู่ซักผ้า แต่หลังจากสระก็ทำให้ผมแห้งอยู่ดี
โชคดีที่นายตัวสำรองมาเยี่ยมฉันในเช้าวันหนึ่งที่อากาศอุ่นขึ้น ฉันเลยถามเขาไปว่าเขาใช้น้ำมันอะไรทาเสื้อเกราะกับดาบกันสนิม มิซึซากิบอกฉันว่าเขาใช้น้ำมันสน แต่ถ้าฉันอยากได้น้ำมันพืชสำหรับทาผิวไม่ให้แตก น่าจะต้องใช้น้ำมันจำพวกน้ำมันอัลมอนด์มากกว่า
พวกเราคุยกันเรื่องต่าง ๆ ตั้งแต่เรื่องการดูแลของที่เป็นโลหะ เทคนิคในการทำความสะอาดที่พักอาศัย ฉันมอบสบู่ที่คันตะให้นายตัวสำรองไปชิ้นหนึ่งให้เขา นายตัวสำรองดูจะถูกใจมาก แล้วยังอบขนมออกมาเลี้ยงเขาในมื้อน้ำชาตอนเที่ยง แม้จะไม่ค่อยขึ้นฟูเท่าไหร่เหมือนตอนที่อบกับคันตะคุง แต่รสชาติก็ยังโอเคอยู่ นายตัวสำรองเลยสัญญากับฉันว่าจะหาน้ำมันทาผิวมาให้
ฉันค่อนข้างเกรงใจนายตัวสำรองไม่น้อย เพราะเขาทำอะไรให้ฉันหลายอย่าง แต่ฉันหาวิธีตอบแทนเขาได้น้อยเต็มที ก็เลยสัญญาว่าจะตัดเสื้อใส่เล่นให้กับเขา เนื่องจากฉันไปทำงานอยู่ในห้องตัดเย็บเกือบเดือน แม้จะถักลูกไม้ไม่ได้ แต่แค่เสื้อทูนิคน่ะเย็บได้สบายมาก
ฉันขอเขาวัดตัว นายตัวสำรองดูเขิน ๆ หน่อยที่ฉันประชิดตัวเขาแล้วลากสายวัดไปทั่ว ฉันมองเขาแล้วคิดว่าอันที่จริงเขาก็ไม่เลวเหมือนกัน ถึงมิซึซากิจะหล่อไม่เท่าคาบุรากิ รวยไม่เท่า มีอำนาจไม่เท่า แต่นิสัยของเขาก็เป็นผู้เป็นคนมากกว่าคาบุรากิหรือเอ็นโจ อย่างเขาน่าจะมีผู้หญิงมาแอบชอบเยอะ แต่น่าเสียดายที่คนที่เขาแอบชอบดันเป็นนางเอก
เพราะนายตัวสำรอง...ก็เป็นตัวสำรองอ่ะนะ
ฉันไว้อาลัยให้กับชีวิตรักของเขาในใจ ไม่ว่าเขาจะรักใครหรือแอบรักวาคาบะจังต่อไปเรื่อย ๆ ฉันก็จะเป็นกำลังใจให้ ขอแค่เขาไม่ปักธงมรณะให้ฉันก็พอ
วันต่อมาประตูหน้ารั้วถูกเปิดออกอีกครั้ง ฉันแอบตกใจว่านายตัวสำรองช่างทำงานได้รวดเร็วจริง ๆ ฉันยังไม่ได้เริ่มตัดเสื้อให้เขาเลยแม้แต่นิดเดียว ทว่าคนที่อยู่หลังประตูกลับเป็นพี่น้องเอ็นโจ
.....
ตัวสำรองขอเป็นตัวจริง
นายช่างดีต่อใจเหลือเกินนนน
นายตัวสำรองนี่ดีต่อใจจริงๆ😁😁
ทำไมเวลานายตัวสำรองมีบทกุต้องโยงไปหาทีวีไดเร็กฟร่ะ ไอ้น้ำมันขัดเสื้อเกราะนั่นต้องไปต่อหลังเวทีสิบคนแรกมาแน่ๆ
A&A - 36.
ถ้าไม่ติดว่ายูกิโนะคุงทำหน้าดีใจที่เห็นฉัน ฉันคงแกล้งทำเป็นว่าตัวเองไม่อยู่— ไม่สิ ทำอย่างนั้นไม่ได้สินะ เพราะฉันถูกกักบริเวณไว้นี่นา ถ้าขืนฉันไม่อยู่ รับรองเรื่องใหญ่มากแน่ ๆ
“คุณพี่เรย์กะ คิดถึงจังเลยฮะ” ยูกิโนะคุงวิ่งเข้ามากอดขาฉัน อุ...น่ารักเกินไปแล้ว
ฉันโดนรังสีโชตะระดับสิบสาดใส่แล้วรู้สึกมือไม้สั่น ได้แต่ย่อตัวลงไปลูบ ๆ กอด ๆ เขา แต่พอเห็นขายาว ๆ ของเอ็นโจ ก็ลืมไปว่ามารยาทในโลกนี้หากผู้สูงศักดิ์มาเยือน จะต้องถอนสายบัวทำความเคารพ เพราะว่าคราวก่อนฉันยังไม่ได้อ่านหนังสือมารยาทก็เลยเผลอไม่ได้ทักทายเขารึเปล่านะ เอ็นโจถึงจับได้ว่าฉันไม่ใช่คิโชวอิน เรย์กะ
“ขอโทษที่เสียมารยาทนะคะ ท่านเอ็นโจ อรุณสวัสดิ์ค่ะ” ฉันลุกขึ้นถอนสายบัว โชคดีที่วันนี้ใส่กระโปรง เลยสามารถจีบกระโปรงถอนสายบัวได้อย่างงดงาม
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณเรย์กะ” เอ็นโจยิ้มเหมือนคราวก่อนเขาไม่ได้ขู่เอาชีวิตของฉันตรงระเบียงทางเดินมืด ๆ เหมือนกริมม์ “ยูกิโนะ ทักทายคุณเรย์กะดี ๆ สิ อย่าเสียมารยาท”
ยูกิโนะผละออกจากฉันอย่างไม่เต็มใจนัก ก่อนจะกล่าวทักทายฉัน แล้ววิ่งเข้ามากอดขาฉันเหมือนเดิม ซุกไซร้ราวกับลูกหมาตัวเล็ก ๆ ฉันใจละลาย พาเขาเข้าไปนั่งเล่นแล้วเตรียมน้ำชาจากใบมินต์ตากแห้งชุดสุดท้ายที่เหลือจากฤดูใบไม้ร่วง ยูกิโนะคุงไม่ค่อยชอบชามากนัก แต่เขากินขนมที่ฉันอบเองอย่างเอร็ดอร่อย ทว่าเอ็นโจไม่แตะขนมของฉันเลยแม้แต่น้อย ฉันจำได้ว่าในโลกก่อนเขาไม่ชอบของหวาน แต่ไม่รู้ว่าในโลกนี้เขาก็ไม่ชอบของหวานเหมือนกัน หรือแค่รังเกียจฉันกันแน่
ฉันทำเป็นว่าเอ็นโจไม่ได้อยู่ตรงนั้น แล้วเล่นกันยูกิโนะคุงอย่างสนุกสนาน พวกเราเก็บหินสีมาเล่นหมากเก็บ แล้วก็ออกไปกระโดดข้ามเส้นกัน พอเห็นเขาเริ่มหน้าแดง ฉันก็นึกขึ้นมาได้ว่าเขาเป็นโรคหอบหืด ไม่ควรให้ออกแรงมากเกินไป ก็เลยชวนเขาไปนั่งเล่นเล่านิทานในฟังจนกระทั่งย่างเข้าบ่ายแก่
ในระหว่างที่กำลังเล่าเรื่องลูกหมูสามตัว เอ็นโจก็เดินเข้ามาบอกว่าวันนี้พวกเขาต้องเดินทางกลับดินแดนของตัวเอง และจะต้องออกเดินทางแล้ว ไม่อย่างนั้นจะถึงค่ำเกินไป
ยูกิโนะทำหน้าเสียดาย เขาบอกว่าถ้าคราวหน้าเขามาที่วังอีก จะมาเยี่ยมฉันอีกครั้ง เอ็นโจพายูกิโนะคุงขึ้นรถม้า แต่ตัวเองกลับหมุนตัวแล้วเดินเข้ามายืนต่อหน้าฉัน ยิ้มด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนที่ทำให้ฉันถอยกรูด ฉันรู้ดีว่ามันเสียมารยาท แต่สัญชาตญาณเอาตัวรอดของฉันกรีดร้องดังลั่นไปหมดเมื่ออยู่ต่อหน้าธงมรณะหมายเลขหนึ่งอย่างเอ็นโจ
“ขอบคุณนะครับที่วันนี้เล่นเป็นเพื่อนยูกิโนะ” เขาพูดอย่างสุภาพ ทำเอาฉันรู้สึกแปลกใจ “แล้วก็...คุณเหมาะกับชุดกระโปรงมากกว่าจริง ๆ นั่นแหล่ะครับ คุณเรย์กะ”
ฉันมองเอ็นโจที่ขึ้นรถม้าอย่างสง่างาม คิดในใจว่าครั้งหน้าถ้ารู้ว่าวันไหนจะต้องเจอเขา ฉันจะไม่ใส่กระโปรงอีก
.....
