Last posted
Total of 1000 posts
อ่านที่แนะนำกันมา ไมมันแนวตรงกันข้ามกะแนวเอื่อยๆอย่างท่านเรย์กะเลยวะ 555555 แนวจริงจังทั้งนั้น(ยกเว้นบากะรีน่า)
ไม่ได้เข้ามาอ่านนานนคกว่าเข้าผิดมู้
>>767 เรื่องนี้กูอ่านต่อไม่ไหวละ ขนาดอ่านแต่สปอยยังปวดร้าวเลย ไม่ได้ตามนานละไม่รู้ว่าแปลอังกฤษถึงตอนไหน แต่อ่านสปอยบทคู่หมั้น กูก็เกลียดมันได้ไม่เท่าตอนแรกๆอะ T_T
>>768 https://www.novelupdates.com/series/my-fiance-is-in-love-with-my-little-sister/
>>>webnovel/4903/274-277/ ปิศาจตกอับ
" บ้านเจ้าอยู่ที่ไหน? "
" ไม่ต้องไปส่งข้าที่บ้านหรอกเพคะ... กรุณาพาข้าไปส่งที่ๆนึงแทนจะได้หรือไม่คะ? "
" ...เรื่องมาก "
ให้ตายซิผู้ชายคนนี้นี่น่าตบปากแล้วลากให้ครูดไปกับพื้นเสียจริง!
" ท่านเรฟีก้า! "
" แม่นาง! ล-ลูกข้าล่ะ ลูกข้าอยู่ที่ไหน?! "
" ไม่ต้องกังวลไปนะคะ ลูกของท่านปลอดภัยแล้วค่ะ ตอนนี้เขากำลังรักษาตัวอยู่ที่โบสถ์ในตัวเมือง "
" ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณจริงๆ ท่านช่างเป็นหญิงงามที่มีจิตใจประเสริฐยิ่งนัก "
อุหวา~ นางน้ำตาไหลไม่หยุดเลย ทำไมข้ารู้สึกเหมือนตัวจะลอยเลยล่ะ ไม่ได้นะๆ! แก้มข้ามันตึงไปหมดแล้ว!!
" ...บ้ายอ "
หลังยิงปืนใหญ่ลงมาที่หัวใจอันบอบบางของข้าแล้ว เจ้าอาร์ชดยุกผู้ไร้ความละเอียดอ่อนก็สะบัดก้นขึ้นรถม้ากลับไปทันที
ทิ้งให้ข้าวาดมือสาปแช่งเจ้าบ้านั่นในใจวนไปวนมาจนรถม้าลับสายตา...
จงอกหักตลอดชีวิตให้สมกับคำพูดที่ใช้บาดหัวใจสาวน้อยผู้มีจิตใจอ่อนไหวและอ่อนหวานอย่างข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปเถอะ!!!
วันนี้ข้าก็ยังไม่ได้เบาะแสอะไรที่เกี่ยวกับท่านพี่เลยแม้แต่น้อย...
ท่านบรรพบุรุษได้โปรดประทานเบาะแสที่จะสามารถทำให้ข้าพบกับท่านพี่ทีเถอะค่ะ
แล้วในคืนวันนี้ท่านลูซิเฟอร์ก็ประทานสิ่งที่ข้าร้องขอ...
ที่นี่คือความฝัน
ข้ามั่นใจว่ามันเป็นความฝัน เพราะตรงหน้าข้าคือแผ่นหลังของท่านพี่ที่กำลังเดินฝ่าหิมะผ่านเส้นทางที่ข้าไม่คุ้นเคย เอ๋~ ตรงนั้นมีวังด้วย ทาสีทองทั้งวังเลย ช่างดูโอ่อ่าสง่างามเหลือเกิน
ท่านพี่ยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ ข้างหน้านั่นอะไรน่ะ...
' ทาคาเทเรียน~ '
เสียงผู้ชายดังขึ้น ทันทีที่พี่หลังกลับมาภาพความฝันของข้าก็พลันสลายไป
" ท่านพี่! "
" ท่านเรฟีก้า! มีอะไรเกิดขึ้นหรือคะ? " เซรีก้าถามเสียงงัวเงียพลางขยี้ตาไปด้วย
" จริงหรือคะ?! จำได้หรือไม่คะว่าเห็นท่านทาคาเทเรียนทีไหน? " เคียคูราโนถามอย่างตื่นเต้น
" ข้าเห็นท่านพี่เดินผ่านหน้าวังไปที่ๆหนึ่งแต่ไม่ทันเห็นปลายทาง ความฝันก็สลายไปเสียก่อน "
" ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้เราลองสอบถามชาวบ้านเรื่องวังในเมืองนี้ดูดีหรือไม่คะ? "
" นั่นสินะ พรุ่งนี้ข้าจะลองดู "
เช้าวันนี้อากาศเย็นสบาย ดวงตะวันทอแสงอบอุ่น มีสายลมพัดเบาๆสมกับเป็นฤดูใบไม้ร่วง กุหลาบหลากสีที่เบ่งบานสดใสเสมอของข้า วันนี้กลับยิ่งสดใสมากกว่าเดิม เมื่อมีนางฟ้าเดินดินผ่านเข้ามาเยี่ยมเยียนเจ้าของพวกมัน
" อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเรฟีก้า คุณเคียคูราโน คุณเซรีก้า ข้าเพิ่งอบขนมปังสูตรใหม่เสร็จก็เลยเอามาให้ชิมน่ะค่ะ ยังร้อนๆอยู่เลยนะคะ "
ถึงจะบอกว่าเอามาให้ชิมก็เถอะ แต่ขนมปังเต็มตะกร้าเลยนี่นา สีสวยด้วยน่าอร่อยจังเลย~~
" ขอบคุณมากนะคะคุณวาคาเบลล์ นั่งทานด้วยกันสิคะ "
" ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ ขอบคุณมากนะคะ... จริงๆวันนี้ข้าตั้งใจจะมาชวนพวกคุณไปนมัสการพระผู้เป็นเจ้าที่โบสถ์น่ะค่ะ สนใจจะไปด้วยกันมั้ยคะ? "
" ขอผ่านค่ะ "
" ข้าก็ด้วยค่ะ "
" สามผ่านค่ะ "
" ...เสียดายจังเลยนะคะ วันนี้ที่โบสถ์เขาแจกเสบียงอาหารไว้ให้ตุนสำหรับฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงด้วยสิคะ "
...เอ๋? แจกเสบียงงั้นหรือ?!
ข้าสะบัดศีรษะไล่ความเสียดายออกไป เสบียงน่ะก็อยากได้อยู่หรอกนะ แต่ให้ไปที่โบสถ์น่ะนะ ...ยังไงก็ขอผ่านดีกว่า!
" คุณวาคาเบลล์พอจะรู้จักวังที่นี่บ้างหรือไม่คะ? "
" วังหรือคะ? ที่นี่มีวังอยู่แห่งนึงน่ะค่ะ แต่จะคล้ายปราสาทที่เป็นป้อมปราการสำหรับสอดส่องพวกแซ็กซอนมากกว่าเป็นที่ประทับของพวกราชวงศ์น่ะค่ะ ชื่อปราสาทลินซ์ "
" เอ่อ... ถ้าเป็นวังสีทองล่ะคะพอจะเคยเห็นบ้างหรือไม่? "
" ต้องขอโทษด้วยนะคะวังสีทองที่ว่าคงจะเป็นพระราชวังน่ะค่ะ สถานที่ทั่วไปนอกจากพระราชวังจะไม่ได้รับอนุญาตให้ทาเป็นสีทองหรือสีเหลืองหรอกนะคะแม้แต่ปราสาทลินซ์ก็เป็นสีขาวมุกน่ะค่ะ ...ที่ใกล้เคียงก็คงเป็นเฮลล์บรุนน์ที่ซาลส์บูร์ก แต่ไม่แน่ใจว่าจะใช่พระราชวังที่คุณเรฟีก้าถามหาหรือเปล่าเพราะเฮลลบรุนน์เป็นแค่พระราชวังที่สร้างไว้สำหรับพักผ่อนช่วงฤดูร้อนเท่านั้นน่ะค่ะ "
อ๋า~... เสียดายจัง
"พระราชวังที่ราชวงศ์ทรงประทับกันจะอยู่ที่เมืองหลวงเสียเป็นส่วนใหญ่น่ะค่ะ ข้าเองก็ไม่ค่อยเข้าเมืองหลวงเสียด้วย อันที่จริงข้าไม่เคยเหยียบเวียนนาเลยเสียด้วยซ้ำ "
" ... "
" แต่ข้ารู้จักคนที่เข้าออกเวียนนาบ่อยๆนะคะ! "
" จริงหรือค่ะ?! "
" อ้าว มาแล้วหรือวาคาเบลล์? "
" นมัสการค่ะคุณพ่อ "
ข้าเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องกลับมาที่โบสถ์นี้อีกแล้ว ทั้งๆที่ยืนกรานเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วเชียวว่าไม่อยากมาน่ะ แต่ก็นะในเมื่อบาทหลวงประจำโบสถ์คุ้นเคยกับเมืองหลวงแถมยังสนิทสนมกับอาร์ชดยุค ข้าก็คงเลี่ยงไม่ได้นั่นแหละ...
" ไปนั่งเสียสิ... ทั้งสี่คนนั่นแหละ"
วาคาเบลล์พาพวกเรามานั่งต่อหน้ารูปปั้นจีซัส
หืม...? อย่าบอกนะว่า
เห็นทีว่าลางสังหรณ์ของข้าจะดีไปหน่อย เพราะหลังจากหย่อนก้นลงไปนั่งบาทหลวงก็เริ่มพิธีนมัสการทันที...
อุหวา! ข้าจะทำยังไงดีล่ะ? จะให้พุ่งพรวดออกจากโบสถ์ไปก็คงจะโดนผู้คนสงสัยแน่ๆ แต่ถ้านั่งต่อไปพวกเราจะกลับสู่ร่างที่แท้จริงรึเปล่านะ?
ระหว่างที่ปิศาจสาวทั้งสามตนอย่างเรากำลังร้อนรน ข้าก็จ้องเขม็งไปที่บาทหลวงซึ่งมองตรงมาทางข้า และข้ามั่นใจว่าไม่ได้ตาฝาด... เมื่อกี้นี้ข้าเห็นบาทหลวงอมยิ้มที่มุมปาก!!
หลังจากนั่งฟังไปเรื่อยๆ ข้าก็พบว่าบทสวดไม่สามารถทำอะไรพวกเราได้เลยแม้แต่น้อย ถึงจะฟังแล้วรู้สึกรำคาญหน่อยๆก็เถอะ
ในที่สุดช่วงเวลาที่ข้ารอคอยก็มาถึง...
ขนมปังมาแล้ว~ เอ๊ะ! แก้วที่ใส่น้ำสีแดงๆนี่คืออะไรน่ะ?
จะเอ่ยปากถามวาคาเบลล์ ข้าก็กลัวว่านางจะเริ่มมองข้าประหลาดไปเสีย ข้าก็เลยต่อแถวตามนางแล้วพยามยามจำว่าต้องทำอย่างไรบ้าง
" แผ่นปังเปรียบเสมือนพระวรกาย ไวน์แดงดุจดั่งพระโลหิต เมื่อเจ้ารับมันเจ้าจะเป็นหนึ่งเดียวกับพระผู้เป็นเจ้า "
บาทหลวงเอ่ยเสียงเบาๆพร้อมส่งรอยยิ้มหวานและยื่นแผ่นปังจุ่มไวน์แดงมาให้
...นี่เขาอ่านใจข้าได้หรืออย่างไรกัน น-น่ากลัวเกินไปแล้ว!!
แต่คงจะมีแต่ข้าที่รู้สึกหวาดกลัวบาทหลวงรูปนี้ เพราะข้าได้ยินเสียงหายใจดังเฮือกมาจากรอบโบสถ์
ที่จริงข้าก็สังเกตมาสักพักแล้วล่ะว่าทำไมในโบสถ์ถึงมีแต่สตรี... เอาเป็นว่าข้าแจ้งแก่ใจแล้วล่ะ
จากรูปร่างหน้าแล้วข้าคาดว่าเขาคงจะอายุไล่เลี่ยกับข้านั่นแหละ อายุพอๆกับข้าแต่ได้เป็นบาทหลวงเนี่ยนะ! น่าประหลาดเสียจริง...
ในขณะที่หญิงส่วนางอื่น รวมถึงเซรีก้าและเคียคูราโนต่างก็เคลิบเคลิ้มไปกับริยยิ้มของบาทหลวงที่ข้ารู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด วาคาเบลล์ก็ดูตั้งอกตั้งใจทานแผ่นปังอย่างมุ่งมั่น... สมกับเป็นนางฟ้าเดินดินจริงๆ
ส่วนตัวข้านั้นก็กัดแผ่นปังจุ่มไวน์แดงอย่างหงุดหงิด!
...ไม่เห็นจะอร่อยตรงไหนเลย...
ทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะไม่กินสุราก่อนอายุครบ 20 ปีแล้วแท้ๆ แต่ดันมาเสียรู้ให้กับพิธีนมัสการเสียได้ เจ็บใจนัก!
แต่ที่น่าหงุดหงิดยิ่งกว่านั้น คือรอยยิ้มของเขาที่ติดอยู่ในหัวต่างหาก คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าเคยเห็นรอยยิ้มแบบนี้มาจากที่ไหนสักแห่งหรือจากใครสักคน
...แต่ก็เอาเถอะ จุดมุ่งหมายของข้าคือการตามหาท่านพี่และพากลับไปช่วยสะสางหนี้ที่คั่งค้างในเมืองปิศาจต่างหาก ไม่ใช่ตามหาปริศนารอยยิ้มของบาทหลวงเสียหน่อย!!
++++++++++++++++
>>772 เกรงใจโม่งซุยรัน กูไปสปอยล์ที่ห้องนาโร่ละ
>>>/webnovel/2413/348
อยากเล่นกับชูสุมอยแบบนี้ว่ะ ว่าไปก็คิดถึงฟิคมะหมาจริงๆ
https://twitter.com/zboah/status/959166987615326208
ไซซายะ ชูสุมอย เรย์ทันจะอายุครบขวบนึงกันแล้วนี่หว่า 5555555
ทำไมฟิคหมาไม่มีท่านพี่มาปกป้องเรย์ทัน ปล่อยให้โดนไซซายะรังแก ถถถถ
มึงงง กูเพิ่งอ่านฟิคเอ็นโจเลี้ยงต้อยที่มาเกิดใหม่ในโลกคิมิดอล เผ็ดสัส ถ้าโม่งฟิคคนนั้นยังอยู่ กูอยากแสดงความเคารพ สนุกสัสๆค่ะ กูจะร้อง รักๆๆๆๆๆ
อยากได้กาวอ่ะโม่งงงง จะกวนกาวเองก็ไม่เจ๋งพอ เศร้า
แอบรอเธออยู่นะจ้ะ แต่เธอไม่อัพบ้างเลย~ //กดปิดกระทู้ไปแบบเหงาๆ อฟช.ไม่อัพ กาวมาก็ยังดีนะจ้ะ*_*
ต่อจาก >>770-771 ฟิคปีศาจตกอับ
----------------------------------
การจะเข้าไปถามเรื่องวังในความฝันกับบาทหลวงนั้นยากเสียยิ่งกว่าเดนทางดั้นด้นไปตามหาวังเองเสียแล้วกระมัง? ในเมื่อตั้งแต่เสร็จพิธีนมัสการบาทหลวงก็ยังไม่ได้ก้าวออกจากห้องสารภาพบาปเสียที แถมยังมีหญิงสาวอีกนับสิบต่อแถวรอพบอีก สงสัยจริงๆว่าพวกนางไปทำบาปอะไรมากันแน่...
