กลับมาต่อในช่วงโค้งสุดท้ายในโควตาก่อนสรุป
ตอนที่เก้า
เฉลยว่าหนังสือที่ว่านั่นคือ หนังสือจีบสาว บักมี่เลยเอาไปเก็บเพราะเป็นคนชอบหนังสือ เป็นเราเราทิ้งนะ เจ๊ฉูรู้ทีนี่หมดศรัทธาเลยนะ แล้วบักมี่ก็ไปเอาหนังสือเรื่องเกี่ยวกับภาษา มีการแบ่งระดับขั้นบ้าบอคอแตก แล้วไอ้สีรุ้งทองนี่เป็นยังไงวะ ใครรู้บอกด้วย มีการแนะนำกิมมิคเกี่ยวกับอักขระว่าใช้แทนลมปราณได้ ดีแย่ขึ้นอยู่กับความเข้าใจและความไวในการเขียนอักขระ เอ่อ ระบบไรฟะเนี่ย
บักมี่เลยคิดจะเอาอักขระไปใช้กับการดูแลฝูงของเจ๊ฉูกับทำสวน นี่ไงจุดประสงค์แรกของเรื่องมาแล้ว เรียนอักขระเพื่อนำไปช่วยเจ๊ฉูกับทำสวน เยี่ยมจริง ๆ ๆ ๆ (ค่ายลูกเสือ)
เช้าวันต่อมาเจ๊ฉูก็ฝึกเหมือนเมื่อวาน ส่วนบักมี่ก็อ่านหนังสืออักขระจนหมด ระบบอักขระยังมีกิมมิคเล็กน้อยอีก คือ มันจะขึ้นอยู่กับเจตจำนงผู้เขียนอีก เออ เราจะลองดูดิว่าภายในตอนที่เหลือ มันจะได้ใช้ไหม ถ้าไม่หรือใช้แล้วไม่สมเหตุสมผลตามที่บอก เรื่องนี้อาจได้ 0 เพราะภายในสิบตอนไม่โชว์อะไรที่สมเหตุสมผลเลย
วันต่อมา บักมี่เริ่มสอยวิธีใช้ปราณโดยบักมี่ให้อาวุธที่หนักโคตร (ในเรื่องบอก 15000 ชั่ง เราไปหามามันบอกว่า 1 ชั่ง เท่ากับ 1.2 กิโลกรัมเป็นหน่วยไทย แต่ไหงชื่อจีน ? ส่วนหนักเท่าไหร่ เราหามาให้แล้วได้18000กิโลกรัม)
เจ๊ฉูเหมือนเป็นนักเวทแล้วมาฝึกกำลัง ก็ไม่ไหวดิ ระหว่างนั้นบักมี่ก็ฝึกเขียนอักขระแบบโคตรเทพ
หลังจากฝึกเสร็จเจ๊ฉูไปอาบน้ำส่วนบักมี่ก็ฝึกเขียนต่อ แล้วรู้ไหมมันไปเขียนอะไรเข้า
คำตอบคืออักขระถ้ำมอง มุขอุบาทว์มาก เราโคตรแอนตี้มุขแบบนี้มาก
แล้วทีนี้ไอ้คนเขียนหนังสือจีบสาวตอนแรกก็ส่งข้อความมา บอกประมาณว่ามันนี่แหละคนสร้างอักขระตัวนี้ขึ้น ถ้าอยากรู้มากกว่านี้ให้ไปดูในหนังสือเล่มที่มันเขียนเพิ่ม บักมี่เลยไปเอาหนังสือในตอนแรกไปเผาทิ้งหมด จบตอน
เอาจริง ๆ มุขมันเกินไปหน่อยนะ คือถ้าเป็นมนตร์แบบอื่นแล้วบักมี่ไม่ชอบเลยเอาไปเผา นี่เราจะฮาแล้วให้คะแนนนะ แต่นี่ไม่โอเค เล่นมุขอย่างนี้เราว่าไม่เหมาะอ่ะ ไม่สนุกด้วย
อ๋อ ลืมไปในตอนนี้มีคำพูดหนึ่งของบักมี่ที่เรางงนะ ใครรู้ตีความให้ด้วย คือ ในตอนฝึกยกดาบ มันมีตอนหนึ่งความว่า ประมาณว่าสามชั่วโมงผ่านไป เจ๊ฉูวางดาบเพราะไม่ไหวแล้ว แล้วบักมี่ก็กล่าวประมาณว่า “หนึ่งชั่วยามยกขึ้นจากพื้นได้ 30 เซนติเมตร” คำถามคือเจ๊ฉูยก 30 เซนฯ ภายในสามชั่วโมง หรือ 30 เซนฯ ตลอดสามชั่วโมง ถ้าเป็นแบบแรก เราสามารถคำนวณกำลังเจ๊ฉูออกมาได้ว่า (0.3*18000*10)/(60*60*3) ได้คำตอบเป็น 5 วัตต์ หมายความว่าเจ๊ฉูมีแรงเท่ากับเครื่องจักรที่สามารถยกของมีน้ำหนัก 1 นิวตัน ขึ้นสูงได้ 5 เมตร ภายใน 1 วินาที คิดว่าน้อยหรือมากดีล่ะ (เหตุผลที่เอามาเพราะเรื่องนี้ตอนบอกคุณสมบัติมีการใช้เปอร์เซ็นต์ เผื่อว่าภายในตอนต่อไปถ้ามีการใช้งานของเพิ่มพลัง จะได้รู้ว่าว่าไอ้เปอร์เซ็นต์พวกนั้น นักเขียนเอามาคิดจริงรึเปล่า หรือแปะไว้ดูเท่ ๆ)
มีต่อ
ตอนที่สิบ
อ่า ช่วงเวลาอันทรมานจะจบลงแล้ว
เปิดตอนมาด้วยปึกปัก ย้า ห่าอะไรไม่รู้ แล้วเจ๊ฉูก็ขอพัก ในตอนนี้เป็นเวลาสองเดือนแล้วหลังเริ่มการฝึก ในตอนนี้มีกิมมิคของแหวนมิติหน่อย ๆ คือภายในแหวนเวลาจะหยุดลง หมายความว่าของในแหวนจะไม่เน่าเสีย