กูยังอยู่เรือองค์รัชทายาททททททททท ฮือออออ
หยึยยย สาดเกลือใส่เอ็นโจรัวๆ. นายตัวสำรองช่างดีต่อจัย. ขอให้ได้เป็นตัวจริงของเรย์กะจังน้า~
กูไม่ไว้ใจเอ็นโจเลยยย ยิ้มงี้มีแผนใช่มั้ยยย *สาดเกลือนัวๆ แต่ฟิคนี้นายตัวสำรองดีงามมากกกเลย ถึงจะมีความทีวีไดเรคก็เถอะ 55555
A&A - 37.
ฉันได้น้ำมันทาผิวมาแล้ว เป็นน้ำมันอัลมอนด์ในขวดแก้ว นายตัวสำรองละเอียดอ่อนถึงขนาดใส่กลีบกุหลาบลงไปในนั้นด้วย ทำให้น้ำมันกลายเป็นโรสออยล์สีชมพูน่ารักและมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ฉันประทับใจมาก เลยสัญญากับเขาว่านอกจากเสื้อแล้วจะเย็บกางเกงให้เขาด้วย แต่นายตัวสำรองปฏิเสธ บอกว่าแค่เสื้อก็พอแล้ว
เสื้อของนายตัวสำรองถูกตัดเย็บออกมาอย่างรวดเร็ว ฝีเข็มของฉันไม่เลวนัก ฉันเย็บตะเข็บเสื้อสามชั้นเพื่อให้มันทนทาน ถึงมันเป็นเสื้อทูนิคธรรมดาแต่เขาก็ขอบคุณฉัน แล้วบอกฉันว่าถ้ามีเรื่องเดือดร้อนอะไร ก็ให้บอกเขา เขาจะพยายามช่วยฉันเท่าที่เขาทำได้
ตอนบ่ายอ่อน ๆ ที่ฉันกับเขานั่งเล่นอยู่ใต้ต้นไม้ ฉันเปรยขึ้นมาว่าต้นไม้ฝั่งโน้นมีโต๊ะแล้ว ถ้าต้นไม้ฝั่งนี้มีชิงช้าน่าจะดี นายตัวสำรองเลยอาสาทำชิงช้าให้ฉัน ดูเหมือนว่าเขาจะชอบงานอะไรประมาณนี้มาก พูดวันนี้ อีกสองวันเขาก็มาเยี่ยมฉันพร้อมกับไม้กระดานและเชือก ทำชิงช้าให้ฉันนั่งเล่นสมใจ
ฉันเริ่มมองไปยังบ่อปลา คิดว่าถ้าทำความสะอาดดี ๆ แล้วรอจนหน้าฝน ฉันอาจจะได้บ่อปลาบ่อหนึ่งมาดูเล่น ฉันว่าเลี้ยงบัวหรือพวกปลาเป็นงานอดิเรก แต่ไม่กล้าจับมันมากินอย่างเด็ดขาด แค่คิดว่าตัวเองจะต้องฆ่าปลา ก็รู้สึกเหมือนจะเป็นลมแล้ว
เพราะว่าโปรเจคนี้กว่าจะได้ใช้จริงยังอีกยาวไกล ฉันเลยเงียบเอาไว้ก่อน ขืนใช้มิซึซากิรัว ๆ ถึงจะเป็นคนดีแต่เขาก็อาจจะขยาด และไม่มาเยี่ยมฉันอีกเลย ฉันเลยคิดว่าระหว่างนี้จะพยายามอบขนมให้อร่อยขึ้น ขุนนายตัวสำรองเอาไว้ใช้แรงงานในอนาคตทีเดียว
ในระหว่างนั้น ฉันเขียนจดหมายไปหาท่านพ่อท่านแม่และท่านพี่ และฝากคันตะไปส่งอีกครั้ง คันตะคุงมีสีหน้าลำบากใจ แต่บอกว่าเขาจะพยายาม นอกจากนี้ฉันยังขอสบู่ไปเพิ่ม เพราะขอร้องเขาเยอะแยะ ฉันเลยสัญญาว่าจะปักผ้าเช็ดหน้าให้เขาเป็นการตอบแทน
ตอนที่ฉันคิดว่า อา...ชีวิตอย่างนี้ก็ไม่เลวนะ คุณเมดส่งของก็เอาจดหมายฉบับหนึ่งมาให้ฉัน ฉันตื่นเต้นแทบแย่เมื่อนึกว่าในที่สุดที่บ้านก็ได้รับจดหมายของฉัน และเขียนจดหมายตอบมาแล้ว ทว่าตราสัญลักษณ์บนครั่งปิดจดหมายทำให้ฉันชะงัก
มันเป็นตราประทับขององค์ราชินี
.....
โรสออยยยยยยยยยยยย อ้อยเบอร์ไหนนนนน เรือกูแล่นฉิวมาก ฮือๆ
ปล check pointมาละสินะ สวดให้ทั่นเรย์กะเจ้าค่ะ ถถถ
ส่งจดหมายไปเค้าก็ไม่รับ แต่ที่ไม่อยากสุงสิงดันส่งจดหมายกลับมา
ตื่นเต้นขึ้นเรื่อย
A&A - 38.
ลายมือของมาดามคาบุรากิสวยจนเหมือนพิมพ์ออกมาจากปรินเตอร์ กระดาษที่ใช้ก็เป็นกระดาษหอมย้อมสี เนื้อเนียนละเอียดไม่เหมือนกระดาษที่คนทั่วไปใช้
ในนั้นเขียนระบุไว้ว่า เนื่องจากท่านมาควิสซาวาราบิมีบุตรีที่โตพอจะต้องอบรมเรื่องมารยาทของเลดี้ จึงมีพระประสงค์ให้ฉันพักอยู่ในวังช่วงสั้น ๆ เพื่อช่วยสอนมารยาทให้กับเธอ
ซาวาราบิ...มาโอะจัง?
ฉันมองจดหมายเรียกตัวเข้าวังแล้วมองเห็นเงามรณะจาง ๆ แต่ก็อดทึ่งไม่ได้ว่าช่างเป็นแผนการขัดขวางความรักของคาบุรากิกับวาคาบะจังที่แยบยลยิ่งนัก
ปกติแล้วในโลกนี้ ถ้าบุตรีขุนนางที่อายุถึงเกณฑ์แล้วจะได้รับการอบรมมารยาทจากเลดี้ที่อายุมากกว่า เลดี้เหล่านั้นจะอบรมมารยาทการเข้าสังคม ช่วยเธอจัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ทำความรู้จักกับเด็กผู้หญิงในวัยเดียวกัน ออกงานสังคมเพื่อสอดส่องดูผู้ชายที่เหมาะสมและแนะนำพวกเขาให้กับบ้านของเธอ รวมถึงพาเธอเปิดตัวต่อสังคมเมื่อถึงวัยสมควรแก่การแต่งงานด้วย
แม้ว่าปกติแล้วเลดี้พี่เลี้ยงมักจะเป็นเลดี้ที่แต่งงานแล้ว หรือเลดี้ที่ได้รับการอำนวยยศเพราะติดตามองค์ราชินีมาจนกระทั่งเลยวัยแต่งงาน ทว่าฉันกลับได้รับการแต่งตั้งเป็นพิเศษ นัยหนึ่งบ่งบอกว่าฉันที่เป็นเลดี้ที่ไม่มีโอกาสได้แต่งงาน แต่อีกนัยหนึ่งกลับเปิดโอกาสให้ฉันเข้าใกล้ผู้ชายได้อย่างเปิดเผยโดยไม่ต้องกลัวข้อครหานินทา ดู ๆ ไปแล้วสมกับเป็นความคิดของมาดามคาบุรากิ เพราะดูคาบเส้นอย่างน่าหวาดเสียวกับจารีตสังคม แต่ก็ดูไม่ได้ไม่เหมาะสมด้วย เพราะใครจะเป็นเลดี้พี่เลี้ยงไปได้ดีไปกว่าคิโชวอิน เรย์กะ ดอกไม้ในวงสังคมที่เด่นดังที่สุด
จากเสียงนินทาที่ฉันได้ยินตอนใช้ชีวิตในราชวัง แม้คิโชวอิน เรย์กะ จะเป็นคนอารมณ์ร้ายและชอบกลั่นแกล้งคนที่ต่ำศักดิ์กว่า แต่เธอก็เป็นเลดี้ที่ได้รับการยอมรับไม่น้อย แม้ส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะว่าเธอเป็นบุตรีของดยุก ทว่าใครต่อใครต่างเฝ้าดูว่างานเลี้ยงของเธอจะเป็นเช่นไร เธอใส่ชุดแบบไหน ใส่เครื่องประดับราคาเท่าไหร่ คุยเรื่องอะไร งดงามขนาดไหน โง่เขลาเพียงใด เพื่อที่จะเอามาเลียนแบบบ้าง นินทาบ้าง เรียกได้ว่าคนที่ชื่นชมเธอก็มาก คนที่เกลียดเธอก็มีไม่น้อย แต่เธอคือหัวข้อสนทนาของคนในสังคม และไม่มีใครที่จะไม่รู้จักเธอ
แม้ว่าเธอจะถูกลงโทษให้กักบริเวณ ได้รับความอับอายในงานหมั้นของตัวเอง แต่การเชื้อเชิญจากองค์ราชินีย่อมเป็นใบเบิกทางให้เรย์กะเข้าสู่วงสังคมอีกครั้ง ถึงลับหลังจะต่อต้านไม่ยอมรับ แต่เบื้องหน้าไม่มีใครกล้าไม่ต้อนรับฉันที่เป็นเลดี้พี่เลี้ยง เพราะนอกจากจะเป็นการหยามหน้าตระกูลซาวาราบิ แล้วยังเป็นการตบหน้าพระราชินีโดยตรงด้วย หมากตานี้ถือว่าร้ายกาจยิ่งนัก
ฉันมองจดหมายในมือแล้วรู้สึกหนักใจ นอกจากเหตุผลทางการเมืองแล้ว ฉันที่ไม่มีความทรงจำของเรย์กะในชาตินี้วิตกอย่างหนักว่าจะทำได้ดีรึเปล่า ทว่าถึงจะไม่เต็มใจ แต่พระราชเสาวนีย์ก็คือพระราชเสาวนีย์
ในคืนนั้น รถม้าที่มารับฉันไปยังปราสาทช่างหรูหราโอ่โถง นั่นยิ่งทำให้ฉันประหวั่นใจถึงแผนการของมาดามคาบุรากิขึ้นไปอีก
.....
