ว่าแต่เขาไม่ได้คิดจะมาแก้แค้นให้แฟนตัวเองจริงๆใช่ไหม ฉันแนะนำให้ทาคามิจิบอกเลิกกับเขาไปนะ ไม่ได้ยินที่ฉันพูดตอนนั้นหรือไง ฉันด่าทาคามิจิด้วยนะ! แถมยังผลักเธออย่างแรง นั่นเรียกว่าทำร้ายร่างกายนะ! อย่ามาขอบคุณกันสิ ฉันน่ะแค้นผู้หญิงคนนั้นจะตาย ทำไมดูไม่ออกกันนะ
“ขอโทษนะ...”
อะไรน่ะ ต่อจากขอบคุณก็ขอโทษงั้นหรอ ท่านคาบุรากิโดนมอมเหล้ามาหรือเปล่า...
“ขอโทษที่ประกาศเรื่องนั้นกลางงานหมั้น มันแรงเกินไปจริงๆนั่นแหละ และเรื่องนั้นเธอไม่ได้ผิดอะไรด้วย...”
อย่าทำหน้าแบบนั้นได้ไหมคะ นั่นทำให้ฉันเริ่มใจอ่อนคล้อยตาม... ฉันกะจะเก็บความแค้นไว้ตลอดชีวิตซะหน่อย
ฉันได้แต่เตือนสติตัวเองว่ายังไงก็ต้องแค้นให้ถึงที่สุด
“แต่ว่าถึงยังไงสิ่งที่เธอเคยทำกับทาคามิจิก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าให้อภัยหรอกนะ”
“ผู้หญิงคนนั้นควรโดนแล้วค่ะ สมกับฐานะสามัญชนนั่นดี”
“ห้ามพูดถึงทาคามิจิแบบนั้น ถ้าฉันได้ยินคำพูดทำนองนั้นจากปากของเธออีกแค่ครั้งเดียว ต่อให้ทาคามิจิมาห้าม ฉันก็จะทำให้เธอตายทั้งเป็น”
“แหม งั้นหรอคะ”
“...”
ท่านคาบุรากินิ่งไปพักหนึ่ง
“มาโซจริงๆด้วย! เธอชอบให้พูดทำร้ายจิตใจจริงๆด้วย!”
“เอ๋?! เปล่าซะหน่อยค่ะ!”
“เธอยิ้มตลอดเลย! ยิ่งว่าแรงหรือขู่น่ากลัวมากขึ้น ยิ่งยิ้มสดใสขึ้นอยู่ชัดๆ!!!”
ท่านคาบุรากิทำหน้าตื่นตกใจ
“นั่นคือยิ้มการค้าค่ะ! ยิ้มรับเวลารับมือไม่ถูกไงคะ อย่าตีความผิดๆสิคะ”
“ฉันเห็นเธอยิ้มจอมปลอมนั่นมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว! เธอไม่ได้เห็นตอนตัวเองยิ้มนี่ ตอนถูกว่าเธอยิ้มสดใสจนออร่าแห่งความสุขเปล่งออกมาขนาดนั้น รอยยิ้มการค้าอะไรล่ะ”
“เป็นความผิดท่านคาบุรากิต่างหากค่ะที่หน้าตาดีเกินไปจนฉันเผลอยิ้ม” นั่นสินะ มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ!
“ฉันลองหาข่าวมาแล้ว ตอนเธอถูกทำร้าย ใครที่เห็นเหตุการณ์ก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอมีความสุขอยู่ชัดๆ ตอนที่เธอโดนมีดบาดจนเลือดออกยังยิ้มแย้มแจ่มใส แถมยังเอาเกลือไปทาด้วย! น่ากลัวชะมัด”
สตรอกเกอร์! นี่มันสตรอกเกอร์ตัวจริงเสียงจริงเลยนี่คะ!!! รู้กระทั่งตอนเอาเกลือทาได้ยังไงเฮ้ย!
