ยูกิโนะคุงเคาะประตูเล็กน้อยก่อนจะผลักเข้าไป วางของเยี่ยมลงบนโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆ ในห้องว่างเปล่า ไม่มีร่างของคนที่สมควรนอนพักอยู่อย่างที่ควรเป็น
“เดี๋ยวผมขอตัวไปโทรหาท่านแม่ก่อนนะครับ คุณพี่เรย์กะก็นั่งพักตามสบาย เดี๋ยวท่านพี่ก็คงกลับมา”
ฉันนั่งลงที่โซฟา มองไปรอบๆห้องอย่างนึกสงสัย เอ็นโจหายไปไหนกันนะ
เหมือนจะตอบคำถามฉัน เพราะประตูห้องน้ำเปิดออก เอ็นโจเดินเช็ดผมด้วยมือเดียวออกมาจากห้องน้ำ อีกมือลากเสาน้ำเกลือมาด้วย เสื้อคนป่วยก็ไม่ผูกเชือกให้เรียบร้อย ผมเปียกๆแนบกับแก้มออกจะเป็นภาพที่ดูดี ทำให้ฉันใจเต้นขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาด
คิดๆแล้วก็น่าแค้นนัก ฉันผู้เป็นสาวน้อยไม่เคยผ่านประสบการณ์ผู้ชายกึ่งเปลือยมาเดินต่อหน้ามาก่อน ทำให้ค่อนข้างจะทำตัวไม่ถูก ส่วนเอ็นโจพอเห็นฉันก็ชะงักไปนิดหน่อยก่อนจะส่งยิ้มกว้างมาให้
ไปแต่งตัวให้มันเรียบร้อยก่อนสิยะ!!
“เรย์กะ”
นอกจากหมอนี่จะไม่ฟังความคิดในใจฉัน ยังจะเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆอีก แง้!! กลับตอนนี้เลยได้มั้ยนะ
“พอดีเมื่อคืนมันวุ่นๆนิดหน่อย ก็เลยไม่ได้โทรหาตามที่สัญญา” เอ็นโจทำหน้าหงอยๆ “ขอโทษนะครับ...ยกโทษให้ผมได้มั้ย”
“จะโกรธทำไมคะ ก็มันเหตุสุดวิสัยนี่นา”
ตอนที่เห็นสาบเสื้อที่แหวกออก ก็นึกถึงรายการวาไรตี้ที่เคยดู รายการนั้นมีผลโพลถามเกี่ยวกับส่วนไหนของร่างกายเพศตรงข้ามที่คุณคิดว่าเซ็กซี่ ฉันจำได้ว่าคำตอบมีต้นคอและกระดูกไหปลาร้าติดอันดับอยู่ด้วย
เอ๊ะ!! ว่าแต่ฉันจะนึกถึงเรื่องนั้นขึ้นมาทำไมเนี่ย
ฉันพยายามจะไม่มองอะไรที่มันอยู่ตรงหน้า แต่กลิ่นสบู่และแชมพูหลังอาบน้ำก็เป็นอะไรที่ปั่นป่วนสมาธิอยู่พอสมควร รู้สึกว่ารายการนั้นจะมีผลโพลถามว่าชอบอิริยาบทไหนของแฟนมากที่สุด รู้สึกจะมีหลังอาบน้ำเสร็จใหม่ๆติดโผกับเขาด้วยเหมือนกัน
แล้วฉันจะนึกถึงอีกทำไมเล่า!!! หยุดเดี๋ยวนี้เลยเรย์กะ ห้ามคิดอะไรทั้งนั้นนะ!!!!
