Last posted
Total of 1000 posts
เป็นเรื่องสมัยท่านฮิโยโกะสาวๆ ถถถ
ในหัวกูนึกถึงเรื่องนี้อยู่ยุคประมาณ 2005-2006 ไรงี้เลยว่ะ สมัยไลน์หรือเฟซยังไม่บูมไรงี้ หรือไม่ก็ยุค 2017 แบบเราๆนี่ล่ะ แต่นางไม่เล่นโซเชียลเอง จะว่าไปคนญี่ปุ่นนี่นิยมเล่นไลน์ เฟซหรืออินสตาแกรมกันมั้ยวะ กูก็สงสัยเหมือนกัน
ใช้เน็ตมือถือไว้หาร้านอาหารได้ ก็เล่นโซเซียลเน็ตได้แล้ว โซเซียลเน็ตมันมีมาก๋อนเน็ตมือถืออีก พวกเรย์กะไม่นิยมเล่นหรือไม่ได้พูดถึงมากกว่า
>>721 ใช้แอคหลุมสินะ… วันดีคืนดีก็มาบอกว่า วันก่อนผมไปกินอาหารxxxมา อร่อยจริงๆด้วยนะครับ คุณคิโชวอิน
ท่านเรย์กะ: “คงไม่ใช่ว่าหมอนี่รู้เรื่องแอครีวิวอาหารของฉันหรอกนะคะ!”
แล้วก็เปลี่ยนเป็นไพรเวท(…) แต่เหตุการณ์เดิมยังเกิดขึ้นซ้ำ อยากจะปิดแอคไปเปิดอันใหม่แต่ก็เสียดายฟลว.
“แหม ก็อุตส่าห์ทุ่มทุนและเสียสละอะไรไปมาก(อาทิ หน้าท้องที่แบนรา-แค่กๆ)กว่าจะสร้างเนื้อ(!!!)สร้างตัวขึ้นมาเป็น ฟู้ด อินฟลูเอนเซอร์ ได้ในตอนนี้…”
สุดท้ายเลยไล่ลบฟลว.ถึงตีสอง
“เอ๊ะ อันนี้ทวิตไม่ถึง20ครั้ง ไม่ใช่แน่ๆ”
“ไม่เขียนไบโอ แอคหลุมนี่นา!”
“อันนี้ก็พึ่งสร้างเมื่อวานซืน ไม่เคยทวิต อาจจะแค่พึ่งเล่น…”
ในตอนเช้า
ท่านพี่ห้องข้างๆที่ได้ยินเสียงทะเลาะ(กับตัวเอง)ว่าจะลบคนนี้ดีรึเปล่าตอนกลางคืน ”…เรย์กะ น้องยังอยู่ในวัยกำลังโต นอนดึกไม่ดีหรอกนะ…” //พร้อมกับสร้างแอคหลุมอันใหม่ อันที่แล้วปลิวเพราะไม่เขียนไบโอ ทวิตน้อยครั้งเกินไป
"คิโชวอิน! เธอมีทวิตเตอร์รึเปล่า ตอนนี้เขาฮิตกันมากเลยนะ พวกสาวๆก็ชอบใช้กัน ได้ยินไอระพูดกันแบบนั้น ทาคามิจิก็คงเล่นด้วย ฉันอาจจะเข้าใกล้กับทาคามิจิได้ด้วยสิ่งนี้! นี่ฉันเพิ่งจะเริ่มสมัครไปเองล่ะ ไหนบอกแอคเค้าท์ของเธอมาสิ!"
"แหม ทวิตเตอร์คืออะไรเหรอคะ ฉันน่ะไม่สันทันเรื่องเทคโนโลยี ไม่ได้เล่นหรอกค่ะทวิตเนี่ย โอะโฮะโฮะโฮะ"
ต่อจาก https://fanboi.ch/webnovel/4903/679-682/
((ตอนพิเศษ : ถ้าไม่มีใครทะลุมิติ : ฝั่งโลก Kimidolce))
เขียนแบบง่วงหน่อยๆนะคะ...
...............
(ฝั่งโลกคิมิดอล)
ตอนเช้าเริ่มต้นเมื่ออากาศหนาวกว่าทุกปีที่ผ่านมา การไม่มีรถมาคอยรับส่งเป็นสิ่งโหดร้ายที่สุดในสภาวะแบบนี้ แต่ฉันกลับปรับตัวได้เร็วกว่าที่คิด นี่ทำให้ฉันรู้สึกสติแตกนิดหน่อย ตัวฉันเองในตอนนี้คงรู้ดีแล้วว่าฐานะของฉันตอนนี้เป็นยังไง และสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของฉันก็ช่วยฉันเอาไว้
วันนี้ฉันมาซุยรันด้วยชุดที่สะอาดเอี่ยมจากน้ำยาขจัดคราบที่ได้มา และที่ห้องพักฉันก็สะอาดอย่างเหลือเชื่อ ปกติคราบสกปรกค่อนข้างกำจัดยาก และต้องออกแรงมากทีเดียว แต่ของที่มิซึซากิให้มา แทบไม่ต้องใช้แรงเลยสักนิด เวลาเห็นผนังและพื้นห้องขาวสะอาดง่ายดายอย่างนั้นก็สบายตาอยู่เหมือนกัน
พอฉันมาถึงซุยรันเลยแอบแวะไปดูห้องมิซึซากิ อย่างที่คิด โต๊ะของเขาดูเงางามมาก เทียบกับโต๊ะข้างๆยิ่งเห็นชัดเจน พอสะท้อนกับแสงจากหน้าต่างแล้วดูเป็นประกายระยิบระยับ
“มาทำอะไรตรงนี้น่ะ”
ฉันสะดุ้ง หันขวับกลับไปมอง ก่อนจะเห็นมิซึซากิยืนอยู่ข้างหลัง แค่คิดในใจไม่ทันไรก็โผล่มาแล้วงั้นหรอ
“แค่เดินผ่านเฉยๆน่ะค่ะ”
“เดินมาตรงนี้ทั้งๆที่ไม่ใช่ทางไปที่ห้องเธอ แล้วจ้องเข้าไปในห้องฉันอยู่สักห้านาทีได้นี่นะ”
“ฉันอาจจะกำลังวางแผนร้ายอะไรสักอย่างก็ได้ค่ะ” ฉันตอบแบบไม่ใส่ใจ “เอาของผิดกฎมาใส่ใต้โต๊ะประธานนักเรียนอะไรแบบนั้น”
“พูดถึงเรื่องนั้น ช็อกโกแลตที่เธอเอามาเมื่อวานก็ผิดกฎนะ เธอเอาขนมมาซุยรันไม่ได้”
“ขอโทษค่ะ ตอนฉันเป็น Pivioine ทำได้เลยเผลอเอามาอยู่เรื่อย”
“ขอโทษที...”
“ขอโทษเรื่องอะไรคะ” เขาคิดอะไรแปลกๆอยู่อีกน่ะ
“ฉันไม่ได้คิดถึงว่าเธอเคยชินจากแต่ก่อน... มันคงทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่”
ฉันขนลุกกับการใส่ใจของเขาอย่างบอกไม่ถูก นึกถึงภาพการทะเลาะกันรุนแรงในวันวานแล้วคาดไม่ถึงเลยจะมีวันนี้ได้ ค่อนข้างประหลาดทีเดียวเมื่อคิดถึงว่าคนตรงหน้าเคยประกาศกร้าวพร้อมเป็นศัตรูกับฉันสมัยที่ฉันยังมีอำนาจ
“จริงๆก็ขอบคุณนะที่ให้ช็อกโกแลตมาตอนนั้น”
“ของเหลือที่ขี้เกียจเอาไปทิ้งเฉยๆค่ะ ไม่ต้องขอบคุณอะไรหรอกค่ะ”
มิซึซากิเพียงยิ้มตอบรับ เห็นแล้วน่ารำคาญยังไงไม่รู้
“ว่าแต่ได้ผลไหม” มิซึซากิถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“คะ?”
“น้ำยากำจัดคราบน่ะ”
เขาอยากรู้อะไรแบบนั้นด้วยหรอ หรือให้ของฉันเพื่อหาหนูทดลองหรือเปล่าน่ะ
“อย่างที่เห็นค่ะ” ฉันตอบพลางโชว์เสื้อให้เขาชัดๆ
“ฉันนึกว่าเธอใส่ชุดตัวใหม่ซะอีก”
“ฉันแปลกใจเหมือนกันค่ะ แค่แช่ในน้ำคราบเก่าๆก็หลุดออกหมดเลย”
“ดีกว่ารุ่นไวท์คลีนอีกหรอ”
“มันคืออะไรหรอคะ?”
“อีกรุ่นหนึ่งน่ะ เคยลองสั่งซื้อมา แต่ไม่ค่อยเหมือนในโฆษณาเท่าไหร่ ต้องขัดเยอะเหมือนกันสำหรับคราบฝังลึก แต่อันที่ฉันให้เธอมีรีวิวค่อนข้างดีกว่าเลยซื้อมาให้”
“ปกติทำอะไรแบบนี้ด้วยหรอคะ...”
พูดไป ฉันนึกไม่ออกเลยว่าคนเป็นประธานนักเรียนจะรู้จักอะไรแบบนี้ แถมยังเคยใช้จริงมาก่อนด้วย นึกภาพคนตรงหน้าสั่งอุปกรณ์ทางทีวีแล้วมาทดลองใช้ก็แปลกๆยังไงไม่รู้นะคะ
“เริ่มจากหาอุปกรณ์ทำความสะอาดโต๊ะของทาคามิจิน่ะ”
อื้ม...เริ่มจากฉันเองสินะคะที่ไปขีดเขียนละเลงสีทำคราบสกปรกให้ทาคามิจิอยู่เรื่อยๆ...
ตอนที่ฉันแกล้งทาคามิจิโดยการทำโต๊ะสกปรก โต๊ะก็กลับมาสะอาดดีอย่างรวดเร็ว อาจเป็นเพราะมิซึซากิสินะ ไม่รู้ทาคามิจิรู้ไหมว่าเขาทำอะไรแบบนี้ให้
ตอนฉันขยันตื่นเช้าไปขีดเขียนโต๊ะทาคามิจิก็โดนมิซึซากิจับได้นี่นะ เขาเองก็คงตื่นเช้ามาจับคนร้ายและช่วยทำความสะอาดโต๊ะให้ ฉันไม่เคยลองคิดให้ละเอียดแบบนี้เลย แต่ประธานนักเรียนนั่นทำดีลับหลัง แล้วสุดท้ายทาคามิจิก็ไปชอบท่านคาบุรากินี่นะ
ในฐานะคนคอยแกล้งคอยตามรังควานทาคามิจิมาก่อนเลยรู้ว่ามิซึซากิเองก็ทุ่มเทช่วยเหลือเต็มที่ไม่แพ้ท่านคาบุรากิเลยสักนิด แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เป็นคนที่ผู้หญิงคนนั้นรัก และด้วยความเป็นคนดีไร้สาระนั่น ทำให้ยอมรับความเจ็บปวด และคิดแบบตัวรองที่ขอให้คนที่รักมีความสุขก็พออะไรประมาณนั้น
ถ้าเป็นฉันคงเสแสร้งทำเป็นยินดีด้วยไม่ได้จริงๆ ไม่ต้องพูดถึงยินดีจากใจจริง จะยังไงก็ไม่เข้าใจคนประเภทนั้นเลย
แม้ไม่ได้นึกถึงจริงจัง แต่ทั้งฉันและมิซึซากิก็ตัวสำรองที่น่าเศร้าพอกัน แค่ฉันอาจจะหนักหน่อยเพราะเจอมรสุมที่เอ็นโจสร้างด้วย แต่สำหรับมิซึซากิที่ต่อสู้และยอมรับท่านคาบุรากิ ยอมให้คนที่เขารักไปคู่กับคนอื่น แถมยังต้องฝืนมองสองคนนั้นได้ดีด้วยกันพร้อมยิ้มอวยพร เขาทำเรื่องแบบนั้นลงได้ยังไงกัน เป็นคนที่น่าหงุดหงิดจริงๆ
“จะว่าไปไม่มีใครมาแกล้งอะไรอีกใช่ไหม”
“ยังไม่มีเลยค่ะช่วงนี้”
“ทำไมเธอพูดเหมือนไม่พอใจเลย หรือจริงๆแล้ว...เธอชอบแนวนั้น”
“ฉันไม่ได้ทำท่าทางแบบนั้นซะหน่อยค่ะ!”
ใครจะไปชอบให้คนอื่นมาแกล้งกันล่ะ พวกแมลงที่พยายามจะทำแบบนั้นก็เรียกว่าแกล้งไม่ได้เท่าไหร่ แต่ละคนอ่อนแอเปราะบางจนน่าขำ จะแก้แค้นใครทั้งที คิดได้แค่คำพูดกับวิธีแกล้งเดิมๆแบบนั้นนี่นะ ไม่เห็นน่าสนใจเลยสักนิด จุดอ่อนก็เต็มไปหมด แต่นะ ตอนทาคามิจิพูดแบบนั้นกับฉันในห้องน้ำ เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจจนอดตื่นเต้นทุกครั้งที่นึกถึงไม่ได้ ไม่เคยคาดคิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะทำสีหน้า ท่าทาง แววตาทุกอย่างได้อย่างสมบูรณ์แบบทั้งๆที่ไม่มีวี่แววว่าจะเป็นไปได้
“นี่เธอกำลังยิ้มอยู่งั้นหรอ...”
“เปล่าซะหน่อยค่ะ”
ทำไมปากทำเหมือนกำลังยิ้มล่ะ ฉันไม่น่าจะยิ้มเมื่อนึกถึงผู้หญิงคนนั้นหรอกนะ! คงปากกระตุกเฉยๆ ต้องใช่แน่ๆ ฉันไม่ได้เป็นพวกสายมาโซอะไรสักหน่อย
ฉันเอามือลูบๆแก้มเพื่อปรับระดับมุมปากให้เข้าที่
“แต่เธอเข้มแข็งจริงๆที่กลับมาเรียน มันลำบากที่ต้องเผชิญหน้าเรื่องทั้งหมดคนเดียว แต่เธอก็ก้าวผ่านมันมาได้ จะยังไงฉันก็นับถือในจุดนี้”
อย่าส่งสายตาชื่นชมมาได้ไหมคะมันทำให้ฉันขนลุกไปทั้งตัว อีกอย่างประเด็นเดียวกันนี้ฉันเพิ่งโดนด่าว่าหน้าหนาที่ยังกล้ากลับมาเรียนอยู่เลยเมื่อวันก่อน
“จริงๆฉันก็ไม่ได้อยากกลับมาเรียนเท่าไหร่หรอกค่ะ ถึงมาก็ไม่มีประโยชน์อะไร”
“ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ”
“ฉันว่าฉันสอบจบไม่ได้แน่ๆ ยิ่งตอนนี้ฉันไม่มีอำนาจที่บ้าน ฉันคงไม่เก่งพอจะผ่าน และถึงผ่านได้ก็ใช่ว่าจะมีใครรับเข้าทำงานล่ะนะคะ เพราะในสายตาคนทั่วไปฉันก็เป็นศัตรูกับตระกูลคาบุรากิ”
“ถ้าเธอคิดแบบนั้น ทำไมถึงกลับมาเรียนล่ะ”
“ค่อยข้างซับซ้อนน่ะค่ะ ที่บ้านบังคับให้ยังไงก็เรียนให้จบ...”
ฉันเริ่มค่อยๆรู้ตัว อันตราย! อันตรายชะมัด!!! ท่าทางของเขาทำฉันเผลอระบายทุกอย่างในใจออกมาหมดโดยไม่รู้ตัว เขาแอบใส่ยาในอุปกรณ์ทำความสะอาดหรือเปล่าน่ะ
แต่เทียบกับทุกคนที่เมื่อได้ยินเรื่องนี้ และบอกให้ฉันนู้นทำนี่จะดีกว่า เขาเป็นคนแรกที่ถามความเห็นหรือความคิดฉันจริงๆ ไม่เคยมีใครถามแบบนี้มานานแล้ว...
ฉันนึกถึงท่านพ่อท่านแม่ เพื่อนๆ หรือแม้กระทั่งเอ็นโจ ทุกคนต่างบอกให้ฉันหรือไม่ทำอะไรเสมอ ฉันเลยไม่เคยคิดว่าตัวเองคิดอะไรอยู่หรือต้องการอะไรกันแน่ แต่ทุกอย่างก็สายเกินกว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว
“ให้ฉันช่วยไหม ฉันพอสอนเรื่องที่เธอไม่เข้าใจได้”
“เอ๋?! ไม่ดีมั้งคะ”
ฉันรีบปฏิเสธ ถึงอาจจะมีสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพเกิดขึ้นบ้างเมื่อสานสัมพันธ์ทางอุปกรณ์ทำความสะอาดก็เถอะ แต่จะยังไงฉันไม่มีทางให้เขาช่วยเรื่องพรรค์นี้เด็ดขาด
“ฉันเคยสัญญาแล้วว่าจะช่วยเธอ”
อะไรน่ะ สัญญาฝ่ายเดียวนั่นไม่นับเป็นสัญญาหรอกนะ อีกอย่างเรื่องที่ฉันไม่เข้าใจมันก็ทุกเรื่องทุกวิชาเลยนะ งานหนักสุดๆ
ฉันนึกถึงความสามารถการเรียนของตัวเอง จริงๆฉันอาจต้องมาเรียนซ้อมช่วงฤดูร้อนไม่ก็เลวร้ายถึงซ้ำชั้นด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่ว่าฉันใช้อำนาจตระกูลช่วย แต่อย่างท่านแม่บอก ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งอะไรก็ได้ ฉันเลยตั้งหน้าตั้งตาตั้งใจเรื่องท่านคาบุรากิอย่างเดียวมาโดยตลอด...
