บล็อกหมายเลข3นี่ซากุระจังรึเปล่านั่น...
Last posted
Total of 1000 posts
บล็อกหมายเลข3นี่ซากุระจังรึเปล่านั่น...
ถ้ายูกิโนะคุงไปหยิบนิยายเล่มนั้นมาอ่านต่อจะเป็นไงวะ จะสนองบุญคุณพี่ชายด้วยการเป็นพ่อสื่อให้กับมาซายะไหม 555555
โอยยยย ฟิคดีงามเว่อออออ แต่ถ้ากุจิ้นนี่ไซซายะต้องเคะเซ่55555ซื่อๆงี้โดนจอมมารหลอกแต๊ะอั๋งบ่อยๆ ฮี่ๆๆๆ
มาต่อกันกับซีรีย์สาววายซุยรัน
ความเดิมตอนที่แล้ว >>>/webnovel/5401/119-121
-------------------------
ช่วงนี้ใกล้สอบเก็บคะแนน ฉันเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีก็เลยชวนทาคามิจิมาอ่านหนังสือด้วยกันตอนสุดสัปดาห์นี้
ฉันเป็นผู้ชายที่เตรียมพร้อม ก่อนไปชวนก็หาข้อมูลจากนิตยสาร ก็เจอคาเฟ่บรรยากาศดีๆที่สามารถใช้ติวหนังสือสอบได้ด้วย พอบอกไปแบบนั้นทาคามิจิก็ตกลงง่ายๆพร้อมกับรอยยิ้มน่ารักที่ทำให้หัวใจพองโต
ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมที่สุด
ฉันอ่านหนังสือทบทวนก่อนที่จะไป เผื่อว่าทาคามิจิทำข้อไหนไม่ได้ ฉันก็จะแสดงตัวเป็นสุภาพบุรุษ “ช่วยไม่ได้นะ เดี๋ยวจะสอนให้ก็แล้วกัน” ทาคามิจิจะต้องประทับใจฉัน ตอนเย็นอาจจะชวนไปทานดินเนอร์เบาๆในร้านสามัญชนแบบบ้านๆ บางทีอาจจะชวนไปเที่ยวที่ไกลๆผ่อนคลายบรรยากาศหลังสอบเสร็จ ที่ไหนดีนะ...ทุ่งดอกไม้ ทะเล ภูเขา แม่น้ำ
ต้องเอาเป็นสถานที่ที่ไม่ไกลจากโตเกียวมาก เดินทางไปเช้าเย็นกลับได้ ทางบ้านทาคามิจิจะได้ไม่เป็นห่วงที่พาลูกสาวเขาไปไหนไกลๆ
ฉันเปิดนิตยสารหารีวิวสถานที่ท่องเที่ยวอีกหน เจออะไรน่าสนใจก็แปะโพสท์อิททิ้งไว้ก่อนแล้วค่อยมารวบรวมข้อมูลเพื่อการตัดสินใจในทีเดียว อ่านจนหมดกองก็เอามาคัดเลือกอีกทีจนได้มาสองสามที่ที่คิดว่านี่ล่ะ โอเค
โอ๊ะ ตีสองแล้วเหรอ...พรุ่งนี้มีนัดกับทาคามิจิ รีบนอนดีกว่า เดี๋ยวหน้าโทรมขึ้นมาล่ะแย่เลย
.
.
.
.
ฉันนัดเจอกับทาคามิจิที่หน้าสถานีรถไฟใกล้ๆกับคาเฟ่ร้านนั้น พอลงจากรถได้ไม่นานก็เจอทาคามิจิที่วิ่งเหยาะๆข้ามถนนมาหา สองข้างแก้มขึ้นสีชมพูระเรื่อนิดๆ มีเหงื่อซึมไรผมเล็กน้อย
“ขอโทษนะที่มาช้า รอนานมั้ยคาบุรากิคุง”
“ฉันเพิ่งมาถึงเหมือนกัน”
ฉันยิ้มให้ทาคามิจิ ลอบสังเกตรายละเอียดประจำวันไปด้วย วันนี้ทาคามิจิแต่งตัวด้วยชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวที่ดูหลวมๆกับกางเกงขายาวสีดำ สะพายเป้สีน้ำตาลอ่อนไว้ข้างๆ ในมือถือหนังสือแบบเรียนอยู่สองสามเล่ม
เหมือนทาคามิจิจะสังเกตถึงสายตาของฉันที่มองหนังสือในมือ เพราะพูดขึ้นมาว่า “อ๋อ พอดีตอนนั่งรถไฟมาเกิดนึกวิธีแก้โจทย์ออกก็เลยหยิบหนังสือขึ้นมาทำน่ะ ทำเพลินไปหน่อยจนเกือบเลยสถานีแน่ะ”
ว่าแล้วทาคามิจิก็หัวเราะแหะๆออกมา ส่วนฉันส่ายหน้านิดหน่อย “ไม่ไหวเลยนะ”
เราสองคนเดินคุยกันไปตลอดทางที่จะถึงคาเฟ่ สั่งเครื่องดื่มและขนมกันคนละอย่างสองอย่างแล้วเดินถือถาดเข้าไปนั่งที่โต๊ะที่มันว่างอยู่ ได้โต๊ะมุมในสุดที่ค่อนข้างจะเป็นส่วนตัวพอดี
ทบทวนเนื้อหาจนทะลุปรุโปร่ง ฉันก็ท้าทาคามิจิแข่งกันทำโจทย์คณิตศาสตร์ ยัยนั่นก็ตกลงง่ายๆ ไฟแห่งการแข่งขันโหมกระพือในดวงตา
ภาพที่ทาคามิจิตั้งอกตั้งใจทำโจทย์ บางทีก็ขมวดคิ้วหน่อยๆตอนที่แก้โจทย์ยังไม่ได้ แต่พอแก้ได้ก็ยิ้มออกมาแบบดีอกดีใจ ช่างดูน่ารักอะไรอย่างนี้
ฉันแก้โจทย์เสร็จแล้วก็นั่งจ้องทาคามิจิที่มุ่งมั่นกับการเขียนคำตอบ ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าฉันจ้องอยู่
เวลาที่ตกลงกันไว้คือสามสิบนาที ฉันทำโจทย์เสร็จหมดทุกข้อ ส่วนทาคามิจิเหลืออยู่สองข้อ พอรู้ถึงความพ่ายแพ้ ยัยนั่นก็ฟุบลงกับโต๊ะแบบหมดแรงหน่อยๆ
“โธ่ แพ้คาบุรากิคุงอีกแล้วอ้ะ”
“จะเอาชนะฉันมันยังเร็วไปร้อยปี”
“เดี๋ยวขอแก้มือก่อน คราวนี้ต้องทำได้แน่ๆ”
“รับคำท้า” ฉันยิ้มให้ทาคามิจิ หยิบแก้วกาแฟขึ้นมาดื่ม
สถานการณ์ที่ซ้อมมาตอนนั่งแก้โจทย์ได้เป็นจริงขึ้นมาตอนนี้ ฉันอธิบายข้อที่ทาคามิจิเว้นไว้ให้ฟัง พอยัยนั่นเข้าใจแล้วก็ยิ้มขอบคุณออกมา แล้วก็บอกว่าจะเลี้ยงขนมเอง
ฉันมองตามแผ่นหลังของทาคามิจิที่เดินไปสั่งขนมกับเครื่องดื่มชุดใหม่ หน้าเคาน์เตอร์มีคิวยาวเหยียด พอบอกว่าจะไปช่วยรอ ทาคามิจิก็บอกว่าไม่เป็นไรให้ฉันอยู่เฝ้าโต๊ะไว้ดีกว่า ฉันเลยต้องตกลงตามนั้น
สงสัยวันนี้พระเจ้าจะดลบันดาลโชคให้ฉัน ทุกอย่างเพอร์เฟคจนไม่รู้จะเพอร์เฟคไปได้มากกว่านี้ยังไงแล้ว
ก่อนทาคามิจิจะกลับมาที่โต๊ะ ฉันก็เตรียมพร้อมสำหรับโจทย์ของวิชาถัดไป ทาคามิจิบอกว่าขนหนังสืออ้างอิงมาด้วย ถ้าฉันอยากอ่านก็เชิญได้เลยตามสบายไม่ต้องเกรงใจ
เมื่อเจ้าของเขาอนุญาต ฉันเลยหยิบหนังสือขึ้นมาเปิดดู ไล่เรียงเนื้อหาที่คิดว่าน่าจะออกสอบไปด้วย ทาคามิจิแปะโพสต์อิทไว้คร่าวๆบ้างแล้ว แต่ฉันคิดว่าอาจจะมีมากกว่านี้ก็เลยมองหาหนังสือเล่มอื่นๆจากกองหนังสือที่อยู่อีกมุม
ฉันพลิกๆหนังสือไล่เรียงตามสันขอบหนังสือหาเล่มที่ต้องการ ขณะที่กำลังเลือกอยู่นั้นก็เจอสิ่งแปลกปลอมอยู่ข้างในกองหนังสือที่ทาคามิจิถือมาตอนเจอกันที่หน้าสถานีรถไฟเข้าให้
สิ่งแปลกปลอมที่ว่ามันก็คือหนังสือ...แต่ไม่น่าจะใช่หนังสือเรียนหรือหนังสืออ้างอิงที่ฉันกำลังหาอยู่ เพราะหน้าปกหนังสือเล่มนั้นคือผู้ชายสามคนอยู่ในท่าที่ค่อนข้างล่อแหลมอีโรติค
เอ๋!?
นี่คือสิ่งที่เขาเรียกว่า Boy’s Love ใช่มั้ยนะ….
ลองมองแบบพิจารณาดูดีๆ ทั้งสามคนนี้เสื้อผ้าหลุดรุ่ย โดยเฉพาะนายคนผมดำที่อยู่ตรงกลางนั่นดูเหมือนจะไม่ได้ใส่อะไรเลย มีแค่มือกับขาของผู้ชายสองคนที่อยู่ข้างๆปิดบังร่างกายไว้แบบหมิ่นเหม่ แถมยังมีปลอกคอและโซ่ล่ามข้อเท้าไว้ด้วย รอบตัวเกลื่อนกลาดด้วยอุปกรณ์เล่น SM ทั้งสามอยู่บนฉากหลังที่น่าจะเป็นเตียงหรือห้องนอน สีหน้าเจ้าผู้ชายสองคนที่อยู่ข้างๆดูชั่วร้ายอย่างบอกไม่ถูกจนรู้สึกขนลุกเบาๆ
“พิษรัก พันธนาการหัวใจ” ฉันอ่านชื่อหนังสือ ไล่สายตามาเรื่อยๆก็เห็นชื่อคนแต่งพิมพ์นูนออกมาจากหน้าปกเล็กน้อยด้วยตัวอักษรสีม่วงเข้ม “ฮางิ” ชื่อเพราะใช้ได้
ฉันเหลือบมองทาคามิจิที่ยืนต่อแถวรอเครื่องดื่มอยู่ ท่าทางจะยังไม่มาในเร็วๆนี้ ในหัวคิดลังเลตีกันไปหมด ไอ้อยากรู้มันก็อยากรู้ แต่ถ้าทาคามิจิจับได้ล่ะก็ จบเห่แน่ๆ
สุดท้าย ความอยากรู้อยากเห็นก็เป็นฝ่ายมีชัย ฉ้นแง้มๆดูหน่อย อาจจะเสียมารยาทไปสักนิด แต่ฉันอยากรู้จริงๆนี่นาว่าทาคามิจิชอบอะไร
มีที่คั่นหนังสือคั่นไว้ตรงบทที่ยังอ่านไม่จบ ฉันว่าจะเริ่มจากจุดนั้น แต่ยังไม่ทันจะได้สัมผัสหน้ากระดาษ ทาคามิจิก็เรียกมาจากทางด้านหลังทำให้ฉันสะดุ้งเฮือก
ฉันหันหน้าไปหา เอาตัวบังตอนรีบซ่อนหนังสือเล่มนั้นไว้กับกองชีททั้งหลาย พยายามตีหน้านิ่งๆให้ดูมีพิรุธน้อยที่สุด
“ขอโทษนะ คิวยาวมากเลยล่ะ” ทาคามิจิทำหน้าแหยๆ “คาบุรากิคุงรอนานคงรู้สึกไม่ดีสินะ”
“ไม่เลย ไม่ซักนิดเดียว” ฉันส่ายหน้าไปมา ในหัวหมุนติ้วๆคิดเรื่องเบี่ยงเบนความสนใจของทาคามิจิ
“คาบุรากิคุงเป็นอะไรรึเปล่า ดูหน้าซีดๆนะ...ไม่สบายเหรอ”
“เปล่าหรอก ฉันแค่...แค่หิวนิดหน่อยน่ะ”
“เอ๋ อย่างนั้นเหรอ”
“หลังจากเลิกอ่านหนังสือแล้ว ไปหาอะไรทานกันมั้ย” ใช่...เรื่องนี้น่าจะโอเคอยู่ แถมยังชวนไปต่อได้แบบเนียนๆอีกด้วย
ทาคามิจิดูจะไม่สงสัยอะไรและตอบตกลงด้วยคำพูดที่ฟังดูน่ารัก ทำให้โลกทั้งใบกลายเป็นสีชมพูขึ้นมาในทันที
“เอาสิ ฉันก็รู้สึกหิวนิดๆเหมือนกัน”
โอ้ พระเจ้า วันนี้เป็นวันโชคดีของฉันจริงๆ
.
.
.
.
เราไปต่อกันที่ร้านโอโคโนมิยากิ คุยกันเบาๆถึงเรื่องสอบและเรื่องสถานที่เที่ยวหลังสอบเสร็จ ทาคามิจิดูจะสนใจทุ่งดอกเนโมฟีลาเป็นพิเศษ ดอกไม้สีน้ำเงินที่บานพร้อมกันเป็นล้านๆดอกดูงดงามเหมือนความฝัน งั้นตกลงเอาที่เดทที่ต่อไปคือที่นี่ล่ะนะ
ฉันแวะร้านหนังสือเพื่อซื้อนิตยสารกลับไปศึกษาข้อมูลวางแผนเดท แต่พอเปิดกระเป๋าจะหยิบเอาออกมาอ่าน หนังสือเจ้าปัญหาเล่มที่ว่าก็โผล่ออกมาด้วย สงสัยจะติดมาตอนเก็บของใส่กระเป๋าที่คาเฟ่แน่ๆ
แม้หน้าปกจะทำให้รู้สึกตะขิดตะขวงใจแค่ไหน แต่ตอนนี้ก็เป็นโอกาสดีที่จะได้สำรวจความชอบของทาคามิจิ ฉันเลยเปิดจากหน้าที่ถูกคั่นไว้
‘...มาซายะนั่งอยู่บนพื้น สองมือมัดไพล่ไปด้านหลังจนดูเหมือนจะดิ้นรนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ตอนที่ฝ่าเท้าในรองเท้าหนังชั้นดีวางทาบลงมาตรงกลางร่างกายของเขาแล้วเลื่อนขึ้นลงไปมา เขาก็ไร้เรี่ยวแรงที่จะขัดขืน
“ยะ อย่า...ชูสุเกะ” ลมหายใจเขาขาดเป็นห้วงๆ รู้สึกทรมานจนต้องงอตัว แต่ถึงจะบอกว่าทรมานแต่ก็รู้สึกวาบหวามและร้อนในอก แล้วยังเสียงน่าอายที่เปล่งออกไปนี่อีก น่าอดสูเหลือเกิน
“อยากให้หยุดจริงๆเหรอ มาซายะ” ชูสุเกะกระตุกโซ่ที่รั้งปลอกคอให้มาซายะเงยหน้าขึ้น ดูชอบใจที่เห็นเขาบิดตัวไปมา ใบหน้าแดงก่ำ “ร่างกายของนายไม่เห็นจะบอกแบบนั้นเลยนี่”
“มะ ไม่จริง” มันคือคำโกหกคำโต เขารู้อยู่แก่ใจ ร่างกายเขารู้สึกดีอย่างที่ชูสุเกะว่าไว้จริงๆ
ตอนที่กำลังจะไปถึงฝั่งฝัน อยู่ๆ ชูสุเกะก็หยุดทำไปซะดื้อๆ ตีสีหน้ายิ้มแย้มไม่รู้ไม่ชี้ แต่คราวนี้เขาทรมานของจริง สีหน้ามีแต่คำถามว่าทำไมถึงทำแบบนี้
“ก็มาซายะบอกว่าอย่าตลอดเวลาเลยนี่นา ผมก็เลยทำตามคำพูดของนายน่ะสิ” ชูสุเกะหัวเราะ “เอาใจยากจังเลยนะ”
สายตาของชูสุเกะหรี่ลง มองด้วยแววตาเหมือนนายพรานกำลังล่าเหยื่อ เป็นสายตาที่เหมือนจะกลืนกินเขาเข้าไปทั้งตัวไม่ให้เหลือแม้แต่กระดูก
“ถ้าอยากให้ทำต่อ...ก็ลองพูดขอร้องดูสิ”
เสียงกระซิบนั่นราวกับปีศาจล่อลวงให้ทำตาม ปากเขาเม้มแน่น แต่ร่างกายสั่นตอนที่จะเอ่ยถ้อยคำสั้นๆที่ดูเหมือนจะยากที่สุดในโลก
“.....ได้โปรด”
.
.
.
ได้โปรด…..
ฉันอ้าปากค้าง มองหนังสือในมือแล้วสลัดทิ้งเหมือนกับมันคือของร้อน กระโดดหลบไปอยู่อีกมุมแบบไม่กล้าเข้าใกล้
นี่มันอะไรก๊านนนนนน!!!!
ทำไมชื่อของฉันและชูสุเกะถึงได้ไปอยู่บนนิยายพรรค์นี้ แถมในนิยายฉันยังเป็นฝ่ายถูกกระทำอีกต่างหาก ไม่ตลกนะเฮ้ย ฉันควรจะเป็นฝ่ายกระทำมากกว่า...เอ่อ ไม่ได้หมายความว่าฉันอยากจะทำเรื่องแบบนั้นกับชูสุเกะหรอกนะ ไม่ใช่เด็ดขาด
ผ่านไปหลายชั่วโมง ฉันสงบสติอารมณ์ได้ก็หยิบหนังสือขึ้นมาใหม่ คราวนี้คิดไว้ว่าจะตั้งใจอ่านดู
ถ้าทาคามิจิชอบฉันก็อยากจะเข้าใจความชอบนั้นด้วย แม้จะเหมือนกลืนเลือดลงคอฉันก็ยอม
.
.
.
ตัวนิยายบรรยายด้วยภาษาเรียบง่ายไม่ซับซ้อน ไม่ค่อยมีถ้อยคำสละสลวยเหมือนบทกวีเท่าไหร่ จัดว่าอ่านได้เพลินๆฆ่าเวลา
เนื้อเรื่องก็ใช้ธีมของโรมิโอกับจูเลียต ว่าด้วย “คาบุรากิ มาซายะ” ผู้นำสมาคมดอกโบตั๋น ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับทางสภานักเรียน และถือเป็นศัตรูของประธานนักเรียนอย่าง “มิซึซากิ อาริมะ” แต่ใครเลยจะรู้ว่าผู้นำทั้งสองนั้นแอบคบกันอยู่ลับๆ และเมื่อ “เอ็นโจ ชูสุเกะ” ที่เป็นเพื่อนรักของมาซายะรู้เข้า ก็ใช้เรื่องนี้ข่มขู่แบล็คเมล์ให้มาซายะมีความสัมพันธ์กับเขา
ชูสุเกะหลงรักมาซายะมาเนิ่นนาน ทนยอมไม่ได้ที่จะให้มาซายะตกไปเป็นของคนอื่น จึงได้ใช้ความสัมพันธ์ทางกายหน่วงเหนี่ยวเอาไว้ มาซายะแม้จะรักกับอาริมะขนาดไหน แต่ร่างกายของมาซายะก็ขาดชูสุเกะไม่ได้เช่นกัน ความรักที่สับสนวุ่นวายของทั้งสามคนเริ่มต้นขึ้นอย่างบิดเบี้ยวท่ามกลางการเมืองและการชิงชัยอำนาจในโรงเรียน ดั่งตระกูลมองตาคิวและคาปุเล็ตในโรมิโอกับจูเลียตก็ไม่ปาน
ม่ายยยยยยยยยยย!!!!!
ฉันกรีดร้องในใจ น้ำตาไหลพรากๆที่เห็นตัวเองในนิยายโดนกระทำย่ำยีต่างๆนานาด้วยสารพัดวิธีทรมาน และอุปกรณ์ SM แบบจัดเต็ม ชูสุเกะช่างสรรหามาเล่นกับเขาได้ไม่ซ้ำกันในทุกตอน แถมไอ้หมอนี่ยังไปสอนมิซึซากิให้ใช้ของเล่นกับเขาอีกต่างหาก
ถนอมๆร่างกายของฉันหน่อยเซ่เจ้าพวกบ้า!!!
----------------------
ทีแรกกูลังเลว่าจะเอาวาคาบะหรือคุณโนโนเสะมาเขียนฟิคมาซายะเคะดี แต่สุดท้ายหวยไปออกที่ท่านฟุยุโกะแทน 55555555
อยากจะเห็นช็อตต่อไปที่คุณๆเขาจะพยายามเซอร์วิสเอาใจสาวที่ตัวเองชอบแล้วล่ะ! ดีไม่ดีพอทำแล้วต่างฝ่ายต่างก็คิดกันไปเองว่า เฮ้ยหรือว่าหมอนี่ชอบเราเหมือนในนิยายกันนะ แล้วก็จะเขินๆม้วนๆหน่อย(อันที่จริงพิจารณาจากนิสัย คนคิดไปเองอย่างนี้น่าจะมีโอกาสแค่คาบุ แต่ไม่เป็นไร ฮื่ออ งานดีอะ เกร้ดดด)//วิ่งเข้าทุ่งดอกเบญจมาศ
ปล.ที่แท้ฟุโจชิในซุยรันก็มีอยู่ไม่น้อยเลยสินะคะเนี่ย/จิบชา
สมกับที่เป็นวาคาบะ(....)
>>119-121 >>141-143 ไม่ได้เข้าโม่งเป็นอาทิตย์มาถึงกูจัดรวดสองตอนเลย โว้ยยย กูชอบบบ555555555
ชอบความขี้เสือกของหนุ่มๆ แบบมองปกก็รู้แล้วว่ามันแนวทางสีม่วงชัดๆแต่พวกฮีก็ยังเปิดอ่านกัน แถมของมาซายะนี่เปิดมาก็โซ่แซ่กุญเจมือเลยจ้าา
วงวารรรรร55555555 ฮือ กูอยากรู้ตอนต่อไปแล้วว่าพวกนางจะจัดการกับกลยุทจีบสาวด้วยของวายยังไง กูรอตอนต่อไปนะโม่งฟิคสาววายซุยรัน
มาต่อกันกับซีรีย์สาววายซุยรัน
ความเดิมตอนที่แล้ว >>>/webnovel/5401/141-143
-----------------------------
“รออยู่ที่ห้องประชุมเล็ก”
เมล์ห้วนๆแบบมะนาวไม่มีน้ำถูกส่งมาจากคาบุรากิเช่นเคยทำให้ฉันต้องเบ้ปาก อารมณ์ดีๆจากตอนที่ได้อ่านงานเขียนของอาจารย์เซ็นโนะก็เหือดหาย ขัดจังหวะการอ่านนิยายของฉันจริงๆวุ้ย
ฉันเก็บหนังสือใส่กระเป๋า กล่าวคำอำลากับสมาชิกท่านอื่นก่อนจะเดินไปยังที่ที่ได้นัดหมาย นึกในใจว่าวันนี้คาบุรากิจะเอาปัญหาอะไรมาให้อีก คงหนีไม่พ้นเรื่องงี่เง่าที่อยากทำกับวาคาบะจังแหงๆ
พอเคาะประตูห้อง คาบุรากิก็เดินมาเปิดประตูให้ ท่าทางเหมือนคนกำลังจะหมดความอดทน...อะไรยะ
“ช้าชะมัด”
“ฉันเองก็มีธุระของฉันเหมือนกันนะคะ จะเอาแต่ธุระท่านคาบุรากิมาก่อนน่ะไม่ได้หรอกค่ะ” ฉันตอบกลับไป รู้สึกยัวะขึ้นมาหน่อยๆ
“นั่งลง” คาบุรากิไม่ได้ใส่ใจคำพูดแดกดันของฉัน แต่ชี้ไปที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ฉันได้แต่ทำตามนั้น
“แล้ววันนี้ เรื่องที่จะพูดคืออะไรเหรอคะ”
“ฉันไม่เข้าใจทาคามิจิ…” คาบุรากิกอดอก ขมวดคิ้วเหมือนกำลังใช้ความคิด “ไม่สิ ไม่เข้าใจผู้หญิงเลยซักนิด”
ไปเจออะไรมาอีกล่ะ คัลเจอร์ช็อกจากความต่างของสามัญชนรึไง หรือวาคาบะจังไม่ยอมรับอะไรแพงๆจากนายเลยมานั่งคร่ำครวญอยู่ตรงนี้กันนะ
“ยังไงคะ”
“คือ…” มาถึงตรงนี้ คาบุรากิก็ดูอึกๆอักๆเหมือนนึกคำพูดไม่ออก
“คะ”
“เมื่อวันเสาร์...ฉันไปอ่านหนังสือกับทาคามิจิมา” คาบุรากิดูเหมือนจะตัดสินใจได้ในที่สุด “ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ทาคามิจิกับฉันแข่งกันทำโจทย์ ยัยนั่นแพ้ก็เลยเลี้ยงขนมฉัน แล้วเราก็ไปต่อกันที่ร้านโอโคโนมิยากิ คุยเรื่องสอบกับเรื่องที่เที่ยว พอได้เวลากลับ ฉันเห็นว่าค่ำแล้วก็เลยขอไปส่งที่บ้าน ยัยนั่นก็ตกลง”
แววตาคาบุรากิเต็มไปด้วยความสุขตอนที่เล่าเรื่องนี้
“ก็ฟังดูดีนี่คะ” ฉันเลิกคิ้ว เดทเป็นไปได้สวยขนาดนี้ยังจะมีอะไรไม่พอใจอีกยะ
“ปัญหามันอยู่หลังจากนั้นน่ะสิ”
“ปัญหา??”
คาบุรากิสูดลมหายใจเข้าลึก ทำเหมือนเป็นเรื่องคอขาดบาดตายถ้าหากพูดออกไป วุ้ย อะไรกันนักกันหนายะ
“หนังสืออ่านเล่นของทาคามิจิติดกระเป๋าฉันมาน่ะ”
“หนังสืออ่านเล่น” ฉันทวนคำ “ก็เอาไปคืนเขาสิคะ แล้วก็ขอโทษ บอกว่ามันติดกระเป๋ามาก็สิ้นเรื่อง”
“นั่นล่ะที่เป็นเรื่องลำบากใจ” คาบุรากิถอนหายใจดังเฮือก
“ขอถามหน่อยได้มั้ยคะว่ามันคือหนังสืออะไร ท่านคาบุรากิถึงได้ดูลำบากใจขนาดนี้”
“มันคือ…..มันคือ...สิ่งที่...ดูเหมือนจะเรียกว่านิยาย Boy’s Love น่ะ”
“เอ๋”
“ฉันก็รู้มาบ้างว่าผู้หญิงเขาชอบอะไรแบบนี้กันใช่มั้ยล่ะ แต่ก็ไม่นึกเลยว่าทาคามิจิจะชอบกับเขาด้วย”
“แล้วยังไงคะ อย่าบอกนะว่าเปิดอ่านข้างในด้วยใช่มั้ยคะ….”
“ใช่...แต่อย่าเพิ่งตำหนิฉัน” คาบุรากิรีบยกมือห้าม ก่อนที่ฉันจะหลุดคำว่าเสียมารยาทออกไป “ฉันก็แค่อยากรู้ว่าทาคามิจิชอบอะไรแล้วก็พยายามจะทำความเข้าใจเท่านั้นเอง ก็เลยว่าจะลองดูนิดๆหน่อยๆ”
“แล้วดีรึเปล่าล่ะคะ”
“ไม่เลย ไม่ซักนิด” คาบุรากิส่ายหน้าหวือๆ “โดยเฉพาะอย่างยิ่งนิยาย Boy’s Love ที่มีชื่อฉัน ชื่อชูสุเกะ แล้วก็ชื่อของมิซึซากิเป็นตัวเอกอยู่ด้วย”
“เห๊ะ!!”
ฉันเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจที่ได้ยินเรื่องนี้ออกจากปากคาบุรากิ ใจหายวาบลงไปอยู่ตาตุ่ม
คาบุรากิรู้เรื่องนี้แล้วเหรอ
หมอนี่จะโวยวายใช้อำนาจของจักรพรรดิสั่งให้หาตัวคนเขียนออกมาขอโทษแล้วสั่งห้ามเขียนต่อไปรึเปล่าล่ะเนี่ย ไม่นะ อาจารย์เซ็นโนะกำลังตกอยู่ในอันตราย ฉันต้องรีบเตือนทุกคนที่อยู่ในเว็บบอร์ดลับให้ระวังตัวเอาไว้ก่อน
“ในเรื่องนั้นน่ะ...ฉันถูกชูสุเกะกับมิซึซากิ...ทำเรื่องแบบนั้น” คาบุรากิเล่าอย่างกระท่อนกระแท่น สีหน้าดูสะพรึงกลัวยามเมื่อนึกถึง “แถมยังถูกจับมัดล่ามโซ่ ถูกแส้ฟาด แล้วก็ใช้อุปกรณ์….”
ฉันกระพริบตาปริบๆปรับจูนความคิดให้เข้าที่
ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ผลงานของอาจารย์เซ็นโนะ เพราะปกติแล้วงานของอาจารย์มักจะนุ่มนวลชวนฝัน เต็มไปด้วยความโรแมนติค สำนวนภาษาก็เหมือนบทกวี ไม่ใช่ความดิบเถื่อน ใช้โซ่แส้กุญแจมือแบบนี้
“พอได้อ่านแล้วก็เลยเข้าหน้าไม่ติดสินะคะ”
“ก็ใช่น่ะสิ” คาบุรากิพิงพนักเก้าอี้ ดูท่าทางหมดแรง “ทีแรกฉันก็ว่าจะโวยวายที่ใครก็ไม่รู้เอาชื่อของฉันกับชูสุเกะมาเขียนแบบนี้ แต่พอนึกได้ว่าทาคามิจิชอบ ฉันก็พูดไม่ออก”
“อืม…”
ประตูห้องประชุมเล็กเปิดออกพร้อมการปรากฎกายของเอ็นโจ โอ้ มาได้จังหวะดีมาก มาช่วยฉันปลอบเพื่อนนายหน่อยสิ
“ทำอะไรอยู่น่ะ”
“คุยเรื่องทาคามิจิ”
“เรื่องนั้นน่ะเหรอ” เอ็นโจถาม คาบุรากิก็พยักหน้าตอบแบบเนือยๆ “คุณคิโชวอินพอจะมีคำแนะนำอะไรดีๆบ้างมั้ย”
ถ้าเอ็นโจรู้เรื่องแล้ว คงไม่จำเป็นต้องเกริ่นนำเท้าความอะไรให้เยิ่นเย้อหรอกมั้ง...เอ้า อธิบายไปเลยก็แล้วกัน
“ถ้าเป็นเรื่องนิยาย Boy’s Love ล่ะก็...ไม่จำเป็นต้องไปซีเรียสหรอกค่ะ” ฉันให้คำแนะนำไปอย่างเอื้ออารี “ความจริงแล้วมันก็เป็นจินตนาการของผู้หญิงเท่านั้นเอง ถ้าจินตนาการนั้นไม่ทำให้ท่านคาบุรากิเดือดร้อนในชีวิตจริงหรือมีคนมาก้าวก่ายคุกคามความเป็นส่วนตัว ก็หลับตาลงซักข้างปล่อยผ่านไปเถอะค่ะ”
“แต่...ทาคามิจิจะไม่เข้าใจฉันผิดเอาเหรอ”
“ฉันคิดว่าคุณทาคามิจิแยกแยะออกนะคะ”
“ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมผู้หญิงถึงได้ชอบอะไรแบบนี้กันนะ” เอ็นโจยิ้มฝืดๆ “มันดีตรงไหนกันเหรอ”
“มันก็….”
ว่าแล้วฉันก็เลคเชอร์เรื่องชายหนุ่มที่มีโมเมนต์ร่วมกันทำให้สาวน้อยรู้สึกตื่นเต้นในหัวใจจนจินตนาการเตลิดเปิดเปิงไปว่าทั้งคู่จะมีความสัมพันธ์แบบไหนกันนะ พอได้คิดแล้วก็จะมีความสุข หัวใจพองโตไปกับความรักของหนุ่มๆเหล่านั้น
คาบุรากิกับเอ็นโจกระพริบตาปริบๆเหมือนกำลังพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่ฉันพูด แล้วก็ลอบมองกันเป็นระยะๆ
“พอจะเข้าใจมากขึ้นมั้ยคะ”
“ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี” คาบุรากิส่ายหน้า “การที่ฉันใช้ผ้าขนหนูแบบเดียวกับชูสุเกะหรือฉันเผชิญหน้ากับมิซึซากิจะเป็นโมเมนต์ให้จินตนาการได้ยังไงกัน”
“ก็นั่นผู้หญิงเขามองว่าเป็นสิ่งที่น่ารักยังไงล่ะคะ แล้วมันก็มีช่องว่างให้คิดต่อยอดได้ด้วยสิ ถ้าเคมีของทั้งสองฝ่ายเข้ากันดี เขาก็เรียกว่าเป็นคู่จิ้นกันน่ะค่ะ”
“อย่างนั้นหรอกเหรอ” เอ็นโจพยักหน้า
“และเดี๋ยวนี้ดารากับไอดอลก็ขายความเป็นคู่จิ้นกันมากขึ้นเรื่อยๆเพื่อเรียกแฟนคลับให้มาติดตาม ทางค่ายก็ส่งเสริมเรื่องนี้ด้วย เขาเรียกว่าแฟนเซอร์วิสยังไงล่ะคะ หยอดโมเมนต์เล็กๆน้อยๆเพื่อแฟนคลับเป็นการซื้อใจอีกฝ่าย”
“แต่ฉันไม่ได้อยากให้ใครมาติดตามทั้งนั้นนะ” คาบุรากิประท้วง
“แหม ก็คุณทาคามิจิชอบนี่คะ ก็ยอมๆเสียสละตัวเองนิดหน่อยเพื่อเอาใจคนที่ชอบสิคะ ไม่สึกหรอหรอก”
“ต้องทำถึงขนาดนั้นเลยเหรอ” เอ็นโจทำท่าลำบากใจ
“ก็ไม่ได้จะให้ไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอะไรหรอกนะคะ และถ้าเป็นการแสดงมันจะดูฝืนๆไม่เป็นธรรมชาติพาลให้คิดว่าเฟคเอาได้ พวกท่านคาบุรากิก็ทำตัวไปตามปกติอย่างที่เป็นแบบทุกวันนี้ก็พอแล้วล่ะค่ะ ที่เหลือก็ปล่อยให้เขาไปคิดต่อเองดีกว่า อาจจะได้เรื่องคุยกับคุณทาคามิจิเพิ่มขึ้นก็ได้นะคะ”
“เข้าใจแล้ว” คาบุรากิพยักหน้าดูเหมือนจำยอม
“คุณคิโชวอินรู้เรื่องนี้ละเอียดดีจัง...ชอบอะไรแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ” เอ็นโจถามยิ้มๆ
“เป็นการศึกษาผู้คนในหลายๆรูปแบบเพื่อจะได้เข้าใจความเป็นไปของโลกอย่างถ่องแท้ค่ะ” ฉันตอบเร็วปรื๋อด้วยคำตอบที่ซ้อมมาไว้ล่วงหน้าแล้วถ้าเผื่อถูกถาม จากนั้นก็แกล้งทำเป็นมองนาฬิกา “ได้เวลาต้องไปที่ชมรมแล้ว ต้องขอตัวก่อนนะคะ”
เอ็นโจกับคาบุรากิคว้ากระเป๋าเดินออกจากห้องประชุมเล็กมาพร้อมกับฉัน พอถึงทางแยกที่จะเดินไปลานจอดรถกับไปที่ชมรม เราสามคนก็แยกย้าย สองคนนั้นไปอีกทาง ฉันก็ไปอีกทาง
เมื่ออยู่ในทางเดินที่ว่างเปล่าไม่มีใครผ่านไปผ่านมาแล้ว มุมปากฉันก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
การชงของฉันไม่เสียเปล่าจริงๆ
ในโลกเดิมของฉัน การ์ตูนเรื่องนี้ได้รับความนิยมมาก เพราะฉะนั้นก็เลยมีผลิตภัณฑ์จากแฟนๆให้เสพได้ไม่ขาดสาย ทั้งแฟนอาร์ต แฟนฟิคที่อ่านทีไรก็รู้สึกชุ่มชื้นหัวใจทุกครั้ง แน่นอนว่ารวมทั้งสาย BL ด้วย
ตอนจบของการ์ตูนคือการที่วาคาบะจังได้ครองคู่กับคาบุรากิก็จริง แต่ในเรื่องก็ยังเปิดช่องว่างให้จินตนาการถึงคู่อื่นๆด้วย และคู่ของคาบุรากิกับเอ็นโจได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากความสัมพันธ์ของสองคนนี้ รองมาก็คือคาบุรากิกับมิซึซากิ
ฉากที่เอ็นโจออกมาทำอะไรเพื่อคาบุรากิ ฉันก็มักจะคิดว่าน่ารักจังเลยน้า จินตนาการเตลิดเปิดเปิงไปว่าเอ็นโจทำถึงขนาดนี้ต้องแอบรักคาบุรากิอยู่แหงๆ จะเจ็บปวดขนาดไหนกันนะที่ต้องคอยชงให้เพื่อนไปกับคนอื่น แต่ก็ดูยินดีที่จะทำเพื่อคาบุรากิ ช่างเป็นรักที่บริสุทธิ์อะไรเช่นนี้
แน่นอนว่าแนวร่วมของฉันมีเพียบในอินเตอร์เน็ต มีหลายคนที่คิดตรงกับฉัน เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างสนุกสนาน เนื่องจากเป็นเรือใหญ่ก็มีฟิคสำนวนดีๆพล็อตเรื่องเจ๋งๆอยู่เยอะแยะ ฉันเข้าเว็บบอร์ดไล่อ่านฟิคตามคำแนะนำของคนนั้นคนนี้จนตาแฉะแทบไม่ได้หลับได้นอน
และเมื่องานคอมมิคเกะมาถึง ฉันก็ไปยืนต่อแถวซื้อโดจินชิและฟิคชั่นมาเก็บสะสม เซอร์เคิลของคนที่เส้นสวยๆชื่อดังๆนี่หมดไวเชียวล่ะ ต้องวางแผนการซื้อกับเพื่อนให้ดีๆ เตรียมเงินให้พร้อมแล้ววิ่งไปเซอร์เคิลถัดไป บางบูธก็มีของแถมแบบลิมิเต็ดอิดิชั่นเฉพาะในงานนี้ซะด้วยสิ
จะว่าไป ฉันยังไม่เคยไปคอมมิคเกะของที่โลกนี้เลยนี่นะ เปิดมือถือเช็คดูก็เห็นว่าอาจารย์เซ็นโนะจะออกผลงานใหม่ วางขายครั้งแรกในงานนี้ด้วย
ลองไปดูดีมั้ยน้า เผื่อจะได้ลายเซ็นจากมืออาจารย์เซ็นโนะตัวจริงเสียงจริง
----------------------------------------------------
ตอนหน้าเอามุมมองใครดี 555555555555555555
ยอดมาก คาบุเอ๋ย คนจริงจังอย่างนาย... จะยอมเซอร์วิสวาคาบะจังไปถึงไหนนะ 555
ไม่มีใครทำฟิคท่านอิมาริกะท่านพี่ไว้ข้างทางบ้างหรอ ให้มาเบิกเนตรเจ้าแม่หน่อย ของดีอยู่แค่เอื้อม ท่านพี่กลับบ้านมาเจอน้องสาวเอาแต่ถามว่าเมื่อไหร่เพื่อนจะมาเยี่ยมบ้านอีก
>>165 ต้องมีเหลือทิ้งไว้ในห้องสโมแน่ๆ! กำชับไว้ดิบดีว่านี่น่ะของตกทอดของผู้หญิงในpivoineเรา ห้ามตกถึงมือผู้ชายเด็ดขาด*ยื่นกุญแจ*
เปิดหีบ/ตู้ปุ๊ป มีหนังสือห่อปกสีพื้นเรียบๆจำนวนมากวางอยู่อย่างเป็นระเบียบ มีแค่ตัวอักษรสองตัวและตัวเลขกำกับไว้เหมือนเป็นรหัสอะไรบางอย่าง มีสมุดขาวประทับตราสโมสรอยู่แค่เล่มเดียวเป็นคู่มือการแกะรหัสตัวอักษรและตัวเลขบนหน้าปก
รหัสตัวอักษรกับตัวเลขคือรายละเอียดนิยาย วันชอทหรือลองฟิคหรือโดจิน คู่ชิปอะไร และเป็นเล่มที่เท่าไหร่
บางเล่มเป็นเล่มพิมพ์ก็จริง แต่บางเล่มก็ถึงกับเป็นลายมือของหลายคนเขียนฟิคต่อกันไว้เป็นหน้าๆ
ท่านเรย์กะสุ่มเปิดเล่มที่ดูไม่เก่ามากนัก เจอ อิมาริทาคาเทรุ ชื่อเรื่องถูกตั้งอย่างเรียบง่ายว่า “ฝนตกในวันทัศนศึกษา” ปกนอกเป็นสีน้ำตาลเข้ม แต่ปกในกลับเป็นรูปท่านพี่นั่งพิงท่านอิมาริในชุดยูกาตะที่หลุดรุ่ยไปเกินครึ่ง โดยท่านอิมาริที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง ฝังใบหน้าลงบนหัวไหล่ของท่านพี่ มือข้างหนึ่งวางอย่างหมิ่นเหม่บนต้นขา ส่วนอีกข้าง…//ปิดหนังสือลง ไม่กล้าเปิดมากกว่านั้น
พลิกดูอันเก่าๆที่เขียนด้วยลายมือบ้างชื่อคู่ชิปคือ คาบุรากิ/คิโชวอิน คนหนึ่งเป็นผู้ชายเคร่งขรึมบ้าหนังสือ อีกคนเป็นผู้ชายเจ้าชู้รักการกินขนมหวาน ทั้งสองคนมักจะเถียงกันเป็นประจำในห้องสโมสร มีเครื่องหมายคำถามไว้ตรงกลางตัวโตๆ ตามด้วยลายมือคนเขียน“ไม่รู้ตรงกลางจะเป็นไง แต่ตอนจบคือรักกันแต่ต้องแต่งงานคลุมถุงชนตามประเพณีล่ะนะ”
มีคอมเม้นด้วยดินสอเลือนๆเขียนเอาไว้ว่า ไม่ได้นะ! เธอต้องมาแต่งให้ครบซี่~ แต่พลิกหน้าถัดไป กลับเหลือเพียงแค่รอยกระดาษฉีก ตรงปกหลังเขียนว่า เขาหมั้นไปแล้ว สั้นๆ
…
แค่ก กูขอโทษ กาวฟุ้งไปหน่อย
แต่ถ้าท่านเรย์กะเปิดไปเจอคู่ประธานปีที่แล้วสายซีกับคุณโทโมเอะจะเป็นยังไงนะ——
พวกเมิ้ง~ สายซีแปลว่าอะไรวะ
อ่อ กูกูเกิ้ลสายซีเจอละ แท้งกิ้ว
>>169 มา!!
"ถ้าคนน้องไม่ได้" โทโมเอะเชยคางผู้เป็นรุ่นพี่ด้วยปลายนิ้ว "แล้วคนพี่ล่ะได้มั้ย"
ทาคาเทรุยังคงยิ้มแบบไม่ยี่หระ แม้จะถูกแตะเนื้อต้องตัวในระยะล่อแหลม แต่ยังไม่ทันทีจะได้พูดอะไรออกไปก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านข้างเสียก่อน
"คนพี่ยิ่งไม่ได้เข้าไปใหญ่"
โมโมโซโนะ อิมาริ คนดังของซุยรันและในแวดวงสังคมชั้นสูงโผล่มายืนข้างๆ โอบเอวเพื่อนสนิทเอาไว้ ดึงเข้าหาตัวให้พ้นระยะที่มือของโทโมเอะเอื้อมถึง ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มประดับ แต่แผ่รังสีมืดทะมึนเสียยิ่งกว่าคิโชวอิน ทาคาเทรุตอนหวงน้องสาวเสียอีก
"เห" โทโมเอะเลิกคิ้ว แต่ปากยังคงยิ้ม
"มีธุระอะไรกับทาคาเทรุ ก็มาคุยกับฉันได้นะ คุณโทโมเอะ ฉันจะรับฟังเอง"
---------------
ตัดจบแค่นี้ ถถถถถถถ
พบกันอีกครั้งกับซีรีย์สาววายซุยรัน
ความเดิมตอนที่แล้ว >>>/webnovel/5401/159-161
--------------------------
ระยะนี้ ฉันติดนิยายมากเลยล่ะค่ะ
ฉันพบนิยายเรื่องนี้ในเว็บบอร์ดแห่งหนึ่งที่ดูเหมือนจะมีแต่เด็กซุยรันทั้งนั้น มันเป็นเว็บบอร์ดปิดที่มีการคัดเลือกสมาชิกอย่างเข้มงวดและมีแอดมินคอยควบคุมดูแลอยู่อย่างใกล้ชิด ทางเข้าบอร์ดก็ลึกลับ ไม่มีทางหาเจอในเว็บ Serch Engine เด็ดขาด หากอยากจะเข้าเป็นสมาชิกต้องให้เพื่อนที่เป็นสมาชิกอยู่ก่อนหน้านี้แนะนำมา และต้องตอบคำถามแอดมินให้ได้เสียก่อน
ฉันเคยได้ยินเรื่องร้านเก่าแก่ที่หากอยากจะเป็นสมาชิกต้องให้สมาชิกที่อยู่มาก่อนหน้านั้นรับรองตัวตนเสียก่อน ไม่งั้นล่ะก็...ต่อให้รวยล้นฟ้าแค่ไหนก็ไม่มีสิทธิ์เข้า ไม่นึกเลยว่าระบบนี้จะถูกนำมาใช้กับเว็บบอร์ดด้วย สมกับเป็นโรงเรียนของเหล่าคุณหนูและคุณชายจริงๆ
เนื่องจากเว็บบอร์ดแห่งนี้หาทางเข้ายาก สมัครก็ยาก สมาชิกทุกคนจึงทำตัวดีเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้ล็อกอินของตัวเองโดนแบนและบล็อก IP Address ทุกวันในบอร์ดจึงผ่านไปด้วยความสงบสุขและเอื้ออารีต่อกัน คู่ชิพแต่ละฝ่ายต่างก็หลีกเลี่ยงที่จะเปิดสงครามกัน หลบมุมอยู่ในที่ของตัวเองกันไปตามประสา
กฎเหล็กอีกอย่างของบอร์ดนี้คือ ห้ามสร้างความรบกวนหรือคุกคามชีวิตให้กับบุคคลที่ถูกจับมาจิ้นเด็ดขาด ถ้ากรี๊ดกร๊าดเรื่องนี้แบบเปิดเผยออกนอกหน้ามากไป เว็บบอร์ดนี้ก็อาจจะเป็นอันตรายจนต้องถูกปิดได้ ทุกคนก็ดูจะปฏิบัติตามกฎข้อนี้กันดี เรื่องการมีอยู่ของเว็บบอร์ดเลยไปไม่ถึงหูพวกคาบุรากิคุงและเอ็นโจคุงที่ทรงอำนาจในซุยรันเลย
ข้ามเรื่องยิบย่อยพวกนั้นไปก่อน กลับมาที่นิยายกันต่อ...คราวแรกที่ฉันเข้าเว็บบอร์ดนี้มาก็พบกับความตื่นตาตื่นใจหลากหลายอย่าง มีฟิคและแฟนอาร์ตมากมายให้เลือกเสพ ฉันคลิกสุ่มๆเข้าแต่ละกระทู้ แล้วก็พบกับของดีเข้าให้
กระทู้ที่ลงนิยายเรื่องนี้ขึ้นคำว่า Hot! อันเป็นกระทู้ที่มีคนเข้าไปตอบข้อความเยอะมาก คู่มากับกระทู้ของล็อกอินที่ชื่อเซ็นโนะ มันเป็นกระทู้นิยายที่จบไปแล้วและได้รับการตีพิมพ์เป็นเล่มแต่ยังได้รับความนิยมอยู่ บางคอมเมนต์ก็ขอภาคสองด้วยซ้ำ
อ่านไปไม่ถึงครึ่ง ฉันก็รีบหลังไมค์หานักเขียนเพื่อจะติดต่อขอสั่งซื้อหนังสือ อดใจที่จะไม่อ่านในเว็บบอร์ดให้จบ ไปลุ้นในเล่มแทน
ไม่กี่วันหลังจากนั้นมันก็มาส่งที่บ้าน วันแรกที่ได้รับมาฉันก็เอาติดตัวออกไปอ่านข้างนอกด้วย แต่อ่านเพลินไปหน่อยจนเกือบลงสถานีรถไฟที่นัดกับคาบุรากิคุงไว้แทบไม่ทัน แถมรีบวิ่งมาจนลืมเก็บนิยายลงกระเป๋าอีกต่างหาก เห็นคาบุรากิคุงจ้องเป๋งมาที่นิยายในมือฉัน ต้องเอาหนังสือเคมีมาบังไว้เบี่ยงเบนความสนใจไปก่อน
พอกลับมาถึงบ้านฉันก็บอกกับแม่และน้องว่าทานข้าวเย็นมาแล้ว แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ส่วนน้องชายก็มีแซวๆเรื่องผู้ชายมาส่งที่บ้าน ฉันเลยตบหัวไปหนึ่งทีด้วยความรัก แล้ววิ่งขึ้นบันไดกลับเข้าห้องนอน อยากอ่านนิยายตอนต่อจะแย่อยู่แล้ว
อ้าว ไม่มี
ฉันหยิบของในกระเป๋าออกมาเรียงทุกชิ้น แต่ไม่พบนิยายเรื่องนั้นอยู่ที่ไหนเลย ลืมไว้ที่ร้านติวหนังสือวันนี้รึเปล่านะ
หรือว่า…
ฉันเม้มปากแน่นตอนที่จ้องโทรศัพท์ในมือ หน้าจอค้างไว้ที่รายชื่อของคาบุรากิคุง
ปกติเราก็โทรคุยกันหรือเมล์หากันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่คราวนี้จะให้เมล์ไปถามว่า “ขอโทษนะ คาบุรากิคุงเก็บหนังสือของฉันไว้รึเปล่า” มันคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะมันคือหนังสือนิยาย Boy’s Love
ยิ่งไปกว่านั้น หนังสือเรื่องนั้นมีตัวเอกฝ่ายเคะคือคาบุรากิคุง ส่วนเซเมะมีสองคนคือเอ็นโจคุงและมิซึซากิคุง ถ้าเมล์ไปถามมันจะเป็นการกระโตกกระตากเกินไปรึเปล่านะ คาบุรากิคุงอาจจะไม่รู้ถึงการมีตัวตนของนิยายเล่มนั้นอยู่ก็ได้ เกิดไปจุดประเด็นให้สงสัยเดี๋ยวจะยุ่งไปกันใหญ่ ถ้าเกิดคาบุรากิคุงเอาชื่อเรื่องไปหาล่ะก็..งานเข้าแหงๆ
เอาไว้วันจันทร์ค่อยแย็บๆถามดูก็แล้วกัน
วันจันทร์มาถึง ฉันกะว่าจะไปหาคาบุรากิคุงซักหน่อย แต่น่าแปลกที่หาที่ไหนก็ไม่พบ ทั้งๆที่คาบุรากิคุงออกจะโดดเด่นแท้ๆ รู้สึกเหมือนหยั่งกะโดนหลบหน้ายังไงยังงั้นล่ะ
กำลังคิดว่าถ้าเจอหน้าจะเกริ่นๆเรื่องนิยายอย่างไรดี อยู่ๆคาบุรากิคุงก็เป็นฝ่ายมาหาเองในเช้าวันอังคาร เอาถุงกระดาษห่อด้วยริบบิ้นมาให้ ลองเปิดดูก็พบว่ามันคือนิยายของฉันเล่มนั้นเอง
“มันติดกระเป๋าไปวันนั้นน่ะ” คาบุรากิคุงก้มหัวให้เล็กน้อย “ขอโทษด้วยนะที่ไม่รีบเอามาคืน”
“ไม่เป็นไรหรอก แค่เอามาให้ก็ดีใจมากแล้วล่ะ” ฉันส่งยิ้มให้ “ขอบคุณนะคะ”
คาบุรากิคุงยิ้ม แต่ดูอึกอักอย่างไรชอบกล ฉันเอียงคอเล็กน้อยแบบสงสัย
“มีอะไรรึเปล่า”
“ไม่มีอะไรหรอก” คาบุรากิคุงส่ายหน้า “แค่สงสัยว่านิยายพวกนี้มันสนุกตรงไหนน่ะ”
“คาบุรากิคุงจะลองอ่านดูมั้ยล่ะ จะได้รู้ไง” พอฉันแกล้งแซว คาบุรากิคุงก็สะดุ้ง
“ไม่เอาดีกว่า แค่เห็นหน้าปกฉันก็เกรงใจแล้วล่ะ”
เห็นท่าทางหวาดๆแบบนั้น ฉันก็พอจะเดาอะไรได้รางๆ….อ่านไปแล้วสินะ
คงเจอว่าตัวเองถูกกระทำอะไรบ้างในนิยายคงจะผวาไม่น้อย ถ้าไม่เป็นแผลใจไปก็ดีน่ะสิ
ฉันทำเป็นไม่รู้เรื่องนั้น กล่าวคำอำลาขอตัวเข้าห้องเรียนคาบถัดไป คาบุรากิคุงทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่พูด เดินกลับเข้าห้องเรียนของตัวเองไปเหมือนกัน
คุณซึรุฮานะกระแนะกระแหนฉันเรื่องนี้ในช่วงพักกลางวัน แต่ฉันทำเมินๆไม่สนใจ นึกถึงแต่นิยายเล่มนั้นที่จะได้อ่านต่อซักที อุตส่าห์อดใจรอไม่อ่านในเว็บบอร์ด ลงแดงจะแย่อยู่แล้ว
.
