กูลองแต่งฟิคคันตะดูอะ แต่ว่ามันรีบแต่งภาษาเลยอาจจะแปลกๆนะ
.......................................…………..…….....………………………………………………
ถึงอาจารย์จะเตือนแล้วก็เถอะ
แต่สุดท้ายก็มาที่นี่จนได้...
เราจัดสูทนอกสีขาวที่รีดเตรียมไว้ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วให้เรียบตึง จัดเนกไทที่ยับยู่ยี่นิดหน่อยให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะก้าวเข้าโรงเรียน มีคนเดินผ่านเราไปหลายคนทั้งชายและหญิง ทุกคนล้วนใส่เครื่องแบบสีขาวเช่นเดียวกันบ่งบอกว่าคงเป็นเพื่อนร่วมรุ่นไม่ก็รุ่นพี่ของเรา... ถึงจะบอกอย่างนั้นก็เถอะ แต่เครื่องประดับและของใช้ที่ดูแพงจนแอบคิดว่าให้ตายก็ไม่มีวันเสียเงินไปกับของแบบนั้นแน่ๆทำให้รู้สึกว่าเราอยู่กันคนละจักรวาล
อ้อ! เราชื่อ ทาคามิจิ คันตะ เพิ่งจะเข้าเรียนที่ซุยรันแห่งนี้เป็นวันแรกนี่แหละ บ้านเราเป็นครอบครัวฐานะปานกลางเปิดร้านเค้กที่แม้ไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังแต่ก็มีลูกค้าเข้าออกร้านอยู่ไม่ขาด ส่วนโรงเรียนซุยรันเป็นโรงเรียนของพวกคุณหนูมีตระกูล แค่ชุดก็ให้บรรยากาศแตกต่างจากนักเรียนม.ปลายธรรมดาแล้ว แต่ก็มีนักเรียนข้างนอกหลายคนใฝ่ฝันที่จะเข้าเรียนที่นี่เพราะขอแค่มีผลการเรียนดีๆก็สามารถเลื่อนชั้นเข้ามหาวิทยาลัยได้โดยไม่ต้องสอบไงล่ะ
เมื่อเดินเข้าประตูรั้วเราก็ต้องยืนอ้าปากค้าง เฮ้! บอกทีสิว่านี่เป็นโรงเรียนจริงๆ หน้าต่างทำจากกระจกสีหรูหราเหมือนที่อยู่ในคริสตจักรนั่นมันอะไรหา!
เอี๊ยด!
รถเบนซ์สีดำขัดเงาวาววับมาจอดด้านหลังเรา ความจริงเราควรจะขยับหลบเขาใช่ไหมนะ แต่อยู่ดีๆขาก็ไม่มีแรงเสียดื้อๆ
"หลบไปสิยะ" เด็กผู้หญิงคนหนึ่งผลักหลังเรา เธอคงลงจากรถคันเมื่อกี้นี้ ต้องขอบคุณแรงผลักของเธอที่ทำให้ขาเราเดินต่อได้ ได้ยินเสียงแว่วมาว่า ริรินะจัง ด้วยนะ ชื่อของเด็กผู้หญิงคนนั้นล่ะมั้ง
เดินชมนู่นชมนี่มาเรื่อยๆ บรรยากาศในซุยรันร่มรื่นกว่าที่คิดไว้ ห้องเรียนต่างๆค่อนข้างทันสมัย อุปกรณ์การเรียนครบครันสมเป็นโรงเรียนคุณหนู แต่ก็ไม่ยักจะมีใครทำผมหลอดเหมือนโคโรเน่หรือหัวเราะโอะโฮะโฮะเลยแฮะ...
ฮะ? โคโร่เน่ก็คือโคโรเน่น่ะสิ เป็นโคโรเน่โอะโฮะโฮะด้วยนะ ยัยนั่นเป็นเพื่อนของพี่สาวเราเอง รู้สึกว่าชื่อจริงจะชื่อคิโชวอินหรืออะไรทำนองนี้แหละ แต่เราไม่คิดจะเรียกหรอก ก็โคโรเน่น่ะเหมาะจะเป็นโคโรเน่มากกว่านี่นา ยัยนั่นชอบมากินมื้อเย็นด้วยกันที่บ้าน พอถามว่าจะเติมไหมก็ชอบบอกว่า "ขออีกคำเดียวนะคะ" แล้วก็ซัดหมดทุกที แล้วไหนจะชอบคิดเมนูพิสดารที่ไม่มีมนุษย์คนไหนบนโลกสามารถกระเดือกลงคอได้อีก จัดว่าเป็นบุคคลที่ทั้งน่าเหนื่อยหน่ายและน่ากลัวไปพร้อมๆกันเลยล่ะ~
"อ๊ะ!" พอเลี้ยวตรงหัวมุมก็เจอกลุ่มผู้หญิงห้าคนยืนล้อมเด็กสาวคนหนึ่งอยู่
นี่สินะ ชั้นพีระมิดที่อาจารย์เคยพูดถึง
ถึงอาจารย์จะบอกว่าถ้าเป็นไปได้ก็ไม่ควรไปยุ่งก็เถอะ แต่เด็กคนนั้นกลัวจนร้องไห้แล้วนา
"นี่พวกหล่อน ทำอะไรกันน่ะ!" ระหว่างที่กำลังลังเล เสียงแหลมๆก็ดังขึ้นจากด้านหลัง คนที่ผลักเราตอนหน้าประตูนั่นเอง
"ทะ ท่านโทโคะ" กลุ่มผู้หญิงที่ทำเก่งเมื่อครู่สลายตัวกันไปหมดเลย ดูท่าคนที่ชื่อโทโคะ ริรินะ คงจะอยู่บนๆของพีระมิดแน่ๆ
แล้วคนบนพีระมิดก็ตวัดสายตามาทางเรา "นี่นายน่ะ เป็นผู้ชายซะเปล่าหัดช่วยผู้หญิงอ่อนแอบ้างสิยะ" ก่อนจ้ำอ้าวจากไปในทันที
คนในซุยรันนี่น่ากลัวจริงๆ คิดไม่ออกเลยว่าคนซุ่มซ่ามป้ำๆเป๋อๆอย่างพี่กับโคโรเน่รอดจากที่แบบนี้ไปได้ยังไง เอ๊ะ คงไม่ใช่ว่าพอเข้ามหาวิทยาลัยแล้วลำดับชั้นพวกนี้ยังอยู่หรอกนะ
... ชักน่าเป็นห่วงจริงๆซะแล้วสิ
.......................................…………..…….....………………………………………………
เดี๋ยวว่างๆอาจจะมาต่อ หรือใครอยากต่อก็ได้นะ แต่บอกกันก่อน เดี๋ยวกูแต่งเก้อ 555