-
วันนี้เป็นวันที่เหนื่อยมากจริง ๆ ตลอดทั้งวันผมกับมาซายะต้องเขียนลงในสมุดเฟรนด์ชิปเล่มแล้วเล่มเล่า ความจริงผมก็ไม่อยากจะเหนื่อยเขียนอะไรแบบนี้หรอกนะ แต่พอผมเห็นหน้าตามีความหวังของพวกเธอ ก็ต้องยอมแพ้และเขียน “ยินดีกับการจบการศึกษา” ลงบนสมุดต่อไป
มาซายะนั้นขี้เกียจกว่าผมซะอีก เขาเขียนแค่ชื่อของเขาลงไปเท่านั้น แม้ว่าในบางครั้งถ้าคนที่มาเป็นคนที่เขาคิดว่าไม่เลว เขาก็จะยอมเขียนชื่ออีกคนให้ด้วย
อย่างไรก็ตามคนส่วนใหญ่ที่มาต่อแถวให้เขียนสมุดเฟรนด์ชิปให้ก็คือบรรดาแฟนคลับของพวกเราเอง ดังนั้นพวกเราก็เลยแค่เขียนที่สิ่งง่ายที่สุดลงไปซ้ำ ๆ
ผมต้องมองลายเซ็นต์ของคนจำนวนมากจนผมเริ่มที่จะจำได้แล้ว ไม่นานผมก็เริ่มรู้สึกปวดหัวกับบางอันที่มีสีฉูดฉาดบาดตา และขอให้คนอื่นเปิดหน้าว่าง ๆ ให้ผมเซ็นต์แทน
ไม่นาน มาซายะก็เลียนแบบผมเช่นกัน
และในเวลาต่อมา พวกเราพบว่ายังมีบางคนที่เคลือบลายเซ็นต์ของพวกเราเก็บไว้ด้วย ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหายุ่งยากอย่างการปลอมลายเซ็นต์ในอนาคต เราก็เลยตัดสินใจเปลี่ยนวิธีการเซ็นต์
-
แต่ถ้าถามว่าอะไรคือหนึ่งในสิ่งที่ผมเสียใจที่สุดแล้วละก็ มันก็คงจะเป็นการที่ไม่แกล้งป่วยและโดดเรียนในวันนั้น
ถึงแม้ผมจะเขียนสมุดเฟรนด์ชิปไปมากมาย แต่นาน ๆ ทีผมถึงจะขอให้คนอื่นเขียนของผม แม้ว่าผมจะเห็นว่าหลายคนน่ะอยากจะเขียนมันก็ตาม ผมเกือบจะต้องแย่งสมุดของผมกลับมาจากมือของคนพวกนั้นด้วย เพราะงั้นผมก็เลยเปลี่ยนไปขออย่างลับ ๆ แทน
มาซายะกับผมเขียนลงบนสมุดของอีกฝ่ายพอเป็นพิธี พวกเราถึงขั้นเขียนกลอนแข่งกันด้วยซ้ำ แต่ก็เป็นมาซายะที่อ่านหนังสือและโตกับคุณพ่อที่สะสมหนังสือมาจากทั่วโลกที่เอาชนะผมไป
เขายิ้มอย่างกระหยิ่มใจไม่หยุดจนถึงเวลากลับบ้านเลยละ
-
ในขณะที่ผมนั่งอยู่ในสโมสรหลังเลิกเรียน ผมพลิกดูสมุดลายเซ็นต์ของผมไปตลอดทั้งเล่ม แต่ก็ไม่เจอลายเซ็นต์ “คิโชวอิน เรย์กะ” แม้แต่ที่เดียว นั่นทำให้ผมพบว่าเธอเป็นสมาชิก pivoine คนเดียวที่ยังไม่ได้เขียนลงบนสมุดของผม
ผมจึงลุกขึ้นมาจากที่นั่งและเดินออกไปจากสโมสร
หลังจากถามเด็กนักเรียนไปสองสามคนว่าเรย์กะกลับบ้านไปหรือยัง ก็ได้รู้ว่าเธอยังอยู่กับพวกตัวแทนชั้นเรียนในห้องประชุม ผมเลยเดินตรงไปที่นั่น
แต่พอผมไปถึงและถามหาเรย์กะ พวกเขากลับบอกว่าเธอเดินไปกับคุณหัวหน้าห้อง
ผมเลิกคิ้วขึ้น เดินไปตามเส้นทางที่พวกเขาบอกว่าคุณหัวหน้าห้องกับเรย์กะน่าจะอยู่และก็เจอทั้งสองคนยืนอยู่ด้านหลังอาคารเรียน คุณหัวหน้าห้องที่หน้าขึ้นสีกำลังมองเรย์กะด้วยสีหน้าที่ดูเครียดนิด ๆ
ผมไม่สามารถที่จะได้ยินสิ่งที่พวกเขาคุยกันจริง ๆ ได้เพราะงั้นก็ได้แต่เดาจากสีหน้าท่าทางของพวกเขา
…/มีอะไรกันนะ/
ผมกะพริบตาไปพร้อม ๆ กับที่พยายามนึกว่ามีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า แต่สมองของผมมันก็ว่างเปล่าไปหมดในขณะที่ผมพยายามจะคิดเหตุผลดี ๆ ที่เขาจะมีใบหน้าสีแดงหลังจากที่ชวนให้เรย์กะมาอยู่ในที่ปลอดคน
/นี่ผมคงไม่ได้มาขัดจังหวะอะไรหรอกนะ ใช่ไหม?/
และถึงแม้ว่าผมจะคิดแบบนั้นก็ตาม ผมก็เริ่มรู้สึกรำคาญใจ
ต่อมาตอนที่ผมเห็นเขามีสีหน้าดีอกดีใจและเอาของบางอย่างให้เรย์กะดู (มันดูเหมือนแผ่นกระดาษอะไรซักอย่าง…หรือว่ามันคือจดหมายรัก?) เรย์กะก็ยิ้มให้เขาอย่างรวดเร็วและรับมันไป
ผมรู้สึกรำคาญใจมากขึ้นไปอีกหลังจากที่เห็นแบบนั้น และก็หมุนตัวเดินจากไปทันที
-
พอเดินมาถึงรถ คนขับก็มีสีหน้าเครียดราวกับว่าเขาไปเห็นอะไรบางอย่างที่ /แย่/ มาก ๆ อย่างนั้นละ พอผมเข้าไปในรถแล้วก็โยนพวกของต่าง ๆ ไปไว้อีกฝั่ง
พวกเรากลับไปถึงบ้านอย่างรวดเร็ว และเมื่อเข้าไปในบ้าน ผมเมินเสียงเรียกของท่านพ่อขณะที่เดินขึ้นไปที่ห้อง
ตอนที่นั่งลงบนเตียง ผมได้รับข้อความจากมาซายะบอกว่ายูริเอะเซ็นต์สมุดของเขาแล้ว
ผมปิดมือถือและนั่งมองเพดานห้องในขณะที่ใจยังรู้สึกหงุดหงิด
รู้สึกเหมือนโดนสวมหมวกเขียว[4]ยังไงก็ไม่รู้…
-