Z - Zero to Hundred
ฉันกับคาบุรากิไปฟาร์มอายูคาวะ คุณชิสึกะทำท่าดีใจมากที่พวกเราไปหาอีกครั้ง ฉันมองสีหน้ายิ้มแย้มของเธอแล้วรู้สึกว่าดีแล้วล่ะ ดีแล้วที่ความรักของคาบุรากิจะไ้ด้สมหวังซักที
ในวันนั้นคาบุรากิกับเธออยู่แค่ในสนามซ้อม ฉันดื่มชากับมาดามดูพวกเขาฝึกม้าแล้วก็คิดในใจว่า ปีหน้าของช่วงเวลานี้ลูกม้าที่คาบุรากิจองเอาไว้ก็คงจะโตพอให้ขี่ได้แล้ว ดีที่เขามีคุณชิสึกะเป็นคนฝึกพวกมัน
หลังกลับจากฟาร์มอายูคาวะ คาบุรากิก็ชวนฉันในยังบ้านต้นแบบที่เขาสร้างเอาไว้ในสถานที่ที่แพลนว่าจะทำรีสอร์ท สมัยตอนไปฟินแลนด์ พวกเราได้รับแรงบันดาลในให้สร้างที่พักที่ทำจากกระจกเพื่อให้สามารถดูวิวภายนอกได้จากห้องนอน
พอพวกเราไปถึงสถานที่ ก็พบว่าห้องพักของเราเป็นเรือนกระจกแบบห้องสตูดิโอตกแต่งเปิดโล่งเพื่อให้แขกสามารถดูวิวได้เกือบ 360 องศา แม้แต่ผนังห้องน้ำยังทำจากกระจก แต่กระจกทุกแผ่นที่ใช้สร้างมีฟังก์ชั่นที่สามารถเปลี่ยนเป็นกระจกทึบในกรณีที่ต้องการความเป็นส่วนตัวได้ ตรงกลางห้องตั้งไว้ด้วยเตียงขนาดใหญ่พิเศษ ปูด้วยผ้านวมหลายชั้นจนดูหนานุ่ม พื้นห้องทำจากไม้ นอกจากเตียงแล้วก็มีเพียงแต่ชั้นวางของที่ทำเป็นรูปหีบเตี้ย ๆ เท่านั้น ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรบังทัศนียภาพอีก
ฉันนั่งลงบนเตียงแล้วสำรวจดูว่าเฟอร์นิเจอร์แค่นี้พอไหม เพราะบางทีแขกที่เป็นผู้หญิงอาจจะต้องการเฟอร์นิเจอร์อย่างโต๊ะเครื่องแป้ง คาบุรากินั่งลงข้าง ๆ ฉันก่อนที่เราจะคุยกันเรื่องการตกแต่งภายใน ดีไซน์ของรีสอร์ทในภาพรวม และอีเวนท์ต่าง ๆ
”ฉันเอาไวโอลินที่ส่งไปจูนเสียงเสร็จแล้วมาด้วย” คาบุรากิบอกฉัน เขาเขยิบเข้ามาใกล้จนปลายนิ้วของพวกเราแตะกัน ฉันมองคาบุรากิอย่างแปลกใจ ปกติแล้วคาบุรากิไม่เคยทำตัวใกล้ชิดฉันในเวลาส่วนตัวขนาดนี้มาก่อน ถ้าไม่ได้ทำเรื่องต่าง ๆ อย่างการแต่งหน้า นวดตัว เป่าผม หรือช่วยฉันแต่งตัว เขาจะรักษาระยะห่างในระดับหนึ่ง “เธอยังอยากฟังอยู่รึเปล่า”
ฉันยิ้ม เขายังจำทุกอย่างที่ฉันพูดได้เสมอ และแค่คำพูดเล่น ๆ ของฉัน เขากลับทำให้อย่างจริงจังทุกครั้ง เขาถามฉันว่าฉันอยากฟังเพลงไหน คาบุรากิเคยบอกว่าเล่นไวโอลินสมัยยังเป็นเด็ก แสดงว่าเขาไม่ได้ฝึกฝนมากนักและอาจจะเล่นไม่ได้ทุกเพลง จึงบอกเขาไปว่าให้เขาเลือกให้ฉัน
