Fanboi Channel

ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ (กัญ) ชาซุยรันกับซูชิไข่ปลวกและหนังสือหนังมนุษย์ [หนอนตัวที่ 23 กระดึ๊บออกมาแล้วค่า]

Last posted

Total of 1000 posts

809 Nameless Fanboi Posted ID:/Fj60KrU+

ต่อจาก https://fanboi.ch/webnovel/4903/726-729/

((ตอนพิเศษ : ถ้าไม่มีใครทะลุมิติ : ฝั่งโลก Kimidolce))

ส่งท้ายปีเก่านะคะ

...............

ท่านพี่โผล่มาทุกวันจริงอย่างที่พูด ไม่มีงานมีการทำหรือไง

“เวลานี้พี่เลิกงานแล้วน่ะ”

แถมอ่านใจได้อีก น่ารำคาญจริงๆ

“น้องแสดงออกทางสีหน้าชัดเจนขนาดนั้นนี่นา”

ฉันสะดุ้ง อ่านใจได้จริงๆด้วยใช่ไหมน่ะ!

ท่านพี่หัวเราะแล้วมือมาลูบหัวฉัน เอามือสกปรกนั่นออกไปนะ!

ฉันพยายามตั้งสมาธิกับหนังสือเรียน แต่ก็ยากเหมือนกัน มันไม่เห็นมีอะไรสนุกเลย ทำไมคนเราต้องเรียนอะไรแบบนี้ด้วยนะ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูที่ไม่เคยได้ยินเลยนับตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงผู้ชายที่ดูน่าสงสัย “ทาคาเทรุ อยู่ที่นี่หรือเปล่า”

คนรู้จักกับท่านพี่งั้นหรอ? ฉันเหลือบมองท่านพี่ รอยยิ้มเขากระตุกหน่อยๆ

“ไม่มีคนชื่อนั้นอยู่ที่นี่ค่ะ”

ฉันตอบไป

“ใครกันเป็นเจ้าของเสียงนางฟ้านั้น”

ผู้ชายคนนั้นตอบมา ทำฉันขนลุกจนหน้าเบี้ยว

“ใครสักคนที่ไม่ต้องการให้คุณเข้ามาค่ะ กรุณาช่วยไปก่อนที่ฉันจะเรียกรปภ.นะคะ”

“โหดจังเลยนะคุณน้องสาว จะยังไงช่วยฝากบอกทาคาเทรุด้วยนะว่าเอกสารยืนยันมีปัญหานิดหน่อย จะยังไงช่วยติดต่อกลับด่วน หรือคุณจะเป็นคนติดต่อผมมาก็ได้นะครับ”

ผู้ชายคนนั้นจากไปโดยที่ประโยคน่าสยองเอาไว้ ฉันเอามือลูบขนแขนที่ตั้งชันขึ้นมา

“นั่นใครกันคะ...” หนึ่งในสโตรกเกอร์ที่ท่านพี่พูดถึงหรือเปล่า

ไม่สิ อีกฝ่ายรู้จักท่านพี่ แถมรู้ว่านี่เป็นห้องน้องสาวของเขาอีก

“คนน่ารำคาญที่ตัดกันไม่ขาดคนหนึ่งน่ะ”

ท่านพี่ตอบ ฉันควรตีความว่ายังไงกันคะเนี้ย...

“พี่บอกเขาแล้วว่าห้ามที่นี่ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ จะยังไงวันนี้เดี๋ยวพี่ไป ‘เตือน’ เขาอีกทีแล้วกัน”

ทำไมน้ำเสียงเขาดูน่ากลัวแปลกๆกันนะ สรุปคนน่าสงสัยเมื่อกี้เป็นใครกันแน่...