ถ้าฉันสอบไม่ผ่านแล้วซ้ำชั้น... หมายความว่าฉันอาจต้องเรียนที่นี่ต่ออีกปีงั้นหรอ นั่นก็เลวร้ายเหมือนกัน แต่จะให้มิซึซากิสอนก็เป็นสถานการณ์กินคายไม่ออกยังไงไม่รู้ ต้องทำทุกคนที่รู้สึกช็อกจนไม่เป็นอันทำอะไรแน่ๆ แถมหมอนั่นมีทั้งงานประธานนักเรียนทั้งเรื่องสอบเข้าอีก มาเสียเวลาช่วยเหลือคนที่เคยรังแกคนที่รักได้ยังไง
“ไม่ล่ะค่ะ ไม่เป็นไรจริงๆ”
ฉันปฏิเสธย้ำไปอย่างหนักแน่น แค่นี้ก็แปลกพอแล้วล่ะนะ แต่จากนั้นไปลองตั้งใจเรียนดูดีกว่า...
ฉันตัดสินใจใช้เวลาก่อนเข้าเรียนไปที่ห้องสมุด ก่อนจะตระหนักได้ว่าไม่มีจุดไหนที่ฉันเข้าใจเลย...
ผ่านไปสักพักก็มีคนวางหนังสือตรงหน้า
“คุณยังทำโจทย์ในหนังสือเล่มนั้นไม่ไหวหรอกนะครับ ระดับคุณควรจะทำหนังสือเล่มนี้มากกว่า”
เอ็นโจที่ไม่รู้มาจากไหนโผล่มาวางหนังสือแล้วจากไปแบบที่ฉันตอบโต้ไม่ทัน หมอนั่นแอบได้ยินบทสนทนาเมื่อเช้าหรือเปล่า ไม่หรอกมั้ง... แค่แสร้งทำเป็นคนดีแบบทุกที คงแค่มาเยาะเย้ยความสามารถของฉัน
ขณะที่ฉันกำลังเดินไปที่ห้องเรียน ก็เจอทาคามิจิ สามัญชนน่ารังเกียจที่พยายามตีตนเสมอฉัน ซึ่งค่อนข้างน่าแปลก เพราะเวลานี้ ปกติแล้วผู้หญิงคนนี้จะอยู่ที่ห้องเรียน
ทางเดินที่ไม่ได้กว้างนัก แต่เธอก็ทำเหมือนไม่เห็นฉัน และเดินตรงมาเรื่อยๆ ในมือเต็มไปด้วยอุปกรณ์วาดรูป
ฉันไม่สามารถสัมผัสถึงจิตมุ่งร้ายได้เลย จนกระทั่งโดนน้ำล้างพู่กันหกใส่อย่างหลีกหนีไม่ทัน ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที แม้จะไม่ค่อยเข้ากับสถานการณ์นัก แต่ก็อดชื่นชมนิดหน่อยไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนสามารถแกล้งทำน้ำหกได้อย่างเป็นธรรมชาติขนาดนี้
“ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ ฉันขอโทษจริงๆค่ะ”
ผู้หญิงคนนี้พูดอย่างร้อนรนพยายามหยิบผ้าเช็ดหน้าตัวเองออกมาเช็ดให้ ท่าทางเป็นห่วงฉันจนไม่สนใจของที่หล่นกระจายอยู่โดยรอบ ไม่มีร่องรอยเยาะเย้ยเย็นชาแบบที่ทำในห้องน้ำวันนั้นเลยสักนิด นี่เป็นภาพที่ฉันเคยเห็นมาตลอด และเคยคิดว่าเป็นแค่สามัญชนไร้ค่าที่ไม่เคยทันคน ต่ำต้อยจนไม่สามารถทำอะไรเองได้ ต้องไปขอความช่วยเหลือจากท่านคาบุรากิ
แต่ตอนนี้ฉันไม่แน่ใจแล้วว่าตัวตนที่แท้จริงของผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่
ฉันปัดผ้าเช็ดหน้าของผู้หญิงคนนั้นหล่นลงพื้นจนมันเปียกน้ำล้างสีที่คนตรงหน้าทำหก
“แถวนี้ไม่มีใครให้ต้องใส่หน้ากากแบบนั้นหรอกนะ”
ฉันยิ้มตอบรับท่าทางใสซื่อบริสุทธิ์ของสามัญชนตรงหน้า
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะคะ”
“ไม่ได้ตั้งใจ?”
ฉันหลุดหัวเราะออกมา ใครเชื่อก็บ้าแล้ว
“ค่ะ ถ้าฉันตั้งใจ คุณคงไม่โดนแค่นี้แน่ๆ”
ทาคามิจิพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทั้งๆที่ใบหน้ายังดูใสซื่อ แต่ถ้ามองลึกๆเข้าไปกลับมีแววตาที่ยิ้มเยาะ ทำให้ฉันหนาววาบขยับไม่ได้ไปชั่วขณะเมื่อสบตากับอสรพิษนั่น เป็นความรู้สึกเดียวกับที่เคยได้สัมผัสเมื่อหลายวันก่อน
“แต่ไม่คิดเลยนะคะว่าคุณจะโดนอย่างเดียวกับที่เคยทำกับฉัน ในที่เดียวกับวันนั้นเป๊ะๆ”
“นี่เธอจงใจงั้นหรอ!”
ฉันที่เกือบเชื่อไปวูบหนึ่งก็ปะทุความโกรธในใจขึ้น สมเพชตัวเองที่มองคนตรงหน้าไม่ออก จนทุกอย่างผิดพลาดไปหมดอย่างนี้ เกลียดตัวเองที่ไร้ความสามารถจนตอนนี้อยู่ในจุดที่ไม่สามารถทำอะไรผู้หญิงคนนี้ได้เลย
ฉันเคยโดนพวกใจเซาะพยายามแกล้ง แต่คนเหล่านั้นไม่มีใครทำอะไรฉันได้เลย แต่คนที่ฉันไม่คิดว่าจะอะไรฉันได้ กลับทำลายฉันทีละนิด แย่งทุกสิ่งไปจากฉันโดยที่ฉันไม่เคยรู้ตัว ไม่เคยสงสัย ทำไมผู้หญิงสามัญชนธรรมดาคนหนึ่งถึงทำได้ขนาดนี้
“ไม่หรอกค่ะ อย่างที่บอกไป ไม่น่าเชื่อเลยว่าเวรกรรมมันตามทันเร็วขนาดนี้นะคะ”
สายตาที่เหมือนกำลังบดขยี้ใครสักคนให้จมดินนั่นทำใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะ อดเผยรอยยิ้มออกไปไม่ได้เมื่อยิ่งได้เห็นธาตุแท้ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน การได้เห็นรอยยิ้มปีศาจร้ายที่ไม่น่าจะมีใครคาดคิดว่าอยู่บนใบหน้าของผู้หญิงคนนี้ได้ เป็นหลักฐานให้ฉันมั่นใจว่าเหตุการณ์ในห้องน้ำวันนั้นไม่ได้เป็นแค่ความฝันหรือคิดไปเอง
ตัวฉันสั่นด้วยความตื่นเต้น หากฉันลากยาวบทสนทนานี้ไปเรื่อยๆได้ ต้องมีคนบังเอิญผ่านมาเห็นแน่นอน ฉันจะค่อยๆทำลายชื่อเสียของทาคามิจิทีละนิด จนกว่าทุกคนจะตาสว่าง
ก่อนที่ฉันจะได้ตอบโต้อะไร เสียงโทรศัพท์ของอีกฝ่ายก็ดังขึ้น ทาคามิจิรับสายอย่างไม่สนใจฉันอีกต่อไป “คาบุรากิคุงถึงแล้วหรอ”
ทาคามิจิเดินจากไปทั้งๆอย่างนั้น ฉันอึ้งจนนึกอะไรไม่ออก ฉันเพิ่งโดนเมินโดยสมบูรณ์จากผู้หญิงที่ไม่ควรค่าต่อการสนใจ... กล้าดียังมาเมินฉันต่อหน้าต่อตาขนาดนั้น! หัวใจฉันเจ็บแปลบจนพูดอะไรไม่ออก ตอนนี้ก็ได้แต่ถอนหายใจมองชุดที่เพิ่งซักมาอย่างสะอาดเอี่ยมอ่อง มันกลับไปสภาพผ้าขี้ริ้วตามเดิม ยังดีที่ไม่โดนผมด้วย
น่าเจ็บใจผู้หญิงคนนั้นชะมัด
ขณะที่ฉันกำลังจะไปล้างชุดที่ห้องน้ำก็เห็นสมุดโน้ตของผู้หญิงคนนั้นลืมตกอยู่บนพื้น ข้างในนั้นเต็มไปด้วยสรุปย่อ เขียนอธิบายเกี่ยวกับบทเรียนในภาษาที่เข้าใจง่ายกว่าเดิม ทั้งยังมีวิเคราะห์แนวข้อสอบเอาไว้ แถมเขียนไว้ตรงหน้าปกว่า “ฉันไม่ต้องใช้สมุดเล่มนี้แล้ว ถ้าฉันทำหายแล้วเก็บได้ไม่ต้องเอามาคืนก็ได้นะ” และไม่รู้ว่าเรื่องบังเอิญหรือเปล่าที่มันเป็นเรื่องที่ฉันกำลังอ่านเมื่อกี้พอดี...
บังเอิญได้น่าขนลุกเกินไปแล้ว...
วันนั้นทั้งเพื่อนทั้งอาจารย์ทำท่าตื่นตกใจ มองมาที่ฉันบ่อยๆ ทำไมกัน ฉันตั้งใจเรียนมันแปลกนักหรือไงหะ
ถึงไม่อยาก แต่ก็ต้องทำ ถ้าปล่อยตัวแบบที่ผ่านมาละก็ ไม่มีทางสอบจบได้แน่ๆ จะยังไงก็ไม่อยากเรียนอีกปีหรอกนะ...
คุคิโนะจังกับเซริกะจัง แม้จะไม่ได้คุยกันแล้ว แต่สองคนนั้นก็แอบเอาโน้ตวิชาต่างๆที่ตัวเองจดไปถ่ายเอกสารมาวางให้ตอนฉันเผลอ
บอกแล้วไงว่าอย่าทำเหมือนเป็นเพื่อนกันแบบนี้... คนที่ต้องการเอาใจตระกูลคาบุรากิอาจจะจับตามองอยู่ก็ได้นะ...
ทำไมคนรอบตัวฉันมีแต่คนงี่เง่ากันนะ
ฉันกลับมาที่ห้องอย่างเหนื่อยล้า แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นเงาคนนั่งอยู่ ในห้อง ฉันรีบถอยหลังและเตรียมวิ่งหนีแทบจะในทันที แต่ก็โดนคนนั้นจับตัวเอาไว้ ปิดปากฉันแน่นจนไม่สามารถตะโกนขอความช่วยเหลือได้ แม้พยายามดิ้นหนีแค่ไหนก็สู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้เลย
“นี่พี่เอง เรย์กะ”
ฉันเหลือบมองคนที่รัดตัวฉันไว้ ท่านพี่จริงๆด้วย...
“พี่จะค่อยๆปล่อยมือนะ”
พอฉันเลิกดิ้น แขนที่รัดฉันค่อยๆคลายออก ฉันพูดกึ่งตะโกนอย่างหงุดหงิดทันทีที่ได้รับอิสระ “คุณเข้ามาในนี้ได้ยังไงคะ! แล้วเข้ามาทำอะไรกันแน่คะ!!!”
“ท่านยายให้กุญแจกับพี่มาเผื่อเกิดกรณีฉุกเฉินน่ะ”
ฉันมองพี่ชายแท้ๆร่วมสายเลือดตัวเอง เขาทำท่าทางเป็นห่วงเป็นใยมาให้ หลอกให้หัวใจฉันอบอุ่นไปวูบหนึ่ง แต่ฉันก็มองออกว่ามันไม่ใช่ความจริง ถึงฉันจะเคยบอกเขาแล้วว่าไม่จำเป็นเสแสร้งใส่หน้ากากตอนอยู่กับฉันก็ได้ แต่ดูเหมือนเขาจะชินจนทำแบบนั้นไปอัตโนมัติ รอยยิ้มหลอกลวงนั่นทำให้ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียนมากขึ้นเมื่อนึกถึงว่าเขาทิ้งครอบครัวตัวเองไป ทิ้งฉันให้แบกรับภาระผู้สืบทอดแทนอยู่เพียงคนเดียว
“แล้วมีเรื่องฉุกเฉินอะไรกันคะ”
ฉันถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตร และเดินออกห่างจากเขาให้มากที่สุด
“ตอนนี้มันไม่เกิดขึ้นแล้วล่ะ”
ตอนนี้ไม่เกิดขึ้นแล้ว หมายความว่ายังไงน่ะ... แม้ฉันจะส่งสายตาสงสัยไปให้ แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่คิดจะตอบ และทำเพียงส่งยิ้มที่อ่านยากมาให้
“เสื้อไปโดนอะไรมาหรือเปล่า ไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ ก็แค่พวกแมลง”
“ให้พี่จัดการแมลงพวกนั้นให้ไหม”
เขายิ้มน่ากลัวแปลกๆ ฉันดูไม่ออกว่าตอนนี้เขากำลังพูดจริงหรือพูดเล่นกันแน่
“ช่วงนี้ดูเหมือนมีคนหลายกลุ่มแอบตามน้องอยู่นะ”
“งั้นหรอคะ”
พอดีฉันมีกองทัพศัตรูที่เต็มไปด้วยความแค้นเลยไม่ได้มีความแปลกใจอะไรมากนัก
“ไม่กังวลเลยหรอ”
แค่พวกสโตรกเกอร์ ยังไงก็ไม่น่ากลัวเท่าตอนท่านพี่ทำตัวอย่างกับโจรลักพาตัวเมื่อกี้หรอกนะ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ช่วยกลับไปด้วยค่ะ”
“จากวันนี้ไปพี่จะมาติวหนังสือให้น้องทุกวัน”
“เอ๋?!”
“ตอนนี้ก็ใกล้สอบแล้ว และน้องคงไม่อยากซ้ำชั้นหรอกใช่ไหม”
เขาพูดพร้อมรอยยิ้ม คำพูดที่เขาพูดตรงกับสิ่งที่ฉันกังวลพอดีจนน่ากลัว นี่เขารู้อะไรถึงไหนกันน่ะ...ทั้งๆที่ไม่ได้เรียนซุยรันแล้วแท้ๆ ทำไมถึงรู้เรื่องนี้ได้ ไม่สิ รู้ถึงขั้นว่ามีคนสโตรกเกอร์ฉันเลยด้วยซ้ำนี่นะ
ดูเหมือนคนที่สโตรกเกอร์ฉันมากที่สุดอาจจะเป็นคนตรงหน้านี้เองก็ได้...
………………(จบตอนพิเศษ Kimidolce ตอนที่ 4)………………
ขอบคุณโม่งแปล!!!
ว่าแต่....ชะ...เช้า!! เช้ามาก!!!
โม่งแปลได้นอนมั้ยคะเนี่ย เช่นนั้นขอส่งครีมบำรุงขนหน้าแข้งให้นะคะ โต้รุ่งไม่ดีนะคะ 5555
เอ็นโจไม่ว่างเว้นโอกาสหยอดเลย อา ในที่สุดเรือลำนี้ก็มีอนาคต น้ำตาจะไหล
ตอนนี้มีแต่พ่ออ้อนลูก ตอนหน้าจะได้เห็นจอมมารอ้อนสาวล่ะ รออย่างระทึก
แววล่มมาแต่ไกลจริงๆ
.
.
.
.
การไดเอทของท่านเรย์กะเนี่ย ล่มมาแต่ไกลเชียว
คาบุรากินี่ก็ไม่ปราณีอะไรเหมือนเดิมไม่รู้เรอะว่าสัดส่วนน่ะ มันเรื่องความเป็นความตายเท่ากันของผู้หญิงเลยนะว้อย ไม่ละเอียดอ่อนเลย!
เอ็นโจ!! ขยันชมจริงๆ เลยน้า แต่น่าสงสารโดนเจ้าแม่ว่า ว่าเป็นหูผี... ถถถถถถ
ท่านเรย์กะ นิสัยโม้เหม็นเนี่ยได้มาจากพ่อเต็มๆสินะ
ตอนนี้คือกูกรี๊ดกร๊าดมากจริงๆ อีเหี้ย สนิทกันมากสินะถึงได้ไปฟิตเนสด้วยกันน่ะะ แต่เจ้าแม่ดูเกร็งๆกับเอ็นโจกว่าคาบุรากิยังไงก็ไม่รู้แฮะ
สรุปผลการสนทนาระหว่างเอ็นโจว-เรย์กะวันนี้
เอ็นโจว-พูดชมทุกสิ่งทุกอย่างที่ชมได้ บริการทุกอย่าง
เรย์กะ-ทั้งตอนพูดแค่”ค่ะ” ไร้ซึ่งการต่อบทสนทนา
//สู้ต่อไปเอ็นโจววว!!!
