ซอรี่ กุมาแล้วตามสัญญา หลังจากหายไปตายกับกองงานล้านแปดมาแรมเดือน (ถึงป่ะวะ)
หนี้แค้นไฟสวาท (โฮสต์เอ็นโจ) ตั้งชื่อโดยโม่ง >>webnovel/5719/725
ตอนต่อจาก >>webnovel/5719/735 มาแล้วจ้าาาา
Ch.2
ฉันเดินโซซัดโซเซกลับเข้าห้องนอนโดยมีแม่บ้านประคองมาส่ง เอ็นโจดูจะเชื่อฟังฉันทีเดียว สั่งให้รินเหล้าก็ริน สั่งให้ดื่มก็ดื่ม แม้แต่สั่งให้ถอดเสื้อเขาก็ยอมถอด...ก็เป็นผู้ชายนี่นะ แค่ถอดเสื้อเชิ้ตมันจะน่าอายตรงไหนกัน
ฉันคลานขึ้นเตียง เหวี่ยงรองเท้าส้นสูงกระเด็นไปมุมหนึ่ง เมื่อโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ฉันก็ควานหามันอย่างยากลำบากด้วยสายตาพร่ามัว
“สวัสดีค่ะ” ฉันกดรับโดยไม่มองจอ เวลาเช่นนี้ คนที่โทรมาได้มีเพียงคนเดียว
เสียงปลายสายเป็นผู้ชาย ฟังดูสุภาพเรียบร้อย “สวัสดีครับคุณผู้หญิง คุณผู้ชายให้เรียนแจ้งว่า วันนี้คุณผู้ชายไม่กลับบ้านนะครับ”
เขาคือผู้ช่วยของสามีฉัน ในช่วงแรกที่แต่งงานใหม่ เขาจะโทรมาบอกเสมอว่าคุณมาซายะไม่กลับบ้านเพราะอะไร คอยแจ้งอยู่ตลอดว่าติดงาน ติดประชุม หรือติดธุระมากมายตามประสา
ฉันน่าจะสังเกต...ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ที่เขาไม่บอกเหตุผล?
อาจจะต้องขอบคุณสามีของฉันผู้นั้น ที่อย่างน้อยที่สุดเขาก็ไม่เคยโกหกต่อฉัน เขาตรงไปตรงมาต่อหัวใจตัวเองเสมอ ทว่าก็ยังรักษาน้ำใจฉันในฐานะภรรยาตามกฏหมาย จึงเลือกที่จะไม่บอกเหตุผลออกมาตรงๆ แต่ใช้วิธีไม่พูดถึงเอาเสียดื้อๆ
“ทราบตั้งนานแล้วล่ะค่ะ” ฉันหัวเราะอย่างอ่อนล้า กล่าวลาอีกฝ่ายด้วยเสียงอ้อแอ้ก่อนจะกดวางสายไป
ฉันอยากกรีดร้อง อยากระเบิดเสียงร่ำไห้ อยากทำลายทุกสิ่งให้พังพินาศไปเสียให้หมด
ฉันอยากเกลียดเขาเหลือเกิน…
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ฉันยังกดโดยไม่มองจอเช่นเคย นานๆ ครั้งเรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นได้ หัวใจแห้งแล้งพองโตขึ้นมาชั่วขณะหนึ่ง คาดหวังให้ผู้ช่วยคนนั้นจะบอกว่าสามีฉันกำลังมุ่งหน้ากลับบ้าน…
“ไง คุณคิโชวอิน”
ไม่ใช่เขา...เสียงปลายสายกลับเป็นเสียงของเอ็นโจ ชูสุเกะ ที่โทรมาอย่างถูกเวลา คล้ายกับจะมาเยาะเย้ยกัน
“มีธุระอะไรกับฉันหรือคะ ‘ชู’ ?” ฉันทักทาย “ถ้าเป็นเรื่องคุณน้องชายกับเรื่องเงินล่ะก็ สั่งผู้ช่วยให้จัดการให้แล้วล่ะค่ะ พรุ่งนี้เช้าน่าจะเรียบร้อยนะคะ”
เสียงหัวเราะเบาๆ ลอยมา ทำให้ฉันนึกถึงสมัยที่ยังไม่มีผู้หญิงที่ชื่อ ทาคามิจิ วาคาบะ คนนั้น
ในตอนนั้น ฉันอาจวุ่นวายกับคุณมาซายะไปบ้าง แต่พวกเราไม่เคยทะเลาะกันรุนแรงมาก่อน
บางครั้ง เรายังสนทนากันฉันท์มิตร
บางครั้ง เรายังนั่งดื่มชาร่วมกันในห้องสโมสร พูดคุยถึงงานเลี้ยงที่พ่อแม่ของแต่ละคนกำลังจะจัดขึ้น
แม้จะไม่บ่อยนัก แต่เราไม่เคยถึงขั้นเกลียดชังกัน
“คุณคิโชวอินถึงบ้านรึยังครับ?” เป็นคำถามที่อยู่นอกเหนือการคาดหมายเหลือเกิน ฉันงงงันไปชั่วขณะ ก่อนจะตอบ
“ถึงได้สักพักแล้วล่ะค่ะ โทรมาแค่นี้หรือคะ?”