.
.
ช่วงนี้งานแข่งกีฬาใกล้เข้ามา ฉันเองก็ลงวิ่งแข่งกับเขาเหมือนกันก็เลยต้องอยู่ซ้อมหลังเลิกเรียนด้วย มองหาคุณคิโชวอินก็ดูจะลงแข่งปาบอลอย่างเคย และกำลังซ้อมโยนบอลลงตะกร้าอย่างแข็งขัน ดีล่ะ ฉันก็ต้องตั้งใจด้วยเหมือนกัน
ขณะกำลังวอร์มร่างกายอยู่ก็ได้ยินเสียงกรี๊ดดังมาจากอีกฟาก เป็นคาบุรากิคุงกับเอ็นโจคุงตามคาด สองคนนั้นกำลังซ้อมวิ่งแข่งกันอยู่อย่างเคย วิ่งเร็วกันจังเลยน้า
คาบุรากิคุงกับเอ็นโจคุงซ้อมวิ่งเสร็จก็กลับมาที่กระเป๋าข้าวของของตัวเองที่อยู่ใกล้ๆกับจุดที่ฉันวอร์มร่างกายอยู่พอดี เอ็นโจคุงหยิบเครื่องดื่มเกลือแร่ให้คาบุรากิคุงที่เดินตามมาจากด้านหลัง
“เปิดยากชะมัด” คาบุรากิคุงนิ่วหน้าหน่อยๆตอนที่พยายามจะงัดห่วงเปิดกระป๋องแต่ทำไม่ได้ซักที เอ็นโจคุงยิ้มน้อยๆก่อนจะฉวยเอากระป๋องไปเปิดให้
“ต้องให้ดูแลตลอดเลยนะ มาซายะ”
“หนวกหูน่า” คาบุรากิคุงทำหน้ามุ่ย แต่ก็ยอมรับกระป๋องที่เอ็นโจคุงเปิดให้แต่โดยดี ยกขึ้นมาดื่มแล้วก็คุยกับเอ็นโจคุงต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างเป็นธรรมชาติเหมือนสองคนนั้นทำอะไรแบบนี้กันอยู่ทุกวันจนเป็นเรื่องธรรมดา
อุ๊ยตาย…
ฉันเกือบจะกรี๊ดออกไปแล้ว แต่ปิดปากตัวเองไว้ได้ทัน
ฉากนี้มัน...เหมือนในฟิคที่อ่านเมื่อคืนเลยนี่นา
เอ็นโจคุงที่คอยดูแลเทคแคร์คาบุรากิคุงตลอดก็ใช่ คาบุรากิคุงที่ทำหน้ามุ่ยเพราะเขิน แต่ก็ยอมให้เอ็นโจคุงดูแล มันช่างเรียลอะไรเช่นนี้
ฉันมองไปรอบๆเพื่อจะดูว่ามีใครสังเกตเห็นโมเมนต์นั้นเหมือนฉันมั้ย ก็เห็นคุณคิโชวอินจ้องเขม็งไปที่สองคนนั้น ริมฝีปากเหมือนอยากจะยิ้มแต่ก็ไม่กล้ายิ้มเต็มที่ หน้าของคุณคิโชวอินในตอนนี้ก็ดูเลยพิลึกนิดหน่อย
อื้อๆ ฉันเข้าใจอาการแบบนั้นนะ เห็นเหมือนที่ฉันเห็นใช่มั้ยคะ
ตอนซ้อมกีฬาวันนั้น ฉันไม่เป็นอันซ้อมเพราะสายตาคอยแต่จะมองหาโมเมนต์ของคาบุรากิคุงและเอ็นโจคุงอยู่เรื่อย คาบุรากิคุงที่ยิ้มกับหัวเราะตอนที่คุยกับเอ็นโจคุงให้ความรู้สึกว่าช่างน่ารักอะไรอย่างนี้
เท่านั้นยังไม่พอ ตอนเลิกซ้อมกีฬาฉันก็เจอสองคนนั้นอีกครั้งในโรงอาหารกำลังซื้อเครื่องดื่มอยู่ ดูเหมือนว่าคาบุรากิคุงอยากจะลองชิมเครื่องดื่มที่เอ็นโจคุงดื่มอยู่ก็เลยขอ เอ็นโจคุงก็ส่งให้ง่ายๆ
คาบุรากิคุงดื่มลงไปหนึ่งอึกก็เบ้ปากแล้วส่งแก้วคืนเจ้าของ
“ขมชะมัด กินเข้าไปได้ไงเนี่ย”
“มาซายะกินหวานเกินไปต่างหากล่ะ” เอ็นโจคุงหัวเราะแล้วก็ยกแก้วดื่มต่อ
..เอ๋ นี่จูบทางอ้อมใช่มั้ยคะ ตายแล้ว!!
ความตื่นเต้นฉันพุ่งสูงเกินระงับ เลือดสูบฉีดไปทั่วร่างจนรู้สึกเหมือนจะเป็นลม ส่วนสองคนนั้นไม่ได้สนใจคนอื่น พอกินเสร็จก็ทิ้งแก้วลงถังขยะ เดินออกจากโรงอาหารไปด้วยกัน
เหลือบมองคุณคิโชวอินที่ก้มหน้าลงมองพื้น คราวนี้เห็นว่ากำลังอมยิ้ม
นั่นแน่...กำลังคิดในเรื่องเดียวกันอยู่ใช่มั้ยคะ
ฉันที่กำลังฟุ้งซ่านสุดๆ พอขึ้นรถไฟกลับบ้านก็เปิดมือถือเช็คเว็บบอร์ด เจอกระทู้ที่เพิ่งตั้งแชร์โมเมนต์ของคาบุรากิคุงและเอ็นโจคุงในวันนี้ แม้จะตั้งมาไม่กี่ชั่วโมงแต่ก็ขึ้นแท่นกระทู้ฮอตเป็นที่เรียบร้อย มีรูปถ่ายจากที่ไกลๆแนบมาด้วย ถึงจะไม่ชัดนักแต่ก็พอดูออกว่าสองคนนั้นทำอะไรอยู่
“อ่อนโยนเหลือเกินค่ะ ท่านเอ็นโจ”
“เขายิ้มให้กันอ้ะ เขายิ้มให้กันอ้ะ แม่ขา หนูไม่ไหวแล้วค่าาาา”
“คอยดูแลตลอดไม่ให้ขาดตกบกพร่องเลยนะคะ แหม ทำขนาดนี้ก็แต่งๆกันไปเหอะค่ะ จะได้ไม่เป็นภาระกองอวย”
“น้ำแก้วนั้นไม่ต้องใส่น้ำตาลหรอกค่ะ เพราะมันหวานจากการกระทำของท่านทั้งสองยังไงล่ะคะ”
คอมเมนต์รันไวมาก ดูเหมือนทุกคนจะพร้อมใจกันหวีดร้อง แปะ Meme กันอย่างบ้าคลั่ง ฉันเองก็เข้าไปร่วมหวีดกับเขาด้วยเหมือนกัน ดีต่อหัวใจไม่ไหวแล้ว
ฟิคจำนวนมากมายก็ผุดขึ้นมาราวกับตาน้ำ ทั้งเรื่องสั้นและเรื่องยาวมีให้เลือกเต็มไปหมด คาบุรากิคุงกับเอ็นโจคุงช่างมีอิทธิพลต่อซุยรันเหลือเกิน
ไล่อ่านฟิคแต่ละฟิคที่ลง คืนนี้จะได้นอนมั้ยคะเนี่ย
----------------------------
ยังนึกบทอาริมะไม่ออกเลยเขียนวาคาบะก่อน
>>182-184 ถล่ำลึกเกินไปแล้ว วาคาบะ เมื่อก่อนเขาขรึมหล่อมาแค่ไหนก็เฉยๆ นี่เกือบหลุดกรี๊ดกร๊าดตามแฟนๆไปแล้วนะ ไม่สิการเข้าไปอ่านแล้วรีบตามซื้อทันทีแบบนี้ วาคาบะหรือความจริงแล้วเป็นสายนี้มานานแล้วกันน่ะ คิดแล้วเชียวสาวขยันหัวดีหน้าตาใช้ได้ หลุดม.ต้นมาโดยไม่มีแฟนมันต้องมีเหตุผล!!!!!!
ลงทุนเซอร์วิสสาวจริงๆ ด้วยสินะไซซายะ.... นับถือหัวใจนายจริงๆ ช่างแข็งแกร่ง
เอ็นโจก็ดันเอากะเค้าด้วย เพราะเพื่อท่านเรย์กะที่แอบมองอยู่ใช่ไหม หืม หืมมม
วาคาบะคงจะอยากให้พวกนายได้กันเองมากกว่าที่จะให้นายมาตามจีบอยู่แบบนี้ล่ะมั้ง มาซายะคลุงงง ถถถถถถ
>>182-184 วาคาบะจัง ดิฉันเข้าใจเธอ/ทาบอก คนที่สามารถอ่านนิยายsmฉากแรงๆได้หน้าตายแถมยังเบนไปหาหนังสือเคมีกลบเกลื่อนได้ แต่สำหรับฉากกุ๊กกิ๊กเล็กๆน้อยๆอย่างการเปิดขวดน้ำ ดูแลกันละกัน กลับควบคุมกล้ามเนื้อใบหน้าไม่ให้ไม่ยิ้มได้เนี่ย ฮรื่ออ เราเข้าใจมันดีย์ ทรมานสุดๆโดยเฉพาะเวลาไม่ได้อยู่กับเพื่อน ยิ้มกับนิยายกับโทรศัพท์เป็นคนบ้าเลย พอรู้ตัวก็ต้องดึงหน้า ออกมาแปลก(แบบท่านเรย์กะ)จริงหรอวะ ชห เข้าใจว่าตัวเองทำได้เนียนสุดในชีวิตแล้วนะ…
>>189 กูเคยเจอหนุ่มสองคนมีโมเมนต์น่ารักๆด้วยกัน เขาคงเป็นเพื่อนกันนั่นล่ะ แต่กูมันคนใจบาปเองที่จับพวกเขาจิ้น 5555555
มันฟีลเดียวกันเลยเว้ย รู้สึกโฮกกกก น่ารักกันจังเลยน้าพวกคุณ ดีต่อใจจริงๆ กูต้องห้ามตัวเองไม่ให้ยิ้มออกนอกหน้า ทำได้แค่เหล่แล้วเก็บมาอมยิ้มคนเดียว แถมมีสาวคนนึงที่อยู่ตรงข้าม เขาก็แอบเหล่คู่นั้นเหมือนกัน พอเงยหน้ามาสบตากับกูปุ๊บก็ยิ้มให้กันแบบรู้ทันทีว่า เธอคิดแบบเดียวกับที่ฉันคิดอยู่สินะ B1 ใช่ ฉันกำลังคิดอยู่เลย B2 สาววายซุยรันคงมีฟีลประมาณนี้มั้ง 5555555555555
>>192 กูไม่เคยกรี๊ดนะมึง พอเห็นแล้วกูก็จะทำหน้าแบบกลั้นยิ้มอ่ะ คือพวกมันเป็นเพื่อนสมัยม.ปลาย คงเป็นโมเม้นต์เอาฮามากกว่า เพื่อนกูซะอีกที่เอาลูกอมไปติดสินบนคู่จิ้นมันให้เซอร์วิสให้ดู ส่วนกู...ก็รับอานิสงค์ผลบุญจากเพื่อน
จริงๆเพื่อนกูคนนั้นก็ใส่ร้ายกูว่าเป็นคนเอาเรื่องมันไปเขียนนิยายวายด้วย กูมองทีไรมันก็จะบอกเพื่อนให้ระวังกูเอาไปแต่งเรื่อง แต่พวกมันอ่ะกลับมาเซอร์วิสกูเองโดยไม่ได้ขอ 5555
ขยะฟุโปรดกลับคอกนะครับ ขอความกรุณาด้วย
พวกฟุนี่ใส่ไฟเก่งจริง กูคือคาซาม่าโว้ย ไม่ใช่โทรล ไม่ใช่เด็กมัธยมเห่อหมอย คอกฟุเขาก็กั้นไว้แล้ว ทำไมไม่อยู่ให้เป็นที่ทางวะ
คาซาม่าคืออะไร
รู้แล้วก็ไม่ต้องไปสนใจนะเพื่อนโม่งนะ ลงฟิคกาวต่อเถอะ ข้าจาลงแดงแร้ววววว
โอ๊ยตายยยยกูตาย เจอฟิคสายวายไป55555 เออน่ากูก็ไม่ใช่สายวายแต่ฟิคมันน่ารักดีเป็นแค่ความจิ้นในจิ้นอีกที5555 ชอบเวลาพวกหนุ่มเจอแล้วแบบอะไรว่ะ5555
กูเคยเปิดอ่านการ์ตูนวายผ่านๆเลยแล้วพี่ชายกูมาเจอตอนฉากกำลัง.... มันบอกน้องกูเป็นคนแบบนี้หรอ แล้วก็ขำๆมันเป็นแค่ความชอบในจินตนาการไม่ได้ไปทำร้ายใคร แฟนกูก็ไม่ว่าอะไรนะมองขำด้วย พวกผู้ชายยังชอบสายยูริเยอะเลย บางคนแอบจิ้นด้วยซ้ำ
จริงๆฟิกมันก็ไม่วายนะ แค่ฟิกสาววานเฉยๆ. คาซาม่าใจเย็นๆ
เปิดมาเกาะประตูสโมสรรอกาวทุกวันเลยนะคะโม่งฟิคขา/ทำตาปิ๊งๆ
กูอยากแต่งฟิคถวายฮิโยโกะซามะว่ะ แต่คิดพล็อตไม่ออกเสนอมาที
ถ้าเป็นกาวอิ้งค์หย่อนลงไปคนจะแตกตื่นกันปะวะ..
นี่เพื่อนชวนไปดูไพ่ยิปซี ตอนหมอบอกให้ถามปัญหาอะไรก็ได้นี่กูควรถามว่าท่านเรย์กะจะออกตอนต่อไปเมื่อไหร่ จะเขียนต่อมั้ยได้รึเปล่าวะ หมอจะตอบกูได้มั้ย
พวกมึงว่าอาหารซังกับคานซัง ท่านเรย์กะรักใครมากกว่ากัน
คานซังชอบเจ้าแม่ แต่เจ้าแม่อยากหนีคานซัง อาหารซังเลยสละตัวเองเป็นพ่อสื่อแม่ชักให้เจ้าแม่ได้กับคานซัง
เอนโจคูงง~ ถ้าไม่หาพ่อสื่อดีๆเดี๋ยวเจ้าแม่จะโดนล่อลวงไปหาคานซังเอานา
กูเพิ่งลองดูบุพเพสันนิวาส ไม่รู้ทำไมนึกถึงท่านเรย์กะขึ้นมา
>>237 ก็คล้ายๆหลายอย่างนะ นางเอกชาติก่อนไม่สวย ไปเข้าร่างนางร้ายที่ตามกรี๊ดๆพระเอกจนเขาเกลียด ใช้วิธีเลวๆกำจัดผู้หญิงที่มาใกล้ชิดพระเอก แล้วก็เจอจุดจบแย่ๆ พอเข้าร่างนางร้ายมาก็เปลี่ยนไป เป็นคนน่ารักขึ้น ตลกเฮฮาขึ้น แล้วก็ทัวร์ชวนชิมในอโยธยาเช่นกุ้งเผา มะม่วงน้ำปลาหวาน หรือหมูกระทะ.....
เจ้าแม่โมเดล...
กูคิดถึงเจ้าแม่ เอ็นโจ วาคาบะ ยูกิโนะ ท่านพี่ เข้าโม่งมาด้วยความหวังเสมอว่าจะเจอข่าวสารว่าดิบอัพแล้ว แต่ก็ไม่... ฮือออออออ
มาต่อ >>>/webnovel/4296/5-9
กาลครั้งหนึ่งในฝัน เอ็นโจ's side story 5
*************
ท้ายที่สุดหนังในค่ำคืนวันคริสต์มาสอีฟที่คิดว่าเป็นหนังรักคอมเมดี้ก็กลับกลายเป็นโศกนาฏกรรม
ถ้าเพียงเรย์นะฉุกคิดให้เร็วกว่านี้หรือเปิดใจยอมรับชูจิเสียบ้างแต่แรก เรื่องก็คงไม่ลงเอยแบบนี้หรอก
แต่ก็นั่นแหละ ชูจิน่ะมัวแต่ทีเล่นทีจริงจนน่าขัดใจ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายใส่ ทั้งที่ก็รู้อยู่ว่าเรย์นะน่ะใจแข็งซื่อบื้อขี้หวาดระแวงแค่ไหน ซ้ำยังมีตัวร้ายที่คอยยุยงปั่นหัวอีก มาสารภาพรักก็ตอนที่สายไปแล้วทั้งหมด... เพราะปากหนักมาตลอดแท้ๆ
.....ถ้าพูดว่าสมน้ำหน้าจะเข้าตัวมั้ยนะ?
ไม่หรอกน่ะ ...ผมไม่รอให้สายไปแบบนั้นหรอกน่ะ
.
.
.
เวลาจวนเจียนจะค่ำ ร้านรวงที่ข้างทางประดับประดาไฟคริสต์มาสเริ่มเปิดไฟระยิบระยับสีสดใส คึกคักไปด้วยเหล่าคู่รักที่เดินควงคู่กันขวักไขว่ แม้จะไม่มีหิมะเสริมบรรยากาศ แต่ก็ยังคงให้ความรู้สึกที่โรแมนติกประหนึ่งต้องมนต์ความฝัน
ภายในรถเงียบสนิท นอกไปจากเสียงเครื่องยนต์ดังเบาๆแล้วก็ไร้ซึ่งเสียงใดอีก
ผมเหลือบมองคุณคิโชวอินที่นั่งอยู่ข้างๆ เหม่อมองข้างทางที่ค่อยเคลื่อนผ่านไป ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ แต่สีหน้าที่สะท้อนจากกระจกรถนั้นเห็นจะปรับเปลี่ยนอารมณ์ไปเรื่อย บ้างก็ยิ้มให้กับต้นคริสต์มาสยักษ์ที่ประดับไฟสวยงาม บ้างก็เหมือนจะอิจฉาคู่รักบางคู่ข้างนอกนั่น บ้างก็เหมือนจะนึกสงสัยหรือคิดอะไรสักอย่าง
เหมือนกับตอนเช้าเลยแฮะ ทั้งที่ร้องไห้เพราะหนังเศร้า แต่พอได้เห็นแพนเค้กก็ยิ้มแป้นทันที
ช่างเป็นคนที่เปลี่ยนสีหน้าได้รวดเร็วจริงๆ มองได้ไม่มีเบื่อเชียวล่ะ
ผมบีบมือของคุณคิโชวอินที่กุมไว้เบาๆ ไม่รู้ว่าเพราะมัวแต่คิดอะไรอยู่หรือว่าคุณคิโชวอินเหนื่อยที่จะมาดุว่าเนียนจับมืออีกแล้วกันแน่สิน่ะ แต่จะอย่างไหนก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดปล่อยมืออยู่ดีนั่นแหละ
วันนี้สนุกมากจริงๆ ไม่ว่าจะดูหนัง ดูท้องฟ้าจำลอง นั่งชิงช้าสวรรค์ หรือกินนู่นกินนี่ด้วยกัน อย่างกับเอาโชคทั้งชีวิตของตัวเองมาใช้ในวันเดียวอย่างนั้นแหละ ทว่าทั้งหมดนั้นไม่ใช่แผนการหลักของวันนี้หรอก
ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ คอยกระตุ้นตัวเองถึงแผนการหลักที่วางไว้ ทุกอย่างดูจะไร้ปัญหาใดๆ จะมีก็แค่สภาพจิตใจของตัวเองนั่นแหละที่ประหม่าเสียเหลือเกิน
ไม่เอาน่า ชูสุเกะ นี่หน้าด้านจูบหน้าผากเขาก็แล้ว ลากเขามาเดทวันคริสต์มาสด้วยก็แล้ว เนียนเรียกชื่อเขาจับมือเขาก็แล้ว กะแค่นี้จะมาประหม่าอะไรกันเล่า!
ทั้งที่พร่ำบอกตัวเองแบบนั้นแต่ความประหม่าก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย โดยเฉพาะยิ่งตอนที่เห็นป้ายบอกทางที่บ่งบอกว่าเข้าใกล้สถานที่เข้าไปเรื่อยๆทุกที
โชคดีที่ไม่ได้นั่งประจันหน้ากันอยู่ แถมในรถก็เริ่มมืด ไม่งั้นไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองจะทำสีหน้าแบบไหนอยู่น่ะสิ
มือของคุณคิโชวอินจู่ๆก็คล้ายจะกระตุกเบาๆ เหมือนสะดุ้งอะไรบางอย่าง แต่พอไถ่ถามก็ทำท่าทางบ่ายเบี่ยงไม่อยากจะตอบเสียเท่าไหร่ จนรถเริ่มเลี้ยวเข้าสู่เส้นทางที่ได้ตั้งไว้ คุณคิโชวอินก็ทำสีหน้าฉงน
"มีที่หนึ่งที่อยากพาไปน่ะ" ผมตอบ
คุณคิโชวอินทำหน้าตางุนงงยิ่งกว่าเดิม แต่ผมไม่ได้ตอบอะไรมากไปกว่านี้ ด้วยความประหม่าที่เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
****
ขับผ่านสถานที่เดทยอดนิยมก็หลายแห่ง ตามเส้นทางผู้คนเริ่มเบาบาง ไฟประดับคริสต์มาสเริ่มลดน้อย เมื่อรถเริ่มเคลื่อนออกชานเมืองโตเกียว ทุกอย่างก็คล้ายจะหลุดออกจากมนตร์วันคริสต์มาส
สู่สถานที่กาลครั้งหนึ่งในฝันของผม
ผมจูงมือคุณคิโชวอินเดินบนฟุตบาทที่เงียบสงบไร้ผู้คน ช่างแตกต่างกับตลอดทางที่เห็นในโตเกียว ความมืดที่ครอบคลุม มีเพียงแสงจากเสาไฟสาธารณะเป็นระยะ ต้นแปะก๊วยที่เรียงรายทั้งสองข้างทางคล้ายจะเป็นอุโมงค์ต้นไม้โดยธรรมชาติ พื้นเกลื่อนกลาดไปด้วยใบแปะก๊วยสีเหลืองทองประหนึ่งพรม ย่ำเดินทีก็มีเสียงกร็อบแกร็บของใบไม้ตลอดเส้นทาง
บรรยากาศที่ปลีกวิเวกแบบนี้ หากชายหนุ่มหญิงสาวได้มาเดินจับมือด้วยกันคงคิดได้สองอย่าง หนึ่งคือความโรแมนติกแบบโลกนี้มีเพียงสองเรา สองคือเป็นฉากต้นของนิยายฆาตกรรมอำพรางศพสักเรื่อง
ดูจากท่าทีล่อกแล่กของคุณคิโชวอินเห็นจะคิดเป็นแบบที่สอง
นี่เห็นผมเป็นคนยังไงกันเนี่ย เฮ้อ
เพราะคงจะต้องเดินอีกสักระยะหนึ่งก่อนจะถึงที่หมาย ผมจึงประสานมือคุณคิโชวอินไว้และเดินอย่างช้าๆกลัวว่าเท้าที่แพลงจะอักเสบขึ้นมาเสียก่อน
บนโลกนี้หากจะมีอะไรที่ผมจะสามารถเชื่อได้ สิ่งนั้นก็ต้องมีหลักฐาน มีความเป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่อะไรที่จับต้องไม่ได้สักนิดอย่างความฝัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานที่ในฝันนั่นยิ่งละเมอเพ้อพกเสียจริง แต่ถึงอย่างนั้นด้วยภาพความฝันที่ชัดเจนเสียเหลือเกิน ก็อดไม่ได้ที่จะให้คนช่วยสืบหา
ใครจะไปคาดคิด ว่าจะมีอยู่จริง
โบสถ์คริสต์สีขาวเด่นคุ้นตาตั้งตระหง่านที่ปลายอุโมงค์ต้นไม้ เสียงระฆังลั่นดังเหง่งหง่างบอกเวลาที่บรรจบไปอีกชั่วยาม เสียงเดียวกับที่ได้ยินในความฝัน คล้ายจะได้ยินเสียงออร์แกนบรรเลง "Here Comes The Bride" ที่มาซายะเล่นดังแว่วในโสตประสาท
ยิ่งเดินเข้าใกล้ตัวโบสถ์ ภาพความฝันนั่นก็ยิ่งทับซ้อนชัดเจนในความคิดราวกับเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ชุดซานต้าริน่าพลันกลายเป็นชุดแต่งงานสีขาวลายลูกไม้ชั่วพริบตาหนึ่ง น่าเสียดายที่ประตูโบสถ์ปิดแล้วไม่อย่างนั้นถ้าได้เข้าไปผมอาจแยกความจริงหรือความฝันไม่ออกไปแล้วก็ได้
คุณคิโชวอินจ้องมองโบสถ์ด้วยความพิศวงไม่วางตาไม่แตกต่าง จนเมื่อพวกเราเดินขึ้นมาจนถึงบันไดหินขั้นแรกของโบสถ์ ระฆังก็เงียบเสียงลง ออร์แกนที่บรรเลงแว่วในหัวก็แผ่วหาย ทุกอย่างกลายเป็นความเงียบงันอีกครั้ง ผมบีบมือคุณคิโชวอินเบาๆ สูดลมหายใจลึก นึกถึงคำพูดที่ได้เตรียมการไว้ พยายามขับไล่ผีเสื้อในมวลท้องให้ออกไปเสียที
"คุณคิโชวอิน" ผมหันหน้าสบสายตากลมโตคู่นั้น ทั้งที่ตลอดมาเป็นผู้ชนะในเกมแข่งจ้องตามาตลอด แต่คราวนี้กลับรู้สึกใบหน้าเริ่มจะเห่อร้อนขึ้นมาแล้ว รู้สึกคอชักจะแห้งผากขึ้นทุกที
"ผมอยากจะพูดอะไรกับคนคนหนึ่งน่ะครับ แต่ว่าบางคำมันก็ค่อนข้างจะติดขัด ถ้าพูดตะกุกตะกักคงไม่ดี ก็เลยอยากลองดูก่อน"
"คุณคิโชวอินช่วยรับฟังหน่อยได้รึเปล่าครับ"
---------------------
ไม่ได้แต่งฟิคนาน แปลกๆขออภัย
กูมาต่อเพื่อทวงตอนต่อค่ะโม่งฟิค อยากอ่านตอนต่ออออออ 5555
ตอนแรกเซ็งๆวาาฝนจะห่าอะไรตอนเช้า แต่ฟิคนี้ช่วยเยียวยาจิตใจกูวววว รักมึงมากเลยโม่งฟิค
กูก็อยากได้ตอนต่อเหมือนกัน จริงๆแอบอยากอ่านเรื่องของเรย์นะกับชูจิด้วย กูชอบอะไรแบบนี้โครตๆ 5555
จะลงแดงแล้วเมื่อไหร่ตอนต่อไปจะมา
กูมีคำถามทะลึ่งนิดๆมาถามว่ะ คือพอดีย้อนกลับไปอ่านตอนเก่าๆ เห็นประโยคคาบุรากิเย็นชาแต่เร่าร้อนกับวาคาบะ ไอ้คำว่าเร่าร้อนพวกมึงคิดว่ามันอยู่ในเลเวลไหนวะ เลเวลที่เหมาะกับเด็กดีและเยาวชนหรือเลเวลเด็กไม่ดี... แล้วคิมิดอลเนี่ยเป็นโชโจในแนวไหนวะ รักใสๆวัยสะรุ่นหรือแนวฟินจิกหมอน พระเอกนางเอกจุ๊บกันทุกตอนไรงี้
>>260 เร่าร้อนที่กูคิดคือ กับคนอื่นไซซายะมันจะเย็นชา ไม่คุยด้วย เงียบใส่ ใช้หางตามองแรง แต่กับวาคะจังนี่แทบจะปล่อยสวนอ้อยใส่ เร่าร้อนในมังกะกูว่าน่าจะอารมณ์ ยิ้มให้วาคะจัง พูดจาคมคาย คะเบะด้ง จูจุ๊บ ไรงี้นะ ในความคิดกูคิมิดอลมันน่าจะเป็นมังกะชีวิตสาวน้อยธรรมดาในโรงเรียนลูกคุณหนู มีคุณชายฟินๆให้คนอ่านกรี๊ดกร๊าด ไม่น่าจะเป็นโชโจ 15+ หรือ 18+ อ่ะนะ...
>>267 กูก็คิดน่า ถถถถถถถถถถถ
กูคิดว่าคิมิดอลมันสไตล์ประมาณเรื่องสาวแกร่งแรงเกินร้อย นางเอกสาวรากหญ้าพบรักกับหนุ่มหล่อไฮโซของโรงเรียนแต่ถูกขัดขวางโดยคนทั้งโรงเรียนและครอบครัวหนุ่มไฮโซคนนั้น โดยที่ครอบครัวเขาเตรียมหาคู่หมั้นที่เหมาะสมเอาไว้แล้วด้วย อาจจะยังไม่ถึงขั้นติดเรท แต่พวกฉากจูบแบบเอโร่ยๆหน่อยกูว่าก็คงมีอะ เอาไว้ให้คนอ่านฟินว่าพระเอกนางเอกเขาแสดงความรักกัน
แนวชินโจมายุอะหรอ......
กูคิดว่าไม่คิดเรทนะ เร่าร้อนนี่คือแสดงความรักปกป้องออกนอกหน้าไรงี้มั้ง คือในคิมิดอลวาคาบะจังเป็นแนว damsel in distress ไม่ค่อยสู้คนหรือเปล่า โดนรักแก พระเอกในมังงะเลยปกป้องอย่างเร่าร้อน ปะฉะดะกับคนอื่นไรงี้ ท่านเรย์กะวาร์ปมาเจอวาคาบะจังเป็นแบบชิลเก็บผักไปต้มกันยังมึนเล็กๆ
>>275 น่าจะกลายเป็นการ์ตูนตลกไปเลย 555555555555
สมมติว่าคาบุสนิทกับบ้านวาคาบะเหมือนเรย์กะ
คันตะ : นี่ๆ คุณคาบุรากิต้องเรียนพวกศิลปะการป้องกันตัวด้วยมั้ย แบบลูกเศรษฐีที่เห็นในละครน่ะ
คาบุ : ก็เรียนบ้างนะ แต่ก็ไม่ได้เก่งกาจนักหรอก
นัตสึมิ : แล้วเรียนอะไรบ้างเหรอคะ
คาบุ : หลักๆก็พวกยูโด คาราเต้ ยิวยิตสู แล้วก็กังฟู
น้องแฝดสองคนประสานเสียง : หวา เท่จังเลย กังฟูล่ะกังฟู
นัตสึมิ : ทำให้ดูหน่อยได้มั้ยคะ หนูอยากเห็นกังฟู
วาคาบะ : นี่ เดี๋ยวเถอะ ห้ามไปรบกวนคาบุรากิคุงนะ คาบุรากิคุง ขอโทษด้วยนะ ไม่ต้องไปสนใจที่เด็กพวกนี้พูดหรอก
คาบุ : ถ้าแค่นิดหน่อยล่ะก็...
วาคาบะ : เอ๋ จะดีเหรอ
คาบุ : อื้อ ไม่เป็นไรหรอก//ลุุกขึ้นยืนแล้วออกท่ากังฟูโชะๆ แบบมายู ชินโจ
บ้านทาคามิจิพากันประทับใจ เท่มากเลยล่ะ
>>278 ตามนี้ http://anitime.in.th/scoop/shinjo-mayu-the-mangaka-who-turned-internet-meme/
กูก็ไม่ได้อ่านหรอก แต่มีมกันจนรู้จัก 5555
>>279 กูฮา 555555555555555555
>>274 จะว่าไปในเรื่อง hana yori dango มันจะมีฉากคล้ายๆที่มึงยกมา มันเป็นตอนนางเอกไปหางานพิเศษได้เงินเยอะๆทำ กลายเป็นว่าโดนหลอกไปถ่ายหนังโป๊ แต่คนที่มาช่วยคือพระรอง
เรื่องนี้มันคล้าย kimi dolce จริงๆนะ ไอ้แนวความรักในรั้วโรงเรียน พระเอกรวยมหาศาล นางเอกจน เพื่อนพระเอกรูปงามคอยช่วยเหลือพระเอกนางเอก ตัวร้ายคุณหนูๆทำผมม้วน มีลูกน้องติดสอยห้อยตามสองคน มันเป็นสูตรสำเร็จของคุณหนูที่ต้องทำผมม้วนเหรอวะ
*ทางบ้านสิ ทางล้านอะไร 55555
>>286 ตัวไหนเป็นตัวละครคุณหนูทำผมม้วนๆหน่อยในซีรีย์พวกนี้ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าเป็นตัวร้ายแหงๆ ท่านเรย์กะในคิมิดอลเช่ก็มาตามขนบเดิมเป๊ะเลยนะ แต่พอมีวิญญาณสาวสามัญชนมาสิงร่าง มันก็กลายเป็นออกอวกาศไปแบบกู่ไม่กลับแล้ว.....
>>290 กูลั่นสาวเอ๊าะมาก 55555555555
พวกมึงว่าวาคาบะนี่หน้าตายังไงวะ มีคนบอกเรย์กะสวยเหมือนเจ้าหญิง น่ารักเหมือนตุ๊กตา อันนี้เรารู้กันอยู่แล้ว แต่วาคาบะส่วนใหญ่เวลาบรรยายถึงหน้าตาชอบมีสาวๆกระแนะกระแหนว่าขี้เหร่ ดูเอ๋อๆ หน้าตาธรรมดา แต่ระดับนางเอกมังงะจะหน้าตาธรรมดาจริงเรอะ อย่างน้อยมันก็ต้องดูดีเพื่อความฝันของนักอ่านกันมั่งล่ะน้า
>>294 มังงะพวกนี้มันจะชอบมีฉากนางเอกโดนจับไปแปลงโฉมออกมาสวยจนทุกคนตะลึง พระเอกมองตาค้างเลยนะ 5555555555
เอาจริงๆกูว่านางเอกโชโจส่วนใหญ่ก็สวยหรือน่ารักนั่นล่ะ แค่ไม่ใช่พวกแต่งตัวแต่งหน้ามาก แต่พอแต่งก็เป็นคนสวยคนนึงเลย ที่บอกว่าขี้เหร่หรือหน้าตาธรรมดาก็แค่ถ่อมตัวอ่ะ
>>293 แค่ไม่แต่งหน้ารึเปล่า ก็วาคาบะจังเป็นอารมณ์แบบเด็กทุนจนๆ เนิร์ดๆ (จริงๆเหมือนจะไม่เนิร์ดเท่าไหร่ แต่ภาพลักษณ์นางไปทางนั้นนนนอะไรงี้) พวกคุณหนูสาวแกลแอนด์คุณหนูหัวม้วนจะมองว่าหน้าจืดบวกดูโทรมเพราะอ่านหนังสือดึกก็ไม่แปลกหรอกมั้ง ไม่ได้ขี้เหร่แค่ไม่ได้ดูแลเท่าไหร่
กูว่าวาคาบะก็หน้าตาน่ารักนั่นล่ะ มีตอนนึงที่เรย์กะนางก็ชมว่าวาคาบะหน้าตาน่ารักด้วย แต่ในสายตาพวกไฮโซไฮซ้ออย่างพวกเด็กซุยรันก็จะเห็นว่าโทรมๆ ไม่โดดเด้งเท่าพวกนาง แถมยังมีพฤติกรรมทำให้รู้สึกติดลบ จะถูกมองว่าขี้เหร่ก็ไม่แปลก
กูว่าจำเป็นที่วาคาบะจะต้องน่ารัก เพื่อน้องเคนตะจะได้หล่อแบบเฮี้ยวๆ หน่อย หนุ่มเกๆ ที่มีความเอาใจใส่เป็นพ่อบ้านพ่อเรือนนี่มันโมเอะแก๊ปสำหรับกูมากมาย อุฮิ
พึ่งซื้อแฟนผมเป็นสาวอวบของบงกชมาอ่าน ทำไมกูนึกถึงท่านเรย์กะวะ ถ้ามีพระเอกแบบนี้อีกคนใน kimi dolce ก็ดี
ไม่ได้เข้าหลายวัน คุยกันน้อยกว่าที่คิดแฮะ
เห็นไอ้นี่ทีไร กูนึกถึงฟิคสาววายซุยรันขึ้นมาทันทีเลยว่ะ 555555555555555
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1305175099584775&id=792217704213853
จะมีใครในเรื่องมีโมเมนต์แบบนี้บ้างมั้ย ประมาณว่าสองหนุ่มคาบุเอ็นโจพยายามฮึด ทำตัวหล่อๆแมนๆใส่สาวๆเพื่อดึงนางกลับมาทางโชโจ แต่ดันกลายเป็นไปกระตุ้นให้นางจิ้นเตลิดเปิดเปิงกว่าเดิมอีก อยากเห็นแบบนี้จัง
ไม่ได้เข้าไปอ่านท่านเรย์กะซะนาน เพิ่งรู้จากเพื่อนว่าทันดิบแล้วเลยอ่านรวดเดียวหลังหยุดไปราวๆตอนที่ 190 กว่าๆมั้ง พออ่านจบเลยวิ่งเข้ากระทู้นี้ทันที พวกมึงยังคงคุยกันเยอะเหมือนเดิมเลยนะ กูต้องมาตามอ่านอีกแล้ว 5555555
เข้าเรื่องดีกว่า อ่านจบแล้วคันปากอยากเม้า คือตามความเห็นกู คิดว่าวาคาบะชอบคาบุแล้วว่ะ ดูมีความลงทุนทำข้าวกล่องมาให้ทุกวัน ตกลงไปดูดอกไม้ไฟกันสองต่อสองในสถานที่ปิดและเป็นส่วนตัว นางก็ไม่ใช่คนโง่หรือคนเอ๋อๆที่จะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ผู้ชายมาจีบโต้งๆแบบนี้ถ้าไม่เล่นด้วยคงปฏิเสธไปนานละ แต่นี่ดูยอมไปไหนมาไหนด้วยตลอด ก็คงชอบเขาแล้วล่ะ แต่ทางอาริมะจะคิดยังไงกับวาคาบะกูก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้อมูลน้อยไปไม่พอให้วิเคราะห์ แต่ถ้าเอาตามเส้นเรื่องเดิม อาริมะก็คงชอบวาคาบะเหมือนกัน
ส่วนเรย์กะกูมั่นใจมากว่านางชอบเอ็นโจ ดูจากพฤติกรรมทั้งหลายทั้งแหล่เวลามีผู้หญิงมาเข้าใกล้ โดยเฉพาะยุยโกะที่นางเหม่อมองตาม หมดอาลัยตายอยาก อารมณ์ขุ่นมัวตอนรู้ โกรธเวลาเขาอยู่ด้วยกัน หรือชอบเปรียบเทียบตัวเองกับเขาแล้วมาน้อยเนื้อต่ำใจเอง อย่างตอนทานาบาตะชัดมาก ยกย่องยุยโกะว่าใส่ชุดสีขาวแล้วสวยและดีกว่านาง ล่าสุดนางดูรีบและตื่นเต้นมากในการเลือกชุดใส่ไปเที่ยวกับเขา แต่กูจะเผื่อใจไว้นิดๆละกันว่านางแค่อยากไปดูดอกไม้ไฟ คนชวนจะใครก็ได้ตามประสาผู้ใหญ่บ้านคานทองที่ไม่มีหนุ่มมาชวนเที่ยว นอกนั้นกูคิดว่านางอยากไปกับเขาเองจ้า 5555555555555
อีกเรื่องนึงที่กูอ่านแล้วคิดได้คือ ตอนที่คาบุไปดึงแขนเรย์กะเข้าหาตัวที่ตอน 274 กูคิดว่านางเห็นฉากนั้นว่ะ เป็นเซนส์เฉยๆนะไม่มีเหตุผลหรอก แต่คิดว่าจังหวะมันเป๊ะเกินไป พอเรื่องจบวาคาบะเดินออกมาคุยหงุงหงิงกับอาริมะ เมินทั้งคาบุและเรย์กะไปเลย ทั้งที่อยู่ในระยะมองเห็นแท้ๆ ปกตินางเจอนางจะทักหรือไม่ก็ส่งสัญญาณภาษากายอะไรออกมาบางอย่างเป็นการทักทายน่ะ แต่กูอาจจะคิดมากไปเองถึงเรื่องนี้มั้ง วาคาบะอาจจะไม่เห็นอะไรเลย มาโรงเรียนตามปกติ ทักทายอาริมะ ไม่ทักคาบุกับเรย์กะเพราะกลัวโดนหาว่าไม่เจียมตัวอีกก็ได้
พวกมึงมีนิยายอะไรในแมวดุ้นแนะนำบ้างวะ ไม่มีท่านเรย์กะแล้วกูรู้สึกไม่มีไรอ่านเลยว่ะ
ความจริงคือหึงเรย์กะแล้วคิดว่าคาบุจะมาแย่งกันถถถถถ
เมื่อคืนกูมาพล่ามอะไรซะยืดยาว แต่ลืมหวีดท่านพี่กับอิมาริไปซะได้ ขออภัยเจ้าค่ะท่านพี่ หนูผิดไปแล้ว //หมอบกราบ
ตอนอิมาริเล่าเรื่องความหลังครั้งไปทัศนศึกษา แม่งโครตได้ฟีลผัวแอบหนีเที่ยวกลางคืนแล้วเมียถ่างตามารอยันสว่าง แถมมีไล่ออกจากห้องอีก กูล่ะแอบคิดว่าอิมาริคุยโทรศัพท์บอกรักสาวหงุงหงิงให้ท่านพี่ฟัง แถมชอบป้อเรย์กะต่อหน้าท่านพี่ รู้ว่าจะโดนท่านพี่ซ้อมแต่ก็ยังทำ จุดประสงค์คือจะยั่วให้เขาหึงใช่มั้ย เพื่อนกันใครจะมายั่วให้อีกฝ่ายมีน้ำโหบ่อยๆกันน้า
กูเคยจิ้นท่านพี่เมะ แต่เจอฉากท่านพี่ตื่นมารออิมาริที่หนีเที่ยวแล้วกลับสว่างแล้วก็เกิดการรีบะในทันใด ถถถถถถ
พวกมึงคิดว่า 20 เดือนนี้ท่านฮิโยโกะจะอัพมั้ยวะ
ส่วนตัวกูแล้วกูว่า... ให้คุกกี้ทำนายกัน//ร่ำไห้
ที่แกหายไปนานๆอาจจะไปตกลงเรื่อง lc กับสนพ.อยู่ก็ได้นะ บับแวร่โผล่มาก็มีรูปเล่มวางจำหน่ายเลยน่ะ
ลองมโนดูว่าท่านฮิโยโกะเป็นคนไข้นอนติดเตียงที่โรงพยาบาล ชอบดูหนัง ดูทุกเรื่องทุกแนว ช่วงที่หายไปนาน ๆ เพราะอาการทรุด ไม่มีแรงเขียน
เห็นกระทู้นี้แล้วนึกถึงคิมิดอลว่ะ https://pantip.com/topic/37466941
>>333 อ่านแล้วก็คิดนะว่า จะซื้อหุ้นของคิโชวอินได้ ฝั่งคาบุต้องทุ่มเงินขนาดไหน ต่อให้ฝั่งคิโชวอินย่ำแย่ใกล้เจ๊งแล้วก็เหอะ แต่ก็ต้องใช้เงินมากอยู่ดี แล้วพ่อคาบุจะยอมให้ลูกชายเอาเงินมาผลาญเพื่อซื้อกิจการช่วยคนรักขนาดนั้นเลยเรอะ แล้วฝั่งพ่อเรย์กะไม่มีอะไรรับมือเลยรึไงหว่า ตรงนี้อดสงสัยไม่ไดัจริงๆ
จริงๆคิโชวอินก็ใหญ่นะ ถ้าล้มละลายแล้วเศรษฐกิจไม่สะเทือนเรอะ ไหนจะเส้นสายหรือแบ็คอัพที่คิโชวอินมีอีก ทำเหมือนบ้านคาบุใหญ่โครตๆ บารมีคับฟ้า จะเอาเงินมาโปรยเล่นก็ยังได้ ส่วนคิโชวอินกระจอกงอกง่อยให้เขาเล่นงานได้ง่ายๆเลย
ถ้าไม่ได้ค่อยๆเก็บหุ้นบ.คิโชวอิน หุ้นก็คงติดฟลอร์ทุกวันอ่ะ เเต่อย่างบะกะระกี้ที่มีท่านจอมมารเอ็นโจช่วยคงใช้วิธีค่อยๆซื้อหุ้นเก็บแบบกระจายๆ ให้เนียนๆ คนจะไม่สงสัย
พอพวกมึงพูดถึงโลกความเป็นจริง กูก็คิดสงสัยว่าคาบุทำไมสนใจวาคาบะวะ คือแบบ เป็นทายาทก็ควรจะเล็งๆคนที่เหมาะสมไม่ใช่งั้นเหรอ เข้าใจนะว่าเรย์กะภาคคิมิแย่สุดๆ แต่ภาคนี้ไม่เลวร้ายเท่าไหร่ คาบุมันจะไม่เคยคิดเลยเหรอวะ ว่าแบบ เมียในอนาคตจะต้องเป็นคนแบบไหนถึงจะอุ้มชูกิจการได้ คิดภาพวาคาบะต้องดีลกับพวกคุณหญิงตอนเข้าคอร์สแล้วกูเครียดแทนวาคาบะเลย สมมติเค้าพูดถึงบัลเล่ต์กัน วาคาบะคงอึดอัด อพราะถึงจะหัวดี แต่คนไม่ชอบ พื้นฐานไม่ใช่ มันจะทนได้กี่น้ำเชียว อีกอย่างพื้นฐานนางก็ไม่ใช่คนคลั่งรัก จะปรับตัวเองสุดขั้วเพื่อผู้ชายนี่น่าจะยาก
>>341 คาบุมันเป็นพวกคลั่งรักต่างชนชั้น(ความรักที่มีอุปสรรคขัดขวาง)อ่ะมึง คนระดับเดียวกันถ้าไม่ใช่เอ็นโจ พวกยูริเอะ เรย์กะและผองเพื่อนหรือคนที่มันคิดว่าพอคุยกันได้ มันก็ไม่ค่อยสนใจนักหรอก ... อย่างวาคาบะนี่ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจแต่พอเห็นนางฉลาด มีความประหลาด แถมอยู่กันคนละระดับก็เลยพอดีกับสเปคที่ใฝ่ฝันหา
กูว่าคาบุมันคงยังไม่ได้คิดถึงว่าวาคาบะจะปรับตัวให้เข้ากับสังคมไฮโซยังไงทีล่ะมั้ง อีกอย่างกูว่าวาคาบะนางเป็นคนไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆนะ(ตามประสานางเอกมังงะแนวนี้แหละ) ยิ่งอดีตตัว(ที่ควรจะ)ขัดขวางอยู่ฝั่งนางกูว่าอะไรๆน่าจะง่ายขึ้นว่ะ
>>341 กูว่าคาบุมันโรแมนติคว่ะ ออกแนวตั้งเป้าไว้ว่าฉันจะแต่งงานกับคนที่ฉันรักเท่านั้น ไม่ว่าเขาจะเป็นใครหรือฐานะแบบไหน แบบหนังรักต้องฟันฝ่าอุปสรรคแบบที่ฮีชอบ พวกคู่หมั้นตามความเหมาะสมกับฐานะและชาติตระกูล คาบุคงต่อต้านเพราะไม่ได้เลือกมาเองแต่ต้องมาอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต มันคงทรมานมากสำหรับคนที่ซื่อตรงต่อตัวเองแบบฮี อีกอย่างถึงได้เมียฐานะต้อยต่ำกว่าคาบุมันคงไม่แคร์หรอก เพราะดูมีความหยิ่งทระนงประมาณว่ากูหาเลี้ยงเมียกูได้ กูบริหารจัดการด้วยตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องใช้เงินหรืออิทธิพลฝั่งเมียเข้าช่วยอุ้มชูกิจการหรอก คนในวงสังคมซุบซิบแล้วไง ไม่สนซะอย่าง
กูเคยอ่านกระทู้ประมาณว่าผู้ชายรวยผู้หญิงจนจะเป็นไปได้มั้ย มันมีคอมเมนต์นึงเป็นผู้ชายบ้านรวยมาตอบ เนื้อหาก็ประมาณว่าเขารักและเลือกผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยาโดยไม่สนฐานะ แต่คนรอบตัวนั่นล่ะที่ไม่พอใจ เอาแต่ตำหนิติเตียนว่าเมียเขาไม่เหมาะสม ไม่เชิดหน้าชูตา ทั้งที่เขาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเรื่องนี้เลย แต่เสือกไปหนักหัวชาวบ้าน ทุกวันนี้ก็ได้แต่บอกเมียว่าอย่าไปคิดมากตามขี้ปากคนนั้นคนนี้เลย สรุป...ตัวผู้ชายไม่แคร์ แต่คนรอบข้างเสือกมาแคร์แทนซะงั้น
ส่วนเรื่องปรับตัวเนี่ย....วาคาบะนางก็ดูชอบอะไรแบบนี้อยู่นะ โลกคนรวยที่นางอยากรู้อยากไปเห็นกับตา พวกพิธีการอย่างจัดดอกไม้ ชงชา ก็ดูกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้กับพยายามทำให้สำเร็จ กูว่าคาบุคงชอบนางที่จุดนี้ด้วยล่ะ ดูท่าทางฮีไม่ชอบคนขี้เกียจหรือผลัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อย ตอนเรย์กะไปต่อรองบอกจะทำการบ้านพรุ่งนี้ละกันถึงได้จ้องเขม็งขนาดนั้น ถ้าเรย์กะเถียงแบบแถๆต่ออีกซักหน่อยฮีคงว้ากใส่แล้วน่ะ
อ่านจากข้างบน เจ้าแม่กูหมดสิทธิ์อจวเรือคาบุ ขึ้นคานต่อไปจ้า
>>341 กูว่าวาคาบะไม่ใช่พวกยอมแพ้ง่ายๆว่ะ ดูจากทุกวันนี้ที่นางใช้ชีวิตอยู่ในรั้วโรงเรียนที่คนส่วนใหญ่ไม่ชอบนาง เป็นคนอื่นอาจจะไม่มาโรงเรียนหรือย้ายหนีแล้วก็ได้ ถ้ารักกันจริงกูเชื่อว่านางจะพยายามปรับตัวเข้าหาคาบุด้วยว่ะ ดูพยายามจะเข้าใจโลกคนรวยและก้าวเข้าหาด้วยความตั้งใจของตัวเองอยู่นะ ตอนมุมมองคันตะนี่บับแวร่...วาคาบะคือนางเอกมังงะโชโจโครตๆ อยากรู้อยากเห็น พยายามตามหาคำตอบ มีความตั้งใจมุ่งมั่นกระตือรือร้นไม่ยอมแพ้ แถมแปลกประหลาดแบบที่ฮีไม่เคยเจอและดึงดูดความสนใจ ไม่แปลกที่คาบุจะชอบนางเข้าให้นะ
>>341 ให้เดาก็นะ
ทำไมคาบุถึงชอบวาคาบะ? จริงๆ แล้วนางก็น่ารักนะ เรย์กะยังอยากอยู่ใกล้ๆ เลย แล้วเดิมคาบุก็สนใจตั้งแต่เห็นผลการเรียนแล้ว พอมีโอกาสใกล้ชิด เห็นความน่ารักของนาง ก็ไม่แปลกที่จะชอบ
เรื่องความเหมาะสม? อันนี้กูคิดเองนะ ว่าคาบุคงยังไม่คิดไปไกลถึงเรื่องแต่งงานหรอกมั้ง เลยยังไม่คิดไปไกลขนาดนั้น
ทำไมไม่สนใจคนที่เหมาะสมอย่างเรย์กะหรือคนอื่น? อย่างที่บอกวรรคก่อน ว่าคาบุยังไม่ไม่คิดไปไกลถึงขั้นแต่งงาน อีกอย่าง นอกจากยูริเอะ ไอระ แล้ว คาบุเองก็ไม่ได้สนิทกับหญิงคนไหนเลยนะ กับเรย์กะเอง ตั้งแต่ประถม ยันขึ้น ม.ปลาย ก็ไม่ได้สนิทอะไรมากมาย เจอหน้าก็ทักทายกันก็เท่านั้น (ซึ่งสาเหตุก็มาจากเรย์กะเองที่คอยหลบหน้า) มาเริ่มสนิทพูดคุยกันบ่อยก็ตอนที่เรย์กะรู้จักกับยูกิโนะ ก็อยู่ ม.5 แล้วมั้ง
>>341 กูคิดว่าคาบุมันเป็นพวกเทิดทูนความรักอยู่นะ อารมณ์มาก่อนเหตุผล คงไม่ได้คิดอะไรมากมายว่าเขาจะเหมาะสมกับเรามั้ย รู้แค่ว่าตัวเองชอบเขาเลยจะจีบเขาก็เท่านั้น คิดแบบตรงๆเลยไม่ซับซ้อน หรือต่อให้คิดแต่ก็คงไปจุดไฟอะไรในตัวได้ว่านี่มันรักต่างชนชั้นแบบที่เคยประทับใจในหนังเลยนี่นา เข้าสูตรความเพ้อฝันของนางพอดี มีคนตรงสเป็คมาอยู่ต่อหน้าแถมนิสัยดี ไม่กรี๊ดกร๊าดวี้ดว้าย ตลก อยู่ด้วยแล้วอารมณ์ดีและวาคาบะก็หน้าตาน่ารัก ไม่จีบได้ไง
>>346 ดูจากความจริงจังและนิสัยใจคอหนักแน่นแล้ว กูรู้สึกว่าคาบุมันเป็นพวกรักแล้วรักจริงหวังแต่งน่ะ เลยไม่เผื่อใจและไม่มองใคร โอเคว่าถ้าจีบไม่ติดอาจจะยังไม่คิดเรื่องแต่งงาน แต่ถ้าจีบติดกูว่าคิดแน่ๆ ยิ่งเป็นพวกชอบวางแผนอนาคตแต่เนิ่นๆอยู่ ขนาดจะไปเดทยังเอาคู่มือมาวางแผนละเอียดยิบเลย คงวางชีวิตตัวเองไว้เสร็จสรรพรับมือกับปัญหาแล้วล่ะ
>>348 มึงต้องดูด้วยนะว่าคาบุมันมีมาตรฐานการจีบติดอยู่ตรงไหน…//ชี้ไปที่ท่านยูริเอะ อลังการคนรู้ทั้งโรงเรียนเว่อร์ แต่พอเป็นวาคาบะจังไม่รู้ทำไมฮีเพียงแค่แสดงออกทางการกระทำลับหลัง รึเพราะอดีตมันยังย้ำฮีอยู่ก็ไม่รู้ เลยไม่กล้าสารภาพรักซักที (นี่ฮีคิดว่าวาคาบะชอบตัวเองบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้ เหมือนไม่ค่อยคิดถึงเรื่องนั้นด้วย คือเวลาเล่าเรย์กะก็เข้าข้างตัวเองได้ดีนะ แต่พออยู่กับตัวจริงปุ๊บดูไมม่มีแพลนข้างหน้าเลยอะนายยยย
>>349 กูว่าก็ไม่ได้แสดงออกลับหลังนะ ออกจะลุยหาเขาโจ่งแจ้งต่อหน้าคนทั้งโรงเรียน ชวนเขาเดทหลายรอบ ใครไม่รู้ว่าจีบกูก็ไม่รู้จะพูดยังไงละ ถถถถถถถถถถ
กูคิดนะว่าวาคาบะก็ชอบคาบุอยู่เหมือนกัน แค่รอฝ่ายชายไปพูดให้มันชัดเจน มาตามตื๊อตามจีบแบบนี้ แต่เสือกไม่พูดซักที เป็นสาวเป็นนางก็คงไม่อยากออกตัวแรง ส่วนคาบุไม่พูดบอกรักไปเลยสงสัยกลัวแป้กกลับมาแหงๆ
>>351 กูว่าฮีหาโอกาสเล่นงานมานานละ เรย์กะคิมิคงเป็นไทป์แบบที่ฮีเกลียดคือผู้หญิงหยิ่งจองหอง ใช้อำนาจทางบ้านเล่นงานคนอื่น แล้วชอบมากระแซะใกล้ๆสร้างความรำคาญ แต่ยังจัดการไม่ได้เพราะแม่อยากให้เป็นสะใภ้ บวกกับฐานะพอๆกัน ความเครียดสะสมมาเรื่อยๆ พอมีเรื่องวาคาบะเข้ามาเกี่ยวข้อง นางทำร้ายวาคาบะอยู่เรื่อยเลยทนไม่ไหว พอได้โอกาสก็วางแผนเตะขัดขาแม่ง
>>349 ไม่ลับหลังนะมึง ก็อลังการพอๆกับยูริเอะนั่นล่ะ กินขนมฝีมือเขาต่อหน้าคนเยอะๆ เอาดอกไม้ช่อโตไปให้ ทำเครื่องประดับ แวะไปหาที่บ้านบ่อยๆ ถ้าเรย์กะหรือเอ็นโจไม่เบรกๆไว้บ้างคงจัดหนักยิ่งกว่านี้ คนทั้งโรงเรียนก็รู้นั่นล่ะว่าจีบอยู่ แต่แค่ไม่ยอมรับความจริง ไม่อยากได้ยิน หรือไม่ก็คิดว่าคาบุมันแค่เล่นๆ เดี๋ยวเบื่อก็เลิกทำไปเอง
แต่ที่เราเห็นว่าคาบุอยู่กับวาคาบะแล้วดูทื่อๆไม่มีแพลนอะไรเลยเป็นเพราะฮีประหม่ารึเปล่า ไปอยู่ต่อหน้าก็ตื่นเต้นขาสั่น ต้องกลับมาวางแผนให้รัดกุมจะได้ไม่ไปบ้อท่าต่อหน้าเขา ฮีอยากดูดีและเท่ในสายตาคนที่ชอบนั่นล่ะ
ขอ kyนิดๆ มีใครแอบคิดว่าละครบุพเพสันนิวาสแอบคล้ายท่านเรย์กะมะ นางเอกสายกินที่ย้อนเวลา/เข้ามาโลกเกมส์ และเอ็นโจก็เหมือนหมื่นเรือง โดยเฉพาะคนที่เป็นเพื่อนนางเอกโลกก่อน=เอ็นโจผมทอง และเอ็นโจลูกบ้านคาสโนว่า=หมื่นเรืองอดีต
รึเราคิดถึงท่ายเรย์กะมากเกิน
>>354 วิญญาณเจ้าแม่เดิมมีเพื่อนเป็นผู้ชายด้วยอ่อวะ ทำไมกูไม่คุ้น กูจำได้ว่ามีแต่นารุคุงที่นางนก แต่เอาจริงเจ้าแม่กับนางเอกนิสัยต่างกันเยอะนะ เจ้าแม่อย่างน้อยก็เข้าหาผู้ใหญ่เป็น มีมาดต่อคนอื่นอยู่ ทำอาหารก็ไม่เป็น แถมความบัดซบชีวิตที่ไม่ควรโผล่ในเรื่องอื่นอีกถถถ
แต่เอาจริงจะบอกว่าคล้ายก็ไม่แปลก นิสัยนางเอกละครเรื่องนี้มันพิมพ์นิยมของสายโรแมนติคคอเมดี้อยู่ละ
>>355 เรื่องอื่นแนวๆนี้มันชอบเข้าเกมส์อ่ะนะมึง จะเหมารวมเลยก็ไม่แปลก
>>356 ไม่นี่ สมัยก่อนเหมือนนางไม่ค่อยมีเพื่อนด้วยซ้ำนะ เพราะไม่เห็นจะนึกถึงคนที่เป็นเพื่อนสนิทหรือเพื่อนกลุ่มเดียวกันเลย มีแต่น้องสาว แถมตอนนึกถึงเพื่อนร่วมชั้นในชาติที่แล้วก็มีแต่ความทรงจำโดนแกล้ง โดนเมิน โดนหักหลังเลยต้องอยู่คนเดียว ชาติก่อนเรื่องเพื่อนสำหรับนางน่าจะเลวร้ายพอดู
>>357 กูเคยแปลกใจเหมือนกันที่ท่านเรย์กะชาติก่อนดูไม่ค่อยมีเพื่อน ไม่เห็นพูดเรื่องกิจกรรมสังคมแบบไปคาราโอเกะ ไปเที่ยวหมู่ในชาติก่อนมาเปรียบเทียบเลย แต่พอมาในโลกคิมินางสามารถเป็นเพื่อนได้กับคนทุกประเภทเลยวะ(ไม่นับรวมยุยโกะ) กูว่าอย่างน้อยนางน่าจะเป็นพวกเข้าสังคมเก่งมาก่อนนะ แต่มันขัดแย้งกับชาติก่อนยังไงไม่รู้
>>363 กูคิดว่าเพราะนางอยู่ในตำแหน่งที่ใครๆก็อยากเข้าหาว่ะ สาวสวยและร่ำรวยก็ดึงดูดผู้คนแล้ว จะอยู่เงียบๆไม่สะดุดตาใครไม่มีทางเป็นไปได้ อย่างอุเมวากะตอนแรกนางก็ไม่ได้อยากจะรู้จักด้วยซ้ำ แต่ฝั่งนั้นมาทักเอง แล้วพอคุยดูก็ไม่ใช่กุ๊ยหรือคนเลวร้าย อาคิสะวะตอนแรกๆก็เป็นฝ่ายมาทักเอง พวกเอ็นโจกับคาบุ เซริกะ ไอระ อิมาริก็เข้าหานางเองเหมือนกัน มีแต่อาโออิ ซากุระ วาคาบะที่นางเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน อีกอย่างนางเป็นคนใจดีและเอาใจใส่ แถมซื่อตรงไม่หน้าไหว้หลังหลอก กูว่าคนเลยชอบและสบายใจที่จะอยู่กับนางเลยเข้าหาเรื่อยๆจนกลายมาเป็นเพื่อนว่ะ
ความจริงถ้าชาตินี้ถ้านางไม่ได้รวย+หน้าตาดีก็ลักษณะของพวกที่เป็นเป้าหมายให้คนแกล้งอยู่นะ
ไม่เด่นอะไรเป็นพิเศษ+ไม่กล้าสู้คน+เป็นคนที่สามารถเรียกโชคร้ายเข้าหาตัวเอง+รสนิยมแปลก+รู้ในสิ่งที่คนอื่นเค้าไม่คิดจะรู้กัน
เพราะชาติที่แล้วนางโดน bullying บ่อย แถมไม่มีเพื่อนรึเปล่าวะ เลยเข้าหาไสยศาสตร์เอาไว้สาปแช่งคนที่มาแกล้งนาง กลายเป็นเชี่ยวชาญเรื่องพวกนี้ไปแต่ไม่ยอมรับตัวเอง พอท่านฟุยุโกะพูดอะไรมานางรู้จักหมดเลย
อยู่ดีๆ เกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมาว่า ถ้าเจ้าแม่อยู่ที่นี่ แล้วเรย์กะตัวจริงไปอยู่ร่างเดิม แม่งจะเป็นไงวะ
>>371 ดูจากนิสัยของเรย์กะตัวจริงแล้ว คงไดเอ็ทแล้วกลับไปตอกหน้าพวกที่เคยรังแกอ่ะ
ถ้าหน้าจืดๆนางน่าจะมีสกิลแต่งให้สวยได้ แต่ถ้าลดแล้วสวยขึ้นมาคงไปเป็นพวกนางแบบแหง
นิสัยอย่างเรย์กะโลกนั้น ต่อให้ไม่สวยไม่รวย นางก็คงตะกายกลับไปให้ได้อ่ะ คงไม่ยอมทนลำบากหรอก แล้วคงไม่เป็นปลิงดูดเงินครอบครัวด้วย
>>372 น่าเขียนฟิคอยู่นะ
จะว่าไปกูเคยนึกเล่นๆว่าชาติที่แล้วของเรย์กะจะชื่ออะไร กูว่าน่าจะชื่อเรย์กะเหมือนกันนี่ล่ะ เพราะเดาจากน้องสาวที่ชื่อยูกะ แล้วนางก็ยอมรับชื่อเรย์กะได้เร็วมาก ไม่มีทักท้วงเลยว่าจริงๆแล้วฉันชื่อ....ต่างหากนะ นี่จะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่โดนรังแกด้วยรึเปล่าหว่า มีชื่อไพเราะหรูหราไม่สมกับตัวเองเลยโดนหมั่นไส้ไรเงี้ย แถมเด็กผู้ชายชาติที่แล้วของนางก็ชอบมาแขวะเรื่องรูปร่างความสวยความงามบ่อยๆ งามเหมือนบุปผา แต่เจ้าตัวจริงๆดันเป็นสาวอ้วนเตี้ยขัดลูกตาพวกนั้น
>>249-250 เพิ่งได้อ่าน มาต่อสิคะมึงงงงง กูอยากอ่านต่อ มันดีต่อใจกูมาก
พออ่านฟิคนี้ทีไรเพลง Once Upon a Dream ดังขึ้นในหัวกูทุกทีเลย แถมยังเป็นเจ้าหญิงผมม้วนกับเจ้าชายผมสีน้ำผึ้งเหมือนกันอีกต่างหาก
https://www.youtube.com/watch?v=TXbHShUnwxY
แว้บไปดูอัพเดทที่นาโร่ตามปกติ วันนี้มันบอกว่านิยายเรื่องนี้ไม่อัพเดทมา 5 เดือนแล้วว่ะ ทำลายสถิติใหม่การดองเลยนะมึง
นานแล้วนะ คิดถึงเรย์กะจังเลย โดเนทเงินให้นักเขียนทางไหนได้บ้าง กลับมาเถอะ
>>382 แค่ก มึงเม้นตอนกูกำลังจะเข้ามาพิมพอดี คือกูนึกถึงเดือนหน้าที่เป็นเอพริลฟูลส์เดย์ใช่ปะ กูกำลังจะเม้นมา วันเอพริลฯนั้นอย่ามีใครมาเม้นหลอกกูว่าดิบอัพนะ ฮื่ออ อันที่จริงก็ทุกเรื่อง หลอกว่านิยายที่รอจะอัพ/ปล่อย/มีแอลซีคือโกรธมาก เจ็บใจเหมือนโดนถีบลงมาจากคานท่านเรย์กะ
ปล.อยากเห็นฟิคเอพริลฟูลส์ของท่านเรย์กะจังเลยขร่ะ//รีบมาก55555เหลืออีกตั้งสิบกว่าวัน เช่น ท่านพี่จะหลอกขุ่นน้องตอนหกขวบว่า วันนี้พี่ซื้อช็อคโกล่ารสxxxของวิลลี่วxงก้า มาให้เดี๋ยวมาส่งที่บ้าน ปรากฎท่านเรย์กะเชื่อสนิทใจ นั่งรอเฝ้าประตูตั้งแต่เช้า จนสุดท้ายท่านพ่อทนไม่ได้ ยกหูไปสั่งทำช็อคโกล่าเดี๋ยวนั้นเลย จนแล้วจนรอดท่านเรย์กะก็ยังไม่เคยรู้ว่าโดนท่านพี่หลอกเลยซักกะปี
กรี้ดดดดด เม้นได้แล้วโว้ยยญยย
/กอดเหล่าโม่งนะ
ตั้งแต่ปีที่แล้ว ยันเว็บปิด ยันเว็บเปิดอีกรอบ ตอนใหม่ก็ยังไม่มาเลยว่ะ //ซับน้ำตาด้วยผ้าเช็ดหน้าปักดิ้นทอง
มึงอย่าพูดสิ คิดแล้วยังช้ำใจอยู่เลย ฮรึก
ต....แต่โม่งแปลอัพเดทนะ
อุตส่าห์รอโม่งมาตั้งแต่เช้า มาใช่ได้เอาตินจะนอนTT
ซุยรันยังไม่เปิดเทอมอีกเหรอ
คิดถึงบรรยากาศเก่าๆว่ะ
คิดถึงเพื่อนโม่งซุยรันทุกคนเบย ขอกอดหน่อย
โม่งมาแล้ว ตอนใหม่มารึยัง
ดีจัยยยยบยยย คิดถึงแก๊งเด็กซุยรันทุกคนเลยค่ะ นี่ก็กลัวจะรอเก้ออย่างเหงาๆ กลับมากอดเข่ารอท่านเรย์กะด้วยกันนะทุกโคนนนน
เมื่อไหร่ตอนที่ 300 จะมา~
ถึงไม่มีนิยาย แต่ถ้ามีกาวเราก็โอนะ(✪ω✪)(✪ω✪)
โอยยยย กูคิดถึงทุกคนนนน ไม่มีใครให้หวีดด้วยตั้งนานแน่ะ กอดๆ เพื่อนโม่งงง
อื้อหืออออ ยาวนานเหลือเกิน ในที่สุดก็ได้มานั่งเกาะกลุ่มรอท่านเรย์กะด้วยกันอีกนะมิตรสหาย สบายใจกว่านั่งกอดเข่ารออยู่เงียบๆ คนเดียวเยอะเลย 555
โคตรเหงา บ่องตง 555555555
เหงาาา
บางทีก็หวั่นไหวลึกๆ ว่าฮิโยโกะซามะจะไม่กลับมาอัพอีก...