ท่านพี่ดูไม่ค่อยอยากพูดถึงเท่าไหร่ แต่เท่าสังเกตจากแววตา ท่าทางคงเป็นคนสำคัญกับท่านพี่อยู่เหมือนกันนะคะ

ช่วงนี้ฉันรู้สึกตัวเองเรียนรู้เรื่องอย่างบอกไม่ถูกนับตั้งแต่ติวเข้มกับท่านพี่ทุกคืน เริ่มฟังออกแล้วว่าอาจารย์กำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ ถือว่ามีพัฒนาการที่ดี และหวังว่าเธอเข้าใจเพียงพอที่จะสอบผ่าน

วันนี้ก็เป็นวันอันน่าเบื่อที่ไม่มีใครมาแกล้งตามเคย มีแค่เอ็นโจโผล่มาตอนฉันอ่านหนังสืออยู่ห้องสมุด ถึงจะทำเป็นเหมือนจะสอน แต่ความจริงคงตามมาดูถูกความน่าสมเพชของฉันที่ไร้ทางเลือกนอกจากตั้งใจเรียน

แต่วันนี้เอ็นโจดูเศร้าๆยังไงไม่รู้ แต่ก็นะ ยิ่งเขาทุกข์ทรมานแค่ไหนก็ดีสำหรับฉันล่ะนะคะ

ก่อนจะกลับบ้าน ฉันเจอสมุดสรุปเนื้อหาเรียนแต่ละวิชาอยู่ในล็อกเกอร์ของฉัน ไม่มีชื่อติดไว้ว่าเป็นของใคร แต่ลายมือคล้ายทาคามิจิจริงๆ ตอนแรกๆเหมือนพยายามเปลี่ยนลายมือ แต่เขียนๆไปลายมือปกติก็ออกมา แถมสำนวนการเขียนก็คล้ายกัน แต่ฉันน่าจะแค่คิดไปเองล่ะนะคะ ผู้หญิงคนนั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำแบบนี้

ขากลับ ขณะที่ฉันกำลังเดินออกจากซุยรัน รีบกลับไปเตรียมสอบ แต่บรรยากาศบางอย่างเปลี่ยนไป ทำให้ฉันหยุดกวาดตามองหาว่าเกิดอะไรขึ้น

ไม่นานนักผู้หญิงผมยาวประบ่าร่างอ้อนแอ้นยืนอยู่ไม่ไกล ทันทีที่ฉันตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เธอก็เห็นฉันแล้ว

“สวัสดีค่ะคุณเรย์กะ”

ผู้หญิงคนนั้นมีคอบางๆ ผิวขาวผ่องและดวงตากลมโตหยาดเยิ้มไหวระริก เป็นผู้หญิงที่งดงามยากจะลืม แม้ฉันจะพยายามลบออกจากความทรงจำแค่ไหนก็ทำไม่ได้

“สวัสดีค่ะ”

คงมารอเอ็นโจสินะ ฉันไม่ค่อยอยากยุ่งเกี่ยวกับใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเอ็นโจ จึงรีบตัดจบ แต่ทว่าอีกฝ่ายก็รั้งไว้

“จริงๆวันนี้ฉันมาหาคุณน่ะค่ะ”

ผู้หญิงคนนั้นส่งยิ้มร่องลอยมาให้ ซึ่งยากต่อการอ่านแววตามากกว่าปกติ

“ถ้าอย่างนั้น มีอะไรหรอคะ” ฉันตอบกลางๆลองเชิง

“ฉันแค่มาดูว่าตอนนี้คุณเป็นยังไงบ้าง” อีกฝ่ายแย้มยิ้มมองฉัน แล้วหัวเราะอย่างบางเบา “ท่าทางเรื่องจริงสินะคะ ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ทั้งฐานะและอำนาจที่ไม่เหลืออีกแล้ว”

“ไปถามชูของคุณเถอะค่ะว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง”

“แหม ฉันแค่เป็นห่วงน่ะค่ะ แต่ดูท่าทางจะไม่เป็นไรนะคะ”

“ต่อให้ฉันจะเป็นอะไรก็ไม่ใช่ธุระของคุณหรอกนะคะ”