ท่านพี่ใจร้าย... กูโกรธละ ไปไหนก็ไปเลย แกไม่ใช่ซิสค่อนคนนั้นอีกแล้ว //เรือกูเว้ย เรือกูวววว โครตชิว เรือยูกิโนะก็ยังแล่นแบบชิวๆ 5555555
A&A - 39.
คุณเมดที่มาต้อนรับฉันหน้าประตูวังทำให้ลมหายใจของฉันสะดุด
อันที่จริงฉันควรจะเลิกประหลาดใจได้แล้วตอนที่เจอกับคนรู้จักจากโลกเดิม แต่ภาพเซริกะจังและคิคุโนะจังทำให้ฉันรู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ
ดูเหมือนว่าในโลกนี้เซริกะจังและคิคุโนะจังเองก็เป็นเพื่อนของเรย์กะเหมือนกัน พวกเธอรอรับฉันด้วยสีหน้าดีใจจนแทบกลั้นน้ำตาไม่ไหว ก้มหัวให้ฉันต่ำ ฉันเลยรีบลงไปหาพวกเธอ
เซริกะจังเข้ามาประคองมือของฉัน ส่วนคิคุโนะจังช่วยจับชายกระโปรงของฉัน แม้ว่าชายกระโปรงของฉันจะมีความยาวไม่มากนัก แต่เธอก็ทำเหมือนฉันกำลังใส่ชุดของชนชั้นสูง พวกเธอนำฉันไปจนถึงห้องนอนที่พอเปิดเข้าไป ก็เป็นห้องที่หรูหรากว่าห้องที่ฉันเคยพักในวัง บนพื้นปูพรมหนา มีเตียงสี่เสา มีเตาผิงในห้องนอน ข้างเตาผิงคืออ่างอาบน้ำที่ทำจากทองเหลือง
“ท่านเรย์กะ ฉันคิดถึงท่านเหลือเกินค่ะ” คิคุโนะจังบอก น้ำตาไหลออกมา
“ฉันเองก็คิดถึงท่านเรย์กะเช่นกันค่ะ เพียงแค่คิดว่าท่านเรย์กะต้องอยู่อย่างยากลำบาก ฉันก็รู้สึกเหมือนจะขาดใจ” เซริกะจังร้องไห้
พอเห็นทั้งสองคนร้องไห้ ฉันก็ร้องไห้ออกมา พวกเราร้องไห้กอดกันอยู่ในห้องจนกระทั่งคิคุโนะจังบอกว่าฉันคงเหนื่อยแย่ เลยช่วยฉันอาบน้ำ
แม้ว่าฉันจะรู้สึกไม่สบายใจนักกับการมีคนมาช่วยถอดเสื้อผ้าให้ แต่ก็ต้องฝืนเพราะไม่อยากให้ผิดสังเกต ฉันน้ำตาไหลพรากในใจเมื่อเซริกะจังถอดถึงกางเกงในผูกเชือกของฉัน แล้วจ้องเป๋ง
ฉันที่ไม่รู้จะปิดบนหรือปิดล่างดีได้แต่ยืนท่องบทสวดมนต์ในใจ คิคุโนะจังเองก็จ้องเช่นกัน ก่อนจะถอนหายใจเฮือก แล้วบอกกับฉันว่าถึงจะโดนกักบริเวณ แต่ฉันก็สมกับเป็นท่านเรย์กะที่มักจะมีความคิดแปลกใหม่ในการแต่งตัวเสมอ
“กางเกงชั้นในแบบนี้แปลกดีจริง ๆ ค่ะ ดูกระชับสวยงามกว่ากางเกงในแบบเก่าตั้งเยอะ สมกับเป็นท่านเรย์กะจริง ๆ” เซริกะจังพูด ไม่รู้ว่าพูดจริงหรือแค่ชมเพื่อเอาใจฉันกันแน่ แต่ฉันขยับออกมาแล้วบอกกับพวกเธอว่าฉันจะอาบน้ำเอง
ทั้งสองคนทำท่าไม่เข้าใจ พอฉันบอกไปว่าฉันชินกับการอาบน้ำเองแล้ว ทั้งเซริกะจังและคิคุโนะจังก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง บอกว่าชีวิตของฉันช่างยากลำบากจริง ๆ ฉันบอกพวกเธอว่าให้พวกเธอช่วยอุ่นเตียง กับเติมน้ำร้อนน้ำเย็นก็พอ
เพราะว่าฉันไม่ได้อาบน้ำกลางแจ้ง จึงค่อนข้างทุลักทุเล ฉันใช้ผ้าถูตัวทำความสะอาดร่างกาย ฟอกสบู่แล้วใช้ผ้าสะอาดเช็ดจนฟองหมด ก่อนจะลงไปแช่น้ำอุ่น
ตอนหน้าหนาวฉันได้แต่ต้มน้ำในหม้อเล็ก ๆ ผสมมันกับน้ำเย็นแล้วใช้ผ้าเช็ด เนื่องจากไม่สามารถต้มน้ำจำนวนมากได้ การได้แช่น้ำอุ่นหลังจากที่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากนี่ถือว่าเป็นสวรรค์บนดินจริง ๆ
หลังจากที่แช่น้ำอุ่นจนง่วงแล้ว เซริกะจังก็เอาผ้าเช็ดตัวมาจะซับน้ำบนร่างให้ฉัน แต่ฉันที่แค่เปลือยต่อหน้าพวกเธอก็อายจนไม่รู้จะอายยังไงอยู่แล้วได้แต่ขอผ้าเช็ดตัวมาเช็ดเอง ฉันมองพวกเธออย่างรอคอยว่าเมื่อไหร่พวกเธอถึงจะเอาชุดนอนมาให้ฉัน แล้วก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าคนที่นี่นอนเปลือยกัน
เพราะตอนที่ฉันป่วย ฉันเหงื่อออกค่อนข้างมาก จึงได้รับอนุญาตให้ใส่ชุดนอนได้ แต่ตอนนี้ไม่ได้ป่วย ดังนั้นจึงไม่มีชุดนอนสำหรับฉัน ถึงในห่อสัมภาระจะมีชุดนอนเตรียมมา การที่สตรีชั้นสูงอย่างเรย์กะใส่ชุดนอนหมายความว่าคุณเมดอุ่นเตียงของเธอได้ไม่ดีพอ จึงถือเป็นการตำหนิกลาย ๆ
ฉันน้ำตาไหลพรากในใจอีกครั้งตอนปีนขึ้นเตียง สาวน้อยที่ยังไม่ได้แต่งงานอย่างฉันนอนเปลือยแบบนี้ ถ้าเป็นในโลกก่อนใครรู้เข้าต้องโดนนินทาแน่ เซริกะจัดการเอาอ่างน้ำออกไป ส่วนคิคุโนะจังบอกกับฉันว่าคืนนี้เธออยู่รับใช้ฉันในห้องด้านข้าง แล้วก็หายเข้าไปในประตูบานเล็ก ๆ ซึ่งเป็นที่พักของคุณเมดต้นห้อง
ในคืนนั้นฉันหลับตาลง แล้วคิดว่าก่อนที่จะไปสอนมาโอะจัง ฉันต้องทำตัวให้ชินกับสังคมของที่นี่ให้มากกว่านี้ซะแล้ว
.....
A&A - 40.
เช้าของวันรุ่งขึ้น คิคุโนะจังมาปลุกฉัน ส่วนเซริกะยังยกถาดอาหารเข้ามาในห้อง บอกฉันว่าตอนช่วงสายองค์ราชินีมีรับสั่งให้ฉันไปเข้าเฝ้าดื่มชา
อาหารที่ยกเข้ามานั้นเป็นขนมปังชิ้นเล็กกับผลไม้เชื่อม ฉันทานอาหารเช้าไซส์กระจุ๋มกระจิ๋มอย่างเอร็ดอร่อย แต่รู้สึกไม่อิ่มเลยแม้แต่น้อย
แล้วฉันก็ต้องขอบคุณเซริกะจังที่ไม่ได้ยกอาหารมาให้ฉันเยอะกว่านี้ เพราะตอนที่คิคุโนะจังแต่งตัวให้ฉัน เธอจับฉันใส่เสื้อผ้าฝ้ายตัวใน แล้วเอาคอร์เซ็ตที่ดูเหมือนเครื่องลงทัณฑ์มาใส่ให้ฉัน
“หายใจออกค่ะท่านเรย์กะ พยายามแขม่วท้องให้แบนที่สุด” คิคุโนะจังให้ฉันกอดเสาเตียงเอาไว้ ในขณะที่เธอดึงสายคอร์เซ็ตจนตึงแล้วตึงอีก ถ้าตึงกว่านี้ซี่โครงฉันจะต้องหักแน่ ๆ “ดึงได้ครึ่งนึงแล้วค่ะ อดทนอีกนิดนะคะ ท่านเรย์กะไม่ได้ใส่คอร์เซ็ตมานาน อาจจะรู้สึกอึดอัดนิดหน่อย แต่เพื่อเอวที่เล็กสมส่วน ท่านเรย์กะจะต้องอดทนไว้ค่ะ”
ฉันกรีดร้องในใจ อะไรคือรัดมาถึงแค่ครึ่งเดียว อะไรคือรู้สึกอึดอัดนิดหน่อย อะไรคือเอวที่เล็กสมส่วน ฉันจิกเสาแน่น ลมหายใจถูกรีดออกจนไม่เหลือแม้แต่แรงกรี๊ด เซริกะยืนอยู่ข้าง ๆ ช่วยจับขอบคอร์เซ็ตให้รั้งเข้ามา
อันที่จริง บทลงโทษที่แท้จริงของฉันคือนี่สินะ เอาฉันไปปล่อยในที่ ๆ ไม่ต้องใส่คอร์เซ็ต ให้กินอาหารเต็มที่ไม่อดอยากจนน้ำหนักขึ้น แล้วก็จับฉันยัดใส่คอร์เซ็ตเหมือนเดิม นี่มันบทลงโทษชัด ๆ!