วาคาเบลล์เองก็รับเสบียงอาหารมาจากภคินีแล้ว ถึงใจจะอยากให้อยู่ด้วยกันต่อ แต่ทุกคนก็มีธุระเหมือนกัน สุดท้ายข้าก็เลยต้องมานั่งรอบาทหลวงต่อไปคนเดียว
ให้ตายสิมานั่งรอผู้หญิงเมืองนี้ไปสารภาพบาปนี้มันสูบพลังชีวิตข้าไปเยอะจริงๆ
จะว่าไปแล้วข้าเองก็มีอะไรให้ทำในโบสถ์นี้เหมือนกันนี่นา~
" สวัสดี อาการเจ้าเป็นยังไงบ้าง? "
" พี่สาว... พี่สาวที่อุ้มข้ามาที่โบสถ์ใช่มั้ยฮะ? "
" ใช่จ๊ะ "
เด็กน้อยยิ้มรับอย่างตื่นเต้น เด็กๆนี่น่ารักจริงๆเลยน้า~
" ท่านดูสวยเหมือนที่แม่กับท่านบ-- "
" อ้าว! มาอยู่ที่นี่เองรึ? ข้าก็หาอยู่น่ะว่าเจ้าอยู่ที่ไหน "
เด็กชายยังพูดไม่ทันจบ บาทหลวงก็เข้ามาขัดเสียก่อน ...เอ๋~ ทำไมเสร็จเร็วนักล่ะ เมื่อกี้ข้ายังเห็นผู้หญิงออกันแน่นหน้าห้องอยู่เลยนี่
" ข้าเห็นว่าท่านยังติดธุระน่ะค่ะก็เลยมาเยี่ยมเด็กคนนี้ก่อน "
" งั้นหรือ? เช่นนั้นข้าวานให้เจ้าอยู่เป็นเพื่อนเด็กคนนี้สักครู่ก่อนแล้วกันนะ "
อุหวา~ เด็กน้อยอย่ามองข้าด้วยสายตาอ้อนวอนอย่างนั้นสิ
" ได้ค่ะ " รับคำเพราะเห็นแก่เด็กหรอกนะคะ
ข้านั่งคุยเล่นกับเด็กน้อยเพียงครู่หนึ่ง บาทหลวงก็เข้ามาพร้อมตะกร้าแอปเปิ้ล หืม? จะให้ช่วยปอกหรือคะ? ถึงข้าจะมีความสามารถทางด้านการทำอาหารที่ไม่เอาไหนแต่แค่ปอกแอปเปิ้ลน่ะเรื่องง่ายๆหรอกนะ!
จะว่าไปแล้วข้ามาที่นี่เพื่อถามเรื่องวังที่ฝันเห็นนี่นา จะเริ่มหัวข้อสนทนายังไงดีล่ะ... ตายจริง! ถ้าไม่กล้าแม้แต่จะถามขนาดนี้ข้าจะได้พบกับท่านพี่เมื่อไหร่กันเล่า!!
" อ๊ะ! "
" มีดบาดหรือ? "
ให้ตายสิ! มัวแต่คิดอะไรจนเพลิน เผลอทำมีดบาดนิ้วเฉยเลย
" แค่นิดหน่อยเองค่ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก "
" แค่นิดหน่อยก็ไม่ได้ อย่าย่ามใจนักสิ... มาเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปล้างแผล "
" ไม่เป็นไรจริงๆนะคะ! "
สุดท้ายข้าก็แพ้แรงลากของผู้รับใช้พระเจ้ามายืนตรงหน้าอ่างล้างจานจนได้ น่าอัปยศเสียจริง...
เอ๋~ จะทำอะไรน่ะ?!
" จ- จับไม่ได้นะคะ! "
เสียงโวยวายของข้าทำให้บาทหลวงตกใจเล็กน้อยก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ
จะให้จับได้ยังไงล่ะ เลือดปีศาจน่ะเป็นพิษสำหรับมนุษย์ธรรมดานะ!
ไม่ต้องกังวลไปหรอก ทำราวกับว่าเลือดเจ้ามีพิษเสียอย่างนั้นแหละ "
เฮือก!... นี่ข้าทำตัวให้น่าสงสัยขนาดนั้นเลยหรือ!
ในขณะที่ข้ากำลังตกใจ บาทหลวงก็ฉวยมือข้าไปล้างน้ำ
ก็บอกว่าอย่าจับไงเล่า!!
" เจ้าน่ะ... เป็นปีศาจใช่หรือไม่? "
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นจ้องมองมาที่ข้า แม้นิ้วของเขาจะยังลูบล้างแผลที่นิ้วของข้าอยู่ก็ตาม
" จ- เจ็บ "
ถึงจะรู้สึกแสบนิดหน่อยแต่ก็ไม่ถึงขั้นให้ร้องโอดโอยหรอก เพียงว่าหากข้าไม่เบี่ยงประเด็นเห็นทีข้าคงจะโดนสังหารเสียที่นี่กอนพบท่านพี่เป็นแน่!
" ขอโทษนะ... ข้าแค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้น ทำไมถึงต้องทำหน้าซีดขนาดนั้นด้วยล่ะ? "
" ท่านเป็นถึงบาทหลวงนะคะ มาพูดเรื่องแบบนี้เล่นๆได้อย่างไรกัน! ขืนมีใครมาได้ยินเข้าแล้วจับข้าไปเผาขึ้นมาจะชดใช้ยังไงล่ะคะ! "
" ขอโทษๆ " เขายกมือยอมแพ้หากแต่ใบหน้าอมยิ้ม... นี่รู้สึกผิดจริงๆหรือคะ?
ข้าไม่ให้อภัยหรอกนะ! ทำหัวใจสาวน้อยอกสั่นขวัญแขวนไปด้วยความกลัวอย่างนี้น่ะ!
" ว่าแต่เจ้าเถอะ เห็นวาคาเบลล์บอกว่ามีธุระกับข้านี่ "
" ...คือข้ากำลังจะเดินทางเข้าเวียนนาน่ะค่ะ แต่ข้าไม่รู้จักเส้นทางในเมืองเลย วาคาเบลลบอกว่าท่านเข้าออกเมืองหลวงบ่อย ข้าก็เลยอยากจะถามถึงสถานที่ในเมืองหน่อยน่ะค่ะ "
" แล้วจุดหมายของเจ้าอยู่ที่ไหนล่ะ? "
" บริเวณพระราชวังน่ะค่ะ "
" ...จะไปที่นั่นทำไมกันนะ? "
อ๊ะ! นั่นสิ ข้าจะไปที่นั่นทำไม เรฟีก้าหาเหตุผลมาเร็วๆเข้า!
" ญ- ญาติของข้าอยู่ใกล้ๆที่นั่นน่ะค่ะ ข- ข้าจะไปเยี่ยมญาติ "
" งั้นหรือ?... เวียนนาน่ะมีพระราชวังอยู่สองที่นะ มีเชินน์บรุนน์กับฮับส์บูร์ก ...ญาติเจ้าอยู่ที่ไหนกันแน่? ไม่สิ ทำไมญาติเจ้าถึงไม่มารับเจ้าด้วยตัวเองกันล่ะ? "
" อ่า... ญาติข้ากำลังป่วยหนัก มารับข้าด้วยตัวเองไม่ไหวหรอกค่ะ "
อ๊า... ท้องมันใหญ่ขึ้นแล้ว!!
" ที่จริง อีกไม่กี่วันข้างหน้าจักรพรรดินีจะจัดงานเต้นรำที่เชินน์บรุนน์ เจ้าไม่ลองขอติดรถม้าของใครสักคนในลินซ์ดูล่ะ "
" ...ติดรถม้างั้นหรือคะ? "
" หรือเจ้าจะรอเข้าเวียนนาพร้อมข้าล่ะ แต่ข้าเองก็ยังไม่มีเวลาว่างในเร็วๆนี้เลยสิ "
" ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ "
" ...แน่ใจนะว่าเจ้าไม่ใช่พวกเติร์ก "
" ไม่ใช่แน่นอนค่ะ! "
บาทหลวงตัวสั่นโยน ...จะขำอะไรนักหนาล่ะย่ะ
"ถ้าเจ้ามีปัญหาอะไรก็มาปรึกษาข้าได้นะ หน้าที่ของข้าคือการชี้ทางให้'ลูกแกะ'หลงทางอยู่แล้ว "
อะไรน่ะ! ลูกแกะอย่างงั้นหรือ? อุหวา~ เกิดมาจนอายุ 17 นอกจากท่านพี่แล้วก็ไม่เคยมีชายใดมาเปรียบเทียบข้ากับสัตว์ขนขาวน่าเอ็นดูเลยสักคน! หนอยแน่! เจ้าบาทหลวงใช้คำพูกแบบนี้กับผู้หญิงได้ยังไง หรือแอสโมเดียสกำลังสิ่งสู่บาทหลวงอยู่กันนะ!!
จะว่าไปแล้ว... จริงๆในไบเบิ้ลก็เปรียบเทียบมนุษย์กับฝูงแกะอยู่แล้วนี่นา เปรียบเทียบข้ากับแกะก็ถูกต้องแล้วนี่... บ้าจริงเชียว! เพราะว่าข้าเติบโตมาราวกับหญิงสาวในอารามชีทั้งที่ไม่มีอยู่จริงในโลกปีศาจสินะถึงได้ตื่นเต้นกับคำพูดแบบนี้น่ะ! ที่สำคัญคนพูดก็เป็นคนที่ละทางโลกแล้วด้วย เจ็บใจความไร้เดียงสาของตัวเองจริงๆ!!
" เรฟีก้า พรุ่งนี้เจ้าจะมาที่นี่อีกหรือไม่? "
" ท่านรู้จักนามข้า... "
" ข้าได้ยินวาคาเบลล์เรียกเจ้าน่ะ ว่ายังไงพรุ่งนี้จะมาที่นี่รึเปล่าล่ะ? "
" ...มาที่นี่? "
ทำไมต้องมาโบสถ์อีกด้วยล่ะ ถ้าเลือกได้ก็ไม่ได้อยากมาบ่อยๆหรอกนะ!
" ก็เด็กคนนั้นอยากให้เจ้ามาเยี่ยมบ่อยๆน่ะ แม่ของเขาเป็นหญิงรับใช้ในคฤหาสน์เศรษฐี นางเลยไม่ค่อยมรเวลามาดูแลลูกสักเท่าไหร่ "
ตายจริง... ยังเล็กอยู่แท้ๆ น่าสงสารจัง
" ถ้าท่านอนุญาต ข้าก็จะมาดูแลเขาจนกว่าจะรักษาตัวจนหายก็แล้วกันนะคะ "
" ข้าอนุญาต ขอบใจเจ้ามากนะ "
นี่ข้ากำลังหาเหาใส่หัวอยู่รึเปล่านะ... แต่คงจะไม่ใช่หรอก มาอยู่กับเด็กน่ะจะเป็นการทำร้ายตัวเองได้ยังไงกัน เิาเป็นว่าพรุ่งนี้ข้าจะมาดูแลเด็กน้อยที่น่าสงสารแล้วเอาผ้ามาเย็บไปพลางๆดีกว่า
จะว่าไปแล้วข้าต้องส่งผ้าที่เย็บเสร็จแล้วให้ที่ร้านในสัปดาห์หน้านี่นา... ตายจริงยังเย็บไม่ถึงตัวเลย!
------------------------------------------
Fic
เหมาเหมาเงยหน้ามองท้องฟ้าพลางคิดในใจว่า
'มันเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกันนะ'
เมื่ออรุณมาเยือนยามตื่นขึ้นมาเหมาเหมารู้สึกคุ้นเคยกับห้องของตัวเองอยู่บ้าง
ที่ว่าคุ้นเคยอยู่บ้างนั้นเป็นเพราะห้องที่เหมาเหมาตื่นขึ้นมาหาใช่ห้องปกติของนางไม่ แต่กลับเป็นห้องที่นางเคยตื่นขึ้นมาเมื่อครั้งพบกับเรื่องราวอันน่าอัศจรรย์ในครั้งก่อน
เหมาเหมายังจดจำคุณหนู่จี้(เจ้าแม่) เการั่วเย่(วาคาบะ) คุณชายเฉิง(เอ็นโจ) ได้เป็นอย่างดี บางครั้งกระทั่งยังนึกถึงเรื่องราวถัดจากตอนที่คุณชายเฉิงฝากหิ่งห้อยกรงไม้สานให้กับท่านหญิงจี้อยู่บ้าง
เรื่องราวต่อจากนั้นย่อมเป็นฉากฝันอันงดงามรอบหนึ่ง
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ยามนี้เหมาเหมากลับคิดไม่ตกว่า
'เรื่องราวแปรเปลี่ยนมาเป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกันนะ'
เมื่อตื่นขึ้นมาในห้องเดิมเป็นครั้งที่สอง เหมาเหมาไม่ตื่นเต้นตกใจอย่างครั้งแรก
อย่างไรนางเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาย่อมสามารถกลับไปยังพระราชวังที่ตนเคยอยู่ได้ ดังนั้นเหมาเหมาเพียงทำใจรอบหนึ่งก่อนจะออกไปทักทายผู้คนที่คุ้นเคยเมื่อครั้งก่อน
กระทั่งยามสายเหมาเหมาเห็นท่านหญิงจี้(เจ้าแม่)กำลังทำท่าทางลับๆ ล่อๆ อยู่บริเวณสวนอุทยานที่พบกันเมื่อคราวก่อน
"เหมาเหมา!" ท่านหญิงจี้ตะโกนขึ้นมาอย่างดีใจก่อนจะตรงเข้าหานางอย่างรวดเร็วแล้วกล่าว "รีบด่วน พาข้าไปซ่อนตัวเร็วเข้า"
เหมาเหมามึนงงกับเหตุการณ์เล็กน้อย ขณะจะพาท่านหญิงจี้(เจ้าแม่) ไปหลบที่ห้องของตนก่อนนั้นกลับมีเสียงบุรุษดังขึ้นมา
"จี้ลี่ฮวา(ชื่อเต็มเจ้าแม่) เจ้าจะไปไหน"
ผู้กล่าวกลับเป็นไท่จื่อมู่หย่าไจ(คาบุรากิ)
จากนั้นเหมาเหมาถูกท่านหญิงจี้ลากตัวมาเป็นเพื่อนในขณะที่ไท่จื่อมู่หย่าไจพานางไปยังลานฝึกยุทธ์
"ไท่จื่อเจ้าคะ ข้าเป็นเพียงสตรีอ่อนแอ"
"เพียงออกกำลังรอบลานกว้างเท่านั้น เราไม่ได้ให้เจ้าไปต่อยตีผู้คนเสียหน่อย"
"ลานฝึกยุทธ์กว้างออกเช่นนี้ ไท่จื่อท่านไม่คิดว่าข้าจะสิ้นสติไปก่อนหรือ"
"หากเจ้ารู้สึกวิงเวียนก็พักครู่หนึ่งค่อยกระทำต่อ"
"โหดร้ายนัก! ไท่จื่อกล่าวมาตามตรงที่แท้ท่านเห็นข้าเป็นสตรีหรือไม่"
"ถ้าเจ้าไม่ออกกำลังเสียบ้าง ต่อไปเจ้ากลายเป็นตัวที่เป็นไส้ซาลาเปาของเการั่วเย่(วาคาบะ)ก็ได้"
"ท่าน! ท่าน! หากไม่ใช่ท่านรบเร้าพัวพันอยากรู้เรื่องราวสามัญชนอยู่ร่ำไปข้าไหนเลยรับประทานไปถึงเพียงนั้น ล้วนเป็นเพราะไท่จื่อท่านทั้งสิ้น!"
เหมาเหมาเห็นไท่จื่อมู่หย่าไจ(คาบุรากิ)กับท่านหญิงจี้(เจ้าแม่)พูดคุยกันสนิทสนม แต่ครั้งล่าสุดยังจำได้ว่าตนส่งหิ่งห้อยกรงไม้สานของคุณชายเฉิง(เอ็นโจ)ไปให้ท่านหญิงจี้(เจ้าแม่)
เหมาเหมาเลื่อนสายตาไปยังท้องฟ้าอีกครั้งพลางคิดในใจว่าเรื่องราวเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกันนะ
Fic เหมาเหมากับเหลากรงไม้สาน 1/?
แปะ fic
ต่อจากตอนที 299
.
.
.
.
