พวกเด็กผู้หญิงส่งเสียงเอะอะล้อมหน้าล้อมหลังผมทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นในชั่วโมงเรียน, ช่วงพัก และมื้อกลางวัน สาวๆ พวกนั้นก็จะเข้ามาห้อมล้อมโต๊ะเรียนและไม่เปิดทางให้ผมออกไปสักนิด มาซายะก็โดนแบบเดียวกัน
เราเลยไปที่ห้อง Pivoine เพื่อเลี่ยงพวกเด็กผู้หญิงกัน และเพราะปีนี้ได้อยู่กับยูริเอะอีกครั้ง สาวน้อยมาซายะเลยกลับมามีสปิริตแรงกล้าทันทีที่เหยียบย่างเข้าไป เขาแสกนหายูริเอะรอบห้อง ก่อนจะพบเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะเดียวกับไอระและเรย์กะ
ทันทีที่เราปรากฏตัว ร่องรอยสำนึกเสียใจก็ผุดขึ้นมาในดวงตาของเรย์กะพร้อมๆ กับที่เธอหยุดการสนทนากับยูริเอะลงและมองไปทางมาซายะ เมื่อเห็นดังนั้น ไอระก็มองไปทางเรย์กะที่นิ่งเงียบอย่างกังวล ก่อนจะส่ายหน้าคล้ายจะบอกว่า "ไม่เป็นไรนะ" นี่เราเพิ่งมาถึงเองนะ ทำไมเธอต้องทำเหมือนเราไปทำอะไรไม่ดีใส่เธอด้วยเล่า?
"จริงด้วย นึกออกแล้ว คุณเรย์กะ ตอนไปทัศนศึกษาโดนกวางจู่โจมจนแย่ไปเลยใช่ไหม เห็นรูปแล้วตกใจเลยล่ะ กลัวมากไหม?" ยูริเอะเอ่ยขัดบรรยากาศอันแสนกดดันด้วยการแสดงความเป็นห่วงเรื่องอุบัติเหตุที่นารา โอ้ ผมจำได้นะ
มาซายะ หยุดหัวเราะสิ ถึงจะตลก แต่ถ้าเรย์กะเกิดบาดเจ็บขึ้นมาจริงๆ จะทำยังไงน่ะ? เป็นบ้าอะไรของนาย?
เรย์กะตอบว่าเธอไม่เป็นไร แต่ผมเห็นว่าสายตาคมกริบของเธอจ้องไปทางมาซายะอย่างไม่เป็นมิตร ทันใดนั้น รอยยิ้มอ่อนหวานอันแสนมีเมตตาก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเรย์กะ
"จะว่าไป เพิ่งได้ฟังจากเพื่อนมา เห็นว่าชื่อของจักรพรรดิระบือไกลไปถึงยูริมิยะแล้วนะคะ"
นั่นทำให้มาซายะที่กำลังหัวเราะแทบเป็นแทบตายหุบปากฉับทันที แววตาสยดสยองนั่นเข้ากับสีหน้าตกตะลึงของเขามากทีเดียว โอ้ เรย์กะเอาชนะได้อย่างสวยงาม
"อ้าว คงดับไฟไม่ทันแล้วล่ะนะ มาซายะ" ยูริเอะหัวเราะอย่างรื่นเริง
"...ไม่ต้องแล้ว พอที ยอมแพ้แล้ว" มาซายะถอนหายใจ
"ฉันไม่ได้พูดเองเสียหน่อย ยังไงก็ยังพอกลบเกลื่อนไปได้ ดีกว่านโปเลียนล่ะน่า..."
หมอนี่ดูเซ็งสุดๆ อันที่จริงมาซายะบ่นเรื่องนี้มาตั้งแต่งานกีฬาสีแล้ว ผมเลยรู้ว่าเขาไม่พอใจกับเรื่องนี้เอามากๆ ถ้าเจอคนที่ตั้งฉายานี่ให้ หมอนี่จะไล่ล่าจับคนพวกนั้นมาถลกหนังทั้งเป็นไหมนะ?
