Fanboi Channel

ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : วงน้ำ (กัญ) ชาซุยรันกับซูชิไข่ปลวกและหนังสือหนังมนุษย์ [หนอนตัวที่ 23 กระดึ๊บออกมาแล้วค่า]

Last posted

Total of 1000 posts

726 Nameless Fanboi Posted ID:8y.ratCk0

ต่อจาก https://fanboi.ch/webnovel/4903/679-682/

((ตอนพิเศษ : ถ้าไม่มีใครทะลุมิติ : ฝั่งโลก Kimidolce))

เขียนแบบง่วงหน่อยๆนะคะ...

...............

(ฝั่งโลกคิมิดอล)

ตอนเช้าเริ่มต้นเมื่ออากาศหนาวกว่าทุกปีที่ผ่านมา การไม่มีรถมาคอยรับส่งเป็นสิ่งโหดร้ายที่สุดในสภาวะแบบนี้ แต่ฉันกลับปรับตัวได้เร็วกว่าที่คิด นี่ทำให้ฉันรู้สึกสติแตกนิดหน่อย ตัวฉันเองในตอนนี้คงรู้ดีแล้วว่าฐานะของฉันตอนนี้เป็นยังไง และสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของฉันก็ช่วยฉันเอาไว้

วันนี้ฉันมาซุยรันด้วยชุดที่สะอาดเอี่ยมจากน้ำยาขจัดคราบที่ได้มา และที่ห้องพักฉันก็สะอาดอย่างเหลือเชื่อ ปกติคราบสกปรกค่อนข้างกำจัดยาก และต้องออกแรงมากทีเดียว แต่ของที่มิซึซากิให้มา แทบไม่ต้องใช้แรงเลยสักนิด เวลาเห็นผนังและพื้นห้องขาวสะอาดง่ายดายอย่างนั้นก็สบายตาอยู่เหมือนกัน

พอฉันมาถึงซุยรันเลยแอบแวะไปดูห้องมิซึซากิ อย่างที่คิด โต๊ะของเขาดูเงางามมาก เทียบกับโต๊ะข้างๆยิ่งเห็นชัดเจน พอสะท้อนกับแสงจากหน้าต่างแล้วดูเป็นประกายระยิบระยับ

“มาทำอะไรตรงนี้น่ะ”

ฉันสะดุ้ง หันขวับกลับไปมอง ก่อนจะเห็นมิซึซากิยืนอยู่ข้างหลัง แค่คิดในใจไม่ทันไรก็โผล่มาแล้วงั้นหรอ

“แค่เดินผ่านเฉยๆน่ะค่ะ”

“เดินมาตรงนี้ทั้งๆที่ไม่ใช่ทางไปที่ห้องเธอ แล้วจ้องเข้าไปในห้องฉันอยู่สักห้านาทีได้นี่นะ”

“ฉันอาจจะกำลังวางแผนร้ายอะไรสักอย่างก็ได้ค่ะ” ฉันตอบแบบไม่ใส่ใจ “เอาของผิดกฎมาใส่ใต้โต๊ะประธานนักเรียนอะไรแบบนั้น”

“พูดถึงเรื่องนั้น ช็อกโกแลตที่เธอเอามาเมื่อวานก็ผิดกฎนะ เธอเอาขนมมาซุยรันไม่ได้”

“ขอโทษค่ะ ตอนฉันเป็น Pivioine ทำได้เลยเผลอเอามาอยู่เรื่อย”

“ขอโทษที...”

“ขอโทษเรื่องอะไรคะ” เขาคิดอะไรแปลกๆอยู่อีกน่ะ

“ฉันไม่ได้คิดถึงว่าเธอเคยชินจากแต่ก่อน... มันคงทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่”

ฉันขนลุกกับการใส่ใจของเขาอย่างบอกไม่ถูก นึกถึงภาพการทะเลาะกันรุนแรงในวันวานแล้วคาดไม่ถึงเลยจะมีวันนี้ได้ ค่อนข้างประหลาดทีเดียวเมื่อคิดถึงว่าคนตรงหน้าเคยประกาศกร้าวพร้อมเป็นศัตรูกับฉันสมัยที่ฉันยังมีอำนาจ

“จริงๆก็ขอบคุณนะที่ให้ช็อกโกแลตมาตอนนั้น”

“ของเหลือที่ขี้เกียจเอาไปทิ้งเฉยๆค่ะ ไม่ต้องขอบคุณอะไรหรอกค่ะ”

มิซึซากิเพียงยิ้มตอบรับ เห็นแล้วน่ารำคาญยังไงไม่รู้

“ว่าแต่ได้ผลไหม” มิซึซากิถามด้วยสีหน้าจริงจัง

“คะ?”