หลังการเทรนนิ่งของคาบุรากิ ฉันลากสังขารกลับถึงบ้านด้วยความเหนื่อยล้า ปวดเมื่อยไปทั้งตัวเชียวค่ะ ยังไม่ทันจะได้ทานอาหารค่ำก็มีแมสเสจจากคาบุรากิให้รายงานเมนูอาหารและย้ำเรื่องการควบคุมแคลลอรี่มาอีกแล้ว เห็นแล้วก็พาลให้อารมณ์เสีย นี่เพิ่งกลับถึงบ้านยังไม่มีอะไรตกถึงท้องก็โดนตามจิกซะแล้ว แว๊บนึกฉันเองก็คิดจะต่อต้าน หาขนมทานจุบจิบมาทานแก้โมโห แต่ก็นะสุดสัปดาห์นี้มีนัดกับยูกิโนะคุง คงต้องต้องตัดใจเรื่องขนมไปซักพัก ไดเอทอย่างจริงจังจนถึงวันที่นัดไปดูดอกไม้ไฟล่ะค่ะ ก็เดรสที่เลือกไว้วันก่อนถ้าขืนพุงป่องก็จะเห็นชัดเลยนะคะ อีกแค่4วันเอง จะทันไหมนะ กลุ้มใจจัง
หลังจากฉุกคิดว่าต้องรีบรีดไขมันก่อนเจอยูกิโนะคุงให้ได้ ฉันก็แวะไปเทรนนิ่งกับคาบุรากิทุกวันหลังคลาสกวดวิชาไม่ได้บิดพลิ้วอีก คาบุรากิก็มีทีท่าพอใจ ชมเชยความมีวินัยของฉัน “คิโชวอิน ทำได้ดีมากนะ พยายามต่อไปแบบนี้อีกไม่นาน รับรองว่าไม่มีใครเปรียบขาเธอกับกีบหมูอีกแล้ว”
เดี๋ยวนะ ไม่มีใครเรียกฉันแบบนั้นนอกจากนายนั่นแหละ กำลังจะพูดต่อว่าออกไปก็ได้ยินเสียงทักทายขัดซะก่อน
“หวัดดีฮะ พี่เรย์กะ” หันไปก็เจอรอยิ้มของเทวดาน้อยในชุดกีฬาน่ารัก เดินมากับเอ็นโจ
“ยุกิโนะคุง...ท่านเอ็นโจ สวัสดีค่ะ” ยูคิโนะคุงในชุดกางเกงขาสั้นและเสื้อแบบมีฮู้ดสีฟ้าอ่อนดูสดใส เห็นแล้วก็ลืมเรื่องขุ่นใจไปหมดเลยค่ะ
“สวัสดีครับคุณคิโชอิน วันก่อนมาซายะเล่าให้ฟังเรื่องเทรนนิ่ง ยูกิโนะเลยอยากมาลองเล่นบ้างน่ะ กำลังจะให้เทรนเนอร์วางโปรแกรมออกกำลังกายที่เหมาะสมให้” เอ็นโจยิ้มกับฉันแล้วก็หันไปพยักหน้าทักทายคาบุรากิ
“ฮะ ท่านพี่มาซายะบอกว่าคุณพี่เรย์กะก็มาเทรนด้วย” ยูกิโนะคุงพูดด้วยเสียงร่าเริง
คาบุรากิ นายคงไม่ได้เที่ยวไปบอกใครต่อใครว่าฉันมารีดน้ำหนักนะยะ
“งั้นหรอจ้ะ...พี่เองก็มารบกวนท่านคาบุรากิให้แนะนำเรื่องการออกกำลังเบาๆแค่เพื่อรักษาสุขภาพน่ะ” ไม่นะ จะให้ยูกิโนะคุงเข้าใจผิดว่าฉันเป็นพวกบ้าพลังแบบนายคาบุรากิไม่ได้เป็นอันขาด
“อ้อ วันก่อนพี่มาซายะเล่าเรื่องไปดูดอกไม้ไฟบนเรือครุยเซอร์ ผมกับพี่ชายเลยชวนคุณพี่เรย์กะไปดูดอกไม้ไฟด้วยกันพรุ่งนี้ล่ะฮะ” ยูกิโนะคุงหันไปพูดกับคาบุรากิ
ต่อจาก >>812
.
.
.
.
.
คาบุรากิหันมาสบตาฉัน แล้วรีบเมินหน้าหนี นั่นแหนะ กลัวถูกจับได้ว่านัดวาคาบะจังไปชมดอกไม้ไฟสินะ คิดรึว่าจะแอบหนีออกจากหมู่บ้านคานทองได้โดยหัวหน้าหมู่บ้านอย่างฉันไม่รู้
“พวกนายชวนคิโชวอินไปดูดอกไม้ไฟกันตั้งแต่เมื่อไหร่...แล้วจะไปดูที่ไหนหรือ” คาบุรากิถามเอ็นโจด้วยสีหน้าหงุดหงิด หึ ทำเป็นกลบเกลื่อนสินะคะ แหม พวกเราไม่ตามไปขัดจังหวะเดทของนายกับวาคาบะจังหรอกน่า
“วันนั้นพอยูกิโนะได้ยินว่านายวางแผนจะล่องเรือดูดอกไม้ไฟ ก็เลยอยากดูบ้าง พอนายกลับไปก็โทรไปรบเร้าคุณคิโชวอินน่ะสิ พวกเราจองโต๊ะที่ภัตตาคารไว้น่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก” เอ็นโจบอกชื่อภัตตาคารออกไป คาบุรากิก็พยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงรับรู้
“พรุ่งนี้แล้วสินะฮะที่จะได้เห็นคุณพี่เรย์กะในชุดกิโมโนฤดูร้อน ตื่นเต้นจังเลย” ยูกิโนะคุงหันมายิ้มกว้างให้ฉัน ทำเอาฉันเคลิบเคลิ้มแต่ว่า...เดี๋ยวนะคะ ภัตตาคารนั่นไม่ค่อยเหมาะกับชุดกิโมโนฤดูร้อนนะคะ แย่ล่ะ ทำไงดี ขณะที่ฉันกำลังอึกอักอยู่นั้น เอ็นโจ้ก็ดุยูกิโนะคุงเบาๆ “นี่นายอย่าเอาแต่ใจตัวเองนักสิ ภัตตาคารที่จองไว้บนยอดตึกมีเดรสโค้ด ต้องฟอร์มอล ไม่เหมาะกับกิโมโนฤดูร้อนหรอก อย่าทำให้คุณคิโชวอินต้องลำบากใจสิ” แล้วก็หันมาพูดกับฉัน “ไม่ต้องตามใจหรอกเขาหรอกนะ คุณคิโชวอิน”
จริงๆชุดกิโมโนฤดูร้อนก็มีอยู่แหละค่ะ ท่านแม่เองมาจากเกียวโต ทุกปีก็จะสั่งกิโมโนจากร้านกิโมโนเก่าแก่ที่นั่นมาเสมอ นัยว่าเป็นการสนับสนุนร้านค้าประจำที่ทุ่มเทออกแบบผลงานใหม่ๆมาให้ แต่ว่า ใส่ไปภัตตาคารยอดตึกคงไม่เหมาะจริงๆนั่นแหละ กำลังตัดสินใจจะบอกยูกิโนะคุงไปตรงๆ ยูกิโนะคุงก็ทำหน้าเศร้า
“ไม่ได้เหรอครับ ทั้งที่เป็นงานชมดอกไม้ที่เหมาะกับการใส่ชุดกิโมโนฤดูร้อนแท้ๆ ขอโทษด้วยนะครับ” ยูกิโนะคุงก้มหน้าพูดเบาๆ เฮ้อ...เห็นแบบนี้แล้วก็ปฏิเสธไม่ลงแล้วล่ะค่ะ หรือว่าเลือกกิโมโนที่ดูฟอร์มอล ทนร้อนเอาหน่อยดีนะ ขณะกำลังคิดว่าจะแก้ปัญหายังไง ก็ได้ยินคาบุรากิพูดขึ้นมา
“พวกนายมาดูดอกไม้ไฟบนเรือกับฉันก็ได้นะ” คาบุรากิบอกเอ็นโจ
หา...
“จริงหรือครับท่านพี่มาซายะ” ยูกิโนะคุงเงยหน้า ตาเป็นประกายอย่างมีความหวัง
“ไม่เหมาะมั้งคะ ท่านคาบุรากิ” ไม่ดีนะจ้ะยูกิโนะคุง คาบุรากิกำลังจัดใหญ่เดทสาวนะ เดี๋ยวเดทล่มพวกเราอาจจะซวยกันหมดนะจ้ะ
“นั่นสิ มาซายะ นายวางแผนไว้แล้ว เปลี่ยนกระทันหันอย่างนี้จะดีเหรอ” เอ็นโจติงเรียบๆ
“ไม่เป็นไรหรอก ทางนี้ก็ไม่ได้ วางแผนอะไรมาก ไปกันหลายๆคนก็ได้” คาบุรากิยืนยัน ดูอารมณ์ดีขึ้นบ้างแล้ว
แต่อย่างนายมีรึจะไม่วางแผนจัดเต็ม ทำไมจู่ๆเปลี่ยนใจกระทันหันล่ะ หรือว่าคาบุรากิคิดได้เองว่าการสารภาพรักตอนอยู่บนเรือสองคนน่ะ ไม่เวิร์ค
ก็แหม การถูกจู่โจมบอกรักบนเรือครุยเซอร์กลางทะเลนี่ก็เป็นสถานการณ์ที่น่าอึดอัดมากเลยนะคะ คิดดูสิ อยู่กลางทะเลกันสองคน ถ้าเกิดปฏิเสธไปแล้วอีกฝ่ายโมโหจับเราโยนทะเลหรือเสียใจจนโดดจากเรือฆ่าตัวตายแล้วจะทำไงคะ
คาบุรากิฉุกคิดถึงข้อนี้เองได้ก็นับว่ามีสามัญสำนึกอยู่พอควร คงอยากให้เพื่อนๆช่วยไปคลายบรรยากาศสินะ อีกอย่างแต่ถ้านักเรียนซุยรันรู้เข้าว่าคาบุรากิชวนวาคาบะจังขึ้นเรือครุยเซอร์กันสองคนคงเป็นเรื่องใหญ่ แต่ถ้ามีเอ็นโจและฉันไปด้วยก็เหมือนว่าวาคาบะจังได้รับการยอมรับจากพวกเราแล้ว หนทางรักของนายในซุยรันคงจะราบรื่นขึ้นสินะคะ
แล้วถึงแม้ว่า คาบุรากิเกิดบ้าจี้สารภาพรักกับวาคาบะจังแล้วโดนวาคาบะจังปฏิเสธ มีเอ็นโจอยู่ด้วย คงพอฉุดตาบ้านี่ไม่ให้โดดน้ำฆ่าตัวตายได้แหละ
พอคิดถึงความพยายามและพัฒนาการของคาบุรากิก็ทำให้ซาบซึ้งจนอยากเอาใจช่วยนะคะ วาคาบะจัง ท่านเอ็นโจ ฝากด้วยนะคะ
มีพิมพ์ผิดบ้าง ขออภัยเพื่อนโม่งด้วย
แต่ง fic ต่อได้ป่าว ถ้าไม่ได้ก็บอกเน้อ
>>819 "คิโชวอิน"
"คะ..."
"ฉันนี่มันโง่จริงๆเลยนะว่ามั้ย มีของดีอยู่ใกล้ตัวแต่ดันไม่เห็นค่า เอาแต่ไปไล่ตามคนอื่นอยู่ได้"
"ค่ะ"
"ฉันน่าจะรู้ตัวนานแล้ว ว่าที่จริงแล้วฉันน่ะ รักใครมาตลอด..." คาบุรากิมองฉันด้วยสายตาลึกซึ้ง อะ...อะไรกัน หมายความว่ายังไงน่ะยะ อย่าบอกนะว่า...
"ดะ เดี๋ยว เดี๋ยวก่อนค่ะ ฉันว่ามัน..."
"คนที่ฉันรักน่ะ..." คาบุรากิพูดต่อไปไม่ได้ฟังเสียงห้ามของฉันเลย แย้มรอยยิ้มแถมสายตายังเป็นประกายราวกับกำลังนึกถึงเรื่องที่ทำให้มีความสุขอย่างไรอย่างนั้น
"ท่านคาบุรากิคะ"
"ก็คือชูสุเกะยังไงล่ะ"
สายตาของคาบุรากิไปหยุดอยู่ที่คนข้างๆตัวฉัน เอ็นโจเงยหน้าขึ้น สีหน้าท่าทางดูสับสน
"มาซายะ"
คาบุรากิประกาศเสียงดังฟังชัดแล้วก็ก้มหัวลง "ขอโทษนะที่เอาแต่มองข้ามความรู้สึกของนายมาโดยตลอด ฉันมัวแต่ไปยึดติดกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่จากนี้ฉันมั่นใจแล้วว่าคนที่ฉันรักจะเป็นใครไม่ได้อีกนอกจากนาย"
"มาซายะ"
"ขอบคุณที่รอกันมาจนถึงป่านนี้ ให้ฉันได้แน่ใจความรู้สึกของตัวเองซักที" คาบุรากิมาหยุดยืนตรงหน้าเอ็นโจ ส่งยิ้มให้ "ฉันรักนาย"
เอ็นโจยิ้มตอบ
"ฉันรู้"
--------------
เราลืมใครไปรึเปล่าน้อ
กรี๊ดดดด ถ้าเป็นแบบนี้จะหักมาก แบบแตกละเอียดเลยอ่าาา
จะฟินก็ไม่ใช่จะเจ็บใจก็ไม่เชิง อารมณ์กูแบบกูอธิบายไม่ถูก 55555
fic ต่อจาก >>813 นะ
.
.
.
.
.
พอฝากฝังคาบุรากิไว้กับวาคาบะจังและเอ็นโจไว้ในใจได้ ฉันเองก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้น คิดอีกทีนี่ก็เป็นโอกาสอันดีที่ฉันสามาถใช้เป็นข้ออ้างเรื่องมิตรภาพระหว่างฉันกับวาคาบะจังได้เหมือนกัน หลังจากงานนี้ก็สามารถบอกกับใครๆได้ว่ามีโอกาสสนิดสนมกับวาคาบะก็เพราะยูกิโนะคุงชวนไปล่องเรือชมดอกไม้ไฟพร้อมท่านคาบุรากิและท่านเอ็นโจ โฮะ..โฮะ..โฮะ.. ต่อไปเจอกันที่ไหนก็สามารถแสดงความเป็นกันเองกับวาคาบะจังได้บ้างโดยไม่ต้องกลัวคาบุรากิจะจับได้แล้วสินะ เรื่องโคโระอะไรนั่น ลืมๆมันไปซะเถอะค่ะ
ถึงคาบุรากิจะบอกว่าตั้งใจให้เป็นแต่การล่องเรือชมดอกไม้ไฟง่ายๆ ไม่ได้จัดหรูหราอะไร แต่ฉันก็ไม่อยากทำลายความคาดหวังของยูกิโนะคุง เย็นนั้นกลับบ้านก็วุ่นวายหยิบเอากิโมโนฤดูร้อนมาเลือกพร้อมขอคำปรึกษาจากท่านแม่ การแต่งกิโมโนฤดูร้อนที่มีอิมเมจสบายๆ จริงๆก็มีรายละเอียดเยอะอยู่นะคะ พอท่านแม่ทราบว่าไปกับคาบุรากิและเอนโจก็ยิ่งพิถีพิถัน นอกจากจะเลือกชุดกิโมโนจากสีและลวดลายให้เข้ากันแล้ว ยังช่วยเลือกครื่องประดับผมและของแต่งตัวจุกจิกและความหมายไปในทิศทางเดียวกัน ให้อีกด้วยค่ะ กว่าจะเสร็จก็ลองแล้วลองอีกจนดึกดื่น ต้องขอบคุณทานแม่มากๆเลยค่ะ
วันรุ่งขึ้นหลังจากทบทวนบทเรียนช่วงเช้าเสร็จ ก็ไปทานกลางวันนอกบ้าน เดินช๊อปปิ้งเลือกซื้อของและแวะดื่มชาเป็นเพื่อนท่านแม่ รอเวลานัดไปทำผมที่ซาลอน สำหรับเรื่องทรงผม ทีแรกฉันเองก็อยากจะอาศัยโอกาสนี่เปลี่ยนจากทรงผมเกลียวหลอดเป็นทรงอื่นบ้าง ก็กะว่าจะเรียบๆเคียงๆถามท่านแม่ดูว่าลองยืดผมดีไหม จะได้มีอิมเมจเป็นสาวญี่ปุ่นผมเรียบตรงดำขลับ แต่พอคิดภาพตัวเองในชุดกิโมโนพร้อมผมเรียบตรง ก็ดันนึกถึงบาดแผลที่เคยถูกเรียกว่าตุ๊กตาฮินะ เจ็บใจจี๊ด ไม่เอาดีกว่า ยูกิโนะคุงก็เคยบอกว่าชอบผมหลอดของฉันนี่เนอะ
ท่านแม่กำกับให้ช่างผมก็รวบผมเกลียวหลอดของฉันไว้ด้านข้าง แล้วก็หยิบเครื่องประดับผมรูปดอดไม้มาเล็งตำแหน่งติดให้ฉัน เครื่องประดับผมที่เป็นงานระดับช่างฝีมือ แต่ละกลีบทำจากผ้าเย็บละเอียดไล่สีสวย ท่านแม่เคยสั่งทำไว้นานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสใด้ใส่ ระหว่างที่ติดเครื่องประดับผมอย่างใจเย็น ช่างก็ชมแล้วชมอีกว่าฉันมีลำคอที่ยาวระหง เหมาะกับชุดกิโมโนมากๆ ฟังแล้วถึงจะพอทราบว่าเป็นคำชมตามมารยาท ฉันก็อดรู้สึกดีใจไม่ได้ เห็นไหม ฉันมีคอยาวระหง ไม่ใช่ว่าลำตัวยาวซะหน่อยนะคะ ฮึ
ต่อจาก >>824
.
.
.