บักมี่ก็ไปในเรือนกระจก พืชในเรือนกระจกก็โตไวขึ้นจากอักขระ มีการโม้ว่าพืชในนั้นระดับห่าอะไรด้วย แล้วมากินข้าวกับกลุ่มของเจ๊ฉู
ตัดมาตอนเย็น บักมี่เอาของในแหวนที่ยังไม่ได้ตรวจออกมาดู เป็นผลึกอะไรบางอย่างแล้วเจ๊ฉูมาพอดีแล้วเผลอทำแตก แล้วพาบักมี่ไปที่ไหนไม่รู้ แล้วไปเจอตัวละครใหม่ ตอนแรกพบนี่ไปคร่อมเขาด้วยนะ (มันเขียนว่าคร่อมจริง ๆ แล้วมีมากกว่านั้นด้วย แต่ไม่เอามาเดี๋ยวโดนแบน) คือแบบคนเขียนหยุดเถอะ มุขแบบนี้ มันไม่จรรโลงใจเลยนะ แบบโดนวาร์ปแล้วไปคร่อมตัวเขา หรือเผลอใช้อักขระถ้ำมอง มันน่าเกลียดมาก
เดี๋ยวมาสรุป พักแป๊บ
ลงชื่อ โม่งมือใหม่หัดเล่น
บทสรุปแห่งความทรมานของเรา
ก่อนเริ่มสรุป ขอบอกก่อนว่าในสามเรื่องที่รีวิวมา เรื่องนี้เราทรมานมากที่สุดแล้ว อย่างเรื่องอัญเชิญไปเป็นจอมมารเราก็บ่นหนักนะ ในตอนนั้นเราหาข้อดีให้เรื่องนั้นไม่ได้เลย แต่พอเราอ่านเรื่องนี้ปุ๊บ เราหาข้อดีให้มันได้เลย หนึ่งในนั้นคือ เรื่องจอมมารจรรโลงใจกว่าเรื่องนี้มาก เรื่องจอมมารเราอ่านยาว ๆ แล้วมารีวิวได้ แต่เรื่องนี้ เราอ่านได้แค่หนึ่งตอนต้องหยุด แล้วไปทำอะไรแก้เซ็งแล้วค่อยมาต่อ ความสนุกไม่มี มุขตลกก็ตลกลามก ความสมเหตุสมผลที่หาไม่ได้เพราะไม่แสดงให้เราต้องคิดเลยแถมขัดกันเองในตอนอีก (คิเมร่าสยบจิ้งจอก) ค่าที่ให้มาก็เหมือนมางั้น ๆ
คำผิดมากมาย เรียกว่ามีทั้งพิมพ์ตก พิมพ์เกิน พิมพ์ผิด อย่างใดอย่างหนึ่งทุกตอนทั้งที่ตอนก็ไม่ยาวมาก ส่วนความสมเหตุสมผลก็อย่างที่บอกไปข้างต้น มันยังไม่มีอะไรเลย เหมือนเป็นการติดตามชีวิตเทพทรูไปวัน ๆ คิดดูกับอีแค่จุดประสงค์ของตัวละครเรายังไม่รู้เลย จะบอกให้ดูจากชื่อเรื่องหรือพรจากพระเจ้า มันก็ไม่ใช่ พรจากพระเจ้าเหมือนกับเป็นของที่บักมี่ต้องการเพื่อให้ชีวิตอยู่ง่ายขึ้นแค่นั้นเอง แล้วไอ้ตอนแรกไม่อยากเป็นคน แล้วทำไมหลังจากได้ร่างคน เรายังไม่เห็นแปลงร่างกลับเลยนอกจากที่เจ๊ฉูบอก คือ WHAT ?
ยัง ยังไม่พอ ไหนจะการใส่รูปแทนการอธิบาย หรือใส่เสียงมาโดยไม่บอกว่าเสียงนั้นมันคืออะไร เรื่องเสียงนี่ถ้าใส่เสียงมาแล้วมีอะไรบอกบ้างเช่น (เราไม่เก่งนะ อย่าว่าเราเลย) (ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่รีวิว คือคิดสดเองตอนพิมพ์เลย)
บึ้ม
เสียงระเบิดที่ดังกึกก้องไปทั่วอาณาบริเวณในยามราตรีได้ดึงเมย์ให้ออกจากภวังค์พร้อมความตกใจสุดขีด
อะไรประมาณนี้ คือถ้ามีเสียงแล้วมีบทบรรยายตามมา เรารับได้นะ แต่ในเรื่องนี้มันเป็นอย่างไรก็รู้ ๆ กันอยู่ แล้วเรื่องรูปเนี่ย อย่าใส่เลย พยายามอธิบายดีกว่า เราก็ไม่เก่งเหมือนคนเขียนนั่นแหละ แต่เราก็ไม่ใช้รูปนะ เพราะถ้าใช้มันเหมือนไม่ใช่นิยายแล้วอ่ะ
สรุปคะแนน 1/10 จริง ๆ อยากให้ 0 แต่ถ้าสมมติมีเรื่องแย่กว่านี้ เรื่องนั้นจะไม่ติดลบไปเลยเหรอ ถ้ามีแย่กว่านี้จะเราจะให้คะแนนว่า (สมมตินะ) 9/10 มาตรฐานบักมี่ หมายความว่าถ้าบักมี่ได้ 10/10 เรื่องนี้ได้ 9/10 ประมาณนี้
ลงชื่อ โม่งมือใหม่หัดเล่น
My suffering has come to the end.