เมื่อไหร่ท่านเรย์กะจะเลิกระแวงเอ็นโจวะ ไม่มีวันเหรอ..
ระแวงน่ะระแวงจริง แต่ถ้าเผลอเมื่อไหร่ก็สนิทกันดีนะ
อย่างตอนนั่งติวหนังสือในคาเฟ่ก่อนคาบุจะมาขัดไงกับตอนนินทาคาบุในสโมฯ
ลองปล่อยไว้สองต่อสองโดยไม่มีใครขัดซักพักสิเจ้าแม่เสร็จแน่นอนอ่ะ
ไม่มีใครโดขิๆ กับสถานการณ์ชายหนุ่ม (หล่อมาก) 2 คนในชุดออกกำลังกายรัดรูปกับสาวสวยมากอยู่กันตามลำพังมั่งเลยเหรอวะ มันเอโร่ยสุดๆ ไปเลยนะเว้ยยยย
ว่าแต่ ของขวัญของคาบุนี่ มีความหมายอะไรรึเปล่า
ซื้อให้ตามมารยาท? ซื้อมาให้เพื่อน? หรือว่าจะเป็นเครื่องบรรณาการแก่เจ้าแม่ ถถถ
เอ็นโจแม่งเก็บทุกเม็ด หยอดได้หยอด ต้องอย่างนี้สิเรือข้า
ตอนแรกคิดในแง่บวกๆ ไว้ พอมึงทักปุ๊บ อาาาห์ ชายหนุ่มรูปงามในเสื้อกีฬาสีดำรัดรูปชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ ดีงามจริงๆ คร่ะ
ถ้าเรย์กะไม่ไป ปกติหนุ่มๆก็ออกกำลังกันแค่สองคนสินะ...
ว่าไปก็คิดถึงเบียทันจัง ไม่มีบทนานแล้วนะ..
คาบุมันบ้า ถามสัดส่วนเจ้าแม่ได้ยังไง55555 ผญ นะเว้ย ไร้ซึ่งความละเอียดอ่อน แต่กับวาคาบะจังไม่กล้าหรอก คงเพราะรู้สึกสนิทกับเจ้าแม่นั่นแหละเลยไม่คิดอะไรมาก
เอ็นโจก็พยายามเต็มที่แล้ว ชมก็แล้ว เจ้าแม่ก็ไม่หวั่นไหว สู้เขานะนาย แต่เมื่อก่อนนายก็ทำไว้เยอะอะ รับกรรมไปก่อนนะ5555
รอโดขิๆโมเม้นเอ็นโจ
ส่วนไซซายะนี่ปล่อยมันไปเหอะ เดี๋ยวมันก็หักธงตัวเอง
KY นิดนึง
ของฝากจากคาบุรากิ โม่งคิดว่าเป็นยี่ห้ออะไรกัน กูเห็นน้ำตาลๆ กูนึกถึง fresh ว่ะ เป็นแบรนด์อเมริกาด้วย ลิปบาล์มกะสครับก็ดัง แต่คาบุมันไปรู้เรื่องสาวน้อยอย่างนี้ได้ไงเนี่ย 555
อย่างคาบุนะหรอ จะเลือกของดีๆ สำหรับสาวน้อยแบบนี้ได้ กูว่าต้องมีคนคอยกระซิบบอกแหละน่า ใครคนนั้นก็คือ...เอ็นโจ ไงล่ะ!! /ฟึดดด สูบกาวเข้าปายยยยยย
ขอตั้งชื่อฟิคนี้ว่า ฟิค 15 นาที (อะไรน่ะเหรอ... เวลาที่ใช้ในการแต่งไงล่ะ)
............................................................................................................................................................
ซุยรันจะจัดอีเวนท์ฉลองปีใหม่ด้วยการเล่นบัดบี้บัดเดอร์กันในระดับชั้นล่ะค่ะ ตอนนี้นักเรียนทุกคนมารวมตัวที่หอประชุมเพื่อจับฉลากคู่บัดดี้ของตัวเอง ฉันที่อยู่ในแถวมองคนที่ขึ้นไปจับฉลากบนเวทีด้วยความตื่นเต้น พวกเซริกะจังกรี๊ดกร๊าดสนุกสนานกันใหญ่
"ถ้าได้บัดเดอร์เป็นท่านคาบุรากิหรือท่านเอ็นโจก็ดีสิ จะได้ของขวัญจากท่านผู้เชียวน้า"
"ใช่ๆ แต่เป็นบัดดี้ก็น่าสนุกไปอีกแบบ ฉันอยากถวายของกำนัลให้จักรพรรดิเหมือนกัน" แต่ฉันไม่อยากให้ของคาบุรากิหรอกค่ะ รายนั้นเรื่องมากจะตาย เกิดให้ไปแล้วไม่ถูกใจมีหวังได้ตินู่นตินี่กลับมาให้สิ้นหวังเล่นๆแหงๆ
"แล้วท่านเรย์กะประสงค์ของขวัญปีใหม่จากท่านไหนหรือคะ" คิคุโนะจังหันมาถามฉันด้วยแววตาเป็นประกาย ฉันยิ้มแย้มตอบกลับไป
"ได้ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆ ของขวัญจากใครก็เป็นเรื่องน่ายินดีทั้งนั้นค่ะ" ยิ่งไม่ได้จากสองคนนั้นยิ่งน่ายินดี
"นั่นสินะค้า"
อ๊ะ นั่นคาบุรากิขึ้นไปจับฉลากแล้ว แค่ก้าวเท้าขึ้นเวทีก็มีเสียงวี้ดว้ายกระหึ่มเหมือนเคย... ไม่ได้อิจฉาว่าเป็นแค่บากะรากิแท้ๆเลยนะคะ ไม่เลย... พอล้วงได้ก็รีบพลิกแหวนดูอย่างกระตือรือร้น แต่แล้วก็ทำท่าหูลู่หางตกลงจากเวทีไป สงสัยไม่ได้วาคาบะจังสินะคะ
อีกไม่กี่คนถัดมาก็เป็นเอ็นโจซึ่งเรียกเสียงกรี๊ดกระหึ่มไม่แพ้กัน แต่รายนั้นเพียงแค่ดูฉลากในมือนิ่งๆแล้วเดินลงเวทีโดยที่รอยยิ้มไม่กระตุกด้วยซ้ำ เดาไม่ออกเลยว่าได้ใคร
หลังจากนั้นก็เห็นวาคาบะจัง นายตัวสำรอง อิวามุโระคุง แล้วก็หัวหน้าห้องสาวน้อย บางคนก็ทำหน้าหนักใจ บางคนก็ดีใจจนทำท่าอยากกู่ร้อง ยินดีด้วยนะคะ
ในที่สุดก็ถึงตาฉันแล้วค่ะ พอก้าวขึ้นเวทีเสียงคุยทั้งหอประชุมก็เงียบกริบลงอย่างน่าตกใจ ฉันล้วงมือลงไปหยิบฉลากพร้อมใจตุ๊มๆต่อมๆ ฉลากปีนี้ทำเป็นแหวนเงินสลักชื่อคนอยู่ด้านใน ดูหรูหราสมเป็นซุยรันดีนะคะ จับเสร็จก็รีบเดินลงจากเวทีตรงดิ่งไปยังห้องน้ำ ระหว่างนั้นฉันกำแหวนแน่นจนมือชื้นเหงื่อเลยล่ะค่ะ หลังจากปิดประตูและสำรวจว่าไม่มีใครตามมาแล้วฉันก็ค่อยๆแบมือออก จับจ้องแหวนเงินที่สองประกายเงาวับด้วยความลุ้นระทึก…
อุกรี๊ดดดดดด
ฉันหน้าซีดปากสั่น กระพริบตาถี่ๆก่อนจ้องอีกครั้งก็ยังไม่เป็นผล ตัวอักษรที่สลักบนแหวนยังไม่หายหรือแปรเปลี่ยนไป
อะไรกันค้า เยลลี่ลูกท้อตั้งสามถ้วยที่ทานไปเมื่อวานไม่ได้ช่วยขับไล่โชคร้ายออกจากตัวฉันบ้างเลยเรอะ หรือว่าอาถรรพ์ทานุกิอยู่ในช่วงเรืองอำนาจหรือคะ
เอาไงดีล่ะ โยนแหวนลงชักโครกทำลายหลักฐานดีไหมนะ หรือจะไปขอแลกกับคนอื่นดี ยังไงซะก็ต้องมีคนอยากแลกแน่ๆ
แง้ ท่านพี่ขา ช่วยน้องด้วยค่า
"ท่านเรย์กะคะ อยู่หรือเปล่า ใกล้ถึงคาบเรียนแล้วนะคะ" สงสัยจะตกตะลึงนานไปหน่อย พวกเซริกะจังเลยมาเคาะประตูเรียกด้วยความเป็นห่วง ฉันรีบหย่อนแหวนลงกระเป๋าเสื้อนอกก่อนเปิดประตูออกไป ยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ขอโทษที่ให้รอนะคะ ไปกันเถอะค่ะ"
ระหว่างทางเพื่อนๆคุยเรื่องบัดดี้กัน ดูเหมือนว่าทั้งเซริกะจัง คิคุโนะจัง รุเนะจัง แล้วก็ท่านฟุยุโกะจะได้บัดดี้เป็นผู้หญิง ส่วนบัดดี้ของอายาเมะจังเป็นผู้ชาย แต่ฉันจับรายละเอียดไม่ได้มากเพราะจิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่
"ท่านเรย์กะเป็นอะไรไหมคะ หน้าตาดูซีดๆ ไปห้องพยาบาลดีกว่านะคะ" คงเหม่อไปหน่อย คิคุโนะจังจึงหันมาถามด้วยความเป็นห่วง แม้จะปฏิเสธไปแล้วว่าแค่นอนดึกแต่ทุกคนก็ยังไม่คลายกังวลอยู่ดี
... และแล้ว คิโชวอิน เรย์กะ ก็ถูกเหล่าสังคีตทั้งห้าช่วยกันอุ้มไปห้องพยาบาล
สุดท้ายก็หลับในห้องพยาบาลเพลินจนไม่ได้เรียนคาบบ่าย รู้ตัวอีกทีก็เลิกเรียนแล้ว ฉันกลับไปเอากระเป๋าที่ห้องก่อนรีบเดินไปขึ้นรถประจำตระกูลที่โทรให้มาจอดรอไว้ ...ไม่ได้ตั้งใจหลบหน้าใครเลยจริงๆนะคะ
แต่เมื่อเดินถึงประตูโรงเรียนสิ่งที่ไม่คาดฝันและไม่คิดฝันก็เกิดขึ้น
"เฮ้! คิโชวอิน!" เสียงคาบุรากิตะโกนเรียกฉันแว่วมาจากด้านหลัง ...ทำเป็นไม่ได้ยินไปแล้วกัน ทั้งที่คิดอย่างนั้นร่างกายกลับไม่ขยับเขยื้อน พอหันไปก็เจอเอ็นโจกำลังจับไหล่ฉันพร้อมรอยยิ้มดำมืด
อุกรี๊ดดดด ฉันยังไม่พร้อมเจอนายตอนนี้หรอกนะยะ
"สะ สายันสวัสดิ์ค่ะ ท่านเอ็นโจ"
"สวัสดีครับ คุณคิโชวอิน"
"คิโชวอิน ทำไมไม่หยุดรอฉันน่ะหา เรียกตั้งนานแล้วนะ" คาบุรากิที่ตามมาทันพูดขึ้น
"เอ๋ ท่านคาบุรากิเรียกฉันด้วยหรือคะ พอดีไม่ค่อยสบายเลยรับรู้สิ่งรอบตัวไม่ได้มากเท่าไหร่ ต้องขออภัยด้วยค่ะ" เห็นไหมล่ะ ฉันไม่สบายนะ ปล่อยฉันกลับบ้านซะทีสิคะ
"ได้ยินว่าตอนบ่ายคุณคิโชวอินไปห้องพยาบาลด้วยนี่นา เป็นอะไรมากหรือเปล่า" เอ็นโจพูดพลางค่อยๆละมือจากไหล่ฉัน
รู้สึกเบาสบายขึ้นเยอะเลยค่ะ
"แค่รู้สึกอ่อนเพลียเพราะนอนดึกเองค่ะ"
"ถ้าไม่เป็นอะไรมากก็ไปประชุมกันเถอะ เราเสียเวลากับการตามหาเธอมามากแล้วนะ" อะไรกันน่ะ ถึงความจริงฉันจะไม่เป็นอะไรเลยก็ตาม แต่จะลากเด็กผู้หญิงที่ได้ขึ้นชื่อว่าป่วยจนต้องนอนห้องพยาบาลตลอดทั้งบ่ายไปนั่งฟังอภิปรายเรื่องรักๆใคร่ๆของนายมันไม่โหดร้ายไปหน่อยเรอะ ความใส่ใจน่ะรู้จักบ้างเซ่!
ในขณะที่ฉันและคาบุรากิกำลังยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่ เอ็นโจก็พูดขึ้น
"มาซายะ คุณคิโชวอินเขาป่วยอยู่นะ"
"รู้แล้วน่า รีบไป-"
"หืม... มาซายะ"
"....."
"....."
สุดท้ายก็เป็นคาบุรากิที่ยอมรามือจากฉัน แต่ก็ไม่วายทิ้งทำบ่นไว้ให้เจ็บแสบเล่นๆ
"ก็เพราะอย่างนี้ไงล่ะ คิโชวอิน เธอเห็นหรือยังว่าความอ้วนของเธอมันส่งผลเสียต่อสุขภาพยังไง ต่อแต่นี้ไปลดความอ้วนซะ จะไปฟิตเนสหรือจะวอร์กกิ้งอย่างที่เธอทำประจำก็ได้" หา! วอร์กกิ้งที่ไหนล่ะยะ เจ้าบากะรากิเอ๊ย!
พอกลับถึงบ้านก็เจอทานุกิยิ้มหน้าบานออกมาต้อนรับพร้อมกล่องชีสเค้กจากร้านประจำ
"เรย์กะ~ ยินดีต้อนรับกลับบ้านจ้า ไปกินสตรอว์เบอร์รี่ชีสเค้กกันเถอะ พ่อซื้อมาสองกล่องเลยนะลูก"
แล้วทำท่าจะเดินจูงฉันเข้าบ้าน ฉันปฏิเสธอย่างเด็ดขาด เข้าห้องตัวเองล็อกประตูโดยไม่แยแสเสียงโหยหวนจากด้านนอก
อย่าคิดว่าไม่รู้นะว่าไปโม้เพ้อเจ้ออะไรให้คนอื่นฟัง 'คุณลูกสาวอ้อนคุณพ่ออยากกินชีสเค้ก' งั้นเรอะ ชดใช้กรรมไปซะเถอะ!
หลังอาบน้ำเสร็จไม่นานท่านพี่ก็มาเคาะประตู กลับมาแล้วหรือคะท่านพี่
"ยินดีต้อนรับกลับค่า ท่านพี่"
"ขอบใจนะ ได้ยินว่าวันนี้เรย์กะไปนอนห้องพยาบาล เป็นอะไรหรือเปล่า" พร้อมมองฉันด้วยสายตาอ่อนโยน
ท่านพี่เป็นห่วงน้องด้วยหรือคะ ซาบซึ้งใจเหลือเกิน
อุก น้ำตามายามัน...
"ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ แค่อ่อนเพลียนิดหน่อย"
"งั้นเหรอ ดีแล้วล่ะ" ท่านพี่วางมือลงบนหัวฉันก่อนตบ ปุปุ เบาๆ
"เอ่อ ท่านพี่คะ..."
"หืม"
"ปกติผู้ชายอยากได้ของขวัญแบบไหนกันหรือคะ" ฟังจบ ท่านพี่ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
"เรย์กะจะให้ของขวัญใครเหรอ"
"คือที่โรงเรียนมีเล่นบัดดี้บัดเดอร์ แล้วบัดดี้ของน้องเป็นผู้ชายน่ะค่ะ"
"อ้อ... เอาของที่ให้แล้วหมดไปดีที่สุดนะ"
แล้วท่านพี่ก็กำชับว่าอย่านอนดึกพร้อมลูบหัวฉันสองสามทีก่อนไป
ฉันกลับมานอนบนเตียง ชูแหวนในมือขึ้นส่องกับแสงหลอดไฟเป็นประกายสวย หมุนไปหมุนมาก็พบชื่อที่สลักอยู่ภายใน...
เอ็นโจ ชูสุเกะ
เอาไงดีน้า ของขวัญอะไรที่พอจะให้เอ็นโจคนนั้นได้อย่างสบายใจ... ก็เป็นของขวัญปีใหม่นี่นา ก็ต้องมอบให้ด้วยความรู้สึกที่ดีใช่ไหมล่า
เอ ความจริงที่เอ็นโจแนะนำตอนซื้อของฝากให้ท่านอิมาริก็ดูดีใช้ได้เหมือนกัน
เรียกว่า กอล์ฟมาร์กเกอร์ รึเปล่าน้า
......................................................................................... (จบตอน 1)...............................................................................................
เป็นฟิคเจ้าแม่เรื่องแรกของกู ภาษาอาจจะแปลกๆเล็กน้อย.....
จริงๆคืออยากซื้อให้วาคาบะป่าว เจ้าแม่นี่รายชื่อห้อยตามเฉยๆ---
ทำไมชอบทำร้ายทานุกิกันจัง ถ้าทานุกิผอมและหล่อเท่ สมาร์ต เมื่อไหร่อย่ามาง้อละกัน ฮึ!!!