“น้ำยากำจัดคราบน่ะ”

เขาอยากรู้อะไรแบบนั้นด้วยหรอ หรือให้ของฉันเพื่อหาหนูทดลองหรือเปล่าน่ะ

“อย่างที่เห็นค่ะ” ฉันตอบพลางโชว์เสื้อให้เขาชัดๆ

“ฉันนึกว่าเธอใส่ชุดตัวใหม่ซะอีก”

“ฉันแปลกใจเหมือนกันค่ะ แค่แช่ในน้ำคราบเก่าๆก็หลุดออกหมดเลย”

“ดีกว่ารุ่นไวท์คลีนอีกหรอ”

“มันคืออะไรหรอคะ?”

“อีกรุ่นหนึ่งน่ะ เคยลองสั่งซื้อมา แต่ไม่ค่อยเหมือนในโฆษณาเท่าไหร่ ต้องขัดเยอะเหมือนกันสำหรับคราบฝังลึก แต่อันที่ฉันให้เธอมีรีวิวค่อนข้างดีกว่าเลยซื้อมาให้”

“ปกติทำอะไรแบบนี้ด้วยหรอคะ...”

พูดไป ฉันนึกไม่ออกเลยว่าคนเป็นประธานนักเรียนจะรู้จักอะไรแบบนี้ แถมยังเคยใช้จริงมาก่อนด้วย นึกภาพคนตรงหน้าสั่งอุปกรณ์ทางทีวีแล้วมาทดลองใช้ก็แปลกๆยังไงไม่รู้นะคะ

“เริ่มจากหาอุปกรณ์ทำความสะอาดโต๊ะของทาคามิจิน่ะ”

อื้ม...เริ่มจากฉันเองสินะคะที่ไปขีดเขียนละเลงสีทำคราบสกปรกให้ทาคามิจิอยู่เรื่อยๆ...

ตอนที่ฉันแกล้งทาคามิจิโดยการทำโต๊ะสกปรก โต๊ะก็กลับมาสะอาดดีอย่างรวดเร็ว อาจเป็นเพราะมิซึซากิสินะ ไม่รู้ทาคามิจิรู้ไหมว่าเขาทำอะไรแบบนี้ให้

ตอนฉันขยันตื่นเช้าไปขีดเขียนโต๊ะทาคามิจิก็โดนมิซึซากิจับได้นี่นะ เขาเองก็คงตื่นเช้ามาจับคนร้ายและช่วยทำความสะอาดโต๊ะให้ ฉันไม่เคยลองคิดให้ละเอียดแบบนี้เลย แต่ประธานนักเรียนนั่นทำดีลับหลัง แล้วสุดท้ายทาคามิจิก็ไปชอบท่านคาบุรากินี่นะ

ในฐานะคนคอยแกล้งคอยตามรังควานทาคามิจิมาก่อนเลยรู้ว่ามิซึซากิเองก็ทุ่มเทช่วยเหลือเต็มที่ไม่แพ้ท่านคาบุรากิเลยสักนิด แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เป็นคนที่ผู้หญิงคนนั้นรัก และด้วยความเป็นคนดีไร้สาระนั่น ทำให้ยอมรับความเจ็บปวด และคิดแบบตัวรองที่ขอให้คนที่รักมีความสุขก็พออะไรประมาณนั้น

ถ้าเป็นฉันคงเสแสร้งทำเป็นยินดีด้วยไม่ได้จริงๆ ไม่ต้องพูดถึงยินดีจากใจจริง จะยังไงก็ไม่เข้าใจคนประเภทนั้นเลย

แม้ไม่ได้นึกถึงจริงจัง แต่ทั้งฉันและมิซึซากิก็ตัวสำรองที่น่าเศร้าพอกัน แค่ฉันอาจจะหนักหน่อยเพราะเจอมรสุมที่เอ็นโจสร้างด้วย แต่สำหรับมิซึซากิที่ต่อสู้และยอมรับท่านคาบุรากิ ยอมให้คนที่เขารักไปคู่กับคนอื่น แถมยังต้องฝืนมองสองคนนั้นได้ดีด้วยกันพร้อมยิ้มอวยพร เขาทำเรื่องแบบนั้นลงได้ยังไงกัน เป็นคนที่น่าหงุดหงิดจริงๆ