เขียนตั้งสามเรื่องห่วยขนาดนี้ กูว่าเทพทรูเป็นอาถรรพ์หรือคำสาปใส่ตัวเองมากกว่า
>>884 กูตื้นตันใจมากที่มึงสามารถอ่านเรื่องนี้แล้วเอามาสับได้จนจบ เพื่อเป็นเกียรติแก่มึง กูขอมอบรางวัล
ลูกโม่งสีรุ้งทอง สาขา นักสับนิยายยอดเยี่ยม ประเภท ความอดทนสูง ประจำมู้ นิยายเด็กดี บทที่ 16 (DDN XVI) ภาคชาวโม่งกินเด็กดีจัมโบ้รสนิยายสับพร้อมซุป"นายคะ อย่ามากาก"เข้มข้น เด็กดีเลือกกินของเทพทรูเบียวซูเอจจี้จนจะเป็นโรคไต Y เรื้อรัง นิยายดีมีสุขภาพขายไม่ออกเฟ้ย
ให้กับมึงเลย...ว่าแต่มู้นี้มีแค่ โม่งมือใหม่หัดเล่น คนเดียวใช่ไหมวะที่สับ กูจำไม่ได้
ไอ้ระดับพลังสีรุ้งทองเนี่ย สงสัยจะเป็นชายเหนือชาย ไปรู้จากตุรกีล่มสลาย
My suffering has come to an end.
My suffering has reached the end.
My suffering has ended.
ไม่ใช่ว่าจะนึกไม่ออกซะทีเดียวนะ อารมณ์ประมาณพื้นทองที่มีสีเหลือบมุก
แต่กูไม่คิดว่าคนแต่งมันจะบรรเจิดอะไรขนาดนั้นหรอก
ถามความเห็นพวกมึงหน่อย แรงบันดาลใจแบบไหนน่าเกลียดกว่ากันวะ คือน่าเกลียดทั้งคู่แหละ แต่กูอยากรู้ว่า พวกมึงยี้แบบไหนมากกว่ากัน
ระหว่างมิกซ์แฟนฟิค (เลียนแบบตัวละคร) กูพูดถึงแค่ตัวละครของมันนะ vs เลียนแบบพล็อต ลามไปยันฉากสำคัญต่าง ๆ ในเรื่อง
อ่ะ กูแปะลิ้งค์ล่ะ ไม่เรียกว่าสับนะ เรียกว่าเฉาะพอ จบในเมนต์นี้ล่ะ
https://writer.dek-d.com/Wanwan19/story/view.php?id=1647628
กูคิดว่า นิยายเรื่องนี้คงได้แรงบันดาลใจมาจากซีรีส์ญี่ปุ่น เรื่อง จิน หมอทะลุมิติ มา ถ้าใครไม่รู้จักกูจะย่อให้ (อันนี้ของต้นฉบับนะ)
พระเอกเป็นศัลยแพทย์(หมอผ่าตัด)แล้วหลงยุคไปญี่ปุ่นสมัยโบราณ พอดีกระเป๋าแพทย์ติดไปด้วย เลยได้ใช้วิชาผ่าตัดนี่แหละ ช่วยชีวิตคน
ส่วนเรื่องคนไทยแต่งที่กูกำลังพูดถึงก็คือ นางเอกเป็นศัลยแพทย์(เหมือนกัน)หลงไปยุคโบราณสมัยร.1 มีเป้อุปกรณ์แพทย์ติดไปด้วย และไปช่วยรักษาพวกทหารที่รบกับพม่า
ถ้าเจอแค่นี้กูคงไม่คิดมาก เพราะพล็อตมันก็เหมือนกันได้ แต่อีเรื่องนี้ แม่งมีฉากสำคัญเหมือนต้นฉบับเขาเกือบครบ
เช่น ย้อนยุคมาถึง ของต้นฉบับพระเอกเจอซามูไรสู้กัน แล้วมีคนนึงช่วยมันไว้ จนโดนฟันเข้าที่หัว พระเอกเลยช่วยเย็บแผลให้ (ผ่าเอาเลือดคั่งออก)
ส่วนนิยายไทยที่กูเจอ นางเอกโผล่ไปกลางสนามรบ กำลังสู้กันเหมือนกัน แล้วก็มีคนได้แผล มันก็ไปช่วยเขาเย็บแผล (แต่ไม่ได้ผ่าตัด)
อ่ะ! กูขี้จับผิดไปใช่ป่ะ แค่นี้ไม่เห็นเหมือนเลย งั้นมาดูที่ฉากต่อไป
ต้นฉบับ โชกุน(มั้ง)จำไม่ได้ล่ะ แต่เป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เกิดปวดท้องขึ้นมา ปรากฏเป็นไส้ติ่ง พระเอกผ่าให้ ก่อนผ่าพวกคนรับใช้จะไม่ยอม เพราะสำหรับซามูไรแล้ว การผ่าท้องมันอะไรสักอย่างเนี่ยแหละ
ส่วนนิยายไทยที่กูเจอ พระเจ้าอะไรนี่แหละกูจำชื่อไม่ได้ บุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ไทยเรานี่แหละ เกิดปวดท้องขึ้นมา ไส้ติ่งเหมือนกัน นางเอกจะผ่าให้ มีปัญหาสิคราวนี้ เหมือนกันเลย
ยัง ๆ กูยังเจออีก ฉากนี้นี่เลียนแบบอย่างเห็นได้ชัด เพราะพี่ไทยเราไม่หาข้อมูลขนาดนี้แน่
ต้นฉบับ พระเอกพยายามทำยาฆ่าเชื้อ(เพนิซิลิน) โดยการเพาะเชื้อ เพราะพระเอกเคยทำวิทยานิพนธ์ค้นคว้าเรื่องนี้จึงข้อมูลแน่น
ส่วนนิยายไทยที่กูเจอ นางเอกพยายามทำยาฆ่าเชื้อเหมือนกัน วิธีการเดียวกันเป๊ะ แต่ทำสำเร็จง่ายกว่าของต้นฉบับเขาเยอะ (นางเอกไทยโคตรเทพ)
ยังมีอีกนะ ในเรื่องต้นฉบับ พระเอกไปช่วยชาวบ้านที่ติดโรคระบาด พระเอกรักษาด้วยการ ละลายเกลือกับน้ำตาลต้มให้คนป่วยกิน เพื่อทดแทนน้ำที่ร่างกายเสียไป แต่คนจำนวนมากพระเอกทำคนเดียวไม่ไหว นางเอก กับตัวประกอบนิดนึงจึงมาช่วย สุดท้ายพระเอกติดโรค แต่ก็หาย
