โอ๊ยยยยยย ดีต่อใจแม่ยกท่านเอ็นโจเหลือเกิน ขอบคุณทุกคนที่แปลมาก
Last posted
Total of 1000 posts
โอ๊ยยยยยย ดีต่อใจแม่ยกท่านเอ็นโจเหลือเกิน ขอบคุณทุกคนที่แปลมาก
การมโนเล่นพ่อแม่ลูกในหัวได้ฉันใดก็คล้ายกับตัวร้ายละครไทยที่ชอบมโนว่าคบกับพระเอกฉันนั้น 555 ท่านเอ็นโจระวังท่านพี่นะเจ้าคะ
>>586 กูเดานะว่าบ้านของคาซึรางิคงเป็นคู่ค้าที่สำคัญคนนึงของบ้านเอ็นโจ พ่อแม่คงพามาเล่นที่บ้านเป็นเพื่อนบวกกับให้เป็นลูกน้องกลายๆของชูสุเกะ คาซึรางิเลยเข้านอกออกในบ้านเอ็นโจได้ และดูมีความเคารพนับถือเอ็นโจ แล้วก็เจอยุยโกะด้วยเลยชอบและอาสาเป็นสายข่าวให้แบบเต็มใจ แต่เอ็นโจดูรำคาญคาซึรางิ เพราะเรื่องคอยตามประกบรายงานยุยโกะแต่ทำอะไรไม่ได้มากเท่าไหร่ เพราะเดี๋ยวจะมีความยุ่งยากตามมาภายหลังทั้งเรื่องครอบครัว เรื่องยุยโกะ แต่บทจะไม่แคร์ฮีก็ไม่แคร์เลย ใครก็บังคับไม่ได้ด้วย
จากลิงค์ >>590 แอบมาสรุปให้
คือเขาก็แบบว่า เหย ไม่คิดเลยว่านอบน้อมและหนักแน่นฯ ได้แปลเป็นภาษาต่างประเทศหลายภาษาแล้วฮิตมากๆ ด้วย ตอนแรกที่เกิดสงสัยเรื่องนี้เพราะเห็นแฟนอาร์ตของเรื่องนี้ที่ pixiv เป็นภาษาไทยภาษาอังกฤษ พอไปค้นดูก็เลยเห็นว่ามีแปลเป็นภาษาอังกฤษ, จีน, เกาหลี, สเปน, ไทยด้วย แถมในไซต์แปลภาษาอังกฤษยังมีรูปถ่ายของกินแปะไว้ด้วยนะ คนอ่านก็เยอะแยะเลย เห็นตอนนึงมีคอมเมนต์เป็นร้อยๆ แน่ะ แถมยังมี fandom wikia ด้วยนะ (กูว่าถ้าเขามาเจอโม่งคงอึ้ง...)
ดูในคอมเมนต์ก็มีความเป็นห่วงเรื่องลิขสิทธิ์กันอยู่แหละ (ขอโทษค่ะ...)
แล้วเขาก็เป็นห่วงเรื่องบทแปลมั้ง เพราะมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมเยอะ จริงๆ ก็มีส่วนนะ อย่างชื่อรัชทายาทอาริมะนี่ก็มีที่มาของตัวจริงในประวัติศาสตร์แหละ แต่มันยาวมาก กูสรุปไม่ไหว... orz
<<Fan Fic : เอ็นโจ ชูสุเกะ PoV Chapter 6 >>
เพราะว่าเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้ใส่เครื่องแบบสีกรมท่า คุณแม่ก็เลยจับผมถ่ายรูปเสียเยอะแยะ มาซายะเลยหัวเราะผมยกใหญ่ที่ต้องกลายมาเป็นนายแบบให้แม่ และเพื่อเป็นการเอาคืน ผมเลยจัดการให้คุณน้ารู้ว่าผมโดนจับถ่ายรูป และเนื่องจากวันพรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายของการใส่เครื่องแบบนักเรียนประถมสีกรมท่าของพวกเรา ก็แค่บอกไปว่านี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายอะนะ คุณน้าก็เลยจัดการกักตัวมาซายะไว้แล้วจ้างตากล้องชั้นนำ แถมด้วยการจัดแจงทำเป็นอัลบั้มรูปที่เต็มไปด้วยภาพมาซายะโพสท่าเป็นนายแบบยิ่งกว่าที่ผมทำซะอีก เมื่อทุกอย่างจบลง เขาก็จ้องผมเขม็ง ถึงตาผมหัวเราะสะใจใส่หมอนี่บ้างแล้ว
จะสู้กับฉันน่ะ ยังเร็วไปพันปี!
.
ในวันสำเร็จการศึกษา ทุกคนก็ไฟลุกโชน ถ่ายรูป คุยกัน แสดงความยินดีกับคนอื่นๆ เสียยกใหญ่ แต่ไม่มีใครร้องไห้ เพราะทุกคนก็ยังจะเจอกันในชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนซุยรันนี่อยู่ดี
ในตอนที่ผมกำลังยุ่งอยู่กับการนำทางคุณแม่ในโรงเรียน ก็รู้สึกถึงสายตาของคนสองคนที่จ้องมองขึ้นมา พอผมหันไปดู ก็เห็นมาซายะกับแม่ของเขา และเรย์กะ กับคนที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นพ่อแม่ แล้วก็พี่ชายของเธอ
เรย์กะถือดอกไม้อยู่ไม่ใช่รึไงน่ะ? สงสัยจังว่าไปได้มาจากใคร...ไม่น่าจะใช่มาซายะแน่ๆ
ในขณะที่ผมจับมือคุณแม่เอาไว้ มาซายะก็มาและทักทายพวกเรา เพื่อเลี่ยงแฟนๆ และตากล้องของเราทั้งคู่ เราเลยตัดสินใจกลับไปที่บ้านผมกัน
-
"มาดาม ที่คุยด้วยตรงนั้นคือครอบครัวคิโชวอินหรือคะ?" ได้ยินเสียงแม่ถามตอนที่เดินลงมาชั้นล่าง ผมเลยประชิดกำแพงฟัง ดวงตาหรี่ลง เบิกหูให้กว้าง คุณแม่ทำอะไรอยู่น่ะ?
"ดิฉันได้ยินมาว่าคุณคิโชวอิน เรย์กะเป็นสุภาพสตรีที่เชื่อถือได้ สุภาพ มีความเป็นผู้นำ และน่ารักมาก เธอเป็นอย่างที่ร่ำลือกันไหมคะ?" การสอบถามครั้งนี้ของคุณแม่ทำให้ผมรู้สึกอึดอัด แต่คุณน้าก็ตอบ "อย่างมากเลยล่ะค่ะ เธอน่ารักราวกับตุ๊กตากระเบื้องชั้นสูง การวางตัวก็ช่างนุ่มนวลและมีความอดทนเสียด้วย ราวกับไม่ใช่เด็กๆ เลยค่ะ"
"อุ๊ยต๊าย ช่างเป็นเด็กสาวที่น่ารักจริงๆ เลยนะคะ ดิฉันเองได้ยินว่าเธอมักจะช่วยคุณครูอยู่เสมอ และช่วยเหลือชั้นเรียนเมื่อมีคนต้องการ ชูสุเกะของดิฉันเคยเล่าว่า เธอช่วยเหลือเอาไว้มากทีเดียวเมื่อตอนที่เป็นกรรมการงานกีฬาด้วยกันค่ะ"
"ดิฉันก็ได้ยินมาเช่นเดียวกันค่ะ คุณคิดว่าเธอจะเหมาะกับมาซายะของดิฉันรึไม่คะ?" ผมเกือบจะกระอักเลือกกับประโยคนั้น สองคนนั้นอะนะ? คู่กันน่ะนะ? คุณน้าอยากให้มาซายะหนีออกจากบ้านรึไง?
"ชูสุเกะ!!! อยู่ไหนน่ะ?!" เสียงมาซายะตะโกนลั่น เสียงของเด็กน้อยร่ำไห้ตามมา ผมจ้องมองบันไดอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะรีบหาตัวเมดที่อยู่ใกล้ๆ และลากตัวหล่อนกลับไปที่ชั้นบนอย่างรวดเร็ว
ผมเห็นคุณแม่มองมาขณะที่วิ่งขึ้นไป ผมข่มกลั้นอาการสั่นระริก พร้อมกันนั้นก็สงสัยว่าคุณแม่กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
-
หลังจากที่ใส่ชุดนักเรียนชายสีขาวชุดใหม่ ก็ต้องจบลงด้วยการกลายเป็นโมเดลให้แม่ถ่ายรูปอีกครั้งหนึ่ง ในเมื่อคุณแม่ดูจะดีใจมากๆ ผมจึงปล่อยให้เธอถ่ายไป แต่ก็ต้องปฏิเสธอย่างทันทีทันใด เมื่อคุณแม่ขอร้องให้ผมกลับไปใส่ชุดนักเรีรยนประถมบ้างเป็นบางครั้งคราว คุณแม่ครับ ผมไม่ใช่เด็กๆ นะ
เมื่อมาถึงโรงเรียน ผมก็ตรวจสอบห้องเรียนทันที และพบว่าอยู่กันคนละห้องกับมาซายะ มาซายะตัวคนเดียวไม่เป็นไรหรอก แต่ปัญหาน่าจะตกไปอยู่กับหัวหน้าห้องของหมอนี่มากกว่านะ
-
ในเดือนพฤษภาคม พวกเราก็มีเดินทางไกลกัน คราวนี้เป็นการปีนเขาล่ะ มาซายะกับผมเคยปีนเขากันบ่อยๆ อยู่แล้วในช่วงที่ไปเข้าค่าย ดังนั้นเลยไม่มีปัญหา อันที่จริง เราเป็นกลุ่มแรกที่ไปถึงยอดเขาล่ะนะ ขนาดคุณครูก็ยังมาไม่ถึงเลยทั้งที่ออกตัวมาพร้อมกับเราแท้ๆ...
ดังนั้น ผมกับมาซายะเลยเริ่มมองหาจุดสงบๆ เพื่อทานอาหารกลางวันกัน พวกเราสวาปามอาหารเที่ยงกันด้วยความเร็วสูง เลยมีเวลาสบายๆชั่วโมงนึงก่อนที่ถูกคนจะมาถึง แต่ยังไงก็ถูกสาวๆ ที่มีออร่าวิบวับรุมล้อยอยู่ดี ผมจำผมเธอไม่ได้แฮะ ต้องเป็นคนนอกแน่ๆ แฟนๆ ขาประจำอยู่ที่ไหนน่ะ? พวกนั้นน่าจะเข้ามาป้องกันไม่ให้มีสาวๆ หน้าใหม่เข้ามาถึงตัวพวกเราสิ
เมื่อผมมองไปรอบๆ ก็สังเกตว่าหลายๆ คนดูเหนื่อยจนหมดสภาพ บางคนก็ดูเหมือนจะเพิ่งเริ่มทานข้าวเที่ยง ท่าทางแฟนๆ ขาประจำจะอยู่ในกลุ่มนั้นนะ
ไม่เป็นไร กลุ่มคนนอกนี้ดูจะไม่ทำอะไรที่เกินเหตุ เราเลยสามารถรับมือได้ด้วยตัวเอง ผมลุกขึ้นตามมาซายะ ที่ตามกลุ่มเด็กผู้ชายไปเล่นเกมอีกที
เมื่อหันไปมองด้านข้าง ก็เห็นเรย์กะถูกเพื่อนสองคนที่ดูตกอกตกใจอย่างแรงประคองมา นี่เธอเป็นลมเพราะความเหนื่อยเหรอเนี่ย?
เมื่อหนึ่งในบรรดาเด็กผู้หญิงรอบตัวมองไปตามทิศทางที่ผมมอง เธอก็รีบรุดเข้าไปช่วยทันที และเมื่อผมมองเหล่าเด็กผู้หญิงรอบๆ พวกเธอก็รีบเข้าไปช่วยด้วยเช่นกัน โอ ทุกคนเป็นเด็กดีมีน้ำใจกันทั้งนั้นเลยนี่นา? การช่วยเหลือกันเป็นเรื่องที่ดีนะ
-
พวกเด็กผู้หญิงส่งเสียงเอะอะล้อมหน้าล้อมหลังผมทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นในชั่วโมงเรียน, ช่วงพัก และมื้อกลางวัน สาวๆ พวกนั้นก็จะเข้ามาห้อมล้อมโต๊ะเรียนและไม่เปิดทางให้ผมออกไปสักนิด มาซายะก็โดนแบบเดียวกัน
เราเลยไปที่ห้อง Pivoine เพื่อเลี่ยงพวกเด็กผู้หญิงกัน และเพราะปีนี้ได้อยู่กับยูริเอะอีกครั้ง สาวน้อยมาซายะเลยกลับมามีสปิริตแรงกล้าทันทีที่เหยียบย่างเข้าไป เขาแสกนหายูริเอะรอบห้อง ก่อนจะพบเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะเดียวกับไอระและเรย์กะ
ทันทีที่เราปรากฏตัว ร่องรอยสำนึกเสียใจก็ผุดขึ้นมาในดวงตาของเรย์กะพร้อมๆ กับที่เธอหยุดการสนทนากับยูริเอะลงและมองไปทางมาซายะ เมื่อเห็นดังนั้น ไอระก็มองไปทางเรย์กะที่นิ่งเงียบอย่างกังวล ก่อนจะส่ายหน้าคล้ายจะบอกว่า "ไม่เป็นไรนะ" นี่เราเพิ่งมาถึงเองนะ ทำไมเธอต้องทำเหมือนเราไปทำอะไรไม่ดีใส่เธอด้วยเล่า?
"จริงด้วย นึกออกแล้ว คุณเรย์กะ ตอนไปทัศนศึกษาโดนกวางจู่โจมจนแย่ไปเลยใช่ไหม เห็นรูปแล้วตกใจเลยล่ะ กลัวมากไหม?" ยูริเอะเอ่ยขัดบรรยากาศอันแสนกดดันด้วยการแสดงความเป็นห่วงเรื่องอุบัติเหตุที่นารา โอ้ ผมจำได้นะ
มาซายะ หยุดหัวเราะสิ ถึงจะตลก แต่ถ้าเรย์กะเกิดบาดเจ็บขึ้นมาจริงๆ จะทำยังไงน่ะ? เป็นบ้าอะไรของนาย?
เรย์กะตอบว่าเธอไม่เป็นไร แต่ผมเห็นว่าสายตาคมกริบของเธอจ้องไปทางมาซายะอย่างไม่เป็นมิตร ทันใดนั้น รอยยิ้มอ่อนหวานอันแสนมีเมตตาก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเรย์กะ
"จะว่าไป เพิ่งได้ฟังจากเพื่อนมา เห็นว่าชื่อของจักรพรรดิระบือไกลไปถึงยูริมิยะแล้วนะคะ"
นั่นทำให้มาซายะที่กำลังหัวเราะแทบเป็นแทบตายหุบปากฉับทันที แววตาสยดสยองนั่นเข้ากับสีหน้าตกตะลึงของเขามากทีเดียว โอ้ เรย์กะเอาชนะได้อย่างสวยงาม
"อ้าว คงดับไฟไม่ทันแล้วล่ะนะ มาซายะ" ยูริเอะหัวเราะอย่างรื่นเริง
"...ไม่ต้องแล้ว พอที ยอมแพ้แล้ว" มาซายะถอนหายใจ
"ฉันไม่ได้พูดเองเสียหน่อย ยังไงก็ยังพอกลบเกลื่อนไปได้ ดีกว่านโปเลียนล่ะน่า..."
หมอนี่ดูเซ็งสุดๆ อันที่จริงมาซายะบ่นเรื่องนี้มาตั้งแต่งานกีฬาสีแล้ว ผมเลยรู้ว่าเขาไม่พอใจกับเรื่องนี้เอามากๆ ถ้าเจอคนที่ตั้งฉายานี่ให้ หมอนี่จะไล่ล่าจับคนพวกนั้นมาถลกหนังทั้งเป็นไหมนะ?
"นั่นสิเนอะ ถ้าโดนร้องทักว่า 'อ๊ะ นโปเลียนล่ะ!' ที่กลางเมืองล่ะคงอายขายขี้หน้าสุดๆ แต่โดนทักว่า 'จักรพรรดิ' กลางเมืองก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ สงสัยฉันต้องเผลอเดินห่างๆ มาซายะ ทำตัวเป็นคนอื่นด้วยแน่ๆ"
"ชูสุเกะ นี่นาย..."
ผมหัวเราะเยาะเมื่อแกล้งเจ้าคนอีโก้สูงนี่ได้ สายตากินเลือดกินเนื้อนั่นดุดันจังน้า ราวกับอยากจะเผาทุกอย่างให้ราบเชียวล่ะ แต่เพราะมาซายะก็คือมาซายะ...ไอ้การทำเรื่องอะไรแบบนั้นมันยากเกินไปอยู่แล้วล่ะ
"มาซายะจะโดนเรียกว่าจักรพรรดิไปถึงเมื่อไหร่ไม่รู้ แต่คุณคิโชวอินไม่ถูกเรียกว่า 'แม่สาวกวาง' ซักหน่อย ยังดีกว่าเยอะนะ"
สีหน้าและสายตาของเธอเหมือนจะร้องไห้แบบคนสิ้นไร้ไม้ตอก ผมตัดสินใจหยุดแกล้งทันทีก่อนที่เธอจะเริ่มร้องไห้ขึ้นมาจริงๆ
"ซักวันฉันจะตั้งชื่อเล่นแปลกๆ ให้นายบ้าง" มาซายะคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ผมหัวเราะหนักกว่าเดิม เอาเลย ลองดูเซ่! แต่นายต้องจำฉายาของนายไปตลอดกาล!
ในตอนที่ผมกำลังสนุกสนานกับการแสดงออกของมาซายะอยู่นั้น ผมก็เห็นเขาส่ายหน้าอย่างผิดหวังให้เรย์กะ หืม? เธอก็อยากตั้งฉายาให้ผมเหมือนกันหรอกเหรอ? อ๋า~ เรย์กะ ผมไม่ได้ตั้งฉายาแย่ๆ ให้เธอเลยนะ ใช่มั้ย ทำไมต้องโกรธผมขนาดนั้นด้วยล่ะ?
หลังจากที่ผมใจเย็นลงได้ พวกนั้นก็เริ่มคุยกันเรื่องปัญหาระหว่างสภานักเรียนกับ Pivoine กันแล้ว จริงๆ นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญสักนิด...ไม่ว่าสภานักเรียนจะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่ซุยรันก็อยู่ได้ด้วยธนาคารเคลื่อนที่ได้อย่างครอบครัวของเหล่าสมาชิก Pivoine อยู่ดี ดังนั้นถ้าต้องเลือกระหว่างนักเรียนธรรมดาร้อยคนกับ Pivoine คนเดียว ยังไงซุยรันก็เลือก Pivoine อยู่แล้ว ซุยรันไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยอย่างการแข็งข้อของสมาชิกสภาปัจจุบันอะไรแบบนั้นหรอกน่า
ผมส่ายหน้า ยิ้มอย่างขบขัน
ในขณะเดียวกัน มาซายะก็เริ่มเกิดอาหารหึงหวงจากเรื่องราวที่ยูริเอะเล่าให้ฟัง หวังว่าจะปลอดภัยน้า ทั้งรุ่นพี่โอคิชิมะและประธานนักเรียน
-----
ไม้หกนี่สั้นๆ มั้ยนะ แต่เอาเป็นว่าจบแล้วจ้า ส่งต่อให้ไม้7 สู้ๆนะ โม่งทั้งหลาย!
เอ็นโจนาย...สกิลแอบฟังมาทุกตอนเลยนะ นี่มันสกิลสายลับยิ่งกว่าท่านเรย์กะซะอีก
คิดถึงกาวไทยๆ มีกาวไทยใหม่ๆ บ้างมั้ยวะสหายโม่ง กาวเวียนในตำนานก็ได้
>>621 ได้
คิโชวอิน เรย์กะ เด็กสาวผู้มีความหยิ่งในศักดิ์ศรีและชาติกำเนิดจำต้องจากบ้านสวนกุหลาบแวร์ซายเข้าสู่เมืองหลวงโตเกียวเพื่อเรียนต่อตามคำสั่งของบิดาที่เขียนสั่งไว้ก่อนไปรักษาตัวที่ต่างประเทศให้เรย์กะไปอาศัยกับตระกูลเอ็นโจซึ่งเป็นหุ้นส่วนที่บ้านทรายทอง...ผิดๆ ที่คฤหาสน์เอ็นโจ เธอถูกกลั่นแกล้งตั้งแต่เข้ามาโดยยุยโกะคู่หมั้นของคุณชายเอ็นโจกับคาซึรางิเด็กที่เข้าออกบ้านเอ็นโจมาตั้งแต่เด็กรวมไปถึงคนรับใช้ที่เข้าข้างยุยโกะ เอ็นโจ ชูสุเกะคุณชายบ้านเอ็นโจเห็นเรย์กะเหมือนกระต่ายน้อยที่โดนรังแกจึงรู้สึกสงสารและได้คอยให้ความช่วยเหลืออย่างลับๆ เช่นการดึงคนรับใช้ที่รังแกไปสนทนาเป็นการส่วนตัวเป็นต้นว่า "ผมจะไม่ทนแล้วนะ" และคิโชวอิน เรย์กะก็ได้คอยดูแลเอาใจใส่เอ็นโจ ยูกิโนะ(บุตร)ชาย(คน)เล็กของบ้านเอ็นโจที่สุขภาพไม่ดี เธอแสดงให้เห็นว่าภายนอกเธอเป็นคนที่เข้มแข็งอดทนมีจิตใจที่ดีย์งามจนสามารถชนะใจหลายๆ คนได้จนเป็นผลสำเร็จ จนในที่สุดถึงตอนล่าสุดและยังไม่ได้อัพเดตจึงทำให้ไม่ทราบว่าทั้งคู่จะเป็นอย่างไรต่อไป
ไทยพอได้ไหม
น่าจะมีฟิคท่านเรย์กะครอสโอเวอร์กับพล็อตน้ำเน่าละครไทยบ้าง ทั้งเรื่องเต็มไปด้วยความน้ำเน่าอย่างพาโรดี้ ประมาณว่าสลับตัวลูกคนรวยกับคนจน ติดหนวดปลอมตัวก็ไม่มีใครรู้ว่าเป็นผู้หญิง แย่งสมบัติแล้วนางเอกคือทายาทที่แท้จริง ของพวกนี้มาอยู่ในเซ็ตติ้งท่านเรย์กะน่าจะฮา 55555
กาว: ในวันที่กลายเป็นเรทอาร์!
.
.
.
“ลามกจังน้า คุณคิโชวอิน”
เสียงทุ้มกระซิบข้างหูชวนให้ทั้งร่างสั่นสะท้าน ฉันก้มหน้าที่ร้อนฉ่าไม่พูดไม่จา ลามกบ้าอะไรยะ! ใครที่ไหนเค้าเข้าใกล้กันขนาดนี้บ้าง?!? แล้วมือนั่นมันอะไรน่ะ?!? รัดเอวแบบนี้ จะฆ่าฉันด้วยท่าเยอรมันซูเพล็กซ์รึไง?!?