อยากได้กาว//เขียนไดอิ้งแมสเสจ
อุกรี๊ดดดดดด อันบล็อกแล้ว คิดถึงทุกคนมากๆเลย
กรี๊ดดด พึ่งเข้ามา เม้นได้แล้วเรอะ คือดีงามมม ฮื่อ คิดถึงกาวและเพื่อนๆซุยรันทุกๆคน เดือนที่ผ่านมาเหงาปากมาก55555
ช่วงโม่งปิดก็ไปเจอกาวนอกพอดี
https://forum.novelupdates.com/threads/kenkyo-kenjitsu-enjou-pov-fanfiction.51311/
เรือคาบุไม่มีหวังจริงๆ หรอวะ
ทุกคน กูคือ 422 ที่ตามลิ้งฟิค 421 ไป มันดีย์ยยยย กูบอกเรย
ดีงามมมมมม กูอวย ถึงมันจะเป็นอิ้ง แต่ดีเว้ยย คือถ้าใครเคยอ่านท่านเรย์กะเวอร์อิ้ง เราจะบอกว่ามันอ่านง่ายพอๆกันติดจะง่ายกว่าด้วยซ้ำ เรือเอ็นโจ
อารมณ์แบบเดียวกับฟิค มุมมองเอ็นโจ กาวๆในตำนานของลิ้งโม่งของพวกเรานี่แหล่ะ แต่อันนี้จะมีเหตุการณ์ที่มีแค่มาซายะกับเอ็นโจด้วยงี้ แต่คือดีจริงๆ นั่ลลั่ก ท่านเอ็นโจโชตะเอาใจเราไปเรยย
ในที่สุดก็เข้าโม่งได้ คิดถึงเพื่อนโม่งมาก
มีใครมีกาวอะไรอื่นอีกจะแบ่งปันบ้างมั้ย
กูว่ากูรู้ละว่าแบรนด์กาแฟที่เป็นร้านเชนจากอเมริกาที่เอ็นโจชอบนี่ร้านอะไร น่าจะเป็นร้าน tully's coffee นี่ล่ะ เพราะเห็นมีกาแฟดริปอยู่ด้วย สตาร์บัคก็มีนะ แต่คำว่าเพิ่งเปิดกูเลยนึกถึงร้านนี้มากกว่าเพราะน้องเงือกเขาเปิดมานานแล้ว
น่าจะลองเอาฟิคของโม่งๆไปแปลเป็นอังกฤษบ้างเนอะ โครงการแบ่งปันกาวข้ามชาติไรงี้
กรี๊ดๆๆๆๆๆ กูอยากพุ่งตัวไปกอดโม่งที่เอาฟิคมาแปะ แงงงง รักนะคะมาจุ๊บที กูอยากลองแปลอ่าาแต่กูไม่มั่นใจสกิลภาษาไทยของตัวเองเลย ฮือออ แต่ถ้าแปลเดี๋ยวมาแปะนะ;ww;
รู้สึกมีสักเม้นท์ที่เคยถามหาเรื่องแนะนำ
ในแมวดุ้นมีเรื่องใหม่อัพ
[นิยายแปล] お前みたいなヒロインがいてたまるか!จะยอมให้มีนางเอกแบบเธออยู่ได้ไง!
เรื่องนี้ดี กูชอบนางเอก พระเอกก็ดีงาม(ถึงจะจืดจางไปหน่อยก็เถอะ ถถถ)
แอบเอาอัลบั้มภาพมาแปะ กูว่าใบที่ 3 ให้ฟีลโชตะแบบยูกิโนะมาก ขอจิ้นนิด และเลื่อนๆ ไปจะเจอสาวผมม้วนแต่งแฟนซีคุณชุดกระต่าย
ขอท่านเรย์กะชุดนี้ในงานโรงเรียนหน่อยค่ะ!
https://www.facebook.com/HoiNhungNguoiThayHinhDepLaDownload2/posts/2071005866497827
จริงๆ อยากเห็นมวยคู่เอ็นโจ vs ซากุระจังเล็กๆ แฮะ สองคนนี้เรื่องปกปิดตัวตนนี่ไม่น้อยหน้ากันอยู่แล้ว จะเป็นยังไงน้า~
อ่านฟิคภาษาอังกฤษที่เอามาแปะ กาวดี กาวดี กูชอบ
เอ็นโจแม่งเหมือนพ่อมาซายะจริงๆอะ ถึงคิดบ่นในใจนั่นนี่นู่น แล้วก็ด่ามาซายะบ้าง แต่ก็ตามประคบประหงมดูแลตลอด จริงๆจบแบบชูสุเกะxมาซายะกูว่าก็ไม่เลวสำหรับเรื่องนี้นะ ตามรอยอิมาริxท่านพี่ไป เป็นร่างแยกของสองคนนี้ทั้งทีก็ควรเอาอย่างร่างต้นที่เขารักกันหวานแหววนะ 5555555555
>>462 อาจจะเคยเจอกันในงานเลี้ยงเลยเข้าไปคุยและทำสนธิสัญญาก้นเรียบร้อย 5555555
ว่าไปก็แอบสงสัยนะ นักเรียนคนอื่นๆแบบพวกเซริกะ อาคิสะวะ อาริมะ ซากุระไปงานเลี้ยงพวกไฮโซกับเขามั่งมั้ย หรือไฮโซจะมีแค่ pivoine ส่วนนักเรียนคนอื่นก็แค่มีฐานะแต่ไม่ถึงขั้นไฮโซเลยไม่นิยมออกงานกัน ไม่เคยเห็นเรย์กะบรรยายเลยว่าเจอคนพวกนี้ในงานเลี้ยงมั่งเลย เจอแต่พวก pivoine แบบคาบุ เอ็นโจ ซาราระ แล้วก็พวกรุ่นน้องน่ะ
>>465 กูว่างานเลี้ยงพวกนี้มันก็มีหลายระดับนะ พวกนักเรียนคนอื่นๆอาจมีงานให้ออกแค่ปีละสองสามครั้ง แต่ระดับ Pevoine ก็อาจจะมีหลายงาน แต่ท่านเรย์กะไม่ชอบออกงาน ยอมไปแค่งานที่เลี่ยงไม่ได้ ซึ่งก็มักเป็นแค่งานระดับ Pevoine ไรงี้ป่ะ เอาจริงๆเหมือนมีแต่พวกงานค่อนข้างส่วนตัวอ่ะที่มาดามคาบุรากิจัด กับงานสำคัญของบ้านตัวเอง และงานสโมสรในหน้าร้อน นอกนั้นไม่เห็นไปเลย กูว่าอย่างพวกงานชมดอกไม้นักเรียนทั่วไปไม่น่ามา งานปาร์ตี้ฤดูร้อนนั่นยิ่งจำกัดสมาชิก งานครบรอบคิโชวอินอ่ะฟังดูน่าจะมีคนอื่นมาอยู่ ประเด็นคืองานใหญ่คนใหญ่คนโตก็เยอะ บ้านท่านเรย์กะโคตรยุ่งทักทายแขก อาจไม่ว่างมาทักทายนักเรียนทั่วไปมั้ง
แต่กูก็สงสัยเหมือนกันว่านางเคยเชิญพวกเซริกะ คิคุโนะมางานปาร์ตี้บ้านนางมั้ยอะ แบบงานวันเกิดหรืองานบริษัทคิโชวอิน แต่สนิทกันถึงขนาดรู้เรื่องรั่วๆของนางเยอะขนาดนั้นกูว่าคงเชิญมา แต่ไม่กล่าวถึงก็เท่านั้นเอง
ฟิคภาษาอังกฤษแม่งดีงามจริงๆว่ะ กูชอบตอนที่เอ็นโจร้องไห้แล้วยูกิโนะปลอบ กับตอนที่คิดว่ามาซายะเป็นลูกชาย ดูมีความภาคภูมิใจแรงมาก 555555555
อยากได้กาวไทยบ้างอะ โม่งฟิคไปไหนหมดดดด
ยังเบลอๆ ต่อไม่ติดกันอยู่ป่าวมึง ช่วงเวลาเดือนกว่าที่ปิดเทอมไปดูยาวไกลยิ่งนัก
เมื่อผมเดินเข้าไปในห้องโถงที่สว่างไสวจากโคมไฟระย้า ผมก็เบื่อขึ้นมาทันทีทันใด
ผมยืนอยู่ที่ริมขอบห้องกับเพื่อนสนิทของผม ผู้ที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการคุยกับคนที่เขาชอบ เรากลับมาจากทริปที่เมดิเตอร์เรเนียนไวกว่าปกติเพื่อเข้าร่วมงานวันเกิดยูริเอะ ทั้งหมดนี้ แน่นอนว่าเป็นการบงการของมาซายะ
ผมนั้นใส่ใจยูริเอะก็จริงอยู่ ไม่ว่ายังไงเธอก็เป็นเพื่อนสมัยเด็กของเรา แต่ผมก็คิดว่ามันออกจะน่ารำคาญหน่อยๆ ที่ล้มเลิกแผนการวันหยุดที่ครอบครัวเราวางแผนเอาไว้แค่เพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิด ก็ไม่ใช่ว่ายูริเอะจะโกรธพวกเราเสียหน่อยถ้าไม่ไป แล้วทำไมมาซายะต้องย่นทุกอย่างให้สั้นลงด้วย
สองคำสั้นๆ แรกรัก
ในความคิดผมนะ เขาชัดเจน ชัดมากไปเสียด้วยซ้ำสำหรับความรักที่เขามีต่อยูริเอะ ช่างเป็นความชัดเจนที่แสนเจ็บปวด ผมแปลกใจจริงๆ ที่เธอไม่แม้แต่จะพยายามหยุดความรักของเขาไว้ก่อน
เห็นได้ชัดเลยว่าตัดปัญหาไปตั้งแต่แรกเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว
ผมได้ยินเสียงเพลงเปลี่ยนจึงมองไปยังฟลอร์เต้นรำ มองเห็นเด็กผู้หญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับผมที่น่ารักและสดใสมากๆ เต้นวอลซ์กับเด็กผู้ชายที่อายุเยอะกว่า ผมชะงักไปชั่วอึดใจ
หืมม… เธอหน้าตาคุ้นๆ อยู่หน่อยนะ…? “นี่ มาซายะ จำเด็กผู้หญิงคนนั้นได้มั้ย?” ผมกำลังจะสะกิดให้เขาดูแต่เขาก็มองเธออยู่เหมือนกัน เขาเหล่มองผมจากข้างๆ พร้อมเอ่ยถามว่า “ยัยคนนั้นทำไมเหรอ?”
“ฉันคุ้นหน้าเธอยังไงไม่รู้ นายรู้จักเธอมั้ย?”
“ไม่รู้หรอก” ในขณะที่มอง เขาทำหน้ามุ่ย พึมพำเบาๆ ว่า “เต้นกับยูริเอะ…”
ผมส่ายหัวและถอนหายใจ ถ้าอยากเต้นกับยูริเอะก็ไปขอสิ ไม่เห็นจะต้องเล่นบทสาวน้อยผู้เขินอายเลยเนอะ? มาซายะเอ๊ย
เด็กผู้หญิงคนนั้นหมุนตัว หัวเราะคิกคักไปพลาง เมื่อการเต้นรำจบ เธอหันมองไปรอบๆ และตัวแข็งทื่ออย่างสมบูรณ์ในตอนที่สายตาเธอปะกับของมาซายะ ใบหน้าของเธอกระตุกทั้งยังหันหน้าหนีทันทีพร้อมเดินออกไป เธอมีสีหน้าที่ราวกับว่าถ้ามองเขาต่อไปนานกว่านี้อีกแม้แต่นิดเดียว มันจะทำให้เธอเปรอะเปื้อน มาซายะที่อยู่ข้างผมบ่นอย่างสับสนและไม่พอใจ “สีหน้าแบบนั้นคืออะไรวะเนี่ย?”
เธอรีบเร่งเดินออกไปไวท่ามกลางฝูงชนจนผมตามไม่ทัน คนที่เธอเต้นด้วยรีบตามเธอไปในขณะที่ร้องตะโกนชื่อที่ผมเหมาเอาว่าเป็นชื่อเธอ
“เรย์กะ” หือ เป็นชื่อที่น่ารักดีนะ
ผมยิ้มระหว่างที่เดินตรงไปยังโซนเครื่องดื่ม นั่นเป็นเรื่องที่แปลกดี ไม่เคยมีเด็กผู้หญิงคนไหนแสดงอาการแบบนั้นต่อมาซายะมาก่อนเลย ผมสงสัยจังว่าทำไมเธอถึงทำแบบนั้น
เมื่อผมเดินเข้าไปใกล้ขึ้นก็สังเกตเห็นเด็กผู้หญิงคนก่อนหน้านั้นอยู่ตรงนั้นด้วย ดื่มน้ำผลไม้อะไรสักอย่าง ในขณะที่คุณพี่ชายที่เธอเต้นด้วยกำลังคุยกับคนอื่นอยู่ พอผมมองดูดีๆ แล้วก็บอกได้เลยว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกัน
ผมมองสองคนนั้นสลับไปมาและมองเธออย่างจดจ่อ พวกเด็กจากเปอติต์ทุกคนที่เข้าร่วมงานเลี้ยงไม่มีใครกล้าเต้นแต่เธอกล้า แถมยังเต้นอย่างไร้กังวลใดๆ เสียด้วย ฮืม… เธอมีภาพลักษณ์ที่เด่นเอาการ ตอนที่โรงเรียนเปิดแล้วการถามหาตัวเธอคงไม่ยากอะไร
ผมเดินกลับไปเมื่อได้ยินมาซายะเรียกผม
เด็กผู้หญิงคนนั้น… ช่างเป็นเด็กที่แปลกเสียจริง
-
เมื่อเรากลับมาโรงเรียน เราก็ทำกิจวัตรของเราไปตามเดิม ในระหว่างคาบเรียนก็เรียน หลังจากนั้นก็ไปทานของว่างที่เปอติต์กับยูริเอะและไอระเมื่อถึงตอนพักและหลังจบคาบ
ไอระเป็นเพื่อนสนิทของยูริเอะ กำลังสนใจรุ่นน้องจากชั้นเดียวกับผมอยู่
บังเอิญที่เด็กคนนั้นก็เป็นเด็กผู้หญิงคนเดียวกันกับคนที่เต้นวอลซ์อยู่กลางฟลอร์เต้นรำ
เมื่อผมหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูด มาซายะก็มองไปที่เธอแล้วเอ่ยต่อว่า “อ๋อ… จากตอนนั้นนี่เอง” นายยังอิจฉาอยู่หรือไง? ถ้านายอยากเต้นกับยูริเอะนายก็ทำได้น่า ถึงแม้ผมจะสงสัยว่ายูริเอะจะเต้นรำกับคู่เต้นนำที่เตี้ยกว่าได้สบายหรือเปล่าเถอะ ไม่ต้องเศร้าเสียใจไปหรอกนะมาซายะ
เด็กผู้หญิงคนนั้นที่ยังไม่ได้แนะนำตัวเอง จ้องมองผมด้วยสายตาดำมืดทันทีเมื่อมาซายะถอนสายตาออกไป หือ? มีเรื่องอะไรให้คุณไม่พอใจขนาดนั้นหรือครับ?
หลังจากนั้น ผมมองเธอต่ออีกหน่อยจนกระทั่งเวลาพักหมด ผมสังเกตเห็นบางอย่างที่แปลกมาก…
เธอจะมองมาซายะอยู่ตลอดเวลาแต่ไม่ใช่ในแบบที่แฟนคลับมองเขา
กลับกัน สายตาเธอดูไม่แน่ใจและหวาดหวั่น เหมือนกับเธอคาดว่าอะไรบางอย่างที่แย่มากๆ จะเกิดขึ้น และเขาเป็นผู้กระทำ นั่นคือทั้งหมดที่ผมสังเกตได้ในขณะที่เธอนั่งส่งยิ้มสดใสอยู่กับที่
ผมถามมาซายะอีกครั้งว่าเขารู้จักเธอมั้ย
มาซายะตอบกลับว่าเขาไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อเธอ
งั้นแล้วทำไมเธอถึงมองมาซายะแบบนั้นกันนะ?
เราผ่านปีการศึกษาของเราไปเช่นนี้จนกระทั่งยูริเอะและไอระจบการศึกษาและเลื่อนชั้นไปอยู่ม.ต้น มาซายะไม่พอใจกับเรื่องนี้แต่เขาก็ยังหอบช่อดอกไม้มากมายและของขวัญหลายอย่างมาให้ยูริเอะจนผมอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
มาซายะ เราแค่แสดงความยินดีกับพวกเขาที่ได้เลื่อนไปอยู่ม.ต้น ไม่ได้ส่งไปรบสักหน่อย เพราะงั้นเลิกทำตัวเหมือนกับว่าจะกรีดร้องต่อสรวงสวรรค์ถึงการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมสักทีเถอะ
ที่ห้องสโมสร มาซายะทำตัวเงียบขรึมกว่าปกติ เขาแผ่รังสีหดหู่ออกมาและนั่นยิ่งทำให้เขามีสายตาโหดร้ายมากกว่าเดิมอีก เพราะเช่นนั้นความน่ารำคาญทั้งหลายเลยไม่เข้ามาใกล้ แต่ในฐานะเพื่อนสนิทแล้วผมก็อดเป็นห่วงเขาไม่ได้ละนะ
ยูริเอะยิ่งโตก็ยิ่งสวย และมาซายะก็คงรู้สึกถึงช่องหว่างระหว่างวัยและรู้ด้วยว่ายูริเอะอาจจะถูกพรากจากเขาไปอย่างง่ายดายด้วยผู้ชายอายุใกล้เคียงกับเธอ ทุกครั้งที่ผมได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับชายผู้กล้าขอควงยูริเอะ ผมก็เห็นอารมณ์ของมาซายะดิ่งลงและความเลือดร้อนพุ่งสูงขึ้น ผู้ชายคนไหนที่กล้าเข้าใกล้ยูริเอะก็กลายเป็นเหยื่อแก่ความบ้าเลือดของมาซายะทันทีจนเขาคนนั้นวิ่งหางจุกตูดหนีไป
มาซายะช่างโชคร้ายเหลือแสน ยูริเอะคงจะคิดแค่ว่าน้องชายตัวเล็กของเธอหวงเฉยๆ เมื่อมองจากมุมเขาแล้วนั่นคือโศกนาฏกรรมโดยแท้
-
เวลาผ่านไปไม่กี่ดือนหลังจากยูริเอะจบการศึกษา แต่มาซายะก็เริ่มทุกข์ทรมานจากการไม่ได้เจอหน้า
ผมเคยได้ยินเกี่ยวกับโรคไข้ใจแต่ที่มาซายะเป็นตอนนี้ท่าทางจะเป็นระดับความโง่เขลาที่แสนน่าขัน ถ้าเขาทำอะไรพลาดไป เขาคงโดนยูริเอะโกรธไปทั้งปี
เฮ้อ ผมควรจะทำยังไงกับเพื่อนตัวปัญหาคนนี้ดีนะ?
ผมโบกมือลามาซายะที่วิ่งไปยังสโมสร Pivoine เพื่อรอยูริเอะ ในฐานะลูกชายตระกูลคาบุริกิ ไม่มีใครกล้าประณามหรือบอกเขาหรอกว่าเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป เอาจริงๆ นะ เขาถูกเลี้ยงมาแบบไหนถึงมั่นใจในตัวเองขนาดนี้… หรือจะเรียกว่า ไม่สนใจคนอื่นเลยดี ถูกเลี้ยงมาอย่างพระราชา? ถ้าผมถูกเลี้ยงมาแบบนั้น ผมจะเป็นเหมือนเขามั้ยนะ
ผมเดินไปยังรถของผมและมองไปรอบๆ เมื่อคนขับรถสตาร์ทเครื่องยนต์ ผมเห็นนักเรียนซุยรันเดินมาที่รถสองคนคุยกันอย่างรื่นเริงจากไกลๆ
“โอ้ นั่นคุณเรย์กะนี่” ผมพึมพำออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอแกว่งกระเป๋าไปมาอย่างสดใสระหว่างที่คุยกับคุณพี่ชาย รถของผมเคลื่อนออกไปจากถนนพร้อมๆ กับที่ผมเห็นทั้งคู่เข้าไปในรถของพวกเขา
หือ ดูเหมือนว่าผม… จะสังเกตเห็นเธอบ่อยนะช่วงนี้
—————————————
[[กรี๊ดดดดด ลืมจั่วหัวว่าฟิคแปลตอนที่ 1 ]] สวัสดีจ้า ที่เคยบอกว่าจะลองแปลดู มาละเน้อ ขอโทษด้วยที่มาช้า ติดสอบ ;____; /เพิ่งเคยลองแปลครั้งแรกแบบครั้งแรกจริงๆ (พลังกาว— รัก) ถ้ามีจุดผิดตรงไหนบอกได้นะ แล้วก็ถ้าแปลผิดก็ขอโทษด้วยเน้อ *กราบ*
ละมุนดีงามมากกกก วี้ดดดกสำนวนมึงแม่งโคตรสวยเลย กูชอบ
กาว กาวมาแล้วว กรี๊สสส
หืม คนมาจากไหนเยอะแยะ กูนึกว่าคนยังไม่ค่อยกลับมาเห็นกระทู้เงียบๆ ที่แท้รอกาวกันอยู่เรอะ555555
555 จริงๆจะเม้นตั้งนานแระ แต่ไปเสพกาวนอกอยู่หลายวัน เพิ่งมีโอกาสกลับมาเม้น
ขอบคุณโม่งที่มาแปะลิงค์มากนะมึง กาวมึงดีงามจริงๆ
แปลตอนสองเร้ววววววว เดี๋ยวกุอาสาช่วยตอน 3 ให้ก็ได้ถ้ามึงเหนื่อย
แต่ภาษากุกากนะ
ยัดใส่สารบัญด้วยย
โม่งซุยรันที่เหี่ยวเฉาจากการขาดกาว พอมีนางฟ้าใจดีโปรยสายฝนกาวลงมาให้ก็ค่อยเริงร่าโบกฟ้าโบยบินร่าเริงแจ่มใส~
ตอน 3 มีคนจองแล้วช้ะ กูจองตอน 4
โชคดีของกูจริงๆ เปิดเข้ามาวันนี้กะว่าอยากบ่นๆ ว่าเมื่อไหร่ฮิโยโกะซามะจะอัพนิยาย ก็มาเจอฟิคให้กระชุ่มกระชวนพอดี
ถามนิดจิ ตกลงนี่เป็นโปรเจคต์แปลแบบต่อๆ กันป่ะ พอดีวันนี้กูอู้งานแปลตอน 2 เล่นๆ เสร็จไปครึ่งตอน จะลงได้ไหมอ้ะ ให้เกียรติโม่งผู้ริเริ่มก่อนนะฮ้า
นั่งรอกาวอย่างสงบเรียบร้อย ขอบคุณเพื่อนโม่งทุกคนที่ช่วยแปล
<<Fan Fic : เอ็นโจ ชูสุเกะ PoV Chapter 2 ครึ่งแรก>>
วันนี้เป็นวันแข่งกีฬา
ผมต้องออกจากการแข่งวิ่งผลัดแล้วให้คนอื่นลงแทนเพราะขาเจ็บ น่าเสียดาย แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเลยซักนิดที่มาซายะฉุดทีมห้องตัวเองที่อยู่บ๊วยสุดขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง เล่นเอาความอุตสาหะที่ห้องผมสร้างไว้พังครืน
แม้แต่ผมที่ไม่ค่อยสนอกสนใจในชัยชนะนักก็อดจะขมขื่นนิดๆ กับผลงานนี้ไม่ได้
ฉันรู้นะว่านายมีพรสวรรค์ แต่ก็น่าจะมีขีดจำกัดไม่ใช่เหรอว่าคนๆ หนึ่งควรจะมีพรสวรรค์อะไรบ้างน่ะ
เพราะขาผมเป็นซะอย่างนี้ ผมก็เลยต้องหากีฬาอื่นที่ตัวเองพอจะลงได้โดยไม่ต้องเคลื่อนไหวมากนัก ผมก็เลยลงแข่งปาบอลลงตะกร้า
โชคร้ายที่พวกเด็กผู้หญิงที่ลงแข่งพากันมารุมล้อม ผมเริ่มสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแห่งความชิงดีชิงเด่นในทางอื่นจากบรรดาเด็กผู้หญิง ผมต้องขอให้พวกเธอขยับไปห่างๆ ผมอยู่หลายครั้ง จนผมชักจะหงุดหงิดขึ้นมาหน่อยๆ
ผมละเบื่อพวกคนที่คอยตามแจโดยไม่รู้จักไว้ระยะห่างซักนิด!
ขณะที่กำลังปาบอล ผมก็สังเกตเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่พยายามเข้าหาผม แต่ตั้งหน้าตั้งตาเก็บบอลอย่างเอาเป็นเอาตาย
คุณเรย์กะนี่!
ผมกัดริมฝีปาก นึกสงสัยว่าจะขอให้เธอช่วยปรามพวกสาวๆ ให้หยุดโดยที่ผมไม่ต้องตะโกนเรียกดังๆ ได้ไหม ต่อให้เป็นผมก็น่าอายอยู่ดีที่จะต้องขอความช่วยเหลือจากเธอต่อหน้าผู้คนเยอะแยะแบบนี้ ผมรู้อยู่แล้วล่ะว่าเธอเป็นลีดเดอร์ของพวกผู้หญิง ถ้าเธอเป็นคนออกปาก พวกผู้หญิงต้องเชื่อฟังแน่นอน
น่าเสียดาย ไม่มีทางอื่นจะเรียกร้องความสนใจจากเธอโดยไม่ต้องตะโกน ผมจึงต้องอดทนโดนฝูงสาวๆ รุมล้อม ตึงเครียดกับบรรยากาศอยู่เงียบๆ
น่าหงุดหงิดจริงๆ...
**************
หลังงานกีฬาสี ผมเพลิดเพลินกับการได้เห็นมาซายะต้องทนทุกข์กับการสรรเสริญเยินยอจากสาวๆ สำหรับผลงานของเขาในการแข่งวิ่งผลัด ผมเห็นโทสะของมาซายะพุ่งขึ้นมาเป็นริ้ว และผมเองก็เพลิดเพลินเกินกว่าจะหยุดพวกผู้หญิง ก็ใช่ว่าพวกนั้นจะฟังอยู่แล้วนี่นะ
เอ้า เอาแล้วไง ผมอยู่เงียบๆ มองดูมาซายะปึงปังไล่พวกสาวๆ ออกไปจนเหนื่อย พวกสาวๆ พากันหวาดผวา เฮ้อ พวกเธอทำแบบนี้กับมาซายะอยู่ทุกปี อย่างน้อยพวกเธอซักคนหนึ่งก็น่าจะหัดชินได้แล้วนะ
ผมขำเบาๆ ขณะดึงมาซายะออกไป กล่าวอำลาพวกผู้หญิง แล้วเดินไปห้องเปอติต์ ระหว่างทาง ผมสังเกตเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไว้ผมม้วนทรงเจ้าหญิงพูดคุยอยู่กับนักเรียนอีกคน
"ชูสุเกะ นายมองอะไรอยู่น่ะ" มาซายะเหลียวไปมอง พยายามไล่ตามสายตาผม แต่ผมเดินตรงต่อไป
คุณเรย์กะเป็นเพื่อนกับอาคิซาวะสินะ น่าสงสัยจริงๆ ว่าพวกเขาคุยอะไรกันอยู่ คุณเรย์กะดูกระตือรือร้นเชียว...
พอพวกเรานั่งลงในห้องสโมสร มาซายก็สั่งเค้กช็อกโกแลตกับน้ำชา ส่วนผมสั่งน้ำชาเหมือนกัน ขณะที่พวกเรารอ มาซายะก็ออกปากบ่นว่าพวกสาวๆ น่ารำคาญแค่ไหน
"นายเกิดช้าไปหน่อยนะ มาซายะ" ผมขำขณะที่หมอนั่นร้องอย่างขุ่นเคือง "จริงนะ ถ้าเกิดเร็วกว่านี้หน่อย นายคงได้อยู่กับยูริเอะ แล้วป่านนี้ก็อาจจะไปเดทกันแล้วก็ได้" เรื่องของเพื่อนสมัยเด็กกลายเป็นคู่รักกันนี่มันสุดคลาสสิคเลยนี่นะ น่าเสียดายที่มาซายะพลาดเพราะเกิดช้าเกินไป
"ดะ เดทเรอะ!?" มาซายะหน้าแดง ผมหัวเราะ "นายนี่มองออกง่ายจริงๆ"
"นายว่าใครมองออกง่ายนะ!? แล้วเดทคืออะไร!? ชูสุเกะ อย่าเอาแต่ขำซี่ ตอบฉันมาซะดีๆ!"
ผมยังหัวเราะเยาะมาซายะและเย้าแหย่หมอนั่นต่อไปจนของที่เราสั่งมา ดูเหมือนจะอารมณ์เสีย มาซายะจึงรับเค้กมากินอย่างรวดเร็ว
"อย่ากินเร็วนักซี่ เดี๋ยวก็สำลักหรอก"
"รู้แล้วน่า!"
พอขึ้นชั้นป.4 ผมก็ได้เป็นประจักษ์พยานพบเห็นมนุษย์เปลี่ยนแปลงเป็นปีศาจ
วันที่อบอุ่นหลังเลิกเรียน ขณะที่ผมอยู่กับมาซายะในห้องเปอติต์ ตอนนั้นเองที่ข่าวมาถึงเรา
เห็นชัดว่าเด็กผู้ชายจากโรงเรียนอื่นมาที่ซุยรันเพื่อขอออกเดทกับยูริเอะ เพื่อนของผมที่ป่วยด้วยโรครักโดดพรวดพราดจากเก้าอี้แล้วพรวดพราดออกไปด้วยอาการเลือดขึ้นหน้าอย่างแรงกว่าที่ผ่านมา ผมรีบไล่ตามเขาไป เกิดกลัวขึ้นมาจริงๆ ว่ามาซายะจะพลั้งมือฆ่าใครจากความหึงหวง
เมื่อเราไปถึงประตูโรงเรียน ผมเห็นหมอนั่นส่งรอยยิ้มเปี่ยมความมั่นใจให้ยูริเอะ ผู้ดูจะเขินอายและพึงพอใจ พอเห็นเธอทำสีหน้าแบบนั้นแล้ว มาซายะก็ยัวะขาดแล้วพุ่งไปหาหมอนั่นทันที พอส่งลูกเตะจังๆ เข้าที่หัว หนอนั่นก็ร่วงผล็อยลงกับพื้นอย่างหมดท่า ผมมองเพื่อนสนิทดึงดันยูริเอะเข้ารถและขับออกจากโรงเรียนไปอย่างไร้คำพูด
นะ... นี่ผมเพิ่งเห็นเพื่อนสนิทตัวเองทำร้ายร่างกาย (หมอนั่น) และลักพาตัว (ยูริเอะ) เหรอเนี่ย ผมมองมึนๆ ไปที่กองบนพื้นแล้วถอนหายใจ ผมน่าจะเตือนมาซายะไม่ให้ทำอะไรเกิดเลยก่อนจะสายเกินไป
ผมเดินกลับเข้าโรงเรียน เพิกเฉยกองบนพื้นแล้วดึงโทรศัพท์ออกมา มาซายะ คราวนี้ห้ามเมินเมล์จากฉันเชียวนะ!
(ครึ่งหลังมาลงต่อดึกๆ)
วี๊ดดดดดดด♥♥♥
โม่งแปลมาเองรึเปล่าเนี่ย?????
<<Fan Fic : เอ็นโจ ชูสุเกะ PoV Chapter 2 ครึ่งหลัง>>
ในช่วงสัปดาห์ที่ตามมา ผมเป็นประจักษ์พยานเห็นเพื่อนกลายเป็นพวกยึดติดและเจ้ากี้เจ้าการกับยูริเอะแบบสุดๆ ถึงขั้นที่รู้สึกว่าถ้ามาซายะไม่หยุดเร็วๆ นี้ เขาจะต้องมีปัญหาร้ายแรงกับยูริเอะแน่ๆ
เอาเข้าจนได้
ผมผงะหน่อยๆ ขณะมองดูยูริเอะระเบิดตูมใส่มาซายะ เธอสั่งห้ามเขาไม่ให้มาปรากฎตัวต่อหน้าเธอ ผมไม่รู้สึกสงสารมาซายะซักนิด จะยังไงซะหมอนั่นก็สมควรชดใช้สิ่งที่ตัวเองทำลงไปยูริเอะก็อยู่ชั้นม.2 แล้ว ก็คงต้องอยากไปเที่ยวกับเพื่อน มีเวลาส่วนตัวบ้างล่ะนะ
มาซายะ นายนี่มันงี่เง่าจริงๆ...
ผมถอนใจหนักๆ ขณะมองดูเพื่อน หมอนั่นเหี่ยวเฉาเหมือนศพตายซาก ออร่าน่าเกรงขามหายวับ ท่าทางไร้ชีวิตชีวา บัดนี้เหลือแต่ออร่าผู้พ่ายแพ้
ผมเงยหน้าขึ้นขณะได้สินเสียงประตูห้องสโมสรเปิดออก นักเรียนสองสามคนเดินเข้ามา ผมเห็นคุณเรย์กะอยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้นทันที กลุ่มพวกนั้นนั่งเงียบๆ ในมุมห้อง ดื่มชาและทานขนม
เฮ้ มาซายะ ดูซิว่าออร่านายส่งผลแค่ไหน ห้องเปอติต์กลายเป็นทะเลทรายไปแล้วนะ เห็นไหมเล่า
ผมถอนใจหนักๆ ขณะจิบชา มาซายะเริ่มงึมงำบ่นโน่นนี่ขณะกุมหัว เฮ้ มาซายะ จะปล่อยออร่าผู้แพ้ยังไงก็เรื่องนาย แต่ช่วยอย่าคร่ำครวญให้มันน่าสมเพชนักได้ไหม ที่ยูริเอะโกรธขนาดนั้นก็เป็นเพราะนายนี่แหละ
ผมสังเกตเห็นจังหวะเดียวกับมาซายะพอดี มีใครบางคนกำลังมองพวกเราอยู่ เราเหลียวมองไปยังเจ้าของสายตา ซึ่งก็คือคุณเรย์กะนั่นเอง
ก่อนที่ผมจะทันได้พูดอะไร มาซายะก็คำรามขึ้น "เฮ้ เธอน่ะ ถ้ามีอะไรจะพูดก็พูดออกมาซะ"
มาซายะ ความทื่อมะลื่อนี่แหละเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ยูริเอะโมโหนาย...
" พะ...พูดเรื่องอะไรหรือคะ" คุณเรย์กะละล่ำละลัก ท่าทางหวาดๆ โทษเธอไม่ได้หรอก เวลาทำตัวน่ากลัว มาซายะก็น่ากลัวจริงๆ น่ะแหละ
"ทะ ท่านยูริเอะคิดว่าจะปล่อยให้สำนึกผิดไปซักระยะน่ะค่ะ!"
ความเห็นนี้เรียกความสนใจจากมาซายะได้ในทันที หมอนั่นยิ่งทำหน้าตาถมึงทึงหนักเข้าไปใหญ่ คุณเรย์กะตัวสั่นและดูจะสติแตกสุดๆ ขณะตอบคำถามของมาซายะ ผมได้แต่มองกระต่ายโดนสิงโตไล่ต้อนอย่างหมดหนทางช่วย
มาซายะพึมพำอะไรกับตัวเอง ผมชักเป็นกังวลเพราะเดาไว้ว่าหมอนั่นจะพูดอะไรต่อไป
"เอาล่ะ เธอน่ะ ไปหาไอระแล้วสืบมาซะ"
มาซายะะะะะะ!! ทำไมนายนี่มันเจ้าปัญหานักนะ!!!
สุดท้ายมาซายะก็ไล่คนอื่นๆ ที่อยู่ในสโมสรออกไปเหลือแต่พวกเราสามคน คุณเรย์กะดูใกล้จะบ่อน้ำตาแตกอยู่รอมร่อ ผมได้แต่ถอนหายใจ มาซายะ ทำตัวเหลือขอขนาดนี้จะเป็นสาเหตุให้นายโดนทิ้งเอานะ
คุณเรย์กะยืนอยู่ต่อหน้าเราอย่างขลาดๆ ขณะมาซายะตั้งต้นซักถามรัวๆ แม้ผมจะพยายามขัดจังหวะเข้าไปช่วยเธอ มาซายะก็จะตวาดอย่างโมโหๆ แล้วยิงคำถามต่อไป
ผมฝืนยิ้มแล้วว่า "มาซายะเองก็อยากรู้เรื่องของยูริเอะใช่ไหมล่ะ งั้นก็อย่าไปข่มขู่สิ ควรจะถามเธออย่างอ่อนโยนต่างหาก เอาเถอะ ถ้าเป็นไอระล่ะก็ผมไปถามให้เองก็ได้นะ"
ผมพูดเพื่อจะช่วยคุณเรย์กะนะ นี่ดูกลัวจนจะพูดต่อไม่ไหวล่ะ
"ไม่ได้หรอก ต่อให้เป็นนายไอระก็คงไม่บอก ฉันจะใช้ผู้หญิงคนนี้แทน"
"อา ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นแหละนะ งั้นคุณคิโชวอินช่วยหน่อยนะ พูดชัดๆ คืออยากให้ไปถามเธอน่ะว่า ยูริเอะโกรธถึงขนาดไหน แล้วเมื่อไหร่ถึงจะยกโทษให้น่ะ มาซายะนายมีอะไรอย่างอื่นอยากถามอีกไหม"
"....ยูริเอะจะยกโทษให้ฉันหรือเปล่า"
ผมร้องอืมเบาๆ "ในเมื่อยูริเอะบอกว่าอยากให้นายสำนึกผิดอีกระยะ เธอก็คงไม่ถึงขั้นตัดความสัมพันธ์กับนายหรอกนะ ถ้าเธอรู้ว่านายสำนึกผิดถึงขนาดนี้แล้วล่ะก็ ยูริเอะต้องอภัยให้นายอย่างแน่นอน"
มาซายะพยายามโอนอ่อน ผมใช้ชื่อยูริเอะเป็นตัวล่อให้เขาเชื่องทันที พอยูริเอะโผล่มาทีไรหมอนี่ก็ใจอ่อนทุกที..
คุณเรย์กะแนะนำตัวอย่างขลาดๆ ผมยิ้มอย่างสุภาพเป็นการตอบรับ
"พยายามเข้านะ คุณคิโชวอิน ถ้าทำได้ดีจะได้รับคำขอบคุณจากมาซายะที่ปลาบปลื้มเชียวนะ"
"ก็ไม่ได้ปลื้มอะไรนี่คะ.."
