Last posted
Total of 1000 posts
ขอเสนอบ้างฮัฟ
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการตัดริบบิ้นเปิดโรงงานนรกกวนกาว [สาขาที่ 28]
กลับมาอีกทีมีกาววววว โม่งฟิค กูขอบคุณมึงมาก กูมีความสุขมาก ยิ้มปากถึงหูเลย ละมุนมาก โอ๊ยมีความสุขมาก
เสนอด้วยสิ 555555
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการมอมเมาลงคานจากฟิคกาว [จงดิ่มด่ำถุงที่28]
จะสังเกตว่าทุกชื่อจะมีคำว่ากาว 5555
พวกเรามาถึงจุดจุดนี้ได้ยังไง จุดที่กาวคือสิ่งขับเคลื่อนความเป็นไปของมู้
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับโรงงานผลิตกาวของเหล่าโม่ง การขึ้นคานที่ยั่งยืนของเจ้าแม่ [เสียงกรีดร้องลงแดงครั้งที่ 28]
R - Radar
สามเดือนหลังจากวาคาบะจังคบกับนายตัวสำรอง คาบุรากิก็ดูเหมือนจะตัดใจได้แล้ว และเริ่มสนใจผู้หญิงคนหนึ่ง
อันที่จริงจะเรียกว่าสนใจก็เรียกได้ไม่เต็มปากนัก เพราะว่ามันเป็นความรู้สึกเล็ก ๆ ที่แม้แต่ตัวคาบุรากิเองก็ยังคงไม่รู้ ผู้หญิงคนนั้นหรือคนอื่น ๆ รอบข้างก็ยังไม่รู้เช่นกัน
แต่เรดาร์ของฉันบอกว่า คาบุรากิกำลังสนใจผู้หญิงคนหนึ่ง และคน ๆ นั้นก็คือเธอคนนี้
อายูคาวะ ชิสึกะ เป็นลูกสาวของเจ้าพ่ออาณาจักรปศุสัตว์ญี่ปุ่น แม้ว่าอายูคาวะจะมีฟาร์มวัวจำนวนมาก แต่สิ่งที่ทำรายได้หลักของพวกเขาคือ การเพาะพันธุ์และซื้อขายม้าแข่งและบรรดาม้าขี่ของพวกเศรษฐี
เนื่องจากคาบุรากิมีโครงการที่จะทำรีสอร์ทที่มีสนามขี่ม้าและสนามแข่งโปโล ดังนั้นเขาเลยไปสนามกีฬาโปโลของบ้านอายูคาวะ คาบุรากิลงแข่งโปโลโดยอาศัยคำเชิญจากเพื่อนในวงการธุรกิจของเขาอีกที แม้ว่าคาบุรากิจะบอกว่าตัวเองเคยเล่นโปโลแค่ครั้งสองครั้ง แต่กลับทำแต้มจากทีมที่เล่นเป็นประจำได้ แม้ว่าจะไม่ชนะ แต่ก็ดึงดูดความสนใจของบรรดาพวกคลั่งโปโลได้ ยิ่งบวกกับป้ายยี่ห้อบ้านคาบุรากิ ใคร ๆ ต่างรุมล้อมเขา
เย็นวันนั้นพวกเราได้รับจดหมายเชิญจากบ้านอายูคาวะให้เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำของโปโลคลับ พวกเรากลับที่พักด้วยคำสัญญาจากเจ้าพ่ออาณาจักรปศุสัตว์ว่าจะพาคาบุรากิไปชมฟาร์มม้าของเขา
สองสัปดาห์ต่อมา พวกเราได้รับเชิญให้ไปเยี่ยมชมฟาร์มม้าของอายูคาวะ ในขณะที่พวกผู้ชายไปดูม้า ฉันกับมาดามอายูคาวะก็นั่งดื่มชาเข้าสังคมกัน แต่อายูคาวะ ชิสึกะ กลับไม่ใช่หญิงสาวที่จะมานั่งจิบชากินขนมในที่ร่ม พอเธอได้ยินว่าคาบุรากิทำแต้มจากทีมที่พี่ชายของเธออยู่ เธอก็ท้าเขาแข่งม้า
ฉันมองคาบุรากิที่เจอคู่แข่งในด้านความเป็นเด็กไม่รู้จักโตก็ได้แต่ยิ้มน้อย ๆ มาดามอายูคาวะรำพันถอนหายใจหลายต่อหลายครั้งว่าลูกสาวของเธอก็อายุไม่น้อยแล้ว แต่กลับแก่นแก้วไม่สมหญิง ตัวของมาดามอายูคาวะนั้นมีร่างกายอ่อนแอ และไม่ชอบไปที่ ๆ มีคนจำนวนมาก เลยออกงานน้อยครั้ง ทำให้คุณชิสึกะออกงานน้อยตามไปด้วย มาดามเลยขอให้ฉันช่วยอบรมและแนะนำเธอให้กับผู้ชายที่ยังโสดในวงสังคมบ้าง เผื่อว่าเธอจะได้เจอชายหนุ่มที่ถูกใจแล้วทำตัวเรียบร้อยขึ้นซักที
คุณชิสึกะทำให้ฉันนึกถึงวาคาบะในเวอร์ชั่นคาบุรากิ อันที่จริงถ้าทั้งสองคนแต่งงานมีลูกด้วยกัน ลูกสาวของพวกเขาก็คงจะเป็นเหมือนคุณชิสึกะ ฉันรับปากมาดามว่าจะเชิญเธอไปงานชมดอกไม้บ้านคาบุรากิและดูแลให้เธอเข้าสังคมกับคนวัยเดียวกัน
ในเย็นวันนั้นคาบุรากิเป็นผู้ชนะการแข่งขัน เขาเล่าให้ฟังว่าชิสึกะถึงกับร้องไห้ตอนเข้าเส้นชัยหลังเขา แล้วท้าเขาแข่งอีกครั้ง แต่ก็แพ้อีกครั้ง คราวนี้เธอเลยร้องไห้หนักขึ้นไปอีก และบอกว่าจะไปซ้อมเพื่อที่วันหลังจะได้มาขอท้าแข่งอีกครั้ง
ตอนนั้นฉันได้แต่ตอบอืม ๆ แม้จะรู้สึกถึงธงมรณะลาง ๆ แต่เพราะเพลียแดด ก็เลยไม่ได้คิดอะไรมาก
อายูคาวะ ชิสึกะ มางานชมดอกไม้ด้วยชุดยูคาตะสบาย ๆ ผิดกับบรรดาคุณหนูที่แต่งตัวกันหรูเริ่ด เธอเกาะติดฉันและคาบูรากิตลอดทั้งงานเพราะเข้ากับพวกคุณหนูคนอื่น ๆ ไม่ได้ ฉันพยายามแนะนำเธอให้รู้จักกับชายหนุ่มในวัยเดียวกัน แต่คุยกันได้พักเดียวเธอก็แอบไปหลบอยู่มุมห้องจนฉันต้องไปเก็บกลับมาบ่อยครั้ง คุณชิสึกะบอกว่าชายหนุ่มพวกนั้นขี่ม้า แต่ไม่รู้จักอะไรเกี่ยวกับม้าเลย เธอเองก็ไม่รู้เรื่องอะไรนอกจากม้า เลยคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่
สุดท้ายฉันก็ได้แต่ให้เธอตามติดฉัน เด็กสาวผิวสีแทนที่ผมเป็นสีแดงจากแสงแดดใส่ชุดยูคาตะไม่สะดุดตา พอยืนข้างหลังฉันที่แต่งกิโมโนจากห้องเสื้อที่ตัดเย็บมาให้ฉันโดยเฉพาะแล้ว คุณชิสึกะก็ดูราวกับสาวใช้ยังไงยังงั้น
คาบุรากิกับฉันไปฟาร์มม้าหลายต่อหลายครั้งเพื่อคัดเลือกลูกม้า ส่วนฉันก็พาคุณชิสึกะออกงานอีกหลายครั้ง พวกเราได้ลูกม้าที่ต้องการครบแล้ว แต่คุณชิสึกะยังไม่มีผู้ชายที่ถูกใจซักที
แล้วในวันหนึ่งของฤดูร้อน ตอนที่ฉันกำลังดื่มชาดูคาบุรากิกับคุณชิสึกะแข่งม้ากัน ฉันก็รับรู้ได้ว่า คาบุรากิชอบผู้หญิงคนนั้น คนที่หัวเราะดัง ๆ แบบไม่ปิดปาก คนที่ออกแดดทั้งวันโดยไม่กลัวผิวเสีย คนที่ขี่ม้าอย่างคล่องแคล่ว เขาชอบเธอคนนั้น เธอที่ตัวสูง แขนขายาว ดูอิสระราวกับสายลม
ฉันมองดูพวกเขาแข่งม้า และดื่มชาอย่างเงียบ ๆ จนกระทั่งพวกเรากลับถึงบ้าน
ในตอนที่พวกเรากำลังจะเดินแยกย้ายเข้าห้องนอน ฉันเรียกคาบุรากิเอาไว้ คาบุรากิที่เล่นในสนามแข่งทั้งวันจนผมยุ่งกว่าปกติแต่ก็ยังคงดูหล่อเหลาหันมามองฉันแล้วเลิกคิ้ว ฉันมองหน้าเขาแล้วตัดสินใจพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไป
“สิ่งที่ฉันบอกท่านคาบุรากิในคืนแต่งงาน ตอนนี้ฉันก็ยังคงยืนยันคำเดิมนะคะ”
คาบุรากิทำหน้างง เหมือนไม่เข้าใจว่าฉันหมายถึงอะไร เขามองหน้าฉันด้วยสีหน้า ‘เป็นบ้าอะไรของเธอน่ะ คิโชวอิน’ อย่างที่เขาชอบทำ ฉันจึงพูดต่อ
“ฉันไม่รังเกียจหรอกนะคะ ถ้าท่านคาบุรากิจะมีคนรัก ฉันจะช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ ไม่ขัดขวางอย่างเด็ดขาดค่ะ”
คาบุรากิขมวดคิ้วแล้วทำหน้าโกรธ ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างแล้วชะงักไป