สายตาของเอ็นโจดูทิ่มแทงกว่าปกติรึเปล่าคะเนี่ย ทำไมขนาดก้มหน้ายังรู้สึกได้เลยนะ?
ปลายนิ้วแตะแผ่วเบาที่ใบหู ชวนให้สะดุ้งเฮือก
“อ...เอ่อ...” ฉันกลืนน้ำลาย เหลือบมองหน้าเอ็นโจที่ตอนนี้จ้องเอาๆ จนแทบจะคิดอะไรไม่ออกแล้ว
“ครับ?”
“ย...อย่าสัมผัสแปลกๆเช่นนั้นสิคะ” ไม่นะ! เสียงข้าาา ทำไมเสียงสั่นขนาดนั้นล่ะคะตัวฉัน! แข็งใจไว้!!!
คราวนี้กลับต้องขนลุกซู่ เมื่อสิ่งที่มาแทนคือลมหายใจร้อนผ่าว “แปลก...เหรอครับ?” นิ้วนั้นแตะที่หลังคอ ไม่นะคะ! อย่าฆ่าฉันเลยค่าาาา “จะให้หยุด...ก็ได้นะครับ”
เขาเขี่ยที่หลังคอจนฉันจั๊กจี้ รู้สึกสึกริมฝีปากที่ระกับผิวแก้ม เอ๊ะ? เอ๊ะ? ลวนลามนี่ค้าาาา
“ได้โปรด...หยุดเถอะค่ะ” ฉันอ้อนวอน “ยังไง...ที่นี่ก็ไม่เหมาะสมนะคะ”
ห้อง Pivoin ว่างเปล่าปราศจากผู้คนในวันหยุด กระทั่งบริกรและเจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลก็หายไปอย่างน่าประหลาด หายไปไหนกันหมดคะ? แบบนี้ละเลยต่อหน้าที่นะคะ!
เอ็นโจหัวเราะเบา “แสดงว่าที่อื่นก็ทำได้ใช่ไหมครับ”
เฮื่อ!
“เปิดช่องว่างได้ชวนคิดจังเลยน้า...”
ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างในหัวระเบิดตู้มมมมม! ฮือออ อะไรกันเนี่ย ไม่ไหวแล้ว ความรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกนี่อะไร เหมือนหน้าจะระเบิด อกก็จะระเบิดแล้วค่ะ ฮือออ เมื่อวานยังไม่คุยกันตามปกติอยู่เลย ทำไมวันนี้ถึงเป็นแบบนี้ไปได้คะ?!? ฉันกำลังฝัน18+อยู่งั้นเหรอ แต่สัมผัสนี่เหมือนจริงจังนะคะ อับอายจนพูดไม่ออกแล้วค่า
“ถ้า...ถ้ามากกว่านี้ ดิฉันจะรับไม่ไหวแล้วนะคะ...” เสียงจ๋าอย่าสั่น ฮือ คุมเสียงไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ เหมือนสายตาเอ็นโจจะยิ่งทิ่มแทงกว่าเดิมอีกนะ
“ก็คุณพูดจาเชื้อเชิญเองนี่ครับ” เขากระซิบเสียงพร่า รู้ตัวอีกทีก็ถูกจับคางให้หันไปมองหน้าเขาเสียแล้ว “อีกอย่าง...ยังจำหนี้ของคุณได้ใช่ไหมนะ...
เรย์กะ”
Misc.
ฉันสะดุ้งเฮือก “เกรงว่านี่จะไม่ใช่วิธีชดใช้ที่เหมาะสมหรอกนะคะ”
ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆ เอ็นโจงึมงำอยู่เหนือริมฝีปากปากฉัน
“ผมแค่อยากขอให้คุณหยุดคิดเรื่อยเปื่อยเท่านั้น”
ใกล้จนสัมผัสได้ถึงความนุ่มที่ระอยู่เหนือริมฝีปากของตัวเอง
“คิดแต่เรื่องผมก็พอ”
แล้วความนุ่มนวลก็บดขยี้ลงมา
——-
จบเหอะ กลัวแล้ว
หลายวันถัดมาพบทายาทตระกูลเอ็นโจที่หายตัวไปลอยขึ้นอืดมาเกยตื้นตามแนวชายฝั่ง ร่างหายไปครึ่งท่อนคาดเดาว่าเนื้อเริ่มยุ่ยเลยหลุดออกมาจากปูนที่ถ่วง ตำรวจได้ทำการหาชิ้นส่วนเพิ่มเติมต่อไป
>>646 เรย์กะดูทีวีอยู่บ้านวาคาบะ เจอข่าวคุณชายบ้านคาบุรากิถูกฆาตกรรมในที่พักตัวเอง สันนิษฐานว่าเป็นการวางยาพิษ
แหม คาบุรากิคงไปทำให้ใครต่อใครแค้นไปทั่วเลยสินะ เลยถูกวางยาแบบนั้น ไปสู่ที่ชอบๆนะ เพี้ยง
"โคโรเน่ เอาพุดดิ้งมั้ย"
"เอ๋ จะดีเหรอคะ งั้นขอคำเดียวก็แล้วกันค่ะ"
"มีผัดหมูกับกะหล่ำปลีอยู่นะ คุณคิโชวอินจะทานมั้ย"
"เกรงใจจังเลยวาคาบะจัง งั้นขอคำเดียวก็แล้วกันค่ะ"
เรือวาคาบะจงเจริญ!!
ว่าแต่กาวนอกตอน7ล่ะ?!? กุรอเสพอยู่นะ!!!
หลังจากแห้งแล้งมานาน พอได้กลิ่นกาวเข้าหน่อย รู้สึกเหล่าโม่งจะกระดี๊กระด๊ามีชีวิตชีวาขึ้นเยอะ ยังกะหอยทากที่แห่กันออกมาสวนสนามตอนฝนตก ... 555
จะมีใครเอาบ้านทรายทองกับโสรยาไปแต่งมั้ย กู
<บอร์ดลับซุยรัน> Topic: สาเหตุที่จักรพรรดิถอนตัวจากการแข่งขี่ม้าส่งเมือง???
โดย: โม่งซุยรัน
เมื่อหลายปีเห็นลือว่า จักรพรรดิทุ่มเทฝึกขี่ม้าส่งเมืองทุกปีเพื่อให้จักรพรรดินีประทับใจ แต่ตอนนี้ถอนตัวไปแล้ว ใครรู้บ้างว่าทำไม? หรือจักรพรรดินีจะรับรักแล้ว???? แต่ทำไมทั้งคู่ไม่คบกันอย่างเปิดเผย???
Reply #1
เพ้อเจ้อ เห็นๆ อยู่ว่าฝ่ายหญิงสนิทกับทางเจ้าชายมากกว่านะจ๊ะ #ทีมเจ้าชาย
โดย รักเจ้าชายนะคะ
Reply #2
แหมๆ แค่ร่ำลือว่าจักรพรรดินีแค่รับปากว่าจะพิจารณาฝ่ายชายมากขึ้นนะจ๊ะ แต่ไม่ได้ตกลงคบกันจ้า
โดย เสียงลือเสียงเล่าอ้าง
Reply #3
เรื่องเก่าแก่หลายปี ทำไมเพิ่งจะมาขุดเนี่ย?
โดย ทำไมล่ะ???
Reply #4
^เรปบน ก็น่าสงสัยอยู่นา แถมตอนนี้ฝ่ายชายยังดูให้ความสำคัญกับนักเรียนทุนคนนั้นด้วยไม่ใช่รึไง? หรือจริงๆทั้งสองท่านจะเคยคบกันแล้วเลิกรากันไปแล้ว?
โดย คิดหนัก
Reply #5
>>4 เพ้อเจ้อ คบน่ะยังไม่เคยแน่ๆ ไม่อย่างนั้นทำไมไม่เปิดเผยไปล่ะ? จริงๆ แล้วจักรพรรดินีกับเจ้าชายน่ะกุ๊กกิ๊กกัน จักรพรรดิเลยหมดหวัง เลิกเล่นไปมากกว่า ยังไงทั้งสามท่านก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก จะให้ถึงขั้นแตกหัก ฝ่ายหญิงก็คงไม่รู้สึกดีหรอกนะจ๊ะ
โดย รักเจ้าชายนะคะ
Reply #6
เอ๊ะๆ เป็นเพื่อนกันแต่เด็กเหรอ??? ไม่เห็นรู้เลย!!! ยังไง ไหนเล่า!!!
โดย ต่อมเผือกกระตุก
Reply #7
เห็นว่าทั้งสามท่านมักจะคุยกันอยู่เสมอในสโมสร Pivione นะ ได้ยินจากท่านที่อยู่ข้างในอีกที แต่เนื่องจากจักรพรรดินีเป็นกุลสตรี เลยไม่สุงสิงกับผู้ชายต่อหน้าคนอื่นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ภาพลักษณ์เสียหาย
โดย สายข่าวชั้นดี
Reply #8
>>7 ไม่จริงมั้ง เห็นว่ามีคนพบท่านRเล่นดอกไม้ไฟในสวนสาธารณะกับเด็กผู้ชายต่างโรงเรียนที่มีท่าทางดุดัน ไม่ใช่ว่าจริงๆชอบสายBadหรอกเหรอ?
โดย ผ่านมาเห็น
Reply #9
>>8 บัดสี! ท่านR ไม่มีทางทำอะไรอย่างที่เรป 8 บอกอยู่แล้ว! จะใส่ร้ายใครก็ให้มีหลักฐานหน่อยเถอะ!
โดย RFC
Reply #10
ออกทะเลได้!!!
โดย ชั้นจะเป็นเจ้าแห่งโจรสลัดให้ได้เลย!
Reply #11
อย่าเอาไปพูดต่อหน้าท่านทั้งสามเชียวนะ! แต่ประเด็นนี้น่ะมีคำตอบจ้า เรื่องของเรื่องคือท่านRน่ะพึงพอใจเจ้าชายมากกว่า ฝั่งจักรพรรดิรู้เข้าก็เลยถอนตัว โดยที่ยังรักษามิตรภาพระหว่างกันไว้ได้ โดยขอว่านานๆ ทีก็ขอไปเที่ยวกันสองคนบ้าง เลยมีคนเห็นจักรพรรดิแอบไปเที่ยวกับท่าน R อยู่บ้างในบางครั้งไงล่ะ!
เรียกว่า ถึงจะไม่ได้คบกัน แต่ก็ขอโอกาสเล็กๆ น้อยๆ จากเธอบ้างไงล่ะจ๊ะ
ส่วนยัยWน่ะ ของปลอบใจ เพราะท่านRน่ะชอบทำอาหารและขนม ว่ากันว่าทำได้อร่อยมากเสียจนท่านพ่อและท่านพี่หวงไม่อยากให้คนอื่นได้ชิม เพราะกลัวจะหลงใหลท่านRมากกว่าเดิมจ้ะ
ส่วนยัยWนี่ก็บังเอิญว่าทำขนมได้รสชาติค่อนข้างดี แม้แต่จักรพรรดินียังเคยไปซื้อ ดังนั้นจึงเป็นเครื่องมือปลอบใจชั้นดีไงล่ะ ถึงด้านอื่นจะทดแทนไม่ได้แม้แต่น้อย แต่ก็ยังมีเรื่องขนมนี่แหละ
โดย โม่งวงใน
Reply #12
>>11 สงสารจักรพรรดิจัง T_T! แต่จะโทษท่านRก็ไม่ได้ เพราะรักมั่นอยู่กับองค์ชายสินะ
แต่ไงๆก็รับยัยWไม่ได้จริงๆ!!!
โดย ทีมจักรพรรดิ
Reply #13
>>11 *Thumb Up* เบื้องหลังการถอนตัวของจักรพรรดิคือแบบนี้นี่เองสินะ!!! เศร้าเกินไปแล้ว!!!
โดย น้ำตาไหล
---
และประเด็นรักสามเศร้าในบอร์ดลับก็ดำเนินไปอย่างดุเดือด พร้อมข่าวลือเรื่องรักใคร่ที่อบอวลฟุ้งไปทั่วซุยรัน
Reply #???
เพราะแบบนี้ก็เลยประกาศคบกันอย่างเปิดเผยกับเจ้าชายไม่ได้ เพราะไม่อยากให้จักรพรรดิทรงเฮิร์ตสินะ!!! ช่างเป็นมิตรภาพที่ทั้งเจ็บปวดและสวยงามจริงๆเลย!
โดย สะเทือนใจ
///
วันต่อมา
“มาซายะ ไปทำอะไรมารึเปล่าน่ะ?” เอ็นโจถามอย่างสงสัย
“หาาา? ก็ไม่นี่ ทำไมเรอะ?”
“ทุกคนมองนายอยู่น่ะ”
“ก็มองอยู่ทุกวันไม่ใช่รึไง?”
“สายตาเหมือนสงสารนายเลยนะ...นายคงไม่ได้ไปทำอะไรงี่เง่ามาใช่มั้ย”
“ห๊าาาา”
อยากได้กาวที่มีโมเมนต์ที่ท่านอิมาริเย้ยเอ็นโจ เพราะเอ็นโจไม่ได้ช็อกโกแลตวาเลนไทน์จากเรย์กะแต่ท่านอิมาริได้ช็อคโกที่เรย์กะทำเองที่น่าจะสงวนให้คนในครอบครัวเท่านั้น กับโมเมนต์ท่านพี่อิจฉาอิมาริที่ได้ช็อกโกแลตจากเรย์กะครั้งแรกแต่กลับรสอร่อยเลยผิดกับตัวเองและทานุกิที่ก่อนหน้านี้ต้องทนกินช็อกโกรสชาติแปลกมาตลอดและมีโอกาสได้กินที่อร่อยก็ดันเป็นครั้งที่อิมาริได้ด้วย (ข้าเจ้าชิบเอ็นโจเรย์กะแต่ชอบโมเมนต์ที่เหล่าพี่ๆอยู่กับเรย์กะมากมาย อยากเห็นเอ็นโจเจ็บใจแบบโต้ไม่ออกด้วย) ใครก็ได้มอบกาวให้ข้าเจ้าด้วยเถิด ไม่สามารถด้านแต่งเองจริงๆ
>>668 ของแบบนี้มันต้องลองมึง เค้นพลังกาวออกมาเป็นตัวอักษรเลย
ไม่ใช่เอ็นโจกระอักเลือด โต้ตอบไม่ได้ กลับไปนอนคิดมาวันนึงเลยตัดสินใจส่งเมล์ไปหาท่านพี่ บอกอิมาริไปก่อปัญหาเกี่ยวกับสาวๆอีกแล้ว ให้เมียหลวง....เอ่อ เพื่อนสนิทแบบท่านพี่ไปจัดการด้วย ยืมมือท่านพี่จัดการอิมาริต่ออีกทอด
เออ ขอจัดคิวกาวนอกนิดจิ เท่าที่จำได้ ตอนนี้คือรอตอน 7 ตอน 8 มีคนจองแล้วป่ะ ตอน 9 มีคนรับไปยังคะ
ฟิคแปลไม่มีใครใส่ในสารบัญเลยหรอ กูขี้เกียจไถหา ถถถถ
รอทุกโม่งแปลนะคะ ❤️ //เสิร์ฟขนมเสิร์ฟน้ำ
กุแอบไปอ่านกาวอิงค์มาล่วงหน้า โอ๊ย กาวดี กรูกรี๊ดสิบรอบ @#฿_&_฿#฿_!!!!
ตอนที่ 7
ตอนที่ผมกำลังดูผลสอบ ผมไล่สายตาลงต่ำมองดูคะแนนจากด้านล่าง
หือ? เดี๋ยวนะ ดูอีกรอบดีกว่า
ผมกวาดสายตามองดูผลสอบสามรอบแต่ก็ยังไม่เห็นชื่อเธอ เหล่มองไปข้างๆ เห็นกลุ่มเด็กผู้หญิงเดินออกไป วันนี้เด็กผมม้วนคนที่เป็นหัวหน้ากลุ่มดูจะเงียบเป็นพิเศษ
ก็นะ ความฉลาดเฉลียวที่น่าภาคภูมิใจของเธอล้มเหลวในการพาเธอติดอันดับเหมือนที่เคยเป็น ผมเดาว่านั่นเป็นเรื่องที่คาดได้อยู่แล้ว ในเมื่อผมได้ยินแต่คนพูดกันว่า “ท่านเรย์กะอยู่ในสภาวะเผลอไผล” “ช่วงนี้ท่านเรย์กะดูเหมือนจะโดนครอบงำนะ” แม้กระทั่งก่อนที่การสอบจะจบลง เด็กคนนี้นี่ คิดจะเป็นสาวน้อยผู้เดียงสาร่วมกับมาซายะหรือไง?
คนที่เป็นหัวหน้าห้องกับเธอ… คนนั้นใครนะ?
หลังจากนั้นผมไปที่ห้องเรย์กะตอนเวลาพัก คุยกับพวกเด็กผู้ชายสองสามคนแล้วเรียกอินโจวออกมาคุยด้วย เมื่อเขามาถึง ผมเดินนำเขาไปยังระเบียง ตรงจุดที่ลับตาคนใกล้กับเสาหิน
เหตุการณ์นี้ทำให้ผมนึกถึงตอนที่ผมเรียกเขามาคุยหลังจากเห็นเขาอยู่กับเรย์กะ ตอนนั้นเขาดูจะประหลาดใจและกังวลอยู่มาก ถึงแม้ผมจะขอให้เขาอธิบายว่าทำไมถึงอยู่กับเรย์กะอย่างสุภาพ สุดท้ายเขาบอกผมว่าเขาขอให้เรย์กะช่วยให้เขาได้สนิทกับคนที่เขาชอบมากขึ้น อืม ก็ไม่ได้พูดออกมาตรงๆ หรอกนะ แต่มันเห็นได้ชัดเกินตอนผมถามเขาว่าเขาชอบเด็กผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม ผมคิดว่าหลังจากวันนั้นเรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเรื่อยมานะ แต่ใครจะรู้ เขายังดูตัวสั่นอยู่เลยตอนผมปล่อยเขาไป
“มีอะไรเหรอครับ ท่านเอ็นโจ?” หัวหน้าห้องถามผมขณะที่เราเดินไปหลบหลังเสา หลังจากพินิจดูเขา ผมจึงถามขึ้นว่า “มีอะไรมารบกวนคุณคิโชวอินหรือเปล่า?”
“หือ?”
“อันดับเธอตกแล้วช่วงนี้ดูเหมือนสติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว ผมได้ยินว่าพวกเด็กผู้หญิงมีปัญหากันอยู่แต่ยังไม่ได้ยินว่ามีอันไหนที่ทำให้เธอมีปัญหา ในเมื่อคุณสองคนสนิทกัน ผมเลยคิดว่า คุณอาจจะรู้ว่ามีอะไรรบกวนคุณคิโชวอินอยู่หรือเปล่า น่ะ”
“อืมม เท่าที่ผมรู้ ท่านเรย์กะก็ยังไม่มีปัญหาอะไรนะ แต่…”
“แต่อะไร?” ผมถามด้วยความกังวลและกระตุ้นให้เขาพูดต่อไวๆ ทันที
“ก็… พวกอาจารย์คิดว่าท่านเรย์กะอาจจะโดนคนที่ไม่ดีหลอก ผมไม่แน่ใจเรื่องทั้งหมดนะเพราะได้ยินผ่านๆ แต่พวกอาจารย์น่ะเชื่อว่าท่านเรย์กะกำลังเจอการชักจูงที่ไม่ดีแล้วเรื่องนี้ก็ส่งผลต่อการเรียนของท่านเรย์กะ”
… ผมค่อนข้างมั่นใจว่าทั้งผมและมาซายะไม่ได้ไปรบกวนเรย์กะอีกแน่นอนตั้งแต่เรื่องยูริเอะ ใครกันที่ผ่านด่านบริวารพวกนั้นไปได้?
“เข้าใจละ ขอบคุณที่บอกนะ แล้วก็โทษทีนะ แต่คุณช่วยจับตามองคุณคิโชวอินและรายงานผมถ้าเธอมีปัญหาได้ไหม? ผมเป็นหนี้บุญคุณเธอหลายอย่าง แล้วคุณก็น่าจะเข้าใจว่ามันแย่มากๆ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอแล้วผมน่าจะป้องกันมันก่อนได้น่ะ”
สีหน้าของเขาค่อนข้างน่าสนใจ นัยน์ตาเบิกกว้าง เต็มไปด้วยความชื่นชมและเคารพ พลางพยักหน้าอย่างกระรือรือร้น “ได้เลยครับ! ผมจะทำให้ดีที่สุดและจะมารายงานถ้าท่านเรย์กะเจอเรื่องลำบากอะไร”
ผมยิ้มให้เขาอย่างสุภาพเป็นการตอบกลับ “ขอบคุณสำหรับการร่วมมือนะ คุณอินโจว”
ในขณะที่ผมโบกมือลาเขาและเดินแยกออกมา พอเลี้ยวตรงหัวมุมก็เจอเรย์กะเดินออกมาจากห้องปกครอง เอ่อ ผมรู้ว่าเธอไม่ติดอันดับแต่มันแย่ขนาดถึงต้องไปพบที่ปรึกษาเลยเหรอ?
อืม ผมสงสัยจริงๆ ใครนะที่กำลังหลอกเธอ
ผ่านไปอาทิตย์หนึ่งพอดีหลังจากที่ผมคุยกับหัวหน้าห้องตอนที่ผมรู้จากข่าวลือว่าเรย์กะเข้าเรียนเสริมที่ซุยรัน เธอยึดถือที่นั่งหลังห้องเป็นของตัวเองอย่างชัดเจนและตอนนี้ตรงนั้นถูกเรียกว่า “บัลลังก์ดอกเบญจมาศ” เพราะฉะนั้นก็เลยมีแต่คนหลีกเลี่ยงเข้าใกล้เพื่อที่จะไม่ทำให้จักรพรรดินีขุ่นเคือง
เมื่อผมถามรายละเอียดเพิ่มเติม ผมก็ได้รู้มาอีกว่า ด้วยความนิ่งเงียบของเธอและท่าทีที่ตั้งอกตั้งใจเรียน ไม่แม้แต่จะเริ่มบทสนทนา และการที่ทักทายแค่ตอนชั้นเรียนจะเริ่มและบอกลาตอนเลิกเรียนแค่นั้น ทำให้เธอโดดเดี่ยวตลอดเวลา น่าสงสาร…
เวลาผ่านไปเช่นนี้ กับการที่กลุ่มของผมคุยกันเองอย่างกระตือรือร้นเกี่ยวกับข่าวลือที่ได้ยินมา และมาซายะมาหาที่บ้านเพื่อเล่นกับยูกิโนะและผม ปิดเทอมภาคฤดูร้อนก็จบลง
เมื่อโรงเรียนเปิดอีกครั้ง ผมสังเกตเห็นเรย์กะเดินอยู่นอกห้องเรียนของผม เธอดูผอมลงไปหรือเปล่านะ ผมได้ยินจากหัวหน้าห้องว่าเรย์กะมีเรียนทั้งที่โรงเรียนสอนพิเศษและอาจารย์สอนพิเศษส่วนตัว ทั้งยังมีเรียนเสริมเพิ่มเข้าไปอีก ท่าทางจะใช้เวลาเรียนมากกว่าพักอีกล่ะมั้งนั้น ถึงแม้ว่าเรียนจนถึงขั้นน้ำหนักลดจะแย่นิดหน่อยแต่เธอดูอารมณ์ดีนะ
“เอ่อ ท่านชูสุเกะ มองใครอยู่เหรอครับ?” เด็กผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มของผมมองไปยังทิศเดียวกันแต่เรย์กะเดินจากไปแล้ว
“ไม่มีอะไร จะว่าไป นายมีอะไรอยากบอกผมนะ?”