(………ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก อย่างน้อยก็ในจักรวาลนี้อะนะ T ^ T)
Ky กูเพิ่งมีโอกาสได้อ่านนิยายเรื่องนี้ ตอนนี้อ่านถึงตัวเอกเพิ่งขึ้นมัธยมต้นเอง คือนิยายเรื่องมันเป็นนิยายลงเว็บอย่างเดียวไม่มีรูปเล่มจำหน่ายเหรอ? กูหาภาพประกอบในเน็ตไม่เจอ
ขอโทษล่วงหน้าที่หลังเขาจ้ะ TwT
อ๋าาา. เอ็นโจ ทำไม.. วืดตลอดเบยย. พูดไรเจ้าแม่ก็ใจแข็งโป๊กน่าอ่อนใจแทน
800 ประกวดชื่อมู้หน้าหน่อยจ้า
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ (กัญ) ชาซุยรันกับคณะสังคีตทั้งห้า พร้อมทัวร์ตระเวนกินสุดหรรษาสไตล์มารีอังตัวเน็ตผู้เริศหรู [ยันต์ขับไล่โชคร้ายใบที่ 24]
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ (กัญ) ชาซุยรันกับการตะลอน Food tour ทั่วราชอาณาจักรของคิโชวอินเรย์กะและคณะสังคีตทั้งห้า [อย่ามายุ่งกับรอบเอวฉันนะคะ! ครั้งที่ 24]
ทำไมวันนี้มู้เงียบจังวะ ไปเที่ยวปีใหม่กันเรอะ
ไม่มีตอนใหม่ไง แถมอาจจะไปเที่ยวปีใหม่กันด้วยแหละ
ลองคิดจากตอนล่าสุด
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ (กัญ) ชาซุยรันกับคอร์สออกกำลังกายแบบสปาต้า...ขอเสื่อโยคะให้ฉันแทนเถอะค่ะ [เสื่อผืนที่24]
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ (กัญ) ชาซุยรันกับปูแปลงร่างด้วยอำนาจของวิญญาณทานุกิ [กระเป๋าใบที่24]
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ (กัญ) ชาซุยรัน ทัวร์หลอนของคิโชวอินเรย์กะและคณะสังคีตทั้งห้า[วิญญาณทานุกิสิงสู่ครั้งที่24]
ต่อจาก https://fanboi.ch/webnovel/4903/726-729/
((ตอนพิเศษ : ถ้าไม่มีใครทะลุมิติ : ฝั่งโลก Kimidolce))
ส่งท้ายปีเก่านะคะ
...............
ท่านพี่โผล่มาทุกวันจริงอย่างที่พูด ไม่มีงานมีการทำหรือไง
“เวลานี้พี่เลิกงานแล้วน่ะ”
แถมอ่านใจได้อีก น่ารำคาญจริงๆ
“น้องแสดงออกทางสีหน้าชัดเจนขนาดนั้นนี่นา”
ฉันสะดุ้ง อ่านใจได้จริงๆด้วยใช่ไหมน่ะ!
ท่านพี่หัวเราะแล้วมือมาลูบหัวฉัน เอามือสกปรกนั่นออกไปนะ!
ฉันพยายามตั้งสมาธิกับหนังสือเรียน แต่ก็ยากเหมือนกัน มันไม่เห็นมีอะไรสนุกเลย ทำไมคนเราต้องเรียนอะไรแบบนี้ด้วยนะ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูที่ไม่เคยได้ยินเลยนับตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงผู้ชายที่ดูน่าสงสัย “ทาคาเทรุ อยู่ที่นี่หรือเปล่า”
คนรู้จักกับท่านพี่งั้นหรอ? ฉันเหลือบมองท่านพี่ รอยยิ้มเขากระตุกหน่อยๆ
“ไม่มีคนชื่อนั้นอยู่ที่นี่ค่ะ”
ฉันตอบไป
“ใครกันเป็นเจ้าของเสียงนางฟ้านั้น”
ผู้ชายคนนั้นตอบมา ทำฉันขนลุกจนหน้าเบี้ยว
“ใครสักคนที่ไม่ต้องการให้คุณเข้ามาค่ะ กรุณาช่วยไปก่อนที่ฉันจะเรียกรปภ.นะคะ”
“โหดจังเลยนะคุณน้องสาว จะยังไงช่วยฝากบอกทาคาเทรุด้วยนะว่าเอกสารยืนยันมีปัญหานิดหน่อย จะยังไงช่วยติดต่อกลับด่วน หรือคุณจะเป็นคนติดต่อผมมาก็ได้นะครับ”
ผู้ชายคนนั้นจากไปโดยที่ประโยคน่าสยองเอาไว้ ฉันเอามือลูบขนแขนที่ตั้งชันขึ้นมา
“นั่นใครกันคะ...” หนึ่งในสโตรกเกอร์ที่ท่านพี่พูดถึงหรือเปล่า
ไม่สิ อีกฝ่ายรู้จักท่านพี่ แถมรู้ว่านี่เป็นห้องน้องสาวของเขาอีก
“คนน่ารำคาญที่ตัดกันไม่ขาดคนหนึ่งน่ะ”
ท่านพี่ตอบ ฉันควรตีความว่ายังไงกันคะเนี้ย...
“พี่บอกเขาแล้วว่าห้ามที่นี่ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ จะยังไงวันนี้เดี๋ยวพี่ไป ‘เตือน’ เขาอีกทีแล้วกัน”
ทำไมน้ำเสียงเขาดูน่ากลัวแปลกๆกันนะ สรุปคนน่าสงสัยเมื่อกี้เป็นใครกันแน่...
ท่านพี่ดูไม่ค่อยอยากพูดถึงเท่าไหร่ แต่เท่าสังเกตจากแววตา ท่าทางคงเป็นคนสำคัญกับท่านพี่อยู่เหมือนกันนะคะ
ช่วงนี้ฉันรู้สึกตัวเองเรียนรู้เรื่องอย่างบอกไม่ถูกนับตั้งแต่ติวเข้มกับท่านพี่ทุกคืน เริ่มฟังออกแล้วว่าอาจารย์กำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ ถือว่ามีพัฒนาการที่ดี และหวังว่าเธอเข้าใจเพียงพอที่จะสอบผ่าน
วันนี้ก็เป็นวันอันน่าเบื่อที่ไม่มีใครมาแกล้งตามเคย มีแค่เอ็นโจโผล่มาตอนฉันอ่านหนังสืออยู่ห้องสมุด ถึงจะทำเป็นเหมือนจะสอน แต่ความจริงคงตามมาดูถูกความน่าสมเพชของฉันที่ไร้ทางเลือกนอกจากตั้งใจเรียน
แต่วันนี้เอ็นโจดูเศร้าๆยังไงไม่รู้ แต่ก็นะ ยิ่งเขาทุกข์ทรมานแค่ไหนก็ดีสำหรับฉันล่ะนะคะ
ก่อนจะกลับบ้าน ฉันเจอสมุดสรุปเนื้อหาเรียนแต่ละวิชาอยู่ในล็อกเกอร์ของฉัน ไม่มีชื่อติดไว้ว่าเป็นของใคร แต่ลายมือคล้ายทาคามิจิจริงๆ ตอนแรกๆเหมือนพยายามเปลี่ยนลายมือ แต่เขียนๆไปลายมือปกติก็ออกมา แถมสำนวนการเขียนก็คล้ายกัน แต่ฉันน่าจะแค่คิดไปเองล่ะนะคะ ผู้หญิงคนนั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำแบบนี้
ขากลับ ขณะที่ฉันกำลังเดินออกจากซุยรัน รีบกลับไปเตรียมสอบ แต่บรรยากาศบางอย่างเปลี่ยนไป ทำให้ฉันหยุดกวาดตามองหาว่าเกิดอะไรขึ้น
ไม่นานนักผู้หญิงผมยาวประบ่าร่างอ้อนแอ้นยืนอยู่ไม่ไกล ทันทีที่ฉันตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เธอก็เห็นฉันแล้ว
“สวัสดีค่ะคุณเรย์กะ”
ผู้หญิงคนนั้นมีคอบางๆ ผิวขาวผ่องและดวงตากลมโตหยาดเยิ้มไหวระริก เป็นผู้หญิงที่งดงามยากจะลืม แม้ฉันจะพยายามลบออกจากความทรงจำแค่ไหนก็ทำไม่ได้
“สวัสดีค่ะ”
คงมารอเอ็นโจสินะ ฉันไม่ค่อยอยากยุ่งเกี่ยวกับใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเอ็นโจ จึงรีบตัดจบ แต่ทว่าอีกฝ่ายก็รั้งไว้
“จริงๆวันนี้ฉันมาหาคุณน่ะค่ะ”
ผู้หญิงคนนั้นส่งยิ้มร่องลอยมาให้ ซึ่งยากต่อการอ่านแววตามากกว่าปกติ
“ถ้าอย่างนั้น มีอะไรหรอคะ” ฉันตอบกลางๆลองเชิง
“ฉันแค่มาดูว่าตอนนี้คุณเป็นยังไงบ้าง” อีกฝ่ายแย้มยิ้มมองฉัน แล้วหัวเราะอย่างบางเบา “ท่าทางเรื่องจริงสินะคะ ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ทั้งฐานะและอำนาจที่ไม่เหลืออีกแล้ว”
“ไปถามชูของคุณเถอะค่ะว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง”
“แหม ฉันแค่เป็นห่วงน่ะค่ะ แต่ดูท่าทางจะไม่เป็นไรนะคะ”
“ต่อให้ฉันจะเป็นอะไรก็ไม่ใช่ธุระของคุณหรอกนะคะ”
“นั่นสินะคะ ตอนนี้คุณไม่ควรค่าที่ฉันจะสนใจด้วยซ้ำ”
“ถ้าคิดได้อย่างนั้นก็อย่ามาสนใจสิคะ”
ฉันตอบกลับอีกฝ่ายที่ตอนนี้ส่งสายตาเหมือนกำลังมองสิ่งไร้ค่ามาให้ ผู้หญิงคนนั้นอยู่ในตระกูลที่ต่ำต้อยกว่าฉัน แต่กล้าตอบโต้มาตั้งแต่สมัยก่อน อาจเพราะเป็นว่าที่คู่หมั้นของเพื่อนสนิทท่านคาบุรากิเลยกล้ากับคนตระกูลคิโชวอินอย่างฉัน
ผู้หญิงคนนั้นสามารถด่ากลับมาได้ทั้งๆที่ยิ้มๆ มองไกลๆก็จะคล้ายกับคุยเรื่องสนุกสนาน แต่ใส่คำพูดเชือดเฉือนมาเรื่อยๆ วางภาพลักษณ์เป็นคนดีบอบบางน่าทะนุทนอม แต่ความจริงหน้าไหว้หลังหลอกไม่ต่างจากเอ็นโจเลยสักนิด เป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆนั่นแหละ
ถึงฉันจะอยู่ในภาวะตกต่ำ แต่ก็ไม่แพ้ในการโต้วาทีกับผู้หญิงคนนี้ง่ายๆหรอกนะ
“จริงๆแล้ว ฉันแค่อยากมาบอกว่าตอนนี้ฉันไม่ได้เป็นว่าที่คู่หมั้นกับชูแล้วนะคะ”
เอ๋
ไม่รู้ทำไมเมื่อได้ยินอย่างนั้น หัวใจฉันก็พองโตอย่างไร้สาเหตุ ต้องเป็นเพราะฉันเรียนหนักเริ่มออกอาการมึนๆแล้วแน่เลยค่ะ
“ฉันไม่สนใจเรื่องอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ”
ฉันตอบไป ไม่รู้ผู้หญิงคนนี้ต้องการอะไรกันถึงได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมา
“งั้นหรอคะ” คนตรงหน้ายิ้มรับ “ถ้างั้นถ้าบอกว่าฉันไม่ได้เป็นแค่ ‘ว่าที่’ แล้วก็จะไม่สนใจหรือคะ”
“คุณพูดเรื่องอะไรน่ะ” หัวใจฉันหล่นวูบ
“ตอนนี้ฉันเป็นคู่หมั้นเต็มตัวของชูแล้วล่ะนะคะ”
ฉันไม่ได้ตอบเหมือนน้ำท่วมปากจนไม่สามารถพูดอะไรออก คงเพราะฉันรำคาญที่จะสนใจจนไม่อยากจะพูด หัวใจที่เจ็บอยู่นี่คงเพราะ....
เพราะอะไรกัน...
หลังจากนั้นสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพยายามพูดมาก็ไม่เข้าหัวฉันเลยสักนิด หรือบางทีอาจเป็นเพราะเรียนหนักไปจริงๆนั่นแหละ
ก็แค่เรียนหนักเท่านั้นเอง... ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเอ็นโจซะหน่อย
คนน่ารังเกียจสองคนคู่กันเองก็เหมาะสมแล้วนี่นา
เวลาที่ผ่านไปเกือบชั่วโมงซึ่งเหมือนจะเป็นชั่วนิรันดรเมื่อยืนทรมานฟังเรื่องไม่ได้น่าสนใจสักนิดของผู้หญิงคนนั้น เธอเล่าให้ฟังเรื่องว่าจะจัดงานหมั้นยังไงจนน่ารำคาญ
ในที่สุดคนขับรถก็มาเตือนผู้หญิงคนนั้นว่าเธอต้องรีบไปธุระต่อ
“แหม น่าเสียดายนะคะ ฉันต้องไปซะแล้ว”
ฉันไม่ได้ตอบอะไร
“จะยังไง มาถึงวันนี้ คุณคงรู้ฐานะของตัวเองแล้วสินะคะว่าไม่มีสิทธิอะไรเลย”
ไม่รู้ทำไมในหัวของฉันไม่สามารถนึกคำตอบโต้ได้ ร่างกายก็ไร้เรี่ยวแรงจนไม่อยากคิดอะไรอีกแล้ว ไม่อยากรับรู้อะไรเพิ่มแม้แต่นิดเดียว
ทำไมถึงมีน้ำไหลออกมาจากตากันนะ...
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน และผู้หญิงคนนั้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่ สมองของฉันว่างเปล่าจนนึกสิ่งที่ควรจะทำต่อไปไม่ถูก
“เรย์กะ เป็นอะไรไป...”
ฉันเงยหน้ามอง ท่านพี่งั้นหรอ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
สภาพฉันในตอนนี้ดูแทบไม่ได้ ตัวสั่นระริก รู้สึกเหมือนมีบางอย่างภายในใจที่แตกสลาย รู้ตัวอีกทีก็อยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้ว ความอบอุ่นนี้ทำให้ฉันรู้สึกสงบขึ้นเล็กน้อย แต่ก็เตือนสติให้ฉันรับรู้ว่านี่เป็นความจริง
ฉันได้แต่กอดคนตรงหน้าไว้แน่น น้ำตาไหลออกมาไม่หยุดโดยไร้สาเหตุ เสียงสะอึกสะอื้นดังชัดอยู่ในหูจนปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเสียงของฉันเอง หัวใจเหมือนค่อยๆถูกเฉือนทิ้งอย่างโหดร้าย
ฉันเป็นบ้าอะไรไป! ทำไมน้ำตาต้องไหลแบบนี้ด้วย ฉันกำลังหวังอะไรอยู่กันแน่...
ฉันต้องการอะไรกันแน่...
ทำไมหัวใจถึงรู้สึกเหมือนถูกบีบรัดจนหายใจไม่ออกกันนะ ฝุ่นเข้าตาแล้วเป็นภูมิแพ้งั้นหรอ... ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ...
ร่างกายรู้สึกเหนื่อยอ่อนล้าจนไม่อยากคิดอะไรต่อไป ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว
ฉันได้แต่ร้องไห้จนกระทั่งหลับไปทั้งอย่างนั้น...
......................................
(บทส่งท้าย)
วันนี้ทาคาเทรุเลือกที่จะมาในทางที่ไม่ค่อยได้เดิน และได้เจอคนที่เขาต้องการอย่างที่คาดเดาไว้
“สวัสดีครับ คุณอุริว”
เขาทักทายอีกฝ่ายผู้ทำงานบริษัทเดียวกัน เนื่องจากเคยทำงานร่วมกันมาก่อน ทำให้คนที่ถูกทักจำได้ในทันที
“สวัสดีค่ะ มาแต่เช้าเลยนะคะ”
“วันนี้มีธุระต้องรีบมาจัดการน่ะครับ จะว่าไป ได้ข่าวว่ากำลังจะหมั้นแล้วงั้นหรอครับ ยินดีด้วยนะครับ”
ทาคาเทรุพูดและยิ้มอย่างเป็นปริศนา
………………(จบตอนพิเศษ Kimidolce ตอนที่ 5)………………
ป.ล. จริงๆเราเรือคาบุรากินะ แต่เขียนท่านพี่ทีไรก็เทใจให้ทุกที 5555 หลังๆคาบุก็ขยันหักธงเหลือเกิน จะแยกร่างแยกชิ้นส่วนลงเรือเอ็นโจ รายนั้นก็โดนหักธงไม่น้อย สุดท้ายก็มาเกาะเรือท่านพี่ (และยูริ//แค่กๆ) จนถึงทุกวันนี้
แงง โม่งทะลุมิตินี่ขยันจริงๆเลยค่ะ(_/\_) ขอบคุณสำหรับฟิคค่าา
สุขสันต์วันปีใหม่นะเพื่อนโม่ง
ปล. กูยังคงแอบหวังว่าฮิโยโกะซามะจะต้อนรับวันปีใหม่เราด้วยตอนใหม่ แต่...