กว่าจะยัดตัวเองเข้าไปในคอร์เซ็ตไซส์มาตรฐานที่ทำออกมาเพื่อรัดเอวของผู้หญิงให้เหลือสิบเจ็ดสิบแปดนิ้ว ฉันก็หมดแรงซะจนจะร่วงลงไปนอนบนเตียงอีกครั้ง
เซริกะจังกับคิคุโนะจังประคองปีกของฉันคนละข้าง ราวกับเคยชินกับการช่วยเหลือเจ้านายแบบนี้แล้ว พวกเธออาศัยตอนที่ฉันตัวอ่อนปวกเปียกยัดฉันลงไปในชุดหกชั้นของสตรีชั้นสูง เกล้าผมด้วยเครื่องประดับหลายชิ้น ฉันปฏิเสธไม่ให้พวกเธอใส่ปอมเมดให้กับฉัน เพราะทนไม่ได้ที่ต้องหัวเยิ้มเหมือนลุงแก่ ๆ ตกยุค พอมองตัวเองในกระจกที่ยังเทออกมาได้ไม่เรียบ ทำให้ส่องไม่ชัดเหมือนกระจกยุคปัจจุบัน ก็เห็นคิโชวอิน เรย์กะในชุดคอคว้านเผยเนินอกแบบที่มีเท่าไหร่ก็โกยออกมาโชว์จนหมด ฉันมองชุดแล้วสงสัยว่าทำไมชุดโชว์โป๊อย่างนี้ถึงไม่ถูกประนาม แต่ชุดผ้าฝ้ายที่ไม่เห็นหน้าอกเลยแม้แต่น้อยกลับถูกบอกว่าไม่เหมาะสม ฉันก้มมองเอวคอดกิ่วของตัวเอง ถึงฉันจะเกลียดพุงแบบทานุกินักหนา แต่เอวคอดจนผิดปกติแบบนี้ก็ไม่ชอบเหมือนกัน
“ท่านเรย์กะจะแต่งหน้าเองไหมคะ?” คิคุโนะจังถาม ฉันส่ายหน้าปฏิเสธเพราะไม่คุ้นกับเครื่องสำอางในถาด คิคุโนะจังเลยแต่งหน้าให้ฉัน เธอเพียงปัดฝุ่นขาวลงบนใบหน้าของฉัน ใช้ฝุ่นสีดำแต้มคิ้ว ปัดแก้มด้วยฝุ่นสีแดง และใช้ออยล์เบสผสมฝุ่นสีแดงทาปาก ฉันมองวิธีการแต่งหน้าในโลกนี้อย่างสนใจ เครื่องสำอางในโลกนี้เป็นแบบเรียบง่าย เทคนิคการแต่งหน้าก็แสนจะธรรมดา ถ้าไม่สวยจริงนี่อย่าหวังได้เกิดเลย
เซริกะจังจะพรมน้ำหอมกลิ่นฉุนให้ฉัน แต่ฉันปฏิเสธไปเพราะขนาดแค่ยกมายังไม่ได้ฉีดลงบนตัว ฉันยังรู้สึกเหมือนจะอ๊อก ไม่รู้ว่ายัยไมฮามะทนได้ยังไง
ไม่ว่ายังไงทั้งสองคนก็ยืนยันว่าฉันควรจะใส่น้ำหอมไป ฉันเลยใช้น้ำมันหอมของมิซึซากิ ทาบาง ๆ ลงบนตัว ยังดีที่หน้านี้ยังคงเป็นหน้าหนาว ถ้าเป็นหน้าร้อน ฉันคงเอาน้ำมันมาละเลงตัวแบบนี้ไม่ไหว
ฉันแอบคิดในใจว่าจะดีแค่ไหนหนอ ถ้าฉันเกิดเป็นเรย์กะตอนที่ยังไม่เข้ารูทมรณะ เพราะจะได้ขอร้องให้วาคาบะจังช่วยทำเครื่องประทินผิวแบบที่ใช้ง่าย ๆ แต่ว่านั่นเป็นแค่ความเพ้อฝัน ฉันเลยจ้องขวดน้ำมัน แล้วตั้งใจว่าจะขอร้องนายตัวสำรองที่ตอนนี้ได้กลายเป็นนางฟ้าแม่ทูนหัวของฉันไปซะแล้ว เพราะเขาน่าจะถนัดเรื่องแบบนี้
หลังจากหลีกเลี่ยงวิกฤตการณ์น้ำหอมกลิ่นฉุนชวนอ้วกไปได้ ฉันก็ไปเข้าเฝ้าองค์ราชินี รู้สึกเสียใจทันทีที่ปฏิเสธน้ำหอมกลิ่นเหม็นของเซริกะจัง
เพราะข้าง ๆ ร่างของมาดามคาบุรากิในชุดกระโปรงสุ่มดันโป่งด้วยกลีบกระโปรงซับใน คือคาบุรากิที่นั่งจิบชาเต๊ะท่าเจ้าชายอยู่
.....
นางฟ้าแม่ทูนหัว 55555 ทำไมรู้สึกน่ารัก
ฟิคนี้กูเชียร์อาริมะจริงๆนะเนี่ย ในเมื่อไม่ถูกจริตชีวิตชนชั้นสูงก็ออกไปใช้ชีวิตแบบสาวชาวบ้านด้วยกันกับท่านหัวหน้าองครักษ์นะคะท่านเรย์กะ
เรืออาริมะกับคันตะแล่นฉิว กูเลือกไม่ถูกกกกกกกกกกกกกกกกก
ใครก็ได้ ยูกิโนะคุงก็ได้นะจ๊ะ ♥
A&A - 41
ฉันถอนสายบัวอย่างชดช้อยงดงามที่สุดให้กับองค์ราชินีและคาบุรากิ เอ่ยทักทายด้วยท่าทางนอบน้อมสุขุม ในขณะที่ในใจกรีดร้อง สาปแช่งคาบุรากิที่เลือกเวลามาหามาดามได้แย่ที่สุด
คาบุรากิเห็นฉันแล้วทำหน้าเหมือนไอ้ที่เขาเพิ่งยกจิบเข้าไปคือน้ำโคลน ฉันมองเขาแล้วยังคงรักษารอยยิ้ม แต่รู้สึกว่าตาไม่ได้ยิ้มไปด้วย
“มาได้เวลาพอดีเลย คุณเรย์กะ ดื่มชาก่อนสิคะ“
เมื่อฉันเดินเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ด้านขวาของมาดาม ซึ่งทำให้ประจัญหน้ากับคาบุรากิโดยเลี่ยงไม่ได้ ถ้วยน้ำชาก็ถูกวางลงตรงหน้า ตามด้วยชาสีทองที่รินลงในแก้ว ฉันยกชาขึ้นดื่ม มันเป็นชาจีนรสชาติขม แต่พอกลืนลงคอแล้วในลิ้นกลับหวานละมุน ถือเป็นชาชั้นเยี่ยมที่บอกให้ฉันรู้ว่า ประเทศนี้น่าจะติดต่อค้าขายกับประเทศจีน หรือไม่ก็ประเทศที่เหมือนก๊อปปี้มาจากจีน
ฉันเอ่ยชมชาที่ได้ชิม มาดามคาบุรากิยกพัดจีบขึ้นปกปากในขณะที่เธอหัวเราะ บอกว่าดีใจที่ฉันชอบ เพราะปกติแล้วฉันดื่มแต่ชาสมุนไพร
คาบุรากิหรี่ตามองฉัน แล้วถามฉันว่ามาทำอะไรที่นี่
ก่อนที่ฉันจะได้เปิดปากตอบ มาดามกลับเป็นคนชิงตอบก่อนว่าเธอเรียกฉันให้มาเป็นเลดี้พี่เลี้ยงของบุตรีท่านมาควิสซาวาราบิ
คาบุรากิมองฉันเหมือนสงสัยว่าคนอย่างฉันเนี่ยนะ จะอบรมมารยาทให้ใครได้
ฉันหลบตาเขา อันที่จริงถ้าไม่นับนิสัย คิโชวอิน เรย์กะ ก็น่าจะเป็นเลดี้พี่เลี้ยงที่ดี แต่ถ้าฉันเป็นแม่ของมาโอะจัง แล้วรู้ว่าลูกสาวของตัวเองจะอยู่ภายใต้การดูแลของผู้หญิงขี้วีนนิสัยแย่ ฉันคงไม่ค่อยเต็มใจส่งเธอมาเท่าไหร่