“อ๋อ ใช่! ผมได้ยินมาว่าญาติผู้น้องของท่านคิโชวอินจะเข้าเรียนที่ซุยรัน”
ญาติเรย์กะ? “ได้ข่าวมาจากไหน?”
“ญาติคนหนึ่งของผมเรียนอยู่ที่เดียวกับญาติท่านคิโชวอิน ญาติท่านเรย์กะคนนั้นคือ โคโทะ ริรินะ แล้วเธอค่อนข้างจะ อืม… เป็นด้านตรงข้ามกับท่านคิโชวอินอยู่มาก”
ผมเลิกคิ้ว แตกต่างจากเรย์กะ? “เอาล่ะ มันคงไม่เป็นอะไรหรอก ตราบเท่าที่เธอไม่ก่อปัญหาขึ้นมาน่ะนะ…” ผมชะงักไปชั่วครู่แล้วพิศดูเขา “เดี๋ยวนะ ทำไมนายถึงอยากบอกผมเรื่องนี้ล่ะ?”
“เพราะว่าช่วงนี้นายถามถึงท่านคิโชวอินบ่อยๆ เลยคิดว่านายอาจจะอยากรู้…”
“ผมไม่ได้ชอบคุณคิโชวอินแบบนั้น” ผมแค่นยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าเขา
แน่ใจนะ? เขียนอยู่เต็มๆบนสีหน้าที่บ่งบอกว่าไม่เชื่อ อะไรวะ ผมแค่ถามถึงนิดหน่อยก็หาว่าผมสนใจเธอแล้วงั้นเหรอ?
“อาจารย์กำลังมา กรุณากลับไปนั่งที่ตัวเองด้วย” หัวหน้าห้องตะโกนบอกขณะที่เดินกลับไปยังที่นั่งของเขา
ผมนั่งเท้าคางมองบทเรียนวันนี้อย่างว่างเปล่า
ญาติที่มีบุคลิกตรงข้ามกับเรย์กะงั้นเหรอ หึ…
อีกครั้งที่เทศกาลกีฬาเวียนมาถึงซุยรัน แต่คราวนี้เรามีสภานักเรียน คณะกรรมการงานกีฬา และตัวแทนชมรม ทุกอย่างก็เลยเตรียมการเสร็จไวกว่าเดิม และนักกีฬาก็คัดเลือกเข้มงวดกว่าปีที่แล้วเพื่อป้องกันไม่ให้สมาชิกชมรมกีฬาลงแข่งกีฬาที่ตัวเองอยู่ในชมรมนั้น
อย่างไรก็ตาม แค่เลือกคนมาลงแข่งขี่มาส่งเมืองกลายเป็นเรื่องยากอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่มีใครอยากถูกไล่ฆ่าจากจักรพรรดิ พวกเขาถอยหนีโดยธรรมชาติทันทีที่หัวหน้าห้องเริ่มพูดเรื่องนี้ แต่ท้ายสุดแล้ว หัวหน้าห้องก็บังคับเด็กผู้ชายคนที่ไม่มีแข่งลงแข่งขี่ม้าส่งเมืองอยู่ดี
ในขณะเดียวกัน มาซายะก็ไล่ดูเด็กผู้ชายทุกคนในห้องเขาจนคัดเลือกได้คนที่ตรงกับความต้องการของเขามานิดหน่อย ไม่มีใครกล้าพอจะปฏิเสธจักรพรรดิ เลยได้แต่ตกปากรับคำอย่างฝืนใจและส่งมอบสองสามอาทิตย์หน้าของพวกเขาให้มาซายะ มาซายะมีความสุขมากแถมยังอวดแผนการฝึกคนที่ลงแข่งขี่ม้าส่งเมืองที่เขาเก็บไว้ในคลังให้ผมดูอีก
อืม พวกเขาน่าจะเป็นพลทหารของมาซายะมากกว่าเป็นม้านะ
ก่อนจะถึงการแข่งขี่ม้าส่งเมือง อีเว้นท์หลักของงานแข่งขันกีฬา ผมสังเกตเห็นเรย์กะจับจ้องที่สนามแข่งอย่างจดจ่อ ใบหน้ามีความเขินอายอยู่จางๆ
อะ ไร วะ
ผมหันกลับไปดู พยายามมองตามว่าใครที่เธอมองอยู่ ไม่ใช่มาซายะที่กำลังวุ่นวายไล่ล่าจัดการคนขี่และม้าแน่นอน และคนที่น่าสนใจคนเดียวที่หลงเหลืออยู่คือ…
“คนนั้นคือใครเหรอ?” ผมถามเด็กผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ
“ฮืม… อ๋า!? ท่านเอ็นโจ!” เธอประหลาดใจแต่ก็รีบหันไปมองตรงที่ผมมองอยู่แล้วตอบกลับมา “คนนั้นคือ โทโมเอะ เซ็นจุ เขาเป็นรุ่นพี่ปีสามและเป็นประธานนักเรียนค่ะ”
… ประธานนักเรียน? ผมเริ่มปวดหัวเมื่อคิดภาพว่ารุ่นพี่โอคิชิมะจะตกตะลึงขนาดไหนถ้าเขาได้ยินเรื่องนี้ เด็กผู้หญิงจาก Pivoine มองประธานนักเรียนอย่างเคลิบเคลิ้ม ไม่สิ เดี๋ยวก่อน มันคงแย่ยิ่งกว่าถ้าเธอสารภาพรักออกไป เรย์กะเป็นน้องสาวของไอดอลของรุ่นพี่โอคิชิมะ คิโชวอิน ทาคาเทรุ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าคำสารภาพของเธอจะถูกตอบรับหรือปฏิเสธ รุ่นพี่โอคิชิมะและพวก Pivoine คนอื่นๆ ที่โปรดปรานเรย์กะคงจะออกแคมเปญต่อต้านสภานักเรียนอยู่ดี
จากบรรดาผู้คนทั้งหมดทั้งมวลที่คุณตกหลุมรัก ดันเป็นผู้ชายคนที่ ถ้าเรื่องนี้หลุดออกไป คงจะเกิดสงครามกลางโรงเรียนเป็นแน่แท้
ผมพยักหน้ารับรู้และจ้องมองสนามรบที่คนค่อยๆ หายไป จากฝีมือมาซายะ
ในท้ายสุดก็เป็นการต่อสู้ระหว่าง จักรพรรดิของ Pivoine และประธานนักเรียน
ผมรู้สึกถึงความเลือดร้อนและความโมโหเล็ดลอดออกมาจากพวกสมาชิกรุ่นพี่ Pivoine ในขณะที่การต่อสู้ระหว่างพวกเขาตึงเครียดขึ้น ผมได้ยินใครสักคนคำรามฮึมฮัมว่า “ถ้าไอ้โทโมเอะคนนั้นทำให้ท่านคาบุรากิบาดเจ็บ ฉันจะขยี้มัน!” ด้วยซ้ำ
ให้ตายเถอะ ถ้าเรื่องที่เรย์กะชอบเขาหลุดไป ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าพวก Pivoine จะมีปฏิกิริยายังไง…
ระว่างที่ดูไปเรื่อยๆ ผมก็อดชื่นชมเขาไม่ได้ เขาและมาซายะมีฝีมือสูสีกัน ผมยังไม่เคยเห็นมาซายะลำบากลำบนขนาดนี้ บางทีนี่อาจจะเป็นการพ่ายแพ้ครั้งแรกในการแข่งขี่ม้าส่งเมืองของเขา?
หรือไม่ก็ ผมคงได้แค่คิด เมื่อม้าของผู้ชายคนนั้นสะดุดและมาซายะฉวยโอกาสนั้นฉกผ้าคาดหน้าผากไป
เสียงเชียร์และเสียงร้องไห้ต่อชัยชนะดังอึกทึกครึกโครม หลังจากชัยชนะของมาซายะ ผมแทบจะไม่ได้ยินเสียงความคิดของตัวเองตอนที่ผู้คนส่งเสียงเชียร์ ผู้ชายคนนั้นยังคงยิ้มยังกะว่าเขากำลังสนุก แต่มาซายะดันมีสีหน้าขุ่นเคือง ในมือกำลังบิดขยี้ผ้าคาดหน้าที่ถืออยู่
โอ้ ดูเหมือนมาซายะจะยึดติดกับการเอาชนะในปีหน้ามากขึ้นซะแล้วสิ
ในช่วงสุดท้ายของงานเทศกาล คะแนนถูกนับรวมกันและห้องของผู้ชายคนนั้นชนะ อย่างไรก็ตาม ทุกคนกำลังวุ่นวายแสดงความยินดีกับมาซายะผู้ที่ชนะทั้งแข่งวิ่งผลัดและขี่ม้าส่งเมือง ที่ถ้วยรางวัลอยู่ในมือข้างหนึ่ง เขาชูขึ้นฟ้าแสดงความมีชัย แหม ไม่ใช่ว่ามีความสุขอยู่หรอกเหรอ
สอบกลางภาคตามมาติดๆ หลังจบงานกีฬา เพราะมาซายะฝึกซ้อมขี่ม้าส่งเมืองอย่างหิวกระหายในชัยชนะ อันดับเขาร่วงลงมาและได้อันดับสองไปในขณะที่ผมได้ที่หนึ่ง
เมื่อผมมองดูรายชื่อครั้งนี้ ผมเจอชื่อเรย์กะอยู่ลำดับที่สิบหก เธอยิ่งพัฒนาขึ้นจากคราวที่แล้วเสียอีก
ตอนที่ผมหันมองรอบๆ ก็เจอเรย์กะกำลังมองดูรายชื่อเช่นกัน ถึงแม้ว่าสีหน้าเธอจะไม่แสดงความสนใจ แต่นัยน์ตาเธอกวาดหาชื่อตัวเองอย่างร้อนรน เมื่อเจอชื่อตัวเองแล้วก็ถอนหายใจและในที่สุด ก็เริ่มยิ้มออกมาจริงๆ
อืม จริงๆด้วย สุดท้ายแล้ว มันดีกว่ามากๆ จริงๆ เมื่อเรย์กะยิ้ม
————————-
ตอน 7 มาละจ้า ขอโทษที่ช้านะ ตอนแรกตั้งใจจะลงพรุ่งนี้ แต่กลัวไปฉลองเพลิน…orz happy weekend นะจ๊ะโม่งซุยรันทุกท่าน
ปล. โม่งที่อ่านอิ้งมา มีใครสนใจ discuss คำแปลมั้ย (เพื่อคุณภาพงานที่ดีขึ้นในตอนหน้า…) อย่างพารากราฟที่ 4 และอีกหลายอัน มีจุดที่กูไม่รู้จะแปลเป็นไทยยังไง มันเลยออกมาแปร่งๆ ._.
กูไม่ได้เป็นนักแปลมืออาชีพ ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ดีเด่อะไร(ยืนยันด้วยคะแนนแกทอิ้งตอนสอบเข้ามหาลัยอันน้อยนิด ;______;) ถ้ามีใครให้คำแนะนำ/ความรู้เพิ่มมากขึ้นก็จะเป็นพระคุณ
โม่งแปลขยันขันแข็งมาก >>688 ปล. ถ้าย่อหน้า 4 กุจะแปล
“Reika-sama is in a daze”, "ช่วงนี้ท่านเรย์กะดูเบลอ ๆ นะ" “Reika-sama seems so preoccupied these days”, "ทุกวันนี้ท่านเรย์กะจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย" “Reika-sama looks like a maiden in love”, "ท่านเรย์กะดูเหมือนสาวน้อยที่กำลังอยู่ในห้วงแห่งความรัก"
แต่กูก็ไม่ค่อยได้แปล ดังนั้นภาษาไทยก็มีเพี้ยน ๆ บ้าง ดังนั้นรอความเห็นโม่งรายต่อไป
เพิ่มเติม มึงแปลโอเคเลยนะ ติดตรงที่คำเชื่อมเยอะไปหน่อย เพราะทางต้นฉบับก็ใช้คำเชื่อมเยอะไง เก่งมาก //ลูบๆ
ขอบคุณโม่งแปลค่ะ //ย่อไหว้
อันนี้ถือเป็นส่วนให้ discuss หลังแปลละกันนะ กูว่าสรรพนามบางส่วนภาษาอังกฤษไม่ได้ใช้ตามภาษาญี่ปุ่น อย่างหัวหน้าห้อง (อินโจว) จะไม่เรียกเอ็นโจว่าท่านเอ็นโจ แต่เรียกว่าเอ็นโจคุงอ่ะ กูจำได้ว่าพวกผู้ชายกันเองจะไม่เรียกกันและกันว่า ซามะ นะ แล้วเวลาเรียกเรย์กะ หัวหน้าห้องก็จะใช้คำว่า คุณคิโชวอินด้วย ไม่เรียกท่านเรย์กะ ถ้าเป็นส่วนที่กูแปลอาจจะขอตบๆ ตรงนี้หน่อย แต่อันนี้ตามสะดวกของแต่ละคนจ้า
กูไม่เก่ง eng เลยมานั่งให้กำลังใจเหล่าโม่งแปลทั้งหลาย สู้ๆนะมึง
เออ สรุปอินโจวนี่แปลว่าหัวหน้าห้องใช่มะ ไม่ใช่ชื่อใช่มะ
ตอนอ่านอิ๊งกูก็งงๆ นึกว่าหัวหน้าห้องมีชื่อซะอีก โถ่ หัวหน้าห้องงงงง
>>695 เยส อิอินโจวก็หัวหน้าห้องน่ะแหละ ชื่อจริงคงเป็นปริศนาไปตลอดกาลพร้อมกับตอนจบของเรื่องนี้ //เหม่อมองฟ้าแสนไกล...
ไหนๆ ขอลองถามสายผลิตหน่อยสิ ถ้าพวกมึงเขียนนิยายโคตรฮิตมาจนใกล้ไคลแมกซ์แล้วหายไปยาวๆ~ นี่สาเหตุมาจากอะไรได้มั่งอ่ะ ด้นพล็อตไม่ออก? งานยุ่ง? เขียนแล้วไม่สนุก?
ไม่ใช่อะไร กูชักเป็นห่วงอาจารย์ฮิโยโกะขึ้นมาจริงๆ ล่ะ หวังว่าจะยังสบายดีอยู่ จะเขียนต่อไม่เขียนต่อก็ไม่เป็นไร เท่าไหร่ก็รอได้ ขอให้อาจารย์ยังอยู่ดีก็พอ...
>>696 สำหรับกูงานยุ่งว่ะ กูพยายามจะมีวินัยลงให้สม่ำเสมอนะ ตอนเรียนกูเขียนได้บ้าพลังมาก ลงวันละสองตอน สามตอนรวดในวันเดียวก็เคย แต่พอทำงานแล้ว เวลารัดตัวมากขึ้น มันก็ค่อยๆห่างไปจนมาเขียนอีกทีก็ต่อไม่ติดละ จนเรื่องนั้นก็ดองไปโดยปริยาย แล้วกูก็ลืมโครงเรื่องไปแล้วว่าจะให้เป็นยังไงแบบไหนต่อ มันก็เลยดองๆค้างๆมาจนปัจจุบันนี้
(ฟิคแปล) วันวาเลนไทน์ปีสอง
Author : meiberry (https://www.fanfiction.net/s/12852677/1/Second-Year-Valentine-s-Day)
ยาวอะ ขี้เกียจแปะทีละเม้นท์ ขอยืม doc ในสารบัญละกัน
https://gdoc.pub/doc/e/2PACX-1vQPNtDvnPqUJNr1z6jidpPfSFoUFo_sDkkjalhTXpb_mlcBMCBg_vdbHkElhTwFqpTCpOOvWa65V0kx
ขอบคุณทุกคนมาก *ก้มกราบ*
>>689 เออ แปลแบบนี้มันดูดีกว่า
แต่ตอนแปลบางทีกูก็กังวลน่ะ แบบถ้าแปลออกมาแบบนี้ มันไม่ตรงกับต้นฉบับ จะเป็นไรมั้ย กลัวแบบสื่อออกมาได้ไม่ตรงกับต้นฉบับงี้ เป็นเรื่องที่หนักใจมากเลย
>>691 กูเปิด eng-eng บางคำ เข้าใจ definition แต่นึกคำภาษาไทยไม่ออกOrz เรื่องคำเชื่อม เดี๋ยวตอนหน้ากูจะลดลง(ถ้าได้ทำอะนะ.. 555)
>>693 ตอนแปลกูก็ตะหงิดใจเรื่องนี้เหมือนกัน เหมือนจำได้ว่าพวกผู้ชายไม่ได้เคร่งเรื่องคำอย่างคุณ-ท่าน ไรขนาดนี้ แต่ไม่รู้เค้าเรียกกันยังไง ขี้เกียจไปแปลไทยเทียบด้วย(ขอโทษค่ะ..) เลยแปลตามต้นฉบับเลย
มีโม่งอ่านกาวนอกตอนใหม่ล่าสุดยัง กุกรี๊ดอยากจะเมาท์มาก
ยูกิโนะคือเจ้าแห่งท้องทะเลที่แท้จริง เอ้า บึ้ดจ้ำบึ้ด! พี่นกเหรอฮะ เดี๋ยวผมจัดการเอง ฮึ้บบบบ
ใครเอาเม้นโม่งไปแปะในกาวนอกวะ55555
หรือเราควรจะทำโครงการส่งกาวไทยไปกาวนอกกันบ้างดี? ผลัดๆกันกาวระหว่างรอตอนที่300
กาวไทยจะไปกาวนอกล่ะเหวย นอกจากจะมีฟิคหลากหลายยังมี auน้องหมาด้วย 5555555
ยังจำได้ถึงฟิคอังกอร์สุดแซ่บอยู่เลย....ตำนานกลอ์ฟมาร์คเกอร์ที่เปลี่ยนเจ้าชายกลายเป็นจอมมารก็เช่นกัน
รวมหัวส่งกาวไทยไปนอกกันเถอะ!!!
แต่กาวไทยมีอันไหนจบบ้างวะ
ไม้แปดรับช่วงต่อนะคะ
<<Fan Fic : เอ็นโจ ชูสุเกะ PoV Chapter 8 >>
ผมขึ้นชั้นม.2 แล้ว
ดูเหมือนว่าครั้งนี้ผมจะได้เป็นเพื่อนร่วมห้องกับเรย์กะ ตอนเห็นชื่อเธอบนบอร์ดประกาศชื่อ ผมคงทำหน้าประหลาดออกไปแน่ๆ เพราะมาซายะรีบฉวยโอกาสนั้นแขวะผมว่าน่าขยะแขยงทันที
ผมเตือนมาซายะว่าเขาควรจะระวังในการเข้าหาเพื่อนร่วมชั้นเป็นการให้บทเรียน ไม่งั้นยูริเอะคงไม่ยอมออกไปเที่ยวด้วยแน่ ทำให้เขาเงียบไปทันตาเห็น แล้วผมก็ได้เป็นฝ่ายยิ้มกว้างกว่า ยูริเอะกับมาซายะทำข้อตกลงกันแล้วว่าตราบใดที่มาซายะไม่มีปัญหากับเพื่อนร่วมชั้นและไม่ทำตัวเจ้ากี้เจ้าการเหมือนเมื่อก่อน ยูริเอะจะพยายามหาเวลาจากตารางยุ่งๆ ออกไปเที่ยวกับเขา
หืมมม มาซายะ นายนี่ตกลงรับบทสาวน้อยไปเลยนะ
-
พอผมนั่งลงบนที่นั่งประจำตัวในห้อง ฝูงสาวๆ ก็กรูกันเข้ารอบล้อมโต๊ะทันที เสียงดังเอะอะจ๊อกแจ๊กเหมือนเคย สำหรับคนที่ไม่ชินกับเสียงแบบนี้แล้วคงเหมือนนรกเชียวล่ะ
ผมเหลือบมองไปยังเพื่อนร่วมห้องหน้าใหม่ที่อยู่ข้างๆ หน้าตาบิดเบี้ยวเชียว คิดว่านี่แย่แล้วเหรอ รอให้ถึงเวลาพักก่อนเหอะ หนักยิ่งกว่านี้อีกเยอะ
-
หลังจากทุกอย่างที่เกิดขึ้นวันนี้ ผมออกจะแปลกใจในพฤติกรรมของเรย์กะอยู่บ้าง เธอไม่มีน้ำโหลุกขึ้นแว้ดให้ทุกคนเงียบแม้แต่ครั้งเดียว แม้จะส่งออร่าแห่งความหงุดหงิดออกมาตลอดทั้งวันก็เถอะ แต่ก็ดูสมเป็นเรย์กะดี เธอสงบเสงี่ยมจนบางทีก็น่าเป็นห่วงหน่อยๆ
เมื่อเข้าไปในห้องสโมสร ไอระที่นั่งอยู่กับเรย์กะผู้ทำหน้าตาขุ่นเคืองก็ร้องทักผม "ชูสุเกะ "ชูสุเกะ วันนี้มาคนเดียวเหรอ"
"ใช่ มาซายะไปส่งยูริเอะ ไอระก็รู้นี่"
ผมเดินเข้าไปห้องทั้งสองคนแล้วทรุดตัวลงนั่ง สีหน้าขุ่นๆ ของเรย์กะยิ่งทวีความขุ่นมัวอย่างเห็นได้ชัด ผมทำเป็นมองไม่เห็นขณะมองไปทางไอระ
"แปลกจังนะที่ชูสุเกะมาที่ห้องสโมสรคนเดียว นึกว่าถ้ามาซายะไม่อยู่ก็จะตรงกลับบ้านเลยซะอีก"
"พอดีวันนี้มีธุระนิดหน่อย ก็เลยอยู่ฆ่าเวลา อยู่ในห้องเรียนแล้วน่ารำคาญชะมัด"
"ได้ยินแล้ว อยู่ห้องเดียวกับเรย์กะจังใช่ไหมล่ะ"
ผมเหลือบมองไปทางเรย์กะแล้วยิ้ม อ้อ ใช่ เราเป็นเพื่อนร่วมห้องกันนี่นะ
"อื้อ อยู่ห้องเดียวกันกับคุณคิโชวอิน แต่แทบไม่ได้คุยอะไรกันเลยนะ"
"นั่นสินะคะ"
เธอแสดงหน้าสีหน้าบอกความไม่อยากสนทนาวิสาสะด้วยอย่างชัดแจ้ง เสียมารยาทจริง นี่ผมยังไมได้ทำอะไรให้คุณเลยนะ
"ชูสุเกะ อย่าไปกวนเรย์กะจังนักล่ะ พวกผู้หญิงที่ตามติดเธอน่ะดูจะแรงดีไปหน่อยละมั้ง" อยู่ดีๆ ไอระก็พูดอย่างกับว่าผมเป็นตัวปัญหาอย่างไงอย่างงั้น เดี๋ยวเถอะ เรย์กะ นี่เห็นผมเป็นคนยังไงน่ะ
"เตือนแล้วก็ไม่ฟังกันเลยนี่นา ถ้าไม่เกินเลยจริงๆ ก็ปล่อยเลยตามเลยล่ะ คุณคิโชวอิน ช่วยจัดการอะไรพวกนั้นหน่อยสิ"
"เอ๋ ทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะ"
"ก็คุณคิโชวอินเป็นคนคุมพวกผู้หญิงนี่นา ถ้าคุณคิโชวอินออกปากซักคน รับรองพวกผู้หญิงต้องสงบเสงี่ยมแน่ๆ"
ถึงผมจะพยายามชี้จุดนี้ให้เห็นระหว่างที่เราพูดคุยกัน เธอก็ไม่ยอมลงมือทำอะไรเสียที เรย์กะ หัดใช้อำนาจบ้างก็ได้นะ รู้ไหม รู้ไม่ใช่เหรอว่า Pivoine ทรงอำนาจขนาดไหน แล้วคุณยังเป็นผู้นำของพวกผู้หญิงด้วยนะ จะปราบพวกนั้นก็ง่ายนิดเดียว
"ฉันไม่มีอำนาจขนาดนั้นหรอกค่ะ ท่านเอ็นโจออกปากให้หนักแน่นหน่อยก็ใช้ได้แล้วละค่ะ"
"ก็พูดอยู่นี่ไง ถ้าพูดแรงๆ เหมือนมาซายะ เดี๋ยวก็มีคนปล่อยโฮอีก วุ่นวายจัง"
กลายเป็นว่าผมฟังดูขมขื่นไปซะอีก มันน่ารำคาญจริงๆ นะ ผมบอกให้พวกนั้นลดเสียงลงหรือไม่ก็ทำตัวดีๆ หน่อย แล้วพวกสาวๆ ก็จะสะอึกสะอื้นน้ำตาไหลพรากอย่างกับตัวเองเป็นผู้เสียหายอย่างงั้นแหละ น่ารำคาญสุดๆ
จริงด้วย ผมนึกขึ้นได้
"จะว่าไป คุณคิโชวอินมีลูกพี่ลูกน้องใช่ไหม เห็นเด็กคนนั้นมากระแซะใกล้ๆ มาซายะจนทะเลาะกับสาวๆ ไปสองสามคนแล้วนะ"
ความสะพรึงกลัวอย่างรุนแรงแล่นผ่านสีหน้าไปในชั่วพริบตาขณะที่เธอร้องออกมา "เอ๋ !!" นี่ลูกพี่ลูกน้องของคุณเลวร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ?!