เขามองหน้าฉัน ในหัวสมองบ้าบอแต่ปราดเปรื่องของเขาครุ่นคิดอะไรบางอย่าง สีหน้าของคาบุรากิเคร่งเครียดขึ้นทันที ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้เขาจะไม่รู้สึกตัวเลยซักนิดว่าตัวเองคิดยังไงกับคุณชิสึกะ
ฉันยิ้มให้กับเขา ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าห้องของตัวเอง ตราบใดที่เรื่องนี้ไม่ไปถึงหูนักข่าว หรือรู้ไปในวงสังคม เรื่องส่วนตัวของคาบุรากิเป็นเรื่องที่เขาต้องจัดการเอาเอง ฉันไม่มีวันเอาคอไปพาดเขียง ยุ่มย่ามกับความรักของคนอื่นอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะคนที่ร่ำ ๆ จะปักธงมรณะให้ฉันได้ตลอดเวลาอย่างคาบุรากิ
หลังจากนั้น คาบุรากิก็หลบหน้าฉัน ฉันเข้าใจดีเลยไม่ได้ต่อว่าอะไร ตอนออกงานสังคม พวกเราเดินเคียงข้างกันอย่างสง่างาม แต่พอกลับถึงบ้านก็แยกย้ายกันเข้าห้องนอนของใครของมัน เสมือนเป็นเพื่อนร่วมบ้านที่ดี
ในคืนนี้ก็เป็นงานสังคมอีกคืนหนึ่งที่ฉันจะต้องออกไปพร้อมกับคาบุรากิ ฉันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อคาบุรากิมาเคาะห้อง แล้วให้คุณเมดที่ทำหน้าที่แต่งหน้าออกไป ฉันยิ้มแล้วยอมรับสัญญาสงบศึกชั่วคราวของเขา งานในคืนนี้เป็นงานที่มาดามคาบุรากิเป็นคนจัด ถ้าพวกเราไม่แสดงละครให้แนบเนียน รับรองว่าไม่มีทางพ้นสายตาของมาดามอย่างแน่นอน
แม้ว่าจะเป็นงานทานาบาตะ แต่ก็จัดสไตล์ยุโรป ดังนั้นฉันจึงใส่ชุดเดรสยาวสีแชมเปญของเอลี ซาบ เพราะว่าเป็นเดรสที่โชว์ไหล่และอกค่อนข้างมาก ดังนั้นเลยต้องใส่สร้อยคอเพื่อไม่ได้คอดูโล่งเกินไป
ช่วงนี้ฉันออกงานค่อนข้างบ่อย ดังนั้นเลยเอาสร้อยออกจากเซฟมาไว้ที่บ้านหลายเส้น ในขณะที่กำลังคิดว่าจะใส่เส้นไหนดี คาบุรากิก็เปิดกล่องที่เขาเอาติดมือเข้ามาในห้องด้วยต่อหน้าฉัน
ในกล่องที่บุอย่างดีคือสร้อยคอเส้นหนึ่ง มันเป็นสร้อยเพชรของคาร์เทียแบบที่ไม่สามารถหาซื้อได้ตามร้าน แต่มาจากงานประมูลเท่านั้น ฉันมองเพชรจำนวนมหาศาลบนสร้อยแล้วพูดไม่ออก
“ท่านคาบุรากิคะ สร้อยเส้นนี้ยืมมาจากมาดารึเปล่าคะ?” ฉันถาม อันที่จริงพอจะรู้คำตอบอยู่แล้ว
คาบุรากิยักไหล่ “เปล่า ฉันไปประมูลเอง”
แม้ว่าฉันจะชอบเครื่องประดับ แต่ที่มีอยู่ก็มากพอใส่เวียนได้ไม่ซ้ำทั้งปีแล้ว หากเป็นสร้อยเส้นเล็ก ๆ ก็ไม่เป็นไร แต่สร้อยชุดใหญ่ขนาดนี้เห็นแล้วรู้สึกปวดใจ
“ประมูลมาเท่าไหร่คะ?” ฉันถาม ใจหนึ่งอยากรู้คำตอบ อีกใจไม่ค่อยอยากรู้เท่าไหร่
”เจ็ดล้านกว่า” เขาตอบราวกับมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ฉันสูดหายใจเฮือก เงินเจ็ดล้านกว่าดอลล่าร์ไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ ฉันมองเครื่องเพชรที่หนักเกือบสองร้อยกะรัตแล้วรู้สึกเหนื่อยใจ เอาเถอะ จะทำอะไรก็ทำ ในเมื่อเงินก็ไม่ใช่เงินของฉัน แล้วจะเดือดร้อนไปทำไมกัน
คาบุรากิสวมเครื่องเพชรให้ฉัน ฉันมองกระจกแล้วคิดว่าแค่สร้อยเส้นเดียวก็เหลือแหล่ ไม่ต้องมีเครื่องประดับอะไรอีก เลยทำผมง่าย ๆ คาบุรากิแต่งหน้าต่อจากคุณเมดให้กับฉัน ก็เป็นอันว่าพร้อมออกงาน
พวกเราไปงานทานาบาตะที่โรงแรมในเครือของคาบุรากิ มาดามเดินเข้ามาหาฉันทันทีที่พวกเราเดินเข้างาน เธอชมฉันว่าเหมาะกับสร้อยเพชรเส้นนี้มาก ไม่เสียแรงที่เธออุตส่าห์บินไปประมูลเป็นเพื่อนคาบุรากิ
ฉันยิ้มขอบคุณมาดาม แล้วบ่นเสียดายเงิน แต่มาดามบอกว่าคาบุรากิอยากให้ของขวัญฉัน เงินแค่นี้เป็นเงินเล็กน้อยเท่านั้น ฉันที่ทำงานเหนื่อยมาทั้งปีควรจะได้อะไรตอบแทนบ้าง
พวกเราเข้าไปยังงานเลี้ยงในห้องโถงที่ค่อนข้างกว้าง ด้านหนึ่งเป็นมุมอาหาร อีกด้านเป็นฟลอร์เต้นรำกับแกรนด์เปียโน ฉันเจอคนรู้จักหลายคนในงาน รวมถึงเอ็นโจด้วย จนแล้วจนเล่าเอ็นโจก็ยังไม่ทิ้งนิสัยปากหวาน เขาชมฉันอยู่หลายคำ บอกว่าฉันสวยที่สุดในงาน ถ้าเขาเป็นหนุ่มเลี้ยงวัวก็คงจะปวดใจที่ได้เจอฉันแค่ปีละครั้ง
ฉันทำเป็นไม่ได้ยินคำชมนั่น นับวันเอ็นโจก็ยิ่งเจริญรอยตามท่านอิมาริเข้าไปทุกที เจอหน้าทีไรก็เอาแต่ป้อนคำหวานใส่ ดีที่ฉันยังจำได้ว่าเขามีคุณยุยโกะอยู่แล้ว เลยไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวเท่าไหร่นัก
คาบุรากิหายจากข้างตัวฉันไปคุยธุระ ฉันกวาดสายตามองหาเขาแต่ดันไปเจอกับคุณชิสึกะเสียก่อน
คุณชิสึกะโบกมือให้ฉันแล้วเดินเข้ามาหาอย่างกระตือรือล้น ฉันยิ้มบาง ๆ รับคำชมของเธอ วันนี้คุณชิสึกะใส่ชุดเดรสสีชมพูดูสมหญิงขึ้นมาหน่อย อันที่จริงพอแต่งตัวแล้วเธอก็จัดได้ว่าเป็นคนสวยคนหนึ่ง
ไฟที่ดับลงอย่างกระทันหันก่อให้เกิดเสียงพึมพำไปทั่ว และสปอร์ตไลท์ที่ส่องลงบนเปียโนทำให้ทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียวกัน
คาบุรากิที่นั่งอยู่หน้าแกรนด์เปียโนสีดำมันวับเป็นภาพที่ชวนให้หยุดหายใจ เสียงฮือฮาเงียบลงเมื่อเขาจรดนิ้วลงบนคีย์เปียโน
แม้ Piano Concerto หมายเลขสองของโชแปงจะเป็นเปียโนที่ใช้บรรเลงคู่กับออเครสต้า แต่พอคาบุรากิเป็นคนเล่น มันกลับงดงามสมบูรณ์โดยไม่ต้องมีวงออเครสต้าเปิดนำเลยด้วยซ้ำ ฉันยืนมองเขาที่ดีดเปียโนแล้วรู้สึกแน่นในอก ผลงานชิ้นนี้เป็นผลงานชิ้นแรกของโชแปงที่แต่งให้กับหญิงสาวคนหนึ่งที่เขาแอบรัก แต่เธอแต่งงานไปซะก่อนที่เขาจะได้บอกความในใจ
ฉันสงสัยว่าเขามอบมันให้ใคร ระหว่างวาคาบะจังหรือคุณชิสึกะ ทว่าไม่ว่าเขาจะมอบมันให้ใคร แต่ในตอนนี้ฉันทำแค่ดื่มด่ำกับคีย์โน๊ตที่แสนละมุนละไมหวานใสนั่น ซาบซึ้งจนรู้สึกเหมือนน้ำตาจะเอ่อออกมาที่ขอบตา
สิ้นสุดโน๊ตตัวสุดท้าย ห้องโถงทั้งห้องก็เงียบกริบคล้ายยังไม่หลุดออกจากมนต์สะกดของเสียงเพลง กระทั่งคาบุรากิลุกขึ้น เสียงปรบมือถึงดังสนั่น ฉันเองก็ปรบมือให้เขาจากใจจริงเช่นกัน
ไฟในห้องโถงยังไม่สว่าง แสงสปอร์ตไลท์ส่องตามคาบุรากิที่เดินเข้ามาหาฉัน เขาหยุดยืนต่อหน้า ก่อนจะยื่นมือให้กับฉัน
ฉันส่งมือให้เขาโดยอัตโนมัติ จนเขาจูงพาฉันไปยังฟลอร์เต้นรำนั่นแหล่ะ ฉันถึงเพิ่งจำได้ว่าในงานวันนี้พวกเราก็เป็นหนึ่งในแม่งาน ฉันกับคาบุรากิจำเป็นต้องเต้นเปิดงานเพื่อให้ทุกคนได้เต้นต่อ