ส่วนนิยายไทยที่กูเจอ เหมือนกันทุกประการ ยกเว้นนางเอกไม่ได้ติดโรคเหมือนพระเอกฝั่งยุ่น (กูบอกแล้วคนไทยแข็งแกร่ง)
แล้วมันจะมีฉากแบบที่กูรู้สึกว่า น่าจะได้แรงบันดาลใจจากเขามาอยู่อีกนะ แต่มันเล็ก ๆ กูก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ เพราะไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ต้นฉบับเรื่องนี้ซะด้วย ส่วนที่เหลือซึ่งเป็นความคิดของคนเขียนเองก็คือ ความโคตรโง่เง่าของนางเอกในช่วงต้นเรื่อง ที่ขนาดเย็บแผลให้เขาตั้งไม่รู้กี่คน เห็นชุดทหาร เห็นการต่อสู้ จนเข้าไปในค่าย แล้วแม่งยังคิดว่าถ่ายหนัง??? จนตอนที่สิบกว่าแม่งเพิ่งมารู้ตัว
แล้วก็ความรักที่ไม่ได้ทำให้กูอินสักเท่าไหร่ กับการตัดฉากไปมาที่ไม่ได้เรื่องในช่วงท้าย เดาว่าคนเขียนคงคิดว่าเป็นเทคนิคที่ดี แต่กูบอกเลย พังมาก! เว้นวรรคก็ไม่ดี ติดกันเป็นพรืด อิงประวัติศาสตร์ก็จริง แต่บรรยายเหมือนทำรายงาน เหมือนก๊อปมาแปะ แล้วก็จะมี Info dump แบบนี้แทรกเข้ามาเรื่อย ๆ บวกกับนางเอกพึมพำกับตัวเองบ่อยเหลือเกิน จึงน่าจะเป็นสาเหตุให้ตอนมันเยอะ
สรุป เอาคะแนนไป 3/10 ที่กูให้นั้นเป็นคะแนนความขยันเขียน ขยันหาข้อมูลมาแปะวาง และที่มันเข็นเอาจนจบได้ แม้ฉากโชว์วิชาแพทย์ของนางเอก ซึ่งเป็นฉากสำคัญที่ต้องทำให้ว้าว จะเป็นการลอก เอ้ย! มีหมอจินเป็นแรงบันดาลใจก็ตาม แต่กูก็ยังให้คะแนน (เป็นไงกูใจดีป่ะ)
จัดว่าเป็นนิยายที่ต้องใช้ความอดทนเรื่องหนึ่ง เพราะช่วงแรกพระ-นาง โดยเฉพาะนางเอกซึ่งเป็นตัวหลักจะน่ารำคาญมากก จนกูนอยด์หยุดอ่านไปพักนึง แต่ด้วยความอยากจับผิดจึงอ่านต่อ
กลับไปที่คำถามตอนแรกของกู เลียนแบบตัวละครแบบมิกซ์แฟนฟิค vs ได้แรงบันดาลใจมากมายหลายฉากอย่างเรื่องนี้ อันไหนน่าเกลียดกว่ากัน สำหรับเพื่อนโม่ง
กูเห็นโม่งมือใหม่หัดสับออกมาสับนิยาย จึงมีไฟขึ้นมาหลังจากหายหัวไปพักใหญ่ สับต่อไปนะโม่ง กูรออ่านเสมอ
ว่าแต่มีใครไปแย้งมั่งยังวะ
>>896 ไอ้ที่ผ่าตัดไส้ติ่งแล้วซามูไรห้ามเขาไว้ เพราะคิดว่าจินกำลังบังคับฮาราคิริแบบผิดธรรมเนียม เพราะต้องคว้านท้องตัวเองเฉพาะเสียเกียรติเท่านั้น ในมุมมองซามูไร โชกุนไม่ได้ทำเรื่องอับอาย จู่ๆถูกบังคับคว้านท้องทำไม
แต่ไทยไม่มีประเพณีคว้านท้องซะหน่อย มีแต่ไม้เรียวตีตูดไม่ตาย
>>898 กูคนเฉาะนะ เห็นมีคนไปเมนต์นะว่าเหมือนหมอจิน แต่มันก็ไม่ได้พูดไรมากกว่านั้น
>>902 เออใช่ๆ ฮาราคีรีไรนี่แหละ ส่วนฟากพี่ไทย รู้สึกว่า เหตุผลที่พวกข้ารับใช้จะไม่ให้นางเอกผ่าไส้ติ่งเพราะสมัยนั้นยังไม่มีการผ่าตัด พวกโบราณมันเลยกลัว ประมาณนี้นะ อาจเขียนงงๆไปบ้างขออภัย รีบไปหน่อย
สำหรับตัวนักเขียน เท่าที่กูอ่านเมนต์ที่โต้ตอบกับนักอ่าน กูคิดว่า อีโก้มั่นหน้าพอสมควร ใครแย้งอะไรแม่งไม่สน เป็นสาเหตุที่กูไม่อวตารไปติง แล้วอีกอย่างถ้ามันต้องแก้ฉากที่ใช้หมอจินเป็นแรงบันดาลใจอย่างชัดเจน เกรงว่ามันต้องแก้กว่าครึ่งค่อนเรื่อง 555 เพราะงั้นมันคงไม่แก้หรอก
แต่กูนับถือในความมั่นหน้าของมันเลยนะ ที่เลียนแบบ เอ้ย! ใช้เขาเป็นแรงบันดาลใจขนาดนี้ เพราะจิน หมอทะลุมิติ คนรู้จักเยอะพอสมควรเลย อีกอย่าง พล็อตหมอย้อนยุคนี่มันก็ชวนให้นึกถึงเรื่องนี้อยู่แล้ว แม่งยังจะกล้าอีก
เกินไป๊ ถ้ากล้าออกเป็นเล่มกับ สนพ ก็มีคนกล้าแฉในพันทิป เพจ สนพ ล่ะวะ
กูอ่านที่มึงย่อนะ ไม่ได้อ่านต้นฉบับ แต่เค้าโครงเรื่องนี่มันใช่ ยืมเค้ามาจริงๆ ว่าแต่เระเอกเป็นใครเนี่ย?