สีหน้าของเธอยิ่งแย่ลงๆ จนไอระกับผมต้องสบตากันด้วยความกังวล “นะ นี่เ รย์กะจัง ไม่เป็นไรนะ ฉันว่าคงไม่มีอะไรร้ายๆ เกิดขึ้นหรอก...."
"บริกร ขอขนมหวานกับน้ำชาด้วย" ผมสั่งขนมขณะที่ไอระพยายามเขย่าเรียกเรย์กะให้หลุดจากภวังค์ มาซายะบอกว่าช็อคโกแลตทาร์ตซอลท์ครีมคาราเมลอร่อยดีใช่ไหมนะ ถ้าผมยกให้เรย์กะอาจจะช่วยเรียกสติเธอให้กลับมาได้
"คุณคิโชวอิน ใจเย็นๆ...."
ผู้หญิงคนนั้น โคะโท ริรินะ ทำให้เรย์กะส่งออร่าหดหู่ออกมาอย่างสม่ำเสมอเมื่อเวลาผ่านไป กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครบางคนจะหาตัวเรย์กะได้จากการติดตามเส้นทางแห่งการทำลายล้างของคุณโคะโท ปัจจุบันเส้นทางนั้นนำไปสู่ห้องเรียนของมาซายะ หรือไม่ก็เกือบจะถึงห้องสโมสร Pivoine ด้วยซ้ำ แม่สาวคนนั้นแสดงท่าทีอวดโอ่ตามเกาะมาซายะแจอย่างไร้ยางอาย มาซายะพยายามระงับความโกรธแบบสุดๆ แต่เขาก็ใกล้จะสิ้นสุดความอดทนเข้าไปทุกที
สำหรับคนที่มีความชื่นชมในตัวเรย์กะ ก็เริ่มจะรังเกียจคุณโคะโทขึ้นมาบ้าง ผมได้ยินผู้คนบ่นว่าพวกเขารำคาญเธอแค่ไหน กลายเป็นเรื่องปกติที่ใครบางคนจะพูดถึงชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่สงวนไว้สำหรับหมาพันธ์ทาง พูดสั้นๆ ก็คือคุณโคะโทได้สร้างศัตรูไว้กับผู้คนมากหน้าหลายกลุ่ม น่าแปลกอยู่บ้างที่เธอยังเดินเชิดหน้าท้าทายอยู่ในซุยรันได้ ทว่าดูเหมือนคุณโคะโทยิ่งเชิดหน้าสูงเท่าไหร่ เรย์กะก็ยิ่งก้มศีรษะต่ำเท่านั้น
เฮ้อ~ น่าหงุดหงิดเหลือเกิน...
"โย่ ชูสุเกะ ถึงตานายพายแล้ว"
"อา รู้แล้วๆ"
ผมรับไม้พายมาจากมาซายะแล้วเริ่มต้นพาย
สีหน้าผมคงจะดูแย่เอามากๆ ตั้งแต่เรามาถึงที่วัด มาซายะก็กระตือรือร้นไปหาเรือพายมาแล้วพายออกมาไกลถึงนี่ หมอนี่บางทีก็อ่อนไหวกับอารมณ์คนอื่นเป็นเหมือนกัน
"...นายคิดถึงคิโชวอินอยู่เรอะ"
"ทางลูกพี่ลูกน้องต่างหาก"
มาซายะคำราม "ทำไมล่ะ"
"ระยะนี้คุณคิโชวอินเอาแต่ขอโทษขอโพยไปทั่ว ฉันอดคิดไม่ได้จริงๆ ว่าใครทำให้เธอต้องทำแบบนั้น มันออกจะปวดใจอยู่บ้าง..."
มาซายะแสดงสีหน้าเข้าอกเข้าใจพร้อมกับพยักหน้ารับ "ฉันก็ใกล้จะหมดความอดทนเต็มทีเหมือนกัน ที่ทนอยู่นี่ก็เพราะคิโชวอินหรอกนะ แต่ถ้ายัยนั่นไม่หยุดฉันคงทนไม่ไหวแหงๆ"
"อดทนอีกนิดน่า คุณคิโชวอินอาจจะต้องใช้เวลาเกลี้ยกล่อมลูกพี่ลูกน้องอีกหน่อย..." ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่ผมไม่มีความมั่นใจเลยซักนิด เรย์กะนุ่มนวลและสงบเสงี่ยมเกินไป ในขณะที่ลูกพี่ลูกน้องคนนั้นดูจะมีอีโก้สูงส่งยิ่งกว่าพระอาทิตย์ซะอีก ทำไมเรย์กะต้องเป็นห่วงลูกพี่ลูกน้องขนาดนั้นด้วยนะ....
"ชูสุเกะ ใจเย็นไว้"
"ฉันเย็นแล้วนะ"
"อย่ากำไม้พายแน่นนักสิ เดี๋ยวไม้ก็หักหรอก!"
"ฉันไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอกน่า มาซายะ นายนั่นแหละใจเย็นๆ หน่อย อย่าไปรบกวนความสงบร่มเย็นของวัดสิ"
"ฉันจะเย็นก็ต่อเมื่อนายปล่อยไม้พายน่ะแหละ! ไม่ต้องแล้ว ส่งคืนมาซะ! ฉันยอมเป็นคนพายดีกว่าปล่อยให้นายทำลายหนทางในการกลับสู่แผ่นดินของเรา!"
มาซายะบ่นงึมพำขณะกระชากไม้พายออกจากมือ ผมยังยิ้มแม้หมอนั่นจะต่อว่าผมไม่หยุดปาก
-
กลับมาสู่วันเรียนตามปกติ อารมณ์ผมยิ่งขุ่นมัวหนักกว่าเดิมตั้งแต่คาบแรก
อย่างแรก แม่สาวที่ชื่อซึรุฮานะ มากิ ไม่ได้แม้แต่จะอยู่ห้องเดียวกับผมด้วยซ้ำ เป็นนักเรียนกลุ่มในแต่ไม่ใช่สมาชิก Pivoine ถึงกับกล้ามาหาเรื่องกับเรย์กะตรงๆ ว่า "ลูกพี่ลูกน้องน่ารักจังนะคะ" เรย์กะถึงกับเถียงไม่ออก เธอดูตารื้นๆ หัวก็แทบจะโงไม่ขึ้นเพราะเอาแต่โค้งขอโทษคนอื่นปลกๆ
ต่อมาช่วงระหว่างพัก เรย์กะออกไปจากห้องดูท่าทางไม่สบายเอามากๆ ความรู้สึกที่ก่อกวนจิตใจแบบเดียวกับตอนเห็นเรย์กะอยู่กับหัวหน้าห้องเมื่อปีที่แล้วผุดขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันพุ่งเป้าไปที่คุณโคะโท นี่เธอวางแผนจะเหยียบย่ำความใจดีของเรย์กะไปถึงเมื่อไหร่กันนะ
อารมณ์ขุ่นมัวทำให้ผมหลุดปากตวาดพวกสาวๆ ไป แม้พวกเธอจะร้องไห้งอแง ผมก็ยังบังคับให้พวกเธอไปห่างๆ ดูเหมือนอารมณ์ผมจะเข้าปกคลุมทั้งห้องจนนิ่งเงียบไปตามๆ กัน พวกนั้นพากันจากไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเรย์กะกลับมาหลังพัก เธอดูดีขึ้นเพียงเล็กน้อย ผมได้แต่ส่งสายตาห่วงๆ ไปทางเธอทั้งคาบ เธอดูย่ำแย่เอาจริงๆ
แล้วเมื่อวาน คุณโคะโทก็ทำให้คาบุรากิยัวะเข้าจนได้
รู้สึกว่าเธอจะเฉียดเข้าไปร้องเรียกตอนคาบุรากิกำลังจะไปส่งท่านยูริเอะ
กฎเหล็กในการตามกรี๊ดคาบุรากิมีอยู่ว่า ห้ามเข้าไปรบกวนเวลาที่คาบุรากิอยู่กับท่านยูริเอะเป็นอันขาด แต่เธอก็ยังเมินเฉยกับกฎนี้
ตามธรรมดาแล้วมาซายะจะไม่สนใจพวกผู้หญิงที่มาตามกรี๊ดกร๊าด ไม่ว่าจะทำอะไรก็มองผ่านๆ แต่ถ้ามียูริเอะเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยก็เป็นอีกเรื่อง
ถ้ามีคนมาขัดขวางเวลาแสนสำคัญที่ได้อยู่กับยูริเอะ เขาจะถอดหน้ากากไร้อารมณ์ตามปกติทิ้ง ระเบิดอารมณ์ออกมาทันที แล้วก็เป็นอารมณ์ตรงข้ามกับที่พวกสาวๆ ต้องการจากมาซายะเสียด้วย
เพราะรู้แบบนี้ กองเชียร์สาวๆ จึงไม่กล้าเข้าไปเกะกะยามมาซษยะอยู่กับยูริเอะเป็นอันขาด
แต่สงสัยว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่รู้กฎข้อนี้ ถลาเข้าไปเกาะมาซายะแจเพราะเห็นว่าเป็นโอกาสดีไม่มีตัวขัดขวางอยู่ข้างๆ
ทั้งที่ใกล้จะถึงเวลาเรียนพิเศษของยูริเอะ แต่เธอกลับเอาแต่ดึงไปดึงมาอยู่ได้ไม่รู้จังหวะ เล่นเอามาซายะยัวะขาดตะคอกว่า "พอได้แล้ว ! อย่าเข้ามาใกล้ฉันเป็นครั้งที่สองนะ !" จากนั้นก็ทิ้งคุณโคะโทไว้ตรงนั้นเดินไปขึ้นรถกับยูริเอะที่พยายามปลอบโยน
เมื่อได้เห็นเธอยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวในที่จอดรถ คนอื่นข้างๆ พากันหัวเราะเยาะล้อเลียน ผมก็อดสะใจไม่ได้จริงๆ ที่แม่สาวจอมเชิ่ดจะโดนมาซายะตะคอกใส่ซะบ้าง จนเมื่อเธอหันไปทางทางอื่น ผมก็ถึงกับเผลอหลุดหัวเราะหึๆ ขณะเดินจากมา
-
ข่าวลือว่าคุณโคะโททำให้มาซายะโกรธแพร่สะพัดอย่างรวดเร็วราวกับไฟป่าลามไปทั่วโรงเรียน กระทั่งพวกผู้หญิงทั่วไปที่คอยห้อมล้อมผมกับมาซายะก็ยังเว้นระยะห่างออกไปไกลอีกนิด และคอยกระซิบกระซาบเรื่องผู้หญิงคนนั้นอย่างเห็นใจฟังดูมีมนุษยธรรมที่สุดเท่าที่ทำได้
ในทางกลับกัน เรย์กะกลับทำคอตก สีหน้าดูกระวนกระวายอยู่ตลอดเวลา
แม้ผมจะหัวเราะอย่างสะใจเมื่อคุณโคะโทโดนมาซายะตะคอกใส่ แต่ก็จำต้องยอมรับว่าเรย์กะเป็นทุกข์เพราะเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน...
เรื่องนี้ทำให้ผมปวดหัวหนักกว่าปกติ ผมจึงไป Pivoine พร้อมกับมาซายะ
ผมไม่ได้เตรียมใจจะเจอสิ่งที่ตามมาจริงๆ
-
ผิดไปจากปกติจากที่พวกเรามักจะเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาเรย์กะและใครก็ตามที่นั่งอยู่กับเธอ ครั้งนี้เรย์กะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาพวกเราเอง
"ดูเหมือนเมื่อวานลูกพี่ลูกน้องของฉันจะสร้างความเดือดร้อนให้ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะคะ" ดวงตากลมโตเหมือนกวางของเธอโศกสลด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นเกร็งหากจริงใจ เธอก้มหัวลงต่ำแทบจะ 90 องศา
ผมกวาดสายตาไปรอบๆ Pivoine ในฉับพลัน ดูเหมือนตอนนี้สายตาทุกคู่จะจับอยู่ที่เรย์กะและมาซายะ ผมถอยหลังออกมาสองสามก้าวมองดูเงียบๆ นี่ไม่ใช่จังหวะที่ผมควรจะเข้าไปยุ่งเกี่ยว
มาซายะเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเฮือกก่อนว่า
"พอได้แล้ว "ไม่ใช่ความผิดของเธอซักหน่อย"
"แต่ก็เป็นลูกพี่ลูกน้องน่ะคะ" เรย์กะพูดเสียงเบาหวิว มาซายะมองเธออย่างสงสาร ไม่สิ ทุกคนใน Pivoine ต่างก็สงสารเรย์กะด้วยกันทั้งนั้น แม้แต่สมาชิกรุ่นใหญ่ก็เริ่มที่จะพูดถึงเรื่องนี้กันแล้ว ผมได้ยินพวกนั้นพูดชื่อคุณโคะโทออกมาชัดๆ
"งั้นก็ทำอะไรหน่อยสิ"
"ก็พยายามอยู่นี่ไงคะ แต่ไม่ค่อย...."
"ใช้ไม่ได้เลย"
มาซายะหัวเราะหึๆ ขณะส่ายหัวไปมา ไม่เป็นไรหรอก เรย์กะ มาซายะรู้ว่าคุณพยายามแล้ว หมอนั่นไม่โกรธคุณหรอกนะ
ดูเหมือนจะไม่ได้โมโหแล้ว โชคดีจริงๆ
เรย์กะดูจะโล่งใจขึ้นนิดหน่อย ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก ในที่สุดเธอก็เงยหน้าขึ้น และผมคิดว่าเราทุกคนเห็นพ้องต้องกัน
โคะโท ริรินะต้องได้รับบทเรียนเสียบ้าง
สีหน้าหวาดกลัวแกมหดหู่ของเรย์กะฝังใจผมอยู่ลึกๆ กวนใจจนผมลิ้มรสน้ำชาไม่รู้เรื่อง
ผมชำเลืองตรงไปทางประตูขณะรอคอยให้เรย์กะกลับมา เห็นชัดๆ ว่าลูกพี่ลูกน้องหน้าไม่อายของเธอคงแวะเวียนมาเคาะประตูอีกครั้ง เรย์กะเลยต้องออกไปดู ในที่สุดผมก็วางถ้วยชาลงเพื่อไปแวะดูเหตุการณ์ สิ่งที่ได้ยินทำเอาผมเลือดเดือด
"ชั้นแค่อยากขอโทษเองนะ คุณเรย์กะ ไปตามเขามาหน่อยซี่ อย่างกนักเลยน่า"
"ริรินะ นี่เธอเพิ่งทำให้ท่านคาบุรากิโมโหไปนะ! เลิกทำตัวแบบนี้ได้แล้ว!"
ผมเปิดประตูเดินออกไปข้างนอก มองไปทางคุณโคะโทตรงๆ ขณะพูดด้วยเสียงเย็นเยียบที่สุดเท่าที่จะทำได้
"นี่ พอทีเถอะน่า ไม่รู้เหรอว่าถ้าทำให้มาซายะโกรธไปกว่านี้จะเป็นยังไง ไม่รู้เหรอว่าลูกพี่ลูกน้องของเธอ คุณคิโชวอินน่ะต้องไปก้มหัวปลกๆ ขอโทษคนอื่นแค่ไหน ถ้ารู้คงไม่ทำอะไรหน้าไม่อายอย่างนี้หรอกใช่ไหม ที่เธอไปสร้างศัตรูกับรุ่นพี่ไปทั่วแล้วยังลอยตัวอยู่ได้น่ะเป็นเพราะคุณคิโชวอินไปเที่ยวขอร้องคนอื่นไว้หรอกนะ มาซายะเองก็รู้ถึงได้เงียบไว้มาตลอด แต่นี่มันชักจะเกินไปแล้วนะ" ผมหงุดหงิดจนถึงขั้นบึ้งตึงไปในท้ายที่สุด สัมผัสได้เลยว่าเรย์กะกำลังกระเถิบถอยห่างไปจากรัศมีใกล้ตัวผม
โคะโทชะงักกึก หน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงแจ๋ก่อนจะวิ่งหนีไป
"เอ่อ ต้องขอโทษด้วยนะคะ ทำให้ท่านเอ็นโจวุ่นวายอีกแล้ว"
ได้ยินเสียงเรย์กะขอโทษดังมาจากข้างๆ ผมหันไปตอบ
"เด็กคนนั้นทำให้พวกเราลำบากใจน่ะ ก็คิดอยู่เหมือนกันว่าต้องลงมือทำอะไรบ้างแล้ว"
"งั้นเหรอคะ" เรย์กะมีสีหน้ากังวลเมื่อได้ยินคำพูดของผม
อ้อ สงสัยจะห่วงลูกพี่ลูกน้องสินะ เรย์กะ...
ผมคิดอยู่นาทีหนึ่งแล้วว่า "แต่ว่าคุณคิโชวอิน นี่ก็ถือว่าติดหนี้กันครั้งหนึ่งแล้วนะ"
"เอ๋ ?"
"คงไม่ได้คิดว่าผมจะช่วยคุณฟรีๆ หรอกนะ ใช่ไหม คุณนี่ไร้เดียงสาจริงๆ”ผมยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยนขณะส่งออร่าเย็นเยือก
แม้จะรู้สึกผิดนิดหน่อย แค่สีหน้าตกตะลึงของเรย์กะนี่ช่างบันเทิงจริงๆ
"ซักวันจะขอคืน อย่าลืมเชียวนะ"
ผมปล่อยเรย์กะไว้นอกห้องสโมสรขณะเดินกลับเข้ามา อืมมม ก็จริงนะ เธออาจจะเจอเรื่องหนักๆ เพราะคุณโคะโทมาแล้ว แต่ผมไม่ยอมปล่อยผ่านหรอก ก็เธอไม่ยอมลงมือทำอะไรจริงจังเองนี่นา
มาซายะสังเกตเห็นผมกลับเข้ามาแล้วมองผมด้วยแววตาเคลือบแคลงทันที "นายทำอะไรลงไปน่ะ"
"ไม่มีอะไรหรอก แค่รู้ว่าจากนี้ไปคุณโคะโทจะไม่มากวนใจนายอีกก็พอ"
*****
จบตอน 8 จ้า ใครสะดวกรับไม้ 9 ต่อก็เชิญนะจ๊ะ
ไซซายะ...นายก็ยังมีสามัญสำนึกิบ้างนี่นา!!! ตกใจ!!! อุตส่าห์ไม่ด่าริรินะแต่แรกเพราะเห็นแก่เจ้าแม่ด้วยอะ
นายมีหัวคิดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?!?!