ในขณะที่พวกเราเต้นรำกันบนฟลอร์ เขาถามฉันว่าเพลงที่เขาบรรเลงเป็นยังไงบ้าง ฉันบอกว่ามันงดงามที่สุดแม้ว่าจะไม่ได้เล่นกับวงออเครสต้าก็ตาม
“อืมม์ เธอชอบโชแปงนี่” เขาพึมพำ แต่ฉันไม่ได้ฟัง เพราะมัวแต่มองไฟสปอร์ตไลท์ที่ค่อย ๆ หรี่ลง แต่มีไฟดวงเล็ก ๆ คล้าย ๆ หิ่งห้อยลอยอ้อยอิ่งอยู่รอบตัวแทน ฉันเบิกตากว้าง เอื้อมมือจะไปคว้าแต่ก็พบว่ามันเป็นแค่แสงไฟ ไม่ใช่ตัวหิ่งห้อยจริง ๆ “ถ้าเป็นไฟแบบนี้ ก็หนีไปไหนไม่ได้ใช่ไหมล่ะ”
ฉันงงไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะพ่นลมหายใจพรืดออกมา คาบุรากิยังอุตส่าห์จำได้ว่างานทานาบาตะของบ้านคาบุรากิที่ฉันไปครั้งแรกนั่นน่าขายหน้าสิ้นดี เพราะหิ่งห้อยดันหนีฉันเหมือนฉันเป็นตัวน่ารังเกียจ
คาบุรากิมองหน้าฉันแล้วก็ยิ้ม ๆ ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าจริงจัง
“ฉันเองก็ยังคงยืนยันคำเดิมว่า ในระหว่างที่เธอยังใช้ชื่อคาบุรากิ ฉันจะไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นเด็ดขาด”
ฉันมองหน้าเขา รู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ
“แต่ท่านคาบุรากิชอบเธอ”
คาบุรากิส่ายหน้า “ตำแหน่งภรรยาของฉันเป็นของคิโชวอิน เรย์กะ ไม่สิ เป็นของคาบุรากิ เรย์กะ แล้วมันก็จะเป็นแบบนั้น จนกว่าเธอจะเปลี่ยนใจ”
ฉันหัวเราะ ก่อนจะบอกเขาว่า ถึงเขาจะน่ารำคาญไปซะหน่อย แต่ก็เป็นรูมเมทสารพัดประโยชน์ เพราะฉะนั้นฉันไม่มีวันปล่อยเขาไปง่าย ๆ เหมือนปล่อยหิ่งห้อยอย่างแน่นอน
จบ
S- Secret
ขอบคุณโม่งฟิค อุตส่าห์มาลงให้
ตอนนี้แอบหน่วงๆไงไม่รู้ แต่จบได้น่ารักอบอุ่นดี
ฮือๆๆๆ หวังว่าคาบุจะไม่ไปชอบใครแล้ว สงสารเรย์กะ
ท่านเรย์กะจะไม่หวั่นไหวหน่อยเหรอค้าาาา เพื่อนสาว แค่ก สามีทำถึงขนาดนี้แล้วว
เป็นกูนี่คงละลายลงไปกองกับพื้นเรียบร้อย ท่านเรย์กะน่ะมีภูมิต้านทานแข็งแกร่งเกินไปแล้วนะ! ส่วนคาบุน่ารักเกินไปแล้ว ใจบ่ดี ;;----;;
มันหน่วงแบบไม่แน่ใจว่าคาบุมันไม่ได้เลยพูดแบบนั้นไปหรือจงใจพูดแบบนั้นว่ะ...แต่ถ้าชอบชิสึกะจริง ขอแค่ทำตัวเป็นเพื่อนสาวที่ดีอยู่ก็พอโอเคอ่ะนะ
ขอบคุณโม่งฟิคมากๆๆๆ พักผ่อนเยอะๆนะมึง โหมลงขนาดนี้กูเป็นห่วง
ความจริงตอนนี้ไม่ว่าบากะรากิจะเป็นแค่เพื่อนสาวหรือคิดเกินเพื่อน อยากเป็นสามีเจ้าแม่จริงๆกูก็โอเคหมดเลยนะ น่ารักทั้งสองแบบ
ความจริงฟิคนี่เพิ่งเริ่มตัว A ไม่นานเองนะ แป๊บๆจะถึงตัว Z ละ โม่งฟิคขยันจริงไรจริง //จบ Z แล้วมีใครอยากต่อ ก - ฮ ไหมคะ
ตัว s ล่ะอ่อ ใจบางแล้ว ;w; อยากอ่านต่อไปเรื่อยๆจัง
ก - ฮ นี่หลายตอนเลยนา เกรงว่าคงรีเฟรชทั้งวันทั้งคืนไม่ได้นอนกันแล้ว5555
S - Secret
เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่แล้วฉันดูภาพยนตร์วินเทจเรื่องหนึ่งซึ่งฉายทางทีวีที่เปิดทิ้งไว้ตามข่าวสารในวงการแฟชั่นของยุโรป ฉันจำไม่ได้แล้วว่าเรื่องนั้นเรื่องอะไร รู้แต่ว่านางเอกใส่ชุดเดรสผ้าไหมแบบไมโครมินิแล้วดูน่ารักเซ็กซี่มาก ตอนที่ท่านอิมาริร่อนจดหมายเชิญร่วมงานเลี้ยงค็อกเทลริมสระน้ำในตอนค่ำ ฉันก็เลยออกไปช้อปปิ้งเสื้อผ้าแล้วซื้อเดรสผ้าไหมของแซงค์ โลรองต์ มันเป็นชุดเดรสแขนกุดสีบรอนซ์หรูหรา อกเสื้อค่อนข้างลึกไปซักหน่อย กระโปรงก็สั้นไปซักนิด แต่ในงานเลี้ยงมีแต่คนในวัยเดียวกันกับฉัน ไม่มีพวกผู้ใหญ่เคร่งมารดาท ดังนั้นชุดนี้ถือว่าใส่แล้วดูเก๋ราวกับนางแบบ เหมาะกับโอกาสมาก ๆ
เนื่องจากตอนซื้อชุดฉันไม่ได้หนีบคาบุรากิไปด้วย แถมยังไม่ได้คิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน ตอนแต่งตัวออกงานจริงเลยเจอปัญหาใหญ่
เดรสของพวกดีไซน์เนอร์ส่วนมากอกเสื้อค่อนข้างแหวก ดังนั้นฉันเลยมีบราซิลิโคนไร้สายติดตู้ไว้เยอะพอสมควร ข้อดีของบราซิลิโคนคือทำให้หน้าอกดูสวยมาก ๆ แต่ไร้รอยตะเข็บเหมือนไม่ได้ใส่บรา แต่จะเป็นปัญหาใหญ่ถ้ารีไซเคิลหลายครั้ง เนื่องจากความสามารถในการเกาะติดผิวจะลดลง ฉันไม่อยากคิดเลยว่าจะทำยังไงถ้าจู่ ๆ บราหลุดโพล๊ะ แล้วหล่นลงไปตรงเอวกลางงานเลี้ยงในระหว่างที่พูดคุยอย่างออกรสกับแขกเหรื่อ โชคดีที่เครดิตการ์ดของคาบุรากิไม่จำกัดวงเงิน ดังนั้นซิลิโคนบราที่ฉันใช้เลยใช้ครั้งเดียวทิ้ง
ส่วนด้านล่าง ปกติแล้วตอนใส่เดรสผ้าไหมฉันจะใส่กางเกงสแปนเด็กซ์ที่ยืดได้ดีแทนกางเกงชั้นใน เพราะหายนะครั้งยิ่งใหญ่ของกระโปรงผ้าไหมคือรอยขอบกางเกงที่จะประกาศให้โลกรู้ว่า ฉันใส่กางเกงในทรงไหน หรือเนื้อล้นจากขอบกางเกงในออกมาเท่าไหร่ ซึ่งให้ตายยังไงฉันก็ไม่มีวันยอมกลายเป็นที่ซุบซิบนินทาในวงสังคมเด็ดขาด
ในคืนนี้ฉันก็คิดจะใส่กางเกงสแปนเด็กซ์ข้างใต้กระโปรงเหมือนเดิม แต่ติดว่า ชุดที่ซื้อมาค่อนข้างสั้น ไม่ต้องทำอะไรก็เห็นชายขากางเกงโผล่ออกมา ดึงขึ้นให้สั้นลงก็ไม่ได้อีก เพราะจะเห็นรอยย่น ๆ ของกางเกง ซึ่งยิ่งอุบาวท์เข้าไปใหญ่
ฉันมองภาพตัวเองในกระจกด้วยความรู้สึกสยอง ฉันมีทางเลือกอยู่สองทางคือ ขอให้คาบุรากิมาเลือกชุดชั้นในที่เห็นรอยน้อยที่สุดให้ หรือพิมพ์หาคำตอบในกูเกิ้ล ฉันเลยเลือกอย่างหลัง
ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่กล้าไม่ใส่ชุดชั้นในถ้าสวมเดรสสั้นขนาดนี้ ฉันเลยคุ้ยตู้เสื้อผ้าดูว่าตัวเองมีกางเกงในจีสตริงที่พอดีตัวรึเปล่า คุ้ยไปคุ้ยมาปรากฏว่าอันที่จริงฉันก็มีกางเกงในเซ็กซี่กับเขาเหมือนกัน
ฉันทดลองใส่กางเกงในจีสตริงแล้วมองกระจกอย่างประหลาดใจ ในตอนแรกฉันกลัวสายจีสตริงจะรัดจนเห็นเนื้อปลิ้น ๆ แต่จีสตริงตัวที่ซื้อมาพอดีเป๊ะ ออกจากค่อนข้างหลวมนิดหน่อยด้วยซ้ำเพราะว่าคาบุรากิบังคับให้ฉันลดน้ำหนักได้สำเร็จไปขั้นหนึ่ง ถึงจะแอบหวิว ๆ ที่ใต้กระโปรงไปนิด แต่ช่วงสะโพกที่สมูทไร้ตะเข็บชั้นในทำให้ฉันพอใจมาก ฉันเลยรีบออกไปหาคาบุรากิที่นั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่น