ปล.ย้อนเวลาไทยกูอยากอ่านของคนหนึ่ง แต่เขาไม่มาต่อซะที เป็นเรื่องย้อนไปสมัย ร.5 เห็นโปรยว่านางเอกไม่อยากอยู่ เล่นกับความไม่รู้ประวัติศาสตร์ของนางเอก แต่เรื่องนี้พระเอกเป็นหมอแผนปัจจุบันในสมัยนั้น นางเอกเป็นหมอฟันในสมัยนี้ กูรอดูอยู่ว่าเรื่องมันจะเป็นไงต่อ แต่นักเขียนดันดองซะนี่
มีใครสนใจสับอีเรื่องนี้มั้ย ค่อนข้างใส่ไฟ
https://www.dek-d.com/board/view/3832725/
KY มนต์กฤษณะกาลี ในเรื่อง บุพเพสันนิวาสนี่คิดเองขึ้นมาใช่ไหมวะ?
คุยเล่น ๆ ก่อนหมดมู้ คิิดว่าชาตินี้เราจะได้เห็นนิยายเด็กดีที่มาแนวคล้ายของ Tom clancy หรือแบบนิยายที่มันเรียล ๆ หน่อย ไม่ขายฝัน เทพทรูตามชื่อกระทู้ไหม
ขอระบายสักนิด กูไม่ไหวละกับนิยายท็อปแฟนตาซี ตัวพระเอกมันเป็นเหรี้ยไรวะ ทำไรก็ดีไปหมด ไม่เคยพลาด ต่อยนักเลงไม่เคยแพ้ ไม่เคยพลาด ไม่เคยโดนต่อย เหมือนกดสูตรอมตะ ไอเหรี้ยมึงจะไม่ให้กูตื่นเต้นบ้างเลยเหรอ ถึงบททำอาหารก็อร่อยชิบหายจนคนกินเคลิบเคลิ้มทั้งที่ไอ้พระเอกไม่เคยมีประวัติเกี่ยวข้องเชี้ยไรกับอาหารเลย มาถึงทำอร่อยยิ่งกว่าเชพมืออาชีพอีกไอ้เด็กเหรี้ยยยย บัดซบ ตัวละครประกอบในเรื่องก็อวยแมร่งเหลือเกิน
ยังไม่พอ เสือกมีสาวมาชอบ แล้วดูโปรไฟล์ตัวละครหญิงไม่น่ามาชอบพระเอกได้เลย พระเอกนิสัยเด็กชิบหาย คำพูดก็น่าเบื่อ จืดๆ เหมือนเป็นภาพสะท้อนบุคลิคคนเขียน ไม่มีเชี่ยไรน่าสนใจน่าดึงดูด เหมือนเด็กน้อยวัยเรียนคนหนึ่ง แต่นางเอกในเรื่องเสือกเคลิ้มราวกับมันเป็นเทพบุตรผู้มีคารมล้นเหลือ กูอ่านยังไงก็หาความมีเสน่ห์ไม่เจอ ไอเหี้ยยยย ยิ่งอ่านยิ่งหงุดหงิด ยิ่งตอนมันบรรยายสภาพนางเอกตอนเคลิ้มให้กับคารมกากๆจืดๆของพระเอกนะมึงเอ้ย หงุดหงิดดดด แล้วเสือกติด top ด้วยนะไอควาย เชี้ย มาเป็นนักเขียนได้ไง เห็บหมา ไม่มีทักษะการเขียนนิยายสักอย่าง เขียนมั่วๆๆ
อะไรของมันวะ พระเอกไม่เคยพลาด คนเหรอวะ ได้เหรอวะ เรียนก็เก่งระดับประเทศ ดนตรีก็เก่งยิ่งกว่านักดนตรีมืออาชีพ กีฬาก็เก่ง ยิ่งเรื่องชกต่อยนะมึงเอ้ย พระเอกตูนญี่ปุ่นยังอาย เอาชนะกลุ่มติดอาวุธด้วยตัวคนเดียว ไม่มีเพลี่ยงพล้ำ สโลว์ไลฟ์ชิบหาย ชีวิตประจำวันวนลูป แล้วเสือกไม่มีเป้าหมายเชี่ยไรสักอย่าง พระเอกเชี่ยไรไม่มีเป้าหมาย? แต่ละตอนเล่าชีวิตประจำวันแสนน่าเบื่อของพระเอก แต่มันติดท็อปปปปปปปปป ควยยยย ไอ้เด็กเอี้ย kuy!!!
