ต่อจาก https://fanboi.ch/webnovel/4903/679-682/
((ตอนพิเศษ : ถ้าไม่มีใครทะลุมิติ : ฝั่งโลก Kimidolce))
เขียนแบบง่วงหน่อยๆนะคะ...
...............
(ฝั่งโลกคิมิดอล)
ตอนเช้าเริ่มต้นเมื่ออากาศหนาวกว่าทุกปีที่ผ่านมา การไม่มีรถมาคอยรับส่งเป็นสิ่งโหดร้ายที่สุดในสภาวะแบบนี้ แต่ฉันกลับปรับตัวได้เร็วกว่าที่คิด นี่ทำให้ฉันรู้สึกสติแตกนิดหน่อย ตัวฉันเองในตอนนี้คงรู้ดีแล้วว่าฐานะของฉันตอนนี้เป็นยังไง และสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของฉันก็ช่วยฉันเอาไว้
วันนี้ฉันมาซุยรันด้วยชุดที่สะอาดเอี่ยมจากน้ำยาขจัดคราบที่ได้มา และที่ห้องพักฉันก็สะอาดอย่างเหลือเชื่อ ปกติคราบสกปรกค่อนข้างกำจัดยาก และต้องออกแรงมากทีเดียว แต่ของที่มิซึซากิให้มา แทบไม่ต้องใช้แรงเลยสักนิด เวลาเห็นผนังและพื้นห้องขาวสะอาดง่ายดายอย่างนั้นก็สบายตาอยู่เหมือนกัน
พอฉันมาถึงซุยรันเลยแอบแวะไปดูห้องมิซึซากิ อย่างที่คิด โต๊ะของเขาดูเงางามมาก เทียบกับโต๊ะข้างๆยิ่งเห็นชัดเจน พอสะท้อนกับแสงจากหน้าต่างแล้วดูเป็นประกายระยิบระยับ
“มาทำอะไรตรงนี้น่ะ”
ฉันสะดุ้ง หันขวับกลับไปมอง ก่อนจะเห็นมิซึซากิยืนอยู่ข้างหลัง แค่คิดในใจไม่ทันไรก็โผล่มาแล้วงั้นหรอ
“แค่เดินผ่านเฉยๆน่ะค่ะ”
“เดินมาตรงนี้ทั้งๆที่ไม่ใช่ทางไปที่ห้องเธอ แล้วจ้องเข้าไปในห้องฉันอยู่สักห้านาทีได้นี่นะ”
“ฉันอาจจะกำลังวางแผนร้ายอะไรสักอย่างก็ได้ค่ะ” ฉันตอบแบบไม่ใส่ใจ “เอาของผิดกฎมาใส่ใต้โต๊ะประธานนักเรียนอะไรแบบนั้น”
“พูดถึงเรื่องนั้น ช็อกโกแลตที่เธอเอามาเมื่อวานก็ผิดกฎนะ เธอเอาขนมมาซุยรันไม่ได้”
“ขอโทษค่ะ ตอนฉันเป็น Pivioine ทำได้เลยเผลอเอามาอยู่เรื่อย”
“ขอโทษที...”
“ขอโทษเรื่องอะไรคะ” เขาคิดอะไรแปลกๆอยู่อีกน่ะ
“ฉันไม่ได้คิดถึงว่าเธอเคยชินจากแต่ก่อน... มันคงทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่”
ฉันขนลุกกับการใส่ใจของเขาอย่างบอกไม่ถูก นึกถึงภาพการทะเลาะกันรุนแรงในวันวานแล้วคาดไม่ถึงเลยจะมีวันนี้ได้ ค่อนข้างประหลาดทีเดียวเมื่อคิดถึงว่าคนตรงหน้าเคยประกาศกร้าวพร้อมเป็นศัตรูกับฉันสมัยที่ฉันยังมีอำนาจ
“จริงๆก็ขอบคุณนะที่ให้ช็อกโกแลตมาตอนนั้น”
“ของเหลือที่ขี้เกียจเอาไปทิ้งเฉยๆค่ะ ไม่ต้องขอบคุณอะไรหรอกค่ะ”
มิซึซากิเพียงยิ้มตอบรับ เห็นแล้วน่ารำคาญยังไงไม่รู้
“ว่าแต่ได้ผลไหม” มิซึซากิถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“คะ?”