โอ้ เจ้าหิ่งห้อยตัวน้อยในกล่องแพนดอร่าจะบินไปไหน กลับเข้ามาในกล่องเดี๋ยวนี้!!
สุขสันต์วันปีใหม่เพื่อนโม่งทุกคน ปีหน้าก็มาลุ้นท่านเรย์กะให้ตกจากคานทองเป็นสาวน้อยตกน้ำกันต่อนะ รักพวกมึงทุกคน ม๊วบ~~~
happy new year~~~~ ขอให้เพื่อนโม่งทุกคนมีความสุขมากๆ พบเจอแต่สิ่งดีๆ และขอให้ท่านเรย์กะของเรามีคนมาจีบ? ลงจากตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านคานทองด้วยเถ้อออ
Happy new year ทุกคน ขอให้อายุมั่นขวัญยืน 😘
Happy new year !!!?! ขอให้ท่านเรย์กะคุ้มครองเราทุกคน เป็นร่มขื่อร่มคานให้โม่งน้อย ไปนานๆ
//ท่านเรย์กะ!! มะมะเมื่อกี้ ล้อเล่นครับ อย่ายิ้มอย่างงั้น สิครับ!!!!!?!
HNY กูเพิ่งอ่านถึงตอน 130 กว่าๆแล้วมาเห็นคำอวยพรในโม่งพอดี ตอนปัจจุบันท่านเรย์กะก็ยังไม่มีคนมาจีบอีกเหรอ....
HNY ชาวโม่งซุยรัน ขอให้เป็นปีที่กาวดีมีเสพไม่มีขาด ขอให้ขนหน้าแข้งโม่งแปลอยู่รอดปลอดภัยพ้นมือโม่งแถวๆนี้รวมถึงกูด้วย
Happy New Year เพื่อนโม่งทุกคน ขอให้ปีนี้แท็กเลิฟทำงานอย่างขยันขันแข็ง!
จะทันดิบละ มีเรื่องไหนแนะนำบ้างมั้ย กุไม่มีอะไรอ่านแล้ว แง
ไม่แน่นะเว้ย ที่อ.แกหายไปร่วมๆสองสามเดือนเนี่ย พอเข้าเดือนมกราแกอาจจะมาลงทุกวันหรือวันเว้นวันก็ได้ //สูดกาวหนักมาก
>>829 ลองเรื่องนี้ไหม https://www.novelupdates.com/series/zannen-kei-na-ojou-sama-no-nichijou/
เกิดใหม่เป็นนางร้ายเหมือนท่านเรย์กะ ไปๆมาๆกลายเป็นการรวมตัวของพวกคุณหนูสวยเสียของซะงั้น
>>829 ถ้าแนวในรั้วโรงเรียนไม่แฟนตาซีที่กูยังตามอ่านอยู่ ส่วนใหญ่แปลอิ้งค์มีแค่ไม่กี่ตอนอะ ที่เหลือดำน้ำเอา...
By A Slight Mistake
Zannen Kei na Ojou-sama no Nichijou
Omae Mitai na Hiroin ga Ite Tamaruka!
Reiryuu Academy Student Council
สามเรื่องแรกเกิดใหม่เป็นตัวร้ายหมด
เรื่องสุดท้ายเป็นสาวธรรมดาๆ(?)ที่ไปพัวพันกับหนุ่มๆสภานักเรียน
>>829
Koushaku Reijou no Tashinami นางร้าย ลูกสาวดยุค เนื้อเรื่องเป็นช่วงหลังจากฉากสุดท้ายของเกมจีบหนุ่ม หลังโดนไล่ออกจากรร. นางร้ายระลึกชาติได้ เอาความรู้ยุคปัจจุบันมาพัฒนาเมืองของตระกูล เป็นแนวสร้างเมือง-ทำการค้า ตอนหลังๆเข้าไปเกี่ยวข้องกับศึกชิงบัลลังค์ของเจ้าชาย(ที่หนึ่งในนั้นคือพระเอกเกมจีบหนุ่ม อดีตคู่หมั้น) เป็นเรื่องที่ภาพสวยมาก ทั้งนิยายและการ์ตูน
Zannen Kei na Ojou-sama no Nichijou ตามที่ข้างบนบอกเลย
Otome Game Rokkushuume, Automode ga Kiremashita นางร้ายเกมจีบหนุ่ม ที่เล่นเนื้อเรื่องมา5รอบ แต่ตัวนางร้ายควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ ได้แต่ปล่อยให้เป็นไปตามเนื้อเรื่อง พอครั้งที่หกอยู่ดีๆก็ควบคุมร่างกายตัวเองได้ แล้วก็พยายามแก้ไขไม่ให้ตัวเองตายเหมือนรอบก่อนๆ
Albert Ke no Reijou wa Botsuraku wo go Shomou desu นางร้ายที่ระลึกชาติได้ แต่ก็ยังทำตามรูทนั้นอยู่ดี
ที่เหลือก็พวกบากะรีน่า เอลิซ่า น่าจะรู้จักอยู่แล้ว ความจริงถ้าเรื่องที่ผู้หญิงชอบอ่านกัน จะมีคุโมะโกะ(หนูแมงมุม)กับเกิดใหม่เป็นสไลม์มั้ง ถึงจะไม่ใช่แนวโอโตเมะก็เถอะ แต่สองเรื่องนี้มีลิขสิทธิ์ไปแล้ว ถ้าอยากอ่านแบบรูปเล่มก็ไปซื้อหากันได้ ส่วนตัวกูชอบคุโมะโกะเวอร์การ์ตูนมาก แต่ยังไม่เห็นวางขายแฮะ
Tensei Saki ga Shoujo Manga no Shiro Buta Reijou datta
ตามเนื้อเรื่องหนังสือที่ตัวเอกระลึกชาติได้คือได้มาเกิดเป็นยัยอ้วนลูกน้องเจ้าหญิงที่เป็นนางร้าย ซึ่งพอถูกจับได้ว่าแกล้งนางเอกก็จะโดนให้เป็นแพะแล้วโดนประหาร
นางเลยต้องพยายามลดความอ้วนและหาคู่หมั่นให้ได้เพื่อจะได้ไม่ต้องถูกส่งไปเป็นลูกน้องเจ้าหญิง
聖女の魔力は万能です
เรื่องนี้ก็ดีนะ ภาพสวยทั้งนิยายและมังงะ สำคัญคือยังไม่มีใครแปลด้วย(ยกเว้นนิยายที่พอมีมั่ง)
เป็นแนวถูกอัญเชิญไปต่างโลก แต่ถูกลูกหลงไปด้วยตอนเข้าบ้าน เป็นการอัญเชิญนักบุญหรือไงนี่แหละ ทีนี้นางเอกของเรื่อง เซย์(ใช่รึเปล่านะ เหมือนจะเขียนด้วยคาตากานะ) เลยหาช่องทางการใช้ชีวิตอยู่ในต่างโลกที่มีระบบสเตตัส ก็เลยฝึกงานกลายเป็นหมอยาที่ทำโพชั่นได้มั้ง เนื้อเรื่องเรื่อยๆไม่ปวดตับดี ใครอยากอ่านฉบับมังงะ(raw) เชิญ....
https://comic.pixiv.net/works/3895
มีอยู่4ตอน ไม่รู้ว่าตอนหลังๆมีเรื่องอะไรไหม เห็นภาพประกอบในนิยายก็อลังการดี รู้สึกคนวาดจะคนเดียวกันด้วยสิ ลายเส้นเหมือนกันมาก
ขอบคุณตอนใหม่มาก อิเอ็นโจหลอกแต๊ะอั๋งและใช้คำพูดหวานๆชมท่านเรย์กะกี่รอบแล้ววะเนี่ยตอนนี้ เยอะจนหวานเลี่ยนชิบหายยยยย
โอ้ยยย อ่านตอนล่าสุดเเล้วเอ็นโจ!! นายทำดีมาก!! เหมือนตอนชมกระต่ายจะไม่โดนหักธงนะ
ตอนนี้เอ็นโจนัวเนียมากอ่ะ ป้วนๆเปี้ยนๆอยู่ข้างๆตลอด เดี๋ยวพยุง เดี๋ยวส่งน้ำ แถมยังขัดคอเพื่อนสนิทอีก
เอ็นโจมาตอนนี้นี่ทำแต้มรัวๆเลยวุ้ย แม้ว่าสาวเจ้าจะยังไม่รู้ตัวก็เถอะ
ถามหน่อยครับว่าตอนท้ายที่เอ็นโจมาแทรกกลางบทสนทนาแล้วกล่าวหาว่าคาบุจะล้างสมองท่านเรย์กะเนี่ย
คาบุมันคิดจะทำจริงๆเอ็นโจเลยมาห้าม
หรือ แค่เห็นบรรยากาศระหว่างท่านเรย์กะกับคาบุกำลังซาบซึ้ง เอ็นโจเลยขู่ให้ท่านเรย์กะกลัวเฉยๆ เปลี่ยนโม้เม้นหวานๆให้กลายเป็นสยองขวัญตามประสาคนหวง
ทุกท่านคิดว่าไงกันบ้างครับ
ไม่ได้จะกรี๊ดความยันของท่านเอ็นโจ ไม่ได้จะกรี๊ดความยันของท่านเอ็นโจ ไม่ได้จะกรี๊ดความยันของท่านเอ็นโจจริงจริ๊งงงง ฮันนีอววากสสก
ท่านเอ็นโจนี่ดูมีความฝังใจว่าท่านเรย์กะเป็นกระต่ายขาวจริงๆนะเนี่ย จะลาเต้อาร์ตเอย วันเกิดยูกิโนะคุง แล้วก็มาไอ้นี่อีก คนที่ยิ้มในตอนนั้นต้องเป็นท่านเอ็นโจแหงๆเลยค่ะ คนที่จะรู้ว่าท่านเรย์กะขี้แหยเบอร์นั้น ต้องเป็นท่านเอ็นโจที่ชอบแหย่ท่านเรย์กะเล่นมาแต่ไหนแต่ไร~ ฮรื่ออออ
แต่ จะ จุด จุดพีค คือ ตรงหลังจากออกกำลังกายเสร็จแล้วท่านคาบุรากิชมท่านเรย์กะ ท่านเรย์กะซาบซึ้งมากเอื้อมไปจับมือ*อยากทำให้ตัวหนังสือเป็นสีแดงตัวโตๆ* ฮื่อ เหมือนเรือคาบุในใจเกือบจะติดสปีดแล่นฉิว แต่ว่าเสียงเยือกเย็นของท่านเอ็นโจก็ดังขึ้นก่อน
อิจฉาสินะคะอิจฉาสินะคะอิจฉาสินะคะอิจฉาสินะคะ
ตัวเองชมไป(หลายรอบ_ตลอดหลายปี)ไม่ได้ผลอะไรแถมสาวเจ้าทำเหมือนไม่ได้ยิน แต่พอมาซายะชมครั้งนึงก็ซาบซึ้งจน take initiative move จับมือก่อนเลย //แค่กๆ นี่ยังไม่นับตอนสอบได้ดีท่านเรย์กะก็อยากให้ท่านคาบุรากิชมอีกนะ หึหึหึหึหึหึหึ
แต่สุดท้ายก็ประคองเขาจนได้สินะคะเนี่ย ท่านเอ็นโจจจ …แต่ไม่ว่าเราจะพยายามถอดฟิลเตอร์อย่างไรก็ยังคงได้ว่าท่านเอ็นโจหึงอยู่ดี ฮื่ออ หรืออาจจะแกล้งดูปฏิกิริยาท่านเรย์กะก็ได้ ตะ แต่ นั่นก็เรือแล่นเหมือนกันแาหากิกสด่ก
สถานการณ์ในหัวคือ มันดูสวีทเกินไปรึเปล่านะ แต่มันก็ดีแล้ว แต่เอ๊ะ ตอนหน้า… ไม่หรอก
เรือคาบุเรย์กะก็น่าแล่นเหมือนกันนะ._. (ขยับมาหวีดไกลๆ กลัวอาถรรรพ์คนด้านบนนะคร้ะ)
แบบว่าจะมองก็ได้ว่าท่านเรย์กะเปิดใจกับคาบุแล้ว อยากได้คำชม พอได้คำชมก็ซาบซึ้งมากอีก สามารถเขียนเป็นฟีลแบบเหมือนแอบชอบเขาแต่รู้ตอนจบอยู่แล้ว เลยซ่อนไว้ไม่ได้บรรยายมันออกมาก็ได้ ส่วนคาบุก็แค่ปลื้ม/ชื่นชมทาคามิจิเฉยๆ จริงๆแล้วไม่รู้ใจตัวเอง แงงวง กาวเว่อ สกาก่แ้่
ตอนนี้ดีเรือแล่นค่ะ เอ็นโจทั้งนัว ทั้งหยอด ที่ไปเทรนด์กับท่านอิฯมานี่ ลากเอ็นโจไปด้วยใช่ไหมคะนั่น แต่ดูเหมือนคาบุจะไม่ได้อะไรกลับมาเลยนะ เอ็นโจอัพสกิลอยู่คนเดียว
แหม่ เอ็นโจ ตอนเรย์กะจับมือคาบุ ก็เข้ามาแทรกเลยนะ ตัวเองยังมีชนักปักหลัง สถานะความโสดไม่ได้ต่างอะไรจากคาบุที่มีวาคาบะแท้ๆ แต่หวงจัง
อยากเห็นกระต่ายน้อยถูกจอมมารกิน อา ฟินนนนน
เอ็นโจ.....นายทำดีแล้ว ส่วนคาบุรากี้....นายน่ะไปตายซะ!
ว่าแต่ mind control นี่อย่าบอกนะว่าเอ็นโจเคยทำ ต้องเคยทำเพื่อสโตกแน่ๆ!!!
ไม่ก็ทำเพื่อกำจัดศัตรู!!
ตอนโดนชมเรื่องกระต่ายนี่ต้องหน้าแดงแน่นอน ปกติก็ปิดบังอารมณ์อะไรไม่ได้อยู่แล้ว ต้องเขิลลแน่นอนน >///<
.
.
//คนที่จะMC เธอได้ มีแค่ผมคนเดียวเท่านั้น!!!?!
Babe pig in the city ...ดักกง ดักแก่อะไรไม่มี๊
อ๋าาาา อ๋าาาาา อ๋าาาาา ตอนนี้ดีงามสุด ๆ ไปเลย!! เอ็นโจ กู๊ดจ๊อบ!!! ขยันหยอด ขยันเลี่ยนต่อไป เดี๋ยวเจ้าแม่ก็คงรับรู้เองแหละ โฮกกกกก อ่านไปหวีดไปได้เกือบทุกบรรทัดเลย หุหุหุ
มาว่าคาบุรากิว่า mind control แต่ตัวเองแหละที่mind control เจ้าแม่สุด ๆ เลยนี่หว่า...
ตอนหน้าก็จะกลับไปสโลว์ไลฟ์หรือหักธงเราสินะสินะ อย่ามาหยอดโมเในท์ให้เราย่ามใจหน่อยเลย ฮือ
โมเมนท์หนุ่มๆเยอะมาก อยากได้โมเมนท์วาคาบะจังบ้าง5555
>>843 กูว่าทั้งสองอย่างผสมกัน คาบุก็คงตั้งใจจะ mind control ด้วย เพราะปกติไม่ค่อยชมเรย์กะเท่าไหร่ จริงๆอาจจะพูดจาบั่นทอนกำลังใจอย่าง "ของแค่นี้ ใครๆก็ทำได้ก็ได้" อันนี้น่าจะเป็นเทคนิคเดียวกะที่ใช้กะเหล่าม้าในการแข่งขี่ม้าส่งเมือง แต่เอ็นโจไม่จำเป็นต้องทักก็ได้ไง ปล่อยให้เชื่อฟังคาบุไป จริงๆก็วิน-วินทั้งเรย์กะ ทั้งคาบุ แต่ที่มาทักคงตั้งใจขัดจังหวะบ้างล่ะนะ ตอนนี้เอ็นโจดูมีความพยายาม ค่อยน่าเชียร์หน่อย เรือเอ็นโจกางใบพร้อมแล่นอีกครั้ง~♡
กู... กูกลับนึกถึง mine control อีกแบบ ที่ผู้ควบคุม 2 คน คนหนึ่งรับบทข่มขู่ คนหนึ่งรับบทปลอบประโลม เพื่อสร้างสถานการณ์ที่ทำให้เหยื่อซาบซึ้งใจต่อบุคคลหลัง
.......