คาบุรากิขมวดคิ้ว “ชุดนั่น ไม่เซ็กซี่ไปหน่อยสำหรับเธอเหรอ?” ฉันบอกว่าฉันอายุ 25 แล้ว จะให้ใส่ชุดดอลลี่เกิร์ลฟูฟ่องตลอดเวลาก็รู้สึกน่าเบื่อเกินไป อีกอย่างชุดนี้ก็สวยมากด้วย พอแต่งหน้าแบบอายไลน์เนอร์เป็นตาแมว ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนางเอกภาพยนตร์ในยุคเก่า ผิดแต่คาบุรากิไม่ได้พาฉันนั่งรถคาดิแลคสีขาว ทว่านั่งบูกัตติไป ซึ่งก็ไม่เลวเหมือนกัน
ทุกอย่างในคืนนี้น่าจะเพอร์เฟค ถ้ากางเกงในจีสตริงของฉันไม่เสียดสีร่องก้นและขอบเนื้ออ่อน ๆ บริเวณรอยต่อขาในเวลาเดิน จนอยากจะกลับไปเปลี่ยนเป็นกางเกงในปกติตลอดทุกสามสิบวินาที แต่เพื่อความงามแล้ว ฉันที่มีสายเลือดของท่านแม่จึงยอมเสียสละความสบายเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้เดรสผ้าไหมออกมาเพอร์เฟคที่สุด
ท่านพี่ออกมารับฉันที่ตั้งแต่หน้างานแล้วโอบไหล่พาฉันเดินเข้าไป พอเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็เจอกับท่านอิมาริ ท่านอิมาริทำท่าจะกอดฉัน แต่ท่านพี่ส่งสายตาพิฆาตไปให้ ท่านอิมาริเลยได้แต่ชมฉันว่าฉันโตขึ้นแล้วสวยมากจริง ๆ ชุดนี้ก็เข้ากับฉันมาก ฉันดูเหมือนนางเอกฮอลลีวู้ดทรงเสน่ห์ พร้อมกับประคองมือของฉันขึ้นจูบข้อนิ้ว ชมฉันอีกยาวเหยียดเป็นภาษาฝรั่งเศส ฉันรู้สึกเคลิบเคลิ้มซะจนเกือบเข่าอ่อนร่วงลงไปในอ้อมกอดของท่านอิมาริ แต่ท่านพี่เตะหวดเข้าไปที่หน้าแข้งของท่านอิมาริเต็มเหนี่ยว แล้วพาฉันเดินเข้างานไปปล่อยไว้รวมกับบรรดาสาว ๆ ขาเมาท์ของวงสังคม
ทุกคนต่างชมฉันว่าเดรสชุดนี้เหมาะกับฉันมาก ฉันเองก็ยิ้มรับน้อย ๆ รู้สึกว่าตัวเองคิดถูกที่อุตส่าห์ออกไปช้อปปิ้งตามนางเอกในเรื่อง ทว่าปัญหาเพียงอย่างเดียวคือกางเกงในจีสตริงที่สีไปมาทำให้ช่วงล่างที่เพิ่งไปแว็กซ์ออกจนเกลี้ยงแสบซะจนรอยยิ้มของฉันไม่เป็นธรรมชาติซักเท่าไหร่
สามทุ่มสิบห้านาทีใครซักคนชวนฉันไปหาเพื่อนที่เป็นลูกสาวนักลงทุนจากต่างประเทศ ฉันสูดหายใจลึกแล้วเดินไปหาเธอด้วยท่าทางที่สง่างามที่สุด แต่ในใจกรีดร้องสามสิบรอบ
สามทุ่มสี่สิบสองนาที มีคนเปิดไวน์ที่ฉันชอบ แต่ฉันไม่มีกะใจจะดื่ม เพราะเส้นเชือกของเกงเกงในเสียดสีเนื้ออ่อน ๆ สร้างความรำคาญจนแทบบ้า
สี่ทุ่มสิบนาที ฉันขอตัวจากนักธุรกิจหนุ่มหลายคน แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อจัดระเบียบกางเกงใน ก่อนจะออกมาด้วยความรู้สึกแสบไม่ต่างไปจากก่อนเดินเข้าไป
สี่ทุ่มยี่สิบสามนาที ฉันเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง แล้วจัดกางเกงในอีกรอบ เสียใจที่ตัวเองพกแค่โทรศัพท์มือถือมา ไม่ได้พกแป้งฝุ่นมาด้วย
สี่ทุ่มห้าสิบนาที ท่านพี่มาพาตัวฉันออกจากวงพวกผู้ชายที่อยากจะรู้เกี่ยวกับโรงแรมของคาบุรากิ ฉันเลยถือโอกาสโฆษณาเต็มที่ พวกเขารับปากว่าจะไปลองใช้บริการอย่างแน่นอน
ห้าทุ่มสองนาที ฉันถามคาบุรากิว่าเราจะกลับบ้านกันได้รึยัง คาบุรากิที่ติดพันกับการคุยเรื่องธุรกิจถามฉันอย่างเป็นห่วงว่าฉันไม่สบายรึเปล่า แต่ฉันบอกไปว่าฉันไม่ได้ไม่สบาย และกลับเข้าห้องน้ำไปจัดกางเกงในอีกครั้ง
ห้าทุ่มสามสิบเอ็ดนาที ฉันยืนฟังบรรดาสาว ๆ พร่ำเพ้อเกี่ยวกับท่านอิมาริ คิดในใจว่าทุกคนในนี้น่ะหมดสิทธิ์ ท่านอิมาริน่าจะเป็นพี่เขยของฉันอย่างแน่นอน
ห้าทุ่มห้าสิบห้านาที ฉันตัดสินใจเข้าห้องน้ำไปถอดกางเกงใน ตอนแรกกะจะปาทิ้งในถังขยะห้องน้ำ แต่ถ้าคุณเมดมาเจอเข้าคงเป็นข่าวฉาวแน่ ๆ ฉันเลยกำกางเกงในตัวจิ๋วเอาไว้ในมือ แล้วเดินตรงไปหา ‘กระเป๋า’ ของฉัน
เที่ยงคืนตรง ฉันเดินไปประกบกับคาบุรากิ แล้วเขย่งตัวกระซิบบอกเขาว่า ฉันฝากของหน่อย ก่อนจะสอดกางเกงในเจ้าปัญหาลงไปในกระเป๋าเสื้อสูทของเขา คาบุรากิดูสมาธิไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่ เขาขมวดคิ้วแล้วล้วงมือลงมาในกระเป๋าเสื้อสูทที่ฉันฝาก ‘ของ’ เอาไว้ พอสัมผัสได้ถึงของในนั้น เขาก็ชะงัก
สายตาของคาบุรากิมองมาที่มือของฉันซึ่งมือหนึ่งถือโทรศัพท์มือถือ อีกมือกอดเอวเขาไว้ จากนั้นมองลงมาที่กระโปรงของฉัน
เนื่องจากฉันไม่ได้เอาอะไรติดตัวเข้างานมานอกจากโทรศัพท์มือถือ บวกกับสัมผัสที่ได้จากกระเป๋าสูท ไม่ต้องให้บอกว่าอะไร คนหัวดีอย่างคาบุรากิก็คิดออกทันที ฉันแทบจะเห็นพัฒนาการความคิดของเขาได้จากหน้าที่แดงขึ้นเรื่อย ๆ เห็นเขาหน้าแดง ฉันก็อดหน้าแดงตามไปด้วยไม่ได้
“ฉันจะไม่มีวันซื้อกางเกงในยี่ห้อนี้อีกเด็ดขาด“ ฉันกระซิบข้างหูคาบุรากิเพราะไม่อยากให้ใครได้ยิน คาบุรากิหันมามองฉัน มองต่ำลงไปที่กระโปรง แล้วกระซิบที่ข้างหูฉันว่าเขาเสร็จธุระแล้ว พวกเราควรจะกลับบ้านเพราะดูเหมือนฉันจะไม่ค่อยสบายเท่าไหร่
ตอนที่จะก้าวขึ้นรถ คาบุรากิถอดเสื้อสูทปิดขาฉันไว้เพราะบูกัตติโหลดต่ำ ขืนขึ้นรถไม่ดีมีหวังเห็นไปไหนต่อไหน เขาสั่งให้ฉันคลุมขาด้วยเสื้อนอกของเขาตลอดเวลาที่อยู่บนรถ ตอนที่กลับถึงบ้านคาบุรากิก็ถามออกมา
“เธอเดินตัวเปล่าอย่างงั้นตลอดทั้งงานเลยเหรอ คิโชวอิน”
ฉันบอกเขาว่าฉันเดินใส่ไอ้กางเกงในบ้านั่นตลอดทั้งงาน แสบจนทนไม่ไหวแล้วจึงถอดมาฝากเขา ถ้าเขาไม่พากลับ ฉันก็คงต้องเดินแบบนั้นทั้งงาน
คาบุรากิทำท่ากลุ้มใจ แล้วบอกฉันว่าเขาจะพาฉันไปช้อปปิ้งชุดชั้นในที่ใส่แล้วไม่เห็นรอย ต่อจากนั้นเป็นต้นมา ชุดชั้นในสำหรับออกงานทั้งคอลเล็คชั่นของฉันก็ได้คาบุรากิเป็นคนอนุมัติ แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นความลับของฉันกับคาบุรากิเท่านั้น
จบ
แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ละมุนมาก หน่วงมาก ฮืออออออออออออออ
คือถ้าเป็นคู่อื่นทำแบบนี้มันคือชวนขึ้นเตียงแล้วมะ อย่างยั่วเลยนะ ทำไมพอเป็นอิคู่นี้แล้วกลายเป็นตลกคาเฟ่ ฮือ 555555555555555555555555555
กูไม่อยากจะคิดว่าถ้ามันหล่นกลางงานจะเกิดอะไรขึ้น5555555555555555
ท่านประธานบ.ยักษ์ใหญ่พกจีสตริงเมียติดตัวตลอดเวลา5555555555555555
ปล.แต่เกงในบางตัวแม่งเสียดสีจริง เคยทำขาหนีบกูถลอกไปรอบแล้ว;__;
ถ้าเป็นเรื่องอื่นจะเริ่มเข้าสู่ฉากอีโรติก แต่ไหงพอเป็นสองคนนี้แล้วตลกชิบหายแบบเน้!!