ส่วนเอ็นโจก็ฟิลเตอร์นุ้งกระต่ายน้อยบอบบางหนาตึ้บตามเคย
ยอมใจเพื่อนโม่งเลย พวกมึงขยันกันมากๆ นอกจากแปลกาวนอกมาให้ชาวเราอ่านแล้ว ยังอุตส่าห์มีโม่งโคตรขยัน (รึว่างจัด) แปลเม้นไปแปะให้คนเขียนกาวนอกอ่านอีก ให้กำลังใจคนเขียนจนปลื้มปริ่มกันไป
ฟิคนี้เรย์กะดูเป็นคุณหนูนุ่มนิ่มบอบบางมาก แม่กระต่ายน้อยของผม แต่เอ็นโจดูเป็นคนดีเกินไปว่ะในฟิคนี้ ดูมีความเป็นห่วงเป็นใยสาวกระต่ายมากๆ ขนาดตอนบอกติดหนี้กูยังสัมผัสไม่ได้ถึงความร้ายที่มุ่งไปทางเรย์กะแบบตรงๆเลย ตรงจุดนี้กูแอบเทียบกับกาวเอ็นโจ side story ของชาวเราแล้วดูมีความชั่วร้ายและเห็นแก่ตัวกว่ามาก
โอ้ย เดี๋ยวกระต่าย เดี๋ยวกวาง ท่านเรย์กะฟิกนี้เหมือนพร้อมจะปลิวลม ได้อิมเมจนอบน้อมหนักแน่นมากๆ ในขณะที่อ่านออริแล้วมีแต่เรื่องกิน ;_;
กาวนอกเขียนให้เอ็นโจเป็นหนุ่มขี้อาย
ส่วนชาวกาวไทยนี่มองเอ็นโจเป็นจอมมารขี้แพ้ที่ไม่ได้ดั่งใจก็แกล้งคืนหนักๆแม่ง
ดูออกเลยนะคะว่าประเทศไหนใจโหดเหี้ยมกว่ากัน
กาวนอกเรย์กะดูบอบบางนุ่มนิ่มคุณหนูมาก ท่านเอ็นโจติดฟิลเตอร์มองเรย์กะเป็นนุ้งต่ายอ่อนแอขี้กลัวและขี้แยโครตหนาเลย น้ำตารื้นตอนก้มหัวขอโทษนี่มันอะไร๊ ถถถถถถถถถถถ มีโกรธแทนเพราะริรินะมาทำให้ลำบากอีก ดูมีความเป็นเทพบุตรคอยเทคแคร์เธออยู่ห่างๆ เจอจอมมารเวอร์ชั่นแสนดีแล้วกูไม่ค่อยชินยังไงไม่รู้ 55555555555555
แต่กาวไทยท่านเอ็นโจค่อนข้างจะรู้นิสัยท่านเรย์กะ ฟิลเต้อไม่หนาเท่าแต่ยังรักอยู่วดี นิสัยเด็กประถมชอบต้องดึงผมม้วนนนน กาวนอกคือ น่ารัก เรียบร้อยเว่อ อารมเหมือนฟิลเตอร์ของฟุจินไรจินก่อนได้รับการเบิกเนตร
>>739 ตอนโดนต่อยก็ควรจะได้รับการเบิกเนตรแล้วนะ แต่ฮีฟิลเตอร์โคตรหนา
กุชอบคนละแบบ ของไทยดูมารร้ายสายยันมาก ๆ บางทีกุก็แอบหมั่นไส้ อยากให้ท่านเรย์กะเอาคืนให้หงายเงิบซักดอกแล้วผู้เป็นฝ่ายตามตื้อ ส่วนของนอกนี่กุเชียร์ให้ได้กันซักที คืออารมณ์แอบรักโชโจมาก ๆ อยากให้โดนเบิกเนตรด้วย คงฮา
ใครเก่งอังกฤษต้องช่วยเผยแพร่ลัทธิจอมมารเอ็นโจให้ต่างชาติรู้เว้ย แปลฟิคไทยเบิกเนตรเหล่าแฟนคลับต่างแดนทั้งหลาย
ถ้ามีใครจะแปลฟิคไทยกูอยากแนะนำให้แปลฟิคมะหมาเหลือเกิน เผยแพร่ลัทธิไซซายะ 555555555555555555
เผยแพร่ลัทธิจอมมารงั้นรึ! ช่างชั่วร้ายอะไรเช่นนี้!
มีใครเอาไม้9 รึยัง
ถ้าจะแปลอยากให้พวกเจ้าของฟิคอนุญาตก่อนอะ สนใจนะ แต่รอดูแปป 55555
อยากอ่านฟิคต่อด้วยคน //กอดขาโม่งฟิคทั้งหลาย
กู747เอง ใช่ กูหมายถึง permission จากเจ้าของฟิคโม่งโว้ย 555555 สนใจอยากแปลอยู่นร้า 55555
สนับสนุนด้วยค่ะ ท่านฮิโยโกะนี่น่าได้รางวัลสาขาสันติภาพจริงๆ ดองนิยายจนแฟนๆ ต้องโม่กาวแลกกันอ่านเพื่อประทังชีวิต เกิดเป็นสายสัมพันธ์ข้ามชาติ 5555
กูขอฟิกบ้านพักคนชรา... อุ๊บส์!!!
ถ้าจะแปลเอาสั้นแบบตอนเดียวจบก่อนไหม กูชอบพวกบรรดาฟิกโม่งตัวประกอบซุบซิบ เพ้อเจ้อได้โล่ห์ จะบอร์ดลับ บอร์ดวาย ก็ชอบ กาวดี
กูสนับสนุนมะหมา เอาความน่ารัก(?)ของไซซายะกับชูสุมอยไปเผยแพร่ 55555555
อยากได้ฟิคที่เห็นความเป็นปีศาจของยูกิโนะกับองค์ชายว่ะ ให้เห็นว่าฝั่งเรามองเอ็นโจไว้เหี้ยมมากถถถ
เผยแพร่ลัทธิจอมมารก่อนแล้วค่อยแสดงให้เห็นว่าหมอนี่มันจอมมารไก่อ่อนที่จีบสาวห่วยขั้นสุด55555
>>771 ชาติที่แล้วนางไม่ได้บอกนะว่าเอ็นโจเป็นคนวางแผน บอกแค่คาบุรากิทำให้บ้านนางล้มละลายเท่านั้นเอง เอ็นโจกว่าจะมีบทก็ปาเข้าไปตอนที่ 6 แถมไม่มีรายละเอียดอะไรมากไปกว่าเป็นเพื่อนพระเอกที่คอยออกมาไล่นางร้ายไปห่างๆ
จริงๆในเรื่องฮีอาจจะไม่ได้ทำอะไรเลยก็ได้ ให้มาซายะทำเอง แบบตอนที่จับเด็กม.4 ติวนรกน่ะ มาซายะก็คิดเองทำเองล้วนๆ เพราะดูแล้วก็น่าจะเป็นการขอโทษบวกกับล้างแค้นให้วาคาบะที่เด็กพวกนั้นไปพูดจาแย่ๆใส่ กร่างและเบ่งนักเหรอพวกเอ็ง งั้นก็ทำตัวให้มันคู่ควรกับอำนาจที่มีหน่อยซิ เพราะงั้นเรื่องทำบ้านคิโชวอินล่มจมกูว่าคาบุก็น่าจะคิดเองว่ะ อารมณ์แบบพระเอกโชโจที่จะไม่ปล่อยใครมารังแกเธออีกต่อไปแล้ว แถมยังได้ไล่ตัวรังควานชีวิตออกไปอีก อดทนมานานเรื่องนี้ก็เลยต้องใช้วิธีรุนแรงและทำให้ราบคาบกำจัดเสี้ยนหนามไม่ให้มาตลบหลัง ก็เหี้ยมโหดอยู่เหมือนกันนะ
>>772 แต่สมัยเป็นการ์ตูน Kimi Doll ก็มีพูดถึงฉากความโหดของเอ็นโจตอนไล่ตะเพิดเรย์กะนางร้ายไปอยู่นะ อีกอย่างด้วยนิสัยของคาบุที่เป็นคนทื่อๆ ตรงๆ นี่ถึงวางแผนกำจัดก็น่าเป็นแนวซึ่งๆ หน้าตรงไปตรงมาแบบแผนให้เด็กม.4 แสดงความเหนือกว่าทางวิชาการนี่แหละ พวกคาแรคเตอร์ยิ้มใจดีแต่โหดลับหลังแบบเอ็นโจนี่น่าจะเป็นฝ่ายเสธฯ ออกความคิดเห็นเรื่องกว้านซื้อหุ้นให้ล้มละลายมากกว่านะ
แต่จะว่าไป ช่วงสมัยประถมเจ้าแม่ก็ไม่ได้ระแวงเอ็นโจเท่าไหร่เลยนะ แค่ไม่อยากเข้าใกล้คู่หูคาบุเอ็นโจเอง มาโดนรังเกียจหนักๆ เอาตอนม.2 ที่โดนทวงบุญคุณตอนไล่ริรินะไปนี่ละมั้ง ทำตัวเองชัดๆ...
ไล่อ่านกระทู้แล้วเจอว่าตอนเรย์กะอุ้มกระต่ายเล่นตอนประถม เป็นการปูเรื่องที่เอ็นโจมองเรย์กะเป็นกระต่ายที่โครตยาวนาน แล้วฉายานโปเลียนของคาบุเนี่ยปูมาเพื่อจะเอาไว้จิกกัดในตอนที่ 273 ด้วยรึเปล่าวะ เชอรี่นโปเลียนน่ะ (เชอรี่ = ไอ้หนุ่มไก่อ่อนไม่ประสีประสา หนุ่มเวอร์จิ้น) 5555555
>>779 อาจจะกลายเป็นผู้กุมอำนาจอันดับหนึ่งตั้งแต่ประถม จะกลายเป็น เอ็นโจ-เรย์กะ-มาซายะ
ตอนนี้ เอ็นโจ-มาซายะ-เรย์กะ ทุกคนคิดว่ามาซายะคือผู้อยู่บนบัลลังก์แต่หารู้ไม่ว่าจริงๆแล้วคนที่อยู่บนสุดคือใคร 555555
(หรืออาจจะกลายเป็นเบ๊ไปเลย………)
กูก็อยากรู้นะว่าถ้าตามไปซื้อของจะเป็นไง มีใครจะเขียนฟิคมั้—————
>>780 คงกลายเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน เรย์กะมองตัวเองเป็นเบ๊สองคนนั้น แต่พอสองหน่อนั่นตั้งท่าจะสร้างความวุ่นวาย น่าจะโดนกำปั้นเจ้าแม่กาลีส่งไประงับเหตุการณ์ที่ตัวต้นเหตุก่อน มาซายะกับชูสุเกะอาจจะเป็นเด็กดี(?)กว่านี้ พอยูกิโนะเกิดก็แห่กันไปบ้านเอ็นโจ ไปเล่นกับยูกิโนะวัยทารกกัน
>>781 กูว่าถ้าเป็นเพื่อนกันแต่เด็กจริง ความสามัญชนของเจ้าแม่มีหวังความแตกไปนานแล้ว ไม่ซุกซ่อนมาได้จนชั้นม.ปลายหรอก เผลอๆ ม.ต้นก็แอบหนีไปเปิดทัวร์บริโภคด้วยกันทั้ง 3 พระหน่อแล้ว ส่วนตอนยูกิโนะยังเป็นเบบี๋ พอมาซายะจะไปจิ้มๆ ไปดึงจากเปลมาอุ้ม เจ้าแม่ก็จะกรี๊ดแล้วไปแย่งมาอุ้มเอง มีเอ็นโจยิ้มขื่นๆ มองอยู่ห่างๆ เป็นครอบครัวสุขสันต์ โอ๊ยยยย แม่งดี
>>782 สามคนนี้ช่วยกันเลี้ยงยูกิโนะน่าจะเป็นภาพที่น่ารักโครตๆ เวลามาซายะแหย่ยูกิโนะที่กำลังหลับให้ร้องไห้ เรย์กะน่าจะตบกบาลผลัวะแล้วแย่งมาอุ้มเอง แต่ถ้ายูกิโนะไม่หยุดร้องน่าจะอุ้มไปหาชูสุเกะให้ช่วยโอ๋ๆ เป็นครอบครัวพ่อแม่ลูกสุขสันต์ //อยากอ่านฟิคจังข่ะเพื่อนโม่ง
เด็กทารกแบเบาะ เจ้าแม่เข้าไปอุ้มนี่กุว่าน่าจะโดนบูลลี่เหมือนที่โดนกวางกะนกแกล้ง โดนอึใส่ ฉี่รด ให้เจ้าแม่เสียเซฟ 555
เออ ฟิคเวียนในตำนานมีใครต่อมั้ย ถ้ายังกูจะขอต่อหน่อย พอดีมีฉากที่อยากเขียนอยู่
ไม่ได้ตั้งใจชี้ไปเม้นท์ 792 โทษๆ
>>794 ลองๆอ่านในลิงค์นั้น เรื่องย้อมผมก็มีประเด็นน่าสนใจดี แต่ถ้าเอ็นโจมีผมสีน้ำผึ้งมาตั้งแต่เกิดแล้วมาย้อมตอนเข้าเรียนนี่....เป็นการย้อมผมที่โครตยาวนาน กลัวจะเป็นมะเร็งหนังศีรษะตายจริงๆ
ล่างๆมีพูดถึงเรื่องแฟนสาวของท่านพี่(ถ้ามี) จะเป็นคนยังไง กูแอบตบมุกอยู่ในใจว่าไม่ใช่แฟนหนุ่มที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนเหรอคะ ถถถถถถถถถถถถ
>>796 ไม่ใช่ 795 นะ แต่ในนั้นที่เสนอไอเดียฟิค เอ็นโจในมังงะเกิดใหม่ย้อนเวลา เขาว่า เอ็นโจพบว่าตัวเองย้อนกลับมาเป็นตัวเองตอนเด็ก และพบว่าโลกนี้เปลี่ยนไป เช่นตัวเองผมดำ, ตัวเองมีน้องชาย, คาบุรากิกลายเป็นบากะรากิ, เรย์กะมีพี่ชาย
เอ็นโจคิดว่าเรย์กะจะร้ายแบบในโลกก่อน(มังงะ)ก็เลยคอยจับตามองตั้งแต่เด็ก แต่เรย์กะก็ไม่ร้ายหรือตามตื้อคาบุสักที (จากนั้นก็พบว่าเป็นเพราะว่ามีพี่ชายให้ความอบอุ่น คอยช่วยเหลือ จนเรย์กะกลายบราค่อน ไม่ได้ชอบคาบุ) แต่ก็ยังคอยเฝ้าจับตามองเขาต่อไปโดนไม่รู้ใจตัวเอง
เพราะว่าเอ็นโจกลับมาเกิดใหม่ ความคิดการกระทำก็เลยเป็นผู้ใหญ่ มีด้านมืดเยอะ (และเจ้าตัวตบมุขเอาเองว่าที่ตัวเองผมดำก็เพราะแบบนี้เอง)
กูติดใจอันนึงในนั้น ที่เสนอว่า คาบุสารภาพรัก วาคาบะปฏิเสธบอกว่าตัวเองชอบเรย์กะ แม่งนี่มันฟิคฮาเร็มเจ้าแม่ของพวกเรานึ่หว่า 55555
มีแต่คนมีทฤษฎีกลับชาติมาเกิด ถ้าวาคาบะกลับชาติมาเกิดอีกทีคงสนุกดี เพราะน่าจะมึนกับเจ้าแม่ที่นิสัยเปลี่ยนเป็นคนละคน
ไม้ 9 มีคนจองแล้ว งั้นกุต่อไม้ 10 นะ
#สู้ๆเพื่อกาว
ฟิคนอกไม่มีAUรุ่นลูก/ปีศาจตกอับ ที่สำคัญคือไม่มีคุณยายเรย์กะ
ความกาวยังสู้ไทยไม่ได้ ถถถถถถถถถถถถถ
กาวที่ยอมใจสุดยังยกให้บ้านพักคนชราว่ะ ใจคนเรามันต้องเหี้ยม(ชม)ขนาดไหนวะ5555555
.....หรือว่าเราจะแปลกาวบ้านพักกันดี
ครบ 7 เดือนยังเนี่ยตอนใหม่หายเลย
อืม... จะบอกว่าแปลไทยล่าสุดมาตั้งแต่ก่อนกูจะคลอดนิดนึ นี่ลูกกู 4 เดือนกำลังจะคว่ำละ ถ้าภาวนาให้ท่านฮิโยโกะกลับมาก่อนลูกกูคลานได้นี่จะมากไปไหม... ฮึก
มีทางสืบหาคนเขียนไหม จุดนี้กูไม่แคร์เรื่องตอนต่อละ ได้รู้ว่าท่านฮิยังอยู่ดีมีสุขก็พอใจ
ควรตั้งแท็กเรียกร้องให้อาจารย์กลับมากันมั้ย 55555
กูอยากให้มีคนแปล ภาคสาเลนไทน์ ทำเนิดไซซายะ ไปให้ทางอังกฤษอา่านอ่ะ เผื่อทางนู้นจะเรียกเหมือนที่ไทย 55555555555
มู้ข้าง ๆ เค้าคุยกันเรื่องพระออกอ่อย กูกลับมาดูมู้นี้แล้วเศร้าใจ โอ๊ย เจ้าแม่กู ปักธงได้แต่นางเอหของเรื่องที่สุดท้ายแล้วไปคู่กะพระเอก เศร้าใจ
>>830 ตอนนี้กูไม่สะดุ้งสะเทือนล่ะ พล็อตในหัวกูเดินเรื่องไปจนจบแล้ว เดี๋ยวในงานดอกไม้ไฟ คาบุรากิจะสารภาพรักกับวาคาบะแล้วนางก็ยอมรับรัก เป็นอันใจตรงกัน คู่คาบุวาคาบะคบกันอย่างเปิดเผยไม่ต้องเกรงสายตาใครอีกต่อไป ส่วนทางท่านเรย์กะก็ต้องเผชิญหน้ากับคุณยุยโกะในร้านอาหาร เจ้าแม่อดรนทนไม่ไหวต้องผุดลุกหนีออกมากลางคัน แล้วก็ไปบังเอิญชนเข้ากับหนุ่มหล่อมากกกก คุยไปคุยมาพบว่าเป็นน้องชายท่านอิมาริที่ตกหลุมรักท่านเรย์กะตั้งแต่แรกพบ ทั้งคู่เลยช่วยกันนั่งทำตุ๊กตาเฟลต์ทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาววางคู่กันในงานโรงเรียน สวีทจี๋จ๋าจนคาบุยังต้องระย่อ ก่อนจะเรียนจบทั้งคู่ก็หมั้นกันและให้สัญญาว่าจะมารับเรย์กะไปอยู่ด้วยกันที่อเมริกาหลังเรียนจบมหาลัย Happy Ending! เฮ~
ใจคอพวกมึงจะให้ท่านพี่กับท่านอิมาริขึ้นคานไปพร้อมเจ้าแม่เหรอวะ อย่างน้อยให้ท่านพี่คู่ท่านอิมาริ หรือท่านอิมาริคู่เจ้าแม่ก็ยังดี
ยังไม่มีใครเอาไม้9 มีใครอยากแปลมั้ย
>>832
..นี่คือสถาน แห่งบ้านคานทอง ที่ฉันปองมาสู่
..ฉันยังไม่รู้ เขาจะต้อนรับ ขับสู้เพียงไหน
..อาจมี(k)calอาบ ฉาบบนใบหน้า ว่ามีน้ำนวลไง
..แต่สิ่งซ่อนไว้ ใน เดรสปกปิด คือ fat cells หนา
..เขตรั้วไพศาล โอบบ้านคานทอง
คือแขนของ ท่านพี่
..ขอจงเอื้อมมือ และโอบกอดน้อง
ผู้ผ่านเข้ามา
เพียงเดียวดาย อาจตายเพราะอ้วน โอ้อนิจจา
..โปรดอย่าอิจฉา สมาชิกใหม่
ของบ้านคานทองงงงงงงงง
ต่อฟิคเวียนในตำนาน >>>/webnovel/5401/15-18
-------------------------------------
หลังจากคุณหมอตรวจเช็คแล้วเช็คอีกเพื่อให้แน่ใจว่าผู้สืบทอดตระกูลเอ็นโจไม่เป็นอะไร เอ็นโจก็ได้ออกจากโรงพยาบาลก่อนวันสิ้นปีพอดี ช่างเป็นคนที่ทำให้รอบข้างวุ่นวายไปหมดไม่เสื่อมคลายจริงๆ
อย่างเมื่อวันก่อนที่เอ็นโจหลับไปในช่วงบ่ายเพราะยาที่คุณหมอจัดมาให้ทานหลังอาหาร แต่ก่อนนอนก็มาอ้อนขอให้ฉันอยู่ข้างๆอย่าเพิ่งไปไหน คิดว่าคนเขาไม่มีการมีงานหรือมีธุระที่ต้องไปรึไงกันยะ
“อยากเห็นหน้าคุณตอนตื่นนี่ครับ” เอ็นโจทำหน้าหงอยๆ “ไม่ได้เหรอ”
อย่ามาทำหน้าแบบนั้นนะ ถึงนายจะหน้าเหมือนยูกิโนะคุง แต่สายตากับสีหน้าเว้าวอนออดอ้อนนั่นไม่เข้ากับนายเลยซักนิด
ตลอดบ่ายวันนั้นฉันเลยต้องมานั่งเฝ้าคนป่วย ส่วนยูกิโนะคุงพอไปส่งมาดามเอ็นโจขึ้นรถแล้วก็กลับเข้ามาในห้อง นั่งคุยสัพเพเหระเบาๆไม่ให้เสียงรบกวน แล้วก็ทำงานฝีมืออย่างนีดเดิลเฟลท์ไปด้วย
เห็นยูกิโนะคุงบอกจะทำกระต่ายให้ท่านพี่เป็นของขวัญปีใหม่ ช่างเป็นน้องชายที่น่ารักและอ่อนโยนอะไรเช่นนี้
แถมวันจะออกจากโรงพยาบาล ยูกิโนะคุงก็มาอ้อนให้ฉันไปให้กำลังใจพี่ชายอีก เพราะเห็นแก่ยูกิโนะคุงหรอกนะฉันถึงได้ไป ไม่งั้นฉันไม่ยอมสละเวลาอันมีค่ามารับมือกับคนป่วยจอมงอแงเอาแต่ใจนี่หรอก
ผลตรวจการตรวจสุขภาพออกมาว่าแข็งแรงดีทุกอย่าง แต่ฉันจะประสาทเสียเอากับคำพูด “พอออกจากโรงพยาบาลก็อยากทานอาหารฝีมือเรย์กะจังเลยครับ”
อีตาบ้าเอ้ย!! มาบอกเอาตอนนี้จะไปเตรียมตัวทันได้ยังไงล่ะยะ!!!