“Salut d’Amour เป็นยังไง?” คาบุรากิถาม มือของเขาวางลงบนมือของฉัน เพราะว่าใบหน้าที่มีรอยยิ้มของเขาอยู่ห่างฉันแค่คืบเดียว ฉันเลยคิดอะไรไม่ออกนอกจากพยักหน้าอย่างอัตโนมัติเพราะหัวใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เมื่อโบว์ของไวโอลินจรดลงบนสาย คาบุรากิ มาซายะ ก็เหมือนพ่อมดที่บรรเลงเพลง Salut d’Amour ออกมาได้อ่อนหวานจับใจทุกตัวโน๊ต ฉันมองร่างของคาบุรากิที่ยืนอยู่กลางห้องกระจก เบื้องหลังของเขาคือวิวภูเขาฟูจิและทะเลสาป สีไวโอลินเพลงรักที่เอ็ดเวิร์ด อัลการ์ เขียนให้กับคู่หมั้นของเขา แล้วก็รู้สึกเจ็บในอก
ช่วงเวลาเพียงไม่กี่นาทีของผลงานลำดับที่ 12 อันโด่งดังของเอ็ดเวิร์ด อัลการ์ จบลงไปอย่างน่าเสียดาย คาบุรากิวางไวโอลินกับโบว์ลงในกล่อง แล้วเดินเข้ามาคุกเข่าต่อหน้าฉัน ก่อนจะยกมือปาดน้ำตาให้
“เป็นบทเพลงที่ยอดเยี่ยมมากค่ะ ท่านคาบุรากิเล่นได้ดีจริง ๆ” ฉันชมเขา แต่น้ำตากลับร่วงลงมาอีก
“อย่าร้องไห้“ คาบุรากิบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ยิ่งทำให้ฉันอยากจะร้องไห้หนักเข้าไปอีก “บอกฉันสิว่าฉันจะทำยังไงเพื่อให้เธอหยุดร้องไห้ได้บ้าง”
ได้โปรดอยู่ข้าง ๆ ฉันเถอะค่ะ
อย่าไป อย่าเลือกคุณชิสึกะ ฉันจะพยายามเป็นภรรยาที่ดีกว่านี้ จะทำทุกอย่างเพื่อเป็นคนรักที่ดีให้ได้ ฉันจะพยายามฝึกขี่ม้า พยายามวิ่งให้เร็ว พยายามเป็นผู้หญิงอย่างที่คุณต้องการ
แต่ฉันกลืนคำเห็นแก่ตัวเหล่านั้น เพราะรู้ดีว่าฉันแทนที่เธอไม่ได้ ฉันไม่มีวันเป็นเหมือนอายูคาวะ ชิสึกะ
“มาดูเฟอร์นิเจอร์กันเถอะค่ะว่าห้องนี้น่าจะต้องมีอะไรเพิ่ม” ฉันยกไอแพดขึ้นมา คาบุรากิมองฉัน มองเหมือนจะมองให้ทะลุเข้าไปในใจของฉันด้วยสายตาที่ทำให้ฉันต้องหลบตาเขา
“อืม เธอว่าน่าจะต้องมีอะไรเพิ่มล่ะ คิโชวอิน”
พวกเราวางหมอนลงกับหัวเตียงเหล็กดัดแล้วนั่งพิงในขณะที่ดูเฟอร์นิเจอร์จากไอแพด ไหล่ซ้อนกันเพราะต้องดูจากหน้าจอเดียวกัน แขนของคาบุรากิโอบไหล่ฉันเอาไว้ มืออีกข้างถือจอฝั่งหนึ่ง หัวของพวกเราเอียงจนติดกัน ส่วนฉันถือหน้าจออีกฝั่ง มือข้างที่ว่างเลื่อนเฟอร์นิเจอร์ดูไปเรื่อย ๆ ขาของพวกเราเกยกันบนที่นอน