“นั่นสินะคะ ตอนนี้คุณไม่ควรค่าที่ฉันจะสนใจด้วยซ้ำ”

“ถ้าคิดได้อย่างนั้นก็อย่ามาสนใจสิคะ”

ฉันตอบกลับอีกฝ่ายที่ตอนนี้ส่งสายตาเหมือนกำลังมองสิ่งไร้ค่ามาให้ ผู้หญิงคนนั้นอยู่ในตระกูลที่ต่ำต้อยกว่าฉัน แต่กล้าตอบโต้มาตั้งแต่สมัยก่อน อาจเพราะเป็นว่าที่คู่หมั้นของเพื่อนสนิทท่านคาบุรากิเลยกล้ากับคนตระกูลคิโชวอินอย่างฉัน

810 Nameless Fanboi Posted ID:/Fj60KrU+

ผู้หญิงคนนั้นสามารถด่ากลับมาได้ทั้งๆที่ยิ้มๆ มองไกลๆก็จะคล้ายกับคุยเรื่องสนุกสนาน แต่ใส่คำพูดเชือดเฉือนมาเรื่อยๆ วางภาพลักษณ์เป็นคนดีบอบบางน่าทะนุทนอม แต่ความจริงหน้าไหว้หลังหลอกไม่ต่างจากเอ็นโจเลยสักนิด เป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆนั่นแหละ

ถึงฉันจะอยู่ในภาวะตกต่ำ แต่ก็ไม่แพ้ในการโต้วาทีกับผู้หญิงคนนี้ง่ายๆหรอกนะ

“จริงๆแล้ว ฉันแค่อยากมาบอกว่าตอนนี้ฉันไม่ได้เป็นว่าที่คู่หมั้นกับชูแล้วนะคะ”

เอ๋

ไม่รู้ทำไมเมื่อได้ยินอย่างนั้น หัวใจฉันก็พองโตอย่างไร้สาเหตุ ต้องเป็นเพราะฉันเรียนหนักเริ่มออกอาการมึนๆแล้วแน่เลยค่ะ

“ฉันไม่สนใจเรื่องอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ”

ฉันตอบไป ไม่รู้ผู้หญิงคนนี้ต้องการอะไรกันถึงได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมา

“งั้นหรอคะ” คนตรงหน้ายิ้มรับ “ถ้างั้นถ้าบอกว่าฉันไม่ได้เป็นแค่ ‘ว่าที่’ แล้วก็จะไม่สนใจหรือคะ”

“คุณพูดเรื่องอะไรน่ะ” หัวใจฉันหล่นวูบ

“ตอนนี้ฉันเป็นคู่หมั้นเต็มตัวของชูแล้วล่ะนะคะ”

ฉันไม่ได้ตอบเหมือนน้ำท่วมปากจนไม่สามารถพูดอะไรออก คงเพราะฉันรำคาญที่จะสนใจจนไม่อยากจะพูด หัวใจที่เจ็บอยู่นี่คงเพราะ....

เพราะอะไรกัน...

หลังจากนั้นสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพยายามพูดมาก็ไม่เข้าหัวฉันเลยสักนิด หรือบางทีอาจเป็นเพราะเรียนหนักไปจริงๆนั่นแหละ

ก็แค่เรียนหนักเท่านั้นเอง... ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเอ็นโจซะหน่อย

คนน่ารังเกียจสองคนคู่กันเองก็เหมาะสมแล้วนี่นา

เวลาที่ผ่านไปเกือบชั่วโมงซึ่งเหมือนจะเป็นชั่วนิรันดรเมื่อยืนทรมานฟังเรื่องไม่ได้น่าสนใจสักนิดของผู้หญิงคนนั้น เธอเล่าให้ฟังเรื่องว่าจะจัดงานหมั้นยังไงจนน่ารำคาญ

ในที่สุดคนขับรถก็มาเตือนผู้หญิงคนนั้นว่าเธอต้องรีบไปธุระต่อ

“แหม น่าเสียดายนะคะ ฉันต้องไปซะแล้ว”