มัวแต่วุ่นวายกับชุดกิโมโนและทรงผม นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้บอกวาคาบะจังเรื่องที่จะได้เจอกันเย็นนี้เลยค่ะ
แต่วาคาบะจัง น่าจะพอทราบจากคาบุรากิแล้วละมั้ง
ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมจะส่งเมล์ให้วาคาบะจัง อยากจะร่ายยาวบ่นให้ฟังว่าแผนถูกเปลี่ยนจากชมวิวภัตตาคารยอดตึก ไปเป็นบนเรือกระทันหันได้อย่างไร แต่เอ๊ะ ฉันเองก็ไม่เคยเกริ่นให้วาคาบะจังฟังเรื่องเทรนนิ่งกับคาบุรากิเลย จะถูกวาคาบะจังเข้าใจผิดคิดว่าฉันว่าสนิดสนมกับคาบุรากิหรือเปล่านะ พอคิดได้แบบนี้ก็พิมพ์ไปสั้นๆแค่ว่าฉันได้รับเชิญในฐานะผู้ติดตามยูกิโนะคุงไปขึ้นเรือของคาบุรากิโดยไม่ได้ตั้งใจ เย็นนี้คงได้เจอกันนะคะ
กำลังกังวลว่าถ้าวาคาบะจังมีใจให้คาบุรากิ ฉันจะถูกมองว่าไปขัดจังหวะเดทของพวกเขาหรือเปล่า ซักพักก็ได้มีเมล์ตอบจากวาคาบะจัง
'โล่งใจจังที่เย็นนี้จะได้เจอคุณคิโชวอิน ตอนที่คุณคาบุรากิชวนก็มัวแต่คิดว่าโอกาสที่จะได้ชมดอกไม้ไฟบนเรือริมอ่าวน่าจะหาได้ยาก น่าจะเก็บประสพการณ์มาเล่าให้น้องๆฟัง มัวแต่ตื่นเต้น รู้ตัวอีกทีก็รับปากไปซะแล้ว ไม่ทันได้ถามว่า ไม่รู้ว่าทางคุณคาบุรากิชวนใครไว้บ้าง พอทราบว่าคุณคิโชวอินมาด้วยก็ดีใจมากเลย มีเรื่องปรึกษานิดนึงค่ะ คุณคิโชวอินคิดว่างานบนเรือแบบนี้ ลมจะแรงหรือเปล่าใส่ชุดยูกาตะไปจะเหมาะสมไหม ควรใส่อะไรที่รัดกุมซักหน่อยจะดีกว่าไหมคะ'
อ๊ากกกก นี่คาบุรากิชวนวาคาบะจังไปโดยไม่บอกว่าไปล่องเรือแค่สองคนงั้นเหรอ
ตายแล้ว ตาบ้านนั่นคิดอะไรอยู่กันแน่ วางแผนขู่กันโชกความรักกันกลางทพเลหรือไง
ก็ยังดีนะยังสำนึกทัน นับว่าคาบุรากิโชคดีที่มีเอ็นโจไปเป็นเพื่อน ยอมเปลี่ยนแผนโทรไปยกเลิกการจองโต๊ะกับทางภัตตาตาร
เฮ้อ คาบุรากิ นายนี่มันมีดีที่หน้าตา พฤติกรรมแต่ละอย่าง นี่สร้างความเดือดร้อนวุ่นวายให้คนรอบข้างจริงๆ
คิดถึงความหายนะที่อาจจะเกิดขึ้นก็ทำฉันเอาเครียดไปหมดเลยล่ะค่ะ
ว่าแต่ เรื่องลมแรงกับกิโมโนฤดูร้อนนี่ก็ไม่เคยฉุกคิดมาก่อนเลยนะคะ
ฉันเองก็เคยคิดตามท่านพ่อท่านแม่ไปงานปาร์ตี้บนเรือครุยเซอร์ก็หลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยสวมชุดกิโมโนไปงานบนเรือด้วยสิคะ ปกติงานบนเรือทั่วไป ถ้าลมแรงก็พอจะหลบในส่วนนั่งเล่นที่มีแอร์ได้ แต่เวลาดูดอกไม้ไฟนี่ยังไงก็ต้องออกไปยืนที่ดาดฟ้าเรือเพื่อดูดอกไม่ไฟให้เต็มฟ้านะคะ จะหลบมัวใหนห้องแอร์ที่มีหลังคาคลุมก็คงไม่ได้
วาคาบะจังเองวันนี้คงจะใส่ชุดยูกาตะแล้วก็เสียบปิ่นปักผมที่ได้รับจากคาบุรากิสินะ ฉันเอามือแตะทรงผมที่รวบไว้เรียบร้อยแน่นหนาด้วยฝีมือช่าง อืม..น่าจะโอเคละมั้ง ท่านแม่ทำผมเสร็จเดินออกมาพอดี ฉันเลยถือได้โอกาสขอเคล็ดลับการสวมชุดกิโมโนสู้กับลมแรงจากท่านแม่
ท่านแม่ให้ความมั่นใจกับฉัน พลางบอกว่าช่วงหน้าร้อนที่จุดพลุได้นี่คนจัดงานต้องเช็คสภาพอากาศเลือกช่วงเวลาที่ลมไม่แรงอยู่แล้ว
แทนที่ฉันจะกังวลเรื่องลม น่าจะกังวลเรื่องความร้อนจะดีกว่า ยืนบนดาดฟ้าเรือตอนลมสงบในหน้าร้อนน่ะ อบอ้าวไม่ใช่เล่น ฉันนึกภาพตัวเองยืนเหงื่อซกในชุดกิโมโนต่อหน้ายูกิโนะคุงก็รู้สึกพรั่นพนึงในใจ โอ้ว... ไม่นะคะ
ท่านแม่เห็นฉันทำหน้าเสีย เลยปลอบว่า กิโมโนหน้าร้อนของฉันที่ท่สนแม่เลือกให้ทำจากผ้าใยธรรมชาติ มีการถ่ายเทอากาศ ใส่แล้วไม่ร้อน ถ้าเป็นชุดกิโมโนหน้าร้อนทั่วไปที่ราคาไม่แพงอาจจะทำจากเสื้อผ้าใยสังเคราะห์ แบบนั้นน่ะ ใส่แล้วร้อนอบเชียวล่ะ ว่าแล้วท่านแม่ก็เตือนฉันว่าเย็นนี้อย่าลืมหยิบพัดเล็กๆติดมือไปด้วย
ฉันเมล์ไปบอกวาคาบะจังตามที่ได้รับคำอธิบายจากท่านแม่ แล้วก็รอคอยเช่วงเวลานัดที่จะได้เจอ วาคาบะจัง และ ยูคิโนะคุง ด้วยใจจดจ่อค่ะ
ขออภัยเรื่องตำผิดน้าาา
ต่อจาก >>825
.
.
.
ฉันให้คนรถที่บ้านไปส่งที่โรงแรมของทางครอบครัวคาบุรากิ กะให้ไปถึงก่อนเวลาที่นัดไวนิดนึง สถานที่นัดพบเป็นโรงแรมหรูหราติดริมน้ำ เรือครุซเซอร์ของโรงแรมจอดอยู่ที่ท่าเรือ เดินเข้าไปที่ล๊อบบี้ก็มีพนักงานออกมาต้อนรับ คงจะพอทราบจากคาบุรากิไว้แล้ว เดินนำฉันมายังบริเวณพักคอยที่จัดเตรียมไว้เป็นสัดส่วนไม่ไกลจากท่าเรือ
อ้า...อากาศสดชื่นดีจัง ลมเบาๆกำลังสบาย ได้กลิ่นทะเลสดชื่นจากริ่มอ่าวผสมกับกลิ่นดอกอาจิไซที่ชูช่อบานสะพรั่งอยู่ริมทางเดิน
ฉันสวมชุดกิโมโนหน้าร้อนสีฟ้า มีลวดลายช่อดอกโชวบุไล่สีม่วงอ่อนเข้มและก้านสีเขียวสดเป็นลายต่อเนื่องกันทั้งตัว ใช่ค่ะ ถึงจะเป็นกิโมโนหน้าร้อนแต่ก็เป็นแบบที่มีการตัดเย็บก่อนนำไปออกแบบลายและย้อมสี เรียกได้ว่าใช้เทคนิคเดียวกับการออกแบบกิโมโนโฮมงงิเชียวนะคะ ผ้าโอบิด้านหนึ่งเป็นสีม่วง มีแถบสีเขียวและเหลืองปักเป็นลายใบไม้ดอกไม้เล็กๆเรียงเป็นแถวอยู่ตรงกลาง อีกด้านเป็นสีเหลืองอ่อน เวลาคาดโอบิ ท่านแม่มีวิธีการให้แถบเหลืองแลบออกมาด้านบนตัดกันกับสีม่วง ด้านหลังผูกเป็นโบว์แบบเรียบง่าย แน่นอนว่าสวมถุงเท้ารองเท้า และกระเป๋าถือเข้าชุดกันตามที่ท่านแม่เลือกไว้ให้ค่ะ
พอเห็นฉัน ยุกิโนคุงก็รีบวิ่งเข้ามาจับมือ ท่าทางร้อนรนปนดีใจ แหม อยากเจอฉันขนาดนั้นเลยหรือคะ ยังไม่ทันจะส่งเสียงทักทายกันเสร็จ สายตาฉันก็เหลือบไปเห็นเอ็นโจเดินควงคู่มากับคุณยุยโกะ
ขออภัย ย้อมสีหลังวาด pattern ตัด ไม่ใช่หลังตัดเย็บจ้า
ต่อจาก >>828
.
.
.
อันที่จริงคู่นี้ดูไปแล้วก็เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก ยิ่งเดินควงแขนกันมาช้าๆตามทางเดินดอกอะจิไซ ก็เหมือนคู่รักเลิฟเบิร์ดในนิยายยังไงยังงั้น
คุณยุยโกะสวมชุดเดรสคอวีแขนกุดไล่สีสีขาวอมม่วงอ่อน ขับให้ช่วงแขนที่เรียวขาวที่คล้องเกี่ยวอยู่กับแขนของเอ็นโจ ดูสดสวยและบอบบางเหมือนดอกฟูจิ กระโปรงยามคร่อมเท้ามีรอยผ่าข้างถึงเหนือเข่า จังหวะก้าวเดินเห็นช่วงขายาวผอมเพรียว เปรียบเทียบกันแล้ว คนที่ช่วงน่องสั้นกว่าต้นขาอย่างฉันเห็นแล้วได้แต่หดหู่ในใจ
" สวัสดีคุณคิโชวอิน รอแป็บนึงนะ มาซายะไปรับคุณวาคาบะ กำลังเดินทางมา " เอ็นโจส่งยิ้มจ้าบาดใจ ที่ใช้เข้าสังคมมาทักทายฉัน นายเป็นโฮสเรอะ เห็นแล้วก็หงุดหงิดอย่างไม่มีเหตุผล
"สวัสดีค่ะท่านเอ็นโจ....คุณ..อุริว" ฉันพยายามนึกชื่อสกุลคุณยุยโกะ ทักอย่างไม่ค่อยมั่นใจ หันไปสบตาเอ็นโจ ใช่หรือเปล่า นามสกุลว่าที่คู่หมั้นนายนะ เพิ่งเจอกันไม่กี่หนเอง จริงๆควรเป็นหน้าที่นายที่แนะนำให้ฉันรู้จักอีกทีไม่ใช่เรอะ
คุณยุยโกะผงกศีรษะรับคำทักทายจากฉัน แต่ก็ไม่ได้ทักทายอะไรกลับมา เอ๋...แบบนี้ก็ได้เหรอ ขณะที่ฉันกำลังมึนงง ไม่รู้ว่าจะไปต่อยังไง ยูกิโนะคุงดึงมือมือฉันเบาๆ "คุณพี่เรย์กะฮะ เราไปดูปลาคารร์ฟที่สะพานไม้ตรงนั้นกันไหมฮะ" พี่กำลังหาทางชิ่งจากตรงนี้พอดี แท้งกิ้วจ้ะยูคิโนะคุง ฉันก้มลงไปสบตาเทวดาน้อย อยากก้มลงไปจุ๊บแก้มใสนั่นให้ชื่นใจ ความหงุดหงิดหายวับไปทันที "ได้สิจ้ะ" แล้วก็หันไปขอตัวจากคู่รักเลิฟเบิร์ดอย่างมีมารยาท
เอ็นโจเดินตามมาพร้อมกับกำชับยูกิโนะเบาๆ "อย่ารบกวนคุณคิโชวอินมากนักล่ะ พี่เดินไปส่งพี่ยุยโกะที่เรสเตอรองค์ริมน้ำ ไม่นานจะรีบกลับมานะ" ยูกิโนะไม่ฟังเสียงฉุดฉันเดินมุ่งหน้าไปที่สะพายไม้ ชี้ชวนให้ฉันไปดูปลาคาร์ฟอย่างร่าเริง
ต่อจาก >>832
.
.
สนุกอยู่กับยูคิโนะคุงได้ไม่นาน คาบุรากิกับวาคาบะจังก็เดินผ่านทางเดินอะจิไซมาด้วยกัน ยูกิโนะคุงทักทายวาคาบะจังอย่างมีมารยาท ฉันก็ทักทายทั้งคู่เช่นกัน พยายามกดเสียงไม่ให้ฟังดูร่าเริงเกินไปนัก กำลังคิดว่าชวนวาคาบะจังมาดูปลาคารฟ์ด้วยกันจะดีไหม เอ็นโจวก็ตามมาสมทบ มาถึงก็ทักทายวาคาบะจังและอธิบายให้คาบุรากิฟัง " เดินไปส่งยุยโกะ ที่เรสเตอรองค์ริมน้ำมาน่ะ เจอกันโดยบังเอิญ วันนี้ครอบครัวคุณน้าจองโต๊ะที่ริมน้ำรอดูพลุที่นั่น" แหม อธิบายซะละเอียด ใครจะสนกันคะ
วาคาบะจังดูสดใสน่ารักในชุดยูคาตะสีชมพูลายดอกสึบากิ ผมสีน้ำตาลเข้มละเอียดที่ที่ปกติจะปลอยให้เคลียบ่าวันนี้ถูกรวบไปด้านหลัง มุ่นเป็นมวยหลวมๆ ด้วยปิ่นรูปผีเสื้อ คงเป็นปิ่นที่คาบุรากิให้มาวันก่อนสินะคะ
คาบุรากิเองก็สวมชุดยูกาตะผ้าฝ้ายสีน้ำเงินเข้ม ยืนอยู่ข้างวาคาบะจัง ดูเผินๆเหมือนนิ่งขรึม แต่สำหรับฉันที่รู้จักตัวตนของหมอนี่มานาน เห็นได้ชัดว่าคาบุรากิกำลังประหม่าอยู่ สังเกตุได้ว่าหมอนี่พยายามหลบตาฉัน เอาล่ะ เอาล่ะ ลูกบ้านคานทองการพยายามออกจากหมู่บ้าน ไม่ใช่เรื่องต้องละอาย ถ้าทำสำเร็จฉันในฐานะผู้ใหญ่บ้าน ก็ต้องแสดงความยินดีด้วยอยู่แล้วล่ะค่ะ ถึงอาจจะว้าเหว่อยู่ซักนิดก็เถอะนะ
ต้องยอมรับว่าวันนี้คาบุรากิดูดีมาก แต่ความทุ่มเทถึงกับลงทุนใส่ยูกาตะเพื่องานนี้ต่างหากที่ทำให้ฉันต้องนับถือในใจ เอาน่า ดูดีแล้ว ไม่ต้องเขิลไปหรอกค่ะ ฉันส่งยิ้มให้กำลังใจคาบุรากิ
จังหวะนั้นคาบุรากิหันมาสบตากับฉันพอดี จู่ๆก็หน้าแดง มีสีหน้ากระอักกระอ่วน นายเป็นอะไรไปอีกล่ะ รักษามาดเท่เคร่งขรึมสมเป็นพระเอกมังงะไว้สิ ฉันหันไปมองวาคาบะจังก็เห็นว่ากำลังตาแป๋วตั้งอกตั้งใจฟังยูกิโนะคุงพูด ไม่ได้เห็นท่าทางพิลึกของคาบุรากิ โล่งอกไปที
"วันนี้คุณคิโชวอินน่ารักมากเลยเนอะ มาซายะ" จู่ๆเอ็นโดก็พูดขึ้นมา ทีแรกฉันก็วูบไหวไปบ้าง แหม ฉันน่ะไม่ค่อยได้รับคำชมจากเพศตรงข้ามมากนักหรอกค่ะ แต่พอคิดได้ว่าหมอนี่เป็นมือวางตำแหน่งผู้สืบทอดกิจการหมู่บ้านคาสโนว่า กับคำชมนั่นก็เห็นได้ชัดว่าเป็นการชมเชยตามมารยาท กับคุณยุยโกะที่เดินควงแขนกัน ไม่รู้ว่าจะมีวาจาหวานหูมากขนาดไหน
"ฮื่อ" คาบุรากิรับคำเบาๆอย่างเสียไม่ได้ นี่คงไม่ใช่ว่าคิดคัดค้านในใจ แต่ไม่กล้าเหน็บแนมฉันเพราะวาคาบะจังยืนอยู่ข้างๆหรอกนะ
"ช่วยอย่าพูดกันเหมือนฉันไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ได้ไหมคะ" ฉันดุเอ็นโจและคาบุรากิ แล้วหันไปพูดกับวาคาบะจัง "คุณทาคามิจิในชุดยูคาตะได้ดูสดใสเปล่งประกายมากเลยนะคะ " นี่ การชมที่จริงใจมันต้องแบบนี้ "ปิ่นรูปฝีเสื้อนั่นก็ดูแปลกตา น่ารัก เลือกมาได้เหมาะชุดที่สวมในวันนี้มากเลยค่ะ" ต้องมีรายละเอียด ชี้ให้เห็นจุดดีที่ตรงเป้า
"เอ่อ ปิ่นนั้นได้รับมาเป็นของขวัญน่ะค่ะ" วาคาบะจังพูดและหันไปมองกับคาบุรากิ เอ๊ะ สังเกตุดูดีๆ ปิ่นรูปผีเสื้อนั่นดูแปลกตาจริงๆ ไม่เคยเห็นวางขายที่ไหนนะ อย่าบอกนะว่าเป็นของขวัญทำมือแทนใจจากคาบุรากิ
"เอ่อ ก็เป็นของขวัญขอบคุณที่ทาคามิจิมาดูดอกไม้ไฟด้วยกันวันนี้ไงล่ะ ถ้าคิโชวอินชอบ วันหลังฉัน...." คาบุรากิพูดอ้ำอึ้ง
"แต่ผมชอบดอกไม้ประดับผมของคุณพี่เรย์กะมากเลยนะครับ ดูเรียบๆแต่ฝีมือปราณีตมากเลยครับ " แหม ยูกิโนะคุงช่างตาถึง ที่ติดผมอันนี้ท่านแม่ของฉันสั่งทำมาเป็นพิเสษ...