ดูเหมือนว่ามาดามจะอ่านสายตาลูกชายได้กระจ่างเช่นกัน เธอโบกพัดไปมา “คุณเรย์กะจะต้องเป็นเลดี้พี่เลี้ยงที่แสนวิเศษได้แน่ ๆ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา งานเลี้ยงที่คุณจัดมักจะได้รับคำชมเสมอ ๆ นี่คะ” คาบุรากิจ้องฉันเขม็ง ราวกับจะใช้ตาเลเซอร์ของเขาเผาฉันให้เป็นจุล “คุณเรย์กะมาอยู่ที่นี่ฉันเองก็หายห่วง คุณที่ฉันเห็นมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อยกลับต้องไปอยู่ในแท่นบูชาร้างห่างไกล ทุก ๆ คืนฉันได้แต่เฝ้ากังวลว่าจะมีเรื่องอันตรายเกิดขึ้นไหม เพราะคุณที่เป็นเลดี้ยังไม่แต่งงาน กลับต้องอยู่ในที่แบบนั้นกับทหารที่ไม่ใช่คนของตัวเอง ซ้ำยังไม่มีเมดคอยเฝ้า โชคดีนะคะที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
คราวนี้คาบุรากิสะดุ้งเหมือนโดนตบหน้า ฉันเองก็หน้าซีดไปเช่นกันเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
ขนาดอยู่ในวังที่ประตูห้องล็อคแน่นหนา เลดี้ที่ยังไม่แต่งงานยังต้องมีคุณเมดคอยติดตามและนอนเฝ้าเพื่อไม่ให้มีคนย่องเข้าหา แต่ที่ ๆ ฉันถูกส่งไปนั้นไม่มีแม้แต่กลอนล็อคประตู แม้มียามเฝ้าอยู่ด้านหน้า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ายามคนนั้นไว้ใจได้ ซ้ำทหารยามยังชอบหายตัวไปบ่อย ๆ ดังนั้นจึงไม่มีความปลอดภัยเลยแม้แต่น้อย
ถ้าในวันนั้น คนที่บุกรุกเข้ามาไม่ใช่พวกเด็ก ๆ แต่เป็นพวกผู้ชายที่ประสงค์ร้าย ฉันคงโดนฆ่าข่มขืนไปแล้ว
ตอนนี้ถึงมีคนกล่าวหาว่าฉันไม่ได้เป็นสาวบริสุทธิ์ ฉันก็ไม่สามารถหาใครมาเป็นพยานยืนยันได้ เพราะช่วงเวลาที่อยู่ในแท่นบูชาร้างนั่นสุ่มเสี่ยงจริง ๆ
คาบุรากิที่เมื่อครู่ยังมีสีหน้าอวดดีนิ่งไป มาดามส่งสายตาคมปลาบแล้วยิ้มน้อย ๆ สมกับเป็นมาดามคาบุรากิ เพราะภายนอกแม้เธอจะดูเรียบร้อย แต่เวลาเอาจริงก็ต่อยหมัดเดียวน็อค
มาดามกรีดพัดด้วยท่าทางสง่าแล้วหันมาส่งยิ้มให้ฉัน “ถ้าอย่างนั้นเรามาคุยกันเรื่องการฝึกสอนท่านหญิงจากบ้านซาวาราบิกันเถอะค่ะ”
คาบุรากิไม่ได้มองหน้าหรือพูดกับฉันอีกตลอดเวลาที่ฉันสนทนากับมาดาม พอพวกเราคุยกันจบ เขาก็ขอตัวออกไปจากห้องทันที
มาดามบอกกับฉันว่าถึงคิโชวอินจะตัดฉันออกจากตระกูล แต่ท่านแม่ของฉันได้ขอร้องให้ตระกูลเดิมของเธอรับฉันไว้ในฐานะหลานสาว และเมื่อฉันแต่งงาน พวกเขาจะเป็นคนจ่ายสินเดิมให้กับฉัน
ตอนที่ได้ยินจากริรินะว่าท่านแม่ของฉันเข้าพบองค์ราชินี ฉันก็เริ่มสืบข่าวเกี่ยวกับตนเอง และรู้ว่าตระกูลของท่านแม่ฉันถึงจะอยู่แค่ในลำดับมาควิส แต่ก็เป็นตระกูลที่ร่ำรวยและสนิทสนมกับตระกูลเดิมของมาดามคาบุรากิดี เพราะเหตุผลนั้น ตั้งแต่คิโชวอิน เรย์กะ เกิด เธอจึงถูกวางตัวไว้เป็นคู่หมายของคาบุรากิ มาซายะ รัชทายาทผู้สืบต่อบัลลังก์ และตอนที่เรย์กะเริ่มฝึกเป็นเลดี้ ก็ได้ญาติของมาดามคาบุรากิอย่างคุณโยโกะเป็นเลดี้พี่เลี้ยง
“เรื่องมาซายะไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง” มาดามคาบุรากิประกาศ สีหน้าของเธอมุ่งมั่นจนฉันไม่กล้าบอกว่าถ้าต้องแต่งกับคาบุรากิ ให้อยู่เป็นโสดแห้งเหี่ยวตายยังดีกว่า เพราะอย่างน้อยก็ได้แก่ตาย ไม่โดนใครซักคนปักธงมรณะใส่
ฉันพยายามพูดปฏิเสธอ้อม ๆ แต่เธอส่งสายตาเห็นใจให้ฉัน ราวกับฉันเป็นเด็กสาวผู้ถูกทรยศรัก ฉันที่ไม่สามารถโน้มน้าวเธอจึงได้แต่ร้องไห้ในใจ
.....
รอดูรีแอคชั่นคาบุว่าหลังจากนี้จะมีอาการรู้สึกผิดจนต้องทำอะไรไถ่โทษบ้างไหม...
แต่ผลโหวตdarkนี่ยังทำใจสั่นได้เรื่อยๆ
เออ กูว่า Dark อะดีแล้ว กูเห็นแววว่าจะโดนจับแต่งกับคาบุรากิ จบแบบนี้อะดีแล้ว กูอยากเห็นเจ้าแม่แข็งแกร่ง ใช้ชีวิตต่อไปด้วยตัวเองได้บ้าง อ่านเรย์กะคาบุเยอะมันก็เลี่ยนๆ เปลี่ยนรสชาติชีวิตซะบ้างก็ดี มันคือการบริหารตับ.... อุโฮะโฮะโฮะ
>>895 ใช่ กูชอบผู้หญิงแกร่ง ไม่มีผู้ชายก็อยู่ได้ไม่ง้อ
จริงๆกูไม่ชอบพล็อตประเภทวิญญาณคนอื่นมาสิงร่างนางร้ายที่ทำชั่วไว้มากหรือคนที่ไม่เคยอยู่ในสายตาพระเอก แล้วถูกขับไสไล่ส่ง พอเห็นเขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นดันมาทำหวง พล็อตแบบนี้กูรู้สึกมันไม่แฟร์กับเจ้าของร่างเดิมเลย แต่กูแค่ไม่ชอบอยู่คนเดียวอะเน้อ โม่งฟิคอยากเขียนให้ไปทางไหนก็เขียนต่อไปเถอะจ้า
กูอยากอ่านพล็อตตายแล้วไปเกิดเป็นนางเอกเกมหรือนางเอกนิยายมั่งว่ะ เบื่อพล็อตเกิดเป็นนางร้ายแล้ว และถ้ากูเป็นนางเอกนะ กูจะไม่เอาแค่พระเอกคนเดียวหรอก แต่กูจะตั้งฮาเร็มกวาดผู้ชายทั้งหมดมาเป็นของกู จะเลือกไปทำไมในเมื่อทุกคนก็แซ่บกันขนาดนั้น กูรักทุกคนนนน หรือไม่ก็จะเชียร์ให้พวกเขาได้กันแล้วกูนั่งฟิน//แค่กๆๆๆๆ
>>896 กูนึกถึงอีเรื่องหมอหญิงของส้มขึ้นมาทันที เรื่องนั้นกูยังอ่านไม่จบเพราะความควายของพระเอกนี่ล่ะ
ไม่ใช่อะไร กลัวเรื่องการมุ้งยุ่งการเมืองแล้วจะมีอีเวนท์ประหารสามชั่วโคตรอะไรแบบนั้น...
แต่ก็ชักสงสัยว่าเรย์กะก่อเรื่องอะไรไว้ ร้ายแรงขนาดโดนกักบบบริเวณแถมตัดออกจากตระกูลนี่มันน่าจะเรื่องใหญ่เอาการอยู่
A&A - 42.