ฉันไม่ได้ตอบอะไร

“จะยังไง มาถึงวันนี้ คุณคงรู้ฐานะของตัวเองแล้วสินะคะว่าไม่มีสิทธิอะไรเลย”

ไม่รู้ทำไมในหัวของฉันไม่สามารถนึกคำตอบโต้ได้ ร่างกายก็ไร้เรี่ยวแรงจนไม่อยากคิดอะไรอีกแล้ว ไม่อยากรับรู้อะไรเพิ่มแม้แต่นิดเดียว

ทำไมถึงมีน้ำไหลออกมาจากตากันนะ...

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน และผู้หญิงคนนั้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่ สมองของฉันว่างเปล่าจนนึกสิ่งที่ควรจะทำต่อไปไม่ถูก

“เรย์กะ เป็นอะไรไป...”

ฉันเงยหน้ามอง ท่านพี่งั้นหรอ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง

สภาพฉันในตอนนี้ดูแทบไม่ได้ ตัวสั่นระริก รู้สึกเหมือนมีบางอย่างภายในใจที่แตกสลาย รู้ตัวอีกทีก็อยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้ว ความอบอุ่นนี้ทำให้ฉันรู้สึกสงบขึ้นเล็กน้อย แต่ก็เตือนสติให้ฉันรับรู้ว่านี่เป็นความจริง

ฉันได้แต่กอดคนตรงหน้าไว้แน่น น้ำตาไหลออกมาไม่หยุดโดยไร้สาเหตุ เสียงสะอึกสะอื้นดังชัดอยู่ในหูจนปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเสียงของฉันเอง หัวใจเหมือนค่อยๆถูกเฉือนทิ้งอย่างโหดร้าย

ฉันเป็นบ้าอะไรไป! ทำไมน้ำตาต้องไหลแบบนี้ด้วย ฉันกำลังหวังอะไรอยู่กันแน่...

ฉันต้องการอะไรกันแน่...

ทำไมหัวใจถึงรู้สึกเหมือนถูกบีบรัดจนหายใจไม่ออกกันนะ ฝุ่นเข้าตาแล้วเป็นภูมิแพ้งั้นหรอ... ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ...

ร่างกายรู้สึกเหนื่อยอ่อนล้าจนไม่อยากคิดอะไรต่อไป ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว

ฉันได้แต่ร้องไห้จนกระทั่งหลับไปทั้งอย่างนั้น...

......................................

(บทส่งท้าย)

วันนี้ทาคาเทรุเลือกที่จะมาในทางที่ไม่ค่อยได้เดิน และได้เจอคนที่เขาต้องการอย่างที่คาดเดาไว้

“สวัสดีครับ คุณอุริว”

เขาทักทายอีกฝ่ายผู้ทำงานบริษัทเดียวกัน เนื่องจากเคยทำงานร่วมกันมาก่อน ทำให้คนที่ถูกทักจำได้ในทันที

“สวัสดีค่ะ มาแต่เช้าเลยนะคะ”

“วันนี้มีธุระต้องรีบมาจัดการน่ะครับ จะว่าไป ได้ข่าวว่ากำลังจะหมั้นแล้วงั้นหรอครับ ยินดีด้วยนะครับ”

ทาคาเทรุพูดและยิ้มอย่างเป็นปริศนา

………………(จบตอนพิเศษ Kimidolce ตอนที่ 5)………………

ป.ล. จริงๆเราเรือคาบุรากินะ แต่เขียนท่านพี่ทีไรก็เทใจให้ทุกที 5555 หลังๆคาบุก็ขยันหักธงเหลือเกิน จะแยกร่างแยกชิ้นส่วนลงเรือเอ็นโจ รายนั้นก็โดนหักธงไม่น้อย สุดท้ายก็มาเกาะเรือท่านพี่ (และยูริ//แค่กๆ) จนถึงทุกวันนี้

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.