Fanboi Channel

ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับงานชมดอกไม้ไฟในฝัน [ขอตอนต่อไปรอบที่ 25]

Last posted

Total of 1000 posts

141 Nameless Fanboi Posted ID:o/aqFt.YA

มาต่อกันกับซีรีย์สาววายซุยรัน
ความเดิมตอนที่แล้ว >>>/webnovel/5401/119-121
-------------------------

ช่วงนี้ใกล้สอบเก็บคะแนน ฉันเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีก็เลยชวนทาคามิจิมาอ่านหนังสือด้วยกันตอนสุดสัปดาห์นี้

ฉันเป็นผู้ชายที่เตรียมพร้อม ก่อนไปชวนก็หาข้อมูลจากนิตยสาร ก็เจอคาเฟ่บรรยากาศดีๆที่สามารถใช้ติวหนังสือสอบได้ด้วย พอบอกไปแบบนั้นทาคามิจิก็ตกลงง่ายๆพร้อมกับรอยยิ้มน่ารักที่ทำให้หัวใจพองโต

ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมที่สุด

ฉันอ่านหนังสือทบทวนก่อนที่จะไป เผื่อว่าทาคามิจิทำข้อไหนไม่ได้ ฉันก็จะแสดงตัวเป็นสุภาพบุรุษ “ช่วยไม่ได้นะ เดี๋ยวจะสอนให้ก็แล้วกัน” ทาคามิจิจะต้องประทับใจฉัน ตอนเย็นอาจจะชวนไปทานดินเนอร์เบาๆในร้านสามัญชนแบบบ้านๆ บางทีอาจจะชวนไปเที่ยวที่ไกลๆผ่อนคลายบรรยากาศหลังสอบเสร็จ ที่ไหนดีนะ...ทุ่งดอกไม้ ทะเล ภูเขา แม่น้ำ

ต้องเอาเป็นสถานที่ที่ไม่ไกลจากโตเกียวมาก เดินทางไปเช้าเย็นกลับได้ ทางบ้านทาคามิจิจะได้ไม่เป็นห่วงที่พาลูกสาวเขาไปไหนไกลๆ

ฉันเปิดนิตยสารหารีวิวสถานที่ท่องเที่ยวอีกหน เจออะไรน่าสนใจก็แปะโพสท์อิททิ้งไว้ก่อนแล้วค่อยมารวบรวมข้อมูลเพื่อการตัดสินใจในทีเดียว อ่านจนหมดกองก็เอามาคัดเลือกอีกทีจนได้มาสองสามที่ที่คิดว่านี่ล่ะ โอเค

โอ๊ะ ตีสองแล้วเหรอ...พรุ่งนี้มีนัดกับทาคามิจิ รีบนอนดีกว่า เดี๋ยวหน้าโทรมขึ้นมาล่ะแย่เลย
.
.
.
.

ฉันนัดเจอกับทาคามิจิที่หน้าสถานีรถไฟใกล้ๆกับคาเฟ่ร้านนั้น พอลงจากรถได้ไม่นานก็เจอทาคามิจิที่วิ่งเหยาะๆข้ามถนนมาหา สองข้างแก้มขึ้นสีชมพูระเรื่อนิดๆ มีเหงื่อซึมไรผมเล็กน้อย

“ขอโทษนะที่มาช้า รอนานมั้ยคาบุรากิคุง”

“ฉันเพิ่งมาถึงเหมือนกัน”

ฉันยิ้มให้ทาคามิจิ ลอบสังเกตรายละเอียดประจำวันไปด้วย วันนี้ทาคามิจิแต่งตัวด้วยชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวที่ดูหลวมๆกับกางเกงขายาวสีดำ สะพายเป้สีน้ำตาลอ่อนไว้ข้างๆ ในมือถือหนังสือแบบเรียนอยู่สองสามเล่ม

เหมือนทาคามิจิจะสังเกตถึงสายตาของฉันที่มองหนังสือในมือ เพราะพูดขึ้นมาว่า “อ๋อ พอดีตอนนั่งรถไฟมาเกิดนึกวิธีแก้โจทย์ออกก็เลยหยิบหนังสือขึ้นมาทำน่ะ ทำเพลินไปหน่อยจนเกือบเลยสถานีแน่ะ”

