มาต่อ >>>/webnovel/4296/5-9
กาลครั้งหนึ่งในฝัน เอ็นโจ's side story 5
*************
ท้ายที่สุดหนังในค่ำคืนวันคริสต์มาสอีฟที่คิดว่าเป็นหนังรักคอมเมดี้ก็กลับกลายเป็นโศกนาฏกรรม
ถ้าเพียงเรย์นะฉุกคิดให้เร็วกว่านี้หรือเปิดใจยอมรับชูจิเสียบ้างแต่แรก เรื่องก็คงไม่ลงเอยแบบนี้หรอก
แต่ก็นั่นแหละ ชูจิน่ะมัวแต่ทีเล่นทีจริงจนน่าขัดใจ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายใส่ ทั้งที่ก็รู้อยู่ว่าเรย์นะน่ะใจแข็งซื่อบื้อขี้หวาดระแวงแค่ไหน ซ้ำยังมีตัวร้ายที่คอยยุยงปั่นหัวอีก มาสารภาพรักก็ตอนที่สายไปแล้วทั้งหมด... เพราะปากหนักมาตลอดแท้ๆ
.....ถ้าพูดว่าสมน้ำหน้าจะเข้าตัวมั้ยนะ?
ไม่หรอกน่ะ ...ผมไม่รอให้สายไปแบบนั้นหรอกน่ะ
.
.
.
เวลาจวนเจียนจะค่ำ ร้านรวงที่ข้างทางประดับประดาไฟคริสต์มาสเริ่มเปิดไฟระยิบระยับสีสดใส คึกคักไปด้วยเหล่าคู่รักที่เดินควงคู่กันขวักไขว่ แม้จะไม่มีหิมะเสริมบรรยากาศ แต่ก็ยังคงให้ความรู้สึกที่โรแมนติกประหนึ่งต้องมนต์ความฝัน
ภายในรถเงียบสนิท นอกไปจากเสียงเครื่องยนต์ดังเบาๆแล้วก็ไร้ซึ่งเสียงใดอีก
ผมเหลือบมองคุณคิโชวอินที่นั่งอยู่ข้างๆ เหม่อมองข้างทางที่ค่อยเคลื่อนผ่านไป ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ แต่สีหน้าที่สะท้อนจากกระจกรถนั้นเห็นจะปรับเปลี่ยนอารมณ์ไปเรื่อย บ้างก็ยิ้มให้กับต้นคริสต์มาสยักษ์ที่ประดับไฟสวยงาม บ้างก็เหมือนจะอิจฉาคู่รักบางคู่ข้างนอกนั่น บ้างก็เหมือนจะนึกสงสัยหรือคิดอะไรสักอย่าง
เหมือนกับตอนเช้าเลยแฮะ ทั้งที่ร้องไห้เพราะหนังเศร้า แต่พอได้เห็นแพนเค้กก็ยิ้มแป้นทันที
ช่างเป็นคนที่เปลี่ยนสีหน้าได้รวดเร็วจริงๆ มองได้ไม่มีเบื่อเชียวล่ะ
ผมบีบมือของคุณคิโชวอินที่กุมไว้เบาๆ ไม่รู้ว่าเพราะมัวแต่คิดอะไรอยู่หรือว่าคุณคิโชวอินเหนื่อยที่จะมาดุว่าเนียนจับมืออีกแล้วกันแน่สิน่ะ แต่จะอย่างไหนก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดปล่อยมืออยู่ดีนั่นแหละ
วันนี้สนุกมากจริงๆ ไม่ว่าจะดูหนัง ดูท้องฟ้าจำลอง นั่งชิงช้าสวรรค์ หรือกินนู่นกินนี่ด้วยกัน อย่างกับเอาโชคทั้งชีวิตของตัวเองมาใช้ในวันเดียวอย่างนั้นแหละ ทว่าทั้งหมดนั้นไม่ใช่แผนการหลักของวันนี้หรอก
ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ คอยกระตุ้นตัวเองถึงแผนการหลักที่วางไว้ ทุกอย่างดูจะไร้ปัญหาใดๆ จะมีก็แค่สภาพจิตใจของตัวเองนั่นแหละที่ประหม่าเสียเหลือเกิน
ไม่เอาน่า ชูสุเกะ นี่หน้าด้านจูบหน้าผากเขาก็แล้ว ลากเขามาเดทวันคริสต์มาสด้วยก็แล้ว เนียนเรียกชื่อเขาจับมือเขาก็แล้ว กะแค่นี้จะมาประหม่าอะไรกันเล่า!
ทั้งที่พร่ำบอกตัวเองแบบนั้นแต่ความประหม่าก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย โดยเฉพาะยิ่งตอนที่เห็นป้ายบอกทางที่บ่งบอกว่าเข้าใกล้สถานที่เข้าไปเรื่อยๆทุกที
โชคดีที่ไม่ได้นั่งประจันหน้ากันอยู่ แถมในรถก็เริ่มมืด ไม่งั้นไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองจะทำสีหน้าแบบไหนอยู่น่ะสิ
มือของคุณคิโชวอินจู่ๆก็คล้ายจะกระตุกเบาๆ เหมือนสะดุ้งอะไรบางอย่าง แต่พอไถ่ถามก็ทำท่าทางบ่ายเบี่ยงไม่อยากจะตอบเสียเท่าไหร่ จนรถเริ่มเลี้ยวเข้าสู่เส้นทางที่ได้ตั้งไว้ คุณคิโชวอินก็ทำสีหน้าฉงน
"มีที่หนึ่งที่อยากพาไปน่ะ" ผมตอบ
คุณคิโชวอินทำหน้าตางุนงงยิ่งกว่าเดิม แต่ผมไม่ได้ตอบอะไรมากไปกว่านี้ ด้วยความประหม่าที่เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
****