ต่อจาก https://fanboi.ch/webnovel/4903/726-729/
((ตอนพิเศษ : ถ้าไม่มีใครทะลุมิติ : ฝั่งโลก Kimidolce))
ส่งท้ายปีเก่านะคะ
...............
ท่านพี่โผล่มาทุกวันจริงอย่างที่พูด ไม่มีงานมีการทำหรือไง
“เวลานี้พี่เลิกงานแล้วน่ะ”
แถมอ่านใจได้อีก น่ารำคาญจริงๆ
“น้องแสดงออกทางสีหน้าชัดเจนขนาดนั้นนี่นา”
ฉันสะดุ้ง อ่านใจได้จริงๆด้วยใช่ไหมน่ะ!
ท่านพี่หัวเราะแล้วมือมาลูบหัวฉัน เอามือสกปรกนั่นออกไปนะ!
ฉันพยายามตั้งสมาธิกับหนังสือเรียน แต่ก็ยากเหมือนกัน มันไม่เห็นมีอะไรสนุกเลย ทำไมคนเราต้องเรียนอะไรแบบนี้ด้วยนะ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูที่ไม่เคยได้ยินเลยนับตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงผู้ชายที่ดูน่าสงสัย “ทาคาเทรุ อยู่ที่นี่หรือเปล่า”
คนรู้จักกับท่านพี่งั้นหรอ? ฉันเหลือบมองท่านพี่ รอยยิ้มเขากระตุกหน่อยๆ
“ไม่มีคนชื่อนั้นอยู่ที่นี่ค่ะ”
ฉันตอบไป
“ใครกันเป็นเจ้าของเสียงนางฟ้านั้น”
ผู้ชายคนนั้นตอบมา ทำฉันขนลุกจนหน้าเบี้ยว
“ใครสักคนที่ไม่ต้องการให้คุณเข้ามาค่ะ กรุณาช่วยไปก่อนที่ฉันจะเรียกรปภ.นะคะ”
“โหดจังเลยนะคุณน้องสาว จะยังไงช่วยฝากบอกทาคาเทรุด้วยนะว่าเอกสารยืนยันมีปัญหานิดหน่อย จะยังไงช่วยติดต่อกลับด่วน หรือคุณจะเป็นคนติดต่อผมมาก็ได้นะครับ”
ผู้ชายคนนั้นจากไปโดยที่ประโยคน่าสยองเอาไว้ ฉันเอามือลูบขนแขนที่ตั้งชันขึ้นมา
“นั่นใครกันคะ...” หนึ่งในสโตรกเกอร์ที่ท่านพี่พูดถึงหรือเปล่า
ไม่สิ อีกฝ่ายรู้จักท่านพี่ แถมรู้ว่านี่เป็นห้องน้องสาวของเขาอีก
“คนน่ารำคาญที่ตัดกันไม่ขาดคนหนึ่งน่ะ”
ท่านพี่ตอบ ฉันควรตีความว่ายังไงกันคะเนี้ย...
“พี่บอกเขาแล้วว่าห้ามที่นี่ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ จะยังไงวันนี้เดี๋ยวพี่ไป ‘เตือน’ เขาอีกทีแล้วกัน”
ทำไมน้ำเสียงเขาดูน่ากลัวแปลกๆกันนะ สรุปคนน่าสงสัยเมื่อกี้เป็นใครกันแน่...