ว่าแล้วทาคามิจิก็หัวเราะแหะๆออกมา ส่วนฉันส่ายหน้านิดหน่อย “ไม่ไหวเลยนะ”

เราสองคนเดินคุยกันไปตลอดทางที่จะถึงคาเฟ่ สั่งเครื่องดื่มและขนมกันคนละอย่างสองอย่างแล้วเดินถือถาดเข้าไปนั่งที่โต๊ะที่มันว่างอยู่ ได้โต๊ะมุมในสุดที่ค่อนข้างจะเป็นส่วนตัวพอดี

ทบทวนเนื้อหาจนทะลุปรุโปร่ง ฉันก็ท้าทาคามิจิแข่งกันทำโจทย์คณิตศาสตร์ ยัยนั่นก็ตกลงง่ายๆ ไฟแห่งการแข่งขันโหมกระพือในดวงตา

ภาพที่ทาคามิจิตั้งอกตั้งใจทำโจทย์ บางทีก็ขมวดคิ้วหน่อยๆตอนที่แก้โจทย์ยังไม่ได้ แต่พอแก้ได้ก็ยิ้มออกมาแบบดีอกดีใจ ช่างดูน่ารักอะไรอย่างนี้

ฉันแก้โจทย์เสร็จแล้วก็นั่งจ้องทาคามิจิที่มุ่งมั่นกับการเขียนคำตอบ ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าฉันจ้องอยู่

เวลาที่ตกลงกันไว้คือสามสิบนาที ฉันทำโจทย์เสร็จหมดทุกข้อ ส่วนทาคามิจิเหลืออยู่สองข้อ พอรู้ถึงความพ่ายแพ้ ยัยนั่นก็ฟุบลงกับโต๊ะแบบหมดแรงหน่อยๆ

“โธ่ แพ้คาบุรากิคุงอีกแล้วอ้ะ”

“จะเอาชนะฉันมันยังเร็วไปร้อยปี”

“เดี๋ยวขอแก้มือก่อน คราวนี้ต้องทำได้แน่ๆ”

“รับคำท้า” ฉันยิ้มให้ทาคามิจิ หยิบแก้วกาแฟขึ้นมาดื่ม

142 Nameless Fanboi Posted ID:o/aqFt.YA

สถานการณ์ที่ซ้อมมาตอนนั่งแก้โจทย์ได้เป็นจริงขึ้นมาตอนนี้ ฉันอธิบายข้อที่ทาคามิจิเว้นไว้ให้ฟัง พอยัยนั่นเข้าใจแล้วก็ยิ้มขอบคุณออกมา แล้วก็บอกว่าจะเลี้ยงขนมเอง

ฉันมองตามแผ่นหลังของทาคามิจิที่เดินไปสั่งขนมกับเครื่องดื่มชุดใหม่ หน้าเคาน์เตอร์มีคิวยาวเหยียด พอบอกว่าจะไปช่วยรอ ทาคามิจิก็บอกว่าไม่เป็นไรให้ฉันอยู่เฝ้าโต๊ะไว้ดีกว่า ฉันเลยต้องตกลงตามนั้น

สงสัยวันนี้พระเจ้าจะดลบันดาลโชคให้ฉัน ทุกอย่างเพอร์เฟคจนไม่รู้จะเพอร์เฟคไปได้มากกว่านี้ยังไงแล้ว

ก่อนทาคามิจิจะกลับมาที่โต๊ะ ฉันก็เตรียมพร้อมสำหรับโจทย์ของวิชาถัดไป ทาคามิจิบอกว่าขนหนังสืออ้างอิงมาด้วย ถ้าฉันอยากอ่านก็เชิญได้เลยตามสบายไม่ต้องเกรงใจ

เมื่อเจ้าของเขาอนุญาต ฉันเลยหยิบหนังสือขึ้นมาเปิดดู ไล่เรียงเนื้อหาที่คิดว่าน่าจะออกสอบไปด้วย ทาคามิจิแปะโพสต์อิทไว้คร่าวๆบ้างแล้ว แต่ฉันคิดว่าอาจจะมีมากกว่านี้ก็เลยมองหาหนังสือเล่มอื่นๆจากกองหนังสือที่อยู่อีกมุม