....ก็ว่างั้นแหละ ตอนมาซายะตั้งต้นสอบสวน คุณดูทำท่าจะประสาทเสียอยู่รอมร่อนี่นา ความหวาดระแวงในสายตาเวลามองมาซายะก็ไม่เปลี่ยนเลยด้วย
"อ้าว จริงเหรอ เห็นคุณมองมาทางมาซายะอยู่บ่อยๆ เลยนึกว่าคุณคิโชวอินก็ชอบมาซายะเสียอีก รู้ไหมว่าเพื่อนๆ คุณคิโชวอินเองก็ชอบมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ พวกเราน่ะ"
ไม่บอกก็ต้องรู้ชัวร์ๆ
"ก็พวกคุณสองคนเด่นกันซะขนาดนั้นนี่คะ ช่วยไม่ได้หรอกค่ะที่ฉันจะหันไปมอง ขอโทษด้วยนะคะถ้าสร้างความรบกวนให้ ตั้งแต่นี้ไปจะระมัดระวังให้มากขึ้นค่ะ"
เธอพูดอย่างขอโทษขอโพย จากนั้นคุณคิโชวอินก็กล่าวอำลาก่อนออกจากโรงเรียนไป
ผมมองมาซายะนิ่งๆ ชั่วครู่ก่อนจะโคลงหัวไปมา "นายต้องมีปัญหาใหญ่แน่ๆ ถ้ายูริเอะรู้ว่านายไปขู่เด็กผู้หญิงจนเกือบร้องไห้น่ะ"
"...ไม่ใช่ความผิดของฉันนะ"
"ความผิดของนายนี่แหละ" ผมกลอกตาขณะโบกมืออำลา ขอให้โชคดีนะ คุณคิโชวอิน
คุณจำเป็นต้องใช้โชคแน่ๆ ล่ะ
(จบบทที่ 2 ส่งไม้ต่อจ้า)
ขอบคุณสำหรับกาวค่ะ ให้กำลังใจเพื่อนโม่งที่แพ็คกาวใส่กล่องพร้อมเสพ เลิฟยูว
ไม้สองแปลดีจนกุละอายใจ ยังกะโม่งแปลตัวจริงมาเอง ;_;
ขอรับช่วงต่อไม้สามนะเจ้าคะ ติดขัดยังไงขออภัยล่วงหน้า
<<Fan Fic : เอ็นโจ ชูสุเกะ PoV Chapter 3 >>
หลังจากที่ผมเรียนพิเศษเสร็จ มาซายะก็โทรมาหา
"ฮัลโหล?"
"ชูสุเกะ! นายต้องไม่เชื่อแน่ว่ายัยนั่นพูดกับฉันว่ายังไง!" มาซายะตะโกนลั่นจนผมต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหู ทำบ้าอะไรน่ะ ตะโกนใส่โทรศัพท์เนี่ยนะ
"แล้วเธอว่าไงล่ะ?" ผมถามกลับอย่างใจเย็นพร้อมๆ กับที่ลดเสี่ยงโทรศัพท์ลง เป็นการคุยที่มีชีวิตชีวาดีนะ
"ยัยนั่นบอกว่าไม่อยากช่วยฉัน! ทั้งที่เข้ามายุ่งกับเรื่องฉันเองแท้ๆ ยังกล้าบอกว่าข่มขู่อีกนะ เชื่อมั้ยล่ะ!" ฟังแล้ว เสียงหมอนั่นกำลังโกรธสุดๆ
"นายขู่ให้เธอมาช่วยนะ..." ผมเริ่ม ตั้งท่าจะดุมาซายะ แล้วก็ได้ยินเสียงฮึ่มฮั่มมาจากปลายสาย ทำให้ผมต้องหยุดตัวเองไว้ก่อน ผมกรอกตาอย่างสงสัยว่าผมควรจะแก้ไขนิสัยของเขาดีมั้ยนะ
ในมุมนึง มาซายะเป็นคนที่หยาบคายไร้มารยาทเอามากๆ แต่อีกมุมนึงก็เป็นคนที่บันเทิงดี...ขอโทษทีนะ คุณคิโชวอิน แต่ผมว่าจะปล่อยให้หมอนี่เป็นแบบนี้ต่อไปนี่แหละ
"แล้ว มีอะไรคืบหน้าบ้างมั้ย"
น้ำเสียงของมาซายะเปลี่ยนไปทันที และเริ่มรายงานทุกสิ่งอย่างที่ได้รับรู้มา
"ยัยนั่นไม่มีมือถือ ไม่แปลกไปหน่อยรึไง? เราอยู่ตั้งประถมสี่แล้วนะ พ่อแม่ยัยนั่นคิดอะไรอยู่?"
"บางทีอาจจะไม่อยากให้เธอเสียเวลาเล่นเน็ตล่ะมั้ง?" ผมตอบด้วยเหตุผลขณะที่ดื่มชาไปด้วย "เมื่อไหร่นายจะอัพเดทเรื่องยูริเอะ?"
"วันจันทร์เช้า"
ผมกรอกตาเมื่อได้ยินเรื่องนี้ "...ตอนเช้า? นั่นไม่ใช่วันเดียวกับที่คุณคิโชวอินจะไปถามไอระเรื่องยูริเอะหรอกเหรอ?"
"ก็ใช่น่ะสิ ฉันจะได้รู้เรื่องให้เร็วที่สุด ยูริเอะจะได้รีบยกโทษให้ฉันซะที"
...ฉันว่าไม่น่าจะเป็นงั้นนะ มาซายะ
ผมถอนหายใจ ยอมแพ้ที่จะมีเหตุผลกับหมอนี่แล้ว "เข้าใจล่ะ เอาเถอะ ตอนรับรายงานวันพรุ่งนี้ ฟังให้ดีๆ แล้วก็สำนึกผิดซะล่ะ ว่ายูริเอะโกรธนายเรื่องอะไร"
"ฉันคิดแล้วไงว่าต้องใจเย็นลง แล้วก็โทรไปขอโทษตั้งหลายครั้ง แต่ยูริเอะไม่ยอมยกโทษให้ฉันซะที"
ก็แหงอยู่แล้ว ตราบใดที่นายยังตอบได้แบบนี้แถมน้ำเสียงยังไม่สำนึกผิดเลยด้วย!
เฮ้อ "บาย มาซายะ"
"บาย" หมอนั่นวางสายไป
ผมมองเพดานห้องแล้วถอนหายใจออกมา ทำไมถึงรู้สึกเหมือนเป็นผู้ปกครองที่ต้องดูแลเด็กมีปัญหาล่ะ? ผมอายุแค่เก้าขวบเองนะ ผมไม่ควรมีลูกชายเร็วขนาดนี้!
-
เช้าวันจันทร์ ผมเดินอยู่บนทางเดิน แล้วก็เห็นว่ามาซายะกำลังต้อนใครบางคนเข้ามุม นั่นคุณคิโชวอินไม่ใช่เหรอน่ะ?
"มาซายะ" ผมร้องทักขณะที่เดินไปหา หมอนั่นหันมา ผมเห็นเขาถือกระดาษแผ่นเล็กๆ ในมือ
ไม่มีทางอะ หมอนี่ให้เธอเขียนรายงานจริงเหรอ? มาซายะ เธอเป็นนักเรียนประถม เป็นเพื่อนร่วมโรงเรียน ไม่ใช่เบ๊ของนายนะ
"มาทำอะไรกันตรงนี้ กับคุณคิโชวอินด้วย" จริงๆ ก็เดาได้รางๆ ล่ะนะว่าทำอะไรอยู่ แต่ก็อยากได้ยินมาซายะอธิบายด้วยว่าทำอะไรลงไปบ้าง คงไม่ได้ลากเธอออกมารายงานผลตอนกำลังเรียนอยู่หรอกนะ ใช่มั้ย? แค่บังเอิญเจอกันบนทางเดิน ถูกมะ?
ความรู้สึกลึกๆ บอกผมว่าน่าจะผิด แต่ถึงยังงั้นผมก็ยังพอหวังอยู่นิดๆ ว่าหมอนี่จะไม่ได้สร้างปัญหาอะไรนัก
ถึงอย่างนั้นมาซายะก็โชว์รายงานให้ผมดูด้วยสายตาพออกพอใจ หืม? "เอ๋ คุณคิโชวอินไปถามไอระมาเรียบร้อยแล้วหรือครับ? ทำงานเร็วดีจังน้า~" ผมส่งยิ้มให้เธอและมองกระดาษ มันเขียนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยและตรงประเด็น และเข้าใจง่ายด้วย ดีใจซะนะมาซายะ นั่นเขียนไว้ชัดๆเลยว่านายต้องแก้อะไรบ้าง
"หืม อย่างนี้นี่เอง เอาเถอะ รู้สึกจะไม่ต่างจากที่คิดไว้นะ?"
"แล้วฉันก็กำลังบอกอยู่ว่าฉันสำนึกผิดแล้วและจะยอมรับเงื่อนไขของยูริเอะด้วย เพราะงั้นตอนนี้ยูริเอะจะยกโทษให้ฉันแล้วรึยัง?"
ผมอยากจะหวดหลังมือใส่เจ้างั่งนี่สุดแรงสักที นี่นายสำนึกผิดจริงจังแล้วใช่มั้ยเนี่ย?!
"โง่จังน้า มาซายะ" ผมยิ้มให้มาซายะ หมอนั่นทำหน้าบึ้งใส่ผม
"ชูสุเกะแก หาเรื่องกันใช่ไหม?"
"พูดแต่สำนึกผิด สำนึกผิด นายไม่รู้หรือยังไงว่ายูริเอะก็โกรธเพราะเรื่องที่นายมีนิสัยใจร้อนด้วยน่ะ?"
เขาย้อนทันที "ไม่เห็นมีเรื่องแบบนั้นเขียนไว้ซักหน่อย!"
"ตอนเรียนไวยากรณ์นายโดนบอกให้อ่านสถานการณ์รอบๆด้วยไม่ใช่รึไง? ดูตรงนี้สิ ที่นายโดดเตะนักเรียนม.ต้นโรงเรียนอื่นน่ะ ยูริเอะโกรธพฤติกรรมอารมณ์ร้ายของนายใช่ไหมล่ะ?"
มาซายะเงียบไปอย่างหงุดหงิด
ผมยิ้ม โคลงหัวไปมา "ยังไงก็ตาม เธอไม่มีทางเชื่อนายหรอกถ้าแค่บอกเธอไปว่านายสำนึกผิดแล้ว นายต้องแสดงออกทางการกระทำด้วย"
"ถ้างั้นชั้นจะทำไงดี"
"นั่นสิน้า คุณคิโชวอินครับ มีความคิดอะไรบ้างไหมครับ" ผมหันไปหาคิโชวอินซังที่ดูตกใจ อาการตกใจกับสีหน้าว่าไม่อยากจะช่วยอะไรอีกแล้วแสดงออกให้เห็นชัดๆ เลยล่ะ
ก่อนที่จะได้ตอบอะไร เสียงกระดิ่งก็ดังขึ้นก่อน พวกเราทุกคนก็ควรกลับเข้าห้องเรียน มาซายะบอกว่าเป็นการบ้านของคุณคิโชวอินที่ต้องหาวิธีง้อยูริเอะ และให้รายงานเขาหลังมื้อเที่ยง
ตอนที่เราเดินกลับไปที่ห้องเรียน ผมสืบสวนมาซายะ "นายบังเอิญเจอคุณคิโชวอินตรงทางเดิน หลังจากที่เธอคุยกับไอระเสร็จพอดีใช่ไหม? เที่ยงนี้นายน่าจะขอบคุณที่เธอช่วยนายนะ"
"ไม่ได้เจอกันตรงทางเดินซะหน่อย ฉันไปเอารายงานจากยัยนั่นที่ห้องเรียนตะหาก"
...อาห์...ผมยิ้มว่างเปล่าให้มาซายะพร้อมกับพยักหน้าไปด้วย เข้าใจล่ะ ผมต้องค่อยๆ ไปไกล่เกลี่ยสถานการณ์ตอนเที่ยงอีกทีใช่มั้ย นี่นายไม่ได้คิดถึงปัญหาที่ฉันต้องตามแก้เลยใช่มั้ยเนี่ย? จะหุนหันพลันแล่นยังไงก็ต้องมีขอบเขตบ้างนะรู้มั้ย?
"เจอกันที่เปอร์ติต์ นายอย่าลืมบอกยัยนั่นด้วยล่ะ!" มาซายะเดินไปเข้าห้องเรียนไป
นี่ฉันเป็นเบ๊นายตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ?
หลังจากเลิกเรียน ผมเดินไปยังห้องเรียนของคุณคิโชวอิน พร้อมๆ กับคิดไปด้วยว่าจะไกล่เกลี่ยเรื่องพวกนี้ยังไงดี แค่อ้างชื่อหมอนั่นให้ทุกคนหุบปากก็น่าจะพอแล้วใช่มั้ยนะ?
"มีเรื่องไหว้วานหรือคะ? ไม่ทราบว่าเรื่องอะไรหรือคะ?"
"เรื่องนั้นจะให้ดิฉันพูดออกมาเองมันก็..."
ผมได้ยินเสียงคนคุยกันทันทีที่เข้าใกล้ โอ๊ะโอ คุณคิโชวอินโดนรุมแล้วสินะ ผมควรจะเข้าไปช่วยตอนนี้เลย
"คุณคิโชวอิน อยู่รึเปล่าคร้าบ?" ผมเปิดประตูเข้าไปและก็ต้องพบกับเสียงวี้ดว้ายของสาวๆ ที่ตะโกนเรียนชื่อผมทันที ทำไมเด็กผู้หญิงทุกคนถึงไม่ทำตัวเหมือนเรย์กะ ไม่ตะโกนชื่อผมทันทีที่เจอไม่ได้นะ?
"ท่านเอ็นโจ!"
ผมไม่สนใจเสียงวี้ดว้ายเหล่านั้นและเดินไปหาคุณคิโชวอิน "อ๊ะ คุณคิโชวอิน อยู่ตรงนั้นเองหรือครับ เกี่ยวกับเรื่องที่คุณคุยกับมาซายะไว้ ช่วยมาที่สโมสร Pivoine หลังทางอาหารกลางวันด้วยนะครับ"
"อา คือว่าท่านเอ็นโจคะ? ที่ท่านเรย์กะได้รับการไหว้วานจากท่านคาบุรากินี่จริงหรือเปล่าคะ?" ผมเหลือบมองคนถาม ตอบไปด้วยรอยยิ้ม "อา อืม ก็ตามนั้นแหละครับ"
เสียงฮือฮาของสาวๆ ยิ่งหนักกว่าเดิมอีก เห็นเลยว่าพวกเธออิจฉาคุณคิโชวอินน่ะ
"บอกพวกเราได้หรือเปล่าคะว่าไหว้วานเรื่องอะไร"
"แย่จังเลยน้า ผมบอกไม่ได้หรอกครับ ถ้าพวกเธอเข้ามายุ่มย่ามมากไป เดี๋ยวมาซายะจะโกรธเอารู้ไหมครับ? ถ้าเป็นอย่างนั้นก็แย่เลยจริงไหมครับ? คุณคิโชวอินก็กรุณาอย่าพูดออกไปนะครับ" ผมส่งสัญญาณให้คุณคิโชว์อินอย่างเงียบๆ และยิ้มให้ เยี่ยม เธอเล่นตามผมด้วย
"ได้ค่ะ"
"เข้าใจแล้วค่ะ" สาวๆพึมพำตกลง มาซายะ ชื่อนายนี่มีน้ำหนักจริงๆ นะ
"แล้วเจอกันครับ" ผมยิ้มก่อนจะเดินออกจากห้องเรียน หวังว่าพวกนั้นจะเลิกขุดคุ้ยเรื่องที่เธอคุยกับมาซายะนะ
ผมกลับไปยังห้องเรียน และรอมื้อกลางวัน
-
เพียงครู่เดียวหลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ ผมก็ถูกมาซายะที่แสนกระตือรือล้นลากไปเปอร์ติต์ อดรู้สึกสงสารตัวเองไม่ได้ ทีแรกผมยังคิดว่าตัวเองเป็นผู้ปกครอง แต่ตอนนี้รู้สึกเหมือนกำลังกลายเป็นเบ๊ของหมอนี่ไปซะแล้ว
คุณคิโชวอินกับผมลงเรือลำเดียวกันซะแล้วล่ะครับ
ขณะที่รอคุณคิโชวอินอยู่นั้น ผมก็ให้มาซายะอ่านรายงานแล้วอธิบายให้เขาฟังไปทีละส่วน ว่าแต่ละส่วนหมายความว่าอะไร ผมรู้สึกจริงๆ นะว่าตัวเองเป็นคุณพ่อที่กำลังพยายามสอนลูกน้อยผู้ตั้งอกตั้งใจให้อ่านหนังสือ
หืม? ถ้าผมเป็นพ่อ งั้นคุณคิโชวอินจะเป็นแม่มั้ยนะ?...แต่ไม่ใช่ว่าคุณแม่จะต้องเป็นคนคอยดูแลลูก ส่วนพ่อก็เป็นคนพาลูกไปเที่ยวหรอกเหรอ?
ระหว่างที่คิดเรื่องเปื่อยเรื่องใครจะเป็นพ่อและแม่ของมาซายะในครอบครัวสมมติอยู่นั้น คุณคิโชวอินก็ก้าวเข้ามาในห้องเปอร์ติต์
สีหน้าเธอดีกว่าก่อนหน้านี้มาก และดูเหมือนจะใจเย็นลงมากแล้วเช่นกัน มาซายะร้องทักเธอด้วยการบ่นเรื่องที่เธอช้า
"คุณคิโชวอิน นั่งก่อนไหมครับ?"
"ท่านเอ็นโจ ที่มาช่วยตอนก่อนหน้านี้ต้องขอบคุณมากนะคะ" โอ้ สังเกตด้วยสินะ ผมยิ้มให้คำขอบคุณของเธอ
"เฮ้ พูดเรื่องอะไรกัน"
"ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอก แล้วนายคิดไว้บ้างหรือยังว่าต่อจากนี้คิดจะทำยังไงต่อ"
"จริงด้วย! ถ้าจะให้ยูริเอะเห็นว่าชั้นสำนึกผิดแล้วเนี่ย ต้องทำยังไงบ้างล่ะ?" มาซายะเข้าเรื่องทันที แล้วมองมาที่พวกเราอย่างอยากรู้อยากเห็น หืม ผมอยากให้เขาคิดเองมากกว่านะ แต่...ไม่ล่ะ ลองดูก่อนว่าหมอนี่จะมีไอเดียดีๆ บ้างมั้ย "ลองถามความเห็นของมาซายะดูก่อนเป็นไง?"
"ชั้นคิดว่าจะไปขอโทษยูริเอะทุกวันจนกว่าเธอจะเข้าใจความรู้สึกของชั้นน่ะ" เขาประกาศความคิดของตัวเองอย่างภาคภูมิ
มาซายะ นั่น...ผมนิ่วหน้าและพยายามห้ามตัวเองไม่ให้แบ็คแฮนด์ใส่หมอนี่เข้าจริงๆ นั่นมันความคิดของคนที่ไม่ได้สำนึกผิดเลยนี่หว่า!!!
"มาซายะ ทำแบบนั้นเธอจะยิ่งโกรธนะ" ผมต้องหยุดเอาไว้ก่อนที่หมอนี่จะลงมือทำจริงๆ ใครจะรู้ว่าเจ้าโง่นี่จะทำอะไรอีกถ้าผมไม่ห้ามไว้
"ทำไมล่ะ?!" มาซายะร้องอย่างสับสน เขาดูโกรธมากทีเดียว "ชูสิเกะ แล้วนายคิดว่าต้องทำยังไงล่ะ?"
"ก็อะไรแบบไม่ติดต่อไปหาเธอเลย แล้วก็รออยู่เงียบๆจนกว่าเธอจะยกโทษให้ไง"
"ไม่เอา!"
ไอ้เวรนี่
มาซายะเปลี่ยนเป้าหมายและมองไปที่คุณคิโชวอินแทน "เฮ้ สปาย! ขอเสนอแนะของเธอล่ะ?"
คุณคิโชวอินแสดงสีหงุดหงิดตอบ "ท่านคาบุรากิคะ ชื่อของดิฉันคือคิโชวอิน เรย์กะค่ะ กรุณาเลิกเรียกว่าสปายได้ไหมคะ?"
"ใช่แล้วล่ะ มาซายะ เธอช่วยเหลือนายนะ อย่างน้อยๆ ก็เรียกเธอด้วยชื่อเถอะ"
"เหอะ"
"ไง? แล้วเธอมีความคิดอะไรดีๆ บ้างมั้ย" มาซายะเชิดคางขึ้น บังคับเอาคำตอบจากเธอทันที
คุณคิโชวอินกลับตอบอย่างที่ผมคาดไม่ถึง "ดิฉันคิดว่าใช้วิธีส่งจดหมายให้เธอทุกวันก็ดีนะคะ"
"จดหมาย?"
คุณคิโชวอินพยักหน้าและพูดต่อ "อธิบายไปว่าสำนึกผิดขนาดไหน แล้วก็บอกว่าคิดยังไงกับเรื่องนี้ แล้วก็ขอโทษไปตรงๆ ค่ะ ถ้าใช้เมลมันดูจับต้องไม่ได้แล้วก็ยากที่จะสื่อความรู้สึกออกไป เพราะอย่างนั้นถึงควรจะส่งจดหมายด้วยลายมือตัวเองไงคะ แล้วก็เขียนความรู้สึกของคุณที่มีต่อท่านยูริเอะลไปด้วยค่ะ ตั้งแต่อดีต ในญี่ปุ่นเองก็เป็นเรื่องปกติที่จะเริ่มความสัมพันธ์ด้วยจดหมายรักนะคะ"
"อย่างนี้นี่เอง!?" น้ำเสียงมาซายะดูตื่นเต้นมาก แม้กระทั่งผมเองก็ด้วย ที่พูดมาฟังดูโรแมนติกจริงๆ หรือพูดให้ถูก วิธีนี้เหมาะกับมาซายะมากทีเดียว
จากนั้น มาซายะและคุณคิโชวอินเริ่มลงถึงรายละเอียดต่างๆ รวมไปถึงยังห้ามไม่ให้มาซายะทำอะไรอลังการเกินเหตุ ดีเหลือเกิน คำแนะนำของคุณคิโชวอินดีมากๆ น่าจะทำให้มาซายะยุ่งจนไปก่อปัญหาอะไรไม่ได้อีก ผมจะได้พักจากออร่าดำมืดของหมอนี่ซะที
"เอาล่ะ! ความเห็นนี้ผ่าน! หลังจากเลิกเรียนพวกเราไปซื้อชุดเขียนจดหมายกัน! ทั้งสองคนเข้าใจแล้วนะ?!"
"ดิฉันไม่ไปหรอกนะคะ" คุณคิโชวอินตอบ
"หะ? ทำไมล่ะ?"
"หลังเลิกเรียนดิฉันมีบทเรียนส่งเสริมมารยาทและวัฒนธรรมค่ะ แล้วก็มีเขียนไว้ในรายงานด้วยนี่คะว่า 'อย่ารบกวนคนอื่น' ถ้าคุณไปกับฉัน ท่านยูริเอะอาจจะโกรธก็ได้ไม่ใช่หรือคะ?"
พอได้ยินว่ายูริเอะอาจจะโกรธอีก มาซายะเลยหงอยลง
"...เข้าใจแล้ว ลำบากแย่เลยนะ"
"ค่า ถ้าอย่างนั้นก็ ดิฉันขอตัวค่ะ ลาล่ะนะคะ" คุณคิโชวอินยิ้มอย่างสดใสก่อนจะจากไป โชคดีจังน้าที่หนีไปได้
"ชูสุเกะ นายไปกับฉัน"
ผมปฎิเสธได้มั้ยนะ?
-
หลังจากที่ซื้อการ์ดกับกระดาษเขียนจดหมายมาเยอะแยะ และตามหาชุดเขียนจดหมายที่หมอนี่ถูกใจแล้ว มาซายะก็นำผมไปที่บ้านเขา พวกเราพยายามกันอย่างหนักหน่วงเพื่อเขียนจดหมายที่จะทำให้ยูริเอะยอมยกโทษให้ ผมกล่อมให้มาซายะเขียนไปว่าเขาเหงาขนาดไหน ลำบากแค่ไหนกับการอยู่คนเดียว และอื่นๆ อีกนิดหน่อยเพื่อให้ยูริเอะยอมใจอ่อนเร็วขึ้น ผมไม่ได้บอกเขาเรื่องนี้ แต่ก็ใช้ยุทธการเกลี้ยกล่อมด้วย เรื่อง-เศร้า-เคล้า-น้ำ-ตา กระตุ้นสัญชาติญาณความเป็นแม่ และความรักของพี่สาวของยูริเอะ
ผมไม่รู้กับมาซายะหรอกนะ แต่เหมือนเขาจะวาดรูปดอกไม้กับสัตว์ตัวเล็กๆ ลงไปบนขอบกระดาษด้วย สงสัยอยู่ว่าหมอนี่จะรู้ตัวมั้ย ว่านั่นมันเหมือนจดหมายสารภาพรักจากสาวน้อยเข้าไปทุกทีแล้วนา? ไม่บอกจะดีกว่า ไม่งั้นเดี๋ยวหมอนี่จะเลิกทำอะไรเหมาะๆ แบบนี้ไป
ผมเตือนมาซายะให้เขียนบอกไปด้วยว่าเขาอยากจะเต้นรำกับยูริเอะในงานปาร์ตี้ฤดูร้อนปีนี้ และแน่นอนว่าหมอนี่ก็เขียนลงไปอย่างยินดี
ใช้เวลาไม่ถึงสองอาทิตย์ยูริเอะก็ใจอ่อน เธอตกลงเต้นรับกับมาซายะ ทำให้เขาดีใจเป็นบ้า ก็เป็นสาวน้อยผู้ตกหลุมรักนี่นะ
เมื่อปาร์ตี้ฤดูร้อนมาถึง มาซายะพยายามจะทำตัวเท่ๆ แต่ก็ยังกระวนกระวายและเอาแต่หน้าแดงอย่างดีอกดีใจตอนที่เต้นรำกับยูริเอะอยู่ดี ผมถอนหายใจและหันไปอีกทาง ก่อนจะเห็นใครบางคนกำลังมองพวกเขาอย่างเยาะเย้ย
คุณคิโชวอินนี่นา? หืม ทำไมเธอมองพวกนั้นแบบนั้นล่ะ?... หรือว่ากำลังมองมาซายะอยู่?
เมื่อคู่เต้นรำแยกออกจากกัน คุณคิโชวอินก็มองตามมาซายะด้วยสายตาดูถูก โอ้ววว ในที่สุดก็รู้ตัวแล้วสินะว่าไอ้งั่งนี่เป็นแค่เจ้าโง่ไร้พิษภัยน่ะ เยี่ยมมาก คุณคิโชวอิน!
-
ดูเหมือนว่าการเขียนจดหมายและการสำนึกผิดจะมีผลกับมาซายะจริงๆ ความหุนหันพลันแล่นกับนิสัยสตอล์คเกอร์เบาลงไปเยอะ แล้วตอนนี้เขายังตั้งใจเรียนอย่างหนักเพื่อที่จะได้เหมาะสมกับยูริเอะที่อายุมากกว่าและมีวุฒิภาวะมากกว่าด้วย
โชคร้ายหน่อยที่ภายในของหมอนี่ก็ยังไปไอ้โง่ที่เอาแต่กวนยูริเอะไม่หยุดด้วยการติดหนึบ แต่ก็ยังดูมีหัวคิดมากขึ้นนิดหน่อยนะ
ดีมากจริงๆ บางทีผมอาจจะไม่จำเป็นต้องคอยแนะนำหมอนี่จนปากเปียกปากแฉะอีกแล้วก็ได้...ผมควรจะหาทางตอบแทนคุณคิโชวอินเรื่องนี้เสียหน่อยแล้ว
——-
จบไม้4ค่า มีหลายที่ที่กุดำน้ำเอาดื้อๆ ต้องขออภัย
ไม้4เหี้ยไรล่ะ ไม้3สิ อิเวง /กุเอง ด่าตัวเอง
ไม้สี่แปลอยู่นะ ฮือออ ทำไมสปีดกูเต่าคลานขนาดเน้
ฟิคมารัวๆเลย ขอบคุณทุกไม้เลยค่าาาาา
มันมีทั้งหมดกี่พาร์ทน่ะ
ยอดเยี่ยมมากเลยเจ้าค่ะ
วันฟิคที่รอคอย ขอบคุณทุกคนเลยค่ะ
อื้อหือ....ไม่ได้เข้ามาในโม่งนานมาก ครั้งสุดท้ายก็ตอนที่เว็บเปิดให้อ่านแต่เม้นไม่ได้นี่แหละ สมแล้วที่เป็นเหล่าโม่ง เข้ามาปุ๊บก็มีกาวคุณภาพชั้นเลิศให้ชื่นใจได้ดีมากเลย ติดตามๆ
ปล.Seijo no Maryoku wa Bannou desu นี่ใครอ่านมั่ง เนื้อเรื่องสนุกมากๆเลย ฉบับมังงะก็ดีมากด้วย ลายเส้นสวยมาก เจอเรื่องนี้ครั้งแรกในpixiv เลยตามเรื่อยๆคนมีคนแปลไทยมาตอนหนึ่ง นี่หวีดตัวละครมาก ถ้าจะให้ใครวาดมังงะจองท่านเรย์กะก็อยากให้เป็นอ.ที่วาดมังงะเรื่องนี้นะ เพราะวาดสวยมาก ความโชโจฟุ้งกระจาย
โอ๊ย หอมทุ่งกาว ฟืดดดดด ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยแปล เลิฟฟฟฟฟฟ
มันมีเรื่องนึงที่เป็นลูกสาวแกรนด์ดยุค จำได้ว่าโม่งห้องนี้เคยแนะนำ เรื่องอะไรวะ ลืมชื่อแต่อยากอ่านต่อ
ที่ตัวเอกไปเกิดใหม่ตอนกำลังโดนกลุ่มพระเอกไล่ออกจากโรงเรียนพอดี นางเลยถูกพ่อส่ฃไปปกครองเมืองอะ
http://www.nekopost.net/manga/3830 นิยายยังไม่มีใครแปลอีกเลย
ทีนิยายไม่มีคนแปลไทยเพระาะเจ้าของlcคือk
มีใครจองไม้หกยัง เดี๋ยวกูแปลให้นะ//เผื่อไม้ห้าปลิวไปแล้ว5555
ไม้สี่มาแจ้งความคืบหน้า ดูจากสปีด น่าจะได้พน.นะ
เหมือนซุยรันกลับมาเปิดภาคเรียนอีกครั้ง กูปริ่มว่ะพวกมึง//ซับหางตาแปป
จองกันแบบนี้มีหวังได้ออกพรวดๆ แน่เลย พลังกาวนอกนี่มันยอดจริงๆ
>>563 https://fanboi.ch/webnovel/2400/ มู้นี้ก็ได้มั้ง เรื่องที่คนอ่านไม่เยอะอัพไม่บ่อยไม่ค่อยอยากให้ตั้งทู้ เพราะเดี๋ยวก็ร้าง
เรื่องนี้กูอ่านถึงตอนล่าสุดที่แปลอิ้งแล้ว มึงลองไปเปิดประเด็นดู เดี๋ยวไปต่อให้
ฟิคเวียนแปลตอนสี่มาแล้วเด้อออออ // ส่งต่อให้ไม้ 5
หลักเลิกเรียนผมถูกเรียกให้ไปพบที่ห้องพักอาจารย์
พอไปถึงที่นั่น เรย์กะกำลังคุยกับอาจารย์ในเรื่องของคณะกรรมการด้านนำเสนอสื่อการเรียนรู้ ผมหรี่ตามองเมื่อได้ยินว่าอาจารย์กำลังขอร้องเรย์กะอยู่ แต่เธอก็ปฏิเสธและเดินออกไป ผมหลบหลังประตูเพื่อไม่ให้เธอเห็นตัว
“โอ้ คุณเอ็นโจ มาแล้วเหรอครับ” อาจารย์กล่าวต้อนรับเมื่อผมปรากฎตัว
อย่างที่คาด ผมเองก็ถูกขอร้องเรื่องคณะกรรมการเช่นกัน
ผมส่งยิ้มสดใสไปหาอาจารย์ “ถ้าคุณคิโชวอินไม่เข้าร่วม ผมก็ไม่ด้วยละกันครับ!” เมื่อเรย์กะอยู่ด้วย ทุกอย่างก็สามารถดำเนินการไปได้อย่างราบรื่นเพราะว่าเธอจะทุ่มสุดตัว ผมไม่สนใจที่จะทำถ้าไม่มีเธออยู่ด้วยหรอกนะ
เชี่ยยยย กดผิด แป๊บๆ
ทุกเดือนพฤษภาคม ทางซุยรันจะจัดการทัศนศึกษา ปีนี้พวกเราจะได้ไปฟาร์มสัตว์กัน มาซายะพูดถึงเรื่องแข่งม้า ล่องแพ และการที่จะได้ไปเจอพวกสัตว์อย่างมีความสุข เขาดูสนอกสนใจที่จะได้แข่งม้ากับผมเป็นพิเศษ
สปิริตนักสู้นี่ก็ส่งผลมาถึงผมด้วยเช่นกัน เพราะงั้นในทันทีที่รถบัสมาถึงฟาร์ม พวกเราก็รีบไปยังโรงม้าและข่มขู่คนเฝ้าโรงม้าให้เราเลือกม้ากัน พวกอาจารย์ๆ ก็ได้แต่ส่งสายตาสิ้นหวังมาให้ แต่ก็ยอมอนุญาตอยู่ดี ไม่ช้านักเรียนสองสามคนก็เข้ามาเลือกม้าและขี่ออกไปวิ่งรอบๆ ฟาร์มด้วยเช่นกัน หลังจากนั้นไม่กี่นาที มาซายะก็สั่งให้คนดูแลฟาร์มเคลียร์ทุ่งหญ้าส่วนนึงเพื่อใช้เป็นลู่แข่งชั่วคราว
เมื่อขึ้นบนหลังม้า พวกเราก็แข่งกันโดยมีเสียงเชียร์ดังมาจากทางด้านข้าง มีเด็กอีกสองสามคนที่ขี่ม้าได้เหมือนกัน แต่ก็ไม่มีใครมาเชียรร์เลย น่าสงสารจังเลยนะ…
พอพักการแข่งผมก็มองไปรอบๆ ฟาร์มทั้งๆ ที่ยังอยู่บนหลังม้า จากที่ไกลๆ นั่น ผมมองเห็นกลุ่มเด็กผู้หญิงเล่นอยู่กับพวกสัตว์เล็กๆ และได้เห็นเรย์กะอยู่ท่ามกลางหมู่มวลกระต่าย มีตัวสีขาวเล็กๆ ตัวหนึ่งเกาะอยู่ที่ใบหน้า
เข้ากันดีเหลือเกิน!
ผมยิ้มออกมาเมื่อเห็นเจ้ากระต่ายจามออกมาในเวลาเดียวกันกับเรย์กะ คล้ายกันอะไรอย่างนี้! เรย์กะมองไปรอบๆ ทันที เราสบตากันแวบหนึ่งก่อนที่จะหันกลับไปหากระต่าย หืม? รู้ตัวแล้วเหรอว่าผมมองเธออยู่น่ะ
“ชูสุเกะ! มาแข่งกันอีกรอบก่อนกลับเถอะ!” มาซายะเรียกผมจากบนหลังม้าของเขาอีกครั้ง ผมพยักหน้าแล้วบังคับม้าให้ไปหยุดตรงจุดเริ่มต้นของลู่แข่ง
แน่นอน การแข่งขันจบลงที่การเสมอ มาซายะบอกผมอย่างมีความสุขเกี่ยวกับแผนขี่ม้าที่เขาจะทำเมื่อถึงตอนปิดเทอมหน้าร้อน ผมตกลงที่จะแข่งกับเข้าเมื่อถึงตอนนั้น
“ว่าไงล่ะคะ คุณเอ็นโจ”
“ผมไม่ค่อยจะ…” ผมกำลังจะพูดปฏิเสธ แต่อาจารย์ก็ดูน่าสงสารมากเหลือเกิน ผมเองก็เป็น Pivoine เหมือนกันไม่ใช่รึไงครับ แล้วทำไมผมต้องมารับหน้าที่เป็นคณะกรรมการด้วยล่ะ
“ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเป็นสมาชิก Pivoine หรอกค่ะ! คุณคิโชวอินเองก็มาช่วยเหมือนกัน!” อาจารย์บอก
เอ๋ เรย์กะเองก็ช่วยด้วยเหรอ? อืม ถ้าเธออยู่ด้วยก็คงไม่แย่เท่าไหร่หรอกมั้ง
“ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวผมช่วยเองครับ” ผมแย้มยิ้มออกมาขณะที่ตอบรับคำขอร้องจากอาจารย์
การจัดการเรื่องของชั้นป.5 และป.6 เริ่มต้นขึ้นก่อนที่จะต้องจัดงานกีฬาสีจริงๆ พวกเราเริ่มแนะนำตัวเอง
ท่ามกลางผู้คนมากมาย ผมมุ่งความสนใจไปที่เรย์กะผู้กำลังสอดส่องไปรอบๆ ด้วยรอยยิ้มแสนสุภาพทว่าว่างเปล่า
หืม… นี่เรย์กะ คุณควรรู้ไว้นะว่ารอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตาน่ะมันออกจะน่ากลัวไปหน่อยนะ
อย่างที่คาดไว้ พวกผู้หญิงส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว ชักอยากจะให้ตัวเองพกที่อุดหูมาจากบ้านซะแล้วสิ ผมมองจ้องไปยังเรย์กะเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่เธอก็เมินเฉยไปทันที เฮ้ คุณเป็นหัวหน้าของพวกผู้หญิงไม่ใช่รึไง ช่วยห้ามไม่ให้พวกนั้นมาวุ่นวายกับผมได้แล้ว!
ผมถอนหายใจแล้วปลีกตัวออกมาทำงาน พวกผู้หญิงยังคงตามมาแล้วพูดคุยกันเสียงดังอยู่ข้างหลัง น่ารำคาญชะมัด ไปทำงานกันได้แล้วน่า
พวกผู้ชายในกลุ่มคณะกรรมการเข้ามาเตือน บอกให้พวกเขาไปทำงานของตัวเอง เพราะอย่างนั้น พวกเธอก็เลยมีท่าทีฟึดฟัดแล้วแสร้งว่าช่วยงานผมอยู่ จากนั้นก็พูดจาดูถูกพวกผู้ชายว่าพวกเขาแค่อิจฉาเท่านั้น
ไม่เลย พวกเขาพูดถูกแล้วล่ะ พวกคุณน่ะมันไร้ประโยชน์แถมสร้างแต่ปัญหา ถึงแม้ผมจะต่อว่าและบอกให้พวกเขาไปทำงาน ถ้าผมปล่อยทิ้งไว้ด้านหนึ่งแล้วหันไปสนใจอีกด้านล่ะก็ พวกนั้นคงจะเลิกทำงานแล้วทำตัววุ่นวายไม่เลิกแน่ๆ
เด็กผู้ชายที่เดินผ่านเรย์กะส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นอะไรบางอย่าง ผมเลิกคิ้วขึ้นแล้วขอให้เด็กผู้หญิงคนนึงให้ช่วยไปดู เมื่อกลับมาก็เล่าว่าเรย์กะใช้หนังยางพันรอบนิ้วไว้เพื่อให้หยิบกระดาษได้สะดวก
ผมหยิบหนังยางขึ้นมาเส้นนึงแล้วนำมาพันรอบนิ้ว โอ๊ะะะ~ ง่ายขึ้นเยอะเลยนี่นา
ขณะที่ทำงานอยู่ก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวและจามออกมา มีใครสาปแช่งผมอยู่เหรอ
ตอนที่ตรวจเช็คเอกสาร ผมก็สังเกตเห็นว่ามีรุ่นน้องลงหน้าที่ซ้ำซ้อนกัน พอบอกคนอื่นๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาก็ตัดสินใจส่งผมกับเรย์กะไปเจรจา อ๊ะ ถึงเวลาเล่นบท Pivoine แล้วสินะ
อย่าวไรก็ตาม ผมกลับถูกเรย์กะปฏิเสธและบอกให้อยู่ที่นี่ ได้ยินเธอพึมพำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับ ‘ฮาเร็ม’ แล้วเดินออกไปอย่างหัวเสีย ...คุณเรย์กะ พาผมไปด้วยสิครับ อย่าปล่อยผมไว้กับคนพวกนี้เพียงลำพังสิ!
ผมที่ค่อนข้างจะชักช้าก็พาตัวเองไปถึงชั้นป.3 จนได้ โชคไม่ดีเอาเสียเลย ดูเหมือนจะทะเลาะกันและเรย์กะเองก็ดูจะคุมสถานการณ์เอาไว้ไม่อยู่แล้ว
ผมปรบมือแล้วเดินเข้าไปในห้อง ทุกคนเงียบกริบเมื่อผมพูดว่า
“คาซึรางิ คิดจะสร้างปัญหาเล็กๆ น้อยๆ พรรค์นี้ให้คุณคิโชวอินอีกนานเท่าไหร่กัน แค่รีบไปแก้รายงานลงแข่งกีฬาของนายให้เสร็จตอนนี้ก็น่าจะได้แล้วนะ”
ผมมองไปที่เขาด้วยสีหน้าเข้มงวด เจ้าโง่นี่มัวทำอะไรอยู่ ทั้งๆ ที่เรย์กะก็ขอให้แก้ปัญหาแต่แรกแล้วน่ะ
หลังจากที่ผมทำให้ทุกอย่างสงบลง ผมก็เดินกลับไปยังห้องคณะกรรมการกับเรย์กะ เธอดูไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย ผมก็ได้แต่สงสัยว่าทำไม เร่ก็แก้ปัญหาได้แล้วนี่นา มีอะไรให้หงุดหงิดอีกล่ะ
“คุณคิโชวอิน ถ้าคุณจะออกมาแบบนี้ คุณควรบอกผมด้วยสิ” ทำไมถึงแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียวล่ะ เป็นพวกบ้างานรึไง
“รอบตัวท่านเหมือนจะยุ่งๆ น่ะค่ะ ดังนั้นดิฉันเชื่อว่าท่านกำลังยุ่งๆ อยู่แน่ๆ”
ผมยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ โอ้ เข้าใจแล้ว เธอคงไม่อยากให้ผมตามมาเพราะจะมีตัวแถมไร้ประโยชน์ตามมาสินะ “อา พวกนั้นสินะ ผมก็มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้นด้วยเหมือนกัน และเหมือนว่าจะทิ้งงานให้คุณจัดการไม่น้อย ผมก็จะช่วยจัดการด้วยนะ”
ถึงแม้ว่าผมจะเสนอออกไปอย่างดี แต่เธอกลับบอกปัดเสียง่ายๆ ด้วยสีหน้าแบบ ‘เอาตัวนายกับฮาเร็มนายออกไปก็พอ’ อืมมม ขอโทษด้วยนะที่สร้างปัญหา
เมื่อกลับไปถึง ผมก็ถูกพวกผู้หญิงเข้ารุมล้อมอีกครั้ง
“ท่านเอ็นโจ พวกเราก็อยากไปด้วยนะคะ”
“พวกเราทำงานที่ท่านเอ็นโจมอบหมายเรียบร้อยแล้วค่ะ!”
ผมหันกลับไปมองทางเรย์กะ เห็นเธอพึมพำอะไรสักอย่าง หืมมม...เอ๋? ที่พูดถึง ‘ท่านลอร์ด’ นี่หมายถึงอะไรน่ะ ฝันกลางวันหรืออะไรทำนองนั้นเหรอ ผมยังคงมองในขณะที่เรย์กะไปรายงานกับรุ่นพี่เกี่ยวกับความสำเร็จของภารกิจที่เราไปทำมา
ในวันประชุมงานกีฬา ผมกับเรย์กะต้องกลายมาเป็นมาสคอตเพื่อต้อนรับแขกเหรื่อ ถึงจะหงุดหงิดยังไง แต่ในฐานะของทายาทตระกูลเอ็นโจ ผมจำต้องยิ้มแย้มและต้อนรับแขกต่อไป เรย์กะทำหน้าที่ได้ดีทีเดียว ทักทายต้อนรับด้วยรอยยิ้มน่ารักและเสียงอ่อนโยน เลยพอจะเห็นพวกผู้ชายบางคนเอะอะอยู่แถวนี้ โอ้… คิโชวอินเอฟเฟคต์นี่สุดยอดจริงๆ! ผมมองเรย์กะที่ดึงดูดแขกเหรื่อด้วยความขบขัน หืม ทั้งที่ดูเป็นคนไม่มีแรงใจและนุ่มนิ่ม แต่กลับทำเรื่องการติดต่อสื่อสารและการจัดการได้ดีจนน่าตกใจ หือ
เพราะผมลงแข่งไว้ก็เลยไม่ต้องมาทำงานประกาศอะไรเหมือนเรย์กะ ตอนที่เธอประกาศครั้งแรก ผมได้ยินเสียงเธอสั่นไปบ้างในบางช่วง แต่ก็ดูเหมือนจะจัดการงานได้เป็นอย่างดี ได้ยินใครสักคนบอกว่าเสียงเธอน่ารักดี ผมก็เลยหันไปหาคนคนนั้น โอ๊ะ มองไปทางอื่นแล้ว? ทำไมล่ะครับ
พอตกบ่าย ผมได้ยินมาจากอาจารย์ว่าเรย์กะกำลังพักผ่อนและเตรียมตัวลงแข่ง จำได้ว่าเธอลงแข่งแข่งยืมของ ผมเลยแยกตัวออกมาหามาซายะ เขานั่งอยู่คนเดียวตรงมุมห้อง ไม่พูดคุยกับใคร แถมยังมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง
เลิกแบนตัวเองออกมาได้แล้ว! ในฐานะพ่อ (ปลอมๆ) แล้วนั้น พ่อกังวลจังเลยลูก!
ผมนั่งลงข้างๆ มาซายะแล้วชวนคุยจนกระทั่งการแข่งยืมของเริ่มต้นขึ้น เราเดินไปยังส่วนพื้นที่ของผู้ชม มองดูผู้เข้าแข่งขันวิ่งไปถึงกล่องแล้วหยิบสุ่มการ์ดออกมา
ผมเอียงคอมองเรย์กะอ่านการ์ดของตน เธอเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปทางห้องอื่น จากนั้นก็รีบวิ่งไปในทิศทางนั้น สงสัยจังว่าจับได้อะไร
เธอกลับมาพร้อมกับลากคุณอาคิสะวะมาด้วย หืม เธอจับได้คนวิ่งเร็วงั้นเหรอ เขาลงวิ่งผลัดเมื่อปีที่แล้วด้วยนี่ ถึงจะมีคนที่วิ่งเร็วพอกันหรือมากกว่าอยู่ใกล้ๆ ก็เถอะ… ได้ยินผู้ประกาศอ่านการ์ดว่า ‘เพื่อนที่วิ่งได้เร็วที่สุด’ อ๋อ เป็นเพื่อนกันสินะ เรื่องนี้ค่อนข้างน่าตกใจอยู่เหมือนกัน ดูจากสภาพสังคมแล้วก็ไม่ได้ใกล้เคียงกันเลยนะ ไปเจอกันได้ไงล่ะเนี่ย…?
มีการ์ดอยู่มากที่ให้หานเป็นๆ มา เห็นมีคนมาพาตัวเรย์กะไปด้วยเช่นกัน เพราะการ์ดที่เขาจับได้สั่งให้หา ‘เด็กผู้หญิงที่มีริบบิ้นบนผม’
หลังจากนั้นไม่นานก็มีสาวใจกล้าวิ่งมาสารภาพรักกับมาซายะและถูกปฏิเสธอย่างสวยงาม ฮ่า ทำเกิดตัวไปหน่อยล่ะนะ
นอกจากการแข่งวิ่งผลัดแล้ว การแข่งขันหลักอีกอย่างของงานกีฬาคือการแข่งขี่ม้าส่งเมืองของเด็กผู้ชายป.5 และป.6
แต่ละห้องถูกแบ่งออกเป็นสองทีม และต้องคอยฉกผ้าคาดหัวจากทีมอื่น
มาซายะลงแข่งในฐานะแม่ทัพและได้ฝึกม้าของเขาขึ้นมาอย่างลับๆ เขาชวนผมไปช่วยซ้อมด้วยเหมือนกัน แต่ผมก็ปฏิเสธไปเพราะมันน่าเบื่อที่ต้องมานั่งดูหมอนั่นตะโกนสั่งพวกนั้นแล้วคอยทำตัวจู้จี้จุกจิกบ้าความสมบูรณ์แบบ
การแข่งขันมันโหดร้ายอย่างไม่น่าเชื่อ มาซายะโค่นทีมอื่นลงอย่างไร้ความปราณี ผู้ที่เผชิญหน้าถูกเหยียบย่ำอย่างไร้เมตตา ผู้ที่วิ่งหนีก็ถูกล่าอย่างบ้าบิ่น อันที่จริง แค่มองดูผมก็รู้สึกได้แล้วว่าความสามารถในการฝึกฝนผู้คนมันโดดเด่นมากๆ
แน่นอน ผมรู้ว่าพวกม้าต้องทำทุกอย่างให้มั่นใจว่ามาซายะจะไม่หล่นลงมา เพราะถ้าเกิดเป็นอย่างนั้นจริง พวกเขาจะต้องเผชิญกับศัตรูมหาศาลเชียวล่ะ
“อา~ ฮะ มาซายะไม่ปราณีกันเลยน้า” ผมแสยะยิ้มออกมา เรย์กะพยักหน้าอย่างว่างเปล่าเป็นเชิงเห็นด้วย หืมมม ดูเหมือนหมอนั่นจะเสพติดชัยชนะไปแล้วล่ะ
ในที่สุดก็เหลือเพียงทีมของมาซายะเท่านั้น พวกเขาได้รับชัยชนะไปอย่างสมบูรณ์แบบ
หลังจากนั้นก็มีใครสักคนเปรียบเปรยพลังของเขากับจักรพรรดินโปเลียนในตำนาน และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของฉายาอันโด่งดังที่จะติดตัวเขาไปตลอดชีวิต “จักรพรรดิ”
ตั้งแต่ได้รับฉายาจักรพรรดิมา ความนิยมของมาซายะก็พุ่งสูงขึ้น เขาเริ่มมีแฟนๆ จากกลุ่มรุ่นน้อง ชื่อเสียงของฉายานี้ดังไปถึงแผนกมัธยมต้น ได้ยินมาว่ายูริเอะเองก็ชอบล้อมาซายะด้วยฉายานี้่เช่นกัน ผลคือหมอนั่นงอนไปสองวันเลยทีเดียวเชียว
เมื่่อมีเด็กๆ เรียกเขาว่า “จักรพรรดิ” ต่อหน้าหมอนั่น เขาก็จะจ้องด้วยสายตาเย็นชาจนกว่าจะได้รับคำขอโทษและวิ่งหนีไป
ผมแอบบอกคนอื่นๆ ให้เลิกเรียกเขาแบบนี้ต่อหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เขาโมโหขึ้นมาในอนาคต
หลักเลิกเรียนผมถูกเรียกให้ไปพบที่ห้องพักอาจารย์
พอไปถึงที่นั่น เรย์กะกำลังคุยกับอาจารย์ในเรื่องของคณะกรรมการด้านนำเสนอสื่อการเรียนรู้ ผมหรี่ตามองเมื่อได้ยินว่าอาจารย์กำลังขอร้องเรย์กะอยู่ แต่เธอก็ปฏิเสธและเดินออกไป ผมหลบหลังประตูเพื่อไม่ให้เธอเห็นตัว
“โอ้ คุณเอ็นโจ มาแล้วเหรอครับ” อาจารย์กล่าวต้อนรับเมื่อผมปรากฎตัว
อย่างที่คาด ผมเองก็ถูกขอร้องเรื่องคณะกรรมการเช่นกัน
ผมส่งยิ้มสดใสไปหาอาจารย์ “ถ้าคุณคิโชวอินไม่เข้าร่วม ผมก็ไม่ด้วยละกันครับ!” เมื่อเรย์กะอยู่ด้วย ทุกอย่างก็สามารถดำเนินการไปได้อย่างราบรื่นเพราะว่าเธอจะทุ่มสุดตัว ผมไม่สนใจที่จะทำถ้าไม่มีเธออยู่ด้วยหรอกนะ
//เรียบร้อย ส่งต่อไม้ 5
ขอบคุณสำหรับกาวมึง ฟินมากกกก
กาวนอหช่างรวดเร็วทันใจเหลือเกินนนนน
จะว่าไป ฉากเล่นกระต่ายในเนื้อเรื่องจริงนี่มันตแนที่เท่าไหร่วะ
อ.ฮิโยโกะที่วางแผนมานานมากเลยอะ หยอดเรื่องกระต่ายมาตั้งแต่ประถม แล้วก็ให้เอ็นโจหลุดชมท่านเรย์กะว่าเป็นกระต่ายน้อยน่ารักออกมาเรื่อยๆ กุว่ามันเป็นอะไรที่ก๊าวมากๆ
>>584 หา ตอนไหนนะ ที่หลุดชื่อคาซึรางิมา
อาจารย์คือสุดยอดจริงอะ มึงคิดดูว่าใจเรารู้อยู่แท้ๆว่ามีคำใบ้ในอนาคตอยู่เต็มตอน การที่แบบต้องค่อยๆดรอปฮิ้นท์ให้คนอ่านแต่ว่าคนอ่านไม่เห็นแต่ยังต้องอดทนจนกว่าจะเจอ อาจารย์ฮิโยโกะก็ต้องอดทนไม่รีบ ไม่สปอย กราบเลย กูเคยพยายามเขียนนิยาย พยายามฮิ้นท์ เป็นคำใบ้ที่ออกมาดูเสนอหน้ามาก
>>585 ตอนที่ 32 ที่ห้องคาซึรางิมีปัญหาเรื่องลงแข่งกีฬาแล้วเรย์กะไปจัดการ ส่วนเอ็นโจตามมาช่วยไง
จะว่าไปอีไก่โง่นี่มันมีความสัมพันธ์กับบ้านเอ็นโจยังไงหว่า เรียนซุยรันมาตั้งแต่ประถมก็ถือว่ารวย แล้วก็รู้จักกับยุยโกะถึงขั้นเรียกชื่อเล่นได้น่าจะสนิทสนมกันมาก บ้านอีไก่โง่อาจจะเป็นคู่ค้าที่สำคัญเลยทำให้เอ็นโจพูดอะไรมากไม่ได้ด้วยรึเปล่า
กรีีดดดๆๆๆๆๆ กุเพิ่งอ่านที่วิเคราะห์ว่าเอ็นโจเห็นเรย์กะเล่นกับกระต่าย->ชมเรย์กะเหมือนกระต่ายบ่อยๆ,ทำลาเต้อาร์ตรูปกระต่ายให้ กุแบบ กร๊ดากสหงแสหว เขินนนนน
ตอน5มีคนจองไปแล้วใช่มั้ย ตอน6มีคนแปลยัง ถ้ายังกุจะแปลต่อเลย (ถ้ามีใครจองแล้วบอกหน่อยนะจ๊ะ) ถึงกายหยาบกูยังจะไม่ว่างแต่กายละเอียดกูพร้อมตื่นมาดมกาววว
ต่อจากข้างบนนิด ลงว่าอาจารย์แกเก็บทุกเม็ดขนาดนี้ ที่เอ็นโจขาเจ็บลงแข่งวิ่งไม่ได้ตอนประถมก็น่าจะมีสาเหตุเหมือนกันนะ จะรอวันที่ปริศนาคลี่คลายนะคะ อาจารย์
้ห็นแฟนไซต์คุยเรื่องว่าเรื่องถูกไปแปลเป็นภาษาอื่นๆ คอมเม้นท์กันยาวเชียว ใครเผือกญี่ปุ่นออกมาเหลาให้หน่อย น่าจะเรื่องลิขสิทธิ์กันปะ
https://kenkyokenjitsu.com/notice/trans/
>>590 ที่อ่านๆมากูว่าเค้าไม่ได้คิดมากกับพวกลิขสิทธิ์กันสักเท่าไหร่ คงเพราะยังไม่ได้ตีพิมพ์เป็นรูปเล่มล่ะมั้ง เพราะถ้าเป็นรูปเล่มแล้วไปละเมิดลิขสิทธิ์คงจะเป็นเรื่องใหญ่น่าดู
แล้วก็เห็นว่าเค้ากลัวแปลผิดหรือแปลกพลาดจากเนื้อหาที่มีความนัยซ่อนอยู่ ซึ่งกูคิดว่าโม่งเราไม่พลาดว่ะ ขนาดกอล์ฟมาร์คเกอร์ยังแปลความนัยเปลี่ยนองค์ชายเอ็นโจวเป็นจอมมารได้นี่... นั่นแหละกูล่ะยอมใจ
ปริ่มกะกาวนอกมาก นิกุขำก๊ากเลยที่เอนโจตั้งตัวเป็นพ่อคาบุ แล้วให้เรย์กะเป็นแม่. คือมุ้งมิ้งน่ารักมาก. ตอนโยนภาระให้ท่านเรย์กะก็ประมาณว่า อะ แม่ไปดูแลลูกที พ่อเหนื่อย 555 คือมันใช่มาก. แบบว่าตอนอ่านนิยายกุก็สงสัยว่าทำไมเอนโจต้องคอยดึงท่านเรย์กะมาหาคาบุด้วยเหตุผลอะไร. พอเป็นพ่อแม่ลูกนี่ใช่เลย 555
ฟิคแปลเวียน ตอนที่ 5
วันหนึ่งที่ผมไปเล่นหมากรุกแข่งกับมาซายะอยู่ที่บ้านของเขา แม่ของเขาก็กลับเข้าบ้านมาด้วยสีหน้าที่เหมือนกำลังวางแผนอะไรอยู่ในใจ
พอผมมองตามร่างของมาซายะที่วิ่งไปต้อนรับ สีหน้านั่นเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอบอุ่นแบบคุณแม่ ผมก็รู้สึกระแวงขึ้นมา
แต่ถึงจะมีความสงสัยจะติดในใจ ผมก็ยังยิ้มขณะที่เดินตามเขาไปทักทายเธอ
“สวัสดีตอนบ่ายครับ คุณน้า กลับมาเร็วแบบนี้มีอะไรไหมครับ?”
