ขณะที่ฉันกำลังเดินไปที่ห้องเรียน ก็เจอทาคามิจิ สามัญชนน่ารังเกียจที่พยายามตีตนเสมอฉัน ซึ่งค่อนข้างน่าแปลก เพราะเวลานี้ ปกติแล้วผู้หญิงคนนี้จะอยู่ที่ห้องเรียน
ทางเดินที่ไม่ได้กว้างนัก แต่เธอก็ทำเหมือนไม่เห็นฉัน และเดินตรงมาเรื่อยๆ ในมือเต็มไปด้วยอุปกรณ์วาดรูป
ฉันไม่สามารถสัมผัสถึงจิตมุ่งร้ายได้เลย จนกระทั่งโดนน้ำล้างพู่กันหกใส่อย่างหลีกหนีไม่ทัน ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที แม้จะไม่ค่อยเข้ากับสถานการณ์นัก แต่ก็อดชื่นชมนิดหน่อยไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนสามารถแกล้งทำน้ำหกได้อย่างเป็นธรรมชาติขนาดนี้
“ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ ฉันขอโทษจริงๆค่ะ”
ผู้หญิงคนนี้พูดอย่างร้อนรนพยายามหยิบผ้าเช็ดหน้าตัวเองออกมาเช็ดให้ ท่าทางเป็นห่วงฉันจนไม่สนใจของที่หล่นกระจายอยู่โดยรอบ ไม่มีร่องรอยเยาะเย้ยเย็นชาแบบที่ทำในห้องน้ำวันนั้นเลยสักนิด นี่เป็นภาพที่ฉันเคยเห็นมาตลอด และเคยคิดว่าเป็นแค่สามัญชนไร้ค่าที่ไม่เคยทันคน ต่ำต้อยจนไม่สามารถทำอะไรเองได้ ต้องไปขอความช่วยเหลือจากท่านคาบุรากิ
แต่ตอนนี้ฉันไม่แน่ใจแล้วว่าตัวตนที่แท้จริงของผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่
ฉันปัดผ้าเช็ดหน้าของผู้หญิงคนนั้นหล่นลงพื้นจนมันเปียกน้ำล้างสีที่คนตรงหน้าทำหก
“แถวนี้ไม่มีใครให้ต้องใส่หน้ากากแบบนั้นหรอกนะ”
ฉันยิ้มตอบรับท่าทางใสซื่อบริสุทธิ์ของสามัญชนตรงหน้า
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะคะ”
“ไม่ได้ตั้งใจ?”
ฉันหลุดหัวเราะออกมา ใครเชื่อก็บ้าแล้ว
“ค่ะ ถ้าฉันตั้งใจ คุณคงไม่โดนแค่นี้แน่ๆ”
ทาคามิจิพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทั้งๆที่ใบหน้ายังดูใสซื่อ แต่ถ้ามองลึกๆเข้าไปกลับมีแววตาที่ยิ้มเยาะ ทำให้ฉันหนาววาบขยับไม่ได้ไปชั่วขณะเมื่อสบตากับอสรพิษนั่น เป็นความรู้สึกเดียวกับที่เคยได้สัมผัสเมื่อหลายวันก่อน
“แต่ไม่คิดเลยนะคะว่าคุณจะโดนอย่างเดียวกับที่เคยทำกับฉัน ในที่เดียวกับวันนั้นเป๊ะๆ”
“นี่เธอจงใจงั้นหรอ!”