ฉันพลิกๆหนังสือไล่เรียงตามสันขอบหนังสือหาเล่มที่ต้องการ ขณะที่กำลังเลือกอยู่นั้นก็เจอสิ่งแปลกปลอมอยู่ข้างในกองหนังสือที่ทาคามิจิถือมาตอนเจอกันที่หน้าสถานีรถไฟเข้าให้

สิ่งแปลกปลอมที่ว่ามันก็คือหนังสือ...แต่ไม่น่าจะใช่หนังสือเรียนหรือหนังสืออ้างอิงที่ฉันกำลังหาอยู่ เพราะหน้าปกหนังสือเล่มนั้นคือผู้ชายสามคนอยู่ในท่าที่ค่อนข้างล่อแหลมอีโรติค

เอ๋!?

นี่คือสิ่งที่เขาเรียกว่า Boy’s Love ใช่มั้ยนะ….

ลองมองแบบพิจารณาดูดีๆ ทั้งสามคนนี้เสื้อผ้าหลุดรุ่ย โดยเฉพาะนายคนผมดำที่อยู่ตรงกลางนั่นดูเหมือนจะไม่ได้ใส่อะไรเลย มีแค่มือกับขาของผู้ชายสองคนที่อยู่ข้างๆปิดบังร่างกายไว้แบบหมิ่นเหม่ แถมยังมีปลอกคอและโซ่ล่ามข้อเท้าไว้ด้วย รอบตัวเกลื่อนกลาดด้วยอุปกรณ์เล่น SM ทั้งสามอยู่บนฉากหลังที่น่าจะเป็นเตียงหรือห้องนอน สีหน้าเจ้าผู้ชายสองคนที่อยู่ข้างๆดูชั่วร้ายอย่างบอกไม่ถูกจนรู้สึกขนลุกเบาๆ

“พิษรัก พันธนาการหัวใจ” ฉันอ่านชื่อหนังสือ ไล่สายตามาเรื่อยๆก็เห็นชื่อคนแต่งพิมพ์นูนออกมาจากหน้าปกเล็กน้อยด้วยตัวอักษรสีม่วงเข้ม “ฮางิ” ชื่อเพราะใช้ได้

ฉันเหลือบมองทาคามิจิที่ยืนต่อแถวรอเครื่องดื่มอยู่ ท่าทางจะยังไม่มาในเร็วๆนี้ ในหัวคิดลังเลตีกันไปหมด ไอ้อยากรู้มันก็อยากรู้ แต่ถ้าทาคามิจิจับได้ล่ะก็ จบเห่แน่ๆ

สุดท้าย ความอยากรู้อยากเห็นก็เป็นฝ่ายมีชัย ฉ้นแง้มๆดูหน่อย อาจจะเสียมารยาทไปสักนิด แต่ฉันอยากรู้จริงๆนี่นาว่าทาคามิจิชอบอะไร

มีที่คั่นหนังสือคั่นไว้ตรงบทที่ยังอ่านไม่จบ ฉันว่าจะเริ่มจากจุดนั้น แต่ยังไม่ทันจะได้สัมผัสหน้ากระดาษ ทาคามิจิก็เรียกมาจากทางด้านหลังทำให้ฉันสะดุ้งเฮือก

ฉันหันหน้าไปหา เอาตัวบังตอนรีบซ่อนหนังสือเล่มนั้นไว้กับกองชีททั้งหลาย พยายามตีหน้านิ่งๆให้ดูมีพิรุธน้อยที่สุด

“ขอโทษนะ คิวยาวมากเลยล่ะ” ทาคามิจิทำหน้าแหยๆ “คาบุรากิคุงรอนานคงรู้สึกไม่ดีสินะ”

“ไม่เลย ไม่ซักนิดเดียว” ฉันส่ายหน้าไปมา ในหัวหมุนติ้วๆคิดเรื่องเบี่ยงเบนความสนใจของทาคามิจิ

“คาบุรากิคุงเป็นอะไรรึเปล่า ดูหน้าซีดๆนะ...ไม่สบายเหรอ”

“เปล่าหรอก ฉันแค่...แค่หิวนิดหน่อยน่ะ”

“เอ๋ อย่างนั้นเหรอ”

“หลังจากเลิกอ่านหนังสือแล้ว ไปหาอะไรทานกันมั้ย” ใช่...เรื่องนี้น่าจะโอเคอยู่ แถมยังชวนไปต่อได้แบบเนียนๆอีกด้วย

ทาคามิจิดูจะไม่สงสัยอะไรและตอบตกลงด้วยคำพูดที่ฟังดูน่ารัก ทำให้โลกทั้งใบกลายเป็นสีชมพูขึ้นมาในทันที

“เอาสิ ฉันก็รู้สึกหิวนิดๆเหมือนกัน”

โอ้ พระเจ้า วันนี้เป็นวันโชคดีของฉันจริงๆ
.
.
.
.