ท่านพี่ดูไม่ค่อยอยากพูดถึงเท่าไหร่ แต่เท่าสังเกตจากแววตา ท่าทางคงเป็นคนสำคัญกับท่านพี่อยู่เหมือนกันนะคะ
ช่วงนี้ฉันรู้สึกตัวเองเรียนรู้เรื่องอย่างบอกไม่ถูกนับตั้งแต่ติวเข้มกับท่านพี่ทุกคืน เริ่มฟังออกแล้วว่าอาจารย์กำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ ถือว่ามีพัฒนาการที่ดี และหวังว่าเธอเข้าใจเพียงพอที่จะสอบผ่าน
วันนี้ก็เป็นวันอันน่าเบื่อที่ไม่มีใครมาแกล้งตามเคย มีแค่เอ็นโจโผล่มาตอนฉันอ่านหนังสืออยู่ห้องสมุด ถึงจะทำเป็นเหมือนจะสอน แต่ความจริงคงตามมาดูถูกความน่าสมเพชของฉันที่ไร้ทางเลือกนอกจากตั้งใจเรียน
แต่วันนี้เอ็นโจดูเศร้าๆยังไงไม่รู้ แต่ก็นะ ยิ่งเขาทุกข์ทรมานแค่ไหนก็ดีสำหรับฉันล่ะนะคะ
ก่อนจะกลับบ้าน ฉันเจอสมุดสรุปเนื้อหาเรียนแต่ละวิชาอยู่ในล็อกเกอร์ของฉัน ไม่มีชื่อติดไว้ว่าเป็นของใคร แต่ลายมือคล้ายทาคามิจิจริงๆ ตอนแรกๆเหมือนพยายามเปลี่ยนลายมือ แต่เขียนๆไปลายมือปกติก็ออกมา แถมสำนวนการเขียนก็คล้ายกัน แต่ฉันน่าจะแค่คิดไปเองล่ะนะคะ ผู้หญิงคนนั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำแบบนี้
ขากลับ ขณะที่ฉันกำลังเดินออกจากซุยรัน รีบกลับไปเตรียมสอบ แต่บรรยากาศบางอย่างเปลี่ยนไป ทำให้ฉันหยุดกวาดตามองหาว่าเกิดอะไรขึ้น
ไม่นานนักผู้หญิงผมยาวประบ่าร่างอ้อนแอ้นยืนอยู่ไม่ไกล ทันทีที่ฉันตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เธอก็เห็นฉันแล้ว
“สวัสดีค่ะคุณเรย์กะ”
ผู้หญิงคนนั้นมีคอบางๆ ผิวขาวผ่องและดวงตากลมโตหยาดเยิ้มไหวระริก เป็นผู้หญิงที่งดงามยากจะลืม แม้ฉันจะพยายามลบออกจากความทรงจำแค่ไหนก็ทำไม่ได้
“สวัสดีค่ะ”
คงมารอเอ็นโจสินะ ฉันไม่ค่อยอยากยุ่งเกี่ยวกับใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเอ็นโจ จึงรีบตัดจบ แต่ทว่าอีกฝ่ายก็รั้งไว้
“จริงๆวันนี้ฉันมาหาคุณน่ะค่ะ”
ผู้หญิงคนนั้นส่งยิ้มร่องลอยมาให้ ซึ่งยากต่อการอ่านแววตามากกว่าปกติ
“ถ้าอย่างนั้น มีอะไรหรอคะ” ฉันตอบกลางๆลองเชิง
“ฉันแค่มาดูว่าตอนนี้คุณเป็นยังไงบ้าง” อีกฝ่ายแย้มยิ้มมองฉัน แล้วหัวเราะอย่างบางเบา “ท่าทางเรื่องจริงสินะคะ ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ทั้งฐานะและอำนาจที่ไม่เหลืออีกแล้ว”
“ไปถามชูของคุณเถอะค่ะว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง”
“แหม ฉันแค่เป็นห่วงน่ะค่ะ แต่ดูท่าทางจะไม่เป็นไรนะคะ”
“ต่อให้ฉันจะเป็นอะไรก็ไม่ใช่ธุระของคุณหรอกนะคะ”
“นั่นสินะคะ ตอนนี้คุณไม่ควรค่าที่ฉันจะสนใจด้วยซ้ำ”
“ถ้าคิดได้อย่างนั้นก็อย่ามาสนใจสิคะ”
ฉันตอบกลับอีกฝ่ายที่ตอนนี้ส่งสายตาเหมือนกำลังมองสิ่งไร้ค่ามาให้ ผู้หญิงคนนั้นอยู่ในตระกูลที่ต่ำต้อยกว่าฉัน แต่กล้าตอบโต้มาตั้งแต่สมัยก่อน อาจเพราะเป็นว่าที่คู่หมั้นของเพื่อนสนิทท่านคาบุรากิเลยกล้ากับคนตระกูลคิโชวอินอย่างฉัน