ฉันที่เกือบเชื่อไปวูบหนึ่งก็ปะทุความโกรธในใจขึ้น สมเพชตัวเองที่มองคนตรงหน้าไม่ออก จนทุกอย่างผิดพลาดไปหมดอย่างนี้ เกลียดตัวเองที่ไร้ความสามารถจนตอนนี้อยู่ในจุดที่ไม่สามารถทำอะไรผู้หญิงคนนี้ได้เลย
ฉันเคยโดนพวกใจเซาะพยายามแกล้ง แต่คนเหล่านั้นไม่มีใครทำอะไรฉันได้เลย แต่คนที่ฉันไม่คิดว่าจะอะไรฉันได้ กลับทำลายฉันทีละนิด แย่งทุกสิ่งไปจากฉันโดยที่ฉันไม่เคยรู้ตัว ไม่เคยสงสัย ทำไมผู้หญิงสามัญชนธรรมดาคนหนึ่งถึงทำได้ขนาดนี้
“ไม่หรอกค่ะ อย่างที่บอกไป ไม่น่าเชื่อเลยว่าเวรกรรมมันตามทันเร็วขนาดนี้นะคะ”
สายตาที่เหมือนกำลังบดขยี้ใครสักคนให้จมดินนั่นทำใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะ อดเผยรอยยิ้มออกไปไม่ได้เมื่อยิ่งได้เห็นธาตุแท้ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน การได้เห็นรอยยิ้มปีศาจร้ายที่ไม่น่าจะมีใครคาดคิดว่าอยู่บนใบหน้าของผู้หญิงคนนี้ได้ เป็นหลักฐานให้ฉันมั่นใจว่าเหตุการณ์ในห้องน้ำวันนั้นไม่ได้เป็นแค่ความฝันหรือคิดไปเอง
ตัวฉันสั่นด้วยความตื่นเต้น หากฉันลากยาวบทสนทนานี้ไปเรื่อยๆได้ ต้องมีคนบังเอิญผ่านมาเห็นแน่นอน ฉันจะค่อยๆทำลายชื่อเสียของทาคามิจิทีละนิด จนกว่าทุกคนจะตาสว่าง
ก่อนที่ฉันจะได้ตอบโต้อะไร เสียงโทรศัพท์ของอีกฝ่ายก็ดังขึ้น ทาคามิจิรับสายอย่างไม่สนใจฉันอีกต่อไป “คาบุรากิคุงถึงแล้วหรอ”
ทาคามิจิเดินจากไปทั้งๆอย่างนั้น ฉันอึ้งจนนึกอะไรไม่ออก ฉันเพิ่งโดนเมินโดยสมบูรณ์จากผู้หญิงที่ไม่ควรค่าต่อการสนใจ... กล้าดียังมาเมินฉันต่อหน้าต่อตาขนาดนั้น! หัวใจฉันเจ็บแปลบจนพูดอะไรไม่ออก ตอนนี้ก็ได้แต่ถอนหายใจมองชุดที่เพิ่งซักมาอย่างสะอาดเอี่ยมอ่อง มันกลับไปสภาพผ้าขี้ริ้วตามเดิม ยังดีที่ไม่โดนผมด้วย
น่าเจ็บใจผู้หญิงคนนั้นชะมัด
ขณะที่ฉันกำลังจะไปล้างชุดที่ห้องน้ำก็เห็นสมุดโน้ตของผู้หญิงคนนั้นลืมตกอยู่บนพื้น ข้างในนั้นเต็มไปด้วยสรุปย่อ เขียนอธิบายเกี่ยวกับบทเรียนในภาษาที่เข้าใจง่ายกว่าเดิม ทั้งยังมีวิเคราะห์แนวข้อสอบเอาไว้ แถมเขียนไว้ตรงหน้าปกว่า “ฉันไม่ต้องใช้สมุดเล่มนี้แล้ว ถ้าฉันทำหายแล้วเก็บได้ไม่ต้องเอามาคืนก็ได้นะ” และไม่รู้ว่าเรื่องบังเอิญหรือเปล่าที่มันเป็นเรื่องที่ฉันกำลังอ่านเมื่อกี้พอดี...
บังเอิญได้น่าขนลุกเกินไปแล้ว...
วันนั้นทั้งเพื่อนทั้งอาจารย์ทำท่าตื่นตกใจ มองมาที่ฉันบ่อยๆ ทำไมกัน ฉันตั้งใจเรียนมันแปลกนักหรือไงหะ
ถึงไม่อยาก แต่ก็ต้องทำ ถ้าปล่อยตัวแบบที่ผ่านมาละก็ ไม่มีทางสอบจบได้แน่ๆ จะยังไงก็ไม่อยากเรียนอีกปีหรอกนะ...
คุคิโนะจังกับเซริกะจัง แม้จะไม่ได้คุยกันแล้ว แต่สองคนนั้นก็แอบเอาโน้ตวิชาต่างๆที่ตัวเองจดไปถ่ายเอกสารมาวางให้ตอนฉันเผลอ
บอกแล้วไงว่าอย่าทำเหมือนเป็นเพื่อนกันแบบนี้... คนที่ต้องการเอาใจตระกูลคาบุรากิอาจจะจับตามองอยู่ก็ได้นะ...
ทำไมคนรอบตัวฉันมีแต่คนงี่เง่ากันนะ