สังเกตว่า ตั้งแต่มาถึงทั้ง 2 คนก็เล่นบทนี้แต่แรกแล้ว ไม่แน่ ที่เอ็นโจขัดอาจจะแบบ มาซายะ ตกลงกันแล้ว อย่ามาแย่งบท! ก็เป็นได้ //กาวดาร์กจังวะ
>>860 เป็นกลยุทธทางจิตวิทยาเวลาสอบสวนผู้ต้องหาอะ จะมีคนรับบทบาทสองกลุ่ม กลุ่มแรกที่เป็นตำรวจเลวจะทำตัวก้าวร้าว หยาบคาย ใช้ความรุนแรง ทำให้ผู้ต้องหาเกลียดชัง เป็นการจัดฉากให้ฝ่ายตำรวจดีเข้ามาปลอบประโลม สุภาพ ให้กำลังใจ ทำให้ผู้ต้องหาเชื่อใจและไว้ใจยอมบอกความจริงในที่สุด แต่มุกนี้ใช้ไม่ค่อยได้ผลแล้วนะ ประมาณว่าเขารู้กันทั่วแล้วว่าโดนจัดฉากแหงๆ
มุกbad cop-good cop ไม่ได้ใช้แค่เวลาสอบสวนหรอก ในครอบครัวก็ใช้ พ่อดุแม่ใจดี แม่ดุพ่อใจดี เจอได้บ่อยๆ ในรร.ก็ครูฝ่ายปกครองโหดๆ กับครูที่ปรึกษาใจดีงี้
คาบุรากิร้ายที่คิดจะใช้ mind control แต่เอ็นโจที่แทรกมาแม่งก็ใช่เปล่าวะ กุกรี๊ดเลยตอนเรย์กะเกาะเอ็นโจอย่างซาบซึ้ง ท่านเรย์กะของกูโดนหลอกแล้ว! สองหนุ่มนี่มันอันตรายยยยยยย แล้วไอการบัฟคนอื่นงี้ มันเป็นวิธีหนึ่งไว้จีบสาวเปล่าวะพูดให้คนอื่นเลว สาวจะได้มาพึ่งตัวเอง
คาบุตอนนี้ปากแบบ....ตอนก่อนๆยังระเบิดเรือไม่พอรึไงยะ แต่ละประโยคนี่.... ส่วนเอ็นโจตอนนี้ทำดีๆ มาดีจนกูใจหาย
คิดเหมือนกันว่ายังกับเล่น good cop bad cop กันอยู่ จังหวะผลัดกันพูดมันเป๊ะมาก
ถ้าเรย์กะยอมเปลี่ยนจากเล่นเครื่องไปว่ายน้ำแทน จะเป็นยังไงบ้างนะคะ //สูดกาวหน่อย
ขัดคอเรื่องท่านเรย์กะในชุดว่ายน้ำหน่อยนะครับ
เรื่องgood copกับbad copนี่ผมว่าเอ็นโจไม่น่าเตี๊ยมกับคาบุไว้นะ เพราะด้วยนิสัยคาบุน่าจะจับท่านเรย์กะฝึกแบบสปาตันอยู่แล้ว เอ็นโจที่รู้ไส้รู้พุงคาบุกับท่านเรย์กะดีเลยตามมาเล่นบทgood copเพื่อเร่งทำคะแนนกับท่านเรย์กะมากกว่า
กูไปอ่านซ้ำ ถึงท่อนเอ็นโจพยุงตัวเรย์กะกำลังหน้ามืดเพราะถูกด่าว่าเป็นสัตว์กีบคู่ คือไอ้พยุงตัวนี่มันต้องโอบประคองจากด้านหลังด้วยอ๊ะป่าว จะมีโอบเอวด้วยมั้ย แอบสงสัย
เอ็นโจแม่งขี้แต๊ะอั๋ง ที่ผ่านมาแค่แตะไหล่ ก่อนหน้าก็ได้ลูบหลังประโลม ตอนนี้ทำรี่มาประคองเชียว ร้ายยยยยย
อยากอ่านมุมมองฮีตอนนี้จังค่ะ
เพื่อนโม่งขาาา
ไม่ได้คาดหวังมุมมองจากท่านฮิโยโกะ แต่ขอจากเพื่อนโม่งแล้วสินะ5555
ดกูว่าไม่ได้เตี๊ยมแต่คาบึจะใช้วิธีนั้นจริงๆเลยทำตัวแบบนั้นอารมณ์เหทือนตอนซ้อมขี่ม้าส่งเมือง แต่เอ็นโจวดันขัดคอเอาคงามดีความชอบไปหมด
ชอบตอนท่านเรย์กะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ตอนเอ็นโตชมอะ เขินสินะ เขินสินะะ>_<
แต่ว่าตอนท่านเรย์กะที่เวลาเจอคนพูดอะไรเสียดแทงใจแล้วจะเป็นลมนี่ออกอาการจริงๆสินะ... ตอนแรกนึกว่าแค่พูดในใจเฉยๆ
แต่ก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน ครั้งนี้คาบุแซว(แซะ)หนักมาก ถ้าตามที่ผ่านมาน่าจะจบแค่ 'พูดไรกันไร้สาระ' ไม่น่ามี 'ขาน้อยๆค่อยๆเดิน' ตามมา
>>884 คิดว่าไม่ได้เตี๊ยมเหมือนกัน น่าจะเป็นวิธีการฝึกของคาบุแหล่ะ เหมือนกับขี่ม้าส่งเมืองไง ถ้าจำไม่ผิดก็ซ้อมมาอย่างเคี่ยวเลยนี่ ไม่งั้นคงไม่ชนะมาตลอดหรอก แต่ก็คงมีแซวเพิ่มแบบที่ >>886 ว่าไว้ ตามประสาซี้กัน เลยมีแซว มียั่วกันบ้าง
ซึ่งเอ็นโจคงรู้นิสัยเพื่อนดีว่าคงเป็นแบบนี้ เลยตามมาด้วยเพราะ
1 เป็นห่วง กลัวสลบคาห้อง หรือ
2 หึง, หวง ไม่อยากให้อยู่สองต่อสอง เพราะมันต้องมีโอกาสแตะเนื้อต้องตัว
3 จากข้อ 2 เลยมาเพื่อฉวยโอกาสซะเลย
Ky นะคะ ต่อจาก https://fanboi.ch/webnovel/4903/809-810/
((ตอนพิเศษ : ถ้าไม่มีใครทะลุมิติ : ฝั่งโลก Kimidolce))
ขอโทษนะคะที่มาคั่นบทสนทนา เราไม่รู้ว่าถ้าไม่ลงวันนี้จะมีโอกาสได้ลงอีกเมื่อไหร่ อาจจะหายไปนานไม่ได้เข้าโม่ง orz ไม่น่ามีสัญญาณ หวังว่ากลับมาท่านฮิโยโกะจะลงตอนใหม่ และเรย์กะเริ่มมีโมเม้นต์โดขิๆกับเขาบ้างซะที...
...............
ช่วงนี้ใจฉันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวยังไงไม่รู้ ร่างมันหวิวๆจนทำอะไรไม่ถูก พยายามอ่านหนังสือสอบแค่ไหนก็ไม่เข้าหัว กินอะไรก็ไม่ลง ไม่รู้สึกอยากทำอะไรเลย
คงต้องค่อยๆตัดใจ...
ตัดใจจากอะไรน่ะ? ฉันเป็นบ้าอะไรกันแน่
ช่วงนี้เริ่มมีคนกลับมาแกล้งฉันหนักขึ้นเรื่อยๆ แต่ฉันไม่มีอารมณ์ไปใส่ใจ แม้กระทั่งโดนทาคามิจิมาพูดอะไรสักอย่างที่ดูจะรุนแรงมากๆ ฉันก็ไม่ได้ตอบสนองไปมากนัก ทำได้แค่ยิ้มฝืนในใจอย่างบอกไม่ถูก
“เธอยังโอเคไหม”
“คะ?”
ฉันกะพริบตาปริบๆ จำไม่ได้เลยว่าอยู่ที่นี่ตั้งเมื่อไหร่ ฉันคงเดินมาเรื่อยๆ จนมาเจอมิซึซากิก็ได้
“ฉันได้ยินว่าช่วงนี้เธอถูกแกล้งอีกแล้วงั้นหรอ”
“ไม่รู้สิคะ”
“ทำไมช่วงนี้ไม่สนุกเวลาถูกแกล้งล่ะ”
“เอ๋???”
ฉันหลุดจากภวังค์เมื่อได้ยินคำพูดนั้นของมิซึซากิ ทำไมฉันต้องสนุกด้วยล่ะคะ!?!
เห็นท่าทางอึ้งๆงงๆของฉัน เขาเลยอธิบายเพิ่ม “ตอนฉันเคยคิดที่จะเข้าไปห้าม ก็เห็นแล้วว่าเธอมีความสุขทุกครั้งที่ถูกแกล้ง แต่ตอนนี้เธอดูเศร้าหดหู่ผิดปกติ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”
เดี๋ยวนะคะ เศร้าตอนโดนแกล้งก็ถูกแล้วสิคะ!
“ฉันไม่ได้ชอบอะไรแบบนั้นซะหน่อยค่ะ... กรุณาช่วยปรับความเข้าใจใหม่ด้วยค่ะ”
มิซึซากิมองฉันเหมือนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ขอโทษที่ไม่ได้เข้าไปช่วยนะ ฉันตกตะลึงที่เธอยิ้มสดใสสุดๆตอนถูกแกล้งอยู่น่ะ”
“...ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
ฉันทำอะไรแบบนั้นจริงงั้นหรอ คงไม่มั้ง... มิซึซากิน่าจะตาฝาดไปเองมากกว่า
“แล้วก็นะ ฉันเห็นเธอท่าทางดูไม่ค่อยดีเลยซื้ออาหารเสริมมาให้”
“อาหารเสริม?”
“ฉันโทรไป 10 สายแรกเลยได้แบบ 1 แถม 1 มาด้วย กินวันละเม็ดก็พอแล้วล่ะ”
ฉันตอบขอบคุณไปอย่างมึนๆ ฉันไม่แน่ใจว่าตัวเองควรตอบสนองยังไงกันแน่ ประธานนักเรียนคนนี้ดูท่าทางจะชอบซื้อของจากทีวีมากกว่าที่คิดนะคะ
ไม่รู้ทำไมฉันถึงรู้สึกอบอุ่นในใจอย่างบอกไม่ถูก
ขณะที่ฉันกำลังเดินทางลัดทะลุไปที่ห้องเรียน ก็ได้ยินเสียงร้องไห้มาจากมุมมืดที่ไม่ค่อยมีใครผ่าน
นั่นคนใช่ไหมน่ะ...
แต่เท่าที่เทียบกับเรื่องเล่าตำนานผีในซุยรันไม่มีพูดถึงสถานที่ตรงนี้ คงเป็นคนล่ะมั้ง...
ฉันตัดสินใจเดินต่อไป ก่อนจะชะงักเมื่อสังเกตเห็นว่าคนคนนั้นเป็นใคร
ทาคามิจิ วาคาบะ
ฉันนิ่งอย่างคาดไม่ถึง ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรกันแน่ ตอนนี้สามัญชนคนนั้นได้ทุกอย่างที่ต้องการแล้วไม่ใช่หรือไง
แต่น่ารำคาญชะมัดเลยเสียงสะอึกสะอื้นแบบนี้
ฉันลองเดินเข้าไปใกล้ อีกฝ่ายดูจะไม่รู้ตัวเลยสักนิด เรื่องที่เจอมันหนักขนาดนั้นเลยงั้นหรอ
เห็นแล้วน่าหงุดหงิดจริงๆ
“มาทำตัวน่าสมเพชอะไรอยู่ตรงนี้คะ”
“คะ...คุณคิโชวอิน”
สามัญชนคนนั้นเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ ก่อนจะโผเข้ากอดฉันแล้วร้องไห้เหมือนใจจะขาด ตัวสั่นระริกคล้ายหวาดกลัวอะไรบางอย่างมากจริงๆ
อะ...อะไรน่ะ! ทำไม เกิดอะไรขึ้น?!
“เป็นอย่างที่คุณคิโชวอินพูดจริงๆ... ฉันน่ะไม่เหมาะสมกับคาบุรากิคุงเลยสักนิด”
“...”
“ฉันมีแต่จะทำให้เขาเสื่อมเสียเรื่อยๆ ฉันไม่รู้แล้วค่ะว่าควรทำยังไงต่อไปดี...”
ไปโดนใครทำอะไรมาน่ะ...
“ถ้าคิดแบบนั้นก็เลิกกันสิคะ”
“แต่ฉันก็รักเขา...”
ร่างที่กอดรัดฉันแน่นทิ้งน้ำหนักลงเหมือนเริ่มไร้เรี่ยวแรง
“ได้คำตอบแล้วไม่ใช่หรือไงคะว่าอยากทำอะไรต่อไป”
“แต่แบบนั้นก็ทำให้คาบุรากิคุงเดือดร้อนนะคะ...”
ฉันยิ้มเย็น รู้สึกไม่พอใจท่าทางคนตรงหน้าจนเริ่มรู้สึกอยากระเบิดอารมณ์
ฉันผลักอีกฝ่ายออกไป จนเซและล้มลงไปนั่งกับพื้น ท่าทางของผู้หญิงคนนั้นดูน่าสมเพชพอๆกับวันแรกๆที่ได้เห็นเธอ ท่าทางอ่อนแอนั่นทำให้ฉันนึกถึงวันวานและหงุดหงิดไปพร้อมๆกัน
“ฉันค่อยข้างมั่นใจว่าฉันเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดของคุณนะคะ! ผ่านฉันไปได้แล้ว อย่ายอมแพ้กับอะไรง่ายๆให้ฉันรู้สึกเสื่อมเสียได้ไหมคะ”
ทาคามิจิทำทางเหมือนกำลังฝืนยิ้มทั้งน้ำตาอยู่ ทำให้ฉันขัดหูขัดตากับท่าทางน่าอึดอัดนั่น
“สาเหตุที่สามัญชนต่ำต้อยอย่างคุณคู่กับท่านคาบุรากิได้ เพราะเขาเองรักคุณเหมือนกัน เขารู้ว่าเขาเองจะต้องเดือดร้อน แต่เขาก็พยายามทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่กับคุณ แล้วคุณล่ะทำอะไร? พยายามผลักไส้เขางั้นหรอคะ? พอเจอปัญหาก็หนีปัญหาไปเรื่อยๆ น่าสมเพชจริงๆ”
ฉันอดไม่ได้ที่จะส่งสายตาเหยียดหยามไปให้
“อย่าทำมาเป็นคิดแทนเขาไปหน่อยเลยค่ะ คุณอาจจะทำให้เขาเดือดร้อนจริง แต่สำหรับเขาอาจจะเจ็บกว่าถ้าคุณเลิกกับเขาเพราะเหตุผลนั้น แค่นี้ก็ไม่เข้าใจหรือไงกันคะ!”
“...”
“หยุดทำตัวงี่เง่าแบบนี้ได้แล้ว ไปทำสิ่งที่สมควรทำเถอะค่ะ”
ฉันปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่ที่เดิม ไม่เห็นเข้าใจเลยสักนิดว่าคนแบบนั้นชนะฉันได้ยังไง ทำตัวน่ารำคาญจริงๆ
แต่ฉันยังไม่ทันจะเดินไปไกล ผู้หญิงคนนั้นก็เรียกฉันไว้ “เดี๋ยวก่อนค่ะคุณคิโชวอิน”
มีอะไรอีกน่ะ?
“ฉันรู้ว่าช่วงนี้คุณกำลังเศร้ากับอะไรบางอย่างมากๆ ไม่ว่าคุณมีเรื่องอะไรก็บอกฉันได้ตลอดเลยนะคะ”
“เธอพูดอะไรของเธออยู่นั่นน่ะ?” ยังไม่ตื่นหรือไง
“ฉันชอบคุณคิโชวอินตอนที่ยิ้มจากใจมากที่สุดเลยนะคะ ฉันอยากทำทุกอย่างเพื่อปกป้องรอยยิ้มนั้นไว้”
ทาคามิจิตอบอย่างร่าเริงสดใส ท่าทางร้องไห้จะเป็นจะตายเมื่อกี้คืออะไรน่ะ! ภาพลวงตางั้นหรอ?!
อย่าบอกนะที่ทำเมื่อกี้เป็นแค่การแสดงละคร?! ไม่ได้เศร้าจริง!!!
“คุณน่าจะรู้คำตอบในใจแล้วว่าควรตัดสินใจทำอะไรต่อไป อย่าเศร้ากับมันอีกเลยนะคะ”
ทาคามิจิส่งยิ้มอ่อนโยนที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนมาให้ หัวใจฉันแทบจะหยุดเต้น ศิลปะการแสดงของผู้หญิงคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้วนะ...
ฉันยืนงงอย่างประมวลผลไม่ทันอยู่พักใหญ่...
พอฉันมาถึงห้องก็ต้องตกใจเมื่อเห็นคาบุรากิยืนอยู่ข้างโต๊ะฉัน ทุกคนรอบข้างต่างหลีกทางให้เขา
“มาแล้วงั้นหรอ เรามีเรื่องที่ต้องคุยกัน"
ท่าทางจริงจังคอขาดบาดตายนั่นมันอะไรกัน...
“พูดตรงนี้เลยหรอคะ”
ท่านคาบุรากิชะงักอย่างสง่างามจนคนรอบข้างที่มองอยู่หน้าแดงไม่กล้ามองรัศมีอันเจิดจ้าของจักรพรรดิ
“ไปคุยที่สโมสรแล้วกัน”
“ฉันเข้าไปที่นั่นไม่ได้ค่ะ...”