"นั่นน่ะ เป็นผลงานของปรมาจารย์ระดับศิลปินแห่งชาตินะ ยูคิโนะ" คาบุรากิ พูดชื่อศิลปินท่านนั้นอย่างเรียบๆ เอ๋ ช่างสมเป็นคาบุรากิ รู้เรื่องทั่วไปที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ เพราะนายทำเครื่องประดับให้วาคาบะจัง เลยทุ่มเทศึกษาอยู่สินะ
"มิน่า เลยเหมาะกับคุณพี่เรย์กะเป็นที่สุดเลยครับ" คำชมของยูกิโนะคุงทำเอาฉันตัวลอย
ขอให้พรุ่งนี้ท่านฮิโยโกะออกตอนใหม่แล้วเหมือนฟิกที่แต่งมาเสมือนหนึ่งนั่งอ่านอยู่ในโม่ง
พวกมึงคิดว่าระหว่างท่านฮิโยโกะมาอัพกับฟิคในโม่งจบ เหตุการณ์ไหนจะเกิดก่อนกัน... กูว่าอย่างหลังว่ะ//ร่ำไห้
ฟิคเกอิช๊าาาาาา(เอคโค่) กูยังรออยู่เด้อออ
รอฟิคบ้านพักคนชราค่--- //แค่กๆๆ
Bad endddddd
เกอิช๊าาา ด้วยคนจิ
กำลังคิดว่าไหลมาแปดร้อยกว่าแล้ว ควรเริ่มโหวตชื่อกระทู้ใหม่ดีไหม 555555
แฟนอาร์ตใหม่ละมุนจังเลยข่าาาาาา
https://www.pixiv.net/member_illust.php?mode=medium&illust_id=67148847
ฟิกเกอิชาอยู่ไหน หาในสารบัญไม่เจอ
fic ต่อจาก >>833
.
.
.
.
" เป็นผลงานที่ถูกขอให้ทำขึ้นมาโดยเฉพาะเลยสินะ " เอ็นโจมีท่าทีสนใจ เดินเข้าใกล้ ก้มลงมองเครื่องประดับผมรูปดอกไม้ที่ติดอยู่บนผมของฉัน รู้สึกได้ถึงลมหายใจแผ่วๆที่หลังใบหูและท้ายทอย
" จะว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ " ถึงฉันอุบอิบตอบออกไป กว่าจะได้มา ท่านแม่ถึงกับต้องไปเยี่ยมเยียนที่เกียวโตเชียวล่ะค่ะ ว่าแต่ว่า เอ็นโจ นายยืนไปอีกสักนิดก็ไม่มีใครว่าหรอกนะ
" คงเป็นเพราะจิตวิญญาณของศิลปิน คุณคิโชวอินวันนี้เลยงดงามเป็นพิเศษ " เอ็นโจส่งยิ้มระดับลูกบ้านคาสโนว่าให้ฉัน
" เป็นเพราะแบบนี้นี่เอง... " คาบุรากิกระตือรือร้นขึ้นมาทันที พยักหน้าให้ฉันเบาๆ "นี่ คิโชวอิน ที่ติดผมของเธอมีคุณค่ามากนะ ดูแลให้ดีล่ะ ท่านผู้นั้นเพิ่งจะเสียชีวิตไปไม่นานมานี้เอง"
หือออ.....จู่ๆท้องฟ้าก็มืดครึ้ม ทันที่ที่คาบุรากิพูดจบ แสงสนธยาก็ลับขอบฟ้า ฉันได้ยินเสียงหญิงสาวครางแผ่วๆ
.
.
"ซู..........."
โม่งฟิค ได้โปรดอย่าปล่อยให้ค้างคา
Fic ต่อจาก >>857
.
.
.
คุณยุยโกะสวมเสื้อคลุมสีลาเวนเดอร์ทับชุดเดรสยาว เดินมาพร้อมกับ มาดามคาบุรากิ และ สุภาพสตรีผมสีเงินรูปร่างบอบบางในชุดกิโมโน
“อ๊ะ อยู่กันที่นี่หรือจ้ะ” มาดามคาบุรากิส่งเสียงทักทายพวกเรา บุคลิกเจิดจ้าสง่างามของมาดามคาบุรากิ ลบล้างบรรยากาศวังเวงเมื่อครู่ไปเป็นปลิดทิ้ง
“มาซายะบอกว่าวันนี้ชวนเพื่อนมาดูดอกไม้ไฟ ที่แท้เป็นคุณเรย์กะนี่เอง” มาดามคาบุรากิเดินเข้ามาใกล้
เอ๋....
ฉันแอบกวาดสายตามองสถาณการณ์รอบข้าง เห็นเอ็นโจและยูกิโนะคุงกำลังเดินเข้าไปต้อนรับและทักทายสุภาพสตรีในชุดกิโมโน วาคาบะจังยืนสำรวมอยู่ไม่ห่างนัก ส่วนคาบุรากิ เนื่องจากเมื่อครู่สนใจเครื่องประดับผมของฉันเลยเข้ามายืนดูอยู่ใกล้ๆ
เลยกลายเป็นว่ามาดามเห็นฉันยืนคู่กับคาบุรากิ
คาบุรากิละสายตาจากผลงานศิลปินแห่งชาติ ส่งเสียงกึ่งรับคำสั้นๆ ท่าทางไม่ค่อยสบายใจ แหงล่ะ ถูกเข้าใจผิดแบบนี้ไม่ดีแน่
“สวัสดีค่ะ” ฉันรีบทักทายอย่างสุภาพ เดินอ้อมคาบุรากิไปยืนข้างๆวาคาบะจัง “พวกเรามารบกวน เกรงใจจังเลยค่ะ” หันไปสบตาวาคาบะจัง เพื่อเน้นคำว่าพวกเราให้ชัด “ทางนี้เพื่อนจากซุยรัน คุณทาคามิจิ วาคาบะค่ะ” จริงๆแล้ว อยากจะตะโกนบอกว่าคนที่คาบุรากิตั้งใจชวนมาวันนี้คือคุณวาคาบะนี่ต่างหากล่ะคะ อีกอย่างนะ การแนะนำวาคาบะจังกับท่านแม่ของนาย มันต้องเป็นหน้าที่นายไม่ใช่เหรอ คาบุรากิ
มาดามคาบุรากิชวนวาคาบะจังและฉัน พูดคุยอย่างมีอัธยาสัย
เอ็นโจเดินตามมาสมทบ ปรากฏว่าสุภาพสตรีในชุดกิโมโน เป็นท่านยายของเอ็นโจ และ ยูกิโนะคุง และเป็นท่านย่าของคุณยุยโกะค่ะ
“คุณคิโชวอินนี่เอง” คุณยายของเอ็นโจอุทานเบาๆ เดินเข้ามาจับมือฉันอย่างสนิทสนม
“ลูกสาวเล่าให้ฟังว่าเคยมาเยี่ยมที่บ้าน ยังชมอยู่เลยว่าอาหารที่ทำมาให้ทานอร่อยมาก” น่าจะหมายถึงตอนที่ฉันได้รับเชิญไปงานวันเกิดของยูกิโนะคุง แล้วก็เอาอาหารที่ช่วยคุณอาคามิทำ ไปร่วมงานน่ะค่ะ
“นั้นสิคะ มาดามคิโชวอินก็พูดบ่อยๆว่าคุณเรย์กะชอบทำอาหาร คราวที่แล้วเชิญมางานเลี้ยงที่บ้านก็เอาช็อกโกแลทมาฝาก ถูกใจมาซายะมาก วันนี้คุณเรย์กะมาเป็นแขกของมาซายะค่ะ” มาดามคาบุรากิกล่าวกับคุณยายของเอ็นโจพร้อมรอยยิ้มอ่อนหวาน
“จริงสิ เดี๋ยว ซูซุเกะคุงก็ชวนคุณยุยโกะไปชมดอกไม้ไฟบนเรือด้วยกันสิคะ เพิ่มอีกคนพอได้เนอะมาซายะ” มาดามพยักหน้าเบาๆให้คาบุรากิด้วยทีท่าสง่างาม
“อย่าดีกว่าค่ะ เป็นการรบกวนเปล่าๆ” คุณยุยโกะรีบพูดด้วยท่าทางเกรงใจ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ จริงไหมคะ มาดามอุริว เราปล่อยให้หนุ่มสาวไปสนุกกันเถอะนะคะ”
โม่งฟิค ช่วยลงในสารบัญด้วย และเวลาลง บอกชื่อเรื่องก่อนหน่อยค่าา กูเพิ่งมา งง ต้องมาไล่หาว่าฟิคเรื่องไหนวะ นึกว่าฟิคเก่าๆ...
14 กุมภานี้จะหวังตอนใหม่ได้มั้ยน้า...
ถามนิด เวลาโมงแต่งฟิกกันแล้วไม่พอใจทำไงกันเหรอ
ถ้าแก้แล้ววงเวอร์ชั่นอิดิทจะโดนโม่งด่าไหม
อ่านแล้วอยากกลับไปแก้ รู้สึก OCC
แทงคิ้วโม่งฟิคทุกคนที่ลงฟิคมาให้กาวกันนะ ไม่ได้เข้าหลายวัน ไล่อ่านรัวๆเลยย
กระทู้นี้จะเต็มตอนไหน?5555
กลับไปอ่านอีกรอบ กรูว่าวาคาบะจังน่าจะชอบคาบุรากินะ ถึงขั้นทำข้าวกล่องให้ทาน คาบุชวนไปไหนก็ไป ไปดูดอกไม้ไฟก็บอกคาบุว่าอยากใส่กิโมโน กูว่านางมีใจให้ชัวร์ ถ้าให้คาบุกลับตัวมาชอบเรย์กะก็ไม่ไหวนะ คือจีบจริงจังขนาดนี้แล้ว ถ้าบอกว่ามาชอบท่านเรย์กะก็สงสารวาคาบะล่ะ
ถ้าตอน 300 มาอัฟวันวาเลน์ไทน์ เป็นเรื่องไปดูดอกไม้ไฟกับเอ็นโจอีก นี่กุจะฟินมาก
เจอทวิตอันนี้แล้วนึกถึงชุดนักเรียนซุยรันเลยถถถถ
https://twitter.com/GratitudeDNA/status/962119023944122368?s=09
แต่ถ้าเด็กหล่อในชุดสูทนะมึ๊งงง//บ้านป้ามีขนมนะลูกกก
เพื่อนโม่ง เมื่อวานกูฝันถึงโมเม้นซัมติงของเอ็นโจกะท่านเรย์กะ แล้วตื่นขึ้นมากลางดึก ทีนี้กูก็พยายามจำมากวนกาวเขียนฟิค แต่ด้วยความง่วงและขี้เกียจลุกมาเขียนใส่กระดาษกูจึงใช้สมองในการจดไว้ว่าโมเม้นเป็นงี้ๆนะสองสามรอบคิดว่าจำได้แล้ว พอกูตื่นมาตอนเช้ากูก็จำไม่ได้แล้วว่าอะไรวะ พึ่งนึกออกเมื่อกี้ด้วยซ้ำว่ากูฝัน;-;
แค่ก กูคนฝันเอง มัน…ไม่เหลืออะไรในสมองกูเลยว่ะ อห เสียดายยยย
หายกันไปนานกับฟิคนี้ ขอเชิญพบกับ เอ็นโจเลี้ยงต้อย >>>/webnovel/4296/796-799
-------------------------------------------
คาบุรากิ มาซายะ(1/2)
.
.
.
พอก้าวเข้ามาในโรงแรม เลขาของแม่ที่มารอต้อนรับอยู่แล้วก็เดินเข้ามาหา ก้มหัวและผายมือให้ไปทางลิฟท์สำหรับผู้บริหาร แจ้งว่าแม่กำลังรออยู่
ฉันพยักหน้ารับรู้ ปล่อยให้ลิฟท์เคลื่อนตัวไปข้างบน ไม่ถึงยี่สิบวินาทีก็มาหยุดที่ชั้นที่ต้องการ
พอก้าวออกจากลิฟท์ ฉันก็เดินตรงไปที่ภัตตาคารอาหารฝรั่งเศสอันเป็นที่นัดหมาย แต่ระหว่างทางก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งก้มตัวลงใกล้ๆกับสวนเล็กๆที่จัดไว้ ผมม้วนๆที่หันหลังให้ดูคุ้นตาชอบกล
เธอคนนั้นหันกลับมา ทำท่าสะดุ้งตกใจเล็กน้อย
“ท่านคาบุรากิ” เธอรีบก้มหัวลงทักทาย “สวัสดีค่ะ”
“คิโชวอิน” ฉันเลิกคิ้วขึ้น “ทำอะไรอยู่น่ะ”
“พอดีสร้อยคอมันตกลงไปในแปลงดอกไม้น่ะค่ะ ก็เลย...” คิโชวอินก้มหน้าลง “ขออภัยนะคะที่ทำให้แปลงดอกไม้ของท่านคาบุรากิต้องเสียหาย”
“เรื่องแค่นั้นเอง” ฉันก้าวฉับๆไปที่พุ่มดอกไม้ที่ว่า แหวกๆกิ่งก้านและใบไม้อยู่ครู่หนึ่งก็เจอวัตถุแวววาวสีทองสะท้อนให้เห็น ฉันหยิบมันขึ้นมา “ใช่อันนี้รึเปล่า”
“ขอบคุณมากเลยนะคะ” เธอก้มหัวลง เห็นแล้วอดนึกถึงทาคามิจิไม่ได้
ผู้หญิงคนนั้น ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องขอโทษก่อนทุกที ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิดแท้ๆ แต่ก็ยังยอมก้มหัวให้คนอื่นเอาเปรียบอยู่ได้
“งั้น... ฉันไปล่ะนะ” ฉันเอ่ยคำอำลา เห็นว่ามือตัวเองเปื้อนดินจากเรื่องเมื่อครู่ก็คิดว่าสมควรจะไปล้างมือสักหน่อย
ว่าแต่คิโชวอินมาทำอะไรที่นี่นะ ทานข้าวกับครอบครัวอย่างนั้นเหรอ
หรือว่า…..
ฉันส่ายหัวเล็กน้อยตอนที่เป่ามือให้แห้งกับเครื่องทำลมร้อน มันคงไม่บังเอิญถึงขนาดนั้นหรอก
.
.
.
.