727 Nameless Fanboi Posted ID:8y.ratCk0

“จะว่าไปไม่มีใครมาแกล้งอะไรอีกใช่ไหม”

“ยังไม่มีเลยค่ะช่วงนี้”

“ทำไมเธอพูดเหมือนไม่พอใจเลย หรือจริงๆแล้ว...เธอชอบแนวนั้น”

“ฉันไม่ได้ทำท่าทางแบบนั้นซะหน่อยค่ะ!”

ใครจะไปชอบให้คนอื่นมาแกล้งกันล่ะ พวกแมลงที่พยายามจะทำแบบนั้นก็เรียกว่าแกล้งไม่ได้เท่าไหร่ แต่ละคนอ่อนแอเปราะบางจนน่าขำ จะแก้แค้นใครทั้งที คิดได้แค่คำพูดกับวิธีแกล้งเดิมๆแบบนั้นนี่นะ ไม่เห็นน่าสนใจเลยสักนิด จุดอ่อนก็เต็มไปหมด แต่นะ ตอนทาคามิจิพูดแบบนั้นกับฉันในห้องน้ำ เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจจนอดตื่นเต้นทุกครั้งที่นึกถึงไม่ได้ ไม่เคยคาดคิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะทำสีหน้า ท่าทาง แววตาทุกอย่างได้อย่างสมบูรณ์แบบทั้งๆที่ไม่มีวี่แววว่าจะเป็นไปได้

“นี่เธอกำลังยิ้มอยู่งั้นหรอ...”

“เปล่าซะหน่อยค่ะ”

ทำไมปากทำเหมือนกำลังยิ้มล่ะ ฉันไม่น่าจะยิ้มเมื่อนึกถึงผู้หญิงคนนั้นหรอกนะ! คงปากกระตุกเฉยๆ ต้องใช่แน่ๆ ฉันไม่ได้เป็นพวกสายมาโซอะไรสักหน่อย

ฉันเอามือลูบๆแก้มเพื่อปรับระดับมุมปากให้เข้าที่

“แต่เธอเข้มแข็งจริงๆที่กลับมาเรียน มันลำบากที่ต้องเผชิญหน้าเรื่องทั้งหมดคนเดียว แต่เธอก็ก้าวผ่านมันมาได้ จะยังไงฉันก็นับถือในจุดนี้”

อย่าส่งสายตาชื่นชมมาได้ไหมคะมันทำให้ฉันขนลุกไปทั้งตัว อีกอย่างประเด็นเดียวกันนี้ฉันเพิ่งโดนด่าว่าหน้าหนาที่ยังกล้ากลับมาเรียนอยู่เลยเมื่อวันก่อน

“จริงๆฉันก็ไม่ได้อยากกลับมาเรียนเท่าไหร่หรอกค่ะ ถึงมาก็ไม่มีประโยชน์อะไร”

“ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ”

“ฉันว่าฉันสอบจบไม่ได้แน่ๆ ยิ่งตอนนี้ฉันไม่มีอำนาจที่บ้าน ฉันคงไม่เก่งพอจะผ่าน และถึงผ่านได้ก็ใช่ว่าจะมีใครรับเข้าทำงานล่ะนะคะ เพราะในสายตาคนทั่วไปฉันก็เป็นศัตรูกับตระกูลคาบุรากิ”

“ถ้าเธอคิดแบบนั้น ทำไมถึงกลับมาเรียนล่ะ”

“ค่อยข้างซับซ้อนน่ะค่ะ ที่บ้านบังคับให้ยังไงก็เรียนให้จบ...”

ฉันเริ่มค่อยๆรู้ตัว อันตราย! อันตรายชะมัด!!! ท่าทางของเขาทำฉันเผลอระบายทุกอย่างในใจออกมาหมดโดยไม่รู้ตัว เขาแอบใส่ยาในอุปกรณ์ทำความสะอาดหรือเปล่าน่ะ

แต่เทียบกับทุกคนที่เมื่อได้ยินเรื่องนี้ และบอกให้ฉันนู้นทำนี่จะดีกว่า เขาเป็นคนแรกที่ถามความเห็นหรือความคิดฉันจริงๆ ไม่เคยมีใครถามแบบนี้มานานแล้ว...