บอกพระเอกดียังดียังงี้ แต่นั่นมึงบอกกูไง มึงบอกกูว่าพระเอกมันเจ๋ง แต่ที่กูอ่านดูมันไม่เจ๋งไง มึงไม่แสดงออกด้วยการกระทำ แค่มึงบอกว่าพระเอกเทพไม่ได้ทำให้มันเทพนะโว้ย การกระทำมันต้องดูเทพให้กูรู้สึกได้ด้วย อ่านยังไงก็เด็กทั่วไป เหมือนคนเขียนไม่มีเสน่ห์ภายใน จะไปเขียนตัวเอกที่มีเสน่ห์ก็คงยาก
พอเริ่มตันเริ่มคิดไรไม่ออก ก็ใส่ไรเข้ามาไม่รู้ ใส่ในสิ่งที่ไม่เคยปูทางมาก่อน เช่นอยู่ดีๆ ญาติพระเอกในเรื่องก็เกิดมีพรสวรรค์ด้านโน้นนี้ขึ้นมา หรือเสือกมีอดีตที่คาดไม่ถึง ทั้งที่ก่อนหน้านี้แม่งก็แค่ตัวละครบ้านๆ ไอเหี้ยคนเขียน มึงแถนี่หว่า ส้นตรีน โชว์ถึงความมั่วของมึง
อีกเดี๋ยวแม่งก็คงถึง 100 ตอน เนื้อหาไปไม่ถึงไหน ไม่มีจุดพีค ไม่มีศตรูสมน้ำสมเนื้อ ไม่มีช่วงตื่นเต้น มีแต่โชว์เทพ โชว์ตบคน มีสาวมาหลงโงหัวไม่ขึ้น คนอ่านอวยให้ได้กัน บางเรื่องก็ด่านางเอกบ้างไรบ้าง ควย ควย ควย สัส พวกนี้แม่งนักเขียนเหรอวะ นักเขียนได้ไงวะ? สัสหมา หงุดหงิดดดด
ที่ว่ามา คนอ่านเสือกชอบโว้ย คนอ่านอวยโว้ย ไอเหรี้ย KUY ได้เหรอวะ ได้เหรอวะะะะะะะ!!!!!
919 มันจวกซะกูกลัวเลยนะนั่น
กำลังลองแต่งแฟนตาซีอยู่ (ได้ราวๆ 10 ตอนแต่ยังไม่แปะ) ถึงผ่านไปราวๆ 5 ตอนจะเริ่มเปื่อยเพราะปูนิสัยตัวเอก+ใส่เซ็ตติ้ง แต่ตอนนี้ก็พยายามลากกลับเข้าปมหลักอยู่อ่ะนะ
ไว้เขียนได้เยอะๆแล้วโพสเมื่อไหร่จะลองเอามาให้สับดู
>>919 คนอ่านมันชอบแบบนั้นไง แต่เอาจริง ๆ นะ มึงอย่าใส่ใจท็อปของเด็กดวกมากนักเลย คนที่มาอ่านส่วนใหญ่ก็พวกกลุ่มเบียวตามกระแส อ่านเอามันส์กันเท่านั้น นิยายที่ภาษาสวย ให้แง่คิด หรืออ่านให้รู้สึกเพิ่มพูนปัญญานั้นต่อให้มึงเขียนเด็กส่วนใหญ่มันก็ไม่อ่าน นี่แหละอนาคตของชาติ
KY
ถามอะไรหน่อยครับ คือถ้าแต่งนิยายแล้วในเรื่องมีการใช้หลักวิทยาศาสตร์ เราควรอธิบายลงไปในนิยายไหม ถ้าควร ควรใส่จังหวะไหน
ถึงเคยบอกไงว่าจะโทดคนเขียนอย่างเดียวแม่งพูดยากว่ะ ก็พอเขียนดีๆแล้วพวกแม่งไม่อ่านกันแถมยังมีมาด่าอีก กูเห็นแล้วกูสงสารคนเขียนแทน
>>929 การใส่อะไรหรือไม่ใส่อะไรมันเป็นจังหวะของเรื่องมันไม่มีอะไรตายตัวเลยบอกไม่ได้ ใส่แล้วกลมกลืนไปกับเนื้อเรื่องก็ดี ใส่แล้วคนอ่านสะดุดก็หาจังหวะใส่ใหม่ ถ้าใส่ทื่อๆ บางทีก็ทำให้เรื่องน่าเบื่อ ถ้าจะหาเรื่องที่อ้างอิงก็ลองไปอ่าน release that which ดู เรื่องนี้มีหลักวิทยาศาสตร์เยอะมากแต่เรื่องสนุกเพราะวิธีการเอามาใช้ อันไหนอ่านแล้วไม่ขัดก็พิจารณาดูเอาว่าเขาใส่มายังไง อันไหนอ่านแล้วรู้สึกขัดก็อย่าไปทำตาม
>>936 ช่วยเสริมด้วย เป็นทริกกูเอง พยายามอย่าใส่เยอะหรือดูเฉพาะทางไป เกลี่ย ๆ ให้เนียน ถ้ายกมาทั้งย่อหน้ายังกะก็อปวิกิมา คนอ่านจะเมินเสียส่วนใหญ่เลื่อนผ่านหมด แล้วแม่งจะไม่รู้เรือง พยายามหยอดเหมือนแทรกมุกอะ เล่นแค่ครั้งสองครั้งยังขำได้ สี่ห้าครั้งขึ้นไปเริ่มแป๊ก
กูก็เขียนแนวนี้อยู่ (กึ่งแฟนตาซีผสมไซไฟ) ลองผิดลองถูกมาหลายทาง กว่าจะเจอวิธีลงตัว ลองเอาไปปรับใช้เพิ่มดู สู้ ๆ นะโม่ง
แล้วนิยายเว็บอื่นในไทยมันห่วยเหมือนนิยายเว็บเด็กดีป่าววะ
กูว่าไอ้แนวพระเอกเทพฟ้าประทานมันก็คือตัวตนที่คนแต่งอยากเป็นนั้นแหละ ไม่มีอะไรหรอก
ทำไมพวกมึงอคติกันจังวะ งงฉิบหาย เฮ้อ...
