เราไปต่อกันที่ร้านโอโคโนมิยากิ คุยกันเบาๆถึงเรื่องสอบและเรื่องสถานที่เที่ยวหลังสอบเสร็จ ทาคามิจิดูจะสนใจทุ่งดอกเนโมฟีลาเป็นพิเศษ ดอกไม้สีน้ำเงินที่บานพร้อมกันเป็นล้านๆดอกดูงดงามเหมือนความฝัน งั้นตกลงเอาที่เดทที่ต่อไปคือที่นี่ล่ะนะ
ฉันแวะร้านหนังสือเพื่อซื้อนิตยสารกลับไปศึกษาข้อมูลวางแผนเดท แต่พอเปิดกระเป๋าจะหยิบเอาออกมาอ่าน หนังสือเจ้าปัญหาเล่มที่ว่าก็โผล่ออกมาด้วย สงสัยจะติดมาตอนเก็บของใส่กระเป๋าที่คาเฟ่แน่ๆ
แม้หน้าปกจะทำให้รู้สึกตะขิดตะขวงใจแค่ไหน แต่ตอนนี้ก็เป็นโอกาสดีที่จะได้สำรวจความชอบของทาคามิจิ ฉันเลยเปิดจากหน้าที่ถูกคั่นไว้
‘...มาซายะนั่งอยู่บนพื้น สองมือมัดไพล่ไปด้านหลังจนดูเหมือนจะดิ้นรนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ตอนที่ฝ่าเท้าในรองเท้าหนังชั้นดีวางทาบลงมาตรงกลางร่างกายของเขาแล้วเลื่อนขึ้นลงไปมา เขาก็ไร้เรี่ยวแรงที่จะขัดขืน
“ยะ อย่า...ชูสุเกะ” ลมหายใจเขาขาดเป็นห้วงๆ รู้สึกทรมานจนต้องงอตัว แต่ถึงจะบอกว่าทรมานแต่ก็รู้สึกวาบหวามและร้อนในอก แล้วยังเสียงน่าอายที่เปล่งออกไปนี่อีก น่าอดสูเหลือเกิน
“อยากให้หยุดจริงๆเหรอ มาซายะ” ชูสุเกะกระตุกโซ่ที่รั้งปลอกคอให้มาซายะเงยหน้าขึ้น ดูชอบใจที่เห็นเขาบิดตัวไปมา ใบหน้าแดงก่ำ “ร่างกายของนายไม่เห็นจะบอกแบบนั้นเลยนี่”
“มะ ไม่จริง” มันคือคำโกหกคำโต เขารู้อยู่แก่ใจ ร่างกายเขารู้สึกดีอย่างที่ชูสุเกะว่าไว้จริงๆ
ตอนที่กำลังจะไปถึงฝั่งฝัน อยู่ๆ ชูสุเกะก็หยุดทำไปซะดื้อๆ ตีสีหน้ายิ้มแย้มไม่รู้ไม่ชี้ แต่คราวนี้เขาทรมานของจริง สีหน้ามีแต่คำถามว่าทำไมถึงทำแบบนี้
“ก็มาซายะบอกว่าอย่าตลอดเวลาเลยนี่นา ผมก็เลยทำตามคำพูดของนายน่ะสิ” ชูสุเกะหัวเราะ “เอาใจยากจังเลยนะ”
สายตาของชูสุเกะหรี่ลง มองด้วยแววตาเหมือนนายพรานกำลังล่าเหยื่อ เป็นสายตาที่เหมือนจะกลืนกินเขาเข้าไปทั้งตัวไม่ให้เหลือแม้แต่กระดูก
“ถ้าอยากให้ทำต่อ...ก็ลองพูดขอร้องดูสิ”
เสียงกระซิบนั่นราวกับปีศาจล่อลวงให้ทำตาม ปากเขาเม้มแน่น แต่ร่างกายสั่นตอนที่จะเอ่ยถ้อยคำสั้นๆที่ดูเหมือนจะยากที่สุดในโลก
“.....ได้โปรด”
.
.
.