ดูเหมือนระยะเป็นสิบปีที่ฉันเป็น Pivioine จะซึมซับในความทรงจำของท่านคาบุรากิอยู่บ้าง แต่เขาลืมไปแล้วหรือไงว่าฉันโดนเด้งจากตำแหน่งนั้นด้วยน้ำมือของเขาเอง ฉันที่ถูกกดดันจำเป็นต้องตอบสิ่งที่ไม่อยากพูดถึงเท่าไหร่
“งั้นตามฉันมาแล้วกัน”
เขาพูดอย่างทรงอำนาจ ซึ่งฉันทำอะไรไม่ได้นอกจากตามเขาไป เขาเป็นคนที่ฉันเคยตามจีบและฆ่าฉันตายทั้งเป็นโดยการหักหน้ากลางงานหมั้น ทำให้ฉันไม่แน่ใจว่าแสดงปฏิกิริยาอะไรกันแน่ จะโกรธก็ไม่ได้ จะรักก็ไม่ลง สุดท้ายก็อยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก และหลีกเลี่ยงเขามาโดยตลอดนับแต่วันนั้น
ในที่สุดเราก็มาหยุดลงในมุมหนึ่งที่ไร้ผู้คน เป็นจุดเดียวกับที่ฉันเจอทาคามิจิวันนี้
“วันนี้ทาคามิจิร้องไห้ แล้วเธอก็อยู่ที่นั่นด้วย คิดจะทำอะไรกันแน่น่ะ”
เอ๋?! เขาเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นงั้นหรอคะ! แต่คงไม่ใกล้พอที่จะได้ยินเสียงสินะ
“ถ้าเธอยังคิดที่จะทำร้ายทาคามิจิ ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่”
“คนที่จนตรอกจริงๆ จะทำอะไรก็ได้ล่ะค่ะ ตอนนี้ฉันเองก็ไม่เหลืออะไรจะเสียแล้วเหมือนกัน”
ฉันยิ้มให้คนตรงหน้า ท่านคาบุรากิมองฉันด้วยท่าทางคล้ายระแวง แววตาของเขาแข็งกร้าวขึ้นมา
“ต่อให้เธอคิดว่าตอนนี้เธอแย่แล้ว แต่เชื่อเถอะ ฉันสามารถทำให้เธอตกต่ำกว่านี้ได้ เพราะงั้นตอนที่ฉันยังเห็นแก่ความใจดีของทาคามิจิ หยุดทำเรื่องแย่ๆแบบนั้นซะที เพราะนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะเตือนเธอแล้ว”
ท่าทางเกรี้ยวกราดนั่นทำให้ใจฉันหยุดเต้น และหน้าฉันร้อนผ่าว มีไม่กี่ครั้งที่ฉันได้เห็นภาพจักรพรรดิระเบิดอารมณ์ด้วยความโกรธลึกซึ้ง คำพูดที่ดูเสียดแทงหัวใจดูเข้ากันได้ดีกับท่าทางทรงอำนาจนั่นจริงๆ แม้ช่วงท้ายอาจพูดไม่เป็นธรรมชาติเท่าไหร่ แต่อาจเพราะไม่เคยชินกับเรื่องแบบนี้เท่าเอ็นโจก็ได้
“เธอ...เป็นมาโซอย่างที่ข่าวบอกมาจริงๆด้วยสินะ”
“ห๊า??? พูดถึงอะไรคะ ฉันไม่ได้ชอบการถูกทำร้ายซะหน่อยค่ะ!”
อะไรทำให้บทสนทนามาถึงจุดนี้ได้น่ะ ทำไมอยู่ๆก็พูดเรื่องพรรค์นี้ออกมา
“และเธอก็เป็นซึนเดเระด้วยสินะ”
“ยิ่งไม่ใช่ใหญ่เลยค่ะ! พูดถึงเรื่องอะไรอยู่คะ!!!”
ท่านคาบุรากิหลุดหัวเราะหึออกมา ท่าทางในตอนนี้ดูดีจนคนจิตอ่อนต้องตกหลุมรักคนตรงหน้าแน่ๆ
“ฉันได้ยินทุกอย่างที่เธอพูดกับทาคามิจิ”
เอ๋...
“ขอบคุณนะที่พูดกับทาคามิจิอย่างนั้น”
“ฉันไม่ได้พูดอะไรเป็นพิเศษซะหน่อยค่ะ! ท่านคาบุรากิคิดไปเองทั้งนั้น!!! ละ...และก็กรุณาช่วยหยุดยิ้มทีเถอะค่ะ”
“หะ???”
“ถ้ายิ้มต่อไปแบบนั้น ฉันต้องตกหลุมรักแน่ๆค่ะ เอามือปิดไว้เร็วเข้าค่ะ!”
“อย่าพูดอะไรที่ฉันไปต่อไม่ถูกได้ไหม...”
ก็อย่าทำอะไรแบบนั้นก่อนสิ พลังทำร้ายล้างน่ากลัวเกินไปแล้ว
ว่าแต่เขาไม่ได้คิดจะมาแก้แค้นให้แฟนตัวเองจริงๆใช่ไหม ฉันแนะนำให้ทาคามิจิบอกเลิกกับเขาไปนะ ไม่ได้ยินที่ฉันพูดตอนนั้นหรือไง ฉันด่าทาคามิจิด้วยนะ! แถมยังผลักเธออย่างแรง นั่นเรียกว่าทำร้ายร่างกายนะ! อย่ามาขอบคุณกันสิ ฉันน่ะแค้นผู้หญิงคนนั้นจะตาย ทำไมดูไม่ออกกันนะ
“ขอโทษนะ...”
อะไรน่ะ ต่อจากขอบคุณก็ขอโทษงั้นหรอ ท่านคาบุรากิโดนมอมเหล้ามาหรือเปล่า...
“ขอโทษที่ประกาศเรื่องนั้นกลางงานหมั้น มันแรงเกินไปจริงๆนั่นแหละ และเรื่องนั้นเธอไม่ได้ผิดอะไรด้วย...”
อย่าทำหน้าแบบนั้นได้ไหมคะ นั่นทำให้ฉันเริ่มใจอ่อนคล้อยตาม... ฉันกะจะเก็บความแค้นไว้ตลอดชีวิตซะหน่อย
ฉันได้แต่เตือนสติตัวเองว่ายังไงก็ต้องแค้นให้ถึงที่สุด
“แต่ว่าถึงยังไงสิ่งที่เธอเคยทำกับทาคามิจิก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าให้อภัยหรอกนะ”
“ผู้หญิงคนนั้นควรโดนแล้วค่ะ สมกับฐานะสามัญชนนั่นดี”
“ห้ามพูดถึงทาคามิจิแบบนั้น ถ้าฉันได้ยินคำพูดทำนองนั้นจากปากของเธออีกแค่ครั้งเดียว ต่อให้ทาคามิจิมาห้าม ฉันก็จะทำให้เธอตายทั้งเป็น”
“แหม งั้นหรอคะ”
“...”
ท่านคาบุรากินิ่งไปพักหนึ่ง
“มาโซจริงๆด้วย! เธอชอบให้พูดทำร้ายจิตใจจริงๆด้วย!”
“เอ๋?! เปล่าซะหน่อยค่ะ!”
“เธอยิ้มตลอดเลย! ยิ่งว่าแรงหรือขู่น่ากลัวมากขึ้น ยิ่งยิ้มสดใสขึ้นอยู่ชัดๆ!!!”
ท่านคาบุรากิทำหน้าตื่นตกใจ
“นั่นคือยิ้มการค้าค่ะ! ยิ้มรับเวลารับมือไม่ถูกไงคะ อย่าตีความผิดๆสิคะ”
“ฉันเห็นเธอยิ้มจอมปลอมนั่นมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว! เธอไม่ได้เห็นตอนตัวเองยิ้มนี่ ตอนถูกว่าเธอยิ้มสดใสจนออร่าแห่งความสุขเปล่งออกมาขนาดนั้น รอยยิ้มการค้าอะไรล่ะ”
“เป็นความผิดท่านคาบุรากิต่างหากค่ะที่หน้าตาดีเกินไปจนฉันเผลอยิ้ม” นั่นสินะ มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ!
“ฉันลองหาข่าวมาแล้ว ตอนเธอถูกทำร้าย ใครที่เห็นเหตุการณ์ก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอมีความสุขอยู่ชัดๆ ตอนที่เธอโดนมีดบาดจนเลือดออกยังยิ้มแย้มแจ่มใส แถมยังเอาเกลือไปทาด้วย! น่ากลัวชะมัด”
สตรอกเกอร์! นี่มันสตรอกเกอร์ตัวจริงเสียงจริงเลยนี่คะ!!! รู้กระทั่งตอนเอาเกลือทาได้ยังไงเฮ้ย!
เหมือนที่ท่านพี่พูดเอาไว้ไม่มีผิดจริงๆ แต่ไม่นึกว่าแม้กระทั่งท่านคาบุรากิก็สโตรกเกอร์ไปกับเขาด้วย มีคนคอยตามฉันเยอะกว่าที่คิดเกินไปแล้วนะ...
คงแค่ดูความเคลื่อนไหวของฉันเพราะกลัวฉันจะไปทำอะไรคนรักเขาล่ะมั้งนะคะ
“ทาเกลือฆ่าเชื้อเฉยๆค่ะ...”
สายตาท่านคาบุรากิบ่งบอกชัดว่าไม่เชื่อถือเลยสักนิด เก็บอาการบ้างก็ได้นะคะ
“จะยังไง เอานี่ไปแทนคำขอโทษสำหรับสิ่งที่ฉันเคยทำแล้วกัน”
“นี่มันอะไรคะ...”
ฉันมองขวดในมือด้วยความรู้สึกแปลกๆ
“เกลือที่ทาแล้วไม่เป็นอันตรายต่อเยื่อบุผิว มันกะปริมาณส่วนผสมและอัตราส่วนที่แน่นอนไว้แล้ว ถึงเธอจะชอบเวลาเจ็บแค่ไหนก็ยอมลดหน่อยดีกว่านะ มันคงไม่แสบเหมือนเกลือทั่วไป”
“ฉันบอกแล้วไงคะว่าไม่ใช่มาโซ...”
“อย่ากินเกลือนี้ล่ะ เอาไว้ทาแผลอย่างเดียว จริงๆเอาไปขัดผิวก็ได้ มันแสบหน่อยๆ เธอน่าจะชอบ และก็ห้ามทำร้ายตัวเองเล่นๆเพื่อให้เลือดออกแล้วทาเกลือนะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้น...”
ทำไมมีแต่คนเข้าใจผิดแบบนั้นกันนะ ไม่เข้าใจจริงๆ
ฉันเก็บของขวัญชิ้นแรกที่ท่านคาบุรากิให้ลงกระเป๋า ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ฉันไม่เคยคาดคิดว่าจะได้อะไรแบบนี้จากเขาเลย ขนาดตอนนี้ฉันยังไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังฝันอยู่หรือเปล่า แล้วถ้าฝัน นี่มันฝันบ้าอะไรกัน...
ท่านคาบุรากิเดินจากไป ฉันมองแผ่นหลังของเขา นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีโอกาสได้คุยดีๆกับเขา มันคงดีกว่านี้ถ้าฉันไม่ได้อยู่ในฐานะนี้ ไม่ได้มีชนักติดหลัง ทำอะไรไม่ถูกว่าควรดีใจหรือเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นดี ตอนนี้ฉันเองควรจะมองเขาเป็นศัตรูใช่ไหม
ถ้าเป็นแต่ก่อน ฉันคงดีใจมากจนทำอะไรไม่ถูก แต่ตอนนี้... ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากยุ่งกับเขาอีกแล้ว เป็นเพราะทาคามิจิคนเดียวแท้ๆ! ทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยนะ...
ช่วงนี้ฉันก็ไม่เจอเอ็นโจอีกเลย นับตั้งแต่ฉันเจอ “คู่หมั้น” ของเขา ทั้งๆที่ตอนฉันตกต่ำก็โผล่มาเยาะเย้ยสม่ำเสมอแท้ๆ พอสืบๆไป ดูเหมือนจะไม่มาเรียนด้วยเหมือนกันนะ
ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรหมอนั่นเป็นพิเศษหรอกนะ คงไปเตรียมการหมั้นล่ะมั้ง ดีแล้วล่ะ อยู่ใกล้ๆแล้วน่าขนลุก
วันหนึ่งทุกอย่างก็เกิดขึ้น มันรวดเร็วและรุนแรงจนฉันตกตะลึง
ฉันไม่เคยคาดคิดว่าวันนี้จะเกิดขึ้น และไม่รู้ว่าจะรู้สึกยังไงดี
ตอนนี้ตระกูลเอ็นโจล้มละลายแล้ว
………………(จบตอนพิเศษ Kimidolce ตอนที่ 6)………………
คิดไน่อยๆนะว่าเอ็นโจล้มละลายนี่ฝีมือท่านพี่รึเปล่า
>>889 ขอบคุณโม่งทะลุมิติจ้า มาอย่างสม่ำเสมอมากๆ ไปทำงานก็รักษาเนื้อรักษาตัวด้วยนะ ตอนนี้ค้างมากกก
>>895 กูก็รู้สึก มันมีความน่าเอ็นดูแบบไซซายะว่ะ 5555
>>894 กูแอบคิดว่าน่าจะเป็นฝีมือยุยโกะแผลงฤทธิ์มากกว่า ประมาณว่าคุณชายเอ็นโจต้องหมั้นเอาตัวเข้าขัดดอกใช้หนี้ตระกูลอุริว แต่ยุยโกะหักหลังได้ตัวคุณชายไปแล้วยังไม่พอใจ ยังจะฟ้องร้องบริษัทในเครือเอ็นโจล้มละลายด้วย (น้ำเน่าขน๊าด) ส่วนท่านพี่รู้ทั้งหมด แต่ไม่ห้าม...
อ่านฟิคพิเศษแล้ว วาคาบะนี่ลึกลับจริงๆ จะบอกว่าแอ๊บใสหรือแกล้งทำตัวร้ายๆเพื่อดึงสติท่านเรย์กะกลับมาก็บอกไม่ถูก
900 แล้ว ตั้งชื่อกระทู้กันยัง?
ขอเสนอ
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับแผนการล้างสมองของจักรพรรดิจอมมาร [วิ่งเข้าไปซะ! เจ้าสัตว์กีบคู่! รอบที่ 24]
ขณะนี้มีผู้ท้าชิงส่งชื่อเข้าร่วมประกวด 6 ชื่อ มีคนโหวตแล้ว 3 คะแนน ลองสรุปรวบรวมมาให้ได้ดังนี้ (ถ้ามีตกหล่นก็ช่วยเพิ่มให้ด้วยนะ) เชิญส่งชื่อและร่วมโหวตกันได้ตามอัธยาศัย ปิดโหวตซัก 980 ละกันเนอะ
>>802
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ (กัญ) ชาซุยรันกับคณะสังคีตทั้งห้า พร้อมทัวร์ตระเวนกินสุดหรรษาสไตล์มารีอังตัวเน็ตผู้เลิศหรู [ยันต์ขับไล่โชคร้ายใบที่ 24]
>>803
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ (กัญ) ชาซุยรันกับการตะลอน Food tour ทั่วราชอาณาจักรของคิโชวอินเรย์กะและคณะสังคีตทั้งห้า [อย่ามายุ่งกับรอบเอวฉันนะคะ! ครั้งที่ 24]
>>806
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ (กัญ) ชาซุยรันกับคอร์สออกกำลังกายแบบสปาต้า...ขอเสื่อโยคะให้ฉันแทนเถอะค่ะ [เสื่อผืนที่24]
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ (กัญ) ชาซุยรันกับปูแปลงร่างด้วยอำนาจของวิญญาณทานุกิ [กระเป๋าใบที่24]
>>807
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ (กัญ) ชาซุยรัน ทัวร์หลอนของคิโชวอินเรย์กะและคณะสังคีตทั้งห้า[วิญญาณทานุกิสิงสู่ครั้งที่24]
>>902
ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับแผนการล้างสมองของจักรพรรดิจอมมาร [วิ่งเข้าไปซะ! เจ้าสัตว์กีบคู่! รอบที่ 24]
โหวต. 902
ขอสังคีคทั้ง 5 บ้าง >> 803
ลองย้อนกลับไปอ่านใหม่บทแรกแผนห้าข้อของท่านเรย์กะยังทำไม่ได้สักกะข้อ เปิดตอนที่สองอ่านต่อเจอตรงที่บอกยังสติดีพอที่จะไม่หัวเราะแบบโอะโฮะโฮะโฮะแล้วย้อนกลับมาดูปัจจุบันโดนน้องๆวาคาบะเอาเสียงหัวเราะโฮะโฮะโฮะนั่นมาล้อสรุปทำตามความตั้งใจเดิมไม่ได้เลยสักนิดสินะท่านเรย์ก่าาาาา
>>920 แต่กูชอบเรื่องนี้ตรงนี้นะ คือตัวละครมันมีพัฒนาการอย่างที่ควรจะเป็น อย่างเรย์กะ ตอนแรกนี่งก สามัญชนมากๆ แต่พอนางอยู่ไปอยู่มา โดนหล่อหลอมด้วยวิถีคุณหนูตั้งแต่เด็ก จนตอนนี้กลายเป็นคุณหนูตัวจริงไปแล้ว(แบบมีวิธีคิดแบบสามัญชนติดมาหน่อยๆ) ถ้าไปเทียบกะตอนแรกจะเห็นความแตกต่างชัดเลย ตอนแรกๆเห็นอะไรก็แพง เห็นอะไรก็เปลือง บ่นในใจตลอด เดี๋ยวนี้นางเคยชินแล้ว ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายขึ้นเยอะ เสื้อเลอะขี้นกไม่ใส่ ของฝากต้องเป็นอย่างดี สมัครฟิตเนสแต่ไม่ไป ฯลฯ การหัวเราะแบบคุณหนูที่ว่าจะไม่ทำ ตอนนี้กลายเป็นเอกลักษณ์ เราว่ามันสมจริงดีอ่ะ คือนางมาถูกทรีตแบบคุณหนูเป็นสิบปี มันไม่มีทางที่นิสัยจะไม่เปลี่ยนหรอก นางค่อยๆเปลี่ยนไปจนตัวเองยังไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้กลายเป็นคุณหนูจริงๆไปแล้ว
วันนี้ถึงวันที่มาซายะนัดหมายคุณคิโชวอินให้มาออกกำลังกายที่ฟิตเนส
ปากบอกว่าจะช่วยเขาลดน้ำหนัก แต่จริงๆแล้วกะเอาไปทำแผนโครงการของบริษัทตัวเองอยู่ชัดๆ ดูยังไงก็ไม่น่าไว้วางใจ ผมก็เลยตามมาด้วย
มาถึงที่ฟิตเนสก่อนเวลานิดหน่อย ก็พบว่าร้างราผู้คน ก็รู้หรอกว่ามาซายะจริงจังหนักมาก แต่ถึงขนาดปิดเหมาทั้งวันเพื่อฝึกคุณคิโชวอินสองต่อสองเลยนี่มันก็... ดีนะที่ตามมาด้วย....