เนื่องจากดินแดนของซาวาราบิอยู่ไกล ดังนั้นกว่ามาโอะจังจะเดินทางมาถึง ก็ต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือน ในช่วงเวลานี้มาดามอนุญาตให้ฉันเตรียมการสอน และแพลนปาร์ตี้ที่จะต้องจัดอนาคต เพื่อส่งงบประมาณและให้ตระกูลซาวาราบิเตรียมตัว
การเรียนของมาโอะจังแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือการเรียนตามปกติ โดยเด็กผู้หญิงที่เกิดในตระกูลขุนนางชั้นสูงจะต้องเรียนอ่านเขียนและการคำนวน เพื่อที่เธอจะได้เขียนจดหมาย อ่านบทกวี และจัดสรรเงินในบ้านได้ แต่นั่นถือว่าเป็นเรื่องเล็ก เพราะสิ่งสำคัญของชนชั้นสูงคือความงาม ความสามารถในการจัดงานเลี้ยง การเจรจา และการเป็นที่กล่าวถึง
แม้ว่าสิ่งสำคัญของสตรีชั้นสูงอาจจะดูกลวง ๆ ไปบ้าง แต่เนื้อแท้แล้วไม่ต่างจากภรรยานักธุรกิจและผู้มีอิทธิพลในปัจจุบันเลย
ถ้าเป็นเรย์กะคนเดิม คงจะสอนเรื่องพวกนั้นให้กับมาโอะจังได้อย่างง่ายดาย ทว่าฉันที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกใบนี้เลยนั่งกลุ้มจนแทบเป็นบ้า
ฉันขอให้เซริกะจังกับคิคุโนะจังเอาเครื่องสำอางทั้งหมดเท่าที่พวกเธอหาได้มาให้ฉัน หากเป็นในโลกก่อน ฉันสามารถแต่งหน้าหรือแม้กระทั่งเปิดคอร์สสอนแต่งหน้าเบื้องต้นได้อย่างสบาย ทว่าในโลกนี้ เครื่องสำอางตรงหน้าฉันกลับกลายเป็นของแปลกใหม่
แน่นอนว่าฉันซึ่งเป็น ‘ท่านเรย์กะ’ ที่แสนจะเพอร์เฟคในสายตาของเซริกะจังและคิคุโนะจัง ไม่สามารถจะขอร้องให้พวกเธอสอนการใช้เครื่องสำอางพวกนี้ได้ และจะเผยพิรุธออกไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด
ดังนั้นฉันจึงต้องการตัวช่วย โชคร้ายที่มารีได้รับการคัดเลือกจากคุณหญิงที่มาจากตระกูลบารอนตระกูลหนึ่งให้กลับไปรับใช้เธอเพราะถูกใจอัธยาศัยเปิดเผยน่ารัก จึงไม่สามารถขอความช่วยเหลือได้ ดังนั้นตัวช่วยที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเครื่องสำอาง แต่มีความละเอียดอ่อนพอที่จะให้คอมเมนต์กับฉันได้ อีกทั้งยังคอยช่วยฉันมาเสมอจึงเหลือเพียงคนเดียว
แม้ว่าจะเป็นการไม่สมควร แต่ฉันก็ให้คิคุโนะจังไปส่งจดหมายเรียกนางฟ้าแม่ทูนหัวของฉันให้มาที่ห้อง
.....
A&A - 43.
ทั้งเซริกะจังและคิคุโนะจังไม่เต็มใจนักเมื่อฉันบอกให้เธอปล่อยพวกเราไว้ตามลำพัง แต่พอฉันบอกว่านายตัวสำรองมีงานอดิเรกลับ ๆ คือการแต่งตัวเป็นผู้หญิงออกไปเที่ยวในเมืองโดยที่ฉันเป็นคนแต่งหน้าแต่งตัวให้ ทั้งสองคนก็ยอมหลบไปอยู่ที่ห้องเล็กแต่โดยดี
ต้องขอบคุณอิวามุโระคุงที่ทำให้ฉันคิดข้ออ้างนี้ออกมาได้ นายตัวสำรองทำหน้าเหมือนเด็กสาวมัธยมที่ถูกขังให้อยู่ในห้องเดียวกับลุงโรคจิตหื่นกามทันทีที่เห็นเมดของฉันเข้าห้องเล็ก พอฉันก้าวเข้าไปหาเขาก้าวหนึ่ง เขาก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง พวกเราทำอย่างนั้นจนกระทั่งนายตัวสำรองถอยหลังชนเตียง แต่เขาไม่ได้ร่วงลงไปเหมือนในการ์ตูนที่ฉันอ่าน มิซึซากิถอยชิ่งไปด้านข้างอย่างรวดเร็วเหมือนกระแตบนต้นไม้
”ช่วยอย่าทำท่าเหมือนกับว่าฉันจะล่วงเกินคุณได้ไหมคะ คุณหัวหน้าองครักษ์”
มิซึซากิหน้าแดงจัด ฉันเลยถอยห่างออกมาเพื่อไม่ให้เป็นการคุกคามเขา แล้วบอกเขาไปว่าฉันจะลองวิธีแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางตัวใหม่ แต่ถ้าลองกับหน้าเมดของฉันก็กลัวว่าจะแพ้ เลยมาขอยืมหน้าของเขา
ถ้าเป็นคาบุรากิ คงโวยวายแล้วด่าฉันว่าไปลองกับเขานี่ไม่กลัวเขาแพ้เครื่องสำอางรึไง แต่มิซึซากิที่ฉันแจ้งความประสงค์ว่าเจตนาขอยืมใช้หน้าเขา ไม่ได้จะทำอะไรมากกว่านี้ก็ทำท่าโล่งใจ แล้วบอกฉันว่าถ้าเป็นเรื่องแค่นี้เขาก็ยินดีจะช่วยฉัน แต่เขาต้องไปเข้าเวรในอีกสามชั่วโมง ดังนั้นคงไม่มีเวลามากนัก
แค่สามชั่วโมงก็เหลือแหล่ ฉันให้มิซึซากินั่งเก้าอี้ สวมเสื้อคลุมทับอีกชั้นเพื่อปิดหน้าอกที่เสื้อคว้านจนแทบจะเห็นถึงตาตุ่ม ก่อนจะใช้เขาเป็นหนูทดลองแต่งหน้า
เครื่องสำอางของโลกใบนี้มีพื้นฐานคือเบสที่เป็นแป้ง โรสวอเตอร์ น้ำมันมะกอก กับผงสี ฉันมองเครื่องสำอางเหล่านั้นแล้วภาวนาไม่ให้มันมีปรอท ตะกั่วหรือสารหนู อย่างที่เครื่องสำอางในสมัยก่อนชอบใส่กัน
แม้เครื่องสำอางที่ใช้จะต่างกัน แต่พื้นฐานทางด้านความงามกลับไม่ค่อยต่างกันนัก ในโลกแห่งนี้นิยมผิวขาวเนียน แก้มระเรื่ออมชมพู ดวงตากลมโต คิ้วเข้มเป็นธรรมชาติ และปากสีชมพูหรือสีแดง โดยการแต่งหน้าจะเน้นให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด
ถึงฉันจะทำอาหารไม่เก่ง ทำสบู่ไม่ได้ แต่การเล่นเครื่องสำอางกลับเป็นสิ่งที่ฉันทำมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ในบางครั้ง พวกแบรนด์ต่าง ๆ ก็จะออกเบสและสีออกมาให้ผสมเล่นเอง แม้ว่าเครื่องสำอางที่อยู่ตรงหน้าของฉันจะมีเบสและสีจำกัด แต่ไม่นานนัก ฉันก็ผสมได้อย่างคล่องแคล่ว
ใบหน้าของมิซึซากิที่ปกติก็หน้าตาดีตามสไตล์พระรองอยู่แล้ว ตอนนี้กลับถูกแต่งแต้มให้ยิ่งสมบูรณ์แบบขึ้นไปอีก ฉันมองใบหน้าอาฟเตอร์ของเขาแล้วยกมือแนบแก้ม ความจริงตอนแต่งหน้าอิวามุโระคุงก็สนุกอ่ะนะ แต่ว่าพอได้แต่งหน้าคนสวย ๆ ทำให้สวยเข้าไปอีกนี่สนุกที่สุด!
เห็นเขาแต่งหน้าได้สวย ฉันก็เริ่มล่วงล้ำเข้าไปในโซนที่คิดว่า อา...ถ้านายตัวสำรองใส่กระโปรงจะเป็นไงน้า แต่พอเห็นแขนล่ำ ๆ ของเขา ความคิดบรรเจิดของฉันก็ดับทันที ถ้าเป็นชุดญี่ปุ่นอย่างกิโมโนก็ว่าไปอย่าง แต่ให้ผู้ชายล่ำ ๆ แต่งชุดกระโปรงโรโคโค่นี่ไม่เวิร์คสุด ๆ
หมดเวลาสามชั่วโมง ฉันก็ลบหน้าให้กับมิซึซากิ แล้วขอบคุณเขา เนื่องจากตอนที่รับงานเลดี้พี่เลี้ยงฉันได้รับเงินในทุกคลาสที่สอนมาโอะเป็นค่าธรรมเนียม จู่ ๆ เลยกลายเป็นเศรษฐีนีย่อม ๆ จึงสัญญากับนายตัวสำรองว่าฉันจะพาเขาไปเลี้ยงอาหารเย็นข้างนอกเป็นค่าตอบแทน (ค่าปิดปาก) ที่เขามาช่วยฉันในวันนี้
.....
นายตัวสำรองโคตรน่ารัก ยอมให้เจ้าแม่แต่งหน้าซะด้วย แต่ไม่รู้ทำไม พอเจ้าแม่บอกว่านายตัวสำรองสวย คำว่า เคะ เคะ เคะ ผุดขึ้นในหัวกูไม่หยุดเลย...
A&A - 44.