ได้โปรด…..
ฉันอ้าปากค้าง มองหนังสือในมือแล้วสลัดทิ้งเหมือนกับมันคือของร้อน กระโดดหลบไปอยู่อีกมุมแบบไม่กล้าเข้าใกล้
นี่มันอะไรก๊านนนนนน!!!!
ทำไมชื่อของฉันและชูสุเกะถึงได้ไปอยู่บนนิยายพรรค์นี้ แถมในนิยายฉันยังเป็นฝ่ายถูกกระทำอีกต่างหาก ไม่ตลกนะเฮ้ย ฉันควรจะเป็นฝ่ายกระทำมากกว่า...เอ่อ ไม่ได้หมายความว่าฉันอยากจะทำเรื่องแบบนั้นกับชูสุเกะหรอกนะ ไม่ใช่เด็ดขาด
ผ่านไปหลายชั่วโมง ฉันสงบสติอารมณ์ได้ก็หยิบหนังสือขึ้นมาใหม่ คราวนี้คิดไว้ว่าจะตั้งใจอ่านดู
ถ้าทาคามิจิชอบฉันก็อยากจะเข้าใจความชอบนั้นด้วย แม้จะเหมือนกลืนเลือดลงคอฉันก็ยอม
.
.
.
ตัวนิยายบรรยายด้วยภาษาเรียบง่ายไม่ซับซ้อน ไม่ค่อยมีถ้อยคำสละสลวยเหมือนบทกวีเท่าไหร่ จัดว่าอ่านได้เพลินๆฆ่าเวลา
เนื้อเรื่องก็ใช้ธีมของโรมิโอกับจูเลียต ว่าด้วย “คาบุรากิ มาซายะ” ผู้นำสมาคมดอกโบตั๋น ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับทางสภานักเรียน และถือเป็นศัตรูของประธานนักเรียนอย่าง “มิซึซากิ อาริมะ” แต่ใครเลยจะรู้ว่าผู้นำทั้งสองนั้นแอบคบกันอยู่ลับๆ และเมื่อ “เอ็นโจ ชูสุเกะ” ที่เป็นเพื่อนรักของมาซายะรู้เข้า ก็ใช้เรื่องนี้ข่มขู่แบล็คเมล์ให้มาซายะมีความสัมพันธ์กับเขา
ชูสุเกะหลงรักมาซายะมาเนิ่นนาน ทนยอมไม่ได้ที่จะให้มาซายะตกไปเป็นของคนอื่น จึงได้ใช้ความสัมพันธ์ทางกายหน่วงเหนี่ยวเอาไว้ มาซายะแม้จะรักกับอาริมะขนาดไหน แต่ร่างกายของมาซายะก็ขาดชูสุเกะไม่ได้เช่นกัน ความรักที่สับสนวุ่นวายของทั้งสามคนเริ่มต้นขึ้นอย่างบิดเบี้ยวท่ามกลางการเมืองและการชิงชัยอำนาจในโรงเรียน ดั่งตระกูลมองตาคิวและคาปุเล็ตในโรมิโอกับจูเลียตก็ไม่ปาน
ม่ายยยยยยยยยยย!!!!!
ฉันกรีดร้องในใจ น้ำตาไหลพรากๆที่เห็นตัวเองในนิยายโดนกระทำย่ำยีต่างๆนานาด้วยสารพัดวิธีทรมาน และอุปกรณ์ SM แบบจัดเต็ม ชูสุเกะช่างสรรหามาเล่นกับเขาได้ไม่ซ้ำกันในทุกตอน แถมไอ้หมอนี่ยังไปสอนมิซึซากิให้ใช้ของเล่นกับเขาอีกต่างหาก
ถนอมๆร่างกายของฉันหน่อยเซ่เจ้าพวกบ้า!!!
----------------------
ทีแรกกูลังเลว่าจะเอาวาคาบะหรือคุณโนโนเสะมาเขียนฟิคมาซายะเคะดี แต่สุดท้ายหวยไปออกที่ท่านฟุยุโกะแทน 55555555