ฉันนึกถึงท่านพ่อท่านแม่ เพื่อนๆ หรือแม้กระทั่งเอ็นโจ ทุกคนต่างบอกให้ฉันหรือไม่ทำอะไรเสมอ ฉันเลยไม่เคยคิดว่าตัวเองคิดอะไรอยู่หรือต้องการอะไรกันแน่ แต่ทุกอย่างก็สายเกินกว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว

“ให้ฉันช่วยไหม ฉันพอสอนเรื่องที่เธอไม่เข้าใจได้”

“เอ๋?! ไม่ดีมั้งคะ”

ฉันรีบปฏิเสธ ถึงอาจจะมีสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพเกิดขึ้นบ้างเมื่อสานสัมพันธ์ทางอุปกรณ์ทำความสะอาดก็เถอะ แต่จะยังไงฉันไม่มีทางให้เขาช่วยเรื่องพรรค์นี้เด็ดขาด

“ฉันเคยสัญญาแล้วว่าจะช่วยเธอ”

อะไรน่ะ สัญญาฝ่ายเดียวนั่นไม่นับเป็นสัญญาหรอกนะ อีกอย่างเรื่องที่ฉันไม่เข้าใจมันก็ทุกเรื่องทุกวิชาเลยนะ งานหนักสุดๆ

ฉันนึกถึงความสามารถการเรียนของตัวเอง จริงๆฉันอาจต้องมาเรียนซ้อมช่วงฤดูร้อนไม่ก็เลวร้ายถึงซ้ำชั้นด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่ว่าฉันใช้อำนาจตระกูลช่วย แต่อย่างท่านแม่บอก ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งอะไรก็ได้ ฉันเลยตั้งหน้าตั้งตาตั้งใจเรื่องท่านคาบุรากิอย่างเดียวมาโดยตลอด...

ถ้าฉันสอบไม่ผ่านแล้วซ้ำชั้น... หมายความว่าฉันอาจต้องเรียนที่นี่ต่ออีกปีงั้นหรอ นั่นก็เลวร้ายเหมือนกัน แต่จะให้มิซึซากิสอนก็เป็นสถานการณ์กินคายไม่ออกยังไงไม่รู้ ต้องทำทุกคนที่รู้สึกช็อกจนไม่เป็นอันทำอะไรแน่ๆ แถมหมอนั่นมีทั้งงานประธานนักเรียนทั้งเรื่องสอบเข้าอีก มาเสียเวลาช่วยเหลือคนที่เคยรังแกคนที่รักได้ยังไง

“ไม่ล่ะค่ะ ไม่เป็นไรจริงๆ”

ฉันปฏิเสธย้ำไปอย่างหนักแน่น แค่นี้ก็แปลกพอแล้วล่ะนะ แต่จากนั้นไปลองตั้งใจเรียนดูดีกว่า...

ฉันตัดสินใจใช้เวลาก่อนเข้าเรียนไปที่ห้องสมุด ก่อนจะตระหนักได้ว่าไม่มีจุดไหนที่ฉันเข้าใจเลย...

ผ่านไปสักพักก็มีคนวางหนังสือตรงหน้า

“คุณยังทำโจทย์ในหนังสือเล่มนั้นไม่ไหวหรอกนะครับ ระดับคุณควรจะทำหนังสือเล่มนี้มากกว่า”

เอ็นโจที่ไม่รู้มาจากไหนโผล่มาวางหนังสือแล้วจากไปแบบที่ฉันตอบโต้ไม่ทัน หมอนั่นแอบได้ยินบทสนทนาเมื่อเช้าหรือเปล่า ไม่หรอกมั้ง... แค่แสร้งทำเป็นคนดีแบบทุกที คงแค่มาเยาะเย้ยความสามารถของฉัน

728 Nameless Fanboi Posted ID:8y.ratCk0

ขณะที่ฉันกำลังเดินไปที่ห้องเรียน ก็เจอทาคามิจิ สามัญชนน่ารังเกียจที่พยายามตีตนเสมอฉัน ซึ่งค่อนข้างน่าแปลก เพราะเวลานี้ ปกติแล้วผู้หญิงคนนี้จะอยู่ที่ห้องเรียน