“น้ำยากำจัดคราบน่ะ”
เขาอยากรู้อะไรแบบนั้นด้วยหรอ หรือให้ของฉันเพื่อหาหนูทดลองหรือเปล่าน่ะ
“อย่างที่เห็นค่ะ” ฉันตอบพลางโชว์เสื้อให้เขาชัดๆ
“ฉันนึกว่าเธอใส่ชุดตัวใหม่ซะอีก”
“ฉันแปลกใจเหมือนกันค่ะ แค่แช่ในน้ำคราบเก่าๆก็หลุดออกหมดเลย”
“ดีกว่ารุ่นไวท์คลีนอีกหรอ”
“มันคืออะไรหรอคะ?”
“อีกรุ่นหนึ่งน่ะ เคยลองสั่งซื้อมา แต่ไม่ค่อยเหมือนในโฆษณาเท่าไหร่ ต้องขัดเยอะเหมือนกันสำหรับคราบฝังลึก แต่อันที่ฉันให้เธอมีรีวิวค่อนข้างดีกว่าเลยซื้อมาให้”
“ปกติทำอะไรแบบนี้ด้วยหรอคะ...”
พูดไป ฉันนึกไม่ออกเลยว่าคนเป็นประธานนักเรียนจะรู้จักอะไรแบบนี้ แถมยังเคยใช้จริงมาก่อนด้วย นึกภาพคนตรงหน้าสั่งอุปกรณ์ทางทีวีแล้วมาทดลองใช้ก็แปลกๆยังไงไม่รู้นะคะ
“เริ่มจากหาอุปกรณ์ทำความสะอาดโต๊ะของทาคามิจิน่ะ”
อื้ม...เริ่มจากฉันเองสินะคะที่ไปขีดเขียนละเลงสีทำคราบสกปรกให้ทาคามิจิอยู่เรื่อยๆ...
ตอนที่ฉันแกล้งทาคามิจิโดยการทำโต๊ะสกปรก โต๊ะก็กลับมาสะอาดดีอย่างรวดเร็ว อาจเป็นเพราะมิซึซากิสินะ ไม่รู้ทาคามิจิรู้ไหมว่าเขาทำอะไรแบบนี้ให้
ตอนฉันขยันตื่นเช้าไปขีดเขียนโต๊ะทาคามิจิก็โดนมิซึซากิจับได้นี่นะ เขาเองก็คงตื่นเช้ามาจับคนร้ายและช่วยทำความสะอาดโต๊ะให้ ฉันไม่เคยลองคิดให้ละเอียดแบบนี้เลย แต่ประธานนักเรียนนั่นทำดีลับหลัง แล้วสุดท้ายทาคามิจิก็ไปชอบท่านคาบุรากินี่นะ
ในฐานะคนคอยแกล้งคอยตามรังควานทาคามิจิมาก่อนเลยรู้ว่ามิซึซากิเองก็ทุ่มเทช่วยเหลือเต็มที่ไม่แพ้ท่านคาบุรากิเลยสักนิด แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เป็นคนที่ผู้หญิงคนนั้นรัก และด้วยความเป็นคนดีไร้สาระนั่น ทำให้ยอมรับความเจ็บปวด และคิดแบบตัวรองที่ขอให้คนที่รักมีความสุขก็พออะไรประมาณนั้น
ถ้าเป็นฉันคงเสแสร้งทำเป็นยินดีด้วยไม่ได้จริงๆ ไม่ต้องพูดถึงยินดีจากใจจริง จะยังไงก็ไม่เข้าใจคนประเภทนั้นเลย
แม้ไม่ได้นึกถึงจริงจัง แต่ทั้งฉันและมิซึซากิก็ตัวสำรองที่น่าเศร้าพอกัน แค่ฉันอาจจะหนักหน่อยเพราะเจอมรสุมที่เอ็นโจสร้างด้วย แต่สำหรับมิซึซากิที่ต่อสู้และยอมรับท่านคาบุรากิ ยอมให้คนที่เขารักไปคู่กับคนอื่น แถมยังต้องฝืนมองสองคนนั้นได้ดีด้วยกันพร้อมยิ้มอวยพร เขาทำเรื่องแบบนั้นลงได้ยังไงกัน เป็นคนที่น่าหงุดหงิดจริงๆ