“ท่านแม่ ท่านแม่ได้ซื้อช็อคโกล่ามาฝากผมรึเปล่า?”
มาซายะ ไม่ใช่ว่านายพึ่งจะกินของหวานไปเมื่อกี้นี้เองเรอะ? ระวังฟันผุล่ะ
คุณน้าหลุดหัวเราะออกมาแล้วส่ายหน้า มาซายะเลยเบะปากไม่พอใจแล้วอมลมพองแก้ม ซึ่งทำให้เธอหัวเราะหนักขึ้นและหยิกแก้มของเขา และในขณะที่ผมกำลังรอให้การสปอยมาซายะของเธอจบลง ผมก็เหลือบมองกลับไปที่กระดานหมากรุก
ชนะไปสี่ตาแล้ว ตาต่อไปจะยอมให้มาซายะดีไหมนะ?
เมื่อผมได้ยินเสียงคุณน้าปล่อยมาซายะก็เลยหันกลับไป แต่อยู่ดี ๆ เธอก็ถามพวกเราเกี่ยวกับเรย์กะขึ้นมา
อะไรกันน่ะ?
“เมื่อครู่นี้แม่เจอเธอกับพี่ชายหลังจากรับประทานมื้อเย็นน่ะ เป็นเด็กที่น่ารักคนหนึ่งเลยนะจ๊ะ แม่ยังได้ยินจากยูริเอะว่าพวกลูกเป็นเพื่อนกัน ก็เลยสงสัยว่าทำไมลูกไม่ยอมชวนเธอมาเล่นที่บ้านบ้าง ไม่ใช่ว่าเกมน่ะจะสนุกขึ้น ถ้ามีคนมากขึ้นเหรอจ๊ะ มาซายะ” รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฎขึ้นมาบนหน้าของเธอ
มาซายะที่นั่งข้าง ๆ ผมทำหน้าบึ้งออกมาและปฏิเสธหัวชนฝาว่าเขาไม่ได้เป็นเพื่อนกับเธอ
มาซายะ ท่าทีต่อคุณแม่ (ปลอมๆ) ของนายนั่นมันอะไรน่ะ!
“ยัยนั่นไม่ใช่เพื่อนของผม อยู่กับเธอก็ไม่เห็นจะสนุกตรงไหนเลยด้วย!”เขาทำหน้าเย็นชาไปขณะที่พูด
นายกล้าพูดอย่างนั้นทั้งที่นายไม่อยู่กับเธอมากพอด้วยซ้ำเนี่ยนะ นี่คงไม่ใช่เพราะว่าเธอดุนายไปสองสามครั้งตอนที่นายใช้ให้เธอเป็นเบ๊หรอกใช่ไหม?
นายควรถือว่านายโชคดีด้วยซ้ำที่เธอหยุดนายก่อนจะทำทุกอย่างจะพังน่ะ
“เอาล่ะ มาซายะ ลูกไม่คิดว่าลูกหยาบคายกับเรย์กะจังเกินไปหน่อยหรือจ๊ะ”
/เรย์กะจัง?/
“เล่นเกมแล้วได้เพื่อนเพิ่มด้วย ลูกไม่อยากทำอย่างนั้นหรอจ๊ะ”
“ผมไม่อยากทำ!”
ผมรู้สึกเหนื่อยนิดๆจากการฟังมาซายะเถียงเหมือนเด็ก ๆ
มาซายะ มาด “เย็นชาสูงส่ง” ของนายที่พวกสาว ๆ กรี๊ดกันหายไปไหนหมดแล้ว? นี่นายหลอกผู้หญิงเกือบทั้งซุยรันสำเร็จจริง ๆ นะเนี่ย…
“แล้วเธอล่ะจ๊ะ ชูสุเกะคุง? เธอไม่คิดว่ามันจะดีหรือถ้าจะมีเพื่อนมาเพิ่มขึ้นน่ะ”
/นี่คุณน้ากำลังทำอะไร เล่นจับคู่ให้เด็กเกรดหกเนี่ยนะ?”
ผมยิ้มก่อนจะไหวไหล่ “คุณคิโชวอินเป็นคนที่ดีนะครับ แต่พวกเราไม่ได้มีโอกาสคุยกันมากขนาดนั้น มันคงจะกระอักกระอ่วนถ้าอยู่ ๆ ก็ไปชวนเธอมาเล่นที่บ้าน อีกอย่างเธอเองก็มีกลุ่มเพื่อนของเธออยู่แล้ว และคุณคิโชวอินก็ไม่ค่อยยุ่งกับเด็กผู้ชายเท่าไหร่ ผมว่ามันอาจจะเป็นการรบกวนถ้าพวกเราไปชวนเธอมาเล่นที่บ้าน…”
ผมทำให้มันฟังดูเหมือนว่ามันจะเป็นการรบกวนเรย์กะถ้าพวกเราพาเธอมาที่นี้ อีกเหตุผลคือเธอไม่ถูกกับมาซายะและหมอนั่นก็ไม่ใช่ว่าจะมีเจตนาอยากอยู่ร่วมกับเธอซักเท่าไหร่ เพราะงั้นการเชิญเธอมาคงจะจบลงที่บรรยากาศแย่ ๆ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
“อย่างนี้นี่เอง” คุณน้ายิ้มเป็นเชิงช่วยไม่ได้ขณะส่ายหน้า ใช่ครับ เรย์กะก็จะเดือดร้อนไปด้วยนะ เพราะฉะนั้นแล้ว…
/ชู่ว~/
“งั้นแม่ไปดูท่านพ่อก่อนนะจ้ะ มาซายะ ชูสุเกะคุงก็อย่าลืมโทรบอกท่านพ่อท่านแม่นะจ้ะถ้าอยากจะอยู่ค้าง” เธอเดินไปและมาซายะก็มองตามเธอไปก่อนจะวิ่งไปที่ตู้เย็นอย่างรวดเร็วพูดว่าเขาจะรีบกลับมา
ผมเดินกลับไปที่กระดานหมากรุกที่พวกเราเล่นค้างไว้และมองตัวหมากเงียบ ๆ
ขณะที่กำลังวิเคราะห์หมากของมาซายะอยู่ ผมก็ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วเอื้อมมือไปหยิบตัวควีนออกมาจากด้านข้างคิง
“จับคู่เรย์กะให้กับมาซายะอย่างนั้นสินะ…”
ในเดือนมิถุนายน ซุยรันก็จัดงานทัศนศึกษาอีกครั้ง และแม้ว่าโรงเรียนของเราจะรวยขนาดไหน พวกเราก็ได้ไปเที่ยวแค่จังหวัดเกียวโตและจังหวัดนารา ผมอุตส่าห์หวังว่าปีนี้จะได้ไปฝรั่งเศสแท้ ๆ เลยน้า…
แต่ถึงปลายทางของเราจะธรรมดาจนไม่รู้จะธรรมดายังไง เรียวกังและโรงแรมที่โรงเรียนเลือกก็แน่นอนว่าต้องหรูที่สุดในย่านนั้น เรียวกังที่พวกเราไปเป็นเรียวกังที่โปรดของคุณน้า - แม่ของมาซายะ เพราะฉะนั้นมาซายะก็เลยคุ้นเคยกับการมาที่นี่อยู่และเริ่มสั่งโน่นนี่กับพนักงาน
แต่โชคร้าย เพราะว่ามีผมเป็นสมาชิกอยู่ในห้องด้วย คลาสของผมก็เลยค่อนข้างจะเสียงดังทำให้โดนพวกคุณครูตำหนิบ่อยครั้งว่าให้ทำตัวดี ๆ และอยู่เงียบ ๆ
ผมสามารถรู้สึกถึงความเกลียดชังที่แผ่ออกมาจากตาของหัวหน้าและหัวหน้าห้องจากทางด้านหลังเวลาที่พวกเด็กผู้หญิงไม่ได้อยู่รอบผมได้เลยล่ะ
พวกเขาควรจะดีใจมากกว่านะที่ไม่ได้ต้องดูแลห้องของมาซายะ
ก็ห้องนั้นเป็นห้องที่เสียงดังที่สุดและก็วุ่นวายในการทัศนศึกษาครั้งนี้นี่นา
นอกจากนี้ เพราะว่าห้องที่เรย์กะอยู่เป็นระเบียบและสามารถจัดการได้ง่าย คุณครูเลยมักจะเปรียบเทียบห้องของเธอกับห้องของเราอยู่เสมอ บอกว่าพวกเราควรจะเอาอย่างเธอบ้างแต่ผมว่าพวกเขาแค่อยากจะให้เด็กผู้หญิงบางคนรู้จักประพฤติตัวเหมือนเรย์กะซะมากกว่า
เธอคนที่มักจะนั่งเงียบ ๆ อยู่มุมห้อง ใบหน้ามีรอยยิ้ม ในขณะเดียวกันก็สามารถทำให้ทั้งห้องเรียบร้อยได้ไงล่ะ
-
ในตอนที่พักทานอาหารกลางวัน ไม่ว่ามาซายะจะไปนั่งตรงไหน ที่ตรงนั้นก็จะกลายเป็นแดนไร้กฎหมายไปในทันที
มันเต็มไปด้วยเสียงของพวกเด็กผู้หญิงที่เถียงและพูดคุยกันเสียงดัง ผมมั่นใจว่ามีอยู่คนหนึ่งที่ตั้งใจทำอาหารหกใส่อีกคนด้วยซ้ำ นี่ทำให้ผมอยากจะถามพวกเธอจริง ๆ ว่าพวกเธอนับเป็นเด็กผู้หญิงที่ถูกเลี้ยงโดยตระกูลที่ดีจริง ๆ เหรอ
ในบางครั้งผมก็ยังบอกพวกเด็กผู้หญิงในห้องผมนะว่าให้นิ่ง ๆ กันหน่อย แต่มาซายะน่ะปล่อยให้พวกเธอทำอะไรก็ได้ตามใจชอบและทำให้เกิดเหตุการณ์ยุ่งวุ่นวายเต็มไปหมด
/บรรยากาศตึงเครียดจริงๆ…/
การที่พวกเขาเป็นแบบนี้ในตอนนี้ มันก็ยังสามารถอ้างได้นะว่าเป็นแค่การกระทำอย่างกระตือรือร้นของเด็ก ๆ แต่พอโตขึ้น สิ่งที่พวกเธอทำน่ะจะค่อย ๆ กลายเป็นว่าไม่มีมารยาทและน่ารำคาญ
มีเด็กผู้หญิงบางคนที่ดูเหมือนว่าเธอจะกลายเป็นคุณหนูที่จะเฉิดฉายในอนาคตด้วยซ้ำ และมันเหมือนกับว่าระหว่างกลุ่มของพวกเธอจะมีความเป็นศัตรูที่บรรยายไม่ถูกอยู่ด้วยนิด ๆ
แต่เพราะเรย์กะดูจะไม่เป็นอะไรมาก ดังนั้นผมว่ามันก็คงไม่สำคัญอะไร
-
ไม่นานก็ถึงเวลาปิดไฟ แต่เด็กผู้หญิงพวกนั้นก็ยังไม่ไปไหนและส่งเสียงดังอยู่รอบ ๆ มาซายะ ผมมองเลยไปเจอพวกหัวหน้าห้องกับเรย์กะมองสบตากัน ก่อนที่เรย์กะจะทำสีหน้าพ่ายแพ้ออกมาและลุกขึ้นยืน
เธอเดินตรงไปที่กลุ่มแฟนคลับของมาซายะและดึงเด็กผู้หญิงออกมาคนหนึ่ง
เพียงแค่พูดคุยกันไม่กี่นาทีสั้น ๆ กับเด็กผู้หญิงคนเดียว เด็กผู้หญิงทั้งหมดก็ค่อย ๆ เงียบลงทีละคน ๆ และทำตัวสงบเสงี่ยม
และเนื่องด้วยบรรยากาศที่เปลี่ยนเป็นไร้เสียงโดยสิ้นเชิง ผมจึงได้ยินเรย์กะพูดอย่างชัดเจนทุกคำ
เธอพูดถึงว่ามันเป็นเวลาที่ต้องปิดไฟและกล่าวราตรีสวัสดิ์กับทุก ๆ คน เด็กคนอื่นเองก็ตอบกลับมาอย่างเชื่อฟังว่า”ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ท่านเรย์กะ” และกลับไปที่ห้องของตัวเอง
/เหมือนว่าฉายาผู้นำของพวกผู้หญิงจะไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ สินะ เรย์กะ?/
-
ต่อมาผมได้คุยกับมาซายะในตอนเช้า ปรากฎว่าเขาได้รับข้อความจากยูริเอะที่ส่งมาดุเรื่องที่เขาปล่อยให้พวกเด็กผู้หญิงก่อเรื่องได้ตามใจชอบ เขาดูกลุ้มอกกลุ้มใจจนผมต้องยื่นช็อคโกล่าให้ปลอบใจเขา
ไม่เป็นไรหรอกน่า มาซายะ ยูริเอะไม่ได้โมโหซะหน่อย ไม่เห็นต้องซึมขนาดนั้นเลยนี่นา
-
ระหว่างวัน พวกเรายังได้เดินไปเยี่ยมชมศาลเจ้าและวิหารต่าง ๆ และต่อด้วยการไปช้อปปิ้ง
มาซายะไปซื้อของฝากให้ยูริเอะ ในขณะที่ผมมองผ่านพิธีอวยพรในศาลเจ้าไป ผมก็เห็นมีผู้ชายบางคนรีบไปขอคำอวยพรในด้านความรัก พอคนน้อยลงหน่อยผมก็ค่อยเดินไปบ้าง
ผมดึงเซียมซีออกมาหนึ่งแผ่น “โชคร้าย“
อะไรเนี่ย? [1]
-
เมื่อพวกเราถึงจังหวัดนารา ก็พบว่ามีเด็กผู้หญิงคนนึงกำลังท่องบทกลอนมังโยชู ดังนั้นพวกเราหลาย ๆ คนก็เลยหยุดเพื่อที่จะชื่นชมในความประณีตละเอียดอ่อนของเธอ มีเด็กบางคนถึงกับลองท่องเลียนแบบออกมาด้วยซ้ำ แต่กลับลงเอยด้วยอะไรที่ฟังดูงี่เง่าแทน
ผมมองเรย์กะที่ทำสีหน้าไปด้วยในขณะที่ฟัง เธอดูเหมือนจะจำอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แต่สุดท้ายแล้วเธอก็แค่อยู่เงียบ ๆ และนำพวกเราทั้งหมดไปที่สถานที่ต่อไป
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเราเข้าไปในหอยูเมโดโนะ เรย์กะก็ไม่ได้อยู่เงียบ ๆ อีกต่อไป เธอพูดขึ้นมาด้วยเสียงค่อนข้างดังว่า “จักรพรรดิแห่งดินแดนอาทิตย์อุทัย” ไกด์ที่มีสีหน้าพอใจก็กล่าวชมเธอยกใหญ่ ทำให้เด็กผู้หญิงคนอื่น ๆ เองก็เอ่ยชื่นชมเธอไปตาม ๆ กัน
แก้มทั้งสองข้างของเรย์กะกระตุกและยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อได้รับคำชม
นี่การทำให้เธอดีใจมันง่ายขนาดนี้เลยใช่ไหม?
-
ที่สวนสาธารณะนารา[2] มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น
ผมไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง แต่ก็ได้ฟังมาจากมาซายะที่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา แม้ว่าในส่วนตัวแล้วผมค่อนข้างจะเป็นห่วงว่าเธอได้รับบาดเจ็บรึเปล่าเพราะผมเห็นเธอเดินสะโหลสะเหลไปตลอดทางกลับโรงแรม แต่มาซายะก็ยังย้ำกับผมอยู่นั่นล่ะว่าที่เธอเดินแปลก ๆ เป็นเพราะเธอเหยียบมูลของกวางเข้าต่างหาก
ผมตัดสินใจอย่างเงียบ ๆ ว่าอีกเดี๋ยวจะไปดูเรย์กะ และพบว่าเธอก็เดินได้ปกติดี แสดงว่าเธอคงจะเหยียบมูลกวางอย่างที่มาซายะบอกจริง ๆ นั่นละ
-
ต่อมาพวกเราก็ไปมหาศาลเจ้าคาสุกะหลังจากนั้น ผมก็ตั้งใจภาวนาให้เพื่อน ๆ ทุกคนและครอบครัวมีสุขภาพที่ดี
ที่นี่ก็ยังมีเซียมซีกวางน้อย[3] แต่ผมบังเอิญหันไปเจอเรย์กะที่มองพวกมันด้วยสายตาพิฆาตเหมือนอยากจะเอาพวกมันทั้งหมดไปเผาทีละตัว ๆ ผมก็เลยไม่ค่อยอยากซื้อ รู้สึกเหมือนว่ามันจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีซะเท่าไหร่ และก็ตัดสินใจซื้ออันอื่นให้ครอบครัวของผมแทน
มาซายะชวนผมไปเสี่ยงเซียมซีกับเขา แต่พอผมนึกถึงอันที่แล้วที่ผมได้มาผมเลยปฏิเสธเขาไป แต่ก็นั่นละมาซายะยอมให้ผมทำแบบนั้นที่ไหนและลากผมไปด้วยอยู่ดี
นี่นายไม่ได้คิดจะไปเองตั้งแต่แรกอยู่แล้วสินะ?
สุดท้ายพวกเราก็ได้รับเซียมซีว่าโชคร้ายกันมาทั้งคู่ มาซายะโมโหถึงขั้นโยนคำทำนายของเขาทิ้งลงถังขยะ บอกว่ายังไงเขาก็ไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติพวกนี้อยู่แล้ว
แหม แต่เมื่อกี้นายยังมีความสุขที่ได้มาเสี่ยงเซียมซี /ขนาดนั้น/ เลยนะ…
แต่พอผมคิดถึงโชคร้ายของผมบ้าง ผมก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
ไม่รู้ว่าผมควรจะรู้สึกยังไงกับเรื่องนี้ดีนะ…
-
วันนี้เป็นวันที่เหนื่อยมากจริง ๆ ตลอดทั้งวันผมกับมาซายะต้องเขียนลงในสมุดเฟรนด์ชิปเล่มแล้วเล่มเล่า ความจริงผมก็ไม่อยากจะเหนื่อยเขียนอะไรแบบนี้หรอกนะ แต่พอผมเห็นหน้าตามีความหวังของพวกเธอ ก็ต้องยอมแพ้และเขียน “ยินดีกับการจบการศึกษา” ลงบนสมุดต่อไป
มาซายะนั้นขี้เกียจกว่าผมซะอีก เขาเขียนแค่ชื่อของเขาลงไปเท่านั้น แม้ว่าในบางครั้งถ้าคนที่มาเป็นคนที่เขาคิดว่าไม่เลว เขาก็จะยอมเขียนชื่ออีกคนให้ด้วย
อย่างไรก็ตามคนส่วนใหญ่ที่มาต่อแถวให้เขียนสมุดเฟรนด์ชิปให้ก็คือบรรดาแฟนคลับของพวกเราเอง ดังนั้นพวกเราก็เลยแค่เขียนที่สิ่งง่ายที่สุดลงไปซ้ำ ๆ
ผมต้องมองลายเซ็นต์ของคนจำนวนมากจนผมเริ่มที่จะจำได้แล้ว ไม่นานผมก็เริ่มรู้สึกปวดหัวกับบางอันที่มีสีฉูดฉาดบาดตา และขอให้คนอื่นเปิดหน้าว่าง ๆ ให้ผมเซ็นต์แทน
ไม่นาน มาซายะก็เลียนแบบผมเช่นกัน
และในเวลาต่อมา พวกเราพบว่ายังมีบางคนที่เคลือบลายเซ็นต์ของพวกเราเก็บไว้ด้วย ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหายุ่งยากอย่างการปลอมลายเซ็นต์ในอนาคต เราก็เลยตัดสินใจเปลี่ยนวิธีการเซ็นต์
-
แต่ถ้าถามว่าอะไรคือหนึ่งในสิ่งที่ผมเสียใจที่สุดแล้วละก็ มันก็คงจะเป็นการที่ไม่แกล้งป่วยและโดดเรียนในวันนั้น
ถึงแม้ผมจะเขียนสมุดเฟรนด์ชิปไปมากมาย แต่นาน ๆ ทีผมถึงจะขอให้คนอื่นเขียนของผม แม้ว่าผมจะเห็นว่าหลายคนน่ะอยากจะเขียนมันก็ตาม ผมเกือบจะต้องแย่งสมุดของผมกลับมาจากมือของคนพวกนั้นด้วย เพราะงั้นผมก็เลยเปลี่ยนไปขออย่างลับ ๆ แทน
มาซายะกับผมเขียนลงบนสมุดของอีกฝ่ายพอเป็นพิธี พวกเราถึงขั้นเขียนกลอนแข่งกันด้วยซ้ำ แต่ก็เป็นมาซายะที่อ่านหนังสือและโตกับคุณพ่อที่สะสมหนังสือมาจากทั่วโลกที่เอาชนะผมไป
เขายิ้มอย่างกระหยิ่มใจไม่หยุดจนถึงเวลากลับบ้านเลยละ
-
ในขณะที่ผมนั่งอยู่ในสโมสรหลังเลิกเรียน ผมพลิกดูสมุดลายเซ็นต์ของผมไปตลอดทั้งเล่ม แต่ก็ไม่เจอลายเซ็นต์ “คิโชวอิน เรย์กะ” แม้แต่ที่เดียว นั่นทำให้ผมพบว่าเธอเป็นสมาชิก pivoine คนเดียวที่ยังไม่ได้เขียนลงบนสมุดของผม
ผมจึงลุกขึ้นมาจากที่นั่งและเดินออกไปจากสโมสร
หลังจากถามเด็กนักเรียนไปสองสามคนว่าเรย์กะกลับบ้านไปหรือยัง ก็ได้รู้ว่าเธอยังอยู่กับพวกตัวแทนชั้นเรียนในห้องประชุม ผมเลยเดินตรงไปที่นั่น
แต่พอผมไปถึงและถามหาเรย์กะ พวกเขากลับบอกว่าเธอเดินไปกับคุณหัวหน้าห้อง
ผมเลิกคิ้วขึ้น เดินไปตามเส้นทางที่พวกเขาบอกว่าคุณหัวหน้าห้องกับเรย์กะน่าจะอยู่และก็เจอทั้งสองคนยืนอยู่ด้านหลังอาคารเรียน คุณหัวหน้าห้องที่หน้าขึ้นสีกำลังมองเรย์กะด้วยสีหน้าที่ดูเครียดนิด ๆ
ผมไม่สามารถที่จะได้ยินสิ่งที่พวกเขาคุยกันจริง ๆ ได้เพราะงั้นก็ได้แต่เดาจากสีหน้าท่าทางของพวกเขา
…/มีอะไรกันนะ/
ผมกะพริบตาไปพร้อม ๆ กับที่พยายามนึกว่ามีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า แต่สมองของผมมันก็ว่างเปล่าไปหมดในขณะที่ผมพยายามจะคิดเหตุผลดี ๆ ที่เขาจะมีใบหน้าสีแดงหลังจากที่ชวนให้เรย์กะมาอยู่ในที่ปลอดคน
/นี่ผมคงไม่ได้มาขัดจังหวะอะไรหรอกนะ ใช่ไหม?/
และถึงแม้ว่าผมจะคิดแบบนั้นก็ตาม ผมก็เริ่มรู้สึกรำคาญใจ
ต่อมาตอนที่ผมเห็นเขามีสีหน้าดีอกดีใจและเอาของบางอย่างให้เรย์กะดู (มันดูเหมือนแผ่นกระดาษอะไรซักอย่าง…หรือว่ามันคือจดหมายรัก?) เรย์กะก็ยิ้มให้เขาอย่างรวดเร็วและรับมันไป
ผมรู้สึกรำคาญใจมากขึ้นไปอีกหลังจากที่เห็นแบบนั้น และก็หมุนตัวเดินจากไปทันที
-
พอเดินมาถึงรถ คนขับก็มีสีหน้าเครียดราวกับว่าเขาไปเห็นอะไรบางอย่างที่ /แย่/ มาก ๆ อย่างนั้นละ พอผมเข้าไปในรถแล้วก็โยนพวกของต่าง ๆ ไปไว้อีกฝั่ง
พวกเรากลับไปถึงบ้านอย่างรวดเร็ว และเมื่อเข้าไปในบ้าน ผมเมินเสียงเรียกของท่านพ่อขณะที่เดินขึ้นไปที่ห้อง
ตอนที่นั่งลงบนเตียง ผมได้รับข้อความจากมาซายะบอกว่ายูริเอะเซ็นต์สมุดของเขาแล้ว
ผมปิดมือถือและนั่งมองเพดานห้องในขณะที่ใจยังรู้สึกหงุดหงิด
รู้สึกเหมือนโดนสวมหมวกเขียว[4]ยังไงก็ไม่รู้…
-
จบตอนแล้ววววว
__________
[1]ความจริงแล้วตรงนี้เอ็นโจสบถว่า what the heck เพราะว่าได้ใบ future curse แต่ขออภัยที่ฟิลเตอร์ท่านเอ็นโจในหัวคือเป็นคนไม่พูดคำหยาบ เลยไม่ได้แปลว่า อะไรวะเนี่ย
[2] นิยายบนเว็บแปลไปว่าสวนสัตว์นารา แต่ไปกูเกิ้ล Nara park ก็เจอเป็นสวนสาธารณะที่มีแต่กวาง…บวกกับดูเว็บอื่น ๆ ก็เลยแปลตามว่าสวนสาธารณะแล้วกัน หรือไม่ก็สวนกวาง
[3] Deer Fortunes; ก็น่าจะเป็นเซรามิกที่เป็นรูปกวางน้อยคาบเซียมซี ลองใช้คีย์เวิร์ดไปเปิดดูได้ น่ารักจริงๆ นะ ท่านเรย์กะจะไปเผามันทำไมเนี่ย แต่เพิ่ม japanese shrine ทำนองนี้ไปด้วยก็ดี ไม่งั้นอาจจะเจอ skyrim ได้55555
[4] หมวกเขียว ความจริงเป็นสำนวนจีน แปลประมาณโดนสวมเขาในสำนวนไทยนั่นแหล่ะ ขออนุญาตเก็บอันเดิมไว้เพราะว่า…เพราะว่าลองแทนโดนสวมเขาลงไปดูก็ได้ มันดูทำให้นายแก่แดดไปนิดนะเอ็นโจ
ปอลอ ประโยค แม่ไม่แท้ที่เอ็นโจพูดหมายถึงเรย์กะนะเผื่อไม่เคลียร์
ปอลอสอง ความจริงแล้วในนิยายแปลมีงานเลี้ยงที่คาบุรากิพูดถึงแค่ว่าพ่อแม่ฉัน อันนี้เดาว่าความจริงตอนโตแล้วคาบุไม่น่าเรียกท่านแม่ แต่อันนี้ยังดูเป็นเด็กขี้อ้อนอยู่ก็เลยใส่ท่านแม่ลงไป…
ปอลอสาม อันนี้ไม่รู้แปลถูกไหม คือ ที่บอกว่าเอ็นโจมองผ่านพิธีอวยพรไปน่ะ อังกฤษคือ look through blesssings in the shrine นะ ไม่รู้จริงว่าคืออะไร… เพื่อนโม่งคนไหนจะแก้ข้อสงสัยให้จะขอบพระคุณมาก
อื้อละก็ ความจริงสิ่งที่เอ็นโจเขียนในสมุดเฟรนด์ชิปน่ะ นิยายแปลบนเว็บเขียนว่า”ยินดีกับการจบศึกษา” แต่ภาษาอังกฤษคือ “ยินดีกับการจบการศึกษาไปสู่ชั้นมัธยมต้นนะ”
สุดท้ายนี้ขอบ่น นั่งเปิดวนหาอยู่นานมากว่าท่านเอ็นโจเรียกแม่มาซายะว่าคุณน้ารึคุณป้า( auntie ) กว่าจะเจอออออออ /นี่พิมพ์มาซายะอย่างนู้นอย่างนี้จนชินมาซายะกว่าคาบุรากิของท่านเรย์กะแล้วเนี่ย
แหม ตัวแค่นี้ก็คิดว่าโดนนอกใจแล้วเหรอ ยังไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย แค่ครอบครัวสมมติในมโน ทำมารู้สึกเหมือนเมียหนีไปมีชู้ได้ยังไง แก่แดดจริงๆนะคะท่านเอ็นโจ 5555555
สงสัยสีหน้าตอนที่เห็นหัวหน้าห้องยื่นจดหมายรัก(?)ให้เรย์กะคงน่ากลัวมากแหงๆ คนขับรถเลยเครียดตามเลยเห็นมะ
>>598 กูว่าเอ็นโจก็น่าจะพูดคำหยาบบ้างนะ นิสัยผู้ชายน่ะ เวลาบ่นโน่นนี่หรือน็อตหลุด อย่างท่านพี่เวลาโมโหอิมาริยังหลุดคำหยาบออกมาเป็นครั้งคราวเลย
โอ๊ยยยยยย ดีต่อใจแม่ยกท่านเอ็นโจเหลือเกิน ขอบคุณทุกคนที่แปลมาก
การมโนเล่นพ่อแม่ลูกในหัวได้ฉันใดก็คล้ายกับตัวร้ายละครไทยที่ชอบมโนว่าคบกับพระเอกฉันนั้น 555 ท่านเอ็นโจระวังท่านพี่นะเจ้าคะ
>>586 กูเดานะว่าบ้านของคาซึรางิคงเป็นคู่ค้าที่สำคัญคนนึงของบ้านเอ็นโจ พ่อแม่คงพามาเล่นที่บ้านเป็นเพื่อนบวกกับให้เป็นลูกน้องกลายๆของชูสุเกะ คาซึรางิเลยเข้านอกออกในบ้านเอ็นโจได้ และดูมีความเคารพนับถือเอ็นโจ แล้วก็เจอยุยโกะด้วยเลยชอบและอาสาเป็นสายข่าวให้แบบเต็มใจ แต่เอ็นโจดูรำคาญคาซึรางิ เพราะเรื่องคอยตามประกบรายงานยุยโกะแต่ทำอะไรไม่ได้มากเท่าไหร่ เพราะเดี๋ยวจะมีความยุ่งยากตามมาภายหลังทั้งเรื่องครอบครัว เรื่องยุยโกะ แต่บทจะไม่แคร์ฮีก็ไม่แคร์เลย ใครก็บังคับไม่ได้ด้วย
จากลิงค์ >>590 แอบมาสรุปให้
คือเขาก็แบบว่า เหย ไม่คิดเลยว่านอบน้อมและหนักแน่นฯ ได้แปลเป็นภาษาต่างประเทศหลายภาษาแล้วฮิตมากๆ ด้วย ตอนแรกที่เกิดสงสัยเรื่องนี้เพราะเห็นแฟนอาร์ตของเรื่องนี้ที่ pixiv เป็นภาษาไทยภาษาอังกฤษ พอไปค้นดูก็เลยเห็นว่ามีแปลเป็นภาษาอังกฤษ, จีน, เกาหลี, สเปน, ไทยด้วย แถมในไซต์แปลภาษาอังกฤษยังมีรูปถ่ายของกินแปะไว้ด้วยนะ คนอ่านก็เยอะแยะเลย เห็นตอนนึงมีคอมเมนต์เป็นร้อยๆ แน่ะ แถมยังมี fandom wikia ด้วยนะ (กูว่าถ้าเขามาเจอโม่งคงอึ้ง...)
ดูในคอมเมนต์ก็มีความเป็นห่วงเรื่องลิขสิทธิ์กันอยู่แหละ (ขอโทษค่ะ...)
แล้วเขาก็เป็นห่วงเรื่องบทแปลมั้ง เพราะมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมเยอะ จริงๆ ก็มีส่วนนะ อย่างชื่อรัชทายาทอาริมะนี่ก็มีที่มาของตัวจริงในประวัติศาสตร์แหละ แต่มันยาวมาก กูสรุปไม่ไหว... orz
<<Fan Fic : เอ็นโจ ชูสุเกะ PoV Chapter 6 >>
เพราะว่าเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้ใส่เครื่องแบบสีกรมท่า คุณแม่ก็เลยจับผมถ่ายรูปเสียเยอะแยะ มาซายะเลยหัวเราะผมยกใหญ่ที่ต้องกลายมาเป็นนายแบบให้แม่ และเพื่อเป็นการเอาคืน ผมเลยจัดการให้คุณน้ารู้ว่าผมโดนจับถ่ายรูป และเนื่องจากวันพรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายของการใส่เครื่องแบบนักเรียนประถมสีกรมท่าของพวกเรา ก็แค่บอกไปว่านี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายอะนะ คุณน้าก็เลยจัดการกักตัวมาซายะไว้แล้วจ้างตากล้องชั้นนำ แถมด้วยการจัดแจงทำเป็นอัลบั้มรูปที่เต็มไปด้วยภาพมาซายะโพสท่าเป็นนายแบบยิ่งกว่าที่ผมทำซะอีก เมื่อทุกอย่างจบลง เขาก็จ้องผมเขม็ง ถึงตาผมหัวเราะสะใจใส่หมอนี่บ้างแล้ว
จะสู้กับฉันน่ะ ยังเร็วไปพันปี!
.
ในวันสำเร็จการศึกษา ทุกคนก็ไฟลุกโชน ถ่ายรูป คุยกัน แสดงความยินดีกับคนอื่นๆ เสียยกใหญ่ แต่ไม่มีใครร้องไห้ เพราะทุกคนก็ยังจะเจอกันในชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนซุยรันนี่อยู่ดี
ในตอนที่ผมกำลังยุ่งอยู่กับการนำทางคุณแม่ในโรงเรียน ก็รู้สึกถึงสายตาของคนสองคนที่จ้องมองขึ้นมา พอผมหันไปดู ก็เห็นมาซายะกับแม่ของเขา และเรย์กะ กับคนที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นพ่อแม่ แล้วก็พี่ชายของเธอ
เรย์กะถือดอกไม้อยู่ไม่ใช่รึไงน่ะ? สงสัยจังว่าไปได้มาจากใคร...ไม่น่าจะใช่มาซายะแน่ๆ
ในขณะที่ผมจับมือคุณแม่เอาไว้ มาซายะก็มาและทักทายพวกเรา เพื่อเลี่ยงแฟนๆ และตากล้องของเราทั้งคู่ เราเลยตัดสินใจกลับไปที่บ้านผมกัน
-
"มาดาม ที่คุยด้วยตรงนั้นคือครอบครัวคิโชวอินหรือคะ?" ได้ยินเสียงแม่ถามตอนที่เดินลงมาชั้นล่าง ผมเลยประชิดกำแพงฟัง ดวงตาหรี่ลง เบิกหูให้กว้าง คุณแม่ทำอะไรอยู่น่ะ?
"ดิฉันได้ยินมาว่าคุณคิโชวอิน เรย์กะเป็นสุภาพสตรีที่เชื่อถือได้ สุภาพ มีความเป็นผู้นำ และน่ารักมาก เธอเป็นอย่างที่ร่ำลือกันไหมคะ?" การสอบถามครั้งนี้ของคุณแม่ทำให้ผมรู้สึกอึดอัด แต่คุณน้าก็ตอบ "อย่างมากเลยล่ะค่ะ เธอน่ารักราวกับตุ๊กตากระเบื้องชั้นสูง การวางตัวก็ช่างนุ่มนวลและมีความอดทนเสียด้วย ราวกับไม่ใช่เด็กๆ เลยค่ะ"
"อุ๊ยต๊าย ช่างเป็นเด็กสาวที่น่ารักจริงๆ เลยนะคะ ดิฉันเองได้ยินว่าเธอมักจะช่วยคุณครูอยู่เสมอ และช่วยเหลือชั้นเรียนเมื่อมีคนต้องการ ชูสุเกะของดิฉันเคยเล่าว่า เธอช่วยเหลือเอาไว้มากทีเดียวเมื่อตอนที่เป็นกรรมการงานกีฬาด้วยกันค่ะ"
"ดิฉันก็ได้ยินมาเช่นเดียวกันค่ะ คุณคิดว่าเธอจะเหมาะกับมาซายะของดิฉันรึไม่คะ?" ผมเกือบจะกระอักเลือกกับประโยคนั้น สองคนนั้นอะนะ? คู่กันน่ะนะ? คุณน้าอยากให้มาซายะหนีออกจากบ้านรึไง?
"ชูสุเกะ!!! อยู่ไหนน่ะ?!" เสียงมาซายะตะโกนลั่น เสียงของเด็กน้อยร่ำไห้ตามมา ผมจ้องมองบันไดอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะรีบหาตัวเมดที่อยู่ใกล้ๆ และลากตัวหล่อนกลับไปที่ชั้นบนอย่างรวดเร็ว
ผมเห็นคุณแม่มองมาขณะที่วิ่งขึ้นไป ผมข่มกลั้นอาการสั่นระริก พร้อมกันนั้นก็สงสัยว่าคุณแม่กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
-
หลังจากที่ใส่ชุดนักเรียนชายสีขาวชุดใหม่ ก็ต้องจบลงด้วยการกลายเป็นโมเดลให้แม่ถ่ายรูปอีกครั้งหนึ่ง ในเมื่อคุณแม่ดูจะดีใจมากๆ ผมจึงปล่อยให้เธอถ่ายไป แต่ก็ต้องปฏิเสธอย่างทันทีทันใด เมื่อคุณแม่ขอร้องให้ผมกลับไปใส่ชุดนักเรีรยนประถมบ้างเป็นบางครั้งคราว คุณแม่ครับ ผมไม่ใช่เด็กๆ นะ
เมื่อมาถึงโรงเรียน ผมก็ตรวจสอบห้องเรียนทันที และพบว่าอยู่กันคนละห้องกับมาซายะ มาซายะตัวคนเดียวไม่เป็นไรหรอก แต่ปัญหาน่าจะตกไปอยู่กับหัวหน้าห้องของหมอนี่มากกว่านะ
-
ในเดือนพฤษภาคม พวกเราก็มีเดินทางไกลกัน คราวนี้เป็นการปีนเขาล่ะ มาซายะกับผมเคยปีนเขากันบ่อยๆ อยู่แล้วในช่วงที่ไปเข้าค่าย ดังนั้นเลยไม่มีปัญหา อันที่จริง เราเป็นกลุ่มแรกที่ไปถึงยอดเขาล่ะนะ ขนาดคุณครูก็ยังมาไม่ถึงเลยทั้งที่ออกตัวมาพร้อมกับเราแท้ๆ...
ดังนั้น ผมกับมาซายะเลยเริ่มมองหาจุดสงบๆ เพื่อทานอาหารกลางวันกัน พวกเราสวาปามอาหารเที่ยงกันด้วยความเร็วสูง เลยมีเวลาสบายๆชั่วโมงนึงก่อนที่ถูกคนจะมาถึง แต่ยังไงก็ถูกสาวๆ ที่มีออร่าวิบวับรุมล้อยอยู่ดี ผมจำผมเธอไม่ได้แฮะ ต้องเป็นคนนอกแน่ๆ แฟนๆ ขาประจำอยู่ที่ไหนน่ะ? พวกนั้นน่าจะเข้ามาป้องกันไม่ให้มีสาวๆ หน้าใหม่เข้ามาถึงตัวพวกเราสิ
เมื่อผมมองไปรอบๆ ก็สังเกตว่าหลายๆ คนดูเหนื่อยจนหมดสภาพ บางคนก็ดูเหมือนจะเพิ่งเริ่มทานข้าวเที่ยง ท่าทางแฟนๆ ขาประจำจะอยู่ในกลุ่มนั้นนะ
ไม่เป็นไร กลุ่มคนนอกนี้ดูจะไม่ทำอะไรที่เกินเหตุ เราเลยสามารถรับมือได้ด้วยตัวเอง ผมลุกขึ้นตามมาซายะ ที่ตามกลุ่มเด็กผู้ชายไปเล่นเกมอีกที
เมื่อหันไปมองด้านข้าง ก็เห็นเรย์กะถูกเพื่อนสองคนที่ดูตกอกตกใจอย่างแรงประคองมา นี่เธอเป็นลมเพราะความเหนื่อยเหรอเนี่ย?
เมื่อหนึ่งในบรรดาเด็กผู้หญิงรอบตัวมองไปตามทิศทางที่ผมมอง เธอก็รีบรุดเข้าไปช่วยทันที และเมื่อผมมองเหล่าเด็กผู้หญิงรอบๆ พวกเธอก็รีบเข้าไปช่วยด้วยเช่นกัน โอ ทุกคนเป็นเด็กดีมีน้ำใจกันทั้งนั้นเลยนี่นา? การช่วยเหลือกันเป็นเรื่องที่ดีนะ
-
พวกเด็กผู้หญิงส่งเสียงเอะอะล้อมหน้าล้อมหลังผมทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นในชั่วโมงเรียน, ช่วงพัก และมื้อกลางวัน สาวๆ พวกนั้นก็จะเข้ามาห้อมล้อมโต๊ะเรียนและไม่เปิดทางให้ผมออกไปสักนิด มาซายะก็โดนแบบเดียวกัน
เราเลยไปที่ห้อง Pivoine เพื่อเลี่ยงพวกเด็กผู้หญิงกัน และเพราะปีนี้ได้อยู่กับยูริเอะอีกครั้ง สาวน้อยมาซายะเลยกลับมามีสปิริตแรงกล้าทันทีที่เหยียบย่างเข้าไป เขาแสกนหายูริเอะรอบห้อง ก่อนจะพบเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะเดียวกับไอระและเรย์กะ
ทันทีที่เราปรากฏตัว ร่องรอยสำนึกเสียใจก็ผุดขึ้นมาในดวงตาของเรย์กะพร้อมๆ กับที่เธอหยุดการสนทนากับยูริเอะลงและมองไปทางมาซายะ เมื่อเห็นดังนั้น ไอระก็มองไปทางเรย์กะที่นิ่งเงียบอย่างกังวล ก่อนจะส่ายหน้าคล้ายจะบอกว่า "ไม่เป็นไรนะ" นี่เราเพิ่งมาถึงเองนะ ทำไมเธอต้องทำเหมือนเราไปทำอะไรไม่ดีใส่เธอด้วยเล่า?
"จริงด้วย นึกออกแล้ว คุณเรย์กะ ตอนไปทัศนศึกษาโดนกวางจู่โจมจนแย่ไปเลยใช่ไหม เห็นรูปแล้วตกใจเลยล่ะ กลัวมากไหม?" ยูริเอะเอ่ยขัดบรรยากาศอันแสนกดดันด้วยการแสดงความเป็นห่วงเรื่องอุบัติเหตุที่นารา โอ้ ผมจำได้นะ
มาซายะ หยุดหัวเราะสิ ถึงจะตลก แต่ถ้าเรย์กะเกิดบาดเจ็บขึ้นมาจริงๆ จะทำยังไงน่ะ? เป็นบ้าอะไรของนาย?
เรย์กะตอบว่าเธอไม่เป็นไร แต่ผมเห็นว่าสายตาคมกริบของเธอจ้องไปทางมาซายะอย่างไม่เป็นมิตร ทันใดนั้น รอยยิ้มอ่อนหวานอันแสนมีเมตตาก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเรย์กะ
"จะว่าไป เพิ่งได้ฟังจากเพื่อนมา เห็นว่าชื่อของจักรพรรดิระบือไกลไปถึงยูริมิยะแล้วนะคะ"
นั่นทำให้มาซายะที่กำลังหัวเราะแทบเป็นแทบตายหุบปากฉับทันที แววตาสยดสยองนั่นเข้ากับสีหน้าตกตะลึงของเขามากทีเดียว โอ้ เรย์กะเอาชนะได้อย่างสวยงาม
"อ้าว คงดับไฟไม่ทันแล้วล่ะนะ มาซายะ" ยูริเอะหัวเราะอย่างรื่นเริง
"...ไม่ต้องแล้ว พอที ยอมแพ้แล้ว" มาซายะถอนหายใจ
"ฉันไม่ได้พูดเองเสียหน่อย ยังไงก็ยังพอกลบเกลื่อนไปได้ ดีกว่านโปเลียนล่ะน่า..."
หมอนี่ดูเซ็งสุดๆ อันที่จริงมาซายะบ่นเรื่องนี้มาตั้งแต่งานกีฬาสีแล้ว ผมเลยรู้ว่าเขาไม่พอใจกับเรื่องนี้เอามากๆ ถ้าเจอคนที่ตั้งฉายานี่ให้ หมอนี่จะไล่ล่าจับคนพวกนั้นมาถลกหนังทั้งเป็นไหมนะ?
"นั่นสิเนอะ ถ้าโดนร้องทักว่า 'อ๊ะ นโปเลียนล่ะ!' ที่กลางเมืองล่ะคงอายขายขี้หน้าสุดๆ แต่โดนทักว่า 'จักรพรรดิ' กลางเมืองก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ สงสัยฉันต้องเผลอเดินห่างๆ มาซายะ ทำตัวเป็นคนอื่นด้วยแน่ๆ"
"ชูสุเกะ นี่นาย..."
ผมหัวเราะเยาะเมื่อแกล้งเจ้าคนอีโก้สูงนี่ได้ สายตากินเลือดกินเนื้อนั่นดุดันจังน้า ราวกับอยากจะเผาทุกอย่างให้ราบเชียวล่ะ แต่เพราะมาซายะก็คือมาซายะ...ไอ้การทำเรื่องอะไรแบบนั้นมันยากเกินไปอยู่แล้วล่ะ
"มาซายะจะโดนเรียกว่าจักรพรรดิไปถึงเมื่อไหร่ไม่รู้ แต่คุณคิโชวอินไม่ถูกเรียกว่า 'แม่สาวกวาง' ซักหน่อย ยังดีกว่าเยอะนะ"
สีหน้าและสายตาของเธอเหมือนจะร้องไห้แบบคนสิ้นไร้ไม้ตอก ผมตัดสินใจหยุดแกล้งทันทีก่อนที่เธอจะเริ่มร้องไห้ขึ้นมาจริงๆ
"ซักวันฉันจะตั้งชื่อเล่นแปลกๆ ให้นายบ้าง" มาซายะคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ผมหัวเราะหนักกว่าเดิม เอาเลย ลองดูเซ่! แต่นายต้องจำฉายาของนายไปตลอดกาล!
ในตอนที่ผมกำลังสนุกสนานกับการแสดงออกของมาซายะอยู่นั้น ผมก็เห็นเขาส่ายหน้าอย่างผิดหวังให้เรย์กะ หืม? เธอก็อยากตั้งฉายาให้ผมเหมือนกันหรอกเหรอ? อ๋า~ เรย์กะ ผมไม่ได้ตั้งฉายาแย่ๆ ให้เธอเลยนะ ใช่มั้ย ทำไมต้องโกรธผมขนาดนั้นด้วยล่ะ?
หลังจากที่ผมใจเย็นลงได้ พวกนั้นก็เริ่มคุยกันเรื่องปัญหาระหว่างสภานักเรียนกับ Pivoine กันแล้ว จริงๆ นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญสักนิด...ไม่ว่าสภานักเรียนจะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่ซุยรันก็อยู่ได้ด้วยธนาคารเคลื่อนที่ได้อย่างครอบครัวของเหล่าสมาชิก Pivoine อยู่ดี ดังนั้นถ้าต้องเลือกระหว่างนักเรียนธรรมดาร้อยคนกับ Pivoine คนเดียว ยังไงซุยรันก็เลือก Pivoine อยู่แล้ว ซุยรันไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยอย่างการแข็งข้อของสมาชิกสภาปัจจุบันอะไรแบบนั้นหรอกน่า
ผมส่ายหน้า ยิ้มอย่างขบขัน
ในขณะเดียวกัน มาซายะก็เริ่มเกิดอาหารหึงหวงจากเรื่องราวที่ยูริเอะเล่าให้ฟัง หวังว่าจะปลอดภัยน้า ทั้งรุ่นพี่โอคิชิมะและประธานนักเรียน
-----
ไม้หกนี่สั้นๆ มั้ยนะ แต่เอาเป็นว่าจบแล้วจ้า ส่งต่อให้ไม้7 สู้ๆนะ โม่งทั้งหลาย!
เอ็นโจนาย...สกิลแอบฟังมาทุกตอนเลยนะ นี่มันสกิลสายลับยิ่งกว่าท่านเรย์กะซะอีก
คิดถึงกาวไทยๆ มีกาวไทยใหม่ๆ บ้างมั้ยวะสหายโม่ง กาวเวียนในตำนานก็ได้
>>621 ได้
คิโชวอิน เรย์กะ เด็กสาวผู้มีความหยิ่งในศักดิ์ศรีและชาติกำเนิดจำต้องจากบ้านสวนกุหลาบแวร์ซายเข้าสู่เมืองหลวงโตเกียวเพื่อเรียนต่อตามคำสั่งของบิดาที่เขียนสั่งไว้ก่อนไปรักษาตัวที่ต่างประเทศให้เรย์กะไปอาศัยกับตระกูลเอ็นโจซึ่งเป็นหุ้นส่วนที่บ้านทรายทอง...ผิดๆ ที่คฤหาสน์เอ็นโจ เธอถูกกลั่นแกล้งตั้งแต่เข้ามาโดยยุยโกะคู่หมั้นของคุณชายเอ็นโจกับคาซึรางิเด็กที่เข้าออกบ้านเอ็นโจมาตั้งแต่เด็กรวมไปถึงคนรับใช้ที่เข้าข้างยุยโกะ เอ็นโจ ชูสุเกะคุณชายบ้านเอ็นโจเห็นเรย์กะเหมือนกระต่ายน้อยที่โดนรังแกจึงรู้สึกสงสารและได้คอยให้ความช่วยเหลืออย่างลับๆ เช่นการดึงคนรับใช้ที่รังแกไปสนทนาเป็นการส่วนตัวเป็นต้นว่า "ผมจะไม่ทนแล้วนะ" และคิโชวอิน เรย์กะก็ได้คอยดูแลเอาใจใส่เอ็นโจ ยูกิโนะ(บุตร)ชาย(คน)เล็กของบ้านเอ็นโจที่สุขภาพไม่ดี เธอแสดงให้เห็นว่าภายนอกเธอเป็นคนที่เข้มแข็งอดทนมีจิตใจที่ดีย์งามจนสามารถชนะใจหลายๆ คนได้จนเป็นผลสำเร็จ จนในที่สุดถึงตอนล่าสุดและยังไม่ได้อัพเดตจึงทำให้ไม่ทราบว่าทั้งคู่จะเป็นอย่างไรต่อไป
ไทยพอได้ไหม
น่าจะมีฟิคท่านเรย์กะครอสโอเวอร์กับพล็อตน้ำเน่าละครไทยบ้าง ทั้งเรื่องเต็มไปด้วยความน้ำเน่าอย่างพาโรดี้ ประมาณว่าสลับตัวลูกคนรวยกับคนจน ติดหนวดปลอมตัวก็ไม่มีใครรู้ว่าเป็นผู้หญิง แย่งสมบัติแล้วนางเอกคือทายาทที่แท้จริง ของพวกนี้มาอยู่ในเซ็ตติ้งท่านเรย์กะน่าจะฮา 55555
กาว: ในวันที่กลายเป็นเรทอาร์!