ทางเดินที่ไม่ได้กว้างนัก แต่เธอก็ทำเหมือนไม่เห็นฉัน และเดินตรงมาเรื่อยๆ ในมือเต็มไปด้วยอุปกรณ์วาดรูป

ฉันไม่สามารถสัมผัสถึงจิตมุ่งร้ายได้เลย จนกระทั่งโดนน้ำล้างพู่กันหกใส่อย่างหลีกหนีไม่ทัน ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที แม้จะไม่ค่อยเข้ากับสถานการณ์นัก แต่ก็อดชื่นชมนิดหน่อยไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนสามารถแกล้งทำน้ำหกได้อย่างเป็นธรรมชาติขนาดนี้

“ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ ฉันขอโทษจริงๆค่ะ”

ผู้หญิงคนนี้พูดอย่างร้อนรนพยายามหยิบผ้าเช็ดหน้าตัวเองออกมาเช็ดให้ ท่าทางเป็นห่วงฉันจนไม่สนใจของที่หล่นกระจายอยู่โดยรอบ ไม่มีร่องรอยเยาะเย้ยเย็นชาแบบที่ทำในห้องน้ำวันนั้นเลยสักนิด นี่เป็นภาพที่ฉันเคยเห็นมาตลอด และเคยคิดว่าเป็นแค่สามัญชนไร้ค่าที่ไม่เคยทันคน ต่ำต้อยจนไม่สามารถทำอะไรเองได้ ต้องไปขอความช่วยเหลือจากท่านคาบุรากิ

แต่ตอนนี้ฉันไม่แน่ใจแล้วว่าตัวตนที่แท้จริงของผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่

ฉันปัดผ้าเช็ดหน้าของผู้หญิงคนนั้นหล่นลงพื้นจนมันเปียกน้ำล้างสีที่คนตรงหน้าทำหก

“แถวนี้ไม่มีใครให้ต้องใส่หน้ากากแบบนั้นหรอกนะ”

ฉันยิ้มตอบรับท่าทางใสซื่อบริสุทธิ์ของสามัญชนตรงหน้า

“ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะคะ”

“ไม่ได้ตั้งใจ?”

ฉันหลุดหัวเราะออกมา ใครเชื่อก็บ้าแล้ว

“ค่ะ ถ้าฉันตั้งใจ คุณคงไม่โดนแค่นี้แน่ๆ”

ทาคามิจิพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทั้งๆที่ใบหน้ายังดูใสซื่อ แต่ถ้ามองลึกๆเข้าไปกลับมีแววตาที่ยิ้มเยาะ ทำให้ฉันหนาววาบขยับไม่ได้ไปชั่วขณะเมื่อสบตากับอสรพิษนั่น เป็นความรู้สึกเดียวกับที่เคยได้สัมผัสเมื่อหลายวันก่อน

“แต่ไม่คิดเลยนะคะว่าคุณจะโดนอย่างเดียวกับที่เคยทำกับฉัน ในที่เดียวกับวันนั้นเป๊ะๆ”

“นี่เธอจงใจงั้นหรอ!”

ฉันที่เกือบเชื่อไปวูบหนึ่งก็ปะทุความโกรธในใจขึ้น สมเพชตัวเองที่มองคนตรงหน้าไม่ออก จนทุกอย่างผิดพลาดไปหมดอย่างนี้ เกลียดตัวเองที่ไร้ความสามารถจนตอนนี้อยู่ในจุดที่ไม่สามารถทำอะไรผู้หญิงคนนี้ได้เลย

ฉันเคยโดนพวกใจเซาะพยายามแกล้ง แต่คนเหล่านั้นไม่มีใครทำอะไรฉันได้เลย แต่คนที่ฉันไม่คิดว่าจะอะไรฉันได้ กลับทำลายฉันทีละนิด แย่งทุกสิ่งไปจากฉันโดยที่ฉันไม่เคยรู้ตัว ไม่เคยสงสัย ทำไมผู้หญิงสามัญชนธรรมดาคนหนึ่งถึงทำได้ขนาดนี้

“ไม่หรอกค่ะ อย่างที่บอกไป ไม่น่าเชื่อเลยว่าเวรกรรมมันตามทันเร็วขนาดนี้นะคะ”