143 Nameless Fanboi Posted ID:o/aqFt.YA

เราไปต่อกันที่ร้านโอโคโนมิยากิ คุยกันเบาๆถึงเรื่องสอบและเรื่องสถานที่เที่ยวหลังสอบเสร็จ ทาคามิจิดูจะสนใจทุ่งดอกเนโมฟีลาเป็นพิเศษ ดอกไม้สีน้ำเงินที่บานพร้อมกันเป็นล้านๆดอกดูงดงามเหมือนความฝัน งั้นตกลงเอาที่เดทที่ต่อไปคือที่นี่ล่ะนะ

ฉันแวะร้านหนังสือเพื่อซื้อนิตยสารกลับไปศึกษาข้อมูลวางแผนเดท แต่พอเปิดกระเป๋าจะหยิบเอาออกมาอ่าน หนังสือเจ้าปัญหาเล่มที่ว่าก็โผล่ออกมาด้วย สงสัยจะติดมาตอนเก็บของใส่กระเป๋าที่คาเฟ่แน่ๆ

แม้หน้าปกจะทำให้รู้สึกตะขิดตะขวงใจแค่ไหน แต่ตอนนี้ก็เป็นโอกาสดีที่จะได้สำรวจความชอบของทาคามิจิ ฉันเลยเปิดจากหน้าที่ถูกคั่นไว้

‘...มาซายะนั่งอยู่บนพื้น สองมือมัดไพล่ไปด้านหลังจนดูเหมือนจะดิ้นรนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ตอนที่ฝ่าเท้าในรองเท้าหนังชั้นดีวางทาบลงมาตรงกลางร่างกายของเขาแล้วเลื่อนขึ้นลงไปมา เขาก็ไร้เรี่ยวแรงที่จะขัดขืน

“ยะ อย่า...ชูสุเกะ” ลมหายใจเขาขาดเป็นห้วงๆ รู้สึกทรมานจนต้องงอตัว แต่ถึงจะบอกว่าทรมานแต่ก็รู้สึกวาบหวามและร้อนในอก แล้วยังเสียงน่าอายที่เปล่งออกไปนี่อีก น่าอดสูเหลือเกิน

“อยากให้หยุดจริงๆเหรอ มาซายะ” ชูสุเกะกระตุกโซ่ที่รั้งปลอกคอให้มาซายะเงยหน้าขึ้น ดูชอบใจที่เห็นเขาบิดตัวไปมา ใบหน้าแดงก่ำ “ร่างกายของนายไม่เห็นจะบอกแบบนั้นเลยนี่”

“มะ ไม่จริง” มันคือคำโกหกคำโต เขารู้อยู่แก่ใจ ร่างกายเขารู้สึกดีอย่างที่ชูสุเกะว่าไว้จริงๆ

ตอนที่กำลังจะไปถึงฝั่งฝัน อยู่ๆ ชูสุเกะก็หยุดทำไปซะดื้อๆ ตีสีหน้ายิ้มแย้มไม่รู้ไม่ชี้ แต่คราวนี้เขาทรมานของจริง สีหน้ามีแต่คำถามว่าทำไมถึงทำแบบนี้

“ก็มาซายะบอกว่าอย่าตลอดเวลาเลยนี่นา ผมก็เลยทำตามคำพูดของนายน่ะสิ” ชูสุเกะหัวเราะ “เอาใจยากจังเลยนะ”

สายตาของชูสุเกะหรี่ลง มองด้วยแววตาเหมือนนายพรานกำลังล่าเหยื่อ เป็นสายตาที่เหมือนจะกลืนกินเขาเข้าไปทั้งตัวไม่ให้เหลือแม้แต่กระดูก

“ถ้าอยากให้ทำต่อ...ก็ลองพูดขอร้องดูสิ”

เสียงกระซิบนั่นราวกับปีศาจล่อลวงให้ทำตาม ปากเขาเม้มแน่น แต่ร่างกายสั่นตอนที่จะเอ่ยถ้อยคำสั้นๆที่ดูเหมือนจะยากที่สุดในโลก

“.....ได้โปรด”
.
.
.
ได้โปรด…..