.
.
.
“ลามกจังน้า คุณคิโชวอิน”
เสียงทุ้มกระซิบข้างหูชวนให้ทั้งร่างสั่นสะท้าน ฉันก้มหน้าที่ร้อนฉ่าไม่พูดไม่จา ลามกบ้าอะไรยะ! ใครที่ไหนเค้าเข้าใกล้กันขนาดนี้บ้าง?!? แล้วมือนั่นมันอะไรน่ะ?!? รัดเอวแบบนี้ จะฆ่าฉันด้วยท่าเยอรมันซูเพล็กซ์รึไง?!?
สายตาของเอ็นโจดูทิ่มแทงกว่าปกติรึเปล่าคะเนี่ย ทำไมขนาดก้มหน้ายังรู้สึกได้เลยนะ?
ปลายนิ้วแตะแผ่วเบาที่ใบหู ชวนให้สะดุ้งเฮือก
“อ...เอ่อ...” ฉันกลืนน้ำลาย เหลือบมองหน้าเอ็นโจที่ตอนนี้จ้องเอาๆ จนแทบจะคิดอะไรไม่ออกแล้ว
“ครับ?”
“ย...อย่าสัมผัสแปลกๆเช่นนั้นสิคะ” ไม่นะ! เสียงข้าาา ทำไมเสียงสั่นขนาดนั้นล่ะคะตัวฉัน! แข็งใจไว้!!!
คราวนี้กลับต้องขนลุกซู่ เมื่อสิ่งที่มาแทนคือลมหายใจร้อนผ่าว “แปลก...เหรอครับ?” นิ้วนั้นแตะที่หลังคอ ไม่นะคะ! อย่าฆ่าฉันเลยค่าาาา “จะให้หยุด...ก็ได้นะครับ”
เขาเขี่ยที่หลังคอจนฉันจั๊กจี้ รู้สึกสึกริมฝีปากที่ระกับผิวแก้ม เอ๊ะ? เอ๊ะ? ลวนลามนี่ค้าาาา
“ได้โปรด...หยุดเถอะค่ะ” ฉันอ้อนวอน “ยังไง...ที่นี่ก็ไม่เหมาะสมนะคะ”
ห้อง Pivoin ว่างเปล่าปราศจากผู้คนในวันหยุด กระทั่งบริกรและเจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลก็หายไปอย่างน่าประหลาด หายไปไหนกันหมดคะ? แบบนี้ละเลยต่อหน้าที่นะคะ!
เอ็นโจหัวเราะเบา “แสดงว่าที่อื่นก็ทำได้ใช่ไหมครับ”
เฮื่อ!
“เปิดช่องว่างได้ชวนคิดจังเลยน้า...”
ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างในหัวระเบิดตู้มมมมม! ฮือออ อะไรกันเนี่ย ไม่ไหวแล้ว ความรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกนี่อะไร เหมือนหน้าจะระเบิด อกก็จะระเบิดแล้วค่ะ ฮือออ เมื่อวานยังไม่คุยกันตามปกติอยู่เลย ทำไมวันนี้ถึงเป็นแบบนี้ไปได้คะ?!? ฉันกำลังฝัน18+อยู่งั้นเหรอ แต่สัมผัสนี่เหมือนจริงจังนะคะ อับอายจนพูดไม่ออกแล้วค่า
“ถ้า...ถ้ามากกว่านี้ ดิฉันจะรับไม่ไหวแล้วนะคะ...” เสียงจ๋าอย่าสั่น ฮือ คุมเสียงไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ เหมือนสายตาเอ็นโจจะยิ่งทิ่มแทงกว่าเดิมอีกนะ
“ก็คุณพูดจาเชื้อเชิญเองนี่ครับ” เขากระซิบเสียงพร่า รู้ตัวอีกทีก็ถูกจับคางให้หันไปมองหน้าเขาเสียแล้ว “อีกอย่าง...ยังจำหนี้ของคุณได้ใช่ไหมนะ...
เรย์กะ”
Misc.
ฉันสะดุ้งเฮือก “เกรงว่านี่จะไม่ใช่วิธีชดใช้ที่เหมาะสมหรอกนะคะ”
ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆ เอ็นโจงึมงำอยู่เหนือริมฝีปากปากฉัน
“ผมแค่อยากขอให้คุณหยุดคิดเรื่อยเปื่อยเท่านั้น”
ใกล้จนสัมผัสได้ถึงความนุ่มที่ระอยู่เหนือริมฝีปากของตัวเอง
“คิดแต่เรื่องผมก็พอ”
แล้วความนุ่มนวลก็บดขยี้ลงมา
——-
จบเหอะ กลัวแล้ว
หลายวันถัดมาพบทายาทตระกูลเอ็นโจที่หายตัวไปลอยขึ้นอืดมาเกยตื้นตามแนวชายฝั่ง ร่างหายไปครึ่งท่อนคาดเดาว่าเนื้อเริ่มยุ่ยเลยหลุดออกมาจากปูนที่ถ่วง ตำรวจได้ทำการหาชิ้นส่วนเพิ่มเติมต่อไป
>>646 เรย์กะดูทีวีอยู่บ้านวาคาบะ เจอข่าวคุณชายบ้านคาบุรากิถูกฆาตกรรมในที่พักตัวเอง สันนิษฐานว่าเป็นการวางยาพิษ
แหม คาบุรากิคงไปทำให้ใครต่อใครแค้นไปทั่วเลยสินะ เลยถูกวางยาแบบนั้น ไปสู่ที่ชอบๆนะ เพี้ยง
"โคโรเน่ เอาพุดดิ้งมั้ย"
"เอ๋ จะดีเหรอคะ งั้นขอคำเดียวก็แล้วกันค่ะ"
"มีผัดหมูกับกะหล่ำปลีอยู่นะ คุณคิโชวอินจะทานมั้ย"
"เกรงใจจังเลยวาคาบะจัง งั้นขอคำเดียวก็แล้วกันค่ะ"
เรือวาคาบะจงเจริญ!!
ว่าแต่กาวนอกตอน7ล่ะ?!? กุรอเสพอยู่นะ!!!
หลังจากแห้งแล้งมานาน พอได้กลิ่นกาวเข้าหน่อย รู้สึกเหล่าโม่งจะกระดี๊กระด๊ามีชีวิตชีวาขึ้นเยอะ ยังกะหอยทากที่แห่กันออกมาสวนสนามตอนฝนตก ... 555
จะมีใครเอาบ้านทรายทองกับโสรยาไปแต่งมั้ย กู
<บอร์ดลับซุยรัน> Topic: สาเหตุที่จักรพรรดิถอนตัวจากการแข่งขี่ม้าส่งเมือง???
โดย: โม่งซุยรัน
เมื่อหลายปีเห็นลือว่า จักรพรรดิทุ่มเทฝึกขี่ม้าส่งเมืองทุกปีเพื่อให้จักรพรรดินีประทับใจ แต่ตอนนี้ถอนตัวไปแล้ว ใครรู้บ้างว่าทำไม? หรือจักรพรรดินีจะรับรักแล้ว???? แต่ทำไมทั้งคู่ไม่คบกันอย่างเปิดเผย???
Reply #1
เพ้อเจ้อ เห็นๆ อยู่ว่าฝ่ายหญิงสนิทกับทางเจ้าชายมากกว่านะจ๊ะ #ทีมเจ้าชาย
โดย รักเจ้าชายนะคะ
Reply #2
แหมๆ แค่ร่ำลือว่าจักรพรรดินีแค่รับปากว่าจะพิจารณาฝ่ายชายมากขึ้นนะจ๊ะ แต่ไม่ได้ตกลงคบกันจ้า
โดย เสียงลือเสียงเล่าอ้าง
Reply #3
เรื่องเก่าแก่หลายปี ทำไมเพิ่งจะมาขุดเนี่ย?
โดย ทำไมล่ะ???
Reply #4
^เรปบน ก็น่าสงสัยอยู่นา แถมตอนนี้ฝ่ายชายยังดูให้ความสำคัญกับนักเรียนทุนคนนั้นด้วยไม่ใช่รึไง? หรือจริงๆทั้งสองท่านจะเคยคบกันแล้วเลิกรากันไปแล้ว?
โดย คิดหนัก
Reply #5
>>4 เพ้อเจ้อ คบน่ะยังไม่เคยแน่ๆ ไม่อย่างนั้นทำไมไม่เปิดเผยไปล่ะ? จริงๆ แล้วจักรพรรดินีกับเจ้าชายน่ะกุ๊กกิ๊กกัน จักรพรรดิเลยหมดหวัง เลิกเล่นไปมากกว่า ยังไงทั้งสามท่านก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก จะให้ถึงขั้นแตกหัก ฝ่ายหญิงก็คงไม่รู้สึกดีหรอกนะจ๊ะ
โดย รักเจ้าชายนะคะ
Reply #6
เอ๊ะๆ เป็นเพื่อนกันแต่เด็กเหรอ??? ไม่เห็นรู้เลย!!! ยังไง ไหนเล่า!!!
โดย ต่อมเผือกกระตุก
Reply #7
เห็นว่าทั้งสามท่านมักจะคุยกันอยู่เสมอในสโมสร Pivione นะ ได้ยินจากท่านที่อยู่ข้างในอีกที แต่เนื่องจากจักรพรรดินีเป็นกุลสตรี เลยไม่สุงสิงกับผู้ชายต่อหน้าคนอื่นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ภาพลักษณ์เสียหาย
โดย สายข่าวชั้นดี
Reply #8
>>7 ไม่จริงมั้ง เห็นว่ามีคนพบท่านRเล่นดอกไม้ไฟในสวนสาธารณะกับเด็กผู้ชายต่างโรงเรียนที่มีท่าทางดุดัน ไม่ใช่ว่าจริงๆชอบสายBadหรอกเหรอ?
โดย ผ่านมาเห็น
Reply #9
>>8 บัดสี! ท่านR ไม่มีทางทำอะไรอย่างที่เรป 8 บอกอยู่แล้ว! จะใส่ร้ายใครก็ให้มีหลักฐานหน่อยเถอะ!
โดย RFC
Reply #10
ออกทะเลได้!!!
โดย ชั้นจะเป็นเจ้าแห่งโจรสลัดให้ได้เลย!
Reply #11
อย่าเอาไปพูดต่อหน้าท่านทั้งสามเชียวนะ! แต่ประเด็นนี้น่ะมีคำตอบจ้า เรื่องของเรื่องคือท่านRน่ะพึงพอใจเจ้าชายมากกว่า ฝั่งจักรพรรดิรู้เข้าก็เลยถอนตัว โดยที่ยังรักษามิตรภาพระหว่างกันไว้ได้ โดยขอว่านานๆ ทีก็ขอไปเที่ยวกันสองคนบ้าง เลยมีคนเห็นจักรพรรดิแอบไปเที่ยวกับท่าน R อยู่บ้างในบางครั้งไงล่ะ!
เรียกว่า ถึงจะไม่ได้คบกัน แต่ก็ขอโอกาสเล็กๆ น้อยๆ จากเธอบ้างไงล่ะจ๊ะ
ส่วนยัยWน่ะ ของปลอบใจ เพราะท่านRน่ะชอบทำอาหารและขนม ว่ากันว่าทำได้อร่อยมากเสียจนท่านพ่อและท่านพี่หวงไม่อยากให้คนอื่นได้ชิม เพราะกลัวจะหลงใหลท่านRมากกว่าเดิมจ้ะ
ส่วนยัยWนี่ก็บังเอิญว่าทำขนมได้รสชาติค่อนข้างดี แม้แต่จักรพรรดินียังเคยไปซื้อ ดังนั้นจึงเป็นเครื่องมือปลอบใจชั้นดีไงล่ะ ถึงด้านอื่นจะทดแทนไม่ได้แม้แต่น้อย แต่ก็ยังมีเรื่องขนมนี่แหละ
โดย โม่งวงใน
Reply #12
>>11 สงสารจักรพรรดิจัง T_T! แต่จะโทษท่านRก็ไม่ได้ เพราะรักมั่นอยู่กับองค์ชายสินะ
แต่ไงๆก็รับยัยWไม่ได้จริงๆ!!!
โดย ทีมจักรพรรดิ
Reply #13
>>11 *Thumb Up* เบื้องหลังการถอนตัวของจักรพรรดิคือแบบนี้นี่เองสินะ!!! เศร้าเกินไปแล้ว!!!
โดย น้ำตาไหล
---
และประเด็นรักสามเศร้าในบอร์ดลับก็ดำเนินไปอย่างดุเดือด พร้อมข่าวลือเรื่องรักใคร่ที่อบอวลฟุ้งไปทั่วซุยรัน
Reply #???
เพราะแบบนี้ก็เลยประกาศคบกันอย่างเปิดเผยกับเจ้าชายไม่ได้ เพราะไม่อยากให้จักรพรรดิทรงเฮิร์ตสินะ!!! ช่างเป็นมิตรภาพที่ทั้งเจ็บปวดและสวยงามจริงๆเลย!
โดย สะเทือนใจ
///
วันต่อมา
“มาซายะ ไปทำอะไรมารึเปล่าน่ะ?” เอ็นโจถามอย่างสงสัย
“หาาา? ก็ไม่นี่ ทำไมเรอะ?”
“ทุกคนมองนายอยู่น่ะ”
“ก็มองอยู่ทุกวันไม่ใช่รึไง?”
“สายตาเหมือนสงสารนายเลยนะ...นายคงไม่ได้ไปทำอะไรงี่เง่ามาใช่มั้ย”
“ห๊าาาา”
อยากได้กาวที่มีโมเมนต์ที่ท่านอิมาริเย้ยเอ็นโจ เพราะเอ็นโจไม่ได้ช็อกโกแลตวาเลนไทน์จากเรย์กะแต่ท่านอิมาริได้ช็อคโกที่เรย์กะทำเองที่น่าจะสงวนให้คนในครอบครัวเท่านั้น กับโมเมนต์ท่านพี่อิจฉาอิมาริที่ได้ช็อกโกแลตจากเรย์กะครั้งแรกแต่กลับรสอร่อยเลยผิดกับตัวเองและทานุกิที่ก่อนหน้านี้ต้องทนกินช็อกโกรสชาติแปลกมาตลอดและมีโอกาสได้กินที่อร่อยก็ดันเป็นครั้งที่อิมาริได้ด้วย (ข้าเจ้าชิบเอ็นโจเรย์กะแต่ชอบโมเมนต์ที่เหล่าพี่ๆอยู่กับเรย์กะมากมาย อยากเห็นเอ็นโจเจ็บใจแบบโต้ไม่ออกด้วย) ใครก็ได้มอบกาวให้ข้าเจ้าด้วยเถิด ไม่สามารถด้านแต่งเองจริงๆ
>>668 ของแบบนี้มันต้องลองมึง เค้นพลังกาวออกมาเป็นตัวอักษรเลย
ไม่ใช่เอ็นโจกระอักเลือด โต้ตอบไม่ได้ กลับไปนอนคิดมาวันนึงเลยตัดสินใจส่งเมล์ไปหาท่านพี่ บอกอิมาริไปก่อปัญหาเกี่ยวกับสาวๆอีกแล้ว ให้เมียหลวง....เอ่อ เพื่อนสนิทแบบท่านพี่ไปจัดการด้วย ยืมมือท่านพี่จัดการอิมาริต่ออีกทอด
เออ ขอจัดคิวกาวนอกนิดจิ เท่าที่จำได้ ตอนนี้คือรอตอน 7 ตอน 8 มีคนจองแล้วป่ะ ตอน 9 มีคนรับไปยังคะ
ฟิคแปลไม่มีใครใส่ในสารบัญเลยหรอ กูขี้เกียจไถหา ถถถถ
รอทุกโม่งแปลนะคะ ❤️ //เสิร์ฟขนมเสิร์ฟน้ำ
กุแอบไปอ่านกาวอิงค์มาล่วงหน้า โอ๊ย กาวดี กรูกรี๊ดสิบรอบ @#฿_&_฿#฿_!!!!
ตอนที่ 7
ตอนที่ผมกำลังดูผลสอบ ผมไล่สายตาลงต่ำมองดูคะแนนจากด้านล่าง
หือ? เดี๋ยวนะ ดูอีกรอบดีกว่า
ผมกวาดสายตามองดูผลสอบสามรอบแต่ก็ยังไม่เห็นชื่อเธอ เหล่มองไปข้างๆ เห็นกลุ่มเด็กผู้หญิงเดินออกไป วันนี้เด็กผมม้วนคนที่เป็นหัวหน้ากลุ่มดูจะเงียบเป็นพิเศษ
ก็นะ ความฉลาดเฉลียวที่น่าภาคภูมิใจของเธอล้มเหลวในการพาเธอติดอันดับเหมือนที่เคยเป็น ผมเดาว่านั่นเป็นเรื่องที่คาดได้อยู่แล้ว ในเมื่อผมได้ยินแต่คนพูดกันว่า “ท่านเรย์กะอยู่ในสภาวะเผลอไผล” “ช่วงนี้ท่านเรย์กะดูเหมือนจะโดนครอบงำนะ” แม้กระทั่งก่อนที่การสอบจะจบลง เด็กคนนี้นี่ คิดจะเป็นสาวน้อยผู้เดียงสาร่วมกับมาซายะหรือไง?
คนที่เป็นหัวหน้าห้องกับเธอ… คนนั้นใครนะ?
หลังจากนั้นผมไปที่ห้องเรย์กะตอนเวลาพัก คุยกับพวกเด็กผู้ชายสองสามคนแล้วเรียกอินโจวออกมาคุยด้วย เมื่อเขามาถึง ผมเดินนำเขาไปยังระเบียง ตรงจุดที่ลับตาคนใกล้กับเสาหิน
เหตุการณ์นี้ทำให้ผมนึกถึงตอนที่ผมเรียกเขามาคุยหลังจากเห็นเขาอยู่กับเรย์กะ ตอนนั้นเขาดูจะประหลาดใจและกังวลอยู่มาก ถึงแม้ผมจะขอให้เขาอธิบายว่าทำไมถึงอยู่กับเรย์กะอย่างสุภาพ สุดท้ายเขาบอกผมว่าเขาขอให้เรย์กะช่วยให้เขาได้สนิทกับคนที่เขาชอบมากขึ้น อืม ก็ไม่ได้พูดออกมาตรงๆ หรอกนะ แต่มันเห็นได้ชัดเกินตอนผมถามเขาว่าเขาชอบเด็กผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม ผมคิดว่าหลังจากวันนั้นเรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเรื่อยมานะ แต่ใครจะรู้ เขายังดูตัวสั่นอยู่เลยตอนผมปล่อยเขาไป
“มีอะไรเหรอครับ ท่านเอ็นโจ?” หัวหน้าห้องถามผมขณะที่เราเดินไปหลบหลังเสา หลังจากพินิจดูเขา ผมจึงถามขึ้นว่า “มีอะไรมารบกวนคุณคิโชวอินหรือเปล่า?”
“หือ?”
“อันดับเธอตกแล้วช่วงนี้ดูเหมือนสติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว ผมได้ยินว่าพวกเด็กผู้หญิงมีปัญหากันอยู่แต่ยังไม่ได้ยินว่ามีอันไหนที่ทำให้เธอมีปัญหา ในเมื่อคุณสองคนสนิทกัน ผมเลยคิดว่า คุณอาจจะรู้ว่ามีอะไรรบกวนคุณคิโชวอินอยู่หรือเปล่า น่ะ”
“อืมม เท่าที่ผมรู้ ท่านเรย์กะก็ยังไม่มีปัญหาอะไรนะ แต่…”
“แต่อะไร?” ผมถามด้วยความกังวลและกระตุ้นให้เขาพูดต่อไวๆ ทันที
“ก็… พวกอาจารย์คิดว่าท่านเรย์กะอาจจะโดนคนที่ไม่ดีหลอก ผมไม่แน่ใจเรื่องทั้งหมดนะเพราะได้ยินผ่านๆ แต่พวกอาจารย์น่ะเชื่อว่าท่านเรย์กะกำลังเจอการชักจูงที่ไม่ดีแล้วเรื่องนี้ก็ส่งผลต่อการเรียนของท่านเรย์กะ”
… ผมค่อนข้างมั่นใจว่าทั้งผมและมาซายะไม่ได้ไปรบกวนเรย์กะอีกแน่นอนตั้งแต่เรื่องยูริเอะ ใครกันที่ผ่านด่านบริวารพวกนั้นไปได้?
“เข้าใจละ ขอบคุณที่บอกนะ แล้วก็โทษทีนะ แต่คุณช่วยจับตามองคุณคิโชวอินและรายงานผมถ้าเธอมีปัญหาได้ไหม? ผมเป็นหนี้บุญคุณเธอหลายอย่าง แล้วคุณก็น่าจะเข้าใจว่ามันแย่มากๆ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอแล้วผมน่าจะป้องกันมันก่อนได้น่ะ”
สีหน้าของเขาค่อนข้างน่าสนใจ นัยน์ตาเบิกกว้าง เต็มไปด้วยความชื่นชมและเคารพ พลางพยักหน้าอย่างกระรือรือร้น “ได้เลยครับ! ผมจะทำให้ดีที่สุดและจะมารายงานถ้าท่านเรย์กะเจอเรื่องลำบากอะไร”
ผมยิ้มให้เขาอย่างสุภาพเป็นการตอบกลับ “ขอบคุณสำหรับการร่วมมือนะ คุณอินโจว”
ในขณะที่ผมโบกมือลาเขาและเดินแยกออกมา พอเลี้ยวตรงหัวมุมก็เจอเรย์กะเดินออกมาจากห้องปกครอง เอ่อ ผมรู้ว่าเธอไม่ติดอันดับแต่มันแย่ขนาดถึงต้องไปพบที่ปรึกษาเลยเหรอ?
อืม ผมสงสัยจริงๆ ใครนะที่กำลังหลอกเธอ
ผ่านไปอาทิตย์หนึ่งพอดีหลังจากที่ผมคุยกับหัวหน้าห้องตอนที่ผมรู้จากข่าวลือว่าเรย์กะเข้าเรียนเสริมที่ซุยรัน เธอยึดถือที่นั่งหลังห้องเป็นของตัวเองอย่างชัดเจนและตอนนี้ตรงนั้นถูกเรียกว่า “บัลลังก์ดอกเบญจมาศ” เพราะฉะนั้นก็เลยมีแต่คนหลีกเลี่ยงเข้าใกล้เพื่อที่จะไม่ทำให้จักรพรรดินีขุ่นเคือง
เมื่อผมถามรายละเอียดเพิ่มเติม ผมก็ได้รู้มาอีกว่า ด้วยความนิ่งเงียบของเธอและท่าทีที่ตั้งอกตั้งใจเรียน ไม่แม้แต่จะเริ่มบทสนทนา และการที่ทักทายแค่ตอนชั้นเรียนจะเริ่มและบอกลาตอนเลิกเรียนแค่นั้น ทำให้เธอโดดเดี่ยวตลอดเวลา น่าสงสาร…
เวลาผ่านไปเช่นนี้ กับการที่กลุ่มของผมคุยกันเองอย่างกระตือรือร้นเกี่ยวกับข่าวลือที่ได้ยินมา และมาซายะมาหาที่บ้านเพื่อเล่นกับยูกิโนะและผม ปิดเทอมภาคฤดูร้อนก็จบลง
เมื่อโรงเรียนเปิดอีกครั้ง ผมสังเกตเห็นเรย์กะเดินอยู่นอกห้องเรียนของผม เธอดูผอมลงไปหรือเปล่านะ ผมได้ยินจากหัวหน้าห้องว่าเรย์กะมีเรียนทั้งที่โรงเรียนสอนพิเศษและอาจารย์สอนพิเศษส่วนตัว ทั้งยังมีเรียนเสริมเพิ่มเข้าไปอีก ท่าทางจะใช้เวลาเรียนมากกว่าพักอีกล่ะมั้งนั้น ถึงแม้ว่าเรียนจนถึงขั้นน้ำหนักลดจะแย่นิดหน่อยแต่เธอดูอารมณ์ดีนะ
“เอ่อ ท่านชูสุเกะ มองใครอยู่เหรอครับ?” เด็กผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มของผมมองไปยังทิศเดียวกันแต่เรย์กะเดินจากไปแล้ว
“ไม่มีอะไร จะว่าไป นายมีอะไรอยากบอกผมนะ?”
“อ๋อ ใช่! ผมได้ยินมาว่าญาติผู้น้องของท่านคิโชวอินจะเข้าเรียนที่ซุยรัน”
ญาติเรย์กะ? “ได้ข่าวมาจากไหน?”
“ญาติคนหนึ่งของผมเรียนอยู่ที่เดียวกับญาติท่านคิโชวอิน ญาติท่านเรย์กะคนนั้นคือ โคโทะ ริรินะ แล้วเธอค่อนข้างจะ อืม… เป็นด้านตรงข้ามกับท่านคิโชวอินอยู่มาก”
ผมเลิกคิ้ว แตกต่างจากเรย์กะ? “เอาล่ะ มันคงไม่เป็นอะไรหรอก ตราบเท่าที่เธอไม่ก่อปัญหาขึ้นมาน่ะนะ…” ผมชะงักไปชั่วครู่แล้วพิศดูเขา “เดี๋ยวนะ ทำไมนายถึงอยากบอกผมเรื่องนี้ล่ะ?”
“เพราะว่าช่วงนี้นายถามถึงท่านคิโชวอินบ่อยๆ เลยคิดว่านายอาจจะอยากรู้…”
“ผมไม่ได้ชอบคุณคิโชวอินแบบนั้น” ผมแค่นยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าเขา
แน่ใจนะ? เขียนอยู่เต็มๆบนสีหน้าที่บ่งบอกว่าไม่เชื่อ อะไรวะ ผมแค่ถามถึงนิดหน่อยก็หาว่าผมสนใจเธอแล้วงั้นเหรอ?
“อาจารย์กำลังมา กรุณากลับไปนั่งที่ตัวเองด้วย” หัวหน้าห้องตะโกนบอกขณะที่เดินกลับไปยังที่นั่งของเขา
ผมนั่งเท้าคางมองบทเรียนวันนี้อย่างว่างเปล่า
ญาติที่มีบุคลิกตรงข้ามกับเรย์กะงั้นเหรอ หึ…
อีกครั้งที่เทศกาลกีฬาเวียนมาถึงซุยรัน แต่คราวนี้เรามีสภานักเรียน คณะกรรมการงานกีฬา และตัวแทนชมรม ทุกอย่างก็เลยเตรียมการเสร็จไวกว่าเดิม และนักกีฬาก็คัดเลือกเข้มงวดกว่าปีที่แล้วเพื่อป้องกันไม่ให้สมาชิกชมรมกีฬาลงแข่งกีฬาที่ตัวเองอยู่ในชมรมนั้น
อย่างไรก็ตาม แค่เลือกคนมาลงแข่งขี่มาส่งเมืองกลายเป็นเรื่องยากอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่มีใครอยากถูกไล่ฆ่าจากจักรพรรดิ พวกเขาถอยหนีโดยธรรมชาติทันทีที่หัวหน้าห้องเริ่มพูดเรื่องนี้ แต่ท้ายสุดแล้ว หัวหน้าห้องก็บังคับเด็กผู้ชายคนที่ไม่มีแข่งลงแข่งขี่ม้าส่งเมืองอยู่ดี
ในขณะเดียวกัน มาซายะก็ไล่ดูเด็กผู้ชายทุกคนในห้องเขาจนคัดเลือกได้คนที่ตรงกับความต้องการของเขามานิดหน่อย ไม่มีใครกล้าพอจะปฏิเสธจักรพรรดิ เลยได้แต่ตกปากรับคำอย่างฝืนใจและส่งมอบสองสามอาทิตย์หน้าของพวกเขาให้มาซายะ มาซายะมีความสุขมากแถมยังอวดแผนการฝึกคนที่ลงแข่งขี่ม้าส่งเมืองที่เขาเก็บไว้ในคลังให้ผมดูอีก
อืม พวกเขาน่าจะเป็นพลทหารของมาซายะมากกว่าเป็นม้านะ
ก่อนจะถึงการแข่งขี่ม้าส่งเมือง อีเว้นท์หลักของงานแข่งขันกีฬา ผมสังเกตเห็นเรย์กะจับจ้องที่สนามแข่งอย่างจดจ่อ ใบหน้ามีความเขินอายอยู่จางๆ
อะ ไร วะ
ผมหันกลับไปดู พยายามมองตามว่าใครที่เธอมองอยู่ ไม่ใช่มาซายะที่กำลังวุ่นวายไล่ล่าจัดการคนขี่และม้าแน่นอน และคนที่น่าสนใจคนเดียวที่หลงเหลืออยู่คือ…
“คนนั้นคือใครเหรอ?” ผมถามเด็กผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ
“ฮืม… อ๋า!? ท่านเอ็นโจ!” เธอประหลาดใจแต่ก็รีบหันไปมองตรงที่ผมมองอยู่แล้วตอบกลับมา “คนนั้นคือ โทโมเอะ เซ็นจุ เขาเป็นรุ่นพี่ปีสามและเป็นประธานนักเรียนค่ะ”
… ประธานนักเรียน? ผมเริ่มปวดหัวเมื่อคิดภาพว่ารุ่นพี่โอคิชิมะจะตกตะลึงขนาดไหนถ้าเขาได้ยินเรื่องนี้ เด็กผู้หญิงจาก Pivoine มองประธานนักเรียนอย่างเคลิบเคลิ้ม ไม่สิ เดี๋ยวก่อน มันคงแย่ยิ่งกว่าถ้าเธอสารภาพรักออกไป เรย์กะเป็นน้องสาวของไอดอลของรุ่นพี่โอคิชิมะ คิโชวอิน ทาคาเทรุ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าคำสารภาพของเธอจะถูกตอบรับหรือปฏิเสธ รุ่นพี่โอคิชิมะและพวก Pivoine คนอื่นๆ ที่โปรดปรานเรย์กะคงจะออกแคมเปญต่อต้านสภานักเรียนอยู่ดี
จากบรรดาผู้คนทั้งหมดทั้งมวลที่คุณตกหลุมรัก ดันเป็นผู้ชายคนที่ ถ้าเรื่องนี้หลุดออกไป คงจะเกิดสงครามกลางโรงเรียนเป็นแน่แท้
ผมพยักหน้ารับรู้และจ้องมองสนามรบที่คนค่อยๆ หายไป จากฝีมือมาซายะ
ในท้ายสุดก็เป็นการต่อสู้ระหว่าง จักรพรรดิของ Pivoine และประธานนักเรียน
ผมรู้สึกถึงความเลือดร้อนและความโมโหเล็ดลอดออกมาจากพวกสมาชิกรุ่นพี่ Pivoine ในขณะที่การต่อสู้ระหว่างพวกเขาตึงเครียดขึ้น ผมได้ยินใครสักคนคำรามฮึมฮัมว่า “ถ้าไอ้โทโมเอะคนนั้นทำให้ท่านคาบุรากิบาดเจ็บ ฉันจะขยี้มัน!” ด้วยซ้ำ
ให้ตายเถอะ ถ้าเรื่องที่เรย์กะชอบเขาหลุดไป ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าพวก Pivoine จะมีปฏิกิริยายังไง…
ระว่างที่ดูไปเรื่อยๆ ผมก็อดชื่นชมเขาไม่ได้ เขาและมาซายะมีฝีมือสูสีกัน ผมยังไม่เคยเห็นมาซายะลำบากลำบนขนาดนี้ บางทีนี่อาจจะเป็นการพ่ายแพ้ครั้งแรกในการแข่งขี่ม้าส่งเมืองของเขา?
หรือไม่ก็ ผมคงได้แค่คิด เมื่อม้าของผู้ชายคนนั้นสะดุดและมาซายะฉวยโอกาสนั้นฉกผ้าคาดหน้าผากไป
เสียงเชียร์และเสียงร้องไห้ต่อชัยชนะดังอึกทึกครึกโครม หลังจากชัยชนะของมาซายะ ผมแทบจะไม่ได้ยินเสียงความคิดของตัวเองตอนที่ผู้คนส่งเสียงเชียร์ ผู้ชายคนนั้นยังคงยิ้มยังกะว่าเขากำลังสนุก แต่มาซายะดันมีสีหน้าขุ่นเคือง ในมือกำลังบิดขยี้ผ้าคาดหน้าที่ถืออยู่
โอ้ ดูเหมือนมาซายะจะยึดติดกับการเอาชนะในปีหน้ามากขึ้นซะแล้วสิ
ในช่วงสุดท้ายของงานเทศกาล คะแนนถูกนับรวมกันและห้องของผู้ชายคนนั้นชนะ อย่างไรก็ตาม ทุกคนกำลังวุ่นวายแสดงความยินดีกับมาซายะผู้ที่ชนะทั้งแข่งวิ่งผลัดและขี่ม้าส่งเมือง ที่ถ้วยรางวัลอยู่ในมือข้างหนึ่ง เขาชูขึ้นฟ้าแสดงความมีชัย แหม ไม่ใช่ว่ามีความสุขอยู่หรอกเหรอ
สอบกลางภาคตามมาติดๆ หลังจบงานกีฬา เพราะมาซายะฝึกซ้อมขี่ม้าส่งเมืองอย่างหิวกระหายในชัยชนะ อันดับเขาร่วงลงมาและได้อันดับสองไปในขณะที่ผมได้ที่หนึ่ง
เมื่อผมมองดูรายชื่อครั้งนี้ ผมเจอชื่อเรย์กะอยู่ลำดับที่สิบหก เธอยิ่งพัฒนาขึ้นจากคราวที่แล้วเสียอีก
ตอนที่ผมหันมองรอบๆ ก็เจอเรย์กะกำลังมองดูรายชื่อเช่นกัน ถึงแม้ว่าสีหน้าเธอจะไม่แสดงความสนใจ แต่นัยน์ตาเธอกวาดหาชื่อตัวเองอย่างร้อนรน เมื่อเจอชื่อตัวเองแล้วก็ถอนหายใจและในที่สุด ก็เริ่มยิ้มออกมาจริงๆ
อืม จริงๆด้วย สุดท้ายแล้ว มันดีกว่ามากๆ จริงๆ เมื่อเรย์กะยิ้ม
————————-
ตอน 7 มาละจ้า ขอโทษที่ช้านะ ตอนแรกตั้งใจจะลงพรุ่งนี้ แต่กลัวไปฉลองเพลิน…orz happy weekend นะจ๊ะโม่งซุยรันทุกท่าน
ปล. โม่งที่อ่านอิ้งมา มีใครสนใจ discuss คำแปลมั้ย (เพื่อคุณภาพงานที่ดีขึ้นในตอนหน้า…) อย่างพารากราฟที่ 4 และอีกหลายอัน มีจุดที่กูไม่รู้จะแปลเป็นไทยยังไง มันเลยออกมาแปร่งๆ ._.
กูไม่ได้เป็นนักแปลมืออาชีพ ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ดีเด่อะไร(ยืนยันด้วยคะแนนแกทอิ้งตอนสอบเข้ามหาลัยอันน้อยนิด ;______;) ถ้ามีใครให้คำแนะนำ/ความรู้เพิ่มมากขึ้นก็จะเป็นพระคุณ
โม่งแปลขยันขันแข็งมาก >>688 ปล. ถ้าย่อหน้า 4 กุจะแปล
“Reika-sama is in a daze”, "ช่วงนี้ท่านเรย์กะดูเบลอ ๆ นะ" “Reika-sama seems so preoccupied these days”, "ทุกวันนี้ท่านเรย์กะจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย" “Reika-sama looks like a maiden in love”, "ท่านเรย์กะดูเหมือนสาวน้อยที่กำลังอยู่ในห้วงแห่งความรัก"
แต่กูก็ไม่ค่อยได้แปล ดังนั้นภาษาไทยก็มีเพี้ยน ๆ บ้าง ดังนั้นรอความเห็นโม่งรายต่อไป
เพิ่มเติม มึงแปลโอเคเลยนะ ติดตรงที่คำเชื่อมเยอะไปหน่อย เพราะทางต้นฉบับก็ใช้คำเชื่อมเยอะไง เก่งมาก //ลูบๆ
ขอบคุณโม่งแปลค่ะ //ย่อไหว้
อันนี้ถือเป็นส่วนให้ discuss หลังแปลละกันนะ กูว่าสรรพนามบางส่วนภาษาอังกฤษไม่ได้ใช้ตามภาษาญี่ปุ่น อย่างหัวหน้าห้อง (อินโจว) จะไม่เรียกเอ็นโจว่าท่านเอ็นโจ แต่เรียกว่าเอ็นโจคุงอ่ะ กูจำได้ว่าพวกผู้ชายกันเองจะไม่เรียกกันและกันว่า ซามะ นะ แล้วเวลาเรียกเรย์กะ หัวหน้าห้องก็จะใช้คำว่า คุณคิโชวอินด้วย ไม่เรียกท่านเรย์กะ ถ้าเป็นส่วนที่กูแปลอาจจะขอตบๆ ตรงนี้หน่อย แต่อันนี้ตามสะดวกของแต่ละคนจ้า
กูไม่เก่ง eng เลยมานั่งให้กำลังใจเหล่าโม่งแปลทั้งหลาย สู้ๆนะมึง
เออ สรุปอินโจวนี่แปลว่าหัวหน้าห้องใช่มะ ไม่ใช่ชื่อใช่มะ
ตอนอ่านอิ๊งกูก็งงๆ นึกว่าหัวหน้าห้องมีชื่อซะอีก โถ่ หัวหน้าห้องงงงง
>>695 เยส อิอินโจวก็หัวหน้าห้องน่ะแหละ ชื่อจริงคงเป็นปริศนาไปตลอดกาลพร้อมกับตอนจบของเรื่องนี้ //เหม่อมองฟ้าแสนไกล...
ไหนๆ ขอลองถามสายผลิตหน่อยสิ ถ้าพวกมึงเขียนนิยายโคตรฮิตมาจนใกล้ไคลแมกซ์แล้วหายไปยาวๆ~ นี่สาเหตุมาจากอะไรได้มั่งอ่ะ ด้นพล็อตไม่ออก? งานยุ่ง? เขียนแล้วไม่สนุก?
ไม่ใช่อะไร กูชักเป็นห่วงอาจารย์ฮิโยโกะขึ้นมาจริงๆ ล่ะ หวังว่าจะยังสบายดีอยู่ จะเขียนต่อไม่เขียนต่อก็ไม่เป็นไร เท่าไหร่ก็รอได้ ขอให้อาจารย์ยังอยู่ดีก็พอ...
>>696 สำหรับกูงานยุ่งว่ะ กูพยายามจะมีวินัยลงให้สม่ำเสมอนะ ตอนเรียนกูเขียนได้บ้าพลังมาก ลงวันละสองตอน สามตอนรวดในวันเดียวก็เคย แต่พอทำงานแล้ว เวลารัดตัวมากขึ้น มันก็ค่อยๆห่างไปจนมาเขียนอีกทีก็ต่อไม่ติดละ จนเรื่องนั้นก็ดองไปโดยปริยาย แล้วกูก็ลืมโครงเรื่องไปแล้วว่าจะให้เป็นยังไงแบบไหนต่อ มันก็เลยดองๆค้างๆมาจนปัจจุบันนี้
(ฟิคแปล) วันวาเลนไทน์ปีสอง
Author : meiberry (https://www.fanfiction.net/s/12852677/1/Second-Year-Valentine-s-Day)
ยาวอะ ขี้เกียจแปะทีละเม้นท์ ขอยืม doc ในสารบัญละกัน
https://gdoc.pub/doc/e/2PACX-1vQPNtDvnPqUJNr1z6jidpPfSFoUFo_sDkkjalhTXpb_mlcBMCBg_vdbHkElhTwFqpTCpOOvWa65V0kx
ขอบคุณทุกคนมาก *ก้มกราบ*
>>689 เออ แปลแบบนี้มันดูดีกว่า
แต่ตอนแปลบางทีกูก็กังวลน่ะ แบบถ้าแปลออกมาแบบนี้ มันไม่ตรงกับต้นฉบับ จะเป็นไรมั้ย กลัวแบบสื่อออกมาได้ไม่ตรงกับต้นฉบับงี้ เป็นเรื่องที่หนักใจมากเลย
>>691 กูเปิด eng-eng บางคำ เข้าใจ definition แต่นึกคำภาษาไทยไม่ออกOrz เรื่องคำเชื่อม เดี๋ยวตอนหน้ากูจะลดลง(ถ้าได้ทำอะนะ.. 555)
>>693 ตอนแปลกูก็ตะหงิดใจเรื่องนี้เหมือนกัน เหมือนจำได้ว่าพวกผู้ชายไม่ได้เคร่งเรื่องคำอย่างคุณ-ท่าน ไรขนาดนี้ แต่ไม่รู้เค้าเรียกกันยังไง ขี้เกียจไปแปลไทยเทียบด้วย(ขอโทษค่ะ..) เลยแปลตามต้นฉบับเลย
มีโม่งอ่านกาวนอกตอนใหม่ล่าสุดยัง กุกรี๊ดอยากจะเมาท์มาก
ยูกิโนะคือเจ้าแห่งท้องทะเลที่แท้จริง เอ้า บึ้ดจ้ำบึ้ด! พี่นกเหรอฮะ เดี๋ยวผมจัดการเอง ฮึ้บบบบ
ใครเอาเม้นโม่งไปแปะในกาวนอกวะ55555
หรือเราควรจะทำโครงการส่งกาวไทยไปกาวนอกกันบ้างดี? ผลัดๆกันกาวระหว่างรอตอนที่300
กาวไทยจะไปกาวนอกล่ะเหวย นอกจากจะมีฟิคหลากหลายยังมี auน้องหมาด้วย 5555555
ยังจำได้ถึงฟิคอังกอร์สุดแซ่บอยู่เลย....ตำนานกลอ์ฟมาร์คเกอร์ที่เปลี่ยนเจ้าชายกลายเป็นจอมมารก็เช่นกัน
รวมหัวส่งกาวไทยไปนอกกันเถอะ!!!
แต่กาวไทยมีอันไหนจบบ้างวะ
ไม้แปดรับช่วงต่อนะคะ
<<Fan Fic : เอ็นโจ ชูสุเกะ PoV Chapter 8 >>
ผมขึ้นชั้นม.2 แล้ว
ดูเหมือนว่าครั้งนี้ผมจะได้เป็นเพื่อนร่วมห้องกับเรย์กะ ตอนเห็นชื่อเธอบนบอร์ดประกาศชื่อ ผมคงทำหน้าประหลาดออกไปแน่ๆ เพราะมาซายะรีบฉวยโอกาสนั้นแขวะผมว่าน่าขยะแขยงทันที
ผมเตือนมาซายะว่าเขาควรจะระวังในการเข้าหาเพื่อนร่วมชั้นเป็นการให้บทเรียน ไม่งั้นยูริเอะคงไม่ยอมออกไปเที่ยวด้วยแน่ ทำให้เขาเงียบไปทันตาเห็น แล้วผมก็ได้เป็นฝ่ายยิ้มกว้างกว่า ยูริเอะกับมาซายะทำข้อตกลงกันแล้วว่าตราบใดที่มาซายะไม่มีปัญหากับเพื่อนร่วมชั้นและไม่ทำตัวเจ้ากี้เจ้าการเหมือนเมื่อก่อน ยูริเอะจะพยายามหาเวลาจากตารางยุ่งๆ ออกไปเที่ยวกับเขา
หืมมม มาซายะ นายนี่ตกลงรับบทสาวน้อยไปเลยนะ
-
พอผมนั่งลงบนที่นั่งประจำตัวในห้อง ฝูงสาวๆ ก็กรูกันเข้ารอบล้อมโต๊ะทันที เสียงดังเอะอะจ๊อกแจ๊กเหมือนเคย สำหรับคนที่ไม่ชินกับเสียงแบบนี้แล้วคงเหมือนนรกเชียวล่ะ
ผมเหลือบมองไปยังเพื่อนร่วมห้องหน้าใหม่ที่อยู่ข้างๆ หน้าตาบิดเบี้ยวเชียว คิดว่านี่แย่แล้วเหรอ รอให้ถึงเวลาพักก่อนเหอะ หนักยิ่งกว่านี้อีกเยอะ
-
หลังจากทุกอย่างที่เกิดขึ้นวันนี้ ผมออกจะแปลกใจในพฤติกรรมของเรย์กะอยู่บ้าง เธอไม่มีน้ำโหลุกขึ้นแว้ดให้ทุกคนเงียบแม้แต่ครั้งเดียว แม้จะส่งออร่าแห่งความหงุดหงิดออกมาตลอดทั้งวันก็เถอะ แต่ก็ดูสมเป็นเรย์กะดี เธอสงบเสงี่ยมจนบางทีก็น่าเป็นห่วงหน่อยๆ
เมื่อเข้าไปในห้องสโมสร ไอระที่นั่งอยู่กับเรย์กะผู้ทำหน้าตาขุ่นเคืองก็ร้องทักผม "ชูสุเกะ "ชูสุเกะ วันนี้มาคนเดียวเหรอ"
"ใช่ มาซายะไปส่งยูริเอะ ไอระก็รู้นี่"
ผมเดินเข้าไปห้องทั้งสองคนแล้วทรุดตัวลงนั่ง สีหน้าขุ่นๆ ของเรย์กะยิ่งทวีความขุ่นมัวอย่างเห็นได้ชัด ผมทำเป็นมองไม่เห็นขณะมองไปทางไอระ
"แปลกจังนะที่ชูสุเกะมาที่ห้องสโมสรคนเดียว นึกว่าถ้ามาซายะไม่อยู่ก็จะตรงกลับบ้านเลยซะอีก"
"พอดีวันนี้มีธุระนิดหน่อย ก็เลยอยู่ฆ่าเวลา อยู่ในห้องเรียนแล้วน่ารำคาญชะมัด"
"ได้ยินแล้ว อยู่ห้องเดียวกับเรย์กะจังใช่ไหมล่ะ"
ผมเหลือบมองไปทางเรย์กะแล้วยิ้ม อ้อ ใช่ เราเป็นเพื่อนร่วมห้องกันนี่นะ
"อื้อ อยู่ห้องเดียวกันกับคุณคิโชวอิน แต่แทบไม่ได้คุยอะไรกันเลยนะ"
"นั่นสินะคะ"
เธอแสดงหน้าสีหน้าบอกความไม่อยากสนทนาวิสาสะด้วยอย่างชัดแจ้ง เสียมารยาทจริง นี่ผมยังไมได้ทำอะไรให้คุณเลยนะ
"ชูสุเกะ อย่าไปกวนเรย์กะจังนักล่ะ พวกผู้หญิงที่ตามติดเธอน่ะดูจะแรงดีไปหน่อยละมั้ง" อยู่ดีๆ ไอระก็พูดอย่างกับว่าผมเป็นตัวปัญหาอย่างไงอย่างงั้น เดี๋ยวเถอะ เรย์กะ นี่เห็นผมเป็นคนยังไงน่ะ
"เตือนแล้วก็ไม่ฟังกันเลยนี่นา ถ้าไม่เกินเลยจริงๆ ก็ปล่อยเลยตามเลยล่ะ คุณคิโชวอิน ช่วยจัดการอะไรพวกนั้นหน่อยสิ"
"เอ๋ ทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะ"
"ก็คุณคิโชวอินเป็นคนคุมพวกผู้หญิงนี่นา ถ้าคุณคิโชวอินออกปากซักคน รับรองพวกผู้หญิงต้องสงบเสงี่ยมแน่ๆ"
ถึงผมจะพยายามชี้จุดนี้ให้เห็นระหว่างที่เราพูดคุยกัน เธอก็ไม่ยอมลงมือทำอะไรเสียที เรย์กะ หัดใช้อำนาจบ้างก็ได้นะ รู้ไหม รู้ไม่ใช่เหรอว่า Pivoine ทรงอำนาจขนาดไหน แล้วคุณยังเป็นผู้นำของพวกผู้หญิงด้วยนะ จะปราบพวกนั้นก็ง่ายนิดเดียว
"ฉันไม่มีอำนาจขนาดนั้นหรอกค่ะ ท่านเอ็นโจออกปากให้หนักแน่นหน่อยก็ใช้ได้แล้วละค่ะ"
"ก็พูดอยู่นี่ไง ถ้าพูดแรงๆ เหมือนมาซายะ เดี๋ยวก็มีคนปล่อยโฮอีก วุ่นวายจัง"
กลายเป็นว่าผมฟังดูขมขื่นไปซะอีก มันน่ารำคาญจริงๆ นะ ผมบอกให้พวกนั้นลดเสียงลงหรือไม่ก็ทำตัวดีๆ หน่อย แล้วพวกสาวๆ ก็จะสะอึกสะอื้นน้ำตาไหลพรากอย่างกับตัวเองเป็นผู้เสียหายอย่างงั้นแหละ น่ารำคาญสุดๆ
จริงด้วย ผมนึกขึ้นได้
"จะว่าไป คุณคิโชวอินมีลูกพี่ลูกน้องใช่ไหม เห็นเด็กคนนั้นมากระแซะใกล้ๆ มาซายะจนทะเลาะกับสาวๆ ไปสองสามคนแล้วนะ"
ความสะพรึงกลัวอย่างรุนแรงแล่นผ่านสีหน้าไปในชั่วพริบตาขณะที่เธอร้องออกมา "เอ๋ !!" นี่ลูกพี่ลูกน้องของคุณเลวร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ?!
สีหน้าของเธอยิ่งแย่ลงๆ จนไอระกับผมต้องสบตากันด้วยความกังวล “นะ นี่เ รย์กะจัง ไม่เป็นไรนะ ฉันว่าคงไม่มีอะไรร้ายๆ เกิดขึ้นหรอก...."
"บริกร ขอขนมหวานกับน้ำชาด้วย" ผมสั่งขนมขณะที่ไอระพยายามเขย่าเรียกเรย์กะให้หลุดจากภวังค์ มาซายะบอกว่าช็อคโกแลตทาร์ตซอลท์ครีมคาราเมลอร่อยดีใช่ไหมนะ ถ้าผมยกให้เรย์กะอาจจะช่วยเรียกสติเธอให้กลับมาได้
"คุณคิโชวอิน ใจเย็นๆ...."
ผู้หญิงคนนั้น โคะโท ริรินะ ทำให้เรย์กะส่งออร่าหดหู่ออกมาอย่างสม่ำเสมอเมื่อเวลาผ่านไป กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครบางคนจะหาตัวเรย์กะได้จากการติดตามเส้นทางแห่งการทำลายล้างของคุณโคะโท ปัจจุบันเส้นทางนั้นนำไปสู่ห้องเรียนของมาซายะ หรือไม่ก็เกือบจะถึงห้องสโมสร Pivoine ด้วยซ้ำ แม่สาวคนนั้นแสดงท่าทีอวดโอ่ตามเกาะมาซายะแจอย่างไร้ยางอาย มาซายะพยายามระงับความโกรธแบบสุดๆ แต่เขาก็ใกล้จะสิ้นสุดความอดทนเข้าไปทุกที
สำหรับคนที่มีความชื่นชมในตัวเรย์กะ ก็เริ่มจะรังเกียจคุณโคะโทขึ้นมาบ้าง ผมได้ยินผู้คนบ่นว่าพวกเขารำคาญเธอแค่ไหน กลายเป็นเรื่องปกติที่ใครบางคนจะพูดถึงชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่สงวนไว้สำหรับหมาพันธ์ทาง พูดสั้นๆ ก็คือคุณโคะโทได้สร้างศัตรูไว้กับผู้คนมากหน้าหลายกลุ่ม น่าแปลกอยู่บ้างที่เธอยังเดินเชิดหน้าท้าทายอยู่ในซุยรันได้ ทว่าดูเหมือนคุณโคะโทยิ่งเชิดหน้าสูงเท่าไหร่ เรย์กะก็ยิ่งก้มศีรษะต่ำเท่านั้น
เฮ้อ~ น่าหงุดหงิดเหลือเกิน...
"โย่ ชูสุเกะ ถึงตานายพายแล้ว"
"อา รู้แล้วๆ"
ผมรับไม้พายมาจากมาซายะแล้วเริ่มต้นพาย
สีหน้าผมคงจะดูแย่เอามากๆ ตั้งแต่เรามาถึงที่วัด มาซายะก็กระตือรือร้นไปหาเรือพายมาแล้วพายออกมาไกลถึงนี่ หมอนี่บางทีก็อ่อนไหวกับอารมณ์คนอื่นเป็นเหมือนกัน
"...นายคิดถึงคิโชวอินอยู่เรอะ"
"ทางลูกพี่ลูกน้องต่างหาก"
มาซายะคำราม "ทำไมล่ะ"
"ระยะนี้คุณคิโชวอินเอาแต่ขอโทษขอโพยไปทั่ว ฉันอดคิดไม่ได้จริงๆ ว่าใครทำให้เธอต้องทำแบบนั้น มันออกจะปวดใจอยู่บ้าง..."