ทั้งยูกิโนะคุงและมาดามเอ็นโจก็มาช่วยพูดอีกแรง “เป็นงานเล็กๆในครอบครัวที่มีแต่พวกเรากันเองทั้งนั้นล่ะค่ะ คุณเรย์กะ”
“อย่างจิราชิซูชิที่ทำมาตอนนั้นก็อร่อยดีนะฮะ ผมชอบมากเลยล่ะ”
ฉันเปิดหนังสือเมนูอาหาร หาเมนูที่พอจะทำได้ง่ายๆแต่อร่อยล้ำ สุดท้ายคิดไม่ตกก็ต้องโทรไปรบกวนคุณอาคิมิอีกจนได้
ปรึกษาไปปรึกษามา คุณอาคิมิก็ออกปากว่าจะมาช่วยสอนที่บ้าน แม้ฉันจะท้วงไปด้วยความเกรงใจ ช่วงปีใหม่แบบนี้ใครๆก็อยากใช้เวลาอยู่กับครอบครัวทั้งนั้นล่ะเนอะ
คุณอาคิมิยืนยันว่าจะช่วยอีกแรง ฉันเลยจะขอรบกวนเวลาให้น้อยที่สุดคือแค่ช่วงเช้าเท่านั้น อาหารที่ทำก็ของง่ายๆอย่างนิโมโนะ น่าจะเข้ากับพวกอาหารที่ทานกันในช่วงปีใหม่
แต่ถ้ามีเวลาก็อยากจะลองเอาแกงกระหรี่ไปให้ชิมเหมือนกันนะ สูตรที่เป็นออริจินอลกับความเปล่งประกายของเชฟเรย์กะที่เพิ่งคิดได้เมื่อคืน ถ้าใส่เยลลี่แอปเปิ้ลลงไปก็น่าจะประหยัดเวลาการใส่แอปเปิ้ลลงไปเคี่ยวทั้งชิ้นแถมยังได้ความหวานจากน้ำตาลอีกด้วย แต่ก็อยากให้มีกลิ่นหอมของดอกกุหลาบกับสีชมพูสวยๆด้วยน้า จะได้สมเป็นราชินีโรโคโค่ งั้นลองใส่น้ำหวานกลิ่นกุหลาบกับซากุระเด็มบุลงไปด้วยดีกว่า ให้สีออกมาสวยๆแบบเตอร์กิชดีไลท์ ดูแปลกใหม่น่ารักกว่าสีน้ำตาลตุ่นๆแบบดั้งเดิม
อื้ออื้อ นี่ล่ะความสร้างสรรค์ ขอตั้งชื่อให้ว่าแกงกระหรี่กุหลาบของราชินีโรโคโค่
ฉันฮัมเพลงพลางพลิกดูสูตรนิโมโนะไปมา นึกถึงผลตรวจสุขภาพของเอ็นโจ จะว่าไปก็นึกถึงวาคาบะจังขึ้นมา
เย็นวันเดียวกันนั้นคาบุรากิก็มาเยี่ยมเพื่อนพร้อมกับตะกร้าของเยี่ยมใหญ่ยักษ์ ข้างๆเป็นวาคาบะจังที่สีหน้าดูอ่อนเพลียเล็กน้อย ฉันทักทายสองคนนั้นแล้วก็ถามวาคาบะจังด้วยความเป็นห่วง
“คงเพลียจากการตรวจสอบเอกสารที่บริษัทน่ะค่ะ” วาคาบะจังยิ้มแห้งๆ
“เอ๋ ไหนๆมาโรงพยาบาลแล้ว ลองตรวจสุขภาพดูมั้ยคะ”
“ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกนะคะ เดี๋ยวกลับไปพักผ่อนก็หาย ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรหรอกค่ะ”
“ตอนนั่งมาในรถฉันก็บอกแบบนั้นเหมือนกัน” คาบุรากิโอบเอววาคาบะจัง “อย่าฝืนตัวเองสิ วาคาบะ ให้หมอตรวจดูหน่อยจะเป็นไรไป”
“ฉันไม่เป็นไรจริงๆนะคะ กลับไปพักผ่อนก็หายแล้วล่ะ”
เอ็นโจยังหลับอยู่ ฉันกับวาคาบะจังเลยนั่งคุยกันสัพเพเหระถามความเป็นไป ส่วนคาบุรากิไปคุยกับยูกิโนะคุง ท่าทางสนุกสนานกันทั้งคู่ แม้จะได้ยินแว่วๆมาอย่าง “ผีในบ้านร้าง” “มีด” “เก็บไอเท็มได้ที่ชั้นสอง” “ฆาตกรรมหมู่ยกครอบครัว” ลอยมาก็เหอะ นี่คุยอะไรกันน่ะห๊า!!!
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เอ็นโจก็ลืมตาตื่นขึ้นแบบแช่มช้า พอฉันเข้าไปดูอาการใกล้ๆ เจ้าตัวก็ยิ้ม จับมือฉันแล้วเอาไปแนบแก้มตัวเอง หลับตาพริ้มดูมีความสุข
ทำอะไรของนายห๊า!! คนอยู่ตั้งเยอะตั้งแยะนะยะ!!!
ฉันดึงมือออกแบบเงอะงะ แต่หมอนี่ก็จับไว้ไม่ปล่อย จนคาบุรากิกระแอมขึ้นมาแบบหลอกๆเพื่อขัดจังหวะ
“เฮ้ยๆ มีคนอยู่ในห้องนี้นะ ถ้าเผื่อนายไม่รู้”
ฉันแทบจะเอาหน้ามุดดินหนีตอนเห็นสายตายิ้มๆของวาคาบะจังกับยูกิโนะคุง พอสลัดมือปลาหมึกนั่นทิ้งมาได้ฉันก็ไปหลบอยู่อีกมุมกับวาคาบะจังทันที ปล่อยพวกผู้ชายคุยกันไป
เวลาอาหารเย็นของคนป่วยมาถึง พยาบาลสาวน้อยเข็นรถส่งอาหารมาเสิร์ฟถึงที่ วาคาบะจังที่ยิ้มๆคุยกับฉันอยู่ พอได้กลิ่นอาหารก็มีสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่
ยังไม่ทันจะถามว่าไหวรึเปล่า วาคาบะจังก็ยกมือปิดปากวิ่งเข้าห้องน้ำไป มีสายตาของพวกเรามองกันเป็นตาเดียว
“วาคาบะ” คาบุรากิเดินตามเข้าไปในห้องน้ำ ฉันยืนมองอยู่ด้านหน้าด้วยความเป็นห่วง พี่น้องเอ็นโจก็มายืนด้วยเหมือนกัน
ผ่านไปนานพอดูสองคนนั้นก็ออกมา วาคาบะจังมีท่าทีเหนื่อยล้าให้คาบุรากิประคอง หน้านี่ซีดหยั่งกะกระดาษเลยล่ะ ไหวมั้ยจ๊ะวาคาบะจัง
“ให้หมอตรวจเลยดีกว่า”
“ขอโทษด้วยค่ะ”
“บอกแล้วว่าอย่าฝืนตัวเองไงล่ะ”
ยูกิโนะคุงกดปุ่มเรียกเจ้าหน้าที่ ไม่ถึงสองนาทีหลังจากนั้นวาคาบะจังก็ถูกหามขึ้นใส่เปลแล้วเข็นออกไปนอกห้อง มีคาบุรากิตามไปติดๆ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากเหมือนฉากในหนัง
แล้วความวุ่นวายก็สงบลง ในห้องมีแค่ฉันกับเอ็นโจและยูกิโนะคุงเหมือนเดิม
“จะเป็นอะไรรึเปล่านะ”
“คงไม่หรอก” เอ็นโจมองตามแบบยิ้มๆ “น่าจะได้ยินข่าวดีมากกว่า”
“ข่าวดี….”
“เดี๋ยวเรย์กะก็คงรู้เอง” พอมายืนใกล้ๆแบบนี้ ปลายนิ้วของเอ็นโจเล่นปอยผมม้วนของฉันแบบมืออยู่ไม่สุข เอ๊ะ!! เสียมารยาท นี่มันคุกคามทางเพศนะคะ
ฉันถลึงตาใส่ หนอย….พอเห็นไม่โวยวายนี่ก็เอาใหญ่เลยนะ
มัวแต่เคืองเอ็นโจ ฉันเลยไม่ได้ครุ่นคิดว่าข่าวดีนั่นคืออะไร หลังจากวันนั้น คาบุรากิกับวาคาบะจังก็ดูยุ่งๆไม่รับโทรศัพท์ เมล์ไปยังไม่ตอบมาทั้งคู่เลย เอาไว้เดี๋ยวค่อยโทรไปถามก็ได้มั้ง
.
.
.
.
.
วันสิ้นปี ฉันที่วุ่นอยู่กับการทำอาหารตามแต่คุณอาคิมิจะสอน ลืมไปซะสนิทว่าจะต้องโทรไปถามอาการของวาคาบะจัง
นิโมโนะเนี่ยดูเหมือนจะง่าย แต่พอลองมาทำจริงมันไม่ง่ายเลยซักนิด กินแล้วก็ต้องสำนึกบุญคุณ สรรเสริญเยินยอท่านเรย์กะให้มากๆเข้าไว้ล่ะ
อาหารเสร็จทันฉิวเฉียดตอนบ่ายสองพอดี ฉันเลยอาสาจะไปส่งคุณอาคิมิด้วยตัวเองถึงที่บ้าน วันนี้ไม่มีใครอยู่เลย ท่านพ่อกับท่านแม่ไปเกียวโตเพื่อพบญาติเหมือนทุกปี แต่ท่านพี่ไปทริปเที่ยวยุโรปกับท่านอิมาริ ท่านพี่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อน ผ่อนคลายจากงานที่ยุ่งๆมาทั้งปีก็ดีแล้วล่ะเน้อ
จะให้ทิ้งคุณอาคิมินั่งคนเดียวในห้องรับแขกก็กระไรอยู่ ฉันเลยพามารอในห้องส่วนตัว ให้คุณเมดยกชาสมุนไพรมาให้ดื่มรอฆ่าเวลา คุณอาคิมิดูตื่นเต้นกับเตียงนอนสี่เสาแบบเจ้าหญิงของฉัน เอ่ยปากชมว่าห้องสวยเหมือนในนิทานภาพที่เคยอ่าน...แหม ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกนะคะ
ฉันรีบแต่งตัวและแต่งหน้าให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับอะไรก็เลือกไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เหลือแค่แต่งหน้าเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย หมุนตัวเช็คความเรียบร้อยอีกนิดก็ได้เวลาออกจากบ้าน
เวลาที่นัดกับเอ็นโจไว้คือตอนหกโมงเย็น ไปส่งคุณอาคิมิแล้วก็เผื่อรถติดนิดหน่อยก็ทันเวลาถมถืด
มาถึงคฤหาสน์เอ็นโจในเวลาเร็วกว่ากำหนดเล็กน้อย คนที่ออกมารับคือเอ็นโจที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวมีแจ็คเก็ตสีครีมสวมทับ เข้ากับกางเกงสีกรมท่าที่ใส่อยู่ อยู่ในลุคสบายๆเพิ่งออกจากโรงพยาบาลก็ยังดูดีอยู่เหรอยะ
“เอ่อ สวัสดีค่ะ ท่านเอ็นโจ”
“ยินดีต้อนรับครับ เรย์กะ” เอ็นโจยิ้มอบอุ่น “วันนี้ก็ใส่สีขาวล้วนเหรอ น่ารักเหมือนคุณกระต่ายเลยนะ”
ฉันหัวใจกระตุกวูบกับคำชม หนอย เจ้าคนจากหมู่บ้านคาสโนว่านี่มัน….
พอฉันหน้าบึ้งใส่ เอ็นโจก็ยิ้มตอบกลับมา พร้อมกับสายตาที่ทำให้รู้สึกหน้าร้อนวูบจนต้องมองไปทางอื่น เป็นช่องให้หมอนี่เข้าประชิดตัวฉัน ฉวยสัมภาระที่ถืออยู่มาถือให้ แล้วก็จูงมือฉันเข้าบ้าน
อะ...อะไรยะ ยังไม่ทันจะอนุญาตให้จับมือเลยนะ
-----------------------
ส่งต่อจ้า
ที่กูอยากเขียนคือสูตรทำอาหารอันเตลิดเปิดเปิงของนางนี่ล่ะ แต่เขียนออกมารู้สึกจะได้ไม่เท่าอฟช. กูไม่สามารถคิดสูตรที่มันมิราเคิลไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว ต้องกราบขออภัยเพื่อนโม่งทุกท่านด้วย 5555555555555555555555
ฟิคมีแต่เอ็นโจ แต่ไลน์หลักทำไมกูคิดว่าเรือล่มแหงว่ะ... แต่คาบุรากิก็ไม่มีวี่แววจะเรือรอด สงสัยคานทองนิเวศน์ของจริง
กรี้ดดดดดดโม่งพระผู้มาโปรด มีผู้ตาต่อฟิคเวียนในตำนานแล้ว ดีใจจริมๆเอื้อสสสส์ #นอนตัย
>>840-841 ขอบคุณที่มาต่อค่ะ มึงทำกูใจบาง ฮือออออ ท่านเอ็นโจต้องอยู่ในโรงพยาบาลนานเหลือเกินค่ะกว่าจะมีคนมาไถ่ตัวออกไป แต่กูว่าถ้าแดกแกงกระหรี่สุดบรรเจิดนั่นเดี๋ยวก็ได้กลับเข้าไปนอนร.พ.เพราะอาหารเป็นพิษแน่เลยว่ะ คราวนี้มียูกิโนะเข้าไปนอนเป็นเพื่อนด้วย
แล้วก็ใช้เรื่องนี้ขู่ให้เจ้าแม่แต่งงานด้วยความรู้สึกต้องรับผิดชอบไปตลอดชีวิตเลยก็ได้นะ ถถถถถถ
บทสนทนาระหว่างนูกิโนะและท่านพี่
“ท่านพี่ฮะ ท่านพี่เป็นอะไรกับคุณพี่เรย์กะฮะ?”
“เอ๋ เป็นเพื่อนไงล่ะ”
“ผมชอบคุณพี่เรย์กะฮะ ผมอยากให้คุณพี่เรย์กะมาเป็นพี่สาวผมอีกคน”
“ยังไงกันน้า...อาจจะลำบากหน่อยล่ะนะ”
“ผมให้เวลาท่านพี่นะฮะ...ถ้าอีกสิบปีคุณพี่เรย์กะยังไม่มีใคร ไม่ได้คบกับท่านพี่ ผมจะขอไว้เองนะ”
“เฮ้ เดี๋ยวสิยูกิโนะ!”
“ถ้าเป็นตอนนี้ ผมจะยอมเป็นน้องชายที่แสนดีนะฮะ แต่ถ้าผมโตกว่านี้ ผมไม่ยอมท่านพี่หรอก”
//เบื้องหลังการรุกหนักของจอมมาร
>>851 เพลงนี้55555 ขอสารภาพบาปว่าเป็นปีเลยที่คิดว่าเนื้อมันคือ …เมื่อไหร่*น้อง*ฉันจะได้เป็นแฟนของเธอ… คือไม่เคยไปเปิดเนื้อดูเลย แล้วก็แบบงง อะไรของเนื้อเพลงมัน ทำไมเป็นแฟนพี่ละน้องต้องรอน้องมาเป็นแฟนด้วยอีกอะ ผู้หญิงคนนี้มันทำไม จนแบบสิบปีต่อมาถึงได้บางอ้อว่า เออ ไม่ใช่ หนอต่างหาก ตอนเด็กๆนี่จำมั่วจริงๆ
ความจริงแล้วอยู่บนเรือเอ็นโจ(ยูกิโนะ)ต่างหากค่ะ อีตาชูสุเกะผู้ขมขื่นอะไรเนี่ย หลบไปไกลๆ//ขยับเรือคุกอย่างกล้าหาญ แค่กๆๆ ก็สาววัยรุ่นตอนปลาย(?)วัยเลขสามบนคานกับเจ้าชายของแผนกม.ปลาย มันน่ารักงุงิดีนี่นา (ขออภัยท่านเรย์กะ แต่เปอติต์นี่อนุบาลซัก
ขอเรือไซซายะบ้าง
>>855 แต่กูล่ะยอมใจแกจริงๆเลย ประเด็นเล็กๆน้อยๆแกหยอดทิ้งไว้นานมากจนคนอ่านลืมไปแล้ว แกยังเก็บเอามาใช้ต่อได้อีก อย่างคุณโมชิดะที่เรย์กะช่วยไว้แล้วหายไป ยังกลายมาเป็นกุญแจที่ช่วยยามคับขัน หรือคุณอิโคมะที่โผล่มาแค่ปลาบปลื้มและแข่งวิ่งสามขาด้วยกันยังกลายมาเป็นปมหลักของเรื่องได้ กูว่าทุกอย่างที่ใส่มามีความหมายว่ะ ไม่งั้นไม่ทิ้งปมไว้ยาวขนาดนั้นหรอก ถึงจะอืดเอื่อยเป็นนิยายชิมอาหารแต่ก็มีโครงเรื่องหลักเหมือนกัน คือการไดเอ็ทนั่นเอง//ผิดๆๆๆ
>>856 กูแอบเชียร์คาบุอยู่ในใจนะ//มายกมือ แค่ไม่มีคนหวีดด้วยเท่าไหร่เลยเงียบๆ55555 จริงๆถ้าตัดวาคาบะออกไป(ไม่คยมีมุมมองทั้งคู่อยู่ด้วยกัน ตัดสินอะไรไม่ได้ทั้งนั้น มองผ่านฟิลเตอร์ท่านเรย์กะ คาบุทำอะไรก็ดูซื่อบื้อไปหมดเลยจริงๆ ฟฟฟฟ) คาบุกับเรย์กะก็ค่อนข้างเข้ากันได้ดีมาก ประมาณว่าถ้าโดนปฏิเสธก็มีโอกาสแวบมาหาท่านเรย์กะได้ แต่จะลงเอยกันจริงจังก็คงต้องรอตอนชอบกันหน่อยๆ ก็ดูไม่ใช่คนที่จะยอมแต่งงานการเมืองละนะ เป็นชนเผ่าบูชาความรักอันร้อนแรง…
>>858 โอ้ยยย กุกะเรือคาบุ เวลาสองนางอยู่ด้วยกันมันฮา มันรู้ทันกันไปหมดอ่ะ เรย์กะทำเหมือนกลัว แต่จริงๆรับมือคาบุได้หมด ส่วนคาบุเองก็กล้าจี้จุดข้อเสียต่างๆของเจ้าแม่ เอาจริงๆกุว่าคาบุก็ถูกใจเรย์กะไม่น้อยนะ แต่ปัญหาคือ กุยังมองไม่ออกว่ามันจะเลิกชอบวาคาบะได้ยังไง คนที่มุ่งมั่นรักจริงขนาดนั้น คงไม่ตัดใจง่ายๆ เลยเปลี่ยนมาหวีดเรืออื่นแทนบ้างเป็นครั้งคราว 555
ถึงจะลงเรือเอ็นโจแต่กูก็ชอบโมเมนต์ที่คาบุกับเรย์กะอยู่ด้วยกันนะเว้ย ปากเจ้าแม่บอกกลัวๆ แต่เถียงกลับฉอดๆ กูว่าคาบุจริงๆ ก็ประทับใจเจ้าแม่หลายอย่างแล้ว ทั้งช็อกโกแลตที่เจ้าแม่เลือก แฮนด์ครีมที่เจ้าแม่ใช้ ขนาดห่วงกลที่เลือกมาให้ยูกิโนะยังถูกใจ แต่คาบุยังเห็นแต่ภาพพจน์ภายนอกที่เป็นความไม่เอาไหน ความขี้เกียจ ความฟุ้งซ่านของนาง ถ้าคาบุรู้เมื่อไหร่ว่าตัวจริงนางคือโคโระจังที่คอยช่วยโคโระจังลับหลังมาตลอด ความรู้สึกดีๆ อาจพุ่งขึ้นจนเขื่อนแตกเลยก็ได้ใครจะไปรู้ กูจะรอคอยวันนั้นนะคะ เจ้าแม่จะได้เอาคืนที่โดนเรียกว่ายัยขาหมู สัตว์กีบคู่บ้าง ถถถถถถถถถ
>>860 บวกกกก คือคาบุจะเลิกชอบได้ก็คือโดนปฏิเสธอย่างจริงจังมาแบบยูริเอะ แต่ยังไม่เห็นทีท่าว่าวาคาบะจังจะปฏิเสธเลยอะ แล้วตามที่คาบุทำจริงๆก็ดูไม่น่าต่างกับในมังงะขนาดนั้น ต้องดูว่าการที่เรย์กะไม่แกล้ง+มาเป็นเพื่อนจะส่งผลต่อความชอบคาบุในวาคาบะมั้ย
เอาจริงๆเวลาวาคาบะพูดถึงคาบุ ไม่เห็นจะมีมุมเขินๆเลย อาจจะเพื่อนเฉยๆก็ได้ เอ๊ะ แต่คนที่รู้ว่าคนที่แอบช่วยเอาระเบียบรรมาให้เป็นท่านเรย์กะก็ควรจะรู้ความรู้สึกของคาบุนะ อืมมม/อยากอ่านฟิคโว้ยยยยย
>>865 เอาจริงๆวาคาบะนางก็เขินนะตอนหนุ่มเขาชวนเที่ยวตอนไปทัศนศึกษาเมืองนอก หรือบอกจะปกป้องตอนถูกท่านโยโกะมาด่าถึงที่ ตอนเขาชวนไปเดทนางยังเปลี่ยนทรงผมเลย วาคาบะนางฉลาดจะตาย แถมเขาแสดงออกโต้งๆว่ามาจีบ ถ้าไม่เล่นด้วยคงปฏิเสธไปนานละ ไม่ได้เอ๋อๆไม่รู้ตัวว่าโดนจีบอยู่แบบที่เรย์กะคิด
เดือนมิถุนาที่เงียบเหงา
จะว่าไปเดือนมิถุนาเป็นเดือนแห่งการแต่งงานนี่ มีใครอยากแต่งกาวธีมงานแต่งงานมาใหม่มั้ย กูรอเสพค่ะ---
>>865 ไม่รู้สิ แต่กูก็คิดว่าถ้าวาคาบะคิดแค่เพื่อนคงไม่ยอมไปไหนสองต่อสองในที่ที่มันโรแมนติคแบบล่องเรือดูดอกไม้ไฟหรือทำข้าวกล่องไปให้หรอก ถึงจะบอกว่าทำให้น้องกับที่บ้านอยู่แล้ว แต่ยังไงๆคนที่ต้องแบกไปให้กินก็ตัววาคาบะอยู่ดี แถมยังต้องขึ้นรถไฟไม่ได้มีรถรับส่งแบบคนอื่นๆในเรื่อง ลำบากไปอีก ถ้าไม่ใช่คนดีเว่อร์ๆขนาดนั้นก็ต้องคิดอะไรมากกว่าเพื่อนแน่นอน แต่จากเรื่องราวที่ผ่านมาเราก็ได้เห็นว่าวาคาบะจริงๆก็ไม่ใช่คนดีประเสริฐแม่พระผู้ให้อภัยอะไร มีด้านดำมืดเหมือนกัน
อย่างตอนแบ่งซอสมะเขือเทศกันกินกูคิดว่านางอ่อยอยู่ด้วยซ้ำ ขนาดเอ็นโจที่เพิ่งเข้าครั้งแรกยังเรียกพนักงานเอามาให้ได้เลย แล้ววาคาบะที่เข้าร้านแมคมาไม่รู้กี่ครั้งในชีวิต แค่ลืมขอซอสจะเดินไปขอแป๊บเดียวก็ได้ แต่ที่ไม่ทำคงเพราะไม่อยากหักหน้าหรือปฏิเสธความกระตือรือร้นของคาบุ คงคิดว่าฮีน่ารักด้วยล่ะถึงยอมนั่งกินด้วยกัน การวางตัวของนางนับว่าฉลาดจิตาย รู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ อย่างเรย์กะไม่อยากให้ใครรู้ว่าช่วยอยู่ นางก็ไม่พูด บ่ายเบี่ยงไปเรื่องอื่นแทน หรือตอนเที่ยวกับคาบุแล้วมีคนเห็น นางก็บอกบังเอิญเจอกัน ที่เห็นบอกเอ๋อๆไม่รู้เรื่องรู้ราวนี่เพราะฟิลเตอร์สาวซุยรันทั้งหลายรึเปล่า
>>870 กูว่าบางจุดนางก็เอ๋อจริงนะ อย่างตอนโดนรุมด่าอยู่ตรงทางเดินแล้วท่านเรย์กะไปช่วย นางยังเอากล่องดินสอขึ้นมาเขย่าๆ ทำดนตรีประกอบอยู่เลย แต่โดยรวมๆ คือเป็นคนฉลาดรู้จังหวะอยู่แหละ คาบุมันก็ทำอะไรโจ่งแจ้งซะขนาดนั้น ถ้ามาชวนไปล่องเรือดูดอกไม้ไฟกันสองต่อสองนี่คิดยังไงก็เกินเพื่อนแน่ๆ ล่ะ กูให้ 90% คือนางมีใจไปแล้วนะ
จักรพรรดิที่เอ๋อ ๆ ก็แค่เอ๋อเรื่องสามัญชนกับขาดความละเอียดอ่อนกับสาวทั่วไปเฉย ๆ ด้านอื่นฉลาดเลยนะ กระทั้งตอนที่รุ่นน้องก่อเรื่องก้มหัวขอโทษเองก่อนเนี่ย เรียกว่ารู้จักกาลเทศะมาก คนอีโก้เยอะปกติไม่ทำหรอก นี่ฉลาดใช้ได้เลยล่ะถึงจัดการได้ดีแบบนั้น เพราะงั้นไอ้เรื่องเอ๋อ ๆ ของวาคาบะมันก็คงไม่ได้อ่อยไรลึกมากแบบวางแผนตกหรอก แต่ฉากเขย่ากล่องดินสอนึกทีไรยังฮาดีจริง ๆ
>>874 กูว่าคาบุก็บริหารจัดการอะไรได้ดีนะ อย่างเรื่องงานกีฬาคนนอกมองว่าฮีทำให้ห้องสามัคคี แถมมาช่วยซ้อม ช่วยดูแลอะไรแบบที่คนระดับนี้ไม่น่าจะลดตัวลงมาทำ แต่เรย์กะก็มองในแง่ลบเป็นบ้าแข่งขี่ม้าส่งเมืองไปซะได้ วาคาบะที่บอกเอ๋อๆเพี้ยนๆ ก็มองผ่านฟิลเตอร์ แต่ที่เป็นคนเอ๋อๆเพี้ยนๆตัวจริงคือเรย์กะต่างหาก 555555
>>870 ขอโทษนะ…แต่ขออนุญาตขำตรงอ่อยด้วยซอสมะเขือเทศ555555 เราไม่รู้ธรรมเนียมญี่ปุ่น คนคิดก็คงจะคิดแหละมั้ง แต่คนไม่คิดก็คงจะไม่คิดเลย
ไม่เข้าใจระบบความคิดวาคาบะจังเท่าไหร่ เราว่าสามัญสำนึกคนทั่วไปของวาคาบะจังก็เหมือนนางเอกโชโจทั่วๆไปอยู่หน่อยนึง ความเอ๋อๆอย่างการตามผีเสื้อไปอีกเมืองเกิดขึ้นตอนเด็ก แต่บอกได้ว่า เป็นคนค่อนข้างโฟกัสกับเป้าหมายแบบไม่ค่อยสนใจสิ่งรอบข้างเท่าไหร่ เขย่ากล่องดินสอดูเป็นอะไรที่…ทำไปทำไมนะ แปลกๆดี ไม่รู้อารมณ์ไหนของนาง แต่ก็ด้านอื่นค่อนข้างฉลาด เหมือนบนๆว่าแหละ ปิดความลับให้ท่านเรย์กะ รู้จักใช้คำหลบเลี่ยง
>>875 คาบุจริงๆ ก็เป็นผู้นำที่ดีเลยแหละ ตอนงานเทศกาลโรงเรียนก็ทำห้องผีสิงจนคนขวัญผวา แถมยังไปกินเลี้ยงกับที่ห้องด้วย ถึงจะบ่นรำคาญๆ พวกผู้หญิงก็เหอะ กับพวกรุ่นน้องก็ดูแลใกล้ชิด ถึงขนาดจะไปหาหมอฉี่เป็นเลือดด้วยกันเลยนะเว้ย 555555
คนที่เดาใจไม่ออกที่สุดก็น่าจะเป็นวาคาบะนี่แหละ ไม่รู้ไม่คิดอะไรเลยหรือคิดลึกซึ้งสุดๆ แบบยากแท้หยั่งถึง
>>876 แต่ตอนซอสมะเขือเทศ จะว่าอ่อยก็ไม่เชิงนะ กูอยากเรียกว่ามารยาหญิงแบบน่ารักๆพองามมากกว่า มาแนวๆแกล้งโง่เพื่อให้อีกฝ่ายดีใจหรือภูมิใจในตัวเองน่ะ ถ้าคาบุอยากโชว์แมนโชว์ป๋าก็ยอมปล่อยให้ผู้ชายเป็นฝ่ายนำ ฉลาดวางตัว มีลูกล่อลูกชนด้วย ได้มาก็ให้กลับคืนไปบ้าง เขาจะได้ไม่คิดว่าโดนเอาเปรียบหรือเป็นคนเอาแต่ได้ อย่างแบ่งลูกอมหรือกับข้าวให้ ตอนเที่ยวงานเทศกาลก็พาทัวร์ ซื้อของที่ระลึกด้วยกัน ซื้อกระดิ่งลมให้ ถ้าเป็นการอ่อยก็อยู่ในระดับพอดีไม่น่าเกลียดนะ กูยังเคยอ่อยคนที่กูแอบชอบเลย วิธีก็คล้ายๆกันนี่ล่ะ 5555555555555
เราว่าวาคาบะก็ชอบคาบุนั่นแหละ เหลือแต่ให้คาบุขอเป็นแฟนอย่างเป็นทางการ....//เหม่อมองเครื่องบินพ่นควันหลากสี วงออเครสต้า
>>879 มองในแง่นี้ก็ถือว่าคาบุมันพัฒนาขึ้นมากเหมือนกันนะ ตอนไปงานนิทรรศการไดโนเสาร์ยังเป็นของที่ระลึกแบบคิดเองเออเองอยู่ข้างเดียวเลย พอไปงานเทศกาลก็ได้กระดิ่งลม ได้ดอกอาซากาโอะกลับมาปลูกด้วยกันคนละกระถางแล้ว กูว่านี่หวานสุดๆ ล่ะ เมื่อเทียบกับเจ้าแม่ที่ถ่อขึ้นรถไฟไปเที่ยวซื้อขนมกลับมาอย่างเดียวดาย....