ข้อสันนิษฐานของฉันเป็นจริงจนได้ พอเปิดประตูห้อง V.I.P. เข้าไป สิ่งแรกที่ได้ยินคือเสียงหัวเราะต่อกระซิกของผู้หญิง และผมม้วนๆที่ดูคุ้นตาอีกหน
คิโชวอินหันหน้ามองฉันแล้วก็ส่งยิ้มให้
“อ้าว มาพอดีเลยนั่น” พอเห็นฉัน แม่ก็เอามือป้องปากแล้วหัวเราะคิกคัก “กำลังพูดถึงอยู่เลยเชียว”
แขกในค่ำคืนนี้คือมาดามคิโชวอินและลูกสาว ฉันเอ่ยทักทายทั้งคู่แล้วนั่งลงข้างๆแม่ แม้จะแอบรู้สึกว่านี่มันชักจะยังไงๆอยู่นะก็ตาม
“ได้ยินว่าเมื่อครู่นี้คุณมาซายะช่วยคุณเรย์กะไว้ ต้องขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งเลยนะคะ” มาดามคิโชวอินค้อมหัวน้อยๆ “ลูกสาวคนนี้นี่ซุ่มซ่ามจริงๆ ทำให้คุณมาซายะต้องพลอยลำบากไปด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ มันไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร”
“โฮะโฮะโฮะ การช่วยเหลือเด็กผู้หญิงที่กำลังลำบากก็ถือว่าเป็นหน้าที่ของสุภาพบุรุษอยู่แล้วล่ะค่ะ”
“ต้องขออภัยอีกครั้งด้วยนะคะ” คิโชวอินค้อมหัวลง
การสนทนาเว้นช่วงไปเล็กน้อยเมื่อบริกรนำอาหารเข้ามาเสิร์ฟ ฉันตักอาหารเข้าปากไปเงียบๆ ไม่พูดไม่จายกเว้นแต่จะถูกถาม คิโชวอินเองก็นั่งอย่างสงบเสงี่ยมอยู่เหมือนกัน
“เด็กคนนี้นี่เหลือเกินจริงๆ เห็นดอกไม้สวยๆเป็นไม่ได้ ต้องเข้าไปดูใกล้ๆตลอด ที่ระเบียงก็เอาดอกกุหลาบมาปลูกให้เต็มไปหมด ดูแลเองไม่ยอมให้ใครแตะต้องเลย”
“ท่านแม่คะ…มันน่าอายออกนะ”
“ไม่เห็นน่าอายเลย เด็กผู้หญิงก็ต้องคู่กับดอกไม้สวยๆงามๆสิคะ” แม่จิบแชมเปญไปหัวเราะไป “แต่คุณเรย์กะชอบดอกไม้แบบนี้ ทราบรึเปล่าคะว่าโรงแรมนี้มีสวนอยู่ที่ชั้น roof ด้วย ทางเราเพิ่งให้บริษัทด้านจัดสวนมาตกแต่งใหม่เตรียมรับเทศกาลทานาบาตะ ดอกอาจิไซกำลังบานสะพรั่งได้ที่เลย ถ้าไม่รังเกียจก็ให้มาซายะพาไปชมได้นะคะ”
“แหม รบกวนท่านมาซายะเปล่าๆ”
“โอ๊ย รบกวนอะไรกันคะ เราน่ะคนกันเองทั้งนั้น ไม่รบกวนหรอกค่ะ”
ทางนี้ยังไม่ได้รับปากเลยนะ อย่าพูดเองเออเองแบบนั้นสิ
ทีแรกก็ว่าจะนั่งทานของหวานไปเฉยๆ ไม่รู้ไม่ชี้ แต่พอถูกสายตากดดันของแม่มองจ้องมาเป็นเชิงว่า “มัวทำอะไรอยู่ ทำไมไม่รีบลุกขึ้นแล้วพาคุณเรย์กะไปเดินเล่น” ฉันก็ได้แต่ลุกขึ้นยืน เดินนำหน้าคิโชวอินออกไปจากห้องนี้ กดลิฟท์ขึ้นไปยังชั้นบนสุดที่เอาไว้จัดงานอีเวนท์กลางแจ้งโดยเฉพาะ
“สวยจังเลยนะคะ”
คิโชวอินมองไปรอบๆอย่างตื่นเต้น ทำหน้าตาเหมือนกำลังเคลิ้มฝัน
“ก็ใช้บริษัทที่เชี่ยวชาญด้านตกแต่งสวนโดยเฉพาะออกแบบน่ะนะ ก็ต้องออกมาดีอยู่แล้ว” ฉันชี้ไปทางพุ่มไม้ที่อยู่อีกฟาก “ตรงนั้นมีดอกกุหลาบดามัสก์ แล้วก็ดอกไอริส”
“อยากเห็นจังเลยค่ะ”
ฉันกับคิโชวอินเดินไปตามทางที่จัดไว้ในสวน มาหยุดที่หน้าแปลงดอกไม้ที่มีดอกกุหลาบบานสะพรั่งชูช่อ เงียบกันอยู่พักหนึ่ง คิโชวอินก็เอ่ยขึ้น
“ขอโทษนะคะ ท่านคาบุรากิคงไม่พอใจซักเท่าไหร่ที่ถูกบังคับให้พาฉันมาเดินเล่นแบบนี้”
“ไม่หรอก อย่าคิดมากเลย” ฉันส่ายหน้า “มาถึงนี่แล้วก็ดูความงามของดอกไม้ดีกว่านะ”
“นั่นสินะคะ” คิโชวอินอมยิ้ม มองที่พุ่มดอกไม้แล้วก็ก้มลงไปใกล้ๆ “อืม กลิ่นหอมมากเลยล่ะค่ะ”
“ถ้าชอบก็ดีแล้วล่ะ”
“ท่านคาบุรากิทราบรึเปล่าคะว่าที่บ้านฉันก็ปลูกดอกกุหลาบดามัสก์ไว้อยู่ด้วย แต่ดอกเล็กมาก ไม่สวยเท่าที่บานอยู่ตรงนี้เลยล่ะค่ะ” เธอหัวเราะน้อยๆ “ ก็ทำตามเคล็ดลับที่คุณคนสวนบอกแล้วนะ แต่ก็ไม่ได้ดอกใหญ่ๆซักที สงสัยจะเป็นเพราะความไม่เอาไหนของฉันเองแน่ๆเลยล่ะค่ะ”
“ฉันเพิ่งจะรู้ว่าเธอชอบดอกไม้มากขนาดนี้” ฉันพยักหน้า เออออไปกับข้อมูลที่คิโชวอินเล่า “ไม่เห็นชูสุเกะเล่าให้ฟังเลย”
เมื่อมีชื่อชูสุเกะเข้ามาเกี่ยวข้อง คิโชวอินก็หุบยิ้มทันควัน ก้มหน้าลงเหมือนกำลังซ่อนสีหน้าเอาไว้
“มีอะไรงั้นเหรอ”
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร” คิโชวอินส่ายหน้า ส่งยิ้มให้ แต่ดูเป็นยิ้มที่ฝืดเฝื่อนพิกล
“เธอทะเลาะกับชูสุเกะรึเปล่า”
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ” เธอโบกมือไปมาอย่างลนลาน “คุณชูสุเกะดีกับฉันทุกอย่างค่ะ เพียงแต่…”
“เพียงแต่อะไร” ฉันขยับตัวเข้าไปใกล้ จ้องหน้าคิโชวอินแบบคาดคั้น
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ลืมมันซะเถอะ” คิโชวอินหลบตาฉัน ก้มลงมองพื้นแถวๆนั้น
“เพียงแต่อะไร” ฉันพูดซ้ำคำเดิมด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
คิโชวอินเม้มปากแน่น ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“เขาทำให้ฉันกลัว” เธอมีสีหน้าหวาดหวั่น สองมือกำชุดกระโปรงแน่น “ตั้งแต่กลับมาจากอังกฤษ เขาก็แปลกไปมาก ก่อนหน้านั้นเขาไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนี้เลย แต่ตอนนี้มันเหมือนกับ...เหมือนกับมีใครที่ไม่ใช่เขาอยู่ข้างใน เป็นใครที่ฉันไม่รู้จัก”
“ชูสุเกะทำร้ายเธออย่างนั้นเหรอ”
ใจฉันนึกไปถึงตอนที่ชูสุเกะยื่นหนังสือดร.เจเคิลกับมิสเตอร์ไฮด์มาให้ แม้จะไม่แน่ใจ แต่จะใช่คนคนเดียวกับที่คิโชวอินเจอรึเปล่านะ
“ไม่ค่ะ ไม่” คิโชวอินส่ายหน้า “มันมีบางอย่างแปลกๆ มันเป็นความรู้สึกอึดอัด บอกไม่ถูก แต่เห็นแล้วฉันไม่สบายใจเลยซักนิด แล้วคุณชูสุเกะก็ไม่ยอมบอกอะไรฉันสักอย่าง”
คิโชวอินเดินเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นเรื่อยๆ วางมือสองข้างลงบนอกฉัน เงยหน้าขึ้นมอง เห็นน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาในดวงตาของคิโชวอินแล้วก็อึ้งไปนิดๆเหมือนกัน
“ได้โปรด...ท่านมาซายะ” น้ำเสียงนั้นสั่นเครือเหมือนคนกำลังอดกลั้น “ช่วยฉันด้วยนะคะ”
ฉันเลิกคิ้วขึ้นตอนที่รู้สึกว่ายัยนี่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ รู้สึกถึงลมหายใจที่กำลังเป่ารดเหนือริมฝีปาก
ก่อนที่อะไรจะเกินเลยมากไปกว่านั้น ฉันก็จับไหล่คิโชวอินทั้งสองข้าง ดันให้ออกห่างจากตัวและปล่อยมืออย่างรวดเร็ว
“เธอคิดมากเกินไปแล้ว” ฉันตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาหน่อยๆ รู้สึกไม่ชอบใจที่คิโชวอินทำแบบนี้ “ชูสุเกะก็ยังเหมือนเดิมนั่นล่ะ ฉันไม่เห็นจะมีอะไรต่างไปจากเดิมตรงไหน”
ว่าแล้วฉันก็มองนาฬิกาบนข้อมือตัวเอง มันบอกเวลาสี่ทุ่มพอดี เป็นข้ออ้างให้ปลีกตัวได้อย่างเหมาะสม
“นี่ก็ดึกแล้วด้วย ฉันว่าเราควรจะรีบกลับลงไปดีกว่า ป่านนี้มาดามคิโชวอินคงรอแย่แล้ว”
ฉันเดินฉับๆนำหน้าคิโชวอินกลับไปที่ลิฟท์ ไม่มีคำพูดอะไรระหว่างเราสองคน ให้ความเงียบที่น่าอึดอัดปกคลุมแทน
จบมื้ออาหาร แม่และฉันเดินไปส่งสองแม่ลูกคิโชวอินขึ้นรถที่จอดรออยู่หน้าโรงแรม เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ คิโชวอินไม่ได้มีท่าทีอะไรแปลกๆแบบเมื่อครู่นี้ เธอก็ยังสงบเสงี่ยม กริยามารยาทเรียบร้อยตามประสาคุณหนูทั่วไป โค้งหัวขอบคุณฉันที่พาไปชมสวน ฉันได้แต่พยักหน้าให้
เมื่อสบตากัน คิโชวอินกลับมองฉันด้วยสายตาที่ดูประหลาด มันมีอะไรแฝงอยู่ภายในที่ทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด เมื่อรวมกับการกระทำตอนที่อยู่ในสวน ฉันก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบใจคิโชวอินมากขึ้นไปทุกทีๆ
ผู้หญิงแบบนี้ไม่สมควรจะอยู่ใกล้ชูสุเกะ แต่จะห้ามได้ยังไงกันล่ะ
ฉันคิดอยู่ภายในใจอย่างสับสน อันที่จริงถ้าบอกเรื่องในวันนี้ไป ชูสุเกะอาจจะไม่เชื่อก็ได้ หมอนั่นมันรักของมันขนาดนั้น ไม่มีทางจะเชื่อว่าคนรักไปทำเรื่องอะไรไม่ดีไว้แน่
แต่ถ้าไม่บอกก็เหมือนเก็บปัญหาไว้กับตัวเอง แถมเป็นการทรยศความไว้วางใจของชูสุเกะ มันอาจจะลุกลามบานปลายไปกันใหญ่ก็ได้
อย่างไหนถึงจะเป็นตัวเลือกที่ถูกต้องกันนะ
----------------------------
มาซายะคิมิดอลเวลาเขียนนี่รู้สึกแปลกๆแปร่งๆจริงๆ หรือเพราะเป็นคาแรคเตอร์มาซายะ ไม่ใช่ไซซายะกันวะนั่น 555555555
KY อยากมาระบายว่าเมื่อวานฝันว่าดิบตอนที่ 300 อัพแล้วแถมกูยังเข้าไปพยายามดำน้ำอย่างมีความสุข พอตื่นมาเลยรีบเข้าเว็บไปเช็คแต่ก็พบกับความว่างเปล่า... กลับไปนอนต่อแม่ง 5555
900 เมนท์ละ เสนอชื่อกระทู้หน้ากันมั้ยพวกมึง
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับบั๊กนกพิราบ [ชีวิตติดลูป 299 ครั้งที่ 25]
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับปริศนาตอน300ที่หายไป [ตามหาท่านฮิโยโกะครั้งที่ 25]
เห็นโม่งพูดถึงฝันชงท่านเรย์กะกับจอมมาร กุก็นึกขึ้นมาได้ว่ากุฝันเช่นกัน แต่ในฝันดันไม่ใช่เรือที่พาย (จอมมาร เจ้าแม่) กลับเป็นบากะ เจ้าแม่ ซะงั้น orz
ทั้ง ๆ ที่นึกว่าครั้งแรกที่ดื่มไวน์ จะได้ดื่มกับท่านพี่ระหว่างดินเนอร์สุดโรแมนติก แต่กลับเป็นตอนที่ทุกคนนัดเที่ยวบนเรือสำราญ ใครซักคนเปิดไวน์ที่ท่านพี่เคยบอกว่าชอบมาก ฉันเลยรับมาแก้วหนึ่งด้วยเช่นกัน