มาซายะแสดงสีหน้าเข้าอกเข้าใจพร้อมกับพยักหน้ารับ "ฉันก็ใกล้จะหมดความอดทนเต็มทีเหมือนกัน ที่ทนอยู่นี่ก็เพราะคิโชวอินหรอกนะ แต่ถ้ายัยนั่นไม่หยุดฉันคงทนไม่ไหวแหงๆ"
"อดทนอีกนิดน่า คุณคิโชวอินอาจจะต้องใช้เวลาเกลี้ยกล่อมลูกพี่ลูกน้องอีกหน่อย..." ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่ผมไม่มีความมั่นใจเลยซักนิด เรย์กะนุ่มนวลและสงบเสงี่ยมเกินไป ในขณะที่ลูกพี่ลูกน้องคนนั้นดูจะมีอีโก้สูงส่งยิ่งกว่าพระอาทิตย์ซะอีก ทำไมเรย์กะต้องเป็นห่วงลูกพี่ลูกน้องขนาดนั้นด้วยนะ....
"ชูสุเกะ ใจเย็นไว้"
"ฉันเย็นแล้วนะ"
"อย่ากำไม้พายแน่นนักสิ เดี๋ยวไม้ก็หักหรอก!"
"ฉันไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอกน่า มาซายะ นายนั่นแหละใจเย็นๆ หน่อย อย่าไปรบกวนความสงบร่มเย็นของวัดสิ"
"ฉันจะเย็นก็ต่อเมื่อนายปล่อยไม้พายน่ะแหละ! ไม่ต้องแล้ว ส่งคืนมาซะ! ฉันยอมเป็นคนพายดีกว่าปล่อยให้นายทำลายหนทางในการกลับสู่แผ่นดินของเรา!"
มาซายะบ่นงึมพำขณะกระชากไม้พายออกจากมือ ผมยังยิ้มแม้หมอนั่นจะต่อว่าผมไม่หยุดปาก
-
กลับมาสู่วันเรียนตามปกติ อารมณ์ผมยิ่งขุ่นมัวหนักกว่าเดิมตั้งแต่คาบแรก
อย่างแรก แม่สาวที่ชื่อซึรุฮานะ มากิ ไม่ได้แม้แต่จะอยู่ห้องเดียวกับผมด้วยซ้ำ เป็นนักเรียนกลุ่มในแต่ไม่ใช่สมาชิก Pivoine ถึงกับกล้ามาหาเรื่องกับเรย์กะตรงๆ ว่า "ลูกพี่ลูกน้องน่ารักจังนะคะ" เรย์กะถึงกับเถียงไม่ออก เธอดูตารื้นๆ หัวก็แทบจะโงไม่ขึ้นเพราะเอาแต่โค้งขอโทษคนอื่นปลกๆ
ต่อมาช่วงระหว่างพัก เรย์กะออกไปจากห้องดูท่าทางไม่สบายเอามากๆ ความรู้สึกที่ก่อกวนจิตใจแบบเดียวกับตอนเห็นเรย์กะอยู่กับหัวหน้าห้องเมื่อปีที่แล้วผุดขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันพุ่งเป้าไปที่คุณโคะโท นี่เธอวางแผนจะเหยียบย่ำความใจดีของเรย์กะไปถึงเมื่อไหร่กันนะ
อารมณ์ขุ่นมัวทำให้ผมหลุดปากตวาดพวกสาวๆ ไป แม้พวกเธอจะร้องไห้งอแง ผมก็ยังบังคับให้พวกเธอไปห่างๆ ดูเหมือนอารมณ์ผมจะเข้าปกคลุมทั้งห้องจนนิ่งเงียบไปตามๆ กัน พวกนั้นพากันจากไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเรย์กะกลับมาหลังพัก เธอดูดีขึ้นเพียงเล็กน้อย ผมได้แต่ส่งสายตาห่วงๆ ไปทางเธอทั้งคาบ เธอดูย่ำแย่เอาจริงๆ
แล้วเมื่อวาน คุณโคะโทก็ทำให้คาบุรากิยัวะเข้าจนได้
รู้สึกว่าเธอจะเฉียดเข้าไปร้องเรียกตอนคาบุรากิกำลังจะไปส่งท่านยูริเอะ
กฎเหล็กในการตามกรี๊ดคาบุรากิมีอยู่ว่า ห้ามเข้าไปรบกวนเวลาที่คาบุรากิอยู่กับท่านยูริเอะเป็นอันขาด แต่เธอก็ยังเมินเฉยกับกฎนี้
ตามธรรมดาแล้วมาซายะจะไม่สนใจพวกผู้หญิงที่มาตามกรี๊ดกร๊าด ไม่ว่าจะทำอะไรก็มองผ่านๆ แต่ถ้ามียูริเอะเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยก็เป็นอีกเรื่อง
ถ้ามีคนมาขัดขวางเวลาแสนสำคัญที่ได้อยู่กับยูริเอะ เขาจะถอดหน้ากากไร้อารมณ์ตามปกติทิ้ง ระเบิดอารมณ์ออกมาทันที แล้วก็เป็นอารมณ์ตรงข้ามกับที่พวกสาวๆ ต้องการจากมาซายะเสียด้วย
เพราะรู้แบบนี้ กองเชียร์สาวๆ จึงไม่กล้าเข้าไปเกะกะยามมาซษยะอยู่กับยูริเอะเป็นอันขาด
แต่สงสัยว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่รู้กฎข้อนี้ ถลาเข้าไปเกาะมาซายะแจเพราะเห็นว่าเป็นโอกาสดีไม่มีตัวขัดขวางอยู่ข้างๆ
ทั้งที่ใกล้จะถึงเวลาเรียนพิเศษของยูริเอะ แต่เธอกลับเอาแต่ดึงไปดึงมาอยู่ได้ไม่รู้จังหวะ เล่นเอามาซายะยัวะขาดตะคอกว่า "พอได้แล้ว ! อย่าเข้ามาใกล้ฉันเป็นครั้งที่สองนะ !" จากนั้นก็ทิ้งคุณโคะโทไว้ตรงนั้นเดินไปขึ้นรถกับยูริเอะที่พยายามปลอบโยน
เมื่อได้เห็นเธอยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวในที่จอดรถ คนอื่นข้างๆ พากันหัวเราะเยาะล้อเลียน ผมก็อดสะใจไม่ได้จริงๆ ที่แม่สาวจอมเชิ่ดจะโดนมาซายะตะคอกใส่ซะบ้าง จนเมื่อเธอหันไปทางทางอื่น ผมก็ถึงกับเผลอหลุดหัวเราะหึๆ ขณะเดินจากมา
-
ข่าวลือว่าคุณโคะโททำให้มาซายะโกรธแพร่สะพัดอย่างรวดเร็วราวกับไฟป่าลามไปทั่วโรงเรียน กระทั่งพวกผู้หญิงทั่วไปที่คอยห้อมล้อมผมกับมาซายะก็ยังเว้นระยะห่างออกไปไกลอีกนิด และคอยกระซิบกระซาบเรื่องผู้หญิงคนนั้นอย่างเห็นใจฟังดูมีมนุษยธรรมที่สุดเท่าที่ทำได้
ในทางกลับกัน เรย์กะกลับทำคอตก สีหน้าดูกระวนกระวายอยู่ตลอดเวลา
แม้ผมจะหัวเราะอย่างสะใจเมื่อคุณโคะโทโดนมาซายะตะคอกใส่ แต่ก็จำต้องยอมรับว่าเรย์กะเป็นทุกข์เพราะเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน...
เรื่องนี้ทำให้ผมปวดหัวหนักกว่าปกติ ผมจึงไป Pivoine พร้อมกับมาซายะ
ผมไม่ได้เตรียมใจจะเจอสิ่งที่ตามมาจริงๆ
-
ผิดไปจากปกติจากที่พวกเรามักจะเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาเรย์กะและใครก็ตามที่นั่งอยู่กับเธอ ครั้งนี้เรย์กะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาพวกเราเอง
"ดูเหมือนเมื่อวานลูกพี่ลูกน้องของฉันจะสร้างความเดือดร้อนให้ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะคะ" ดวงตากลมโตเหมือนกวางของเธอโศกสลด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นเกร็งหากจริงใจ เธอก้มหัวลงต่ำแทบจะ 90 องศา
ผมกวาดสายตาไปรอบๆ Pivoine ในฉับพลัน ดูเหมือนตอนนี้สายตาทุกคู่จะจับอยู่ที่เรย์กะและมาซายะ ผมถอยหลังออกมาสองสามก้าวมองดูเงียบๆ นี่ไม่ใช่จังหวะที่ผมควรจะเข้าไปยุ่งเกี่ยว
มาซายะเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเฮือกก่อนว่า
"พอได้แล้ว "ไม่ใช่ความผิดของเธอซักหน่อย"
"แต่ก็เป็นลูกพี่ลูกน้องน่ะคะ" เรย์กะพูดเสียงเบาหวิว มาซายะมองเธออย่างสงสาร ไม่สิ ทุกคนใน Pivoine ต่างก็สงสารเรย์กะด้วยกันทั้งนั้น แม้แต่สมาชิกรุ่นใหญ่ก็เริ่มที่จะพูดถึงเรื่องนี้กันแล้ว ผมได้ยินพวกนั้นพูดชื่อคุณโคะโทออกมาชัดๆ
"งั้นก็ทำอะไรหน่อยสิ"
"ก็พยายามอยู่นี่ไงคะ แต่ไม่ค่อย...."
"ใช้ไม่ได้เลย"
มาซายะหัวเราะหึๆ ขณะส่ายหัวไปมา ไม่เป็นไรหรอก เรย์กะ มาซายะรู้ว่าคุณพยายามแล้ว หมอนั่นไม่โกรธคุณหรอกนะ
ดูเหมือนจะไม่ได้โมโหแล้ว โชคดีจริงๆ
เรย์กะดูจะโล่งใจขึ้นนิดหน่อย ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก ในที่สุดเธอก็เงยหน้าขึ้น และผมคิดว่าเราทุกคนเห็นพ้องต้องกัน
โคะโท ริรินะต้องได้รับบทเรียนเสียบ้าง
สีหน้าหวาดกลัวแกมหดหู่ของเรย์กะฝังใจผมอยู่ลึกๆ กวนใจจนผมลิ้มรสน้ำชาไม่รู้เรื่อง
ผมชำเลืองตรงไปทางประตูขณะรอคอยให้เรย์กะกลับมา เห็นชัดๆ ว่าลูกพี่ลูกน้องหน้าไม่อายของเธอคงแวะเวียนมาเคาะประตูอีกครั้ง เรย์กะเลยต้องออกไปดู ในที่สุดผมก็วางถ้วยชาลงเพื่อไปแวะดูเหตุการณ์ สิ่งที่ได้ยินทำเอาผมเลือดเดือด
"ชั้นแค่อยากขอโทษเองนะ คุณเรย์กะ ไปตามเขามาหน่อยซี่ อย่างกนักเลยน่า"
"ริรินะ นี่เธอเพิ่งทำให้ท่านคาบุรากิโมโหไปนะ! เลิกทำตัวแบบนี้ได้แล้ว!"
ผมเปิดประตูเดินออกไปข้างนอก มองไปทางคุณโคะโทตรงๆ ขณะพูดด้วยเสียงเย็นเยียบที่สุดเท่าที่จะทำได้
"นี่ พอทีเถอะน่า ไม่รู้เหรอว่าถ้าทำให้มาซายะโกรธไปกว่านี้จะเป็นยังไง ไม่รู้เหรอว่าลูกพี่ลูกน้องของเธอ คุณคิโชวอินน่ะต้องไปก้มหัวปลกๆ ขอโทษคนอื่นแค่ไหน ถ้ารู้คงไม่ทำอะไรหน้าไม่อายอย่างนี้หรอกใช่ไหม ที่เธอไปสร้างศัตรูกับรุ่นพี่ไปทั่วแล้วยังลอยตัวอยู่ได้น่ะเป็นเพราะคุณคิโชวอินไปเที่ยวขอร้องคนอื่นไว้หรอกนะ มาซายะเองก็รู้ถึงได้เงียบไว้มาตลอด แต่นี่มันชักจะเกินไปแล้วนะ" ผมหงุดหงิดจนถึงขั้นบึ้งตึงไปในท้ายที่สุด สัมผัสได้เลยว่าเรย์กะกำลังกระเถิบถอยห่างไปจากรัศมีใกล้ตัวผม
โคะโทชะงักกึก หน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงแจ๋ก่อนจะวิ่งหนีไป
"เอ่อ ต้องขอโทษด้วยนะคะ ทำให้ท่านเอ็นโจวุ่นวายอีกแล้ว"
ได้ยินเสียงเรย์กะขอโทษดังมาจากข้างๆ ผมหันไปตอบ
"เด็กคนนั้นทำให้พวกเราลำบากใจน่ะ ก็คิดอยู่เหมือนกันว่าต้องลงมือทำอะไรบ้างแล้ว"
"งั้นเหรอคะ" เรย์กะมีสีหน้ากังวลเมื่อได้ยินคำพูดของผม
อ้อ สงสัยจะห่วงลูกพี่ลูกน้องสินะ เรย์กะ...
ผมคิดอยู่นาทีหนึ่งแล้วว่า "แต่ว่าคุณคิโชวอิน นี่ก็ถือว่าติดหนี้กันครั้งหนึ่งแล้วนะ"
"เอ๋ ?"
"คงไม่ได้คิดว่าผมจะช่วยคุณฟรีๆ หรอกนะ ใช่ไหม คุณนี่ไร้เดียงสาจริงๆ”ผมยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยนขณะส่งออร่าเย็นเยือก
แม้จะรู้สึกผิดนิดหน่อย แค่สีหน้าตกตะลึงของเรย์กะนี่ช่างบันเทิงจริงๆ
"ซักวันจะขอคืน อย่าลืมเชียวนะ"
ผมปล่อยเรย์กะไว้นอกห้องสโมสรขณะเดินกลับเข้ามา อืมมม ก็จริงนะ เธออาจจะเจอเรื่องหนักๆ เพราะคุณโคะโทมาแล้ว แต่ผมไม่ยอมปล่อยผ่านหรอก ก็เธอไม่ยอมลงมือทำอะไรจริงจังเองนี่นา
มาซายะสังเกตเห็นผมกลับเข้ามาแล้วมองผมด้วยแววตาเคลือบแคลงทันที "นายทำอะไรลงไปน่ะ"
"ไม่มีอะไรหรอก แค่รู้ว่าจากนี้ไปคุณโคะโทจะไม่มากวนใจนายอีกก็พอ"
*****
จบตอน 8 จ้า ใครสะดวกรับไม้ 9 ต่อก็เชิญนะจ๊ะ
ไซซายะ...นายก็ยังมีสามัญสำนึกิบ้างนี่นา!!! ตกใจ!!! อุตส่าห์ไม่ด่าริรินะแต่แรกเพราะเห็นแก่เจ้าแม่ด้วยอะ
นายมีหัวคิดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?!?!
ส่วนเอ็นโจก็ฟิลเตอร์นุ้งกระต่ายน้อยบอบบางหนาตึ้บตามเคย
ยอมใจเพื่อนโม่งเลย พวกมึงขยันกันมากๆ นอกจากแปลกาวนอกมาให้ชาวเราอ่านแล้ว ยังอุตส่าห์มีโม่งโคตรขยัน (รึว่างจัด) แปลเม้นไปแปะให้คนเขียนกาวนอกอ่านอีก ให้กำลังใจคนเขียนจนปลื้มปริ่มกันไป
ฟิคนี้เรย์กะดูเป็นคุณหนูนุ่มนิ่มบอบบางมาก แม่กระต่ายน้อยของผม แต่เอ็นโจดูเป็นคนดีเกินไปว่ะในฟิคนี้ ดูมีความเป็นห่วงเป็นใยสาวกระต่ายมากๆ ขนาดตอนบอกติดหนี้กูยังสัมผัสไม่ได้ถึงความร้ายที่มุ่งไปทางเรย์กะแบบตรงๆเลย ตรงจุดนี้กูแอบเทียบกับกาวเอ็นโจ side story ของชาวเราแล้วดูมีความชั่วร้ายและเห็นแก่ตัวกว่ามาก
โอ้ย เดี๋ยวกระต่าย เดี๋ยวกวาง ท่านเรย์กะฟิกนี้เหมือนพร้อมจะปลิวลม ได้อิมเมจนอบน้อมหนักแน่นมากๆ ในขณะที่อ่านออริแล้วมีแต่เรื่องกิน ;_;
กาวนอกเขียนให้เอ็นโจเป็นหนุ่มขี้อาย
ส่วนชาวกาวไทยนี่มองเอ็นโจเป็นจอมมารขี้แพ้ที่ไม่ได้ดั่งใจก็แกล้งคืนหนักๆแม่ง
ดูออกเลยนะคะว่าประเทศไหนใจโหดเหี้ยมกว่ากัน
กาวนอกเรย์กะดูบอบบางนุ่มนิ่มคุณหนูมาก ท่านเอ็นโจติดฟิลเตอร์มองเรย์กะเป็นนุ้งต่ายอ่อนแอขี้กลัวและขี้แยโครตหนาเลย น้ำตารื้นตอนก้มหัวขอโทษนี่มันอะไร๊ ถถถถถถถถถถถ มีโกรธแทนเพราะริรินะมาทำให้ลำบากอีก ดูมีความเป็นเทพบุตรคอยเทคแคร์เธออยู่ห่างๆ เจอจอมมารเวอร์ชั่นแสนดีแล้วกูไม่ค่อยชินยังไงไม่รู้ 55555555555555
แต่กาวไทยท่านเอ็นโจค่อนข้างจะรู้นิสัยท่านเรย์กะ ฟิลเต้อไม่หนาเท่าแต่ยังรักอยู่วดี นิสัยเด็กประถมชอบต้องดึงผมม้วนนนน กาวนอกคือ น่ารัก เรียบร้อยเว่อ อารมเหมือนฟิลเตอร์ของฟุจินไรจินก่อนได้รับการเบิกเนตร
>>739 ตอนโดนต่อยก็ควรจะได้รับการเบิกเนตรแล้วนะ แต่ฮีฟิลเตอร์โคตรหนา
กุชอบคนละแบบ ของไทยดูมารร้ายสายยันมาก ๆ บางทีกุก็แอบหมั่นไส้ อยากให้ท่านเรย์กะเอาคืนให้หงายเงิบซักดอกแล้วผู้เป็นฝ่ายตามตื้อ ส่วนของนอกนี่กุเชียร์ให้ได้กันซักที คืออารมณ์แอบรักโชโจมาก ๆ อยากให้โดนเบิกเนตรด้วย คงฮา
ใครเก่งอังกฤษต้องช่วยเผยแพร่ลัทธิจอมมารเอ็นโจให้ต่างชาติรู้เว้ย แปลฟิคไทยเบิกเนตรเหล่าแฟนคลับต่างแดนทั้งหลาย
ถ้ามีใครจะแปลฟิคไทยกูอยากแนะนำให้แปลฟิคมะหมาเหลือเกิน เผยแพร่ลัทธิไซซายะ 555555555555555555
เผยแพร่ลัทธิจอมมารงั้นรึ! ช่างชั่วร้ายอะไรเช่นนี้!
มีใครเอาไม้9 รึยัง
ถ้าจะแปลอยากให้พวกเจ้าของฟิคอนุญาตก่อนอะ สนใจนะ แต่รอดูแปป 55555
อยากอ่านฟิคต่อด้วยคน //กอดขาโม่งฟิคทั้งหลาย
กู747เอง ใช่ กูหมายถึง permission จากเจ้าของฟิคโม่งโว้ย 555555 สนใจอยากแปลอยู่นร้า 55555
สนับสนุนด้วยค่ะ ท่านฮิโยโกะนี่น่าได้รางวัลสาขาสันติภาพจริงๆ ดองนิยายจนแฟนๆ ต้องโม่กาวแลกกันอ่านเพื่อประทังชีวิต เกิดเป็นสายสัมพันธ์ข้ามชาติ 5555
กูขอฟิกบ้านพักคนชรา... อุ๊บส์!!!
ถ้าจะแปลเอาสั้นแบบตอนเดียวจบก่อนไหม กูชอบพวกบรรดาฟิกโม่งตัวประกอบซุบซิบ เพ้อเจ้อได้โล่ห์ จะบอร์ดลับ บอร์ดวาย ก็ชอบ กาวดี
กูสนับสนุนมะหมา เอาความน่ารัก(?)ของไซซายะกับชูสุมอยไปเผยแพร่ 55555555
อยากได้ฟิคที่เห็นความเป็นปีศาจของยูกิโนะกับองค์ชายว่ะ ให้เห็นว่าฝั่งเรามองเอ็นโจไว้เหี้ยมมากถถถ
เผยแพร่ลัทธิจอมมารก่อนแล้วค่อยแสดงให้เห็นว่าหมอนี่มันจอมมารไก่อ่อนที่จีบสาวห่วยขั้นสุด55555
>>771 ชาติที่แล้วนางไม่ได้บอกนะว่าเอ็นโจเป็นคนวางแผน บอกแค่คาบุรากิทำให้บ้านนางล้มละลายเท่านั้นเอง เอ็นโจกว่าจะมีบทก็ปาเข้าไปตอนที่ 6 แถมไม่มีรายละเอียดอะไรมากไปกว่าเป็นเพื่อนพระเอกที่คอยออกมาไล่นางร้ายไปห่างๆ
จริงๆในเรื่องฮีอาจจะไม่ได้ทำอะไรเลยก็ได้ ให้มาซายะทำเอง แบบตอนที่จับเด็กม.4 ติวนรกน่ะ มาซายะก็คิดเองทำเองล้วนๆ เพราะดูแล้วก็น่าจะเป็นการขอโทษบวกกับล้างแค้นให้วาคาบะที่เด็กพวกนั้นไปพูดจาแย่ๆใส่ กร่างและเบ่งนักเหรอพวกเอ็ง งั้นก็ทำตัวให้มันคู่ควรกับอำนาจที่มีหน่อยซิ เพราะงั้นเรื่องทำบ้านคิโชวอินล่มจมกูว่าคาบุก็น่าจะคิดเองว่ะ อารมณ์แบบพระเอกโชโจที่จะไม่ปล่อยใครมารังแกเธออีกต่อไปแล้ว แถมยังได้ไล่ตัวรังควานชีวิตออกไปอีก อดทนมานานเรื่องนี้ก็เลยต้องใช้วิธีรุนแรงและทำให้ราบคาบกำจัดเสี้ยนหนามไม่ให้มาตลบหลัง ก็เหี้ยมโหดอยู่เหมือนกันนะ
>>772 แต่สมัยเป็นการ์ตูน Kimi Doll ก็มีพูดถึงฉากความโหดของเอ็นโจตอนไล่ตะเพิดเรย์กะนางร้ายไปอยู่นะ อีกอย่างด้วยนิสัยของคาบุที่เป็นคนทื่อๆ ตรงๆ นี่ถึงวางแผนกำจัดก็น่าเป็นแนวซึ่งๆ หน้าตรงไปตรงมาแบบแผนให้เด็กม.4 แสดงความเหนือกว่าทางวิชาการนี่แหละ พวกคาแรคเตอร์ยิ้มใจดีแต่โหดลับหลังแบบเอ็นโจนี่น่าจะเป็นฝ่ายเสธฯ ออกความคิดเห็นเรื่องกว้านซื้อหุ้นให้ล้มละลายมากกว่านะ
แต่จะว่าไป ช่วงสมัยประถมเจ้าแม่ก็ไม่ได้ระแวงเอ็นโจเท่าไหร่เลยนะ แค่ไม่อยากเข้าใกล้คู่หูคาบุเอ็นโจเอง มาโดนรังเกียจหนักๆ เอาตอนม.2 ที่โดนทวงบุญคุณตอนไล่ริรินะไปนี่ละมั้ง ทำตัวเองชัดๆ...
ไล่อ่านกระทู้แล้วเจอว่าตอนเรย์กะอุ้มกระต่ายเล่นตอนประถม เป็นการปูเรื่องที่เอ็นโจมองเรย์กะเป็นกระต่ายที่โครตยาวนาน แล้วฉายานโปเลียนของคาบุเนี่ยปูมาเพื่อจะเอาไว้จิกกัดในตอนที่ 273 ด้วยรึเปล่าวะ เชอรี่นโปเลียนน่ะ (เชอรี่ = ไอ้หนุ่มไก่อ่อนไม่ประสีประสา หนุ่มเวอร์จิ้น) 5555555
>>779 อาจจะกลายเป็นผู้กุมอำนาจอันดับหนึ่งตั้งแต่ประถม จะกลายเป็น เอ็นโจ-เรย์กะ-มาซายะ
ตอนนี้ เอ็นโจ-มาซายะ-เรย์กะ ทุกคนคิดว่ามาซายะคือผู้อยู่บนบัลลังก์แต่หารู้ไม่ว่าจริงๆแล้วคนที่อยู่บนสุดคือใคร 555555
(หรืออาจจะกลายเป็นเบ๊ไปเลย………)
กูก็อยากรู้นะว่าถ้าตามไปซื้อของจะเป็นไง มีใครจะเขียนฟิคมั้—————
>>780 คงกลายเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน เรย์กะมองตัวเองเป็นเบ๊สองคนนั้น แต่พอสองหน่อนั่นตั้งท่าจะสร้างความวุ่นวาย น่าจะโดนกำปั้นเจ้าแม่กาลีส่งไประงับเหตุการณ์ที่ตัวต้นเหตุก่อน มาซายะกับชูสุเกะอาจจะเป็นเด็กดี(?)กว่านี้ พอยูกิโนะเกิดก็แห่กันไปบ้านเอ็นโจ ไปเล่นกับยูกิโนะวัยทารกกัน
>>781 กูว่าถ้าเป็นเพื่อนกันแต่เด็กจริง ความสามัญชนของเจ้าแม่มีหวังความแตกไปนานแล้ว ไม่ซุกซ่อนมาได้จนชั้นม.ปลายหรอก เผลอๆ ม.ต้นก็แอบหนีไปเปิดทัวร์บริโภคด้วยกันทั้ง 3 พระหน่อแล้ว ส่วนตอนยูกิโนะยังเป็นเบบี๋ พอมาซายะจะไปจิ้มๆ ไปดึงจากเปลมาอุ้ม เจ้าแม่ก็จะกรี๊ดแล้วไปแย่งมาอุ้มเอง มีเอ็นโจยิ้มขื่นๆ มองอยู่ห่างๆ เป็นครอบครัวสุขสันต์ โอ๊ยยยย แม่งดี
>>782 สามคนนี้ช่วยกันเลี้ยงยูกิโนะน่าจะเป็นภาพที่น่ารักโครตๆ เวลามาซายะแหย่ยูกิโนะที่กำลังหลับให้ร้องไห้ เรย์กะน่าจะตบกบาลผลัวะแล้วแย่งมาอุ้มเอง แต่ถ้ายูกิโนะไม่หยุดร้องน่าจะอุ้มไปหาชูสุเกะให้ช่วยโอ๋ๆ เป็นครอบครัวพ่อแม่ลูกสุขสันต์ //อยากอ่านฟิคจังข่ะเพื่อนโม่ง
เด็กทารกแบเบาะ เจ้าแม่เข้าไปอุ้มนี่กุว่าน่าจะโดนบูลลี่เหมือนที่โดนกวางกะนกแกล้ง โดนอึใส่ ฉี่รด ให้เจ้าแม่เสียเซฟ 555
เออ ฟิคเวียนในตำนานมีใครต่อมั้ย ถ้ายังกูจะขอต่อหน่อย พอดีมีฉากที่อยากเขียนอยู่
ไม่ได้ตั้งใจชี้ไปเม้นท์ 792 โทษๆ
>>794 ลองๆอ่านในลิงค์นั้น เรื่องย้อมผมก็มีประเด็นน่าสนใจดี แต่ถ้าเอ็นโจมีผมสีน้ำผึ้งมาตั้งแต่เกิดแล้วมาย้อมตอนเข้าเรียนนี่....เป็นการย้อมผมที่โครตยาวนาน กลัวจะเป็นมะเร็งหนังศีรษะตายจริงๆ
ล่างๆมีพูดถึงเรื่องแฟนสาวของท่านพี่(ถ้ามี) จะเป็นคนยังไง กูแอบตบมุกอยู่ในใจว่าไม่ใช่แฟนหนุ่มที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนเหรอคะ ถถถถถถถถถถถถ
>>796 ไม่ใช่ 795 นะ แต่ในนั้นที่เสนอไอเดียฟิค เอ็นโจในมังงะเกิดใหม่ย้อนเวลา เขาว่า เอ็นโจพบว่าตัวเองย้อนกลับมาเป็นตัวเองตอนเด็ก และพบว่าโลกนี้เปลี่ยนไป เช่นตัวเองผมดำ, ตัวเองมีน้องชาย, คาบุรากิกลายเป็นบากะรากิ, เรย์กะมีพี่ชาย
เอ็นโจคิดว่าเรย์กะจะร้ายแบบในโลกก่อน(มังงะ)ก็เลยคอยจับตามองตั้งแต่เด็ก แต่เรย์กะก็ไม่ร้ายหรือตามตื้อคาบุสักที (จากนั้นก็พบว่าเป็นเพราะว่ามีพี่ชายให้ความอบอุ่น คอยช่วยเหลือ จนเรย์กะกลายบราค่อน ไม่ได้ชอบคาบุ) แต่ก็ยังคอยเฝ้าจับตามองเขาต่อไปโดนไม่รู้ใจตัวเอง
เพราะว่าเอ็นโจกลับมาเกิดใหม่ ความคิดการกระทำก็เลยเป็นผู้ใหญ่ มีด้านมืดเยอะ (และเจ้าตัวตบมุขเอาเองว่าที่ตัวเองผมดำก็เพราะแบบนี้เอง)
กูติดใจอันนึงในนั้น ที่เสนอว่า คาบุสารภาพรัก วาคาบะปฏิเสธบอกว่าตัวเองชอบเรย์กะ แม่งนี่มันฟิคฮาเร็มเจ้าแม่ของพวกเรานึ่หว่า 55555
มีแต่คนมีทฤษฎีกลับชาติมาเกิด ถ้าวาคาบะกลับชาติมาเกิดอีกทีคงสนุกดี เพราะน่าจะมึนกับเจ้าแม่ที่นิสัยเปลี่ยนเป็นคนละคน
ไม้ 9 มีคนจองแล้ว งั้นกุต่อไม้ 10 นะ
#สู้ๆเพื่อกาว
ฟิคนอกไม่มีAUรุ่นลูก/ปีศาจตกอับ ที่สำคัญคือไม่มีคุณยายเรย์กะ
ความกาวยังสู้ไทยไม่ได้ ถถถถถถถถถถถถถ
กาวที่ยอมใจสุดยังยกให้บ้านพักคนชราว่ะ ใจคนเรามันต้องเหี้ยม(ชม)ขนาดไหนวะ5555555
.....หรือว่าเราจะแปลกาวบ้านพักกันดี
ครบ 7 เดือนยังเนี่ยตอนใหม่หายเลย
อืม... จะบอกว่าแปลไทยล่าสุดมาตั้งแต่ก่อนกูจะคลอดนิดนึ นี่ลูกกู 4 เดือนกำลังจะคว่ำละ ถ้าภาวนาให้ท่านฮิโยโกะกลับมาก่อนลูกกูคลานได้นี่จะมากไปไหม... ฮึก
มีทางสืบหาคนเขียนไหม จุดนี้กูไม่แคร์เรื่องตอนต่อละ ได้รู้ว่าท่านฮิยังอยู่ดีมีสุขก็พอใจ
ควรตั้งแท็กเรียกร้องให้อาจารย์กลับมากันมั้ย 55555
กูอยากให้มีคนแปล ภาคสาเลนไทน์ ทำเนิดไซซายะ ไปให้ทางอังกฤษอา่านอ่ะ เผื่อทางนู้นจะเรียกเหมือนที่ไทย 55555555555
มู้ข้าง ๆ เค้าคุยกันเรื่องพระออกอ่อย กูกลับมาดูมู้นี้แล้วเศร้าใจ โอ๊ย เจ้าแม่กู ปักธงได้แต่นางเอหของเรื่องที่สุดท้ายแล้วไปคู่กะพระเอก เศร้าใจ
>>830 ตอนนี้กูไม่สะดุ้งสะเทือนล่ะ พล็อตในหัวกูเดินเรื่องไปจนจบแล้ว เดี๋ยวในงานดอกไม้ไฟ คาบุรากิจะสารภาพรักกับวาคาบะแล้วนางก็ยอมรับรัก เป็นอันใจตรงกัน คู่คาบุวาคาบะคบกันอย่างเปิดเผยไม่ต้องเกรงสายตาใครอีกต่อไป ส่วนทางท่านเรย์กะก็ต้องเผชิญหน้ากับคุณยุยโกะในร้านอาหาร เจ้าแม่อดรนทนไม่ไหวต้องผุดลุกหนีออกมากลางคัน แล้วก็ไปบังเอิญชนเข้ากับหนุ่มหล่อมากกกก คุยไปคุยมาพบว่าเป็นน้องชายท่านอิมาริที่ตกหลุมรักท่านเรย์กะตั้งแต่แรกพบ ทั้งคู่เลยช่วยกันนั่งทำตุ๊กตาเฟลต์ทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาววางคู่กันในงานโรงเรียน สวีทจี๋จ๋าจนคาบุยังต้องระย่อ ก่อนจะเรียนจบทั้งคู่ก็หมั้นกันและให้สัญญาว่าจะมารับเรย์กะไปอยู่ด้วยกันที่อเมริกาหลังเรียนจบมหาลัย Happy Ending! เฮ~
ใจคอพวกมึงจะให้ท่านพี่กับท่านอิมาริขึ้นคานไปพร้อมเจ้าแม่เหรอวะ อย่างน้อยให้ท่านพี่คู่ท่านอิมาริ หรือท่านอิมาริคู่เจ้าแม่ก็ยังดี
ยังไม่มีใครเอาไม้9 มีใครอยากแปลมั้ย
>>832
..นี่คือสถาน แห่งบ้านคานทอง ที่ฉันปองมาสู่
..ฉันยังไม่รู้ เขาจะต้อนรับ ขับสู้เพียงไหน
..อาจมี(k)calอาบ ฉาบบนใบหน้า ว่ามีน้ำนวลไง
..แต่สิ่งซ่อนไว้ ใน เดรสปกปิด คือ fat cells หนา
..เขตรั้วไพศาล โอบบ้านคานทอง
คือแขนของ ท่านพี่
..ขอจงเอื้อมมือ และโอบกอดน้อง
ผู้ผ่านเข้ามา
เพียงเดียวดาย อาจตายเพราะอ้วน โอ้อนิจจา
..โปรดอย่าอิจฉา สมาชิกใหม่
ของบ้านคานทองงงงงงงงง
ต่อฟิคเวียนในตำนาน >>>/webnovel/5401/15-18
-------------------------------------
หลังจากคุณหมอตรวจเช็คแล้วเช็คอีกเพื่อให้แน่ใจว่าผู้สืบทอดตระกูลเอ็นโจไม่เป็นอะไร เอ็นโจก็ได้ออกจากโรงพยาบาลก่อนวันสิ้นปีพอดี ช่างเป็นคนที่ทำให้รอบข้างวุ่นวายไปหมดไม่เสื่อมคลายจริงๆ
อย่างเมื่อวันก่อนที่เอ็นโจหลับไปในช่วงบ่ายเพราะยาที่คุณหมอจัดมาให้ทานหลังอาหาร แต่ก่อนนอนก็มาอ้อนขอให้ฉันอยู่ข้างๆอย่าเพิ่งไปไหน คิดว่าคนเขาไม่มีการมีงานหรือมีธุระที่ต้องไปรึไงกันยะ
“อยากเห็นหน้าคุณตอนตื่นนี่ครับ” เอ็นโจทำหน้าหงอยๆ “ไม่ได้เหรอ”
อย่ามาทำหน้าแบบนั้นนะ ถึงนายจะหน้าเหมือนยูกิโนะคุง แต่สายตากับสีหน้าเว้าวอนออดอ้อนนั่นไม่เข้ากับนายเลยซักนิด
ตลอดบ่ายวันนั้นฉันเลยต้องมานั่งเฝ้าคนป่วย ส่วนยูกิโนะคุงพอไปส่งมาดามเอ็นโจขึ้นรถแล้วก็กลับเข้ามาในห้อง นั่งคุยสัพเพเหระเบาๆไม่ให้เสียงรบกวน แล้วก็ทำงานฝีมืออย่างนีดเดิลเฟลท์ไปด้วย
เห็นยูกิโนะคุงบอกจะทำกระต่ายให้ท่านพี่เป็นของขวัญปีใหม่ ช่างเป็นน้องชายที่น่ารักและอ่อนโยนอะไรเช่นนี้
แถมวันจะออกจากโรงพยาบาล ยูกิโนะคุงก็มาอ้อนให้ฉันไปให้กำลังใจพี่ชายอีก เพราะเห็นแก่ยูกิโนะคุงหรอกนะฉันถึงได้ไป ไม่งั้นฉันไม่ยอมสละเวลาอันมีค่ามารับมือกับคนป่วยจอมงอแงเอาแต่ใจนี่หรอก
ผลตรวจการตรวจสุขภาพออกมาว่าแข็งแรงดีทุกอย่าง แต่ฉันจะประสาทเสียเอากับคำพูด “พอออกจากโรงพยาบาลก็อยากทานอาหารฝีมือเรย์กะจังเลยครับ”
อีตาบ้าเอ้ย!! มาบอกเอาตอนนี้จะไปเตรียมตัวทันได้ยังไงล่ะยะ!!!
ทั้งยูกิโนะคุงและมาดามเอ็นโจก็มาช่วยพูดอีกแรง “เป็นงานเล็กๆในครอบครัวที่มีแต่พวกเรากันเองทั้งนั้นล่ะค่ะ คุณเรย์กะ”
“อย่างจิราชิซูชิที่ทำมาตอนนั้นก็อร่อยดีนะฮะ ผมชอบมากเลยล่ะ”
ฉันเปิดหนังสือเมนูอาหาร หาเมนูที่พอจะทำได้ง่ายๆแต่อร่อยล้ำ สุดท้ายคิดไม่ตกก็ต้องโทรไปรบกวนคุณอาคิมิอีกจนได้
ปรึกษาไปปรึกษามา คุณอาคิมิก็ออกปากว่าจะมาช่วยสอนที่บ้าน แม้ฉันจะท้วงไปด้วยความเกรงใจ ช่วงปีใหม่แบบนี้ใครๆก็อยากใช้เวลาอยู่กับครอบครัวทั้งนั้นล่ะเนอะ
คุณอาคิมิยืนยันว่าจะช่วยอีกแรง ฉันเลยจะขอรบกวนเวลาให้น้อยที่สุดคือแค่ช่วงเช้าเท่านั้น อาหารที่ทำก็ของง่ายๆอย่างนิโมโนะ น่าจะเข้ากับพวกอาหารที่ทานกันในช่วงปีใหม่
แต่ถ้ามีเวลาก็อยากจะลองเอาแกงกระหรี่ไปให้ชิมเหมือนกันนะ สูตรที่เป็นออริจินอลกับความเปล่งประกายของเชฟเรย์กะที่เพิ่งคิดได้เมื่อคืน ถ้าใส่เยลลี่แอปเปิ้ลลงไปก็น่าจะประหยัดเวลาการใส่แอปเปิ้ลลงไปเคี่ยวทั้งชิ้นแถมยังได้ความหวานจากน้ำตาลอีกด้วย แต่ก็อยากให้มีกลิ่นหอมของดอกกุหลาบกับสีชมพูสวยๆด้วยน้า จะได้สมเป็นราชินีโรโคโค่ งั้นลองใส่น้ำหวานกลิ่นกุหลาบกับซากุระเด็มบุลงไปด้วยดีกว่า ให้สีออกมาสวยๆแบบเตอร์กิชดีไลท์ ดูแปลกใหม่น่ารักกว่าสีน้ำตาลตุ่นๆแบบดั้งเดิม
อื้ออื้อ นี่ล่ะความสร้างสรรค์ ขอตั้งชื่อให้ว่าแกงกระหรี่กุหลาบของราชินีโรโคโค่
ฉันฮัมเพลงพลางพลิกดูสูตรนิโมโนะไปมา นึกถึงผลตรวจสุขภาพของเอ็นโจ จะว่าไปก็นึกถึงวาคาบะจังขึ้นมา
เย็นวันเดียวกันนั้นคาบุรากิก็มาเยี่ยมเพื่อนพร้อมกับตะกร้าของเยี่ยมใหญ่ยักษ์ ข้างๆเป็นวาคาบะจังที่สีหน้าดูอ่อนเพลียเล็กน้อย ฉันทักทายสองคนนั้นแล้วก็ถามวาคาบะจังด้วยความเป็นห่วง
“คงเพลียจากการตรวจสอบเอกสารที่บริษัทน่ะค่ะ” วาคาบะจังยิ้มแห้งๆ
“เอ๋ ไหนๆมาโรงพยาบาลแล้ว ลองตรวจสุขภาพดูมั้ยคะ”
“ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกนะคะ เดี๋ยวกลับไปพักผ่อนก็หาย ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรหรอกค่ะ”
“ตอนนั่งมาในรถฉันก็บอกแบบนั้นเหมือนกัน” คาบุรากิโอบเอววาคาบะจัง “อย่าฝืนตัวเองสิ วาคาบะ ให้หมอตรวจดูหน่อยจะเป็นไรไป”
“ฉันไม่เป็นไรจริงๆนะคะ กลับไปพักผ่อนก็หายแล้วล่ะ”
เอ็นโจยังหลับอยู่ ฉันกับวาคาบะจังเลยนั่งคุยกันสัพเพเหระถามความเป็นไป ส่วนคาบุรากิไปคุยกับยูกิโนะคุง ท่าทางสนุกสนานกันทั้งคู่ แม้จะได้ยินแว่วๆมาอย่าง “ผีในบ้านร้าง” “มีด” “เก็บไอเท็มได้ที่ชั้นสอง” “ฆาตกรรมหมู่ยกครอบครัว” ลอยมาก็เหอะ นี่คุยอะไรกันน่ะห๊า!!!
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เอ็นโจก็ลืมตาตื่นขึ้นแบบแช่มช้า พอฉันเข้าไปดูอาการใกล้ๆ เจ้าตัวก็ยิ้ม จับมือฉันแล้วเอาไปแนบแก้มตัวเอง หลับตาพริ้มดูมีความสุข
ทำอะไรของนายห๊า!! คนอยู่ตั้งเยอะตั้งแยะนะยะ!!!
ฉันดึงมือออกแบบเงอะงะ แต่หมอนี่ก็จับไว้ไม่ปล่อย จนคาบุรากิกระแอมขึ้นมาแบบหลอกๆเพื่อขัดจังหวะ
“เฮ้ยๆ มีคนอยู่ในห้องนี้นะ ถ้าเผื่อนายไม่รู้”
ฉันแทบจะเอาหน้ามุดดินหนีตอนเห็นสายตายิ้มๆของวาคาบะจังกับยูกิโนะคุง พอสลัดมือปลาหมึกนั่นทิ้งมาได้ฉันก็ไปหลบอยู่อีกมุมกับวาคาบะจังทันที ปล่อยพวกผู้ชายคุยกันไป
เวลาอาหารเย็นของคนป่วยมาถึง พยาบาลสาวน้อยเข็นรถส่งอาหารมาเสิร์ฟถึงที่ วาคาบะจังที่ยิ้มๆคุยกับฉันอยู่ พอได้กลิ่นอาหารก็มีสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่
ยังไม่ทันจะถามว่าไหวรึเปล่า วาคาบะจังก็ยกมือปิดปากวิ่งเข้าห้องน้ำไป มีสายตาของพวกเรามองกันเป็นตาเดียว
“วาคาบะ” คาบุรากิเดินตามเข้าไปในห้องน้ำ ฉันยืนมองอยู่ด้านหน้าด้วยความเป็นห่วง พี่น้องเอ็นโจก็มายืนด้วยเหมือนกัน
ผ่านไปนานพอดูสองคนนั้นก็ออกมา วาคาบะจังมีท่าทีเหนื่อยล้าให้คาบุรากิประคอง หน้านี่ซีดหยั่งกะกระดาษเลยล่ะ ไหวมั้ยจ๊ะวาคาบะจัง
“ให้หมอตรวจเลยดีกว่า”
“ขอโทษด้วยค่ะ”
“บอกแล้วว่าอย่าฝืนตัวเองไงล่ะ”
ยูกิโนะคุงกดปุ่มเรียกเจ้าหน้าที่ ไม่ถึงสองนาทีหลังจากนั้นวาคาบะจังก็ถูกหามขึ้นใส่เปลแล้วเข็นออกไปนอกห้อง มีคาบุรากิตามไปติดๆ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากเหมือนฉากในหนัง
แล้วความวุ่นวายก็สงบลง ในห้องมีแค่ฉันกับเอ็นโจและยูกิโนะคุงเหมือนเดิม
“จะเป็นอะไรรึเปล่านะ”
“คงไม่หรอก” เอ็นโจมองตามแบบยิ้มๆ “น่าจะได้ยินข่าวดีมากกว่า”
“ข่าวดี….”
“เดี๋ยวเรย์กะก็คงรู้เอง” พอมายืนใกล้ๆแบบนี้ ปลายนิ้วของเอ็นโจเล่นปอยผมม้วนของฉันแบบมืออยู่ไม่สุข เอ๊ะ!! เสียมารยาท นี่มันคุกคามทางเพศนะคะ
ฉันถลึงตาใส่ หนอย….พอเห็นไม่โวยวายนี่ก็เอาใหญ่เลยนะ
มัวแต่เคืองเอ็นโจ ฉันเลยไม่ได้ครุ่นคิดว่าข่าวดีนั่นคืออะไร หลังจากวันนั้น คาบุรากิกับวาคาบะจังก็ดูยุ่งๆไม่รับโทรศัพท์ เมล์ไปยังไม่ตอบมาทั้งคู่เลย เอาไว้เดี๋ยวค่อยโทรไปถามก็ได้มั้ง
.
.
.
.
.
วันสิ้นปี ฉันที่วุ่นอยู่กับการทำอาหารตามแต่คุณอาคิมิจะสอน ลืมไปซะสนิทว่าจะต้องโทรไปถามอาการของวาคาบะจัง
นิโมโนะเนี่ยดูเหมือนจะง่าย แต่พอลองมาทำจริงมันไม่ง่ายเลยซักนิด กินแล้วก็ต้องสำนึกบุญคุณ สรรเสริญเยินยอท่านเรย์กะให้มากๆเข้าไว้ล่ะ
อาหารเสร็จทันฉิวเฉียดตอนบ่ายสองพอดี ฉันเลยอาสาจะไปส่งคุณอาคิมิด้วยตัวเองถึงที่บ้าน วันนี้ไม่มีใครอยู่เลย ท่านพ่อกับท่านแม่ไปเกียวโตเพื่อพบญาติเหมือนทุกปี แต่ท่านพี่ไปทริปเที่ยวยุโรปกับท่านอิมาริ ท่านพี่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อน ผ่อนคลายจากงานที่ยุ่งๆมาทั้งปีก็ดีแล้วล่ะเน้อ
จะให้ทิ้งคุณอาคิมินั่งคนเดียวในห้องรับแขกก็กระไรอยู่ ฉันเลยพามารอในห้องส่วนตัว ให้คุณเมดยกชาสมุนไพรมาให้ดื่มรอฆ่าเวลา คุณอาคิมิดูตื่นเต้นกับเตียงนอนสี่เสาแบบเจ้าหญิงของฉัน เอ่ยปากชมว่าห้องสวยเหมือนในนิทานภาพที่เคยอ่าน...แหม ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกนะคะ
ฉันรีบแต่งตัวและแต่งหน้าให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับอะไรก็เลือกไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เหลือแค่แต่งหน้าเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย หมุนตัวเช็คความเรียบร้อยอีกนิดก็ได้เวลาออกจากบ้าน
เวลาที่นัดกับเอ็นโจไว้คือตอนหกโมงเย็น ไปส่งคุณอาคิมิแล้วก็เผื่อรถติดนิดหน่อยก็ทันเวลาถมถืด
มาถึงคฤหาสน์เอ็นโจในเวลาเร็วกว่ากำหนดเล็กน้อย คนที่ออกมารับคือเอ็นโจที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวมีแจ็คเก็ตสีครีมสวมทับ เข้ากับกางเกงสีกรมท่าที่ใส่อยู่ อยู่ในลุคสบายๆเพิ่งออกจากโรงพยาบาลก็ยังดูดีอยู่เหรอยะ
“เอ่อ สวัสดีค่ะ ท่านเอ็นโจ”
“ยินดีต้อนรับครับ เรย์กะ” เอ็นโจยิ้มอบอุ่น “วันนี้ก็ใส่สีขาวล้วนเหรอ น่ารักเหมือนคุณกระต่ายเลยนะ”
ฉันหัวใจกระตุกวูบกับคำชม หนอย เจ้าคนจากหมู่บ้านคาสโนว่านี่มัน….
พอฉันหน้าบึ้งใส่ เอ็นโจก็ยิ้มตอบกลับมา พร้อมกับสายตาที่ทำให้รู้สึกหน้าร้อนวูบจนต้องมองไปทางอื่น เป็นช่องให้หมอนี่เข้าประชิดตัวฉัน ฉวยสัมภาระที่ถืออยู่มาถือให้ แล้วก็จูงมือฉันเข้าบ้าน
อะ...อะไรยะ ยังไม่ทันจะอนุญาตให้จับมือเลยนะ
-----------------------
ส่งต่อจ้า
ที่กูอยากเขียนคือสูตรทำอาหารอันเตลิดเปิดเปิงของนางนี่ล่ะ แต่เขียนออกมารู้สึกจะได้ไม่เท่าอฟช. กูไม่สามารถคิดสูตรที่มันมิราเคิลไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว ต้องกราบขออภัยเพื่อนโม่งทุกท่านด้วย 5555555555555555555555
ฟิคมีแต่เอ็นโจ แต่ไลน์หลักทำไมกูคิดว่าเรือล่มแหงว่ะ... แต่คาบุรากิก็ไม่มีวี่แววจะเรือรอด สงสัยคานทองนิเวศน์ของจริง
กรี้ดดดดดดโม่งพระผู้มาโปรด มีผู้ตาต่อฟิคเวียนในตำนานแล้ว ดีใจจริมๆเอื้อสสสส์ #นอนตัย
>>840-841 ขอบคุณที่มาต่อค่ะ มึงทำกูใจบาง ฮือออออ ท่านเอ็นโจต้องอยู่ในโรงพยาบาลนานเหลือเกินค่ะกว่าจะมีคนมาไถ่ตัวออกไป แต่กูว่าถ้าแดกแกงกระหรี่สุดบรรเจิดนั่นเดี๋ยวก็ได้กลับเข้าไปนอนร.พ.เพราะอาหารเป็นพิษแน่เลยว่ะ คราวนี้มียูกิโนะเข้าไปนอนเป็นเพื่อนด้วย
แล้วก็ใช้เรื่องนี้ขู่ให้เจ้าแม่แต่งงานด้วยความรู้สึกต้องรับผิดชอบไปตลอดชีวิตเลยก็ได้นะ ถถถถถถ
บทสนทนาระหว่างนูกิโนะและท่านพี่
“ท่านพี่ฮะ ท่านพี่เป็นอะไรกับคุณพี่เรย์กะฮะ?”
“เอ๋ เป็นเพื่อนไงล่ะ”
“ผมชอบคุณพี่เรย์กะฮะ ผมอยากให้คุณพี่เรย์กะมาเป็นพี่สาวผมอีกคน”
“ยังไงกันน้า...อาจจะลำบากหน่อยล่ะนะ”
“ผมให้เวลาท่านพี่นะฮะ...ถ้าอีกสิบปีคุณพี่เรย์กะยังไม่มีใคร ไม่ได้คบกับท่านพี่ ผมจะขอไว้เองนะ”
“เฮ้ เดี๋ยวสิยูกิโนะ!”