นอกจากเรียนรู้เรื่องเครื่องสำอาง ฉันยังต้องอ่านหนังสือเรื่องมารยาทต่าง ๆ และธรรมเนียมปฏิบัติทั้งของประเทศนี้ ประเทศอื่น และประวัติศาสตร์อย่างเร็วจี๋ ดีที่เซริกะจังและคิคุโนะจังไม่ได้สงสัยว่าฉันเกิดลืมกฏต่าง ๆ เกี่ยวกับมารยาท แต่กลับคิดว่าฉันเป็นอาจารย์ผู้ทุ่มเท
มาดามคาบุรากิอนุญาตให้ฉันเข้าไปศึกษาในหอหนังสือที่เป็นของราชวงศ์ซึ่งเป็นที่เก็บหนังสือที่สมบูรณ์ที่สุด เพราะว่าอยู่ในหอหนังสือที่ปกติไม่อนุญาตให้คนนอกเข้า ฉันเลยให้เซริกะจังกับคิคุโนะจังนั่งรอที่โต๊ะ ตัวเองจะได้หาหนังสือที่อยากอ่านโดยไม่ต้องกังวลว่าทั้งสองคนจะรู้สึกเบื่อกับการเดินตามฉันรึเปล่า
ตอนที่ฉันปีนบันไดขึ้นลง ก็เริ่มเสียใจว่าน่าจะให้เซริกะจังหรือคิคุโนะจังมาด้วย เพราะชุดเมดกับชุดที่ฉันใส่ความคล่องตัวต่างกันมาก โชคดีที่ชั้นหนังสือที่นี่ไม่สูงมากนัก ปีนบันไดเตี้ย ๆ ก็หยิบถึง
ทว่าในตอนที่ฉันพยายามดึงหนังสือที่ว่าด้วยการใช้สีและความหมายของสัญลักษณ์ต่าง ๆ ในงานเลี้ยงซึ่งเบียดแน่นอยู่ในชั้น หนังสือเล่มข้าง ๆ กลับหลุดออกมาด้วย ฉันที่เห็นกับตาว่าหนังสือจะตกใส่ แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะมือนึงจับขอบชั้นหนังสือ อีกมือนึงจับหนังสือเล่มที่หยิบอยู่ ได้แต่หลับตาปี๋ ก้มหน้าลงรอหนังสือเล่มหนาที่ร่วงลงใส่หัวเพราะใจไม่กล้าพอจะกระโดดลงจากบันได
“อา...อันตรายจังเลยนะ เกือบไปแล้ว”
เสียงทุ้มต่ำนุ่มนวลดังขึ้นจากด้านหลัง ฉันรู้สึกได้ถึงร่างที่แนบเข้ามาด้านหลัง แผ่นอกกว้าง แขนที่ยกขึ้นยันหนังสือเล่มหนาหนักไม่ให้ตกลงมา เมื่อหันไปด้านหลัง ก็ต้องตกใจเมื่อใบหน้าสุขุมอยู่ใกล้แค่ฝ่ามือ
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” อัศวินผู้ช่วยชีวิตของฉันถาม ใบหน้าของเขาอ่อนโยนใจดี หัวใจของฉันเต้นระรัวเมื่อจำได้ว่าเขาเป็นใคร
ในที่สุด ท่านพ่อของคาบุรากิที่เป็นพระราชาก็ปรากฏตัว!
.....
A&A - 45
“บางทีหนังสือบนชั้นก็ติดกัน ได้ยินว่ามีเมดที่บาดเจ็บเพราะโดนหนังสือทับด้วย คุณก็ควรจะระวังไว้หน่อยนะครับ ถ้าจะมาเลือกหนังสือ ก็ควรจะพาเมดมาด้วย”
ฉันที่ตกใจเพราะตัวละครแรร์ไอเท็มปรากฏตัวได้แต่ทำท่าเงอะงะ จนกระทั่งท่านพ่อของคาบุรากิต้องยื่นมือออกมาให้ฉันจับ แล้วประคองลงมาจากบันได
“ขอบพระคุณมากนะคะ” พอยืนได้มั่นคงบนพื้น ฉันก็ถอนสายบัวให้กับท่านพ่อของคาบุรากิทันที ถึงจะเสียมารยาทต่อหน้าเอ็นโจไปครั้งหนึ่ง แต่จะพลาดอีกไม่ได้
ท่านพ่อของคาบุรากิยิ้ม ๆ แล้วตอบรับคำทักทายของฉันอย่างสุภาพเป็นกันเองไม่ถือตัวแม้แต่น้อย นอกจากนี้ยังช่วยฉันหยิบหนังสือ รวมถึงแนะนำหนังสือเกี่ยวกับการเรียนมารยาทและการจัดงานปาร์ตี้ ทั้ง ๆ ที่เป็นผู้ชายแท้ ๆ แต่กลับรู้ดีว่าหนังสือเล่มไหนเป็นหนังสือที่สุภาพสตรีชั้นสูงควรอ่าน ช่างรอบรู้ได้อย่างกว้างขวางอะไรเช่นนี้นะ อีกทั้งถึงจะคอยเอสคอร์ตฉันไปช่วยเลือกและถือหนังสือ แต่กลับไม่มีกลิ่นอายเจ้าชู้เหมือนท่านอิมาริเลยแม้แต่น้อย ช่างเป็นผู้ชายที่สุดยอดจริง ๆ
เซริกะจังกับคิคุโนะจังเหมือนจะเป็นลมเมื่อเห็นว่าใครช่วยแบกกองหนังสือตามหลังฉันมา พวกเธอถอนสายบัวทำความเคารพท่านพ่อของคาบุรากิ พอพวกเรากลับถึงห้อง ก็ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดถามฉันใหญ่ว่าฉันไปเจอกับองค์ราชาได้ยังไง แล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ฉันแอบรู้สึกเหมือนกลับไปยังโลกก่อน แต่เปลี่ยนจากคาบุรากิเป็นท่านพ่อของคาบุรากิเท่านั้น ซึ่งตอนสมัยคาบุรากิ ฉันไม่มีโมเมนต์อะไรให้เล่าถึงเลยแม้แต่น้อย ทว่าพอเปลี่ยนเป็นท่านพ่อ ฉันก็อดเล่าแบบอวด ๆ ไม่ได้ว่าท่านพ่อของคาบุรากิสุภาพอ่อนโยนแค่ไหน เฉลียวฉลาดเก่งกาจแค่ไหน
พวกเราคุยกันจนถึงดึก จนกระทั่งคิคุโนะจังส่งฉันเข้านอน
.....
แปปๆก็900แล้วหรอวะเนี่ย...
900 แล้ว เสนอชื่อกระทู้กันด้วยนะ
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับกาวแห่งโม่งฟิค เมื่อไหร่ท่านฮิโยโกะจะมาต่อกันน้า~ { นั่งนับดาวครั้งที่29 }
กรี๊ดดดดดดดด
มึงงงงงงง โม่งฟิคคคคคค กุทีมท่านพ่อได้มั้ย แงงงงงงง
มาดามป่วยตาย เจ้าแม่ขึ้นเป็นแม่เลี้ยงไซซายะไรงี้
หวก่กสกด่สกวก
ท่านพ่อหล่อมากค่าาาาาท งงงงง
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันที่มีกาวเป็นขนมว่าง (ค้างเติ่งอยู่ตอนที่ 29เก้า มานานแล้วนะคะ...)
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับโม่งฟิคผู้ร่ายมหาเวทย์กาวดึงดาวข้ามจักรวาล [สับสนเรื่องฝันและความจริงรอบที่29]
A&A - 46.
ไม่รู้เป็นเพราะว่าไปเจอเรื่องน่าตื่นเต้นอย่างเกือบโดนหนังสือทับตาย หรือเจอตัวละครลับอย่างท่านพ่อของคาบุรากิกันแน่ แต่ในคืนนั้น ฉันฝันเกี่ยวกับเรื่องของเรย์กะอีกครั้ง
ในตอนนี้เธออยู่ในชุดกระโปรงพองสีเลือดนก รูปร่างดูเป็นสาวขึ้นแต่ยังไม่โตเต็มวัย แบบเสื้อยังไม่คว้านหน้าอกเหมือนอย่างที่ฉันใส่ทุกวันนี้ เธอยืนอยู่บนระเบียงชั้นสามของคฤหาสน์แห่งหนึ่ง ทัศนียภาพในยามตะวันใกล้ลับฟ้าเบื้องนอกงดงามยิ่ง แต่น่าแปลกที่ด้านข้างของสตรีชั้นสูงอย่างเธอไม่มีเมดติดตาม
เมื่อร่างสูงของท่านพี่ที่ยังคงเป็นเด็กหนุ่มก้าวผ่านประตูระเบียง ดวงตาของเรย์กะก็ประกายวาววับทันที เธอยกกระโปรงแล้วก้าวเร็ว ๆ เข้าไปหาพี่ชาย
ท่านพี่มีสีหน้าเคร่งเครียด ดูเหมือนจะต่อว่าอะไรเธอหลายคำ ทว่าไม่รู้ว่าเรื่องอะไรเพราะฉันเห็นแต่ภาพ ไม่ได้ยินเสียงของพวกเขา
ใบหน้าของเรย์กะมีแววเจ็บปวด เธอพยายามเข้าไปเกาะแขนพี่ชายอย่างออดอ้อน แต่เขาสะบัดทิ้งแล้วถอยห่างออกไป ทั้งสองคนพูดคุยกันต่อ ดูเหมือนยิ่งพูด ก็ยิ่งทวีอารมณ์รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
“ความรักของน้อง แม้แต่พระเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ตัดสินหรอกค่ะ!” เรย์กะตวาดลั่น นั่นเป็นคำเดียวที่ฉันได้ยิน เธอดูหัวเสีย โกรธจนหน้าแดงก่ำ น้ำตาพรั่งพรูไหลอาบแก้ม “ท่านพี่น่ะ— ทั้ง ๆ ที่—-”
เสียงของเรย์กะขาดหายไป แต่ปากของเธอขยับพูดต่อ ไม่รู้ว่าเธอพูดว่าอะไร แต่คำพูดของเธอน่าจะรุนแรงมาก เพราะเมื่อฉันหันไปมองทางท่านพี่ ก็ได้เห็นสีหน้าน่ากลัวแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ฉันสะดุ้งตื่น เสียงกรีดร้องจุกอยู่ในลำคอไม่สามารถเปล่งออกมาได้ ร่างของฉันสะท้านเฮือก แต่ไม่ได้ลุกขึ้นมาเหมือนในหนัง ยังคงนอนเบิกตาโพลงในความมืด
ร่างของฉันท่วมไปด้วยเหงื่อราวกับเพิ่งหลุดออกมาจากการออกกำลังกายแบบสปาร์ตันกับคาบุรากิ ฉันกำมือแน่นใต้ผ้าห่ม เพราะนอนเปลือยไม่ได้สวมชุดนอน ก็เลยรู้สึกเหนอะหนะ
ฉันลุกออกจากเตียง คลำทางไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งคว้าเสื้อคลุมที่อยู่มุมห้องมาสวมได้ ก่อนจะงมจุดเทียนในความมืดอยู่นาน พอมีแสงฉันก็ล้างหน้าในอ่างทองเหลือง แล้วมองตัวเองในกระจกอันมืดทึม
เหตุการณ์นั้นดูร้ายแรงกว่าการที่พี่ชายห้ามไม่ให้น้องสาวรังแกเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ความโกรธในดวงตาของท่านพี่ไม่ใช่ความโกรธในระดับที่ธรรมดาเลยแม้แต่น้อย
เรย์กะ...เธอทำอะไรลงไปกันแน่นะ?