>>945 ให้คนอื่นถกด้วยได้ไหม คือเราก็อยากรู้จริง ๆ นะ ว่ามันต่างกันอย่างไร
ตามความเข้าใจเรา คือ Mary sue คือตัวละครที่โหดจนทำลายสมดุลเรื่อง ส่วน self insert คือ คนเขียนเอาตัวเองไปใส่ในนิยาย ซึ่งตามปกติคนก็ไม่อยากแพ้อยู่แล้ว ทำให้ตัวละคร self insert มันจะ mary sue ตามไปด้วย
เราเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า ขออภัยล่วงหน้า
อ่ะ กูช่วย Ulysses เป็น Gary ตัวพ่อนะ... อ่อ พวกมึงกาก ไม่เคยอ่าน ว้ายยยย
ถามว่าผิดไหม เราว่ามันไม่ผิดนะถ้ามัันไม่ทำลายความสนุกหรือสมดุลของเรื่องและมันไม่อยู่เหนือกฎเกณฑ์ที่เรื่องกำหนดไว้
แต่ทันทีที่มันทำลายความสนุกเมื่อไหร่หรืออยู่เหนือกฎเกณฑ์ของเรื่อง เมื่อนั้นเเหละที่เรามองว่ามันผิด
การสร้างตัวละครแนว แมรี่ / แกรี่ มันไม่ผิดเว้ย แต่ที่จะผิดก็ต่อเมื่อหยิบมาใช้แล้วดันไม่เข้ากับเซ็ตติ้งของเรื่อง
อะยกตัวอย่าง ...สมมุติมึงสร้างเซ็ตติ้งเอาไว้ในโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ มีโรงเรียนเวทมนตร์ มีการเรียนเวทมนตร์งี้ มึงต้องเข้าเรียน 7 ปีเพื่อให้ได้รับสิทธิ์ในการใช้เวทมนตร์ แล้วหลังจากเรียนจบก็ต้องใช้เวลาอีกค่อนชีวิตในการศึกษาและพัฒนาเวทมนตร์ ถึงจะได้เรียกว่าเป็นผู้ใช้เวทมนตร์เต็มตัว
นาย A ตัวละครหลักที่ 1 เข้าเรียน 7 ปี และหลังจบก็พยายามอย่างหนักที่จะสอบเข้าทำงาน ในที่สุดนาย A ก็ได้ทำงานกับกระทรวงเวทมนตร์สังกัดมือปราบมา 33 ปี แม้จะอายุมากแล้วแต่ก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นมือปราบระดับพระกาฬ ทุกอย่างสร้างขึ้นมาด้วยความพยายามไต่เต้าล้วนๆ ปกติจะทำงานร่วมกับคู่หูที่อายุน้อยกว่า แต่วันนึงบังเอิญเพื่อนร่วมงานที่เป็นคู่หูคนเดิมโดนฆ่าตาย ทางการจึงต้องส่งคู่หูคนใหม่มา ซึ่งนั่นคือจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์หลังจากนี้
นาย B ตัวละครหลักที่ 2 เป็นเด็กเห่อหมอยคนหนึ่งที่แม้แต่เรียนในสถาบันเวทมนตร์ยังไม่จบ ทำตัวเกเรเสเพลตีหม้อ ตีหรี่ไปวันๆ ไม่เคยฝึกการใช้เวทมนตร์ ไม่เคยมีการวิจัย เรียกได้ว่าเป็นเด็กไม่เอาอ่าวอย่างแท้จริง แต่อยู่มาวันหนึ่งในระหว่างเจ้าตัวไปกดเงินก็ดันถูกโจรปล้นธนาคารจับเป็นตัวประกันซะงั้น ...นาย B โดนขู่จะฆ่าแต่ยังทำเป็นหน้านิ่ง ก่อนจะไปแหกปากร้อง "ว๊ากกก!!" แล้วเกิดเหตุระเบิด "อะฟ้าว! ตูม! บรึ้ม! กุดุส! กุดุส!" ขึ้น คนที่อยู่รอบๆ ตายหมด มีแต่นาย B คนเดียวที่รอดมาโดยไม่มีบาดแผล แถมยังยิ้มเชิดใส่กล้องก่อนจะกระโดดหายแว่บไปบนหลังคาตึก
หลังจากนั้นนาย B ก็โดนตามตัวเจอ แล้วทาบถามโดยกองปราบแล้วอวยยศให้สูงกว่านาย A แถมยังถูกส่งมาให้เป็นคู่หูอีกต่างหากด้วย ระหว่างการทำงานก็ใช้แผนของนาย B ที่มักเน้นการบุกเข้าไปซึ่งๆ หน้า จนกลายเป็นว่าประสบการณ์ทำงานอันยาวนานของนาย A กลายเป็นแค่เครื่องประดับ แถมยังโดนกดหัวจนแทบกลายเป็นหมอวัตสันอีกต่างหากด้วย
สังเกตได้ว่าเซ็ตติ้งโลกที่กูพูดมานี่คือ ทุกคนเขาพยายามผลักดันตัวเอง พยายามดิ้นรนให้ตัวเองสูงขึ้นเว้ย แต่จู่ๆ วันหนึ่งกลับมีตัวโจ๊กเกอร์อย่างนาย B โผล่มา ทำเอาเซ็ตติ้งทั้งหมดนั้นถึงกับพังทลาย สมดุลด้านตัวละครเองก็หาย กลายเป็นว่านาย B ขึ้นเป็น The Chosen One ที่อยู่นอกเหนือกฎและเซ็ตติ้งของเรื่อง ส่วนนาย A ก็โดนกดหัวจนเป็นไม่ได้แม้กระทั่ง Sidekicker ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจจะเซ็ตให้เป็นตัวเอกทั้งคู่แต่แรกแล้วแท้ๆ