“ครับ ก็เป็นหน้าที่ของผมนี่” เขารับอย่างง่ายๆ “ตอนนี้ผมเป็นผู้ชายของคุณไม่ใช่เหรอ?”
คิ้วกระตุกไปวูบหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมา “ซื่อตรงต่อหน้าที่ดีจังเลยนะคะ” ฉันชมเชย “คุ้มค่าที่จ่ายไปจริงๆ”
“ประชดประชันกันเหลือเกินนะ...” เสียงแผ่วจากปลายสายลอยเข้าหู ฉันหลับตาฟัง ยิ้มร่า
“ชมเชยจากใจต่างหากล่ะคะ”
อย่างน้อยก็ยังดูเป็นห่วงเป็นใย…
“สหายของคุณน่ะ ยังไม่เคยทำแบบนี้เลยนะคะ” ฉันหัวเราะอย่างอ่อนล้า ไม่มีเสียงตอบรับจากปลายสาย ก่อนที่ฉันจะแอบสะดุ้งในใจ หลุดระบายให้เขาฟังเสียแล้ว นี่คือฤทธิ์ของโฮสต์อันดับหนึ่งใช่ไหมนะ?
“ช่างเถอะค่ะ ถ้ามีธุระแค่นี้ ฉันจะวางแล้วนะคะ”
ได้ยินเสียงคล้ายถอนหายใจลอยมา “จนป่านนี้ก็ยังคาดหวังไม่เลิกสินะครับ”
คำถามนั้นทำให้ใจฉันกระตุก
“รู้ดีจังนะ” ฉันเหยียดยิ้มที่มุมปาก ประชดประชัน ความรู้สึกเกลียดผุดพรายขึ้นในใจ
“เสียงเปลี่ยนซะแล้วคุณคิโชวอิน” เขาหัวเราะเบา “บางครั้งการคาดหวังที่มากเกินไปจะพาลให้เจ็บเปล่าๆ รู้ไหมครับ?”
“ผู้ชายของฉันไม่ควรสอดรู้สอดเห็นนะคะ”
เขาหัวเราะอีกแล้ว รู้สึกคล้ายโดนหัวเราะเยาะ รู้สึกคล้ายถูกสมเพชอยู่
“ผมกำลังเอาใจใส่คุณต่างหาก” น้ำเสียงนุ่มนวล คล้ายสมัยที่เรายังเรียนอยู่ด้วยกัน “เป็นหน้าที่ของผมที่ต้องคอยเทคแคร์คุณนี่นา”
ฉันอยากหัวเราะให้ลั่น คนอย่างเอ็นโจ ชูสุเกะ พูดจาเหมือนโฮสต์ เรื่องนี้น่าขบขันเหลือเกิน ถ้าเป็นสมัยเรียน ต่อให้มีคนมาพูดให้ฟังว่าวันหนึ่งคนอย่างเขาจะตกต่ำถึงขั้นต้องขายร่างกายหาเงินล่ะก็ ฉันคงด่าคนๆ นั้นว่าไร้สาระเป็นแน่
แต่ตอนนี้มันคือความจริง วิธีการพูดจาของเขาเหมือนโฮสต์ตัวพ่อที่กำลังตะล่อมขอเงินสาวไม่มีผิด ขำเป็นบ้า
“ผมไม่รบกวนคุณแล้วดีกว่า แล้วเจอกันนะครับ คุณคิโชวอิน” จู่ๆเขากลับพูดตัดบทตัวเอง ให้ฉันทำได้แค่ตอบรับ
“ค่ะ แล้วเจอกัน...ชู”
End Ch2