.....
A&A - 47 (องค์ราชา ท่านพ่อของคาบุรากิ)
“มีหนังสือใหม่ ๆ เข้ามางั้นหรือคะ” ร่างที่นั่งเอนบนเก้าอี้พักผ่อนถามขึ้นเมื่อพระสวามีก้าวเข้ามาในห้อง
องค์ราชาเดินถือหนังสือเข้ามาเล่มหนึ่ง ก่อนจะนั่งลงอย่างนุ่มนวลสง่างามลงบนเก้าอี้บุนวมตกแต่งอย่างหรูหราอีกตัวที่อยู่ใกล้กัน “ไปดูหนังสือที่มีคนคนแนะนำมาน่ะ เป็นหนังสือเล่มต่อที่น่าประหลาดราวกับถูกเขียนขึ้นจากคนเขียนคนละคน”
”ถ้าเป็นเช่นนั้นน่าจะเสียอารมณ์แย่” คิ้วโก่งเลิกขึ้น มุมปากยังคงประดับด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ
คนถูกถามทำท่าครุ่นคิดครู่หนึ่ง ดวงตาก็วาวระยับเมื่อนึกถึงภาพเด็กสาวตัวน้อยที่ดวงตาเป็นประกาย ตั้งใจฟังเขาเล่าเกี่ยวกับประวัติของหนังสือและนักเขียน ราวกับบุตรชายครั้งเมื่อยังเยาว์ “อา...ไม่หรอก น่าสนุกมากเลยทีเดียว ยิ่งเห็นแล้วก็ยิ่งอยากอ่านมากขึ้น เพราะชวนให้สงสัยว่าเล่มหนึ่งดำเนินเรื่องมาเช่นนั้น เล่มสองจะเป็นเช่นไร”
ร่างบนเก้าอี้พักผ่อนขยับตัว มือเรียวขาวเอื้อมไปวางบนหนังสือเล่มหนา “แน่ใจนะคะว่าเป็นหนังสือชุดเดียวกัน? บางทีอาจจะถูกคนขายย้อมแมวเข้าเสียให้”
องค์ราชาหัวเราะ “เรื่องนั้น...มีคนช่วยดูให้อยู่น่ะ แต่เพราะสำนวนการเขียนที่ต่างกันออกไปจนเห็นได้ชัดแบบนั้น ยิ่งทำให้รู้สึกว่าไม่ใช่ของปลอมแปลงเข้าไปใหญ่”
“อืมม์ จะหนังสือจริง หนังสือปลอมก็ช่าง ขอแค่ใช้ตบแมลงตายได้ ฉันก็พอใจแล้วล่ะค่ะ” องค์ราชินีขยับไปนั่งเบียดกับร่างของพระสวามี แนบหน้าลงไปกับแขนแข็งแรง “จะว่าไปก็ได้ยินเรื่องสนุก ๆ เกี่ยวกับคนขายหนังสือมาด้วย คุณอยากจะฟังไหมคะ?”
แขนคู่นั้นโอบกอดร่างบอบบาง ก่อนที่ริมฝีปากจะแนบกับใบหูขาวละมุน “เรื่องที่เธอเล่า จะเป็นเรื่องไหนก็อยากฟังทั้งนั้นแหล่ะ”
.....
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการสูดกาวฆ่าเวลา (ท่านเอ็นโจส่งยิ้มให้เป็นครั้งที่ 29)
To be continued....
เนื่องจาก A&A ถึงจุด Check point ที่ 1 แล้ว กูจะหายไปซักพักเพื่อให้โม่งฟิคท่านอื่นได้เทกาวออกมาบ้างนะคะ
แล้วพบกันใหม่เมื่อชาติต้องการ
-คันตะบอกว่าเรย์กะโดนลือว่าเป็นแม่มด
-ปกติแล้วชนชั้นสูงแล้วจะโดนโทษหนักขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่อาชญากรรมหนักมากๆก็เรื่องศาสนา
-ความรักที่ท่านพี่ไม่ยอมรับด้วย
หรือว่าเรย์กะปล้ำวาคาบะ!? //อัดกาวอีกสามเฮือก
กูคิดถึงท่านอิมาริ....
กูอยากขึ้นเรือท่านพ่อของคาบุรากิ //ลากกูไปเก็บ
หรือเจ้าแม่ไปรู้ความลับเกี่ยวกับรักต้องห้ามระหว่างท่านพี่กับอิมาริวะ ท่านพี่ที่มองเรย์กะไม่ดีอยู่แล้วเลยหันมาเป็นศัตรูเต็มตัว
หรือว่าเรย์กะคนเดิมจะเล่นคุณไสยวะ คนอื่นก็ลือว่านางเป็นแม่มดด้วยนี่ หรือนางจะวางยาพิษ?
เสนอ
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการรอคอยให้ท่านฮิมาต่อพร้อมกับการเปิดตัวพระเอกที่เหล่าโม่งกำลังสับสน [การย้ายเรือไปมารอบที่29จากการเมากาวของเหล่าโม่งฟิค]
เสนอ ฮาเร็มเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรัน สูดกาวไปด้วยกันกับโม่งฟิก [ลุ้นให้จบด้วยแทคเลิฟครั้งที่ 29]
ปิดโหวตที่ 980 เหมือนเดิมดีมั้ย
แท้งกิ้วโม่งฟิก
ขอแบบ dark เช่นให้เรย์กะตัวจริงชอบท่านพี่ จนเข้า dark mode ไม่ได้ชอบคาบุไรงี้
ฮือขอโทษค่าเห็นแทคเลิฟไม่ได้จริงๆมันกะแทกใจเหลือเกินTT
โอ้โห... เนียนจริง
ดูผ่านๆนึกว่าคนละคนอ่ะ5555
อิเนียนนน
กูจะนับคะแนนแล้วนะ รอแปป
>>915 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับกาวแห่งโม่งฟิค เมื่อไหร่ท่านฮิโยโกะจะมาต่อกันน้า~ { นั่งนับดาวครั้งที่29 }
= 0
>>917 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันที่มีกาวเป็นขนมว่าง (ค้างเติ่งอยู่ตอนที่ 29เก้า มานานแล้วนะคะ...)
= 0
>>918 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับโม่งฟิคผู้ร่ายมหาเวทย์กาวดึงดาวข้ามจักรวาล [สับสนเรื่องฝันและความจริงรอบที่29]
= 7
>>922 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการสูดกาวฆ่าเวลา (ท่านเอ็นโจส่งยิ้มให้เป็นครั้งที่ 29)
= 0
>>942 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการรอคอยให้ท่านฮิมาต่อพร้อมกับการเปิดตัวพระเอกที่เหล่าโม่งกำลังสับสน [การย้ายเรือไปมารอบที่29จากการเมากาวของเหล่าโม่งฟิค]
= 11
>>943 ฮาเร็มเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรัน สูดกาวไปด้วยกันกับโม่งฟิก [ลุ้นให้จบด้วยแทคเลิฟครั้งที่ 29]
ขอตัดคะแนนโหวตซ้ำออก เหลือ 6 คะแนน
สรุป >>942 ได้เป็นชื่อกระทู้ใหม่
เปิดวาร์ป >>>/webnovel/6114/
จากนี้เชิญวิ่งควายกันได้ตามสบาย
กูเสพกาวเข้าไปมากขนาดนี้ละ เดทของจอมมารอยู่ไหนวะ ฮรือๆๆ
เราควรจะหาเรื่องเป็นมงคลคุยตอนปิดมู้นะ คุยเรื่องไรดีวะ
ไม่แน่นะ คนแต่งเขาคงเห็นว่านักอ่านไม่ค่อยชอบพระเอกของเรื่องนี้ (คาน) เลยหยุดเขียนต่อซะเลย
พูดขนาดนี้ที่สับสนกันคือจะลงเรือฟู๊ดซังหรือคานซังดีสินะะะ
ไม่ลงเลยได้ไหม ฮืออออ ฟู้ดซังนี่จัดในเฟรนด์โซนพอ ส่วนคานซังนี่เลิกคบเห๊อะ
ท่านอิมาริ × ท่านพี่ = คู่รักที่แท้จริงของเรื่อง นี่ไงล่ะ tag love จงเจริญญญ
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.