สายตาที่เหมือนกำลังบดขยี้ใครสักคนให้จมดินนั่นทำใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะ อดเผยรอยยิ้มออกไปไม่ได้เมื่อยิ่งได้เห็นธาตุแท้ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน การได้เห็นรอยยิ้มปีศาจร้ายที่ไม่น่าจะมีใครคาดคิดว่าอยู่บนใบหน้าของผู้หญิงคนนี้ได้ เป็นหลักฐานให้ฉันมั่นใจว่าเหตุการณ์ในห้องน้ำวันนั้นไม่ได้เป็นแค่ความฝันหรือคิดไปเอง

ตัวฉันสั่นด้วยความตื่นเต้น หากฉันลากยาวบทสนทนานี้ไปเรื่อยๆได้ ต้องมีคนบังเอิญผ่านมาเห็นแน่นอน ฉันจะค่อยๆทำลายชื่อเสียของทาคามิจิทีละนิด จนกว่าทุกคนจะตาสว่าง

ก่อนที่ฉันจะได้ตอบโต้อะไร เสียงโทรศัพท์ของอีกฝ่ายก็ดังขึ้น ทาคามิจิรับสายอย่างไม่สนใจฉันอีกต่อไป “คาบุรากิคุงถึงแล้วหรอ”

ทาคามิจิเดินจากไปทั้งๆอย่างนั้น ฉันอึ้งจนนึกอะไรไม่ออก ฉันเพิ่งโดนเมินโดยสมบูรณ์จากผู้หญิงที่ไม่ควรค่าต่อการสนใจ... กล้าดียังมาเมินฉันต่อหน้าต่อตาขนาดนั้น! หัวใจฉันเจ็บแปลบจนพูดอะไรไม่ออก ตอนนี้ก็ได้แต่ถอนหายใจมองชุดที่เพิ่งซักมาอย่างสะอาดเอี่ยมอ่อง มันกลับไปสภาพผ้าขี้ริ้วตามเดิม ยังดีที่ไม่โดนผมด้วย

น่าเจ็บใจผู้หญิงคนนั้นชะมัด

ขณะที่ฉันกำลังจะไปล้างชุดที่ห้องน้ำก็เห็นสมุดโน้ตของผู้หญิงคนนั้นลืมตกอยู่บนพื้น ข้างในนั้นเต็มไปด้วยสรุปย่อ เขียนอธิบายเกี่ยวกับบทเรียนในภาษาที่เข้าใจง่ายกว่าเดิม ทั้งยังมีวิเคราะห์แนวข้อสอบเอาไว้ แถมเขียนไว้ตรงหน้าปกว่า “ฉันไม่ต้องใช้สมุดเล่มนี้แล้ว ถ้าฉันทำหายแล้วเก็บได้ไม่ต้องเอามาคืนก็ได้นะ” และไม่รู้ว่าเรื่องบังเอิญหรือเปล่าที่มันเป็นเรื่องที่ฉันกำลังอ่านเมื่อกี้พอดี...

บังเอิญได้น่าขนลุกเกินไปแล้ว...

วันนั้นทั้งเพื่อนทั้งอาจารย์ทำท่าตื่นตกใจ มองมาที่ฉันบ่อยๆ ทำไมกัน ฉันตั้งใจเรียนมันแปลกนักหรือไงหะ

ถึงไม่อยาก แต่ก็ต้องทำ ถ้าปล่อยตัวแบบที่ผ่านมาละก็ ไม่มีทางสอบจบได้แน่ๆ จะยังไงก็ไม่อยากเรียนอีกปีหรอกนะ...

คุคิโนะจังกับเซริกะจัง แม้จะไม่ได้คุยกันแล้ว แต่สองคนนั้นก็แอบเอาโน้ตวิชาต่างๆที่ตัวเองจดไปถ่ายเอกสารมาวางให้ตอนฉันเผลอ

บอกแล้วไงว่าอย่าทำเหมือนเป็นเพื่อนกันแบบนี้... คนที่ต้องการเอาใจตระกูลคาบุรากิอาจจะจับตามองอยู่ก็ได้นะ...

ทำไมคนรอบตัวฉันมีแต่คนงี่เง่ากันนะ

729 Nameless Fanboi Posted ID:8y.ratCk0

ฉันกลับมาที่ห้องอย่างเหนื่อยล้า แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นเงาคนนั่งอยู่ ในห้อง ฉันรีบถอยหลังและเตรียมวิ่งหนีแทบจะในทันที แต่ก็โดนคนนั้นจับตัวเอาไว้ ปิดปากฉันแน่นจนไม่สามารถตะโกนขอความช่วยเหลือได้ แม้พยายามดิ้นหนีแค่ไหนก็สู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้เลย

“นี่พี่เอง เรย์กะ”

ฉันเหลือบมองคนที่รัดตัวฉันไว้ ท่านพี่จริงๆด้วย...