>>881 ตามอฟช.เดิม ฮีจะไปสารภาพรักกลางสี่แยกนี่นา กูล่ะนึกภาพความเว่อร์วังประมาณขึ้นอักษรหน้าจอ LCD บนตึกทุกตึกย่านชินจูกุว่า "ฉันชอบเธอ" ตอนวาคาบะเดินข้ามถนนยังไงไม่รู้ดิ 555555555555555555555555
>>883 กูคิดว่าตอนงานไดโนเสาร์นางแกล้งคาบุนะ ประมาณว่ามาเดทกันสองต่อสอง แต่ไอ้หนุ่มดันซื่อบื้อลากคนนอกมาด้วยแบบไม่ได้ตั้งใจเลยแกล้งซักหน่อย เพราะฟังจากที่เล่านางดูเมินๆคาบุไปสนใจภัณฑารักษ์กับผอ.ที่ตามมาเป็นขบวนเสด็จ แถมยังไม่ยอมให้ออกตังให้ด้วย ให้คาบุมันเหี่ยวๆไป แต่พอไปกันสองคนที่อควอเรียมก็ดูหวานแหววกันดีจะตาย อย่างนับปลาด้วยกัน หรือดูโชว์แมวน้ำทำนองนั้น
ถ้าตอนจบเป็นเทวดาน้อยบอกเจ้าแม่ว่ารอผมบรรลุนิติภาวะก่อนนะฮะ ผมจะขอพี่เรย์กะเป็นเจ้าสาว กูฟินกว่าเรือจอมมารอีก
/กินเด็กมันดีต่อใจ
>>884 …อฟชเดิม เอ็นโจไม่กล้าปล่อยให้มาซายะทำได้หรอกมั้ง แอลซีดีเนี่ย คุณพ่อคุณแม่จะรู้หมดเลยด้วยนะ ความเว่อร์แบบนี้ไม่น่าพ้นหูพ้นตา แต่สารภาพกลางสี่แยก… ไม่หรอกอาจจะตะโกนอยู่บนรถลีมูซีนใส่วาคาบะที่ขี่จักรยานอยู่ วาคาบะ ฉันชอบเธอ!! แบบนี่ก็ได้//นึกถึงเพลง กรุณาฟังๆฉันให้จบ จบ จบ…
คาบุเรย์กะดูเข้ากันมาก อยากรู้เหมือนกันว่าคาบุจะเลิกชอบวาคาบะจีงได้ยังไง ฮีอาจจะเดทๆไปแล้วเบื่อ หรือพบว่ามีแง่มุมปรัชญาชีวิต บางอย่างที่เข้ากันไม่ได้ เช่นบ้านคาบุเลือกพรรคอนุรักษ์นิยม บ้านวาคาบะจังสนับสนุนพรรคเลเบอร์ ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมรอมชอมกันไรงี้
จะ900แล้ว เสนอชื่อมู้ต่อไปมั้ยมึง
>>892 น่าจะโดนฮารุฮิมองด้วยสายตาปลาตาย แล้วเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว
บ้าจริง ถ้าคาบุทำจริงๆละก็/ปิดหน้า/ วาคาบะจังไม่รู้จะตอบยังไงนะ55555 แต่ท่านเรย์กะต้องขีดฆ่ารายชื่อออกจากหมู่บ้านคานทองอย่างเกรี้ยวกราดแน่ๆ อย่าไปบอกใครว่าฉันเคยเป็นที่ปรึกษานะ—บอกกี่รอบแล้วว่าอย่าทำ
อะไรที่ทำให้ผู้ชายคิดว่าสารภาพรักสาวเว่อร์วังแล้วสาวจะชอบวะ.. กูไม่เข้าใจความคิดคาบุเลย
>>894 แสดงความรักในใจฉันมั้ง จะไปพูดแค่สองคนว่าฉันรักเธอก็จะดูไม่สมเกียรติ์และศักดิ์ศรีอันยิ่งใหญ่ของตระกูลคาบุรากิ อีกอย่างก็เดี๋ยวเขาจะไม่เชื่อว่าเรารักจริง พูดแค่เล็กๆเบาๆเขาจะคิดว่าความรักเธอบอกว่ารักฉันมันนิดเดียวเองเหรอ แบบตอนที่ฮีจะส่งดอกไม้ช่อบิ๊กเบิ้มไปง้อยูริเอะน่ะ
นี่ไง งานดอกไม้ไฟที่กำลังจะถึง บนเรือส่วนตัวบรรยากาศดีสุดๆ พอคาบุกำลังจะสารภาพรักก็.....เฟี้ยววววววว ตู้ม ปุปุปุ เมื่อกี้คาบุรากิคุงว่าอะไรนะจ๊ะ//วงวารสไตล์โชวโจ
กรูเห็นแฟนอาร์ตตอน 224 ที่ไปซื้อของฝาก เลยย้อนกลับไปอ่าน อร๊าาาาาากกกกกกก อ่านไปกรูก็ยกมือปิดปากกรี๊ดไป ทำไมตอนนี้มันช่างมุ๊งมิ๊งอะไรอย่างงี้นะ รอยยิ้มมีนัยของเอ็นโจตอนที่เจ้าแม่บอกเลือกของฝากไปให้ปู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ท่านพี่นั้น กรูรู้สึกว่า เอ็นโจ นายนี่มันจอมมารจริง ๆ แล้วยังเรียนเจ้าแม่ว่าองค์หญิงต่อหน้าคนอื่นอีก โอย นี่ถ้าไม่มีคนเอาไปเมาท์ต่อ ไม่ใช่ซุยรันละ อ่านไปน้ำตาจะไหลไป ไหนล่ะตอน 300 ไหนล่ะตอนไปเดท กลับมาเถิดท่านฮิ ฮืออออ
แล้วพอมาอ่านตอน 225 มีตอนที่คาบุไปร้านจิล แล้วเอ็นโจไปด้วย เจ้าแม่ก็คิดว่า ไปซื้อแหวนหมั้นมั๊ง กรูแอบรู้สึกในใจว่า นี่เจ้าแม่แดกไหน้ำส้มเหรอคะ โอย คือดี (กรูมโนมาก) แล้วกรูก็คิดว่า เฮ้ย แล้วถ้าเอ็นโจแอบไปซื้อจิลมาจริง ๆ แล้วมาให้เจ้าแม่ตอนที่ไปเดทกัน แนวว่าเป็นของตอบแทนที่ออกมาเที่ยวกับยูกิโนะ (อันนี้คือมโนขั้นเทพ แดกกาวครึ่งกระป๋อง) คงจะฟินมาก
มุมมองของยูกิโนะ
Note: ฟิคนี้มีกลิ่นอายโชตะ ผู้ที่ไม่นิยมควรข้ามไป
นุ่มนิ่มและหอมหวาน คุณพี่เรย์กะมักจะให้ความรู้สึกแบบนั้นเสมอ
“ถ้าเอามือทำเป็นวง ๆ แบบนี้ ก็จะสามารถเป่าลูกโป่งได้ด้วยล่ะ พี่ชอบเล่นมาก ๆ เลย เวลาที่แช่ฟองสบู่”
“งั้นคุณพี่เรย์กะสอนผมหน่อยนะฮะ นะ” ผมเขยิบเข้าประชิด ดึงชายเสื้อแล้วใช้สายตาที่ท่านแม่บอกว่า ‘ใคร ๆ ก็ปฏิเสธไม่ได้’ อ้อนคุณพี่เรย์กะ “ให้ผมอาบน้ำด้วยนะฮะ”
ดวงตากลมโตของคุณพี่เรย์กะเบิกกว้าง ก่อนจะอ่อนลงเมื่อเห็นสายตาอ้อนวอนของผม
เธอมักจะใจอ่อนกับเด็ก
ไม่สิ ถ้าพูดให้ถูก เธอใจอ่อนกับผมเป็นพิเศษ
สิทธิพิเศษหนึ่งเดียวที่ผม เอ็นโจ ยูกิโนะ ได้รับ แต่ท่านพี่ไม่เคยได้รับมัน ผมรู้ดี หัวใจพองโตทุกครั้งที่ทำตัวเอาแต่ใจกับเธอ และเธอก็ยอมตามใจผม เหมือนอย่างที่เมื่อตอนหัวค่ำ ผมดื้อดึงจะค้างบ้านคุณพี่เรย์กะเหมือนอย่างที่มาโอะเคยค้าง ท่านพี่ได้แต่ทำหน้าลำบากใจที่ผมไม่ยอมกลับ เขาพูดดุหน่อย ๆ สุดท้ายเมื่อผมไม่ยอมลง ก็ได้แต่ฝากฝังผมเอาไว้คืนหนึ่ง
แม้ว่าผมจะรักท่านพี่มากที่สุด แต่ลึก ๆ แล้วก็อดตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาไม่ได้ เพราะเขาเลือกผู้หญิงคนนั้นที่ท่านพ่อท่านแม่ชอบ แต่ผมและเขาไม่ชอบ ผมมองท่านพี่แล้วยิ้มหวาน ครึ่งหนึ่งสมน้ำหน้าที่ผมทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการในขณะที่เขาทำไม่ได้ ครึ่งหนึ่งสะใจที่ได้แก้แค้นตอนที่เขาให้ผมกลับบ้านพร้อมกับเขาไปเจอผู้หญิงคนนั้นแทนที่จะได้อยู่กับคุณพี่เรย์กะ
ห้องอาบน้ำของคุณพี่เรย์กะก็เหมือนกับห้องนอนและบุคลิกเจ้าหญิงของเธอ ทุกตารางนิ้วสวยงามหรูหรา ภายในห้องอาบน้ำกว้างขวาง ห้องทั้งห้องหอมด้วยกลิ่นกุหลาบ แยกเป็นส่วนแห้งที่ปูพรมสีครีมนุ่มนิ่ม มีโต๊ะแต่งหน้าและเก้าอี้นั่งนุ่มสบาย ด้านในส่วนเปียกมีอ่างอาบน้ำสีขาวขาตั้งแกะลายสลักสีทอง ของประดับสวยน่ารักน่าตื่นตา ผิดกับห้องของผมหรือห้องของท่านพี่มาก
ผมมองคุณพี่เรย์กะที่ค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าออก แล้วเปรียบเทียบกับท่านแม่ที่เคยอาบน้ำด้วยตอนที่ยังเด็กมาก ๆ ร่างกายของคุณพี่เรย์กะดูนุ่มนิ่มกว่าท่านแม่ ผิวอมเลือดฝาดดูสุขภาพดี คุณพี่เรย์กะช้อนเส้นผมม้วนเกลียวเหมือนเจ้าหญิง แล้วคาดด้วยผ้าขนหนูคาดผมรูปโบว์สีชมพู ก่อนที่พวกเราจะปีนเข้าไปในอ่างอาบน้ำด้วยกัน
น้ำในอ่างอุ่นจัด คุณพี่เรย์กะหยิบลูกบอลสีชมพูอ่อน ๆ ออกมาบีบใต้น้ำ แม้ว่าจะตื่นเต้นที่ได้เล่นฟองสบู่ แต่เมื่อร่างเปลือยที่ปกติผมไม่เคยได้เห็นของเธอถูกฟองสีขาวซึ่งแผ่ไปทั่วผิวน้ำบดบัง ผมก็แอบเสียดายไม่ได้
เป็นครั้งแรกที่ผมได้เล่นในห้องอาบน้ำ โดยปกติแล้วคุณพี่เลี้ยงจะเร่งให้ผมอาบน้ำเร็ว ๆ เพราะกลัวจะไม่สบาย พวกเราเล่นฟองสบู่กันอย่างสนุกสนาน คุณพี่เรย์กะสอนผมทำนิ้วเป็นกลม ๆ แล้วเป่าฟอง พวกเราเล่นกันอยู่นานจนฟองบนผิวน้ำจางหาย คุณพี่เรย์กะก็ชวนให้ผมอาบน้ำเข้านอน เธอช่วยผมขัดหลังด้วยผ้านุ่ม ๆ ผมเลยอาสาช่วยเธอขัดหลังเช่นกัน
ผิวของคุณพี่เรย์กะเป็นสีชมพูเพราะแช่น้ำอุ่นอยู่นาน มันเรียบลื่นเหมือนเยลลี่ และยิ่งลื่นเข้าไปใหญ่เมื่อฟอกสบู่ เนื้อตัวนุ่มนิ่มขาวโพลน ทั้งลำคอ ไหล่ แผ่นหลัง ช่วงเอว และสะโพกที่ผายออกเป็นส่วนโค้งเว้า เธอหัวเราะคิกคักเมื่อมือของผมลูบถูกเอว ผมแปลกใจที่เธอบ้าจี้ เลยอยากทดลองดูว่าจะเป็นเหมือนยูริคุงรึเปล่า จึงลูบตรงเอวอีกครั้ง คราวนี้เธออุทานออกมาแล้วบิดตัวหนี อาจจะเพราะว่าผมนิสัยไม่ดี เมื่อเห็นเธอทำท่าแบบนั้นจึงลงมือจั๊กจี้จริงจัง คุณพี่เรย์กะอุทานออกมาเสียงดังอย่างที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน
“ยูกิโนะคุง! อย่าแกล้งพี่สิ!”
คุณพี่เรย์กะหันมามองผม ดวงตากลมโตเหมือนจะต่อว่า แต่แทนที่ผมจะรู้สึกจ๋อยเหมือนทุกครั้งที่โดนผู้ใหญ่ดุ หัวใจของผมกลับเต้นแรงขึ้นมาอีกนิดจากปกติ ผมยิ้มหวานประจบด้วยรอยยิ้มที่ทำให้เธอใจอ่อนทุกครั้ง ก่อนจะเอียงคอขอโทษ บอกว่าผมไม่ได้ตั้งใจ
และเป็นเหมือนทุกครั้ง คุณพี่เรย์กะยกโทษให้ผม แล้วยอมให้ผมขัดหลังขาว ๆ ของเธอต่อ
หลังจากอาบน้ำเสร็จ พวกเราก็เปลี่ยนเป็นชุดนอน ผมใส่ชุดสมัยเด็กของท่านพี่ของคุณพี่เรย์กะ ส่วนคุณพี่เรย์กะใส่ชุดกระโปรงลายเถากุหลาบ พอพวกเราซุกตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม ผมก็เรียกร้องให้เธอเล่านิทานก่อนนอนให้ฟัง
แสงจากโคมไฟสีเหลืองส้มสลัวทำให้ร่างของคุณพี่เรย์กะให้ยิ่งนุ่มนวลลึกลับกว่าทุกครั้งที่เห็น ขนตายาวทอเงาบนแก้มเนียน ท่อนแขนที่วางอยู่เหนือผ้าห่มชวนลูบไล้สัมผัส ผ้าลูกไม้บริเวณคอชุดนอนที่เว้าต่ำทำให้เห็นหน้าอกอวบอิ่มใต้ชุดชั้นในสีขาว ริมฝีปากของเธอขยับน้อย ๆ เล่าตำนานเจ้าหญิงคางูยะให้ผมฟังด้วยน้ำเสียงแผ่วหวาน แสงกระทบบนความมันเงาของริมฝีปากที่ทาออยล์บำรุง ผมแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองที่เธอทาออยล์บำรุงให้เช่นกันก่อนเข้านอน มันมีรสหวาน ๆ ของวนิลลา
ผมขยับตัวเข้าใกล้ รับรู้ได้ถึงความร้อนของร่างกาย ปลายนิ้วใต้ผ้าห่มแตะถูกชุดนอนแบบเดรสตัวยาวที่ให้สัมผัสลื่นมือ จมูกได้กลิ่นหอมของสบู่และครีมบำรุงผิว เป็นกลิ่นที่คล้ายกุหลาบ วานิลลา และน้ำผึ้ง ราวกับขนมเค้กที่ที่หวานละมุน ต่างจากกลิ่นของท่านแม่ที่เหมือนดอกมะลิ แต่ก็ให้ความรู้สึกอยากแนบชิดเข้าใกล้เหมือนกัน
คุณพี่เรย์กะพลิกตัวลูบหัวผม นิ้วมือสางไปตามเส้นผมอย่างอ่อนโยน
“ราตรีสวัสดิ์ ยูกิโนะคุง”
ผมคิดว่าตัวเองอาจจะบอกราตรีสวัสดิ์กลับไป แต่จำไม่ได้เพราะรู้สึกง่วงเหลือเกิน จึงได้แต่ซุกหน้าลงกับไหล่ของคุณพี่เรย์กะ และหลับไปด้วยความสงสัยว่า ถ้าผมโตขึ้นเท่าท่านพี่ คุณพี่เรย์กะจะยอมให้ผมอาบน้ำแล้วเข้านอนกับเธออยู่อีกรึเปล่า
จบ
..............................
>>907 กูขอโทษที่กูมัวแต่นึกว่า น้องยูกิโนะจับไม่เจอห่วงยาง(?)รอบเอวเจ้าแม่เหรอจ้ะ//คาบุรากี๊ ต้องเป็นนายที่สาดเชื้อใส่ชั้นแน่ๆ นึกถึงตอนคาบุจับแขนย้วยๆของเจ้าแม่ตลอดเลยย
ถ้าเป็นคนพี่นี่คงโดนว่าไปละว่าชั่วร้ายแต่เด็กเลยนะ!! แต่น้องยูกิโนะก็เอาเป็นแค่แก่แดดไปหน่อยนะค้า~ ไว้พ้นวัยคุกก่อนเนอะ/สรุปน้องหรือเราที่หื่น น้องแค่ชอบผิวนุ่มๆลื่นๆขาวอมชมพูของคุณพี่เรย์กะกับเวลาซุกผ้าห่มด้วยกันเจ๋ยๆ น้องใสๆ*ฟิลเต้อหนาม้วก*
พวกมึงนี่... ความโรแมนติกโดขิๆ หายหดหมดกันพอดี มาห่วงยงห่วงยางอะไรกันว้า
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรัน ท่านฮิโยโกะซามะ...จะทิ้งให้เราลงแดงอย่างนี้จริงๆหรอ! < กรีดร้องครั้งที่26 >
กูขอเสนอ!