อ่าน ฟิค-s แล้วสงสัยว่า พวกดาราที่ใส่ชุดแนบเนื้อออกงาน เขาก็ใส่ชั้นในแบบนี้กันใช่มั้ย
>>907-908 โอ๊ย ท่านเรย์กะะะ ถ้าคนอื่นทำคือชวนขึ้นเตียงชัดๆ หรือถ้ามีคนเห็นในงานต้องลือสะบัดแน่ แต่ทำไมตลกงี้ 5555555 ทำไปได้ถอดละยัดลงเป๋าสูท คือต้องไว้ใจเชื่อใจแค่ไหนถึงกล้า หรือแค่บ้า มีจะเดินต่อแบบไม่ใส่ด้วย ไม่ได้นะะะะะ 55555 แล้วคาบุดูแลทุกอย่างในชีวิตละ จะเพื่อนสาวหรือสามีก็เถอะ ขาดคาบุไม่ได้แล้วมั้งท่านน
คาบุละมุนมากเลยย😊😊
สารภาพบาปว่าเวลาไม่อยากให้มีรอย กุไม่ใส่ -///////////-
ส่วนยกทรงนี่ก็แปะซิลิโคนเอา มันจะหวิวๆ หน่อย บางทีก็รู้สึกเหมือนตัวเองโรคจิต แต่คือถ้าใส่แล้วมันเห็นรอย น่าเกลียดกว่าไม่ใส่อีก
ชั้นในไร้ตะเข็บก็โอ แต่ถ้าชุดแนบเนื้อมากๆ กุก็ต้องเลือกระหว่างจีสตริงกับไม่ใส่ ซื่อกุว่าไม่ใส่ยังดีกว่าจีสตริง มันระบมตูด
กูขำชิบหายเลย ตั้งแต่ชีเดินเข้าร่วมงาน 555
T - Thank you
ในช่วงเดือนสิงหาคมที่อากาศของญี่ปุ่นน่าอึดอัด ฉันกับคาบุรากิไปเที่ยวกันที่เวียนนา
อันที่จริงจะว่าไปเที่ยวทั้งหมดก็ไม่ถูก เพราะพวกเราไปหาแรงบันดาลใจจากเวียนนาเพื่อที่จะจัดงานเลี้ยงที่มีการบรรเลงซิมโฟนี่ ออเครสต้าให้กับแขกวีไอพีของโรงแรมในปีหน้า แม้ว่าในใจจะมีลิสต์วงที่จะอยากจะเชิญมาเปิดคอนเสิร์ตแล้วเรียบร้อย แต่ก็อยากสัมผัสว่าตอนนี้อะไรที่กำลังเป็นกระแสในเวียนนา และอาจจะเชิญพ่อครัวของที่นี่ไปเป็นเชฟหลักในการทำอาหารเลี้ยงแขกในงานด้วย
คาบุรากิเป็นคนแพลนทริป ส่วนฉันเป็นคนเลือกว่าอยากจะดูวงไหนหรือไปชิมอาหารอะไร
ฉันเคยมาเวียนนาสองครั้ง ครั้งนี้ครั้งที่สามแล้วแต่ถึงยังไงก็จะไม่พลาด Schnitzel ซึ่งเป็นเนื้อลูกวัวชุบแป้งทอด อาหารประจำชาติของเวียนนาอย่างเด็ดขาด ร้านที่พวกเราไปกินเป็นร้านเก่าแก่ต้นตำรับของเวียนนา เนื้อลูกวัวนุ่ม ๆ ชุบแป้งแล้วทอดกรอบ กินกับมันฝรั่งทอดก็อร่อยดี แต่พอกินไปได้เกินครึ่งชิ้นแล้วก็คิดว่า อยากได้น้ำจิ้มทงคัตสึจังเลยน้า ก็ถึงแป้งจะเค็ม แต่เนื้อมันไม่ได้ปรุงรสเลยนี่นา
นอกจากกิน Schinitzel แล้วฉันกับคาบุรากิก็ตระเวนกินไส้กรอก ร้านขายไส้กรอกของเวียนนามีอยู่บนถนนแทบทุกเส้น ไส้กรอกของที่นี่เวลากินจะใส่ขนมปังฮอตดอกมาไห้ ฮอตดอกชิ้นโตต้องอ้าปากกว้าง ๆ เวลากิน ทำให้รู้สึกลำบาก แต่ก็อร่อยดีเหมือนกัน ต่อจากนั้นก็ไปกิน Leberkase ที่เป็นแฮมซึ่งทำจากตับและชีส พอประกบด้วยขนมปังร้อน ๆ เองก็อร่อยไม่ใช่เล่น ฉันที่ปกติไม่ค่อยได้ทานพวกเครื่องในยังกินได้อย่างเอร็ดอร่อยคนเดียวทั้งชิ้น แต่ที่ถูกใจฉันที่สุดคงไม่พ้น Sachertorte ซึ่งเป็นเค้กช็อกโกแล็ตสอดไส้แยมแอพพริคอต แยมไม่หวานมาก เข้ากับช็อกโกแล็ตที่ขม ๆ ได้ดี
นอกจากตะลุยกินแล้วพวกเราก็ยังตะลุยดูคอนเสิร์ต ในบางครั้งหลังคอนเสิร์ตก็จะมีงานเลี้ยงเพื่อให้แขกได้สังสรรค์ หรือวิจารณ์ผลงานเพลงและศิลปะด้วย พวกเราได้คุยกับโปรดิวเซอร์ของวงดนตรีหลายวง ถึงแม้ว่าฉันจะเฉย ๆ กับไวน์ของออสเตรียแต่ก็แพลนว่าจะสั่งซื้อแก้วไวน์ของ Riedel กลับประเทศเพื่อไว้ใช้ในโรงแรมเพราะถูกใจทั้งดีแคนเตอร์ทั้งแก้ว
ในทริปวันสุดท้ายก่อนกลับ พวกเราไปดูวงออเครสต้าอีกวง แต่คราวนี้ไม่ได้มีโปรแกรมโน๊ตแนบมาด้วยว่าวงที่เราเข้าชมนั้นจะแสดงอะไร
พอเดินเข้าไป พนักงานก็พาพวกเราเข้าไปในโถงชมคอนเสิร์ต นักดนตรีนั่งกันครบทุกคนแล้ว แต่กลับไม่มีผู้ชมเลยแม้แต่คนเดียว ฉันมองไปรอบ ๆ อย่างประหลาดใจ เลยถามคาบุรากิว่าพวกเรามาก่อนเวลาหรือเปล่า คาบุรากิบอกว่าพวกเรามาตรงเวลาพอดี
ฉันมองเขาแล้วแอบตกใจเล็กน้อยที่คาบุรากิเหมาที่นั่งทั้งรอบ ช่างเวอร์จริง ๆ แต่เขาอยากทำอะไรใครห้ามได้ที่ไหน พวกเรามองนักดนตรีที่ทดลองเสียงเครื่องดนตรีบนเวที วาทยกรออกมาแล้ว ฉันเลยขยับตัวเตรียมพร้อมรับฟังดนตรี ทว่าคาบุรากิกลับลุกขึ้น
ตอนที่ฉันกำลังจะถามเขาว่าไปไหน คาบุรากิก็เดินขึ้นไปบนเวทีแล้วนั่งลงบนเก้าอี้หน้าเปียโน ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ ให้กับฉัน ฉันเบิกตากว้าง จ้องมองวาทยกรที่เริ่มออกคำสั่งกับวงด้านหลัง แล้วเสียงโหมโรงของ Piano Concerto No.2 ของโชแปงก็เริ่มขึ้น
ในเทศกาลทานาบาตะเดือนที่แล้ว คาบุรากิซึ่งเล่น Piano Concerto ของโชแปงแบบ Solo นั้นน่าประทับใจมาก แต่พอบรรเลงโดยมีวงออเครสต้ามืออาชีพทั้งวงเสริมให้ ก็ดูอลังการเสียจนมือที่กุมอยู่บนตักของฉันกำแน่น ตัวสั่นริกด้วยความรู้สึกเหมือนหัวใจจะกระโดดออกมานอกร่างกาย
สามสิบกว่านาทีของ Piano Concerto จบลงด้วยเสียงของเครื่องสีแผ่วเบา แม้ว่าทั้งโถงจะมีแค่ฉันคนเดียว แต่เสียงปรบมือก็ดังไปจนถึงหน้าเวที
ตอนแรกฉันนึกว่าโปรแกรมจะจบแล้ว แต่คาบุรากิกลับบรรเลง Fantasie Impromptu ของโชแปงต่อ เพลงนั้นเป็นเพลงที่ฉันจำได้ว่าตัวเองเคยขอให้คาบุรากิเล่น แต่ไม่คิดว่าเขาเองก็จำได้เช่นกัน
ต่อจาก Fantasie Impromptu ก็เป็น Dream of Love ของ ลิทซ์ ซึ่งอยู่ในสมัยโรแมนติกคลาสสิคเช่นเดียวกับโชแปง ฉันฟัง Dream of Love ท่อนที่ 3 ซึ่งประพันธ์จากกลอนของของเฟอร์ดินานด์ซึ่งเป็นกลอนรักอันแสนเศร้า ว่าด้วยความรักที่ถูกความตายพรากจาก จึงย้ำเตือนให้ผู้อ่านมีความรักให้เนิ่นนานที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ ในบรรดานักดนตรีคลาสสิค ลิทซ์เองก็เป็นนักดนตรีอีกคนหนึ่งที่ฉันชอบมากเช่นกัน