ฉันอ้าปากค้าง มองหนังสือในมือแล้วสลัดทิ้งเหมือนกับมันคือของร้อน กระโดดหลบไปอยู่อีกมุมแบบไม่กล้าเข้าใกล้

นี่มันอะไรก๊านนนนนน!!!!

ทำไมชื่อของฉันและชูสุเกะถึงได้ไปอยู่บนนิยายพรรค์นี้ แถมในนิยายฉันยังเป็นฝ่ายถูกกระทำอีกต่างหาก ไม่ตลกนะเฮ้ย ฉันควรจะเป็นฝ่ายกระทำมากกว่า...เอ่อ ไม่ได้หมายความว่าฉันอยากจะทำเรื่องแบบนั้นกับชูสุเกะหรอกนะ ไม่ใช่เด็ดขาด

ผ่านไปหลายชั่วโมง ฉันสงบสติอารมณ์ได้ก็หยิบหนังสือขึ้นมาใหม่ คราวนี้คิดไว้ว่าจะตั้งใจอ่านดู

ถ้าทาคามิจิชอบฉันก็อยากจะเข้าใจความชอบนั้นด้วย แม้จะเหมือนกลืนเลือดลงคอฉันก็ยอม
.
.
.
ตัวนิยายบรรยายด้วยภาษาเรียบง่ายไม่ซับซ้อน ไม่ค่อยมีถ้อยคำสละสลวยเหมือนบทกวีเท่าไหร่ จัดว่าอ่านได้เพลินๆฆ่าเวลา

เนื้อเรื่องก็ใช้ธีมของโรมิโอกับจูเลียต ว่าด้วย “คาบุรากิ มาซายะ” ผู้นำสมาคมดอกโบตั๋น ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับทางสภานักเรียน และถือเป็นศัตรูของประธานนักเรียนอย่าง “มิซึซากิ อาริมะ” แต่ใครเลยจะรู้ว่าผู้นำทั้งสองนั้นแอบคบกันอยู่ลับๆ และเมื่อ “เอ็นโจ ชูสุเกะ” ที่เป็นเพื่อนรักของมาซายะรู้เข้า ก็ใช้เรื่องนี้ข่มขู่แบล็คเมล์ให้มาซายะมีความสัมพันธ์กับเขา

ชูสุเกะหลงรักมาซายะมาเนิ่นนาน ทนยอมไม่ได้ที่จะให้มาซายะตกไปเป็นของคนอื่น จึงได้ใช้ความสัมพันธ์ทางกายหน่วงเหนี่ยวเอาไว้ มาซายะแม้จะรักกับอาริมะขนาดไหน แต่ร่างกายของมาซายะก็ขาดชูสุเกะไม่ได้เช่นกัน ความรักที่สับสนวุ่นวายของทั้งสามคนเริ่มต้นขึ้นอย่างบิดเบี้ยวท่ามกลางการเมืองและการชิงชัยอำนาจในโรงเรียน ดั่งตระกูลมองตาคิวและคาปุเล็ตในโรมิโอกับจูเลียตก็ไม่ปาน

ม่ายยยยยยยยยยย!!!!!

ฉันกรีดร้องในใจ น้ำตาไหลพรากๆที่เห็นตัวเองในนิยายโดนกระทำย่ำยีต่างๆนานาด้วยสารพัดวิธีทรมาน และอุปกรณ์ SM แบบจัดเต็ม ชูสุเกะช่างสรรหามาเล่นกับเขาได้ไม่ซ้ำกันในทุกตอน แถมไอ้หมอนี่ยังไปสอนมิซึซากิให้ใช้ของเล่นกับเขาอีกต่างหาก

ถนอมๆร่างกายของฉันหน่อยเซ่เจ้าพวกบ้า!!!

----------------------
ทีแรกกูลังเลว่าจะเอาวาคาบะหรือคุณโนโนเสะมาเขียนฟิคมาซายะเคะดี แต่สุดท้ายหวยไปออกที่ท่านฟุยุโกะแทน 55555555

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.