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับประกายแสงแห่งความหวัง งานดอกไม้ไฟมันก็ต้องหน้าร้อนสิ!!! [ระเบิดแห่งกาวครั้งที่ 26]
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับ6เดือนแห่งการรอคอย [ น้ำตาร่วงหยดที่ 26 ]
>>902 ใช่ กูล่ะแอบจิ้นเบาๆอยู่คนเดียวว่าหลังจากเรย์กะบอกจะซื้อของให้ชายอื่น ฮีรีบประกาศแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทันทีด้วยการเรียกเขาว่าองค์หญิง เพราะฉายาฮีก็องค์ชาย ทั้งที่จริงจะเสนอตัวรับใช้ก็พูดคุณหนูก็ได้ แถมยังเลือกกอล์ฟมาร์คเกอร์ให้ได้อย่างสบายใจ... เอ็งสบายใจคนเดียวอะเด่ะ 55555555555
เออๆๆ มีเม้นท์หนึ่งที่เสนอทฤษฎีเอ็นโจขาเจ็บปีที่ยูกิโนะเกิด กุก็เคยเขียนฟิคเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้(ประมาณ เหตุการณ์นี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกับยุยโกะด้วย) แต่กุทิ้งห่างไปนานมากจนกุลืมไปหมด ตอนนี้อ่านทวนยังไงกุก็คิดตอนจบไม่ออก โฮฮฮฮฮ ไฟกุมอดหมดแร้ว ช่วยด้วยยT_T
อะ งั้นกุอัพเดทเป็น
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับ7เดือนแห่งการรอคอย [ น้ำตาร่วง26ลิตร ]
ตอนแรกจะเอา7(+)เดือน แต่แม่งเป็นลาง เลยเอาแค่นี้ละกัน...
โลกของท่านเรย์กะที่หมุนไปด้วยอาหารซามะแต่ทั้งหมดคือดิ้นอยู่บนมือคานซามะสินะ
เจ้าแม่อาจจะคานนานหน่อยถ้าไม่ลงเรือใครในรุ่นนาง แต่นางโดนยูกิโนะคุงสอยแน่นอนตอนโตถ้ายังไม่แต่งออกน่ะนะ
>>931 มึงอย่าประมาทคำสาปคานทองของนาง เข้าใกล้ชายใด ถ้าไม่ถูกเฟรนด์โซน เขาก็มีหญิงในดวงใจอยู่ร่ำไป ยกเว้นคนนึงที่จะเป็นเพื่อนก็ยังเป็นไม่ได้เลย ผ่านมา 284 ตอน เจ้าแม่เพิ่งจะรู้สึกว่าเป็นเพื่อนสมัยเด็กกัน 555555555555555555 กูว่ายูกิโนะโตแล้วคงไม่แคล้วมีแฟนแหงๆ
>>934 ไม่อะ มาซายะตอนเด็กๆไปหายูริเอะไปรับส่งแทบทุกวัน หายใจเข้าออกเป็นยูริเอะ โดดเตะคนที่มาจีบยูริเอะ พร่ำเพ้อหายูริเอะๆๆ แต่ยูกิโนะระดับความสตอล์กเกอร์ยังไม่มากพอ ไม่ได้ตามมาเฝ้า ไม่ได้ไม่พอใจหึงหวงเวลาที่นางไปคุยกับใครที่ไม่ใช่ตัวเองด้วย แต่ไม่รู้พอโตแล้วน้องแกจะความรู้สึกเปลี่ยนไปมั้ย ก็รอดูกันไป
>>937 แต่น้องเขาถูกเลี้ยงมาในบ้านเอ็นโจนะ คิดสภาพเอ็นโจคนพี่อ้อน-น้องยูกิโนะดูจะเป็นธรรมชาติกว่าเยอะ//ไม่รู้เพราะป่วยบ่อย+ลูกคนเล็กด้วยรึเปล่า กูมองไม่เห็นความเอาแต่ใจของเอ็นโจเท่าไหร่เลยแม้แต่ตอนเด็กๆก็เหอะ(เพราะบทฮีน้อยซ้า-) โตมาก็ดูความยิ้มขมขื่นนู่นนี่นั่นแล้วดูเป็นคนยอมอดทน(แค่ก ย้ำว่ามากกว่าน้องยูกิโนะเฉยๆนะ ในด้านพวกความรับผิดชอบต่อตระกูลอะไรเงี้ย) การที่น้องโทรมาอ้อน ส่งโปสอะไรมาให้ท่านเรย์กะนี่ กูว่าแบบ เหย ถ้าเทียบกับนิสัยเอ็นโจคนพี่แล้วกูว่าก็ไม่ทำมะดาาา
แต่แบบกูไม่รู้ว่ะ นิสัยผู้ชายรอบตัวท่านเรย์กะ aka นายบ้าหมาและคาบุรากิ คือรัวส่งไดอารี่(?)อีเมล์มาหาท่านเรย์กะเช้าเย็น ท่านเรย์กะไม่น่าจะรู้สึกตัว+ฟิลเตอร์ท่านเรย์กะต่อน้องยูกิโนะหนามาก ถ้าสมมติน้องชอบจริงอะนะ ท่านเรย์กะไม่มีทางรู้แน่นอน รู้อีกทีคือเขามาเป็นส่วนนึงของชีวิตประจำวันไปแล้วงี้//จ้วงพาย ช่วงนี้มีฟิคน้องออกมา เรามีกำลังใจจจจ
แต่ในฐานะที่ก็พายเรือเอ็นโจคนพี่ด้วย ถ้ามั่นใจว่าชอบเรย์กะจริงๆคงจะเนียนเงียบๆ แต่ยากเพราะโดนระแวงจัด5555 แต่พอมั่นใจแล้วว่าท่านเรย์กะชอบน่าจะมีแรงต่อต้านคุณ”ว่าที่”คู่หมั้นอยู่นะ ทุกครั้งที่ท่านเรย์กะเผยไต๋ว่าแอบไม่ชอบใจเล็กๆเรื่องคุณยุยโกะเนี่ย เอ็นโจดูพูดมาก+ระริกระรี้ขึ้นมาสิบเปอร์55555
เดทในชุดนักเรียน
“งั้นไปดูด้วยกันก็ได้นะ คันตะคุง”
โคโรเน่บอกอย่างนั้นตอนที่เราชวนพี่ไปดูหนังที่รอมานานแสนนาน แต่พี่กลับบอกว่าดูกับคนอื่นไปแล้ว
พอโคโรเน่บอกแบบนั้น พี่ก็รีบปฏิเสธเพราะกลัวว่าเราจะเป็นภาระ (อะไรกัน ถ้าไปด้วยกัน ดูเหมือนคนที่เป็นภาระน่าจะเป็นโคโรเน่มากกว่านะ) โคโรเน่รีบบอกว่า วันก่อนได้ตั๋วฟรีมา ถ้าไม่ได้ไปดูก็จะหมดอายุ ดังนั้นจึงไม่ได้ลำบากอะไรเลย
เพราะอย่างนั้น เย็นวันศุกร์เราเลยนัดดูหนังกับโคโรเน่ที่ย่านการค้าใกล้โรงเรียนของเรา เพื่อนของเราพอรู้ว่าเราจะไปดูหนังกับสาวม.ปลายก็แซวเรากันใหญ่ หาว่าเราควงสาวที่โตกว่า เราเถียงว่าไม่ใช่ซักหน่อย โคโรเน่เป็นเพื่อนพี่ อีกอย่าง ถึงจะอายุมากกว่า แต่โคโรเน่ที่บ๊อง ๆ แบบนั้น ยังดูเด็กกว่าผู้หญิงบางคนในห้องของเราด้วยซ้ำ
โคโรเน่นั่งรอเราในร้านกาแฟที่ดูดีมีระดับ แม้ว่าจะไม่ได้นั่งติดกระจกด้านหน้า แต่เราก็เห็นได้ทันที โคโรเน่ในแบบฟอร์มนักเรียนซุยรันดูโดดเด่นมาก แต่ก็ไม่ได้ไม่เข้ากับร้านกาแฟหรู ๆ แบบนั้น เราต่างหากที่รู้สึกเขินตอนที่ต้องผลักประตูเข้าไปในที่แบบนั้น
ดวงตาของโคโรเน่เป็นประกายขึ้นมาทันทีที่เห็นเรา พอเรามาถึง ก็รีบดึงเราไปหน้าตู้ขนม แล้วก็ถามเราใหญ่ว่าอยากจะกินอะไร เราเห็นราคาขนมแล้วรู้สึกตกใจ ขนมที่นี่เป็นช็อคโกแล็ตชิ้นเล็ก ๆ มีหลากหลายรูปแบบ แค่ชิ้นเดียวก็ราคาแพงกว่าเค้กปอนด์ทั้งก้อนของบ้านเราแล้ว โคโรเน่บอกว่าเลี้ยงขอบคุณที่เราออกมาดูหนังเป็นเพื่อน แต่เราคิดว่าโคโรเน่หาเพื่อนมาช่วยกินมากกว่า เพราะเชียร์ให้เราสั่งขนมมาเยอะมาก ปากก็บอกว่า ตัวเองจะดื่มชาเฉย ๆ แต่ก็แบ่งของเราไปชิมตั้งเยอะ สรุปคือคนที่บอกว่าจะดื่มแค่ชากลับกินขนมที่สั่งมาให้เราไปเกือบครึ่ง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ นั่นแหล่ะว่าช็อคโกแล็ตพวกนี้อร่อยมาก และโคโรเน่ที่จ่ายเงินโดยไม่สะดุ้งสะเทือนซักนิดก็ทำให้เรารู้สึกว่า จริง ๆ แล้วโคโรเน่นี่เป็นคุณหนูนี่นา
หลังจากดื่มชากินขนมเสร็จ ทว่ายังไม่ถึงรอบฉายหนัง เรากับโคโรเน่ก็ออกไปเดินดูของ ไม่รู้ว่าเพราะผมม้วน ๆ ของโคโรเน่ หรือเครื่องแบบซุยรันกันแน่ แต่ทุกคนที่เดินผ่านต่างแอบมองโคโรเน่จนเหลียวหลัง โคโรเน่เองก็ดูเหมือนจะชินกับสายตาแบบนั้น ไม่ได้รู้สึกขัดเขินอะไร ยังชวนเราดูของไร้สาระไปเรื่อย ๆ
อันที่จริงเราก็พอรู้ล่ะนะว่าสาว ๆ น่ะชอบของชิ้นเล็ก ๆ น่ารัก เลยไม่ได้แปลกใจเลยตอนที่โคโรเน่ดูเครื่องประดับกระจุกกระจิก แต่นอกจากของพวกนั้นโคโรเน่ยังดูแผ่นแปะแก้ปวดด้วย ดูอย่างเดียวไม่พอ ยังแนะนำเราว่าแผ่นแปะอันไหนใช้ดี แผ่นแปะอันไหนร้อนทนนาน เดี๋ยวนะ ถึงเราจะไม่ได้อยู่ในวงโคจรของสาวม.ปลาย แต่ของแบบนี้มีแต่คนรุ่นแม่เท่านั้นแหล่ะที่ใช้ นี่เธอเป็นคุณหนูสาวม.ปลายจริง ๆ งั้นเหรอ โคโรเน่ นอกจากจะทำอาหารประหลาด ๆ แล้ว ยังใช้ของป้า ๆ อีก น่าขายหน้าชะมัด
พอถึงเวลาดูหนัง โคโรเน่ก็ซื้อป๊อปคอร์นกับน้ำอัดลมชุดใหญ่ บอกว่าซื้อไปเผื่อเราหิว แต่พอเอาเข้าจริงตัวเองก็จ้วงเอาจ้วงเอาจนป๊อปคอร์นหมดตั้งแต่กลางเรื่อง ไหนวันก่อนยังให้เราสอนทำวุ้นแคลอรี่ต่ำอยู่เลย ไม่รู้หรือไงว่าป๊อปคอร์นน่ะมันอ้วนขนาดไหน
พอดูหนังเสร็จ โคโรเน่ก็ชวนเรากินข้าว เดี๋ยวนะ ยังไม่อิ่มอีกเหรอ? ทำไมสาวม.ปลายถึงได้กินจุขนาดนี้นะ โคโรเน่ เธอเอาอาหารที่กินทั้งหมดไปเก็บไว้ไหนน่ะ คราวนี้เราอาสาจะเลี้ยงโคโรเน่เอง เพราะว่าโคโรเน่จ่ายทั้งค่าขนมทั้งตั๋วหนัง พอถามโคโรเน่ว่าอยากกินอะไร ก็ชวนเราไปกินราเม็งยืนกิน
ตอนแรกเรานึกว่าโคโรเน่ชวนเราไปกินร้านนั้น เพราะกลัวว่าเราจะไม่มีเงินจ่าย แต่ตอนที่เข้าแถวรอแล้วโคโรเน่บรรยายว่า ร้านนี้เป็นหนึ่งในสิบร้านราเม็งยืนกินที่ลงในนิตยสาร มีชิโอะราเม็งที่แสนจะโด่งดังได้อันดับสองปีซ้อน เราก็รู้สึกว่าอันที่จริงโคโรเน่แค่อยากกินเฉย ๆ ไม่ได้เกรงใจหรืออะไรทั้งนั้นแหล่ะ
กินราเม็งเสร็จฟ้าก็มืดตื๋อ ตอนเดินออกจากร้าน เราก็เห็นคุณคาบุรากิเดินคุยกับพี่ที่อีกฟากถนน แต่พอจะส่งเสียงทัก ก็ถูกตะครุบปากไว้ แล้วก็ถูกลากเข้าไปในร้านขายยาทันที
“ทำบ้าอะไรของเธอน่ะ โคโรเน่!” เราบ่นขึ้นมาเมื่อมือของโคโรโน่ชักกลับไป ปกติเห็นปวกเปียกเป็นพุดดิ้งน้ำเต้าหู้ แต่บทจะบ้าก็แรงเยอะยิ่งกว่าพี่ซะอีก
โคโรเน่ชะโงกมองกระจกร้าน เราชะโงกมองตาม เห็นพี่กับคุณคาบุรากิค่อย ๆ เดินห่างออกไป พอหันกลับมามอง ก็พบโคโรเน่ที่ถอนหายใจเฮือก ก่อนจะยิ้มหวาน
“วันนี้สนุกมากเลยค่ะ แต่คงต้องขอตัวกลับบ้านก่อน จะให้รถไปส่ง...” โคโรเน่ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะบอกต่อว่า “คันตะคุงกลับบ้านเองได้ใช่ไหมคะ?”
เราพยักหน้า อาสารอรถที่บ้านของโคโรเน่มารับ รถคันยาวเหมือนของคุณคาบุรากิ เท่ชะมัด พอโคโรเน่จะขึ้นรถ เราก็พึ่งนึกขึ้นมาได้
“วันเสาร์หน้าศาลเจ้าใกล้ ๆ บ้านจะจัดงานออกร้าน ถ้าว่างมา จะพาไปเลี้ยงทาโกะยากิร้านที่ชอบเป็นค่าตอบแทนที่เลี้ยงขนมวันนี้”
โคโรเน่ยิ้มจนตาหยี ก่อนจะตอบตกลง
จบ
ช่วงนี้เพิ่งอ่านท่านเรย์กะจบอีกรอบ เลยมาแบ่งปันพลังโชตะ เผื่อว่ารุ่นเดียวกันจะไปไม่รุ่ง ก็รอน้อง ๆ โตขึ้นมาสอยท่านเรย์กะลงจากคาน
เผื่อจะแต่งฟิคบ้างงน่ะนะะ คันตะตอนเรย์กะอยู่ม6นี่คืออายุเท่าไหร่เหรออ/เห็นกาวเยอะแล้วใจชื้น เราไม่ได้พายโชตะคนเดียววว
950 แล้ว โหวตชื่อใหม่ได้แล้วมั้ง
วันนี้กูมีโอกาสได้มานารา
กุเห็นภาพซ้อนทับคนแถวนี้กะท่านเรย์กะเลยว่ะ
คนหนึ่งคนมีกวางเกือบสิบตัวรุมทึ้ง
เกือบดดนชนล้มก็มี
>>954 กูเคยไปเที่ยว เห็นลูกกวางน่าร๊ากน่ารักเลยไปซื้อแครกเกอร์(เขาเรียกงี้ป่ะวะ) กะจะมาป้อนแบบมุ้งมิ้งแบบป้อนนมให้ลูกแพะหรือป้อนหญ้ากระต่าย ที่ไหนได้ กูเพิ่งจะฉีกซองออกยังไม่ถึงสิบวิแม่งมารุมทึ้งกูจนต้องรีบปล่อยเลย กวางแถวนี้แม่งเถื่อนเหี้ยๆ เกือบโดนกัดมือด้วย ;w;
>>954 กูเกลียดกวางที่นั่นมากกก ไม่สิ กูเกลียดทุกที่ เถื่อนสุดๆ เห็นขนมในมือกูนี่รีบวิ่งมารุมทึ้งอย่างกับแร้งลง เจ็บตัวโคตรๆ กวางแม่งทั้งกัดทั้งเตะ
มีอีกทีนึงไปเกาะอะไรสักอย่างที่มีเสาโทริอิกลางน้ำ ขนาดถุงขนมที่หมดแล้วยังแย่งไปแดก กูต้องไปยื้อดึงออกมาจากปากมัน แรงก็เยอะชิบหายยย กูแทบจะตกทะเลเพราะดึงถุงออกจากปากมัน
ปล. เซมเบ้ที่ให้กวางแดกอร่อยดี..
ประสบการณ์น่าจะคล้ายๆกูตอนไปฟาร์มอัลปาก้า ในไทยนี่แหละ
แม่งโคตรดุ พนักงานให้คนถือหญ้าคนละกำแล้วเข้าไปในคอก ซึ่งพอเข้าไปปุ๊บแม่งกรูเข้ามาหากูยังกะซอมบี้ เข้ามาทีนึง6-7ตัว กูก็พยายามชูหญ้าไว้สูงๆนะ แต่แม่งก็ยังทึ้งกูอยู่อีก สุดท้ายมีตัวนึงปีนตัวกู เอากีบเหยียบเข้าเต็มๆท้อง เลยยอมแพ้ ปาหญ้าทิ้งแล้ววิ่งหนีออกมา อัลปาก้าแม่งก็ไปทึ้งแย่งหญ้ากันต่อ
ตัวกูก็หอบร่างหนีตายออกมา เป็นประสบการณ์สยองขวัญติดท็อปเท็นของชีวิตกูเลย หลังจากนั้นกูก็ไม่สามารถมองสิ่งมีชีวิตนี้ให้น่ารักได้อีกเลย...
คือฟาร์มพวกนี้ก็จะให้อาหารน้อยๆเข้าไว้เวลามีนทท.จะได้เข้าไปหา แต่มันก็สยองขวัญไปนะ...
แอบ KY นิด เผลอไปเห็น gif ลูกหมาปอมเดินดุ๊กดิ๊กๆ ในไทม์ไลน์แล้วโคตรน่ารัก ถ้าชูสุมอยเป็นซามอยด์ กุก็อยากให้น้องนูกิโนะเป็นหมาปอมนี่แหละ ฮือออออ
ท่านแม่กูนึกถึงหมาไฮโซที่พันธ์ขายาวๆมีขนที่หูม้วนๆอ่ะ//นึกชื่อไม่ออก
ท่านอิมารินี่กูนึกถึงโกลเด้นขนพริ้วๆเลย5555
>>974 ถ้าท่านฮิไม่มาสาววายจริงจัง กูว่าผู้หญิงของท่านพี่ต้องเป็นสามัญชน หรือมีเหตุให้เปิดตัวไม่ได้เพราะดูวาเลนไทน์ไวท์เดย์ แต่ละวันนี่พฤติกรรมงุบงิบๆ ทั้งนั้น แต่ถ้ามีจริงก็น่าจะเปิดตัวละครใหม่นะ สาวๆ ที่มีอยู่ตอนนี้ดูไม่มีใครเข้าเค้าซักคน กับท่านไอระที่ดูมีซัมธิงก็ไม่เห็นมีอะไรให้น่าปิดบังนี่น้า
โหวต ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับประกายแสงแห่งความหวัง งานดอกไม้ไฟมันก็ต้องหน้าร้อนสิ!!! [ระเบิดแห่งกาวครั้งที่ 26]
>>975 กูว่าไอระไม่น่าใช่ว่ะ บทน้อยเกิน แถมยังไม่เห็นการพัฒนาความสัมพันธ์อะไรกับท่านพี่มากเท่าไหร่ ยกเว้นจะแอบไปงุบงิบๆสานต่อกันโดยที่เรย์กะไม่รู้
ที่เห็นความเป็นไปได้มากสุดก็อิมารินั่นล่ะ ถ้าอ.แกให้สองคนนี้เป็นคู่วายกันจริงๆ อิมารินอนมาแน่ๆในตำแหน่งคู่ชีวิตของท่านพี่ 55555555555555
สรุปท่านพี่แอบกิ๊กกับนารุคุง---
เอ้าๆรีบปิดโหวตแล้วสร้างมู้ใหม่เร็วเข้า เสร็จแล้วก็แข่งกันว่าคำทิ้งท้ายของมู้นี้คืออะไร
อะ รวบรวมมาให้
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรัน ท่านฮิโยโกะซามะ...จะทิ้งให้เราลงแดงอย่างนี้จริงๆหรอ! < กรีดร้องครั้งที่26 >
-คะแนนโหวต
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับประกายแสงแห่งความหวัง งานดอกไม้ไฟมันก็ต้องหน้าร้อนสิ!!! [ระเบิดแห่งกาวครั้งที่ 26]
-คะแนนโหวต //////
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับ6เดือนแห่งการรอคอย [ น้ำตาร่วงหยดที่ 26 ]
-คะแนนโหวต
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับ7เดือนแห่งการรอคอย [ น้ำตาร่วง26ลิตร ]
-คะแนนโหวต //
จะปิดโหวตเลยมั้ย หรือจะต่ออีกหน่อย
ปิดเลยๆ
ทู้หน้าอย่าลืมเพิ่มลิ้งกาวฝรั่งลงสารบัญ
แล้วฟิคเวียนแปลไม้ 9 สรุปมีคนเอาไปยัง?
เปิดวาร์ปกระทู้ใหม่ >>>/webnovel/5719/
เชิญวิ่งควายกันได้
วาคาบะเรย์กะบันไซ
ขอท่านฮิโยโกะบันดาลตอนใหม่ให้ผองเรา!
สวัสดีคานซามะ
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.