ต่อจากลิทซ์ก็เป็นเพลง Clair de Lune ของเดอบูว์ซีซึ่งอยู่ในยุคเดียวกับลิทซ์เช่นกัน พอได้ยินเสียงเพลง Clair de Lune ฉันก็นึกถึงตอนที่คาบุรากิเล่นเพลงนี้ปลอบฉันซึ่งเห็นเอ็นโจควงคู่กับกับคุณยุยโกะในงานเลี้ยงครั้งแรกหลังการแต่งงาน แม้ Dream of Love ของลิทซ์และ Clair de Lune ของเดอบูว์ซีจะถูกประพันธ์โดยมีแรงบันดาลใจจากกลอนเช่นเดียวกัน แต่ Clair de Lune กลับไม่ได้นำเนื้อความของกลอนมาใช้ในการเขียนมู้ดของเพลง แต่กับสื่อให้เป็นถือความลึกลับของความงามแห่งศิลปะ ซึ่งตัวฉันเองไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่เพราะว่าไม่เข้าใจ ถึงได้หลงใหลในผลงานของเขา
อันที่จริงฉันนึกว่าเพลงจบของคอนเสิร์ตจะเป็นเพลงในยุคโรแมนติกเช่นเดียวกับเพลงที่เล่นมาทั้งงาน แต่พอทำนองของ All I ask of you จากเรื่องแฟนท่อม ออฟ ดิ โอเปร่า ฉันก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย แต่ไม่ได้รู้สึกว่าขัดหู ซ้ำยังเป็นความประหลาดใจที่รู้สึกยินดีซะด้วยซ้ำ
ทว่าแทนที่คาบุรากิจะเพียงแค่บรรเลงเปียโนเพียงอย่างเดียว เขากลับร้องเนื้อเพลงในส่วนของราอูลและคริสเตียนด้วย ฉันมองเขาด้วยความรู้สึกทึ่งเมื่อเสียงทุ้มต่ำกังวาลดังอย่างแผ่วเบา วงออเครสต้าลดเสียงเครื่องดนตรีลง จนกระทั่งเสียงของคาบุรากิค่อย ๆ ชัดขึ้นเรื่อย ๆ
No more talk of darkness,
Forget these wide-eyed fears;
I'm here, nothing can harm you,
My words will warm and calm you.
Let me be your freedom,
Let daylight dry your tears;
I'm here, with you, beside you,
To guard you and to guide you.
Say you love me every waking moment,
Turn my head with talk of summertime.
Say you need me with you now and always;
Promise me that all you say is true,
That's all I ask of you.
Let me be your shelter,
Let me be your light;
You're safe, no one will find you,
Your fears are far behind you.
All I want is freedom,
A world with no more night;
And you, always beside me,
To hold me and to hide me.
Then say you'll share with me one love, one lifetime;
Let me lead you from your solitude.
Say you need me with you, here beside you,
Anywhere you go, let me go too,
That's all I ask of you.
แม้ว่าจะมีท่อนที่ต่อจากนี้ แต่คาบุรากิกลับไม่ได้ร้องต่อ เขาบรรเลงเปียโนคลอสลับกับเสียงจากออเครสต้าไปจนจบเพลง
ฉันลุกขึ้นปรบมือเมื่อการบรรเลงเสร็จสิ้นลง วงออเครสต้าและวาทยกรโค้งทำนับให้ฉัน ส่วนคาบุรากิเดินเข้ามาหาฉัน ฉันเลยชมการแสดงของเขาว่าเป็นการแสดงที่วิเศษสุดเท่าที่ฉันเคยได้รับชมมา และนั่นก็ไม่ใช่การพูดเกินจริงเลยแม้แต่น้อย เปียโนของคาบุรากิโดดเด่นไม่แพ้พวกมืออาชีพ เสียงเพลงของเขาก็ไพเราะเหมือนไม่ใช่พวกมือสมัครเล่น พอฉันถามออกไปว่าการแสดงครั้งนี้เนื่องในโอกาสอะไร เขาก็ตอบด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ กลับมา
“เพราะเธออยากฟัง”
ฉันมองเขา แล้วนึกไปถึงเทศกาลทานาบาตะ ฉันเคยเอ่ยกับเขาถึง Piano Concerto ของโชแปงที่เขาเล่นแบบ Solo ไม่คิดเลยว่าคำเปรยเล่น ๆ ในตอนนั้นจะทำให้คาบุรากิจัดคอนเสิร์ตพร้อมวงออเครสต้าให้ฉันฟัง
ฉันยิ้มออกมาอย่างอ่อนใจ รู้สึกเอ็นดูผู้ชายคนข้างหน้าอย่างที่สุด คาบุรากิผู้ชอบทำเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ใหญ่โตนั่นไม่เคยเปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย
“ขอบคุณนะคะ ท่านคาบุรากิ คืนนี้ฉันมีความสุขที่สุด”
คาบุรากิยิ้มให้กับฉัน พวกเราขอบคุณวงออเครสต้า ก่อนจะกลับโรงแรม
ในคืนนั้น ฉันฝันถึงเพลง All I ask of you ของคาบุรากิ แล้วคิดว่าฉันเองก็อยากจะอยู่ข้าง ๆ เขาเช่นกัน
จบ
ขอ U - umbrella
u - umbrella
โอ้ยยยย กราบโม่งฟิก ฟินมากกกกกก
U - Unremarkable
V- Voyage
ฟิค A-Z มีตอนจบมั้ยวะ แค่อยากรู้เฉยๆ 55555555
กูเล็งตัวvอยู่ถถถถถ ส่วนตัวzนี่....มีศัพท์ไรบ้างวะ
>>940 ไม่น่าจะมีดราม่าแล้วมั้ง ตอนท้ายนางก็บอกเองว่าอยากอยู่ข้าง ๆ น่าจะรู้สึกอะไรบ้างแล้วล่ะ
เคยเม้นไปนะว่า คนเราถ้าไม่ได้รัก ไม่ได้ชอบ จะทำให้ขนาดนี้เลยเหรอ พอมาอ่านตอนนี้เพิ่งฉุกคิดได้ (ถ้าไม่ใช่การมโนเอง) ถ้ายึดตามเนื้อเรื่องหลัก การกระทำของคาบุนี่ เป็นการจีบแบบเล่นใหญ่ล้วน ๆ เลยนะ แบบเอาอกเอาใจทุกอย่าง สารพัดจะประเคนให้ แค่สาวเอ่ยปากว่าต้องการอะไร ฮีจัดให้ได้หมด
เมื่อไรนางจะรู้สักที ว่านอกจากท่านพ่อ ท่านพี่แล้ว ก็คนนี้แหล่ะ ที่โครตตามใจเลยนะ
กูคิดว่าโม่งฟิคน่าจะกำหนดตัว z เองว่ะ ประมาณว่าเป็นคนเริ่มตัว a ก็ต้องเป็นฝ่ายจบด้วยตัว z เอง
โอยยย เขินมากกกก ท่านเรย์กะเริ่มหวั่นไหวแล้วใช่มั้ยย ////////////
จากชื่อกระทู้ที่ร้องขอตอนใหม่ กลายมาเป็นร้องขอกาวกันแล้วสินะ
รวบรวมไว้ให้โหวต ปิดโหวตที่ 990 ก็แล้วกัน
>>878 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการอ่านตอนเดิมซ้ำรอบแล้วรอบเล่า [เติมถุงกาวครั้งที่ 28]
>>879 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับถุงกาวที่ไม่มีวันหมด ไม่เหนื่อยล้าแม้จะร้องไห้ [การเรียกร้องให้กลับมาครั้งที่ 28]
>>880 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับกะละมังกาวที่กำลังจะล้นแล้วค่าาา [ทุบไหใบที่ 28]
>>881 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับถุงกาวที่ไม่มีวันหมด ไม่เหนื่อยล้าแม้จะร้องไห้ [เติมถุงกาวครั้งที่ 28]
>>882 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการตัดริบบิ้นเปิดโรงงานนรกกวนกาว [สาขาที่ 28]
>>886 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับโรงงานกวนกาวของเหล่าโม่งที่เฝ้ารอ [ติดฉลากปลอมครั้งที่28]
ไมมีอะไร กุแค่มา +1 ให้ Z-Zebra
555555555555555555555555555555555
U - Umbrella
ในวันอาทิตย์ที่ฉันไม่ได้มีตารางงานอะไรเป็นพิเศษ ฉันนัดกับวาคาบะจังออกไปเดินเที่ยวในเมือง พวกเราไปดูของจุกจิกน่ารัก หาของกินอร่อย ๆ พอเดินผ่านหน้าร้านชุดราตรี ฉันเห็นวาคาบะจังมอง ๆ ก็เลยชวนเธอเข้าไปในร้าน
