สถานการณ์ที่ซ้อมมาตอนนั่งแก้โจทย์ได้เป็นจริงขึ้นมาตอนนี้ ฉันอธิบายข้อที่ทาคามิจิเว้นไว้ให้ฟัง พอยัยนั่นเข้าใจแล้วก็ยิ้มขอบคุณออกมา แล้วก็บอกว่าจะเลี้ยงขนมเอง
ฉันมองตามแผ่นหลังของทาคามิจิที่เดินไปสั่งขนมกับเครื่องดื่มชุดใหม่ หน้าเคาน์เตอร์มีคิวยาวเหยียด พอบอกว่าจะไปช่วยรอ ทาคามิจิก็บอกว่าไม่เป็นไรให้ฉันอยู่เฝ้าโต๊ะไว้ดีกว่า ฉันเลยต้องตกลงตามนั้น
สงสัยวันนี้พระเจ้าจะดลบันดาลโชคให้ฉัน ทุกอย่างเพอร์เฟคจนไม่รู้จะเพอร์เฟคไปได้มากกว่านี้ยังไงแล้ว
ก่อนทาคามิจิจะกลับมาที่โต๊ะ ฉันก็เตรียมพร้อมสำหรับโจทย์ของวิชาถัดไป ทาคามิจิบอกว่าขนหนังสืออ้างอิงมาด้วย ถ้าฉันอยากอ่านก็เชิญได้เลยตามสบายไม่ต้องเกรงใจ
เมื่อเจ้าของเขาอนุญาต ฉันเลยหยิบหนังสือขึ้นมาเปิดดู ไล่เรียงเนื้อหาที่คิดว่าน่าจะออกสอบไปด้วย ทาคามิจิแปะโพสต์อิทไว้คร่าวๆบ้างแล้ว แต่ฉันคิดว่าอาจจะมีมากกว่านี้ก็เลยมองหาหนังสือเล่มอื่นๆจากกองหนังสือที่อยู่อีกมุม
ฉันพลิกๆหนังสือไล่เรียงตามสันขอบหนังสือหาเล่มที่ต้องการ ขณะที่กำลังเลือกอยู่นั้นก็เจอสิ่งแปลกปลอมอยู่ข้างในกองหนังสือที่ทาคามิจิถือมาตอนเจอกันที่หน้าสถานีรถไฟเข้าให้
สิ่งแปลกปลอมที่ว่ามันก็คือหนังสือ...แต่ไม่น่าจะใช่หนังสือเรียนหรือหนังสืออ้างอิงที่ฉันกำลังหาอยู่ เพราะหน้าปกหนังสือเล่มนั้นคือผู้ชายสามคนอยู่ในท่าที่ค่อนข้างล่อแหลมอีโรติค
เอ๋!?
นี่คือสิ่งที่เขาเรียกว่า Boy’s Love ใช่มั้ยนะ….
ลองมองแบบพิจารณาดูดีๆ ทั้งสามคนนี้เสื้อผ้าหลุดรุ่ย โดยเฉพาะนายคนผมดำที่อยู่ตรงกลางนั่นดูเหมือนจะไม่ได้ใส่อะไรเลย มีแค่มือกับขาของผู้ชายสองคนที่อยู่ข้างๆปิดบังร่างกายไว้แบบหมิ่นเหม่ แถมยังมีปลอกคอและโซ่ล่ามข้อเท้าไว้ด้วย รอบตัวเกลื่อนกลาดด้วยอุปกรณ์เล่น SM ทั้งสามอยู่บนฉากหลังที่น่าจะเป็นเตียงหรือห้องนอน สีหน้าเจ้าผู้ชายสองคนที่อยู่ข้างๆดูชั่วร้ายอย่างบอกไม่ถูกจนรู้สึกขนลุกเบาๆ
“พิษรัก พันธนาการหัวใจ” ฉันอ่านชื่อหนังสือ ไล่สายตามาเรื่อยๆก็เห็นชื่อคนแต่งพิมพ์นูนออกมาจากหน้าปกเล็กน้อยด้วยตัวอักษรสีม่วงเข้ม “ฮางิ” ชื่อเพราะใช้ได้
ฉันเหลือบมองทาคามิจิที่ยืนต่อแถวรอเครื่องดื่มอยู่ ท่าทางจะยังไม่มาในเร็วๆนี้ ในหัวคิดลังเลตีกันไปหมด ไอ้อยากรู้มันก็อยากรู้ แต่ถ้าทาคามิจิจับได้ล่ะก็ จบเห่แน่ๆ
สุดท้าย ความอยากรู้อยากเห็นก็เป็นฝ่ายมีชัย ฉ้นแง้มๆดูหน่อย อาจจะเสียมารยาทไปสักนิด แต่ฉันอยากรู้จริงๆนี่นาว่าทาคามิจิชอบอะไร
มีที่คั่นหนังสือคั่นไว้ตรงบทที่ยังอ่านไม่จบ ฉันว่าจะเริ่มจากจุดนั้น แต่ยังไม่ทันจะได้สัมผัสหน้ากระดาษ ทาคามิจิก็เรียกมาจากทางด้านหลังทำให้ฉันสะดุ้งเฮือก
ฉันหันหน้าไปหา เอาตัวบังตอนรีบซ่อนหนังสือเล่มนั้นไว้กับกองชีททั้งหลาย พยายามตีหน้านิ่งๆให้ดูมีพิรุธน้อยที่สุด
“ขอโทษนะ คิวยาวมากเลยล่ะ” ทาคามิจิทำหน้าแหยๆ “คาบุรากิคุงรอนานคงรู้สึกไม่ดีสินะ”
“ไม่เลย ไม่ซักนิดเดียว” ฉันส่ายหน้าไปมา ในหัวหมุนติ้วๆคิดเรื่องเบี่ยงเบนความสนใจของทาคามิจิ
“คาบุรากิคุงเป็นอะไรรึเปล่า ดูหน้าซีดๆนะ...ไม่สบายเหรอ”
“เปล่าหรอก ฉันแค่...แค่หิวนิดหน่อยน่ะ”
“เอ๋ อย่างนั้นเหรอ”
“หลังจากเลิกอ่านหนังสือแล้ว ไปหาอะไรทานกันมั้ย” ใช่...เรื่องนี้น่าจะโอเคอยู่ แถมยังชวนไปต่อได้แบบเนียนๆอีกด้วย
ทาคามิจิดูจะไม่สงสัยอะไรและตอบตกลงด้วยคำพูดที่ฟังดูน่ารัก ทำให้โลกทั้งใบกลายเป็นสีชมพูขึ้นมาในทันที
“เอาสิ ฉันก็รู้สึกหิวนิดๆเหมือนกัน”
โอ้ พระเจ้า วันนี้เป็นวันโชคดีของฉันจริงๆ
.
.
.
.