เหมือนที่ท่านพี่พูดเอาไว้ไม่มีผิดจริงๆ แต่ไม่นึกว่าแม้กระทั่งท่านคาบุรากิก็สโตรกเกอร์ไปกับเขาด้วย มีคนคอยตามฉันเยอะกว่าที่คิดเกินไปแล้วนะ...
คงแค่ดูความเคลื่อนไหวของฉันเพราะกลัวฉันจะไปทำอะไรคนรักเขาล่ะมั้งนะคะ
“ทาเกลือฆ่าเชื้อเฉยๆค่ะ...”
สายตาท่านคาบุรากิบ่งบอกชัดว่าไม่เชื่อถือเลยสักนิด เก็บอาการบ้างก็ได้นะคะ
“จะยังไง เอานี่ไปแทนคำขอโทษสำหรับสิ่งที่ฉันเคยทำแล้วกัน”
“นี่มันอะไรคะ...”
ฉันมองขวดในมือด้วยความรู้สึกแปลกๆ
“เกลือที่ทาแล้วไม่เป็นอันตรายต่อเยื่อบุผิว มันกะปริมาณส่วนผสมและอัตราส่วนที่แน่นอนไว้แล้ว ถึงเธอจะชอบเวลาเจ็บแค่ไหนก็ยอมลดหน่อยดีกว่านะ มันคงไม่แสบเหมือนเกลือทั่วไป”
“ฉันบอกแล้วไงคะว่าไม่ใช่มาโซ...”
“อย่ากินเกลือนี้ล่ะ เอาไว้ทาแผลอย่างเดียว จริงๆเอาไปขัดผิวก็ได้ มันแสบหน่อยๆ เธอน่าจะชอบ และก็ห้ามทำร้ายตัวเองเล่นๆเพื่อให้เลือดออกแล้วทาเกลือนะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้น...”
ทำไมมีแต่คนเข้าใจผิดแบบนั้นกันนะ ไม่เข้าใจจริงๆ
ฉันเก็บของขวัญชิ้นแรกที่ท่านคาบุรากิให้ลงกระเป๋า ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ฉันไม่เคยคาดคิดว่าจะได้อะไรแบบนี้จากเขาเลย ขนาดตอนนี้ฉันยังไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังฝันอยู่หรือเปล่า แล้วถ้าฝัน นี่มันฝันบ้าอะไรกัน...
ท่านคาบุรากิเดินจากไป ฉันมองแผ่นหลังของเขา นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีโอกาสได้คุยดีๆกับเขา มันคงดีกว่านี้ถ้าฉันไม่ได้อยู่ในฐานะนี้ ไม่ได้มีชนักติดหลัง ทำอะไรไม่ถูกว่าควรดีใจหรือเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นดี ตอนนี้ฉันเองควรจะมองเขาเป็นศัตรูใช่ไหม
ถ้าเป็นแต่ก่อน ฉันคงดีใจมากจนทำอะไรไม่ถูก แต่ตอนนี้... ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากยุ่งกับเขาอีกแล้ว เป็นเพราะทาคามิจิคนเดียวแท้ๆ! ทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยนะ...
ช่วงนี้ฉันก็ไม่เจอเอ็นโจอีกเลย นับตั้งแต่ฉันเจอ “คู่หมั้น” ของเขา ทั้งๆที่ตอนฉันตกต่ำก็โผล่มาเยาะเย้ยสม่ำเสมอแท้ๆ พอสืบๆไป ดูเหมือนจะไม่มาเรียนด้วยเหมือนกันนะ
ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรหมอนั่นเป็นพิเศษหรอกนะ คงไปเตรียมการหมั้นล่ะมั้ง ดีแล้วล่ะ อยู่ใกล้ๆแล้วน่าขนลุก
วันหนึ่งทุกอย่างก็เกิดขึ้น มันรวดเร็วและรุนแรงจนฉันตกตะลึง
ฉันไม่เคยคาดคิดว่าวันนี้จะเกิดขึ้น และไม่รู้ว่าจะรู้สึกยังไงดี
ตอนนี้ตระกูลเอ็นโจล้มละลายแล้ว
………………(จบตอนพิเศษ Kimidolce ตอนที่ 6)………………