ผู้หญิงคนนั้นสามารถด่ากลับมาได้ทั้งๆที่ยิ้มๆ มองไกลๆก็จะคล้ายกับคุยเรื่องสนุกสนาน แต่ใส่คำพูดเชือดเฉือนมาเรื่อยๆ วางภาพลักษณ์เป็นคนดีบอบบางน่าทะนุทนอม แต่ความจริงหน้าไหว้หลังหลอกไม่ต่างจากเอ็นโจเลยสักนิด เป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆนั่นแหละ
ถึงฉันจะอยู่ในภาวะตกต่ำ แต่ก็ไม่แพ้ในการโต้วาทีกับผู้หญิงคนนี้ง่ายๆหรอกนะ
“จริงๆแล้ว ฉันแค่อยากมาบอกว่าตอนนี้ฉันไม่ได้เป็นว่าที่คู่หมั้นกับชูแล้วนะคะ”
เอ๋
ไม่รู้ทำไมเมื่อได้ยินอย่างนั้น หัวใจฉันก็พองโตอย่างไร้สาเหตุ ต้องเป็นเพราะฉันเรียนหนักเริ่มออกอาการมึนๆแล้วแน่เลยค่ะ
“ฉันไม่สนใจเรื่องอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ”
ฉันตอบไป ไม่รู้ผู้หญิงคนนี้ต้องการอะไรกันถึงได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมา
“งั้นหรอคะ” คนตรงหน้ายิ้มรับ “ถ้างั้นถ้าบอกว่าฉันไม่ได้เป็นแค่ ‘ว่าที่’ แล้วก็จะไม่สนใจหรือคะ”
“คุณพูดเรื่องอะไรน่ะ” หัวใจฉันหล่นวูบ
“ตอนนี้ฉันเป็นคู่หมั้นเต็มตัวของชูแล้วล่ะนะคะ”
ฉันไม่ได้ตอบเหมือนน้ำท่วมปากจนไม่สามารถพูดอะไรออก คงเพราะฉันรำคาญที่จะสนใจจนไม่อยากจะพูด หัวใจที่เจ็บอยู่นี่คงเพราะ....
เพราะอะไรกัน...
หลังจากนั้นสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพยายามพูดมาก็ไม่เข้าหัวฉันเลยสักนิด หรือบางทีอาจเป็นเพราะเรียนหนักไปจริงๆนั่นแหละ
ก็แค่เรียนหนักเท่านั้นเอง... ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเอ็นโจซะหน่อย
คนน่ารังเกียจสองคนคู่กันเองก็เหมาะสมแล้วนี่นา
เวลาที่ผ่านไปเกือบชั่วโมงซึ่งเหมือนจะเป็นชั่วนิรันดรเมื่อยืนทรมานฟังเรื่องไม่ได้น่าสนใจสักนิดของผู้หญิงคนนั้น เธอเล่าให้ฟังเรื่องว่าจะจัดงานหมั้นยังไงจนน่ารำคาญ
ในที่สุดคนขับรถก็มาเตือนผู้หญิงคนนั้นว่าเธอต้องรีบไปธุระต่อ
“แหม น่าเสียดายนะคะ ฉันต้องไปซะแล้ว”
ฉันไม่ได้ตอบอะไร
“จะยังไง มาถึงวันนี้ คุณคงรู้ฐานะของตัวเองแล้วสินะคะว่าไม่มีสิทธิอะไรเลย”
ไม่รู้ทำไมในหัวของฉันไม่สามารถนึกคำตอบโต้ได้ ร่างกายก็ไร้เรี่ยวแรงจนไม่อยากคิดอะไรอีกแล้ว ไม่อยากรับรู้อะไรเพิ่มแม้แต่นิดเดียว
ทำไมถึงมีน้ำไหลออกมาจากตากันนะ...
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน และผู้หญิงคนนั้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่ สมองของฉันว่างเปล่าจนนึกสิ่งที่ควรจะทำต่อไปไม่ถูก
“เรย์กะ เป็นอะไรไป...”
ฉันเงยหน้ามอง ท่านพี่งั้นหรอ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
สภาพฉันในตอนนี้ดูแทบไม่ได้ ตัวสั่นระริก รู้สึกเหมือนมีบางอย่างภายในใจที่แตกสลาย รู้ตัวอีกทีก็อยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้ว ความอบอุ่นนี้ทำให้ฉันรู้สึกสงบขึ้นเล็กน้อย แต่ก็เตือนสติให้ฉันรับรู้ว่านี่เป็นความจริง
ฉันได้แต่กอดคนตรงหน้าไว้แน่น น้ำตาไหลออกมาไม่หยุดโดยไร้สาเหตุ เสียงสะอึกสะอื้นดังชัดอยู่ในหูจนปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเสียงของฉันเอง หัวใจเหมือนค่อยๆถูกเฉือนทิ้งอย่างโหดร้าย
ฉันเป็นบ้าอะไรไป! ทำไมน้ำตาต้องไหลแบบนี้ด้วย ฉันกำลังหวังอะไรอยู่กันแน่...
ฉันต้องการอะไรกันแน่...
ทำไมหัวใจถึงรู้สึกเหมือนถูกบีบรัดจนหายใจไม่ออกกันนะ ฝุ่นเข้าตาแล้วเป็นภูมิแพ้งั้นหรอ... ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ...
ร่างกายรู้สึกเหนื่อยอ่อนล้าจนไม่อยากคิดอะไรต่อไป ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว
ฉันได้แต่ร้องไห้จนกระทั่งหลับไปทั้งอย่างนั้น...
......................................
(บทส่งท้าย)
วันนี้ทาคาเทรุเลือกที่จะมาในทางที่ไม่ค่อยได้เดิน และได้เจอคนที่เขาต้องการอย่างที่คาดเดาไว้
“สวัสดีครับ คุณอุริว”
เขาทักทายอีกฝ่ายผู้ทำงานบริษัทเดียวกัน เนื่องจากเคยทำงานร่วมกันมาก่อน ทำให้คนที่ถูกทักจำได้ในทันที
“สวัสดีค่ะ มาแต่เช้าเลยนะคะ”
“วันนี้มีธุระต้องรีบมาจัดการน่ะครับ จะว่าไป ได้ข่าวว่ากำลังจะหมั้นแล้วงั้นหรอครับ ยินดีด้วยนะครับ”
ทาคาเทรุพูดและยิ้มอย่างเป็นปริศนา
………………(จบตอนพิเศษ Kimidolce ตอนที่ 5)………………
ป.ล. จริงๆเราเรือคาบุรากินะ แต่เขียนท่านพี่ทีไรก็เทใจให้ทุกที 5555 หลังๆคาบุก็ขยันหักธงเหลือเกิน จะแยกร่างแยกชิ้นส่วนลงเรือเอ็นโจ รายนั้นก็โดนหักธงไม่น้อย สุดท้ายก็มาเกาะเรือท่านพี่ (และยูริ//แค่กๆ) จนถึงทุกวันนี้