ที่ยกตัวอย่างมานี่คือการใช้ตัว แมรี่ / แกรี่ แบบผิดๆ ซึ่งจะส่งผลทำให้เรื่องมันพังด้วย
>>961 แมรี่ซู เป็นตัวละครที่มาจาก Fanfic StarTrek นั่นล่ะ
จำไม่ได้ว่ารายละเอียดว่ายังไง แต่คร่าวๆ คือ ในยาน Star Trek นั้นมันจะมีการแบ่งหน้าที่การงานเป็นฝ่าย Operator , Medic , Engineer , Science อะไรทำนองนี้ ซึ่งแต่ละคนจะได้ผ่านการเรียนอย่างหนักจากคณะของตัวเองมาก่อนทั้งนั้น ก่อนจะได้รับเลือกขึ้นมาปฏิบัติการในยานอวกาศ
แต่นาง แมรี่ ซู นี่สิมาแปล เป็นเด็กใหม่ที่ขึ้นยานมา จำไม่ได้ว่าจบจากคณะอะไร แต่เจ๊แกสามารถทำงานได้ทุกตำแหน่ง แถมยังสามารถทได้ดีกว่าเจ้าหน้าที่เดิมที่เป็น Specialist อีกต่างหากด้วย เรียกได้ว่าเป็นตัวละครที่เทพมาก เทพแบบไม่มีเหตุผลอีกต่างหากด้วย
หลังจากนั้นเป็นต้นมา แมรี่ ซู ก็กลายเป็นชื่อเรียกของตัวละครจำพวกนี้
ส่วนอันนี้ไม่เกี่ยว แต่กูเห็นว่าฮาดี
เรื่องราวของร้อยตรี ซู กับจักรวาล Alternate reality (ยุคปัจจุบัน)
http://www.interrobangstudios.com/comics-display.php?strip_id=989
>>963 อะ กูไปขุดมาให้
https://www.dek-d.com/writer/34128/
อาทิตย์หน้าขึ้นบทใหม่
https://www.dek-d.com/board/view/3833314/
ผู้กอบกู้และค้ำจุนวงการนิยายไทย
การะเกด ในเรื่องบุพเพสันนิวาส ก็เป็นแมรี่ซูนะ
>>973 ยิ่งเปรียบกะไตรภาคแรกแม่งยิ่งต่าง กว่าอิลุคมันจะเก่งได้ ทำครูตาย ป้าตายลุงตาย มือด้วน กว่าทั่นโยดาจะรับเป็นศิษย์ ก็ต้องใช้เวลา กูถึงทำใจชอบอิเรย์เกิดแต่ตมแต่ใช้เมพไม่ได้จริงๆ
อิเบนโซโล่กูว่ายังมีมิติมากกว่าอีก มีปมเด็กอีโมเบียวพ่อแม่เมิน กูดูแล้วสงสารอะ เด่นกว่าอิเรย์อีก
แมรี่ซูมันผู้หญิง มีคนหนึ่งในประเทศไทยที่เป็น แกรี่สตู นะ
ลงชื่อ เซฮุน
https://www.dek-d.com/board/view/3833423/
พอมู้แบบนี้ ไอ้แวมแม่งโผล่เลย
เดี๋ยวกูเตรียมไปช่วยน้องซอก่อน
>>975 กูบ้าผู้ แต่กูบ้าฮานว่ะเพื่อน กูชอบตัวละครtypeแบบนั้นอยุ่แล้ว แจ็ค สแปโรว์ ที่คล้ายๆฮานกูก็ชอบ ดังนั้นกูไม่มีวันชอบเบน โซโล่ ได้เพราะสิ่งที่มันทำกะฮานในท้ายภาค7 T T แต่กูคิดว่าอิเบนมันยังสมจริงมากกว่า เรย์ตรงที่ มันก็ได้รับการฝึกจากลุคตั้งแต่เด็กไง ลุคกุก็อุส่าอธิบายไปแล้วว่าภาค5มันยังกากๆอยู่เลยยยยย ไม่ใช่โผล่มาแบบอิเรย์ภาค7 กูขับยานได้ กูใช้ไลท์เซเบอร์ได้ขั้นเทพ นิสัยอย่างอื่นของเรย์นี่กูโอเคด้วยซ้ำ เพราะว่ามันเป็นตัวละครหญิงที่ไม่งี่เง่าดี เหมือนที่กูชอบเลอาอ่ะ
มาตรฐาน NC ของเด็กดีแม่งคลุมเครือเกิน
กุดุส กุดุส
แจ้งข่าว วงกลมสยองขวัญกลับมาหมวดแฟนตาซีแล้วนะพวกมึง
ก่อนขึ้นกระทู้ใหม่ เอาทริกการอ่านของดอกปอปไปทัศนาจรกันหน่อยนะเพื่อนโม่ง มีประโยชน์ม๊ากมากสำหรับโม่งนักสับ
https://www.dek-d.com/writer/41930/
เม้นที่โดนลบรัวๆนั่นคือโม่งออกไปแสดงความเห็นปะวะ เว็บมาสแม่งลบถี่ยิบเลยว่ะ555
ขึ้นบทใหม่ได้แล้ว
จะหมดมู้แว้ว
คิดชื่อมู้ใหม่ยัง
จอง 999 ต่อติดตาย
ปิดมู้
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.