วาคาบะจังหยิบ ๆ จับ ๆ เดรสสีขาวตัวหนึ่ง มันเป็นเดรสผ้าชีฟองน่ารัก มีดอกไม้สีชมพูระบายตรงสายคาดไหล่และเอว วาคาบะถามฉันว่าคิดยังไงกับกระโปรงตัวนี้ ฉันเลยตอบไปตามตรง
“มันก็น่ารักดีอยู่หรอกค่ะ แต่ออกจะเหมือนชุดแต่งงานไปหน่อย” ฉันตอบ อันที่จริงชุดราตรีของฉันหลายชุดก็มาจากไลน์ชุดแต่งงานเหมือนกัน แต่ฉันพยายามไม่เลือกสีขาว ดังนั้นก็เลยไม่น่าเกลียดนัก
วาคาบะจังหัวเราะ ก่อนจะตอบว่า “อา ก็ฉันกำลังเลือกชุดแต่งงานอยู่นี่คะ คุณคิโชวอิน”
หลังจากนั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมา การ์ดแต่งงานของเธอก็ถูกส่งมาถึงฉันกับคาบุรากิ
เพราะว่าวาคาบะจังกำลังลงทุนเปิดสำนักงานทนายความแห่งใหม่ร่วมกันกับนายตัวสำรอง ดังนั้นงานแต่งงานจึงจัดแบบหรูหรามากไม่ได้ ตอนแรกฉันอยากจะให้เธอยืมห้องที่โรงแรม แต่คิดอีกทีไม่เอาดีกว่า เพราะตอนที่คาบุรากิคบกับวาคาบะจัง เรื่องราวของเธอไปถึงหูของท่านพ่อและมาดามคาบุรากิ ดูเหมือนว่าจะมีการพบหน้ากันหลายครั้งด้วย เมื่อสุดท้ายแล้วเรื่องจบได้ไม่ดี วาคาบะจังคงลำบากใจที่จะต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องของคาบุรากิอีก
สุดท้ายแล้วเธอก็ไปจัดงานแต่งงานในรีสอร์ทเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่ไกลจากตัวเมืองออกไป รีสอร์ทแห่งนั้นไม่เคยจัดงานแต่งงาน แต่วาคาบะเคยช่วยเจ้าของรีสอร์ทต่อสู้คดีโดยที่ไม่คิดค่าใช้จ่าย คุณป้าคนนั้นก็เลยอยากตอบแทนเธอ
แขกที่มางานมีไม่มากนัก ในบรรดาเด็กที่มาจากซุยรันก็มีเพียงฉัน คาบุรากิ เอ็นโจ รุ่นพี่โทโมเอะกับรุ่นพี่คาซึมิ แล้วก็เพื่อน ๆ ในสภานักเรียนที่สนิทกับวาคาบะและนายตัวสำรองแค่สองคน รวม ๆ แล้วแขกที่มาทั้งหมดก็ห้าสิบกว่าคนเท่านั้น แต่เนื่องจากรีสอร์ทมีพื้นที่ในร่มค่อนข้างเล็ก ซ้ำยังเป็นห้องพักซะส่วนมาก คุณป้าเจ้าของเลยจัดงานในสวน
งานพิธีจัดอย่างเรียบง่าย มีบาทหลวงทำพิธีให้ และทุกคนก็ทานอาหารร่วมกัน แม้ว่าอาหารจะไม่หรูหรา แต่ก็มีรสชาติดี ในระหว่างที่กำลังพูดคุยกันหลังมื้ออาหารเตรียมจะลาเจ้าภาพแยกย้ายกลับ ฝนก็ตั้งเค้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะตกลงมาในที่สุด
ฉันกับคาบุรากิมองหน้ากันแล้วตกลงว่าเราน่าจะต้องไปกันได้แล้วแม้ว่าฝนกำลังตกก็ตามที เพราะอีกสี่ชั่วโมงพวกเราต้องขึ้นเครื่องไปปารีส หากเป็นที่โรงแรมจะไม่มีปัญหาอะไรเลย เนื่องจากพวกเราสามารถให้คนขับรถวนมารับได้ แต่เพราะทางเข้าของที่นี่ค่อนข้างแคบ รถไม่สามารถเข้ามาได้ โรลส์รอยซ์เลยต้องจอดตรงไหล่ทางไกลออกไปเกือบหนึ่งกิโลเมตร
ฉันเอาร่มติดมาด้วยเพราะขามาทางไกล เลยต้องกางร่มบังแดด แต่ร่มของฉันใหญ่พอจะกางให้คน ๆ เดียวเท่านั้น ตอนที่เอ่ยปากขอยืมร่มจากคุณป้าเจ้าของที่พัก คาบุรากิก็บอกว่าไม่ต้อง
เขาหันหลังให้ฉันแล้วคุกเข่าลงข้างหนึ่ง พอฉันยืนจ้องเขา เขาก็หันมาแล้วบอกว่าทางที่เดินมาหากเป็นเวลาปกติก็สามารถเดินได้ไม่ลำบากนัก แต่ตอนนี้ฝนตก พื้นทางเดินเฉอะแฉะมาก รองเท้าส้นสูงจะต้องลื่นมากแน่ ๆ เขาเลยจะให้ฉันขี่หลังไป
ฉันปีนขึ้นไปบนหลังของเขาอย่างอาย ๆ เพราะพวกเราอยู่ต่อหน้าคนรู้จัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าคาบุรากิพูดถูก รองเท้าของฉันไม่เหมาะกับการเดินบนพื้นทางเดินที่ฝนกำลังตก ดีที่ฉันใส่กระโปรงทรงกว้าง เลยขี่หลังเขาได้โดยไม่ลำบากมากนัก
คาบุรากิลุกขึ้นแล้วบอกให้ฉันกางร่ม ฉันกางร่มสีขาวประดับลูกไม้แล้วพวกเราก็เดินไปท่ามกลางฝนตก ฉันมองเขาที่เดินอย่างระมัดระวังแล้วถามเขาว่าหนักไหม
“หนักน่ะสิ” คาบุรากิตอบอย่างไม่รักษาน้ำใจ ฉันแอบรู้สึกสะเทือนใจเล็ก ๆ อันที่จริงน้ำหนักของฉันดีดขึ้นมาหลังกลับจากทัวร์ที่เวียนนา ฉันเลยบอกว่าถ้าเขาหนักฉันเดินเองก็ได้ ถ้าพวกเราเบียด ๆ กันใต้ร่ม ค่อย ๆ เดินไป ก็คงจะไปถึงรถได้โดยที่ไม่มีใครหกล้มหรือหัวเปียก แต่คาบุรากิกลับกระชับมือที่จับขาฉันไว้แน่น “แต่ถ้าฉันไม่อุ้มเธอ จะปล่อยให้คนอื่นมาทำแทนรึไง”
ฉันทำเสียงฮืม ๆ บอกเขาว่าถึงไม่มีใครอุ้ม ฉันก็เดินเองได้ มากสุดก็แค่ถอดรองเท้าเดิน
คาบุรากิหน้าแดงไปถึงหู บอกฉันว่าเขาเป็นสามีของฉัน หน้าที่ดูแลฉันก็ต้องเป็นของเขาอยู่แล้ว เขาไม่มีวันปล่อยให้ฉันเดินเท้าเปล่าบนพื้นแข็ง ๆ น้ำเจิ่งนองแบบนี้หรอก
ฉันกอดไหล่เขาไว้แน่น แนบแก้มลงกับหูของเขา แม้ว่าตอนนี้ฝนจะพรำจนชายกระโปรงของฉันชื้นไปหมด แต่ฉันกลับอยากให้ทางเดินสายนี้ยาวออกไปไม่มีที่สิ้นสุด เขาจะได้อุ้มฉันภายใต้ร่มคันน้อยคันนี้ตลอดไป
จบ
Vow สาบาน
แต่อืม.... ถ้าให้แบกตลอดไป คาบุจะไม่หลังหักตายห่าก่อนอ่อวะ //ที่บอกว่าหน้าแดงนี่คือเหนื่อยใช่ไหม เจ้าแม่หนักมากสินะ...โดนตบ
แบกตลอดไป ไม่ดีมั้ง เดี๋ยวเข่าทรุด ข้อเสื่อมกันพอดี
คาบุไม่ว่าจะอยู่ฟิคไหน(ที่ได้เป็นพระเอกในฟิคนั้น)จะต้องโรแมนติกตลอดเว้ย แต่เอาจริงๆคาบุก็โรแมนติกตามประสาพระเอกโชโจนั่นแหละ
ความจริงสิ่งที่คาบุทำให้เจ้าแม่ในฟิคก็เหมือนที่คาบุจะทำให้ยูริเอะกับวาคาบะในเรื่องหลักนั่นแหละ มองจากมุมเจ้าแม่ในเรื่องหลักรู้สึกแม่งโคตรโอเวอร์ แต่พอมาอ่านฟิคกลับรู้สึกโรแมนติกฉิบหาย
เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว~~
W-Wooing
อ้าว ยังเหรอ โทดๆ
โมงฟิก กรุอยากได้ฟิกท่านพี่กับท่านไอระ. Please
แปปๆก็จะzแล้วหรอเนี่ย เร็วเว่อร์5555
V - Vow
“เป็นไงบ้าง”
หลังจากที่ฉันส่งเสียงตอบรับ คาบุรากิก็เปิดประตูเข้ามาถามอาการของฉัน
ไม่รู้ว่าเพราะโหมงานหนักมากเกินไป หรือว่าไปติดเชื้อไวรัสจากที่ไหน ทว่าสามวันก่อน จู่ ๆ ฉันก็รู้สึกเหมือนตัวร้อน ๆ และในเย็นวันนั้นเอง ฉันก็ถูกหามส่งโรงพยาบาล