“ถ้าเป็นตอนนี้ ผมจะยอมเป็นน้องชายที่แสนดีนะฮะ แต่ถ้าผมโตกว่านี้ ผมไม่ยอมท่านพี่หรอก”
//เบื้องหลังการรุกหนักของจอมมาร
>>851 เพลงนี้55555 ขอสารภาพบาปว่าเป็นปีเลยที่คิดว่าเนื้อมันคือ …เมื่อไหร่*น้อง*ฉันจะได้เป็นแฟนของเธอ… คือไม่เคยไปเปิดเนื้อดูเลย แล้วก็แบบงง อะไรของเนื้อเพลงมัน ทำไมเป็นแฟนพี่ละน้องต้องรอน้องมาเป็นแฟนด้วยอีกอะ ผู้หญิงคนนี้มันทำไม จนแบบสิบปีต่อมาถึงได้บางอ้อว่า เออ ไม่ใช่ หนอต่างหาก ตอนเด็กๆนี่จำมั่วจริงๆ
ความจริงแล้วอยู่บนเรือเอ็นโจ(ยูกิโนะ)ต่างหากค่ะ อีตาชูสุเกะผู้ขมขื่นอะไรเนี่ย หลบไปไกลๆ//ขยับเรือคุกอย่างกล้าหาญ แค่กๆๆ ก็สาววัยรุ่นตอนปลาย(?)วัยเลขสามบนคานกับเจ้าชายของแผนกม.ปลาย มันน่ารักงุงิดีนี่นา (ขออภัยท่านเรย์กะ แต่เปอติต์นี่อนุบาลซัก
ขอเรือไซซายะบ้าง
>>855 แต่กูล่ะยอมใจแกจริงๆเลย ประเด็นเล็กๆน้อยๆแกหยอดทิ้งไว้นานมากจนคนอ่านลืมไปแล้ว แกยังเก็บเอามาใช้ต่อได้อีก อย่างคุณโมชิดะที่เรย์กะช่วยไว้แล้วหายไป ยังกลายมาเป็นกุญแจที่ช่วยยามคับขัน หรือคุณอิโคมะที่โผล่มาแค่ปลาบปลื้มและแข่งวิ่งสามขาด้วยกันยังกลายมาเป็นปมหลักของเรื่องได้ กูว่าทุกอย่างที่ใส่มามีความหมายว่ะ ไม่งั้นไม่ทิ้งปมไว้ยาวขนาดนั้นหรอก ถึงจะอืดเอื่อยเป็นนิยายชิมอาหารแต่ก็มีโครงเรื่องหลักเหมือนกัน คือการไดเอ็ทนั่นเอง//ผิดๆๆๆ
>>856 กูแอบเชียร์คาบุอยู่ในใจนะ//มายกมือ แค่ไม่มีคนหวีดด้วยเท่าไหร่เลยเงียบๆ55555 จริงๆถ้าตัดวาคาบะออกไป(ไม่คยมีมุมมองทั้งคู่อยู่ด้วยกัน ตัดสินอะไรไม่ได้ทั้งนั้น มองผ่านฟิลเตอร์ท่านเรย์กะ คาบุทำอะไรก็ดูซื่อบื้อไปหมดเลยจริงๆ ฟฟฟฟ) คาบุกับเรย์กะก็ค่อนข้างเข้ากันได้ดีมาก ประมาณว่าถ้าโดนปฏิเสธก็มีโอกาสแวบมาหาท่านเรย์กะได้ แต่จะลงเอยกันจริงจังก็คงต้องรอตอนชอบกันหน่อยๆ ก็ดูไม่ใช่คนที่จะยอมแต่งงานการเมืองละนะ เป็นชนเผ่าบูชาความรักอันร้อนแรง…
>>858 โอ้ยยย กุกะเรือคาบุ เวลาสองนางอยู่ด้วยกันมันฮา มันรู้ทันกันไปหมดอ่ะ เรย์กะทำเหมือนกลัว แต่จริงๆรับมือคาบุได้หมด ส่วนคาบุเองก็กล้าจี้จุดข้อเสียต่างๆของเจ้าแม่ เอาจริงๆกุว่าคาบุก็ถูกใจเรย์กะไม่น้อยนะ แต่ปัญหาคือ กุยังมองไม่ออกว่ามันจะเลิกชอบวาคาบะได้ยังไง คนที่มุ่งมั่นรักจริงขนาดนั้น คงไม่ตัดใจง่ายๆ เลยเปลี่ยนมาหวีดเรืออื่นแทนบ้างเป็นครั้งคราว 555
ถึงจะลงเรือเอ็นโจแต่กูก็ชอบโมเมนต์ที่คาบุกับเรย์กะอยู่ด้วยกันนะเว้ย ปากเจ้าแม่บอกกลัวๆ แต่เถียงกลับฉอดๆ กูว่าคาบุจริงๆ ก็ประทับใจเจ้าแม่หลายอย่างแล้ว ทั้งช็อกโกแลตที่เจ้าแม่เลือก แฮนด์ครีมที่เจ้าแม่ใช้ ขนาดห่วงกลที่เลือกมาให้ยูกิโนะยังถูกใจ แต่คาบุยังเห็นแต่ภาพพจน์ภายนอกที่เป็นความไม่เอาไหน ความขี้เกียจ ความฟุ้งซ่านของนาง ถ้าคาบุรู้เมื่อไหร่ว่าตัวจริงนางคือโคโระจังที่คอยช่วยโคโระจังลับหลังมาตลอด ความรู้สึกดีๆ อาจพุ่งขึ้นจนเขื่อนแตกเลยก็ได้ใครจะไปรู้ กูจะรอคอยวันนั้นนะคะ เจ้าแม่จะได้เอาคืนที่โดนเรียกว่ายัยขาหมู สัตว์กีบคู่บ้าง ถถถถถถถถถ
>>860 บวกกกก คือคาบุจะเลิกชอบได้ก็คือโดนปฏิเสธอย่างจริงจังมาแบบยูริเอะ แต่ยังไม่เห็นทีท่าว่าวาคาบะจังจะปฏิเสธเลยอะ แล้วตามที่คาบุทำจริงๆก็ดูไม่น่าต่างกับในมังงะขนาดนั้น ต้องดูว่าการที่เรย์กะไม่แกล้ง+มาเป็นเพื่อนจะส่งผลต่อความชอบคาบุในวาคาบะมั้ย
เอาจริงๆเวลาวาคาบะพูดถึงคาบุ ไม่เห็นจะมีมุมเขินๆเลย อาจจะเพื่อนเฉยๆก็ได้ เอ๊ะ แต่คนที่รู้ว่าคนที่แอบช่วยเอาระเบียบรรมาให้เป็นท่านเรย์กะก็ควรจะรู้ความรู้สึกของคาบุนะ อืมมม/อยากอ่านฟิคโว้ยยยยย
>>865 เอาจริงๆวาคาบะนางก็เขินนะตอนหนุ่มเขาชวนเที่ยวตอนไปทัศนศึกษาเมืองนอก หรือบอกจะปกป้องตอนถูกท่านโยโกะมาด่าถึงที่ ตอนเขาชวนไปเดทนางยังเปลี่ยนทรงผมเลย วาคาบะนางฉลาดจะตาย แถมเขาแสดงออกโต้งๆว่ามาจีบ ถ้าไม่เล่นด้วยคงปฏิเสธไปนานละ ไม่ได้เอ๋อๆไม่รู้ตัวว่าโดนจีบอยู่แบบที่เรย์กะคิด
เดือนมิถุนาที่เงียบเหงา
จะว่าไปเดือนมิถุนาเป็นเดือนแห่งการแต่งงานนี่ มีใครอยากแต่งกาวธีมงานแต่งงานมาใหม่มั้ย กูรอเสพค่ะ---
>>865 ไม่รู้สิ แต่กูก็คิดว่าถ้าวาคาบะคิดแค่เพื่อนคงไม่ยอมไปไหนสองต่อสองในที่ที่มันโรแมนติคแบบล่องเรือดูดอกไม้ไฟหรือทำข้าวกล่องไปให้หรอก ถึงจะบอกว่าทำให้น้องกับที่บ้านอยู่แล้ว แต่ยังไงๆคนที่ต้องแบกไปให้กินก็ตัววาคาบะอยู่ดี แถมยังต้องขึ้นรถไฟไม่ได้มีรถรับส่งแบบคนอื่นๆในเรื่อง ลำบากไปอีก ถ้าไม่ใช่คนดีเว่อร์ๆขนาดนั้นก็ต้องคิดอะไรมากกว่าเพื่อนแน่นอน แต่จากเรื่องราวที่ผ่านมาเราก็ได้เห็นว่าวาคาบะจริงๆก็ไม่ใช่คนดีประเสริฐแม่พระผู้ให้อภัยอะไร มีด้านดำมืดเหมือนกัน
อย่างตอนแบ่งซอสมะเขือเทศกันกินกูคิดว่านางอ่อยอยู่ด้วยซ้ำ ขนาดเอ็นโจที่เพิ่งเข้าครั้งแรกยังเรียกพนักงานเอามาให้ได้เลย แล้ววาคาบะที่เข้าร้านแมคมาไม่รู้กี่ครั้งในชีวิต แค่ลืมขอซอสจะเดินไปขอแป๊บเดียวก็ได้ แต่ที่ไม่ทำคงเพราะไม่อยากหักหน้าหรือปฏิเสธความกระตือรือร้นของคาบุ คงคิดว่าฮีน่ารักด้วยล่ะถึงยอมนั่งกินด้วยกัน การวางตัวของนางนับว่าฉลาดจิตาย รู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ อย่างเรย์กะไม่อยากให้ใครรู้ว่าช่วยอยู่ นางก็ไม่พูด บ่ายเบี่ยงไปเรื่องอื่นแทน หรือตอนเที่ยวกับคาบุแล้วมีคนเห็น นางก็บอกบังเอิญเจอกัน ที่เห็นบอกเอ๋อๆไม่รู้เรื่องรู้ราวนี่เพราะฟิลเตอร์สาวซุยรันทั้งหลายรึเปล่า
>>870 กูว่าบางจุดนางก็เอ๋อจริงนะ อย่างตอนโดนรุมด่าอยู่ตรงทางเดินแล้วท่านเรย์กะไปช่วย นางยังเอากล่องดินสอขึ้นมาเขย่าๆ ทำดนตรีประกอบอยู่เลย แต่โดยรวมๆ คือเป็นคนฉลาดรู้จังหวะอยู่แหละ คาบุมันก็ทำอะไรโจ่งแจ้งซะขนาดนั้น ถ้ามาชวนไปล่องเรือดูดอกไม้ไฟกันสองต่อสองนี่คิดยังไงก็เกินเพื่อนแน่ๆ ล่ะ กูให้ 90% คือนางมีใจไปแล้วนะ
จักรพรรดิที่เอ๋อ ๆ ก็แค่เอ๋อเรื่องสามัญชนกับขาดความละเอียดอ่อนกับสาวทั่วไปเฉย ๆ ด้านอื่นฉลาดเลยนะ กระทั้งตอนที่รุ่นน้องก่อเรื่องก้มหัวขอโทษเองก่อนเนี่ย เรียกว่ารู้จักกาลเทศะมาก คนอีโก้เยอะปกติไม่ทำหรอก นี่ฉลาดใช้ได้เลยล่ะถึงจัดการได้ดีแบบนั้น เพราะงั้นไอ้เรื่องเอ๋อ ๆ ของวาคาบะมันก็คงไม่ได้อ่อยไรลึกมากแบบวางแผนตกหรอก แต่ฉากเขย่ากล่องดินสอนึกทีไรยังฮาดีจริง ๆ
>>874 กูว่าคาบุก็บริหารจัดการอะไรได้ดีนะ อย่างเรื่องงานกีฬาคนนอกมองว่าฮีทำให้ห้องสามัคคี แถมมาช่วยซ้อม ช่วยดูแลอะไรแบบที่คนระดับนี้ไม่น่าจะลดตัวลงมาทำ แต่เรย์กะก็มองในแง่ลบเป็นบ้าแข่งขี่ม้าส่งเมืองไปซะได้ วาคาบะที่บอกเอ๋อๆเพี้ยนๆ ก็มองผ่านฟิลเตอร์ แต่ที่เป็นคนเอ๋อๆเพี้ยนๆตัวจริงคือเรย์กะต่างหาก 555555
>>870 ขอโทษนะ…แต่ขออนุญาตขำตรงอ่อยด้วยซอสมะเขือเทศ555555 เราไม่รู้ธรรมเนียมญี่ปุ่น คนคิดก็คงจะคิดแหละมั้ง แต่คนไม่คิดก็คงจะไม่คิดเลย
ไม่เข้าใจระบบความคิดวาคาบะจังเท่าไหร่ เราว่าสามัญสำนึกคนทั่วไปของวาคาบะจังก็เหมือนนางเอกโชโจทั่วๆไปอยู่หน่อยนึง ความเอ๋อๆอย่างการตามผีเสื้อไปอีกเมืองเกิดขึ้นตอนเด็ก แต่บอกได้ว่า เป็นคนค่อนข้างโฟกัสกับเป้าหมายแบบไม่ค่อยสนใจสิ่งรอบข้างเท่าไหร่ เขย่ากล่องดินสอดูเป็นอะไรที่…ทำไปทำไมนะ แปลกๆดี ไม่รู้อารมณ์ไหนของนาง แต่ก็ด้านอื่นค่อนข้างฉลาด เหมือนบนๆว่าแหละ ปิดความลับให้ท่านเรย์กะ รู้จักใช้คำหลบเลี่ยง
>>875 คาบุจริงๆ ก็เป็นผู้นำที่ดีเลยแหละ ตอนงานเทศกาลโรงเรียนก็ทำห้องผีสิงจนคนขวัญผวา แถมยังไปกินเลี้ยงกับที่ห้องด้วย ถึงจะบ่นรำคาญๆ พวกผู้หญิงก็เหอะ กับพวกรุ่นน้องก็ดูแลใกล้ชิด ถึงขนาดจะไปหาหมอฉี่เป็นเลือดด้วยกันเลยนะเว้ย 555555
คนที่เดาใจไม่ออกที่สุดก็น่าจะเป็นวาคาบะนี่แหละ ไม่รู้ไม่คิดอะไรเลยหรือคิดลึกซึ้งสุดๆ แบบยากแท้หยั่งถึง
>>876 แต่ตอนซอสมะเขือเทศ จะว่าอ่อยก็ไม่เชิงนะ กูอยากเรียกว่ามารยาหญิงแบบน่ารักๆพองามมากกว่า มาแนวๆแกล้งโง่เพื่อให้อีกฝ่ายดีใจหรือภูมิใจในตัวเองน่ะ ถ้าคาบุอยากโชว์แมนโชว์ป๋าก็ยอมปล่อยให้ผู้ชายเป็นฝ่ายนำ ฉลาดวางตัว มีลูกล่อลูกชนด้วย ได้มาก็ให้กลับคืนไปบ้าง เขาจะได้ไม่คิดว่าโดนเอาเปรียบหรือเป็นคนเอาแต่ได้ อย่างแบ่งลูกอมหรือกับข้าวให้ ตอนเที่ยวงานเทศกาลก็พาทัวร์ ซื้อของที่ระลึกด้วยกัน ซื้อกระดิ่งลมให้ ถ้าเป็นการอ่อยก็อยู่ในระดับพอดีไม่น่าเกลียดนะ กูยังเคยอ่อยคนที่กูแอบชอบเลย วิธีก็คล้ายๆกันนี่ล่ะ 5555555555555
เราว่าวาคาบะก็ชอบคาบุนั่นแหละ เหลือแต่ให้คาบุขอเป็นแฟนอย่างเป็นทางการ....//เหม่อมองเครื่องบินพ่นควันหลากสี วงออเครสต้า
>>879 มองในแง่นี้ก็ถือว่าคาบุมันพัฒนาขึ้นมากเหมือนกันนะ ตอนไปงานนิทรรศการไดโนเสาร์ยังเป็นของที่ระลึกแบบคิดเองเออเองอยู่ข้างเดียวเลย พอไปงานเทศกาลก็ได้กระดิ่งลม ได้ดอกอาซากาโอะกลับมาปลูกด้วยกันคนละกระถางแล้ว กูว่านี่หวานสุดๆ ล่ะ เมื่อเทียบกับเจ้าแม่ที่ถ่อขึ้นรถไฟไปเที่ยวซื้อขนมกลับมาอย่างเดียวดาย....
>>881 ตามอฟช.เดิม ฮีจะไปสารภาพรักกลางสี่แยกนี่นา กูล่ะนึกภาพความเว่อร์วังประมาณขึ้นอักษรหน้าจอ LCD บนตึกทุกตึกย่านชินจูกุว่า "ฉันชอบเธอ" ตอนวาคาบะเดินข้ามถนนยังไงไม่รู้ดิ 555555555555555555555555
>>883 กูคิดว่าตอนงานไดโนเสาร์นางแกล้งคาบุนะ ประมาณว่ามาเดทกันสองต่อสอง แต่ไอ้หนุ่มดันซื่อบื้อลากคนนอกมาด้วยแบบไม่ได้ตั้งใจเลยแกล้งซักหน่อย เพราะฟังจากที่เล่านางดูเมินๆคาบุไปสนใจภัณฑารักษ์กับผอ.ที่ตามมาเป็นขบวนเสด็จ แถมยังไม่ยอมให้ออกตังให้ด้วย ให้คาบุมันเหี่ยวๆไป แต่พอไปกันสองคนที่อควอเรียมก็ดูหวานแหววกันดีจะตาย อย่างนับปลาด้วยกัน หรือดูโชว์แมวน้ำทำนองนั้น
ถ้าตอนจบเป็นเทวดาน้อยบอกเจ้าแม่ว่ารอผมบรรลุนิติภาวะก่อนนะฮะ ผมจะขอพี่เรย์กะเป็นเจ้าสาว กูฟินกว่าเรือจอมมารอีก
/กินเด็กมันดีต่อใจ
>>884 …อฟชเดิม เอ็นโจไม่กล้าปล่อยให้มาซายะทำได้หรอกมั้ง แอลซีดีเนี่ย คุณพ่อคุณแม่จะรู้หมดเลยด้วยนะ ความเว่อร์แบบนี้ไม่น่าพ้นหูพ้นตา แต่สารภาพกลางสี่แยก… ไม่หรอกอาจจะตะโกนอยู่บนรถลีมูซีนใส่วาคาบะที่ขี่จักรยานอยู่ วาคาบะ ฉันชอบเธอ!! แบบนี่ก็ได้//นึกถึงเพลง กรุณาฟังๆฉันให้จบ จบ จบ…
คาบุเรย์กะดูเข้ากันมาก อยากรู้เหมือนกันว่าคาบุจะเลิกชอบวาคาบะจีงได้ยังไง ฮีอาจจะเดทๆไปแล้วเบื่อ หรือพบว่ามีแง่มุมปรัชญาชีวิต บางอย่างที่เข้ากันไม่ได้ เช่นบ้านคาบุเลือกพรรคอนุรักษ์นิยม บ้านวาคาบะจังสนับสนุนพรรคเลเบอร์ ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมรอมชอมกันไรงี้
จะ900แล้ว เสนอชื่อมู้ต่อไปมั้ยมึง
>>892 น่าจะโดนฮารุฮิมองด้วยสายตาปลาตาย แล้วเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว
บ้าจริง ถ้าคาบุทำจริงๆละก็/ปิดหน้า/ วาคาบะจังไม่รู้จะตอบยังไงนะ55555 แต่ท่านเรย์กะต้องขีดฆ่ารายชื่อออกจากหมู่บ้านคานทองอย่างเกรี้ยวกราดแน่ๆ อย่าไปบอกใครว่าฉันเคยเป็นที่ปรึกษานะ—บอกกี่รอบแล้วว่าอย่าทำ
อะไรที่ทำให้ผู้ชายคิดว่าสารภาพรักสาวเว่อร์วังแล้วสาวจะชอบวะ.. กูไม่เข้าใจความคิดคาบุเลย
>>894 แสดงความรักในใจฉันมั้ง จะไปพูดแค่สองคนว่าฉันรักเธอก็จะดูไม่สมเกียรติ์และศักดิ์ศรีอันยิ่งใหญ่ของตระกูลคาบุรากิ อีกอย่างก็เดี๋ยวเขาจะไม่เชื่อว่าเรารักจริง พูดแค่เล็กๆเบาๆเขาจะคิดว่าความรักเธอบอกว่ารักฉันมันนิดเดียวเองเหรอ แบบตอนที่ฮีจะส่งดอกไม้ช่อบิ๊กเบิ้มไปง้อยูริเอะน่ะ
นี่ไง งานดอกไม้ไฟที่กำลังจะถึง บนเรือส่วนตัวบรรยากาศดีสุดๆ พอคาบุกำลังจะสารภาพรักก็.....เฟี้ยววววววว ตู้ม ปุปุปุ เมื่อกี้คาบุรากิคุงว่าอะไรนะจ๊ะ//วงวารสไตล์โชวโจ
กรูเห็นแฟนอาร์ตตอน 224 ที่ไปซื้อของฝาก เลยย้อนกลับไปอ่าน อร๊าาาาาากกกกกกก อ่านไปกรูก็ยกมือปิดปากกรี๊ดไป ทำไมตอนนี้มันช่างมุ๊งมิ๊งอะไรอย่างงี้นะ รอยยิ้มมีนัยของเอ็นโจตอนที่เจ้าแม่บอกเลือกของฝากไปให้ปู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ท่านพี่นั้น กรูรู้สึกว่า เอ็นโจ นายนี่มันจอมมารจริง ๆ แล้วยังเรียนเจ้าแม่ว่าองค์หญิงต่อหน้าคนอื่นอีก โอย นี่ถ้าไม่มีคนเอาไปเมาท์ต่อ ไม่ใช่ซุยรันละ อ่านไปน้ำตาจะไหลไป ไหนล่ะตอน 300 ไหนล่ะตอนไปเดท กลับมาเถิดท่านฮิ ฮืออออ
แล้วพอมาอ่านตอน 225 มีตอนที่คาบุไปร้านจิล แล้วเอ็นโจไปด้วย เจ้าแม่ก็คิดว่า ไปซื้อแหวนหมั้นมั๊ง กรูแอบรู้สึกในใจว่า นี่เจ้าแม่แดกไหน้ำส้มเหรอคะ โอย คือดี (กรูมโนมาก) แล้วกรูก็คิดว่า เฮ้ย แล้วถ้าเอ็นโจแอบไปซื้อจิลมาจริง ๆ แล้วมาให้เจ้าแม่ตอนที่ไปเดทกัน แนวว่าเป็นของตอบแทนที่ออกมาเที่ยวกับยูกิโนะ (อันนี้คือมโนขั้นเทพ แดกกาวครึ่งกระป๋อง) คงจะฟินมาก
มุมมองของยูกิโนะ
Note: ฟิคนี้มีกลิ่นอายโชตะ ผู้ที่ไม่นิยมควรข้ามไป
นุ่มนิ่มและหอมหวาน คุณพี่เรย์กะมักจะให้ความรู้สึกแบบนั้นเสมอ
“ถ้าเอามือทำเป็นวง ๆ แบบนี้ ก็จะสามารถเป่าลูกโป่งได้ด้วยล่ะ พี่ชอบเล่นมาก ๆ เลย เวลาที่แช่ฟองสบู่”
“งั้นคุณพี่เรย์กะสอนผมหน่อยนะฮะ นะ” ผมเขยิบเข้าประชิด ดึงชายเสื้อแล้วใช้สายตาที่ท่านแม่บอกว่า ‘ใคร ๆ ก็ปฏิเสธไม่ได้’ อ้อนคุณพี่เรย์กะ “ให้ผมอาบน้ำด้วยนะฮะ”
ดวงตากลมโตของคุณพี่เรย์กะเบิกกว้าง ก่อนจะอ่อนลงเมื่อเห็นสายตาอ้อนวอนของผม
เธอมักจะใจอ่อนกับเด็ก
ไม่สิ ถ้าพูดให้ถูก เธอใจอ่อนกับผมเป็นพิเศษ
สิทธิพิเศษหนึ่งเดียวที่ผม เอ็นโจ ยูกิโนะ ได้รับ แต่ท่านพี่ไม่เคยได้รับมัน ผมรู้ดี หัวใจพองโตทุกครั้งที่ทำตัวเอาแต่ใจกับเธอ และเธอก็ยอมตามใจผม เหมือนอย่างที่เมื่อตอนหัวค่ำ ผมดื้อดึงจะค้างบ้านคุณพี่เรย์กะเหมือนอย่างที่มาโอะเคยค้าง ท่านพี่ได้แต่ทำหน้าลำบากใจที่ผมไม่ยอมกลับ เขาพูดดุหน่อย ๆ สุดท้ายเมื่อผมไม่ยอมลง ก็ได้แต่ฝากฝังผมเอาไว้คืนหนึ่ง
แม้ว่าผมจะรักท่านพี่มากที่สุด แต่ลึก ๆ แล้วก็อดตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาไม่ได้ เพราะเขาเลือกผู้หญิงคนนั้นที่ท่านพ่อท่านแม่ชอบ แต่ผมและเขาไม่ชอบ ผมมองท่านพี่แล้วยิ้มหวาน ครึ่งหนึ่งสมน้ำหน้าที่ผมทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการในขณะที่เขาทำไม่ได้ ครึ่งหนึ่งสะใจที่ได้แก้แค้นตอนที่เขาให้ผมกลับบ้านพร้อมกับเขาไปเจอผู้หญิงคนนั้นแทนที่จะได้อยู่กับคุณพี่เรย์กะ
ห้องอาบน้ำของคุณพี่เรย์กะก็เหมือนกับห้องนอนและบุคลิกเจ้าหญิงของเธอ ทุกตารางนิ้วสวยงามหรูหรา ภายในห้องอาบน้ำกว้างขวาง ห้องทั้งห้องหอมด้วยกลิ่นกุหลาบ แยกเป็นส่วนแห้งที่ปูพรมสีครีมนุ่มนิ่ม มีโต๊ะแต่งหน้าและเก้าอี้นั่งนุ่มสบาย ด้านในส่วนเปียกมีอ่างอาบน้ำสีขาวขาตั้งแกะลายสลักสีทอง ของประดับสวยน่ารักน่าตื่นตา ผิดกับห้องของผมหรือห้องของท่านพี่มาก
ผมมองคุณพี่เรย์กะที่ค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าออก แล้วเปรียบเทียบกับท่านแม่ที่เคยอาบน้ำด้วยตอนที่ยังเด็กมาก ๆ ร่างกายของคุณพี่เรย์กะดูนุ่มนิ่มกว่าท่านแม่ ผิวอมเลือดฝาดดูสุขภาพดี คุณพี่เรย์กะช้อนเส้นผมม้วนเกลียวเหมือนเจ้าหญิง แล้วคาดด้วยผ้าขนหนูคาดผมรูปโบว์สีชมพู ก่อนที่พวกเราจะปีนเข้าไปในอ่างอาบน้ำด้วยกัน
น้ำในอ่างอุ่นจัด คุณพี่เรย์กะหยิบลูกบอลสีชมพูอ่อน ๆ ออกมาบีบใต้น้ำ แม้ว่าจะตื่นเต้นที่ได้เล่นฟองสบู่ แต่เมื่อร่างเปลือยที่ปกติผมไม่เคยได้เห็นของเธอถูกฟองสีขาวซึ่งแผ่ไปทั่วผิวน้ำบดบัง ผมก็แอบเสียดายไม่ได้
เป็นครั้งแรกที่ผมได้เล่นในห้องอาบน้ำ โดยปกติแล้วคุณพี่เลี้ยงจะเร่งให้ผมอาบน้ำเร็ว ๆ เพราะกลัวจะไม่สบาย พวกเราเล่นฟองสบู่กันอย่างสนุกสนาน คุณพี่เรย์กะสอนผมทำนิ้วเป็นกลม ๆ แล้วเป่าฟอง พวกเราเล่นกันอยู่นานจนฟองบนผิวน้ำจางหาย คุณพี่เรย์กะก็ชวนให้ผมอาบน้ำเข้านอน เธอช่วยผมขัดหลังด้วยผ้านุ่ม ๆ ผมเลยอาสาช่วยเธอขัดหลังเช่นกัน
ผิวของคุณพี่เรย์กะเป็นสีชมพูเพราะแช่น้ำอุ่นอยู่นาน มันเรียบลื่นเหมือนเยลลี่ และยิ่งลื่นเข้าไปใหญ่เมื่อฟอกสบู่ เนื้อตัวนุ่มนิ่มขาวโพลน ทั้งลำคอ ไหล่ แผ่นหลัง ช่วงเอว และสะโพกที่ผายออกเป็นส่วนโค้งเว้า เธอหัวเราะคิกคักเมื่อมือของผมลูบถูกเอว ผมแปลกใจที่เธอบ้าจี้ เลยอยากทดลองดูว่าจะเป็นเหมือนยูริคุงรึเปล่า จึงลูบตรงเอวอีกครั้ง คราวนี้เธออุทานออกมาแล้วบิดตัวหนี อาจจะเพราะว่าผมนิสัยไม่ดี เมื่อเห็นเธอทำท่าแบบนั้นจึงลงมือจั๊กจี้จริงจัง คุณพี่เรย์กะอุทานออกมาเสียงดังอย่างที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน
“ยูกิโนะคุง! อย่าแกล้งพี่สิ!”
คุณพี่เรย์กะหันมามองผม ดวงตากลมโตเหมือนจะต่อว่า แต่แทนที่ผมจะรู้สึกจ๋อยเหมือนทุกครั้งที่โดนผู้ใหญ่ดุ หัวใจของผมกลับเต้นแรงขึ้นมาอีกนิดจากปกติ ผมยิ้มหวานประจบด้วยรอยยิ้มที่ทำให้เธอใจอ่อนทุกครั้ง ก่อนจะเอียงคอขอโทษ บอกว่าผมไม่ได้ตั้งใจ
และเป็นเหมือนทุกครั้ง คุณพี่เรย์กะยกโทษให้ผม แล้วยอมให้ผมขัดหลังขาว ๆ ของเธอต่อ
หลังจากอาบน้ำเสร็จ พวกเราก็เปลี่ยนเป็นชุดนอน ผมใส่ชุดสมัยเด็กของท่านพี่ของคุณพี่เรย์กะ ส่วนคุณพี่เรย์กะใส่ชุดกระโปรงลายเถากุหลาบ พอพวกเราซุกตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม ผมก็เรียกร้องให้เธอเล่านิทานก่อนนอนให้ฟัง
แสงจากโคมไฟสีเหลืองส้มสลัวทำให้ร่างของคุณพี่เรย์กะให้ยิ่งนุ่มนวลลึกลับกว่าทุกครั้งที่เห็น ขนตายาวทอเงาบนแก้มเนียน ท่อนแขนที่วางอยู่เหนือผ้าห่มชวนลูบไล้สัมผัส ผ้าลูกไม้บริเวณคอชุดนอนที่เว้าต่ำทำให้เห็นหน้าอกอวบอิ่มใต้ชุดชั้นในสีขาว ริมฝีปากของเธอขยับน้อย ๆ เล่าตำนานเจ้าหญิงคางูยะให้ผมฟังด้วยน้ำเสียงแผ่วหวาน แสงกระทบบนความมันเงาของริมฝีปากที่ทาออยล์บำรุง ผมแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองที่เธอทาออยล์บำรุงให้เช่นกันก่อนเข้านอน มันมีรสหวาน ๆ ของวนิลลา
ผมขยับตัวเข้าใกล้ รับรู้ได้ถึงความร้อนของร่างกาย ปลายนิ้วใต้ผ้าห่มแตะถูกชุดนอนแบบเดรสตัวยาวที่ให้สัมผัสลื่นมือ จมูกได้กลิ่นหอมของสบู่และครีมบำรุงผิว เป็นกลิ่นที่คล้ายกุหลาบ วานิลลา และน้ำผึ้ง ราวกับขนมเค้กที่ที่หวานละมุน ต่างจากกลิ่นของท่านแม่ที่เหมือนดอกมะลิ แต่ก็ให้ความรู้สึกอยากแนบชิดเข้าใกล้เหมือนกัน
คุณพี่เรย์กะพลิกตัวลูบหัวผม นิ้วมือสางไปตามเส้นผมอย่างอ่อนโยน
“ราตรีสวัสดิ์ ยูกิโนะคุง”
ผมคิดว่าตัวเองอาจจะบอกราตรีสวัสดิ์กลับไป แต่จำไม่ได้เพราะรู้สึกง่วงเหลือเกิน จึงได้แต่ซุกหน้าลงกับไหล่ของคุณพี่เรย์กะ และหลับไปด้วยความสงสัยว่า ถ้าผมโตขึ้นเท่าท่านพี่ คุณพี่เรย์กะจะยอมให้ผมอาบน้ำแล้วเข้านอนกับเธออยู่อีกรึเปล่า
จบ
..............................
>>907 กูขอโทษที่กูมัวแต่นึกว่า น้องยูกิโนะจับไม่เจอห่วงยาง(?)รอบเอวเจ้าแม่เหรอจ้ะ//คาบุรากี๊ ต้องเป็นนายที่สาดเชื้อใส่ชั้นแน่ๆ นึกถึงตอนคาบุจับแขนย้วยๆของเจ้าแม่ตลอดเลยย
ถ้าเป็นคนพี่นี่คงโดนว่าไปละว่าชั่วร้ายแต่เด็กเลยนะ!! แต่น้องยูกิโนะก็เอาเป็นแค่แก่แดดไปหน่อยนะค้า~ ไว้พ้นวัยคุกก่อนเนอะ/สรุปน้องหรือเราที่หื่น น้องแค่ชอบผิวนุ่มๆลื่นๆขาวอมชมพูของคุณพี่เรย์กะกับเวลาซุกผ้าห่มด้วยกันเจ๋ยๆ น้องใสๆ*ฟิลเต้อหนาม้วก*
พวกมึงนี่... ความโรแมนติกโดขิๆ หายหดหมดกันพอดี มาห่วงยงห่วงยางอะไรกันว้า
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรัน ท่านฮิโยโกะซามะ...จะทิ้งให้เราลงแดงอย่างนี้จริงๆหรอ! < กรีดร้องครั้งที่26 >
กูขอเสนอ!
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับประกายแสงแห่งความหวัง งานดอกไม้ไฟมันก็ต้องหน้าร้อนสิ!!! [ระเบิดแห่งกาวครั้งที่ 26]
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับ6เดือนแห่งการรอคอย [ น้ำตาร่วงหยดที่ 26 ]
>>902 ใช่ กูล่ะแอบจิ้นเบาๆอยู่คนเดียวว่าหลังจากเรย์กะบอกจะซื้อของให้ชายอื่น ฮีรีบประกาศแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทันทีด้วยการเรียกเขาว่าองค์หญิง เพราะฉายาฮีก็องค์ชาย ทั้งที่จริงจะเสนอตัวรับใช้ก็พูดคุณหนูก็ได้ แถมยังเลือกกอล์ฟมาร์คเกอร์ให้ได้อย่างสบายใจ... เอ็งสบายใจคนเดียวอะเด่ะ 55555555555
เออๆๆ มีเม้นท์หนึ่งที่เสนอทฤษฎีเอ็นโจขาเจ็บปีที่ยูกิโนะเกิด กุก็เคยเขียนฟิคเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้(ประมาณ เหตุการณ์นี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกับยุยโกะด้วย) แต่กุทิ้งห่างไปนานมากจนกุลืมไปหมด ตอนนี้อ่านทวนยังไงกุก็คิดตอนจบไม่ออก โฮฮฮฮฮ ไฟกุมอดหมดแร้ว ช่วยด้วยยT_T
อะ งั้นกุอัพเดทเป็น
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับ7เดือนแห่งการรอคอย [ น้ำตาร่วง26ลิตร ]
ตอนแรกจะเอา7(+)เดือน แต่แม่งเป็นลาง เลยเอาแค่นี้ละกัน...
โลกของท่านเรย์กะที่หมุนไปด้วยอาหารซามะแต่ทั้งหมดคือดิ้นอยู่บนมือคานซามะสินะ
เจ้าแม่อาจจะคานนานหน่อยถ้าไม่ลงเรือใครในรุ่นนาง แต่นางโดนยูกิโนะคุงสอยแน่นอนตอนโตถ้ายังไม่แต่งออกน่ะนะ
>>931 มึงอย่าประมาทคำสาปคานทองของนาง เข้าใกล้ชายใด ถ้าไม่ถูกเฟรนด์โซน เขาก็มีหญิงในดวงใจอยู่ร่ำไป ยกเว้นคนนึงที่จะเป็นเพื่อนก็ยังเป็นไม่ได้เลย ผ่านมา 284 ตอน เจ้าแม่เพิ่งจะรู้สึกว่าเป็นเพื่อนสมัยเด็กกัน 555555555555555555 กูว่ายูกิโนะโตแล้วคงไม่แคล้วมีแฟนแหงๆ
>>934 ไม่อะ มาซายะตอนเด็กๆไปหายูริเอะไปรับส่งแทบทุกวัน หายใจเข้าออกเป็นยูริเอะ โดดเตะคนที่มาจีบยูริเอะ พร่ำเพ้อหายูริเอะๆๆ แต่ยูกิโนะระดับความสตอล์กเกอร์ยังไม่มากพอ ไม่ได้ตามมาเฝ้า ไม่ได้ไม่พอใจหึงหวงเวลาที่นางไปคุยกับใครที่ไม่ใช่ตัวเองด้วย แต่ไม่รู้พอโตแล้วน้องแกจะความรู้สึกเปลี่ยนไปมั้ย ก็รอดูกันไป
>>937 แต่น้องเขาถูกเลี้ยงมาในบ้านเอ็นโจนะ คิดสภาพเอ็นโจคนพี่อ้อน-น้องยูกิโนะดูจะเป็นธรรมชาติกว่าเยอะ//ไม่รู้เพราะป่วยบ่อย+ลูกคนเล็กด้วยรึเปล่า กูมองไม่เห็นความเอาแต่ใจของเอ็นโจเท่าไหร่เลยแม้แต่ตอนเด็กๆก็เหอะ(เพราะบทฮีน้อยซ้า-) โตมาก็ดูความยิ้มขมขื่นนู่นนี่นั่นแล้วดูเป็นคนยอมอดทน(แค่ก ย้ำว่ามากกว่าน้องยูกิโนะเฉยๆนะ ในด้านพวกความรับผิดชอบต่อตระกูลอะไรเงี้ย) การที่น้องโทรมาอ้อน ส่งโปสอะไรมาให้ท่านเรย์กะนี่ กูว่าแบบ เหย ถ้าเทียบกับนิสัยเอ็นโจคนพี่แล้วกูว่าก็ไม่ทำมะดาาา
แต่แบบกูไม่รู้ว่ะ นิสัยผู้ชายรอบตัวท่านเรย์กะ aka นายบ้าหมาและคาบุรากิ คือรัวส่งไดอารี่(?)อีเมล์มาหาท่านเรย์กะเช้าเย็น ท่านเรย์กะไม่น่าจะรู้สึกตัว+ฟิลเตอร์ท่านเรย์กะต่อน้องยูกิโนะหนามาก ถ้าสมมติน้องชอบจริงอะนะ ท่านเรย์กะไม่มีทางรู้แน่นอน รู้อีกทีคือเขามาเป็นส่วนนึงของชีวิตประจำวันไปแล้วงี้//จ้วงพาย ช่วงนี้มีฟิคน้องออกมา เรามีกำลังใจจจจ
แต่ในฐานะที่ก็พายเรือเอ็นโจคนพี่ด้วย ถ้ามั่นใจว่าชอบเรย์กะจริงๆคงจะเนียนเงียบๆ แต่ยากเพราะโดนระแวงจัด5555 แต่พอมั่นใจแล้วว่าท่านเรย์กะชอบน่าจะมีแรงต่อต้านคุณ”ว่าที่”คู่หมั้นอยู่นะ ทุกครั้งที่ท่านเรย์กะเผยไต๋ว่าแอบไม่ชอบใจเล็กๆเรื่องคุณยุยโกะเนี่ย เอ็นโจดูพูดมาก+ระริกระรี้ขึ้นมาสิบเปอร์55555
เดทในชุดนักเรียน
“งั้นไปดูด้วยกันก็ได้นะ คันตะคุง”
โคโรเน่บอกอย่างนั้นตอนที่เราชวนพี่ไปดูหนังที่รอมานานแสนนาน แต่พี่กลับบอกว่าดูกับคนอื่นไปแล้ว
พอโคโรเน่บอกแบบนั้น พี่ก็รีบปฏิเสธเพราะกลัวว่าเราจะเป็นภาระ (อะไรกัน ถ้าไปด้วยกัน ดูเหมือนคนที่เป็นภาระน่าจะเป็นโคโรเน่มากกว่านะ) โคโรเน่รีบบอกว่า วันก่อนได้ตั๋วฟรีมา ถ้าไม่ได้ไปดูก็จะหมดอายุ ดังนั้นจึงไม่ได้ลำบากอะไรเลย
เพราะอย่างนั้น เย็นวันศุกร์เราเลยนัดดูหนังกับโคโรเน่ที่ย่านการค้าใกล้โรงเรียนของเรา เพื่อนของเราพอรู้ว่าเราจะไปดูหนังกับสาวม.ปลายก็แซวเรากันใหญ่ หาว่าเราควงสาวที่โตกว่า เราเถียงว่าไม่ใช่ซักหน่อย โคโรเน่เป็นเพื่อนพี่ อีกอย่าง ถึงจะอายุมากกว่า แต่โคโรเน่ที่บ๊อง ๆ แบบนั้น ยังดูเด็กกว่าผู้หญิงบางคนในห้องของเราด้วยซ้ำ
โคโรเน่นั่งรอเราในร้านกาแฟที่ดูดีมีระดับ แม้ว่าจะไม่ได้นั่งติดกระจกด้านหน้า แต่เราก็เห็นได้ทันที โคโรเน่ในแบบฟอร์มนักเรียนซุยรันดูโดดเด่นมาก แต่ก็ไม่ได้ไม่เข้ากับร้านกาแฟหรู ๆ แบบนั้น เราต่างหากที่รู้สึกเขินตอนที่ต้องผลักประตูเข้าไปในที่แบบนั้น
ดวงตาของโคโรเน่เป็นประกายขึ้นมาทันทีที่เห็นเรา พอเรามาถึง ก็รีบดึงเราไปหน้าตู้ขนม แล้วก็ถามเราใหญ่ว่าอยากจะกินอะไร เราเห็นราคาขนมแล้วรู้สึกตกใจ ขนมที่นี่เป็นช็อคโกแล็ตชิ้นเล็ก ๆ มีหลากหลายรูปแบบ แค่ชิ้นเดียวก็ราคาแพงกว่าเค้กปอนด์ทั้งก้อนของบ้านเราแล้ว โคโรเน่บอกว่าเลี้ยงขอบคุณที่เราออกมาดูหนังเป็นเพื่อน แต่เราคิดว่าโคโรเน่หาเพื่อนมาช่วยกินมากกว่า เพราะเชียร์ให้เราสั่งขนมมาเยอะมาก ปากก็บอกว่า ตัวเองจะดื่มชาเฉย ๆ แต่ก็แบ่งของเราไปชิมตั้งเยอะ สรุปคือคนที่บอกว่าจะดื่มแค่ชากลับกินขนมที่สั่งมาให้เราไปเกือบครึ่ง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ นั่นแหล่ะว่าช็อคโกแล็ตพวกนี้อร่อยมาก และโคโรเน่ที่จ่ายเงินโดยไม่สะดุ้งสะเทือนซักนิดก็ทำให้เรารู้สึกว่า จริง ๆ แล้วโคโรเน่นี่เป็นคุณหนูนี่นา
หลังจากดื่มชากินขนมเสร็จ ทว่ายังไม่ถึงรอบฉายหนัง เรากับโคโรเน่ก็ออกไปเดินดูของ ไม่รู้ว่าเพราะผมม้วน ๆ ของโคโรเน่ หรือเครื่องแบบซุยรันกันแน่ แต่ทุกคนที่เดินผ่านต่างแอบมองโคโรเน่จนเหลียวหลัง โคโรเน่เองก็ดูเหมือนจะชินกับสายตาแบบนั้น ไม่ได้รู้สึกขัดเขินอะไร ยังชวนเราดูของไร้สาระไปเรื่อย ๆ
อันที่จริงเราก็พอรู้ล่ะนะว่าสาว ๆ น่ะชอบของชิ้นเล็ก ๆ น่ารัก เลยไม่ได้แปลกใจเลยตอนที่โคโรเน่ดูเครื่องประดับกระจุกกระจิก แต่นอกจากของพวกนั้นโคโรเน่ยังดูแผ่นแปะแก้ปวดด้วย ดูอย่างเดียวไม่พอ ยังแนะนำเราว่าแผ่นแปะอันไหนใช้ดี แผ่นแปะอันไหนร้อนทนนาน เดี๋ยวนะ ถึงเราจะไม่ได้อยู่ในวงโคจรของสาวม.ปลาย แต่ของแบบนี้มีแต่คนรุ่นแม่เท่านั้นแหล่ะที่ใช้ นี่เธอเป็นคุณหนูสาวม.ปลายจริง ๆ งั้นเหรอ โคโรเน่ นอกจากจะทำอาหารประหลาด ๆ แล้ว ยังใช้ของป้า ๆ อีก น่าขายหน้าชะมัด
พอถึงเวลาดูหนัง โคโรเน่ก็ซื้อป๊อปคอร์นกับน้ำอัดลมชุดใหญ่ บอกว่าซื้อไปเผื่อเราหิว แต่พอเอาเข้าจริงตัวเองก็จ้วงเอาจ้วงเอาจนป๊อปคอร์นหมดตั้งแต่กลางเรื่อง ไหนวันก่อนยังให้เราสอนทำวุ้นแคลอรี่ต่ำอยู่เลย ไม่รู้หรือไงว่าป๊อปคอร์นน่ะมันอ้วนขนาดไหน
พอดูหนังเสร็จ โคโรเน่ก็ชวนเรากินข้าว เดี๋ยวนะ ยังไม่อิ่มอีกเหรอ? ทำไมสาวม.ปลายถึงได้กินจุขนาดนี้นะ โคโรเน่ เธอเอาอาหารที่กินทั้งหมดไปเก็บไว้ไหนน่ะ คราวนี้เราอาสาจะเลี้ยงโคโรเน่เอง เพราะว่าโคโรเน่จ่ายทั้งค่าขนมทั้งตั๋วหนัง พอถามโคโรเน่ว่าอยากกินอะไร ก็ชวนเราไปกินราเม็งยืนกิน
ตอนแรกเรานึกว่าโคโรเน่ชวนเราไปกินร้านนั้น เพราะกลัวว่าเราจะไม่มีเงินจ่าย แต่ตอนที่เข้าแถวรอแล้วโคโรเน่บรรยายว่า ร้านนี้เป็นหนึ่งในสิบร้านราเม็งยืนกินที่ลงในนิตยสาร มีชิโอะราเม็งที่แสนจะโด่งดังได้อันดับสองปีซ้อน เราก็รู้สึกว่าอันที่จริงโคโรเน่แค่อยากกินเฉย ๆ ไม่ได้เกรงใจหรืออะไรทั้งนั้นแหล่ะ
กินราเม็งเสร็จฟ้าก็มืดตื๋อ ตอนเดินออกจากร้าน เราก็เห็นคุณคาบุรากิเดินคุยกับพี่ที่อีกฟากถนน แต่พอจะส่งเสียงทัก ก็ถูกตะครุบปากไว้ แล้วก็ถูกลากเข้าไปในร้านขายยาทันที
“ทำบ้าอะไรของเธอน่ะ โคโรเน่!” เราบ่นขึ้นมาเมื่อมือของโคโรโน่ชักกลับไป ปกติเห็นปวกเปียกเป็นพุดดิ้งน้ำเต้าหู้ แต่บทจะบ้าก็แรงเยอะยิ่งกว่าพี่ซะอีก
โคโรเน่ชะโงกมองกระจกร้าน เราชะโงกมองตาม เห็นพี่กับคุณคาบุรากิค่อย ๆ เดินห่างออกไป พอหันกลับมามอง ก็พบโคโรเน่ที่ถอนหายใจเฮือก ก่อนจะยิ้มหวาน
“วันนี้สนุกมากเลยค่ะ แต่คงต้องขอตัวกลับบ้านก่อน จะให้รถไปส่ง...” โคโรเน่ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะบอกต่อว่า “คันตะคุงกลับบ้านเองได้ใช่ไหมคะ?”
เราพยักหน้า อาสารอรถที่บ้านของโคโรเน่มารับ รถคันยาวเหมือนของคุณคาบุรากิ เท่ชะมัด พอโคโรเน่จะขึ้นรถ เราก็พึ่งนึกขึ้นมาได้
“วันเสาร์หน้าศาลเจ้าใกล้ ๆ บ้านจะจัดงานออกร้าน ถ้าว่างมา จะพาไปเลี้ยงทาโกะยากิร้านที่ชอบเป็นค่าตอบแทนที่เลี้ยงขนมวันนี้”
โคโรเน่ยิ้มจนตาหยี ก่อนจะตอบตกลง
จบ
ช่วงนี้เพิ่งอ่านท่านเรย์กะจบอีกรอบ เลยมาแบ่งปันพลังโชตะ เผื่อว่ารุ่นเดียวกันจะไปไม่รุ่ง ก็รอน้อง ๆ โตขึ้นมาสอยท่านเรย์กะลงจากคาน
เผื่อจะแต่งฟิคบ้างงน่ะนะะ คันตะตอนเรย์กะอยู่ม6นี่คืออายุเท่าไหร่เหรออ/เห็นกาวเยอะแล้วใจชื้น เราไม่ได้พายโชตะคนเดียววว
950 แล้ว โหวตชื่อใหม่ได้แล้วมั้ง
วันนี้กูมีโอกาสได้มานารา
กุเห็นภาพซ้อนทับคนแถวนี้กะท่านเรย์กะเลยว่ะ
คนหนึ่งคนมีกวางเกือบสิบตัวรุมทึ้ง
เกือบดดนชนล้มก็มี
>>954 กูเคยไปเที่ยว เห็นลูกกวางน่าร๊ากน่ารักเลยไปซื้อแครกเกอร์(เขาเรียกงี้ป่ะวะ) กะจะมาป้อนแบบมุ้งมิ้งแบบป้อนนมให้ลูกแพะหรือป้อนหญ้ากระต่าย ที่ไหนได้ กูเพิ่งจะฉีกซองออกยังไม่ถึงสิบวิแม่งมารุมทึ้งกูจนต้องรีบปล่อยเลย กวางแถวนี้แม่งเถื่อนเหี้ยๆ เกือบโดนกัดมือด้วย ;w;
>>954 กูเกลียดกวางที่นั่นมากกก ไม่สิ กูเกลียดทุกที่ เถื่อนสุดๆ เห็นขนมในมือกูนี่รีบวิ่งมารุมทึ้งอย่างกับแร้งลง เจ็บตัวโคตรๆ กวางแม่งทั้งกัดทั้งเตะ
มีอีกทีนึงไปเกาะอะไรสักอย่างที่มีเสาโทริอิกลางน้ำ ขนาดถุงขนมที่หมดแล้วยังแย่งไปแดก กูต้องไปยื้อดึงออกมาจากปากมัน แรงก็เยอะชิบหายยย กูแทบจะตกทะเลเพราะดึงถุงออกจากปากมัน
ปล. เซมเบ้ที่ให้กวางแดกอร่อยดี..
ประสบการณ์น่าจะคล้ายๆกูตอนไปฟาร์มอัลปาก้า ในไทยนี่แหละ
แม่งโคตรดุ พนักงานให้คนถือหญ้าคนละกำแล้วเข้าไปในคอก ซึ่งพอเข้าไปปุ๊บแม่งกรูเข้ามาหากูยังกะซอมบี้ เข้ามาทีนึง6-7ตัว กูก็พยายามชูหญ้าไว้สูงๆนะ แต่แม่งก็ยังทึ้งกูอยู่อีก สุดท้ายมีตัวนึงปีนตัวกู เอากีบเหยียบเข้าเต็มๆท้อง เลยยอมแพ้ ปาหญ้าทิ้งแล้ววิ่งหนีออกมา อัลปาก้าแม่งก็ไปทึ้งแย่งหญ้ากันต่อ
ตัวกูก็หอบร่างหนีตายออกมา เป็นประสบการณ์สยองขวัญติดท็อปเท็นของชีวิตกูเลย หลังจากนั้นกูก็ไม่สามารถมองสิ่งมีชีวิตนี้ให้น่ารักได้อีกเลย...
คือฟาร์มพวกนี้ก็จะให้อาหารน้อยๆเข้าไว้เวลามีนทท.จะได้เข้าไปหา แต่มันก็สยองขวัญไปนะ...
แอบ KY นิด เผลอไปเห็น gif ลูกหมาปอมเดินดุ๊กดิ๊กๆ ในไทม์ไลน์แล้วโคตรน่ารัก ถ้าชูสุมอยเป็นซามอยด์ กุก็อยากให้น้องนูกิโนะเป็นหมาปอมนี่แหละ ฮือออออ
ท่านแม่กูนึกถึงหมาไฮโซที่พันธ์ขายาวๆมีขนที่หูม้วนๆอ่ะ//นึกชื่อไม่ออก
ท่านอิมารินี่กูนึกถึงโกลเด้นขนพริ้วๆเลย5555
>>974 ถ้าท่านฮิไม่มาสาววายจริงจัง กูว่าผู้หญิงของท่านพี่ต้องเป็นสามัญชน หรือมีเหตุให้เปิดตัวไม่ได้เพราะดูวาเลนไทน์ไวท์เดย์ แต่ละวันนี่พฤติกรรมงุบงิบๆ ทั้งนั้น แต่ถ้ามีจริงก็น่าจะเปิดตัวละครใหม่นะ สาวๆ ที่มีอยู่ตอนนี้ดูไม่มีใครเข้าเค้าซักคน กับท่านไอระที่ดูมีซัมธิงก็ไม่เห็นมีอะไรให้น่าปิดบังนี่น้า
โหวต ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับประกายแสงแห่งความหวัง งานดอกไม้ไฟมันก็ต้องหน้าร้อนสิ!!! [ระเบิดแห่งกาวครั้งที่ 26]
>>975 กูว่าไอระไม่น่าใช่ว่ะ บทน้อยเกิน แถมยังไม่เห็นการพัฒนาความสัมพันธ์อะไรกับท่านพี่มากเท่าไหร่ ยกเว้นจะแอบไปงุบงิบๆสานต่อกันโดยที่เรย์กะไม่รู้
ที่เห็นความเป็นไปได้มากสุดก็อิมารินั่นล่ะ ถ้าอ.แกให้สองคนนี้เป็นคู่วายกันจริงๆ อิมารินอนมาแน่ๆในตำแหน่งคู่ชีวิตของท่านพี่ 55555555555555
สรุปท่านพี่แอบกิ๊กกับนารุคุง---
เอ้าๆรีบปิดโหวตแล้วสร้างมู้ใหม่เร็วเข้า เสร็จแล้วก็แข่งกันว่าคำทิ้งท้ายของมู้นี้คืออะไร
อะ รวบรวมมาให้
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรัน ท่านฮิโยโกะซามะ...จะทิ้งให้เราลงแดงอย่างนี้จริงๆหรอ! < กรีดร้องครั้งที่26 >
-คะแนนโหวต
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับประกายแสงแห่งความหวัง งานดอกไม้ไฟมันก็ต้องหน้าร้อนสิ!!! [ระเบิดแห่งกาวครั้งที่ 26]
-คะแนนโหวต //////
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับ6เดือนแห่งการรอคอย [ น้ำตาร่วงหยดที่ 26 ]
-คะแนนโหวต
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับ7เดือนแห่งการรอคอย [ น้ำตาร่วง26ลิตร ]
-คะแนนโหวต //
จะปิดโหวตเลยมั้ย หรือจะต่ออีกหน่อย
ปิดเลยๆ
ทู้หน้าอย่าลืมเพิ่มลิ้งกาวฝรั่งลงสารบัญ
แล้วฟิคเวียนแปลไม้ 9 สรุปมีคนเอาไปยัง?
เปิดวาร์ปกระทู้ใหม่ >>>/webnovel/5719/
เชิญวิ่งควายกันได้
วาคาบะเรย์กะบันไซ
ขอท่านฮิโยโกะบันดาลตอนใหม่ให้ผองเรา!
สวัสดีคานซามะ
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.