"นั่นสิเนอะ ถ้าโดนร้องทักว่า 'อ๊ะ นโปเลียนล่ะ!' ที่กลางเมืองล่ะคงอายขายขี้หน้าสุดๆ แต่โดนทักว่า 'จักรพรรดิ' กลางเมืองก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ สงสัยฉันต้องเผลอเดินห่างๆ มาซายะ ทำตัวเป็นคนอื่นด้วยแน่ๆ"
"ชูสุเกะ นี่นาย..."
ผมหัวเราะเยาะเมื่อแกล้งเจ้าคนอีโก้สูงนี่ได้ สายตากินเลือดกินเนื้อนั่นดุดันจังน้า ราวกับอยากจะเผาทุกอย่างให้ราบเชียวล่ะ แต่เพราะมาซายะก็คือมาซายะ...ไอ้การทำเรื่องอะไรแบบนั้นมันยากเกินไปอยู่แล้วล่ะ
"มาซายะจะโดนเรียกว่าจักรพรรดิไปถึงเมื่อไหร่ไม่รู้ แต่คุณคิโชวอินไม่ถูกเรียกว่า 'แม่สาวกวาง' ซักหน่อย ยังดีกว่าเยอะนะ"
สีหน้าและสายตาของเธอเหมือนจะร้องไห้แบบคนสิ้นไร้ไม้ตอก ผมตัดสินใจหยุดแกล้งทันทีก่อนที่เธอจะเริ่มร้องไห้ขึ้นมาจริงๆ
"ซักวันฉันจะตั้งชื่อเล่นแปลกๆ ให้นายบ้าง" มาซายะคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ผมหัวเราะหนักกว่าเดิม เอาเลย ลองดูเซ่! แต่นายต้องจำฉายาของนายไปตลอดกาล!
ในตอนที่ผมกำลังสนุกสนานกับการแสดงออกของมาซายะอยู่นั้น ผมก็เห็นเขาส่ายหน้าอย่างผิดหวังให้เรย์กะ หืม? เธอก็อยากตั้งฉายาให้ผมเหมือนกันหรอกเหรอ? อ๋า~ เรย์กะ ผมไม่ได้ตั้งฉายาแย่ๆ ให้เธอเลยนะ ใช่มั้ย ทำไมต้องโกรธผมขนาดนั้นด้วยล่ะ?
หลังจากที่ผมใจเย็นลงได้ พวกนั้นก็เริ่มคุยกันเรื่องปัญหาระหว่างสภานักเรียนกับ Pivoine กันแล้ว จริงๆ นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญสักนิด...ไม่ว่าสภานักเรียนจะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่ซุยรันก็อยู่ได้ด้วยธนาคารเคลื่อนที่ได้อย่างครอบครัวของเหล่าสมาชิก Pivoine อยู่ดี ดังนั้นถ้าต้องเลือกระหว่างนักเรียนธรรมดาร้อยคนกับ Pivoine คนเดียว ยังไงซุยรันก็เลือก Pivoine อยู่แล้ว ซุยรันไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยอย่างการแข็งข้อของสมาชิกสภาปัจจุบันอะไรแบบนั้นหรอกน่า
ผมส่ายหน้า ยิ้มอย่างขบขัน
ในขณะเดียวกัน มาซายะก็เริ่มเกิดอาหารหึงหวงจากเรื่องราวที่ยูริเอะเล่าให้ฟัง หวังว่าจะปลอดภัยน้า ทั้งรุ่นพี่โอคิชิมะและประธานนักเรียน
-----
ไม้หกนี่สั้นๆ มั้ยนะ แต่เอาเป็นว่าจบแล้วจ้า ส่งต่อให้ไม้7 สู้ๆนะ โม่งทั้งหลาย!