ผ่านไปเกือบปีแล้วตั้งแต่ตอนจบการศึกษา พอหวนนึกก็ทำให้รู้สึกคิดถึงไม่ได้ คิมิดอลที่คิดว่าจะลงเอยด้วยงานหมั้นของคาบุรากิกับวาคาบะจังกลับไม่เป็นไปตามคาด ไม่ใช่เพราะคาบุรากิถูกที่บ้านกีดกัน หรือมีนางร้ายตัวใหม่โผล่ออกมา แต่ตอนที่คาบุรากิสารภาพรัก วาคาบะจังกลับปฏิเสธ
“ฉันดีใจและเป็นเกียรติมากที่ท่านคาบุรากิมอบความรู้สึกดี ๆ ให้ แต่ฉันคงไม่สะดวกใจที่จะใช้ชีวิตในโลกของท่านคาบุรากิ ในขณะเดียวกัน ท่านคาบุรากิเองก็ไม่สามารถทิ้งโลกของท่านมาอยู่กับฉันได้เช่นกัน เพราะอย่างนั้น...เป็นเพื่อนกันเถอะนะคะ”
เหตุผลที่ดูเป็นผู้ใหญ่นั้นหลุดออกมาจากปากของวาคาบะจัง ทำเอาท่านคาบุรากิไปต่อไม่ถูก ฉันนึกว่าคนร้อนแรงอย่างคาบุรากิจะตามตื้อต่อจนถึงที่สุด ทิ้งสมบัติของตระกูลคาบุรากิหนีตามวาคาบะที่ได้ทุนไปเรียนต่างประเทศ แต่ผลกลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิด คาบุรากิยอมรับการตัดสินใจของวาคาบะแต่โดยดี แม้จะไม่ได้หนีไปสถานที่ฆ่าตัวตายเหมือนอย่างตอนอกหักจากท่านยูริเอะ แต่ก็ซึมไปมาก ในตอนวิกฤตนั้นเพื่อนคนเดียวของคาบุรากิกลับไม่ได้คอยปลอบ เพราะกำลังวุ่นวายกับงานหมั้นของตัวเอง ดังนั้นฉันที่เป็นเพื่อนตัวสำรองเลยต้องทำหน้าที่แทนอย่างการไปดูแสงเหนือที่ฟินแลนด์หรือค้นหาตัวเองที่มองโกเลีย รวมถึงหลาย ๆ ประเทศ เรียกได้ว่าปิดเทอมก่อนขึ้นมหาวิทยาลัยนั้นพวกเราไม่ได้เหยียบญี่ปุ่นเลยแม้แต่วันเดียว ในตอนนั้นฉันเองก็เหลวไหลมากเหมือนกันที่ไปต่างประเทศกับคาบุรากิสองคน น่าตกใจที่บ้านของพวกเราไม่มีใครเอ่ยปากอะไร ท่านพี่ก็ไม่ได้ห้ามเลยแม้แต่ครั้งเดียว เว้นแต่ทุก ๆ คืนจะส่งข้อความมาถามว่าเป็นยังไงบ้าง ซึ่งส่วนมากฉันจะตอบกลับไปว่าในวันนั้นทำอะไร ไปที่ไหน กินอะไร บางครั้งก็บ่นคาบุรากิที่พาลุยหิมะบนเขา พาไปอยู่ในกระโจมท่ามกลางทะเลทรายที่ตอนกลางคืนหนาวจนนอนไม่หลับ ทริปสุดท้ายในประเทศรัสเซียพวกเราทำทุกอย่างหาย หลงทางในป่าจนนึกว่าจะไม่รอดจนกระทั่งหน่วยกู้ภัยช่วยออกมาได้ โชคดีที่ทางบ้านของพวกเราไม่ได้รับการติดต่อนานผิดปกติจนไปแจ้งความให้สถานทูตช่วยเหลือและมารับกลับประเทศด้วยตัวเอง ตอนนั้นคาบุรากิถูกดุเสียจนฉันที่ขี้ขลาดต้องออกหน้าให้ ท่านพ่อสุดเท่ห์ของคาบุรากิถึงจะเย็นลง ด้วยเหตุนั้น กว่าจะกลับประเทศได้ก็เปิดภาคเรียนใหม่ก็เริ่มไปแล้วเกือบครึ่งเดือนแล้ว
คาบุรากิเรียนคณะเดียวกับเอ็นโจ แต่เป็นคนละคณะกับฉัน ช่วงแรก ๆ ที่ขาดเรียนไปทำให้ค่อนข้างยุ่ง ไหนจะต้องทบทวนบทเรียนที่คนอื่นเรียนไปแล้ว ไหนจะต้องเข้าร่วมกิจกรรม คาบุรากิเองก็วุ่นวายอยู่กับการเรียนและการสืบต่อกิจการที่บ้าน เทอมต่อ ๆ แม้จะได้เจอหน้ากันบ้าง แต่ไม่ได้ไปไหนมาไหนเหมือนอย่างตอนมัธยม ได้แต่คุยกันทางอีเมล์และพบหน้าในงานสังคม
หลังจากสอบเสร็จ ฉันก็ได้รับคำเชิญจากคาบุรากิซึ่งที่บ้านกำลังเปิดเส้นทางเดินเรือสำราญเส้นทางใหม่ว่าจะจัดทริปเดินทาง แน่นอนว่าในทริปนั้นไม่ได้มีแต่ฉันที่เป็นแขก แต่ยังมีหนุ่มสาวทั้งเพื่อนที่มหาวิทยาลัย และบรรดาลูกหลานของแวดวงสังคมชั้นสูงอีกค่อนข้างมาก
เรือออกเดินทางในตอนเย็น พอทุกคนพักผ่อนในห้องพักของตัวเองได้ครู่หนึ่งก็ออกมาร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ ฉันมองคาบุรากิที่ทำหน้าที่เจ้าบ้านได้อย่างดีเยี่ยม เดินคุยกับคนโน้นคนนี้ จนกระทั่งเดินมาหาฉันซึ่งกำลังคุยกับคนรู้จัก ถามเรื่องความสะดวกสบายว่ามีอะไรขาดตกบกพร่องหรือไม่ได้ไม่กี่คำ ก็ขอตัวไปคุยกับคนอื่นต่อ
เพลิดเพลินกับงานเลี้ยงได้ไม่เท่าไหร่ เสียงคุ้นเคยที่ขาดหายไปก็ทักขึ้น พอหันไป ก็พบว่าเป็นเอ็นใจที่เดินควงคู่หมั้นของตัวเองมา
ทั้ง ๆ ที่ตอนมัธยม ฉัน คาบุรากิ และเอ็นโจสนิทกันมากจนไปเที่ยวหลังเลิกเรียนทุกสัปดาห์ แต่หลังจากคาบุรากิอกหัก และหลังจากงานหมั้นของเอ็นโจ พวกเราคุยกันแทบนับคำได้ ฉันไม่รู้ว่าจะรู้สึกยังไงดี บางครั้งก็แอบคิดว่าพวกหมู่บ้านมีรักนี่ช่างไร้น้ำใจ ในขณะที่เพื่อนเจ็บช้ำ ตัวเองกลับหวานชื่นกับผู้หญิง แล้วถ้าเอ็นโจเหลียวแลคาบุรากิซักนิด ฉันก็คงไม่ต้องไปทัวร์รอบโลกกับคาบุรากิจนขาดเรียนไปครึ่งเดือน
ไม่ทันจะได้คุยอะไร เอ็นโจก็ต้องพาคุณยุยโกะที่เมาเรือไปพัก ฉันมองภาพคู่รักแล้วรู้สึกกร่อย พอใครซักคนเปิดไวน์แล้วชวนดื่ม เลยตกลงทั้ง ๆ ที่ตัวเองยังไม่บรรลุนิติภาวะ
พอได้ทดลองไวน์ที่ท่านพี่ชอบกลับยิ่งรู้สึกแย่เข้าไปใหญ่ ก็พอรู้อยู่หรอกว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์น่ะขม แต่พอเห็นท่านพี่กับทานูกิดื่มด้วยสีหน้าชื่นชอบแล้วก็อดตั้งความหวังไม่ได้ พอคนชวนเห็นฉันจิบแค่จิบเดียวก็ถามว่าไม่ชอบงั้นหรือ ฉันได้แต่สวมหน้ากากแล้วบอกว่าชอบมาก เลยฝืนใจดื่มลงไป แต่พอดื่มไปได้ซักพัก รสที่แย่จนอยากจะบ้วนทิ้งก็ไม่ได้แย่มากนัก ฉันยังได้ลองชิมไวน์อีกหลายขวดที่คนอื่น ๆ เปิด รู้สึกหวิว ๆ เหมือนเท้าจะไม่ติดพื้น ผิวแก้มร้อนผ่าวจนเหมือนจะเป็นไข้
ใครซักคนบอกกับฉันว่าจะพากลับห้อง ตอนแรกฉันบอกว่ากลับเองได้ แต่พอจะก้าวเท้ากลับเซซะงั้น ฉันหัวเราะให้กับความซุ่มซ่ามของตัวเอง ทั้ง ๆ ที่เกิดใหม่ในร่างของคิโชวอิน เรย์กะ แท้ ๆ แต่กลับยังคงนิสัยเปิ่น ๆ เหมือนตอนชาติก่อนซะได้ ฉันเองก็ไม่ใช่เด็กแล้ว นับรวมอายุชาติก่อนกับชาตินี้ก็เรียกได้ว่าเป็นป้าคนหนึ่ง
พอนับอายุของตัวเองแล้วก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่อายุป่านนี้แล้วแต่กลับยังโสด หรือว่าชาตินี้ไม่มีวันหลุดพ้นจากคำสาปหมู่บ้านคานทองแล้วจริง ๆ
“ดื่มไปกี่แก้วน่ะ” จู่ ๆ คนที่เดินร่อนไปทั่วงานวุ่นวายกับการเอ็นเตอร์เทรนแขกก็มาหยุดอยู่ตรงหน้า ฉันมองคาบุรากิที่เคร่งขรึทขึ้นมากแล้วอยากจะหัวเราะทั้งน้ำตา ขนาดพระเอกคิมิดอลอย่างคาบุรากิยังอกหัก แล้วนางร้ายอย่างฉันจะหวังอะไร
ฉันพยายามจะนับ พอดึงมือที่เกาะแขนของใครซักคนที่อยู่ข้างตัวออกจะมานับนิ้ว ร่างก็ทรุดลงไป คนข้างฉันรวบเอวแน่น คาบุรากิพูดอะไรกับเขาอยู่นาน คน ๆ นั้นก็ปล่อยฉันให้คาบุรากิประคองแทน
“ยัยบ้า ไม่เคยดื่มทำไมถึงได้ปล่อยให้ตัวเองดื่มจนเมาแอ๋ขนาดนี้”
ฉันหัวเราะ ก่อนจะเอื้อมมือไปหาคาบุรากิ ข้างหนึ่งคล้องคอเขาเป็นลูกลิงยึดตัวเองไม่ให้ตก อีกข้างบีบจมูกโด่ง ๆ นั่นอย่างหยอกเล่น
“เป็นห่วงรึไง”
คาบุรากิถอนหายใจ ในตอนนี้ฉันรู้สึกว่าเขาเหมือนท่านพี่มาก ทั้ง ๆ ที่คาบุรากิไม่มีอะไรเหมือนกับท่านพี่ที่แสนอ่อนโยนของฉันแม้แต่น้อย
คาบุรากิพูดอะไรบางอย่าง...
แล้วกุก็ตื่นค่ะ!!!!
จบ พยายามนอนให้ฝันต่อแล้วแต่ไม่ฝันต่อค่ะ ฮืออออ
>>908 กุโกรธตัวเองว่าทำไมถึงต้องตั้งนาฬิกาปลุกตอนสำคัญ อีกอย่างเสียใจตรงกุฝันจาก pov เจ้าแม่ คือ จำไม่ค่อยได้ด้วยว่าหลัง ๆ เอ็นโจทำอะไรใช่คนที่พาเจ้าแม่ไปนอนป่าว
ตอนตื่นกุยังงงเลยว่าที่บ้านสองคนนี้ยอมปล่อยไปทัวร์สองต่อสองได้ยังไง ตกลงเจ้าแม่ชอบจอมมาร จอมมารหนีไปหมั้นเลยเสียใจป่าว ขนาดในฝันกุยังฮิโยโกะซามะ ไม่เคลียร์ให้ชัดเจนเลย ฮือออ
กูเพิ่งตามเรื่องนี้และเพิ่งอ่านจบ คันปากอยากหาคนเม้าด้วยแล้วก็มาเจอกระทู้นี้เข้า กูมีคำถามอยากจะถามนิดหน่อย
1.เรื่องนี้มี lc ในไทยรึยัง กูอยากได้เป็นเล่มมาเก็บมาก
2.ต้นฉบับมีความคืบหน้าบ้างมั้ย คนแต่งมีบล็อกหรือเพจบ้างรึเปล่า ถึงกูอ่านญี่ปุ่นไม่ออกแต่อยากเข้าไปส่อง
3.มีฟิคหรือโดที่มันแจ่มๆแนะนำกูมั้ย ไม่เกี่ยงสัญชาติและภาษา กูอยากได้มาเติมเต็มจินตนาการ
4.อยากรู้ว่าตอนที่ 299 ที่เรย์กะวิ่งไปหาชุดใส่ทันทีนี่คือกระตือรือร้นที่จะไปเที่ยวกับเอ็นโจงั้นเหรอ กูไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงเท่าไหร่ ทำแบบนี้มันหมายความว่ายังไง ชอบเขา อยากไปกับเขา อยากอยู่กับเขา?? แต่ส่วนตัวกูคิดว่าเอ็นโจชอบนางถึงขั้นรักแล้วล่ะ
5.วาคาบะนี่คือชอบคาบุรากิเหมือนกันใช่มั้ย เห็นยอมไปเที่ยวด้วย ทำอาหารมาให้กิน ปกติแล้วผู้หญิงจะตื่นมาทำกับข้าวให้เพื่อนผู้ชายทุกวันมั้ย อันนี้อยากรู้เฉยๆ
>>912 ขอตอบข้อ4 ด้วยฟิลเตอร์สีชมพูเข้าตีมวาเลนไทน์ ก็อาจจะใช่แหล่ะ ดูดอกไม้ไฟเป็นเทศกาลที่สำคัญในญี่ปุ่นอยู่นะ แถมเจ้าแม่น่าจะไม่ค่อยมีเพื่อนชวนไปงานแบบนี้เท่าไหร่(…) แบบว่าดูเทศกาลคริสต์มาสที่นางนอนกลิ้งอยู่คนเดียวสิ//กลุ่มท่านเรย์กะดูไม่นิยมพาท่านเรย์กะไปงานแบบนี้เท่าไหร่?เพราะว่าต้องคอยกันเจ้าแม่หน่อยๆ(ตามมุมมองเซริกะ) แล้วปีนี้เตรียมสอบด้วย ได้ไปคลายเครียด และมีโบนัสพ้อยท์เป็นน้องยูกิโนะ
ส่วนข้อ5 ญี่ปุ่นไม่แน่ใจว่ะ แต่วาคาบะจังน่าจะทำให้น้องๆอยู่แล้ว ไม่ลงทุนตื่นเช้าทำให้คาบุคนเดียวหรอก มองในมุมก็อาจจะแค่เพิ่มมาคนเดียวไม่มีอะไร แต่ตามโชโจมังงะทั่วไป ทำอาหารกลางวันนี่เป็นมิชชั่นอย่างหนึ่งของแฟนสาวเลยนะ!
