ผ่านไปอาทิตย์หนึ่งพอดีหลังจากที่ผมคุยกับหัวหน้าห้องตอนที่ผมรู้จากข่าวลือว่าเรย์กะเข้าเรียนเสริมที่ซุยรัน เธอยึดถือที่นั่งหลังห้องเป็นของตัวเองอย่างชัดเจนและตอนนี้ตรงนั้นถูกเรียกว่า “บัลลังก์ดอกเบญจมาศ” เพราะฉะนั้นก็เลยมีแต่คนหลีกเลี่ยงเข้าใกล้เพื่อที่จะไม่ทำให้จักรพรรดินีขุ่นเคือง
เมื่อผมถามรายละเอียดเพิ่มเติม ผมก็ได้รู้มาอีกว่า ด้วยความนิ่งเงียบของเธอและท่าทีที่ตั้งอกตั้งใจเรียน ไม่แม้แต่จะเริ่มบทสนทนา และการที่ทักทายแค่ตอนชั้นเรียนจะเริ่มและบอกลาตอนเลิกเรียนแค่นั้น ทำให้เธอโดดเดี่ยวตลอดเวลา น่าสงสาร…
เวลาผ่านไปเช่นนี้ กับการที่กลุ่มของผมคุยกันเองอย่างกระตือรือร้นเกี่ยวกับข่าวลือที่ได้ยินมา และมาซายะมาหาที่บ้านเพื่อเล่นกับยูกิโนะและผม ปิดเทอมภาคฤดูร้อนก็จบลง
เมื่อโรงเรียนเปิดอีกครั้ง ผมสังเกตเห็นเรย์กะเดินอยู่นอกห้องเรียนของผม เธอดูผอมลงไปหรือเปล่านะ ผมได้ยินจากหัวหน้าห้องว่าเรย์กะมีเรียนทั้งที่โรงเรียนสอนพิเศษและอาจารย์สอนพิเศษส่วนตัว ทั้งยังมีเรียนเสริมเพิ่มเข้าไปอีก ท่าทางจะใช้เวลาเรียนมากกว่าพักอีกล่ะมั้งนั้น ถึงแม้ว่าเรียนจนถึงขั้นน้ำหนักลดจะแย่นิดหน่อยแต่เธอดูอารมณ์ดีนะ
“เอ่อ ท่านชูสุเกะ มองใครอยู่เหรอครับ?” เด็กผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มของผมมองไปยังทิศเดียวกันแต่เรย์กะเดินจากไปแล้ว
“ไม่มีอะไร จะว่าไป นายมีอะไรอยากบอกผมนะ?”
“อ๋อ ใช่! ผมได้ยินมาว่าญาติผู้น้องของท่านคิโชวอินจะเข้าเรียนที่ซุยรัน”
ญาติเรย์กะ? “ได้ข่าวมาจากไหน?”
“ญาติคนหนึ่งของผมเรียนอยู่ที่เดียวกับญาติท่านคิโชวอิน ญาติท่านเรย์กะคนนั้นคือ โคโทะ ริรินะ แล้วเธอค่อนข้างจะ อืม… เป็นด้านตรงข้ามกับท่านคิโชวอินอยู่มาก”
ผมเลิกคิ้ว แตกต่างจากเรย์กะ? “เอาล่ะ มันคงไม่เป็นอะไรหรอก ตราบเท่าที่เธอไม่ก่อปัญหาขึ้นมาน่ะนะ…” ผมชะงักไปชั่วครู่แล้วพิศดูเขา “เดี๋ยวนะ ทำไมนายถึงอยากบอกผมเรื่องนี้ล่ะ?”
“เพราะว่าช่วงนี้นายถามถึงท่านคิโชวอินบ่อยๆ เลยคิดว่านายอาจจะอยากรู้…”
“ผมไม่ได้ชอบคุณคิโชวอินแบบนั้น” ผมแค่นยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าเขา
แน่ใจนะ? เขียนอยู่เต็มๆบนสีหน้าที่บ่งบอกว่าไม่เชื่อ อะไรวะ ผมแค่ถามถึงนิดหน่อยก็หาว่าผมสนใจเธอแล้วงั้นเหรอ?
“อาจารย์กำลังมา กรุณากลับไปนั่งที่ตัวเองด้วย” หัวหน้าห้องตะโกนบอกขณะที่เดินกลับไปยังที่นั่งของเขา
ผมนั่งเท้าคางมองบทเรียนวันนี้อย่างว่างเปล่า
ญาติที่มีบุคลิกตรงข้ามกับเรย์กะงั้นเหรอ หึ…
อีกครั้งที่เทศกาลกีฬาเวียนมาถึงซุยรัน แต่คราวนี้เรามีสภานักเรียน คณะกรรมการงานกีฬา และตัวแทนชมรม ทุกอย่างก็เลยเตรียมการเสร็จไวกว่าเดิม และนักกีฬาก็คัดเลือกเข้มงวดกว่าปีที่แล้วเพื่อป้องกันไม่ให้สมาชิกชมรมกีฬาลงแข่งกีฬาที่ตัวเองอยู่ในชมรมนั้น
อย่างไรก็ตาม แค่เลือกคนมาลงแข่งขี่มาส่งเมืองกลายเป็นเรื่องยากอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่มีใครอยากถูกไล่ฆ่าจากจักรพรรดิ พวกเขาถอยหนีโดยธรรมชาติทันทีที่หัวหน้าห้องเริ่มพูดเรื่องนี้ แต่ท้ายสุดแล้ว หัวหน้าห้องก็บังคับเด็กผู้ชายคนที่ไม่มีแข่งลงแข่งขี่ม้าส่งเมืองอยู่ดี
ในขณะเดียวกัน มาซายะก็ไล่ดูเด็กผู้ชายทุกคนในห้องเขาจนคัดเลือกได้คนที่ตรงกับความต้องการของเขามานิดหน่อย ไม่มีใครกล้าพอจะปฏิเสธจักรพรรดิ เลยได้แต่ตกปากรับคำอย่างฝืนใจและส่งมอบสองสามอาทิตย์หน้าของพวกเขาให้มาซายะ มาซายะมีความสุขมากแถมยังอวดแผนการฝึกคนที่ลงแข่งขี่ม้าส่งเมืองที่เขาเก็บไว้ในคลังให้ผมดูอีก
อืม พวกเขาน่าจะเป็นพลทหารของมาซายะมากกว่าเป็นม้านะ