“พี่จะค่อยๆปล่อยมือนะ”

พอฉันเลิกดิ้น แขนที่รัดฉันค่อยๆคลายออก ฉันพูดกึ่งตะโกนอย่างหงุดหงิดทันทีที่ได้รับอิสระ “คุณเข้ามาในนี้ได้ยังไงคะ! แล้วเข้ามาทำอะไรกันแน่คะ!!!”

“ท่านยายให้กุญแจกับพี่มาเผื่อเกิดกรณีฉุกเฉินน่ะ”

ฉันมองพี่ชายแท้ๆร่วมสายเลือดตัวเอง เขาทำท่าทางเป็นห่วงเป็นใยมาให้ หลอกให้หัวใจฉันอบอุ่นไปวูบหนึ่ง แต่ฉันก็มองออกว่ามันไม่ใช่ความจริง ถึงฉันจะเคยบอกเขาแล้วว่าไม่จำเป็นเสแสร้งใส่หน้ากากตอนอยู่กับฉันก็ได้ แต่ดูเหมือนเขาจะชินจนทำแบบนั้นไปอัตโนมัติ รอยยิ้มหลอกลวงนั่นทำให้ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียนมากขึ้นเมื่อนึกถึงว่าเขาทิ้งครอบครัวตัวเองไป ทิ้งฉันให้แบกรับภาระผู้สืบทอดแทนอยู่เพียงคนเดียว

“แล้วมีเรื่องฉุกเฉินอะไรกันคะ”

ฉันถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตร และเดินออกห่างจากเขาให้มากที่สุด

“ตอนนี้มันไม่เกิดขึ้นแล้วล่ะ”

ตอนนี้ไม่เกิดขึ้นแล้ว หมายความว่ายังไงน่ะ... แม้ฉันจะส่งสายตาสงสัยไปให้ แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่คิดจะตอบ และทำเพียงส่งยิ้มที่อ่านยากมาให้

“เสื้อไปโดนอะไรมาหรือเปล่า ไม่เป็นไรใช่ไหม”

“ไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ ก็แค่พวกแมลง”

“ให้พี่จัดการแมลงพวกนั้นให้ไหม”

เขายิ้มน่ากลัวแปลกๆ ฉันดูไม่ออกว่าตอนนี้เขากำลังพูดจริงหรือพูดเล่นกันแน่

“ช่วงนี้ดูเหมือนมีคนหลายกลุ่มแอบตามน้องอยู่นะ”

“งั้นหรอคะ”

พอดีฉันมีกองทัพศัตรูที่เต็มไปด้วยความแค้นเลยไม่ได้มีความแปลกใจอะไรมากนัก

“ไม่กังวลเลยหรอ”

แค่พวกสโตรกเกอร์ ยังไงก็ไม่น่ากลัวเท่าตอนท่านพี่ทำตัวอย่างกับโจรลักพาตัวเมื่อกี้หรอกนะ

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ช่วยกลับไปด้วยค่ะ”

“จากวันนี้ไปพี่จะมาติวหนังสือให้น้องทุกวัน”

“เอ๋?!”

“ตอนนี้ก็ใกล้สอบแล้ว และน้องคงไม่อยากซ้ำชั้นหรอกใช่ไหม”

เขาพูดพร้อมรอยยิ้ม คำพูดที่เขาพูดตรงกับสิ่งที่ฉันกังวลพอดีจนน่ากลัว นี่เขารู้อะไรถึงไหนกันน่ะ...ทั้งๆที่ไม่ได้เรียนซุยรันแล้วแท้ๆ ทำไมถึงรู้เรื่องนี้ได้ ไม่สิ รู้ถึงขั้นว่ามีคนสโตรกเกอร์ฉันเลยด้วยซ้ำนี่นะ

ดูเหมือนคนที่สโตรกเกอร์ฉันมากที่สุดอาจจะเป็นคนตรงหน้านี้เองก็ได้...

………………(จบตอนพิเศษ Kimidolce ตอนที่ 4)………………

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.