หมอสั่งให้ฉันนอนดูอาการเพื่อตรวจดูว่าติดเชื้อไวรัสตัวอื่นนอกจากหวัดรึเปล่า ตั้งแต่ฉันเข้าโรงพยาบาล คาบุรากิก็มาเยี่ยมฉันทุกวัน ในแต่ละวันเขาจะเอาของประหลาด ๆ มาให้ อย่างเช่นตัวต่อห่วงกล แม้ว่าฉันจะตาลาย ป่วยขนาดที่ว่าจะเข้าห้องน้ำพยาบาลก็ยังต้องมาช่วยประคอง ดูยังไงก็เล่นตัวต่อที่เขาเอามาไม่ได้แน่นอน แต่ฉันก็ยังรู้สึกดีที่เขามาเยี่ยม
ในวันนี้เขาหอบหนังสือปริศนามาให้ บอกว่าให้ฉันเล่นแก้เบื่อตอนที่เขาไม่อยู่ แม้ว่าฉันจะเข้าโรงพยาบาล แต่ก็ยังห่วงเรื่องงาน ดังนั้นเลยชวนเขาคุยเรื่องความคืบหน้าของโปรเจคและงานเลี้ยงต่าง ๆ คาบุรากิเล่าให้ฉันฟังทุกโปรเจค ยกเว้นโปรเจครีสอร์ทที่มีสนามขี่ม้า
ฉันรู้ว่าคาบุรากิไม่ได้ไปที่ฟาร์มอายูคาวะอีก และถึงแม้ว่าพวกเราจะได้เจอคุณชิสึกะในงานสังคมบ้าง แต่เขาก็วางตัวห่างจากเธอในระดับหนึ่ง
หากแต่ฉันรู้ว่าในใจของคาบุรากินั้นยังคงคิดถึงเธอ เขาเป็นผู้ชายที่หากรักแล้วก็จะทุ่มเทลงไปสุดหัวใจ ทว่าเขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้เพราะติดที่มโนธรรมของตัวเอง
ฉันคุยกับเขาจนกระทั่งคาบุรากิถูกคุณเลขาตามตัวในตอนบ่าย พอเขาไป ฉันก็ส่งข้อความหาท่านพี่ ถามว่าเขาจะปลีกเวลามาเยี่ยมฉันได้หรือเปล่า อันที่จริงท่านพี่มาเยี่ยมฉันแล้วตั้งแต่วันแรกที่เข้าโรงพยาบาล แต่วันถัด ๆ มาเขายุ่งมากจนไม่ได้มาอีก
ท่านพี่ตอบข้อความของฉันอย่างรวดเร็ว บอกว่าเคลียร์ธุระเสร็จแล้วเย็นนี้จะไปหา ฉันรอท่านพี่อยู่จนกระทั่งใกล้ถึงเวลาปิดวอร์ด เขากับท่านอิมาริก็เข้ามาเยี่ยม ท่านอิมาริแบกดอกไม้ช่อโตกับตะกร้าผลไม้มาให้ บอกว่าอยากให้ฉันรู้สึกสดชื่นขึ้น ฉันยิ้มขอบคุณเขา ก่อนจะบอกออกไปตามตรงว่ามีเรื่องที่อยากคุยกับท่านพี่ตามลำพัง
ทั้งสองคนมองหน้ากัน ก่อนที่ท่านอิมาริจะยิ้มแล้วบอกว่าเขาจะไปซื้อกาแฟด้านล่าง พอท่านอิมาริไป ท่านพี่ก็ถามเรื่องอาการของฉัน ฉันบอกเขาไปว่าตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว จากนั้นจึงเข้าประเด็นทันทีเพราะพวกเรามีเวลาก่อนปิดวอร์ดไม่นานนัก
“ท่านพี่คะ ถ้าน้องหย่ากับท่านคาบุรากิ ธุรกิจของพวกเราจะเกิดผลกระทบยังไงบ้างเหรอคะ?”
ท่านพี่ชะงักเมื่อได้ยินคำถามของฉัน เขามองสีหน้าของฉันแล้วตอบออกมาอย่างระมัดระวังว่าหุ้นของพวกเราอาจจะร่วงลงช่วงสั้น ๆ เพราะการหย่าของฉันกับคาบุรากิอาจจะทำให้นักลงทุนทั้งสองฝ่ายไม่มั่นใจว่าโครงการที่พวกเราทำด้วยกันจะมีปัญหาไหม
“เรย์กะ น้องกับคาบุรากิทะเลาะกันเหรอ?”
ฉันนิ่งไป มองหน้าท่านพี่ก่อนจะพูดความจริงออกไปทั้งหมดว่าความสัมพันธ์ของฉันกับคาบุรากิที่ผ่านมานั้นเป็นเพียงแค่การแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ของตระกูลจริง ๆ ตัวเขามีคนที่รักอยู่แล้ว ตัวฉันเองในตอนนั้นก็ยังตัดใจจากเอ็นโจไม่ได้ พวกเราจึงเป็นได้แค่เพียงเพื่อนที่ดีต่อกัน
ในช่วงเวลาที่พวกเราไม่มีใคร ฉันกับเขาถือว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกับที่สุด เขาเป็นผู้นำตระกูลคาบุรากิ เป็นสามีที่อ่อนโยนใจดีช่างดูแล ส่วนฉันเป้นภรรยาที่คอยช่วยงานเขา จัดการเรื่องต่าง ๆ รอบตัวเขา ทำให้งานดำเนินไปได้อย่างราบรื่นที่สุด
หากแต่เมื่อคาบุรากิหลงรักคุณชิสึกะ ความสัมพันธ์ของพวกเราจึงไม่สามารถดำรงอยู่ในรูปแบบนั้นได้อีกต่อไป คาบุรากิเป็นผู้ชายที่รักใครรักจริง เขารักท่านยูริเอะ ตอนโดนทิ้งในคราวนั้นเขาคงตายไปแล้วถ้าไม่ได้เอ็นโจช่วยลากกลับมา เขารักวาคาบะจัง และสู้เต็มที่เพื่อที่จะได้อยู่กับเธอ แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะไม่ได้สมหวัง แต่เขาก็ได้พยายามแล้ว
ทว่ากับคุณชิสึกะ ความรักนั้นถูกตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเพียงเพราะว่าเขามีภรรยาอยู่แล้ว หากฉันเป็นภรรยาของเขาจริง ๆ เขาก็คงเป็นผู้ชายสารเลวหลายใจ ทว่าฉันเป็นเพียงแค่ภรรยาในนามของเขาเท่านั้น
เขาเคยสัญญากับฉันว่าตราบเท่าที่ฉันยังใช้ชื่อคาบุรากิ เขาก็จะไม่มีวันไปหาผู้หญิงคนอื่นอย่างเด็ดขาด แม้ว่าเขาจะรักเธอมากเท่าไหร่ก็ตาม และฉันรู้ว่าเขาจะไม่มีทางผิดสัญญาที่ตัวเองเคยได้ลั่นวาจาออกไป
เพราะฉะนั้น ฉันจะคืนชื่อคาบุรากิให้กับเขา เพื่อที่จะทำให้เขาเป็นอิสระอีกครั้ง ความรักของคาบุรากิไม่สมหวังมาหลายครั้งแล้ว เขาควรจะได้อยู่กับผู้หญิงที่เขารัก ไม่ใช่ผู้หญิงที่พ่อแม่หาให้
ท่านพี่ยื่นมือมากุมมือฉัน เขาบอกให้ฉันคิดดี ๆ ทว่าพอเห็นสีหน้าของฉัน เขาก็บอกว่าการหย่าของฉันกับคาบุรากิอาจจะส่งผลกระทบมากก็จริง แต่เขาสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ฉันไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ว่าฉันจะเป็นคาบุรากิ หรือคิโชวอิน ฉันก็ยังเป็นน้องสาวของเขา และเขาจะปกป้องฉันจนถึงที่สุด
ฉันปล่อยให้น้ำตาไหลลงอาบแก้ม แล้วเอนตัวซบลงไปในอกของท่านพี่ นึกถึงช่วงเวลาต่าง ๆ ที่ฉันกับคาบุรากิอยู่ด้วยกันมาสามปี ในสามปีนี้คาบุรากิดีต่อฉันอย่างที่ไม่เคยมีใครดีกับฉันมาก่อน
ฉันรักเขา
แต่เขารักคนอื่น ดังนั้น ฉันก็จะปล่อยเขาไป
จบ
Wild.
เหมือนเรื่องใกล้ดำเนินมาถึงจุดจบแล้ว.....
ท่านเรกะะะ ประโยคทิ้งท้ายทำน้ำตากูจะไหล โม่งฟิคมึงทำให้กูอยากอ่านตอนจบมากกก กูลุ้นนน
ขอเสนอ
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับถุงกาวที่ไม่มีวันหมด ไม่เหนื่อยล้าแม้จะร้องไห้ [การเรียกร้องให้กลับมาครั้งที่ 28]ฃ
เฮ้ยๆ ใจเย็น ปิดโหวตนับคะแนนกันก่อน กระทู้จะเต็มแล้ว
เปิดวาร์ปไปเม้าท์ต่อ
>>>/webnovel/6040/
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.