“ไปแต่งตัวให้มันเรียบร้อยก่อนสิคะ ไม่เช็ดผมให้แห้งเดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”
“นั่นสินะ” เอ็นโจพยักหน้ายิ้มๆ นั่งลงบนเก้าอี้แล้วยื่นไดร์เป่าผมมาให้ฉัน “เรย์กะช่วยผมหน่อยได้มั้ย มีสายน้ำเกลือเสียบแขนแบบนี้หยิบจับอะไรไม่ค่อยสะดวกเลย”
อีกมือหนึ่งก็ใช้ได้ไม่ใช่รึไงยะ กะอีแค่มือถูกเสียบสายน้ำเกลือ ไม่ได้แขนหักซักหน่อย
สุดท้ายเพราะสงสารคนป่วย แถมยังรู้สึกผิดที่เป็นสาเหตุให้เอ็นโจต้องเข้าโรงพยาบาล ฉันก็เลยต้องยอมๆแต่โดยดี เอ็นโจนั่งหลับตาพริ้มอยู่บนเก้าอี้ ให้ฉันจับหวีผมเป่าไดร์ได้ตามสบาย
เป็นผู้ชายแท้ๆแต่ผมมีสุขภาพดี พอต้องแสงไฟก็เป็นประกายระยิบระยับ แถมจับไปแล้วก็เรียบลื่นแถมนุ่มอีกต่างหาก จะว่าไปก็นึกถึงตอนลูบหัวยูกิโนะคุงสมัยเด็กๆเหมือนกันน้า ผมของยูกิโนะคุงก็นุ่มๆแบบนี้เหมือนกัน ไม่คิดเลยว่าจะมีวันได้มาจับผมเอ็นโจคนพี่แบบนี้ด้วยอีกคน ลูบแล้วก็รู้สึกเพลินไปอีกแบบ
ฉันที่ตั้งอกตั้งใจหวีผมให้เอ็นโจแบบเบามือ ไม่ทันรู้ตัวเลยว่าถูกมองอยู่ พอเงยหน้ามองกระจกก็เห็นเอ็นโจมองตอบกลับมาจากในนั้น มองตั้งแต่เมื่อไหร่กัน….
สายตาที่มองนั่นทำให้ฉันรู้สึกทำอะไรไม่ถูก มือไม้งุ่มง่ามเกะกะไปหมด
“สะ เสร็จแล้วค่ะ” ฉันวางไดร์และหวีลงบนโต๊ะ เตรียมตัวจะเผ่นหนี แต่เอ็นโจลุกขึ้นยืนแล้วคว้าข้อมือฉันไว้ได้ทัน กรี๊ด!! ขนาดป่วยก็ยังมือไวอีกเหรอยะ
“ขอบคุณนะ” พูดธรรมดาก็ได้ ไหงต้องมากระซิบข้างหูกันด้วย
“มะ ไม่เป็นไรค่ะ” หัวฉันหมุนเร็วจี๋ นึกหาข้ออ้างที่จะออกไปจากสถานการณ์ในตอนนี้ “ฉันว่าฉันอยู่นานเกินไปแล้ว คงรบกวนเวลาพักผ่อนของท่านเอ็นโจ ต้องกลับแล้ว...”
“ถ้าเป็นเรย์กะก็ไม่รบกวนเลยซักนิดครับ” เอ็นโจยิ้มบางๆ “ผมไม่ได้เจอคุณเป็นเดือนๆ พอเจอคุณก็อยากอยู่ใกล้ อยากอยู่ด้วยกันนานๆ…”
เจ้าคนจากหมู่บ้านคาสโนว่านี่มัน...พูดจาเลี่ยนๆออกมาได้หน้าตาเฉย แต่หัวใจไม่รักดีของฉันดันเต้นรัวกับคำพูดนั้น เลือดสูบฉีดแรงมากจนรู้สึกว่าอาจจะหัวใจวายตายเข้าให้ในวินาทีใดวินาทีหนึ่งเข้าให้
ตอนที่ฉันงุ่มง่ามทำตัวไม่ถูกอยู่นั้น มือเอ็นโจที่จับข้อมือฉันไว้ กลายเป็นรวบมากอดตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ กรี๊ด!!! ใครก็ได้ช่วยด้วยค่าาา
เอ็นโจก้มลง เอาหน้าผากแนบกับหน้าผากของฉัน สายตาเราจ้องกันในระยะประชิด จนนึกถึงคืนวันฮาโลวีนขึ้นมา
มะ ไม่ได้นะ ที่นี่คือโรงพยาบาล ถ้าจะให้มาจูบกันในที่แบบนี้มันก็ออกจะ…. แถมหมอกับพยาบาลจะเข้ามาตอนไหนก็ได้
แต่พอจะห้าม เสียงดันหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ ฉันหลับตาปี๋เมื่อเห็นเอ็นโจเอียงหน้า ริมฝีปากใกล้เข้ามาเรื่อยๆ รู้สึกถึงอะไรอุ่นๆกดลงมาที่หน้าผากและข้างขมับเลยลืมตาขึ้น
จูบหยุดแค่ตรงนี้ไม่มีเกินเลยไปกว่านั้น