หายกันไปนานกับฟิคนี้ ขอเชิญพบกับ เอ็นโจเลี้ยงต้อย >>>/webnovel/4296/796-799
-------------------------------------------
คาบุรากิ มาซายะ(1/2)
.
.
.
พอก้าวเข้ามาในโรงแรม เลขาของแม่ที่มารอต้อนรับอยู่แล้วก็เดินเข้ามาหา ก้มหัวและผายมือให้ไปทางลิฟท์สำหรับผู้บริหาร แจ้งว่าแม่กำลังรออยู่
ฉันพยักหน้ารับรู้ ปล่อยให้ลิฟท์เคลื่อนตัวไปข้างบน ไม่ถึงยี่สิบวินาทีก็มาหยุดที่ชั้นที่ต้องการ
พอก้าวออกจากลิฟท์ ฉันก็เดินตรงไปที่ภัตตาคารอาหารฝรั่งเศสอันเป็นที่นัดหมาย แต่ระหว่างทางก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งก้มตัวลงใกล้ๆกับสวนเล็กๆที่จัดไว้ ผมม้วนๆที่หันหลังให้ดูคุ้นตาชอบกล
เธอคนนั้นหันกลับมา ทำท่าสะดุ้งตกใจเล็กน้อย
“ท่านคาบุรากิ” เธอรีบก้มหัวลงทักทาย “สวัสดีค่ะ”
“คิโชวอิน” ฉันเลิกคิ้วขึ้น “ทำอะไรอยู่น่ะ”
“พอดีสร้อยคอมันตกลงไปในแปลงดอกไม้น่ะค่ะ ก็เลย...” คิโชวอินก้มหน้าลง “ขออภัยนะคะที่ทำให้แปลงดอกไม้ของท่านคาบุรากิต้องเสียหาย”
“เรื่องแค่นั้นเอง” ฉันก้าวฉับๆไปที่พุ่มดอกไม้ที่ว่า แหวกๆกิ่งก้านและใบไม้อยู่ครู่หนึ่งก็เจอวัตถุแวววาวสีทองสะท้อนให้เห็น ฉันหยิบมันขึ้นมา “ใช่อันนี้รึเปล่า”
“ขอบคุณมากเลยนะคะ” เธอก้มหัวลง เห็นแล้วอดนึกถึงทาคามิจิไม่ได้
ผู้หญิงคนนั้น ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องขอโทษก่อนทุกที ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิดแท้ๆ แต่ก็ยังยอมก้มหัวให้คนอื่นเอาเปรียบอยู่ได้
“งั้น... ฉันไปล่ะนะ” ฉันเอ่ยคำอำลา เห็นว่ามือตัวเองเปื้อนดินจากเรื่องเมื่อครู่ก็คิดว่าสมควรจะไปล้างมือสักหน่อย
ว่าแต่คิโชวอินมาทำอะไรที่นี่นะ ทานข้าวกับครอบครัวอย่างนั้นเหรอ
หรือว่า…..
ฉันส่ายหัวเล็กน้อยตอนที่เป่ามือให้แห้งกับเครื่องทำลมร้อน มันคงไม่บังเอิญถึงขนาดนั้นหรอก
.
.
.
.
ข้อสันนิษฐานของฉันเป็นจริงจนได้ พอเปิดประตูห้อง V.I.P. เข้าไป สิ่งแรกที่ได้ยินคือเสียงหัวเราะต่อกระซิกของผู้หญิง และผมม้วนๆที่ดูคุ้นตาอีกหน
คิโชวอินหันหน้ามองฉันแล้วก็ส่งยิ้มให้
“อ้าว มาพอดีเลยนั่น” พอเห็นฉัน แม่ก็เอามือป้องปากแล้วหัวเราะคิกคัก “กำลังพูดถึงอยู่เลยเชียว”
แขกในค่ำคืนนี้คือมาดามคิโชวอินและลูกสาว ฉันเอ่ยทักทายทั้งคู่แล้วนั่งลงข้างๆแม่ แม้จะแอบรู้สึกว่านี่มันชักจะยังไงๆอยู่นะก็ตาม
“ได้ยินว่าเมื่อครู่นี้คุณมาซายะช่วยคุณเรย์กะไว้ ต้องขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งเลยนะคะ” มาดามคิโชวอินค้อมหัวน้อยๆ “ลูกสาวคนนี้นี่ซุ่มซ่ามจริงๆ ทำให้คุณมาซายะต้องพลอยลำบากไปด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ มันไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร”
“โฮะโฮะโฮะ การช่วยเหลือเด็กผู้หญิงที่กำลังลำบากก็ถือว่าเป็นหน้าที่ของสุภาพบุรุษอยู่แล้วล่ะค่ะ”
“ต้องขออภัยอีกครั้งด้วยนะคะ” คิโชวอินค้อมหัวลง
การสนทนาเว้นช่วงไปเล็กน้อยเมื่อบริกรนำอาหารเข้ามาเสิร์ฟ ฉันตักอาหารเข้าปากไปเงียบๆ ไม่พูดไม่จายกเว้นแต่จะถูกถาม คิโชวอินเองก็นั่งอย่างสงบเสงี่ยมอยู่เหมือนกัน
“เด็กคนนี้นี่เหลือเกินจริงๆ เห็นดอกไม้สวยๆเป็นไม่ได้ ต้องเข้าไปดูใกล้ๆตลอด ที่ระเบียงก็เอาดอกกุหลาบมาปลูกให้เต็มไปหมด ดูแลเองไม่ยอมให้ใครแตะต้องเลย”
“ท่านแม่คะ…มันน่าอายออกนะ”
“ไม่เห็นน่าอายเลย เด็กผู้หญิงก็ต้องคู่กับดอกไม้สวยๆงามๆสิคะ” แม่จิบแชมเปญไปหัวเราะไป “แต่คุณเรย์กะชอบดอกไม้แบบนี้ ทราบรึเปล่าคะว่าโรงแรมนี้มีสวนอยู่ที่ชั้น roof ด้วย ทางเราเพิ่งให้บริษัทด้านจัดสวนมาตกแต่งใหม่เตรียมรับเทศกาลทานาบาตะ ดอกอาจิไซกำลังบานสะพรั่งได้ที่เลย ถ้าไม่รังเกียจก็ให้มาซายะพาไปชมได้นะคะ”
“แหม รบกวนท่านมาซายะเปล่าๆ”
“โอ๊ย รบกวนอะไรกันคะ เราน่ะคนกันเองทั้งนั้น ไม่รบกวนหรอกค่ะ”
ทางนี้ยังไม่ได้รับปากเลยนะ อย่าพูดเองเออเองแบบนั้นสิ