>>912 1. ยังไม่มี รออยู่เหมือนกัน แต่คนเขียนยังไม่ขายลิขสิทธิ์ให้สนพ.ไหนในญี่ปุ่นเลย ร้องเพลงรอกันไป
2. ท่านฮิโยโกะ (คนแต่ง) แม่งอินดี้สัด ไม่ทิ้งร่องรอยอะไรให้ติดตามทั้งนั้น มีแต่กล่องข้อความในเวบนาโร่ให้ติดต่อได้ แต่จะตอบหรือเปล่าไม่รู้นะ คนเขียนไม่เคยตอบคอมเมนต์ ไม่เคยทิ้งร่องรอยใดๆ เรื่องตัวเองเลย
3.ตามหาได้ใน pixiv tag 謙虚、堅実をモットーに生きておりますไม่ก็กาวชั้นดีโม่งกวนเองในนี้แหละ
4. กูว่านางตื่นเต้นดีใจ อยากสวยที่สุดในวันนั้นแหละ //ผ่านฟิลเตอร์และสูดกาวลึกๆ
5.วาคาบะนี่ดูตามปฎิกริยาก็น่าจะชอบแล้วล่ะ นั่งเรียนพิเศษด้วยกัน ไปเที่ยวกันสองต่อสอง ทำขนาดนี้แล้วบอกไม่คิดอะไรเลยนี่ก็เกินไปหน่อย
>>912 ยินดีต้อนรับโม่งใหม่แห่งมู้นี้ มาร่วมด้วยช่วยกันกวนกาวจนกว่าดิบจะออกกันเถอะ กาวในนี้รับรองคุณภาพชั้นเลิศ หลุดลอยแน่นอน
1.ลิขสิทธิ์? ท่านฮิโยโกะไม่ปล่อยง่ายๆหรอกเรื่องนี้ เพราะกว่าจะหาตัวเจอนี่ยากส์ ถ้ามีแบบdoulou dalu 3 ที่เพิ่งประกาศลิขสิทธิ์ไปนี่จะกรี้ดตายเลย
2.อย่างที่โม่งบนๆบอกไว้ ร่องรอยไม่มี ไล่ไม่ทันจับไม่ได้จ้า ติดต่อยาก
3.มีเป็นภาพฟินๆอยู่ในpixivนะ
4.มองด้วยฟิลเตอร์แล้วบอกเลยว่าโคตรหลุมไร้ก้น5555
5.ชอบแล้วล่ะ ไม่งั้นคงไม่ตกลงไปหรอก อย่างน้อยๆก็เกิดประกายเล็กๆล่ะ
กู 912 เองนะ ตื่นมาตกใจนิดหน่อยที่ได้คำตอบล้นหลามเลย ขอบคุณทุกคนมากๆที่มาช่วยกันตอบ
เมื่อคืนคุยกับเพื่อนผู้หญิงที่ไม่ได้อ่านเรื่องนี้ แล้วเล่าสตอรี่คร่าวๆให้ฟังเพื่อถามพฤติกรรมผู้หญิง มันบอกมาว่าผู้หญิงเวลาไปกับคนที่ตัวเองชอบนี่คืออยากทำให้ตัวเองดูดีต่อหน้าเขาให้ได้มากที่สุดน่ะ มันจะคนละฟีลกับเวลาไปงานเลี้ยง ถ้าไปงานเลี้ยงคือเจอคนเยอะๆมันก็ต้องดูดีไว้ก่อนจะได้ไม่ขายหน้า แต่ถ้าคนที่ชอบชวนคืออยากสวยเพื่อเขาคนเดียวอะไรทำนองนั้น แล้วถ้าเพื่อนแบบกูมาชวนมันตอนวันจันทร์ไปเที่ยวในคืนวันเสาร์ มันคงไม่รีบวิ่งไปหาชุดหรอก ใกล้ๆวันนัดซักวันสองวันค่อยคิดก็ได้ว่าจะใส่อะไร มีเวลาตั้งเยอะตั้งแยะ แถมไม่เลือกอะไรมากมายขนาดนั้นด้วย
ส่วนเรื่องทำกับข้าวให้กินเนี่ย เพื่อนกูคนเดิมก็บอกว่าถ้าไม่ได้รู้สึกกับเขาเป็นพิเศษจริงๆคงไม่อาสาทำมาให้ด้วยตัวเอง กับเพื่อนเราก็จะมีโมเมนต์กันคนละแบบ สมมติถ้ากูไม่ได้เอาข้าวมากินตอนกลางวัน อย่างดีมันก็เดินไปเซเว่นเป็นเพื่อนเท่านั้นล่ะ ไม่ออกปากบอกต่อไปนี้เดี๋ยวกูจะทำกับข้าวให้แดกเองหรอก มึงไม่มีบุญขนาดนั้น 555555555555555555555
อันนี้คือความเห็นจากกลุ่มเพื่อนผู้หญิงที่กูคบมาเป็นสิบปีแล้วนะ แต่กับผู้หญิงคนอื่นคิดยังไงกูก็ไม่รู้เหมือนกัน กูเป็นชายควายเผือกตัวหนึ่งที่ไม่ค่อยจะเข้าใจอารมณ์หรือพฤติกรรมผู้หญิงซักเท่าไหร่
>>920 ในฐานะชะนีน้อยวัยใส(?)คนนึง กูมีคห.คล้ายๆเพื่อนมึงแหละ ยิ่งคุยเสร็จก็รีบวิ่งไปค้นตู้เลยแสดงว่าตื่นเต้นมาก
มีอีกอย่างคือพอมองในฟิลเตอร์เรือเอ็นโจ กุว่ามันเหมือนจะมีhintหลายจุดที่บอกว่าท่านเรย์กะจริงๆก็ชอบเอ็นโจแต่พยายามหลอกตัวเองอะ ซึ่งอะไรแบบนี้กูก็เป็น555 อ่านๆไปก็นึกถึงตัวเองหลายอย่างเลย
ส่วนเรื่องวาคาบะกุว่าถ้าไม่มีใจให้ซักนิดเลยก็คงไม่ลงทุนทำกับข้าวมาให้หรอก ยุ่งยากจะตาย
กูว่ามันแสดงออกชัดมากตรงที่คุยจบปุ๊บวิ่งหาชุดปั๊บนี่ล่ะว่ะ เวลานัดก็ไม่ใช่พรุ่งนี้มะรืนนี้ซักหน่อย จะรีบเตรียมตัวอะไรขนาดนั้น มีใครบ้างที่นัดกับเพื่อนล่วงหน้านานเป็นอาทิตย์แล้วหาเสื้อผ้าใส่เตรียมไปทันทีที่พูดการนัดหมายจบบ้างล่ะ ถ้าไม่ใช่นัดไปงานสำคัญที่เป็นหน้าเป็นตาจริงๆ กูก็เห็นเขาไปเลือกชุดวันที่ใกล้ๆวันนัดทั้งนั้นอ่ะ
ส่วนประเด็นทำกับข้าวมาให้ กูว่ามันพ้นช่วงเปิดโอกาสให้จีบแล้วล่ะ กูคิดว่าตอนนี้เข้าช่วงคนโดนจีบชอบคนมาจีบตอบแล้ว เพราะทำกับข้าวมามันก็ดูทุ่มเทให้เขาเหมือนกัน แบบที่ซากุระกับอาโออิคุยกันว่าทำข้าวกล่องให้แฟนน่ะ ไม่รักไม่ชอบกูว่าไม่มีทางที่เราจะทุ่มเทลุกขึ้นมาทำอาหารหรือหอบข้าวไปให้เขากินทุกวันแน่ๆ
กูเห็นด้วยกับคห.บนๆนะ เวลามีเพื่อนผู้ชายชวนไปเที่ยวอย่างมากก็เตรียมชุดคืนก่อนนัดเท่านั้นอ่ะ แล้วถ้ามันลืมเอาข้าวมา ถ้ามีน้ำใจหน่อยก็แบ่งให้ไม่ก็ไปซื้อเป็นเพื่อน ไม่ทำกับข้าวให้หรอก เปลือง 555
เรื่องเรย์กะกูคิดทั้งสองอย่างนะ อย่างแรกก็เหมือนกันกับด้านบนๆ น่ะ
อย่างสองก็แบบตื่นเต้นไง คือกูมานึกย้อนอดีตตอนที่ต้องใส่ชุดราตรีไปงานครั้งแรก ก็ตื่นเต้นแบบนี้แหล่ะ คุยกับเพื่อนๆ เรื่องเสื้อผ้า หน้า ผม ว่าจะใส่แบบไหน ทำแบบไหน เป็นอาทิตย์ๆ เลยนะ ถึงขนาดไปซื้อชุดเตรียมไว้ล่วงหน้าตั้งหลายวัน ลองคิดกลับกัน เรย์กะน่ะฝันอยากไปงานดูดอกไม้ไฟมาตลอด พอมีใครมาชวนก็อาจตื่นเต้นบ้าง เพราะถือว่าไปครั้งแรกก็ได้
แต่เอาเข้าจริงใจในดันเอนเอียงไปอย่างแรกว่ะ
ส่วนเรื่องทำกับข้าว เท่าที่เคยอ่านโชโจมังงะมา นอกจากญาติแล้ว ก็ไม่เคยเห็นตัวละครหญิงทำกับข้าวให้ตัวละครชายด้วยเหตุผลอื่นนอกจากชอบเลยนะ
>>924 นอกจากจะเสียเวลาทำกับข้าวให้ยังต้องแบกไปให้มันกินแล้วแบกกล่องกลับมาล้างที่บ้านอีก ทั้งเหนื่อยทั้งหนัก อีกอย่างนะ ถ้าไม่กินข้าวกล่องร้านสะดวกซื้อ คาบุมันก็สั่งพ่อครัวที่บ้านเตรียมข้าวกล่องมาให้ในวันหลังก็ได้ ถ้าวาคาบะไม่ได้รักหรือชอบก็ไม่มีความจำเป็นอันใดที่ต้องเสนอตัวว่าจะทำกับข้าวให้เลยซักนิด ถ้าใจดีมันก็เกินขอบเขตของคำว่าเพื่อนไปหน่อย
แถมข้าวกล่องที่บ้านคาบุเตรียมคงหรูหราไฮโซอลังการอร่อยปานร้านสามดาวมิชลินมาเอง เราจะเอาอะไรไปสู้ นางเสนอตัวมาแบบนี้ก็คงอยากให้เขากินฝีมือตัวเองแน่ๆว่ะ ลองถามเพื่อนผู้หญิงที่สนิทๆกัน(ไม่ใช่แนวเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อนะเว้ย)ดูก็ได้ว่ามึงจะทำกับข้าวมาให้กูแดกทุกวันได้มั้ย กูว่าร้อยทั้งร้อยคงตอบฝันไปเหอะมึง
>>926 เขาคงมีแพนทรีเล็กๆให้ไปอุ่นกับข้าวมั้ง แบบบริษัทกูอะ ถ้าใครห่อข้าวมากินก็ไปอุ่นข้าวในไมโครเวฟห้องแพนทรีก่อนแล้วค่อยกลับมานั่งกินที่โต๊ะตัวเอง กลิ่นกับข้าวหึ่งไปหมดในแพนทรี จะมีกลิ่นแกงกระหรี่เพิ่มมาคงไม่แปลกอะไร
>>927 กูว่าระดับวาคาบะคงไม่ต้องหาหนูทดลองกินกับข้าวฝีมือตัวเองหรอก ถ้าเป็นเจ้าแม่ก็ว่าไปอย่างนะ เสี่ยงทุกครั้งที่เคี้ยว 555555555555
>>925 แค่กูทำกินเองล้างเองคนเดียวกูยังขี้เกียจเลย เรื่องจะทำให้เพื่อนด้วยนี่ฝันไปได้เลย
คนระดับคาบุรากิถ้าคิดจะเอาข้าวกล่องมาก็ทำได้สบายมาก วาคาบะไม่จำเป็นต้องลำบากทำมาให้เลย ดูท่านเรย์กะสิ ทำอาหารไม่เป็นแต่มีคนทักว่าที่บ้านเปิดร้านอาหารเหรอตอนเห็นข้าวกล่องนะ ถถถถ
กูว่าวาคาบะชอบคาบุกลับแล้วนะ แต่กูก็ไม่แน่ใจ นางอาจจะเป็นคนใจดีแล้วก็ไม่คิดอะไรก็ได้ (หมายถึง ไม่ทันคิดว่าคาบุสามาถห่อข้าวกล่องมาได้สบายๆ อาจจะคิดแค่ว่า พวกPivoineไม่รู้จักข้าวกล่อง/ไม่ค่อยทานข้าวกล่อง เลยเสนอตัวทำมาให้เลยเพราะยังไงปกติก็ทำอยู่แล้ว ไรงี้)
>>929 กูดูทรงแล้วคิดว่าวาคาบะไม่น่าจะใจดีมีเมตตาขนาดนั้นว่ะ ดูจากด้านมืดของนางที่แผลงฤทธิ์ใส่คนที่มาแกล้งแล้ว นางก็คนปกติทั่วไปนี่ล่ะ ถึงจะทำกับข้าวเป็นประจำอยู่แล้ว แต่พอทำเสร็จก็ต้องหอบหิ้วขึ้นรถไฟ ฝ่าฟันการจราจร เพิ่มภาระให้ตัวเองทุกวันๆ ถึงจะมีความอดทนแค่ไหนแต่ก็ต้องมีหงุดหงิดกันบ้างล่ะวะ ว่าแค่เพื่อนกูต้องทำขนาดนี้มั้ย ดวกซ์ แต่นี่นางออกปากเองก็คงเตรียมใจมาแล้วที่จะรับภาระนี้ไว้เองด้วยความเต็มใจน่ะ
วาเลนไทน์มาแล้วจ้า ปีนี้จะมีดิบออกหรือไม่
KY นิด เห็นแท็ก #พบกันที่ชุมนุมแม่มดที่ฮิตๆ กันอยู่ช่วงนี้แล้วกูคิดถึงท่านเรย์กะกับยูกิโนะคุงจังว่ะ แม่มดผมม้วนที่เก็บเด็กน้อยโชตะมาเลี้ยงแล้วโตขึ้นกลายเป็นชูสุเกะคุงคนพี่นี่คงกร๊าวใจมิใช่น้อย
กุสงสัยว่าทำไมท่านเรย์กะข้ามมิติมาแล้วยังทำอาหารห่วยแตกวะ
คือชาวบ้านคนธรรมดา ปกติก็ต้องช่วยแม่ทำอาหารปะ คือถึงขนาดทำอาหารบ้านๆไม่เป็นเลยนี่ก็เกินไป
อย่างขนมนี่ทำไม่เป็นพอเป็นไปได้
>>938 กูว่าที่มันห่วยเพราะจินตนาการของนางที่จะใส่อะไรมั่วซั่วเข้าไปแล้วทำให้อาหารออกมารสชาติย่ำแย่ว่ะ แต่พอทำดีๆไม่ออกนอกลู่นอกทางนางก็ทำได้ดีนะ อย่างช็อกโกแลตลาวาที่ทำให้ท่านพี่ ทานุกิ อิมาริในวันวาเลนไทน์น่ะ
จะต้องบรรเจิดแค่ไหนถึงคิดจะเอาลูกมิราเคิลกับพุดดิ้งใส่ลงแกงกระหรี่ได้
เสนอชื่อ
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการ "ฉันมารอตอนที่สามร้อยที่ท่าน้ำทุกวันเลย" /กระโจนไปงมก็ไม่พบ [ จึงสูดฟิคกาวอีก 25 ตอน]
เสนอมั่ง
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ: ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรัน : โอม tag love จงบังเกิดในตอนที่ 300
เรามาคอยดูกันนะฮะ ก่อน23:59ของวันนี้ตามเวลาญป. ชาวเราเหล่าโม่งซุยรันจะไฝแห้งกันหรือไม่ไม่ไม่ไม่ไม่
เอาใหม่ๆ
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ: ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรัน : โอม tag love จงบังเกิดในตอนที่ 300 [ดูพลุ ฉลอง 25 กระทู้]
วันนี้ว่างนิดหน่อยเลยไปเช็ควันที่ดิบอัพในช่วงวาเลนไทน์
ครั้งแรกปี 2015 คือตอนที่ 237 เป็นตอนที่อิมาริเล่าความหลังให้เรย์กะฟังเรื่องหนีไปเที่ยวกลางคืนที่ปารีส แล้วเปิดประตูเข้าไปเจอท่านพี่นั่งรออยู่
ต่อมาปี 2016 อัพช่วงวันที่ 11/02 คือตอนที่ 247 สามหน่อประชุมหาตัวคนร้ายรังแกวาคาบะ แล้วเอ็นโจเล่าถึงหนังสายลับสองหน้า
ครั้งต่อมาปี 2017 คือตอนที่ 273 เอ็นโจชวนเรย์กะไปกินคีช
ปีนี้อ.แกจะอัพฉลองวาเลนไทน์มั้ยน้า
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ: ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรัน : อาถรรพ์เสียงโหยหาตอน 300 [ โอ้! ฮิโยโกะซามะเปิดการ์ดล่องหนแล้วครับ ! การ์ดใบที่ 25]
วันนี้เปิดเช็คสี่รอบละยังไม่เห็นวี่แววตอน300 (´༎ຶོρ༎ຶོ`)
ปล.จะว่าไปถ้าสมมติว่าวันนี้อ.เค้าอัพตอนใหม่ให้จริงๆนี่เรายังจะตั้งชื่อมู้แก้เคล็ดอยู่ปะ5555 เห็นมีแต่ชื่อมู้เกี่ยวกับตอน300
หมดวาเลนไทน์แล้วตอนใหม่ก็ยังไม่มา ร้องไห้
ญี่ปุ่นตอนนี้กี่โมง มึงงงง
มารอลุ้นอั่งเปาแทนช็อกโกแลตละกัน ถถถ
โอย คิดถึงฤดูร้อนที่ซุยรัน อยากดูดอกไม้ไฟแล้วค่ะท่าสฮิโยโกะ...
สหายโม่ง ช่วงนี้ก็รีรีดท่านเรกะใหม่ ท่านเรกะเคยแสดงความเห็นว่าผญชอบผช.ที่ดูอันตรายหน่อยๆ ดังนั้นกาวไปว่าเรือเอ็นโจจะลอยไปถึงใั่งได้ใช่มั้ยวะ //แต่อันตรายสุดก็ท่านพี่ป่ะวะ หึหึหึหึ
>>938 ขอคัดค้าน กูต้องแต่เกิดมาเรื่องช่วยแม่ทำกับข้าวนี่เป็นอะไรที่ไม่เคยแตะ จนกระทั่งไปเรียนต่อนี่แหละ ถึงได้ลองทำกับข้าวเอง... สรุปแดกไม่ลงจ้า... ขนาดไข่ดาวยังไม่เป็นไข่ดาวอ่ะมึง... ต่อมาต้องทำไปวีดีโอคอลหาแม่ไป ให้แม่บอกทีละขั้นๆ ถึงแดกได้ น้ำตาจะไหล ดังนั้นเป็นคนธรรมดาไม่จำเป็นต้องทำอาหารเป็นนะมึง
กูอยากเห็นท่านพี่สายซีบ้าง…
กูว่าตอนนี้คู่ที่ดูเรียลที่สุดก็อิมาริท่านพี่แล้วว่ะ ถถถถ
จะสรุปยอดโหวตชื่อเลยป่ะ ใกล้เต็มละนะ
นับคะแนนโหวตชื่อ ไล่ตั้งแต่ >>903 เป็นต้นมา
>>903 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับงานชมดอกไม้ไฟในฝัน [ขอตอนต่อไปรอบที่ 25]
IIIIII
>>904 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับบั๊กนกพิราบ [ชีวิตติดลูป 299 ครั้งที่ 25]
>>905 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับปริศนาตอน300ที่หายไป [ตามหาท่านฮิโยโกะครั้งที่ 25]
I
>>941
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการ "ฉันมารอตอนที่สามร้อยที่ท่าน้ำทุกวันเลย" /กระโจนไปงมก็ไม่พบ [ จึงสูดฟิคกาวอีก 25 ตอน]
IIII
>>945
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ: ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรัน : โอม tag love จงบังเกิดในตอนที่ 300 [ดูพลุ ฉลอง 25 กระทู้]
I
>>948
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ: ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรัน : อาถรรพ์เสียงโหยหาตอน 300 [ โอ้! ฮิโยโกะซามะเปิดการ์ดล่องหนแล้วครับ ! การ์ดใบที่ 25]
I
สรุปกระทู้ที่ 25 ที่รอคอยเป็น "ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับงานชมดอกไม้ไฟในฝัน [ขอตอนต่อไปรอบที่ 25]" เตรียมตั้งกระทู้ใหม่กันได้เลยนะเคอะ
เผลืออีกเก้าอัน ปั่นกันเลยมั้ยยย
ใครตั้งก็อย่าลืมเอาลิงค์มาแปะในกระทู้ด้วยน้าา
ตั้งกระทู้ใหม่ล่ะ เชิญวิ่งควายกันได้เลย!
https://fanboi.ch/webnovel/5401
แด่ตอน 300 !!!
ตรุษจีนยังไม่หมด อย่าเพิ่งนับศพเรือกาว!!!
ท่านฮิโยโกะและเหล่าโม่งฟิคได้โปรดเมตตา!
เข้าไปดูที่นาโร่เผื่อดิบอัพตอนใหม่ มีแต่ประกาศบอกว่าเรื่องนี้ไม่อัพมาสี่เดือนละจร้าาาา กูโคตรชอกช้ำใจ
เรือวาคาบะจงเจริญ
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.