ไม่นานนักมาซายะก็รับคุณคิโชวอินมาถึงที่หมาย สายตาดูจะล่อกแล่กออกเซ็งๆทันทีที่ได้เห็นเครื่องออกกำลังกายดูตลกชะมัด ผู้หญิงคงไม่ค่อยชอบเล่นอะไรแบบนี้สินะ
ผมเข้าแนะนำเรื่องห้องแต่งตัวนิดหน่อย ก่อนที่คุณคิโชวอินจะเข้าไปข้างใน
คุณคิโชวอินหายไปนานพอตัว มาซายะที่รอฝึกซ้อมหฤโหดก็บ่นอยู่นั่น ผู้หญิงก็แต่งตัวนานแบบนี้อยู่แล้วหรอกน่ะ พอพูดแบบนั้น มาซายะก็บ่นหนักกว่าเดิมว่าจะไรนักหนากะแค่ใส่เสื้อผ้า... ไม่ละเอียดอ่อนเอาซะเล้ย
ระหว่างที่คุยกันอยู่คุณคิโชวอินก็ออกมาพอดี ในชุดออกกำลังกายสีชมพูหวานแหววน่ารักดูเจริญตา อืม.. ดีจริงๆที่มาด้วย...
มาซายะเข้าจู่โจมออกปฏิบัติการโค้ชโหดทันที เริ่มจากการมอนิเตอร์น้ำหนักส่วนสูงคุณคิโชวอิน นั่น... ไม่ละเอียดอ่อนเอาซะจริงๆนั่นแหละ แหงล่ะว่าคุณคิโชวอินยืนกรานปฏิเสธอย่างหนักแน่น ผมเข้าไปไกล่เกลี่ยสักหน่อย ก่อนที่...
“นี่เธอ ขืนปล่อยไว้แบบนี้เดี๋ยวก็ได้กลายเป็นสัตว์กีบคู่หรอก!”
“สัตว์กีบคู่!?”
... ไปเรียนวาจาเชือดเฉือนแบบนี้มาจากไหนกันนะ มาซายะ
คุณคิโชวอินเบิกตาโผล่ง หน้าซีด ซวนเซจะเป็นลมลอมล่อ ผมเลยรีบเข้าไปช่วยพยุงไว้
น้ำหนักที่โถมมานิดหน่อยก็ไม่ได้หนักอย่างคำครหาสักนิด ต้องเรียกว่าผิวเนื้อเนียนนิ่มมีน้ำมีนวลต่างหากล่ะ ไม่เข้าใจอะไรซะเล้ยมาซายะ
คุณคิโชวอินตัวสั่นกึกจากคำพูดไร้การถนอมน้ำใจของมาซายะ ท่าจะพูดอะไรไม่ออก ส่วนมาซายะก็อย่าพูดมากกว่านี้เลยน่ะ
“ไม่ต้องสนใจที่มาซายะพูดหรอก คุณคิโชวอิน ไม่ต้องห่วงนะ คุณคิโชวอินผิวขาวน่ารักเหมือนกระต่ายอยู่แล้ว”
“.....!”
ลองพูดชมเสริมกำลังใจหน่อยคุณคิโชวอินก็สะดุดกึกในพลัน ก่อนจะทำหน้านิ่งทำหูทวนลม ...เขินรึเปล่านะ? หรือว่าจะไม่ได้สนใจคำพูดผมเลย?... ก็น่าจะรู้คำตอบอยู่กะตัวแล้วนี่นะ คำชมของเราน่ะเขาเคยสนใจซะที่ไหนล่ะ เฮ้อ...
____
ลองแต่งตอนนอนไม่หลับ แต่นอนนี้ง่วงละ พอและ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
>>930 อันนี้นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่กูรู้สึกชื่นชมฮิโยโกะซามะว่ะเอาจริงๆนะอ่านตอนแรกๆต่อไปเรื่อยๆนี่กูไม่ค่อยรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงสักเท่าไหร่มันเหมือนว่าคนเราอยู่ด้วยกันทุกวันอ้วนขึ้นหรือผอมลงยังสังเกตยากแต่พอย้อนกลับไปอ่านตอนแรกแล้วหันกลับมาดูตอนล่าสุดท่านเรย์กะนี่เปลี่ยนไปเยอะมากๆจริงๆ
>>930 กูรู้สึกว่าตัวละครที่เห็นพัฒนาการเยอะสุดๆ นี่คือคาบุล่ะนะ ไม่รู้เพราะเรื่องมันเล่าจากสายตาเรย์กะด้วยหรือเปล่า เลยเห็นความเจริญเติบโตของมาซายะน้อยจากเด็กประถมหน้าตาบูดบึ้งตายซากเอาแต่ยูริเอะจนเริ่มพัฒนาการมาถือของให้คนอื่นได้ รู้จักซื้อของมาฝาก ฯลฯ ถึงด้านอื่นๆ จะยังบ้าๆ บอๆ อยู่ก็เหอะวะ 5555
ตัวละครอีกตัวที่พัฒนาเยอะมากคือริรินะ
จากยัยเด็กติ่งเอาแต่ใจกลายมาเป็นผู้เป็นคนได้ขนาดนี้
ปัจจุบันกำลังจะกลายเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าแม่กาลีแห่งซุยรันแล้ว
ทำไมคุยกันไปคุยกันมา ตอนนี้เหมือนสมาคมคุณแม่คุณป้าพูดคุยเรื่องการเจริญเติบโตของลูกน้อย อาห์...เมื่อตอนนั้นยังเป็นเด็กน่ารักอยู่เลยน้า...
>>935 กูเห็นด้วย แล้วตัดภาพไปที่จอมมารไก่ของกู นี่มันแขกรับเชิญ A ชัดๆ
ถ้าว่ากันตามตรงตัวละครชายที่เจ้าแม่สนิทด้วยมากๆก็คือคาบุ ปากบอกรำคาญ แต่เขาก็ส่งเมลล์หากันตล๊อด แลดูเฟรนด์โซน ส่วนเอ็นโจผู้ทำตัวลึกลับไม่เปิดเผยเรื่องส่วนตัวสักเม็ด โชคดีที่มียูกิโนะเป็นน้องชาย แต่ใครจะรู้ว่าคนไหนจะปักธงเจ้าแม่กันแน่ หุๆๆๆ
อาห์...ค่ะ สมาคมคุณแม่คะ พูดๆไปแล้วก็... ดิฉันย้อนกลับไปอ่านตอนสมัยเด็กทีไร รำคาญไซซายะทุกที โตมาก็น่ารำคาญน้อยลงแล้วล่ะนะ...แต่ก็น่ารำคาญอยู่ดีค่ะ อาห์...
>>941 จะว่าไป จอมมารก็มีพัฒนาการ ...ในแง่เลวลงเหมือนกันนะมึง ตอนแรกๆ ยังออกมาเป็นสุภาพบุรุษยิ้มแย้มแจ่มใสที่ในใจไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่แค่นั้นอยู่เลย หลังๆ มานี่เริ่มเผยความยันออกมาอย่างชัดเจน ทั้งรสนิยมเรื่องหนังละคร และความเป็นสตอล์กเกอร์แบบปิดไม่มิด แค่นางเอกไม่เหลียวแลเขาเลยแค่นั้นเอง แค่กๆ
>>945 กูว่าไอ้เรื่องความเป็นสตอล์กเกอร์นี่มันปิดไม่มิดนานแล้วว่ะ แต่หลังๆมันแสดงออกชัดเจนว่ากูสตอล์กเกอร์แน่นอน แต่เจ้าแม่ยังบื้ออยู่อีก ไม่ถามเลยว่าสตอล์กเกอร์ป่ะเนี่ย
แล้วเวลามีประเด็นอะไรในบททีไรแม่งย้อนเข้าตัวเองทุกรอบอะ อย่างไอ้เรื่องล้างสมองที่ฮีด่าเขาแต่เสือกเป็นเอง หรือด่ามาซายะว่าเป็นสตอล์กเกอร์แต่ตัวเองนี่ระดับมือโปรแล้ว 5555555555
พอย้อนอดีตกันปล้วก็นึกได้
กุอยากรู้มุมมองท่านซาราระตอนเห็นเจ้าแม่เล่นมุกนางซาโลเม่ในงานฤดูร้อนมากว่าท่านซาราระคิดยังไง...
ไม่ไหวแล้วตามแอบอ่านมาเงียบๆเเต่อยากเม้นมาก
คือพ่อจอมมารเคยเเง้มทฤษฎีกระจกออกมาด้วยนะ
ที่บอกว่าทำให้สามารถรู้ได้ว่าอีกฝ่ายคิดไรอ่ะ
นี่คิดว่าจอมมาีต้องเคยใช้กับเจ้าแม่เเน่ๆเลยรู้ยันพยาธิในท้อง
ตอนเก่าๆ นึกถึงตอนนึง จำไม่ได้ว่าตอนที่เท่าไหร่ แต่เรย์กะพูดถึงคาบุ ราวๆว่า ปัจจุบัน(ประถม)คาบุงี่เง่า เป็นสตอร์กเกอร์ แต่พอถึงมัธยมคงจะเติบโตเป็นจักรพรรดิผู้เคร่งขรึมแบบพระเอกในมังงะมั้ยนะ
//มองตอนล่าสุด ไม่เลยสักนิดว้อย 5555555
จะว่าไป ตอนแรกที่ท่านพี่ออกมา (ตอนที่5) ยังบอกว่าท่านพ่อท่านแม่ดูถูกคนที่ต่ำกว่า คาร์ช่วงแรกก็พยายามยัดเยียดเจ้าแม่ให้บ้านคาบุรากิ ถึงขั้นที่ท่านพี่คิดว่าอาจต้องปะทะกันในวิธีทำงาน
แต่ตอนหลังๆกลายเป็นครอบครัวฮาเฮไปแล้ว
อันนี้พวกมึงว่าหลุดคาร์ หรือเพราะเจ้าแม่เป็นแบบนี้ เลยส่งผลกระทบกับคาร์อื่นวะ
>>957 ฮาเฮแค่ภายในบ้านกับคนสนิทมั้ง เพราะไม่มีฉากที่ทั่นพ่อทั่นแม่คุยกับสามัญชนเลย เลยไม่รู้ว่าเหยียดรึเปล่า
ส่วนเรื่องยัดเยียด ก็เห็นเคยพาเข้าคอร์สล้านแปดที่มาดามคาบุจัด ถ้าให้เดา ตามประสาคนรวยต้องมีคนคอยตามคุณหนูอยู่แหละ คงเอาไปรายงานว่าสนิทกับคุณชายทั้งสองดี เลยไม่ยัดเพิ่มมั้ง
>>960 ระยะเวลาที่อยู่ร่วมกับเจ้าแม่มากกว่าคนอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด ของวาคาบะที่บ้านอาจคิดว่าแค่รู้สึกผิดเพราะนานๆ ไปที (เจ้าแม่ปรามไว้ไม่อยากให้ไปรบกวนมาก)
ลองคิดดูนะถ้าเป็นรายงานก็จะ
วันนี้เลิกเรียนไปท่านข้าวกับคุณหนูบ้านคิโชวอิน
วันนี้เลิกเรียนไปเดินซูเปอร์สามัญชนกันคุณหนูบ้านคิโชวอิน
วันนี้โทรหาคุณหนูบ้านคิโชวอินแต่อีกฝ่ายติดเรียนพิเศษไม่ได้พบกัน
วันนี้ไปคาเฟ่กับคุณหนูบ้านคิโชวอิน
วันนี้ไปร้านขนมเค้กของเด็กซุยรันที่เคยถูกรถบ้านคาบุรากิชนคนนั้นอีกครั้ง
วันนี้โทรนัดพบกับคุณหนูบ้านคิโชวอินแต่เช้า
วันนี้คุณชายมาซายะให้เตรียมฟิตเนสเพราะนัดกับคุณหนูคิโชวอินไว้
คิดดูสภาพคนฟังข่าวสิ วันๆ ขลุกอยู่กับเจ้าแม่ขนาดนี้ถ้าบอกว่าไม่ได้คิดอะไรกันคงได้แต่ยิ้มอ่อนแล้วบอกว่าวัยรุ่นนี่ปากแข็งกันจังเลยนะ
>>961 กูว่าคาบุมันก็ไม่ได้เชื่อฟังอะไรนะตอนบอกอย่าไปรบกวน เพราะไปพบวาคาบะนอกรอบนอกเหนือจากที่นางรู้ตั้งหลายหน อารมณ์แบบอยากไปหาก็ไป แต่ไม่ได้เล่าให้ฟังเฉยๆ อย่างตอนไปขอโทษที่เด็ก pivoine เกรียนใส่ถึงบ้าน หรือโผล่ไปชวนไปนั่นไปนี่น่ะ เรย์กะมารู้ทีหลังว่าไปหาวาคาบะจากปากคนอื่นก็หลายรอบอยู่นะ
ตอนใหม่ทำกูขำก๊ากตอนที่เรย์กะซามะเลียนแบบวิธีการประหารแปะกระดาษโปะหน้า ที่พกผ้าเช็ดหน้าไว้เยอะๆ คือเตรียมไว้เพื่อการนี้เลยใช่มะ!? ตอนนี้เอ็นโจดูน่ากลัวมาก ยิ้มไม่ได้ชวนให้สบายใจเลย เรย์กะซามะจะกลัวก็ไม่แปลกใจอ่ะ 5555555
ไอ้โมเม้นต์โชโจที่เกือบจะเป็นการฆาตกรรมนี่มันอะไรกันเนี่ย!! รู้ละ ท่านเรย์กะเป็นประเภทคิดหลอกตัวเองเวลาจะทำอะไรแบบนี้ใช่มะ อย่าบอกนะที่ว่าตัดฉับความคิดเกี่ยวกับเอ็นโจตลอดเพราะว่าไม่อยากคิด ถ้าคิดก็จะรู้สึกตัวขึ้นมา แต่ไม่อยากรู้สึก เลยตัดวงจรไปเลยสินะ!
ว่าแต่เอ็นโจนี่ ตัวห่างไกลแต่คงดูอยู่ตลอดแต่แรกใช่มะ ถึงได้ไม่เข้ามาแต่แรก คงเพราะอยากแกล้งไซซายะด้วยมั้ง5555
>>961 อยากอ่านฟิคกาวคนรับใช้/คนขับรถคุณหนูขึ้นมาทันที ป่านนี้มาดามคาบุคงฟินขึ้นสวรรค์ ลูกชายสนิทกะสาวน้อยที่ตัวเองเล็งไว้ ไม่รู้อีเวนท์ประกาศตัววาคาบะจะเป็นไงมาก สมัยคิมิคาบุดูปีกกล้าขาแข็ง แบบว่าซื้อหุ้นกิจการของคิโชวอินจนเทคได้ มาดามคงอ่อนใจ แต่ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะคนที่เล็งไว้ฐานะก็ไม่เท่าเทียมกันแล้ว ส่วนตอนนี้ถ้าคาบุเปิดตัววาคาบะ มาดามคงเฟลและโกรธสุดๆ เพราะตั้งความหวังไว้สูง บ้านคิโชวอินก็ยิ่งใหญ่กว่าตอนคิมิเพราะท่านพี่อีก แถมเรย์กะก็นิสัยดี สนิทกับคาบุดี ไม่มีแฟน ทำไมลูกชายตัวเองไปคว้าผู้หญิงชาวบ้าน ดูเอ๋อๆ อย่างวาคาบะมาทำเมีย
>>967 กูก็คิดเหมือนกันนะ มาดามคาบุรากิดูถูกใจท่านเรย์กะเพราะชวนคุยเรื่องอะไรก็เข้ากันได้ ชวนคุยเรื่องโอเปร่าก็รู้เรื่อง รักสวยรักงาม เป็น PR คอร์สลดน้ำหนักให้ได้อีกต่างหาก รสนิยมการกินก็ดี ซื้อช็อกโกล่ามาถูกใจคาบุได้อีก ยังนึกไม่ออกว่านอกจากเรื่องกินแล้ววาคาบะจะทำเรื่องอื่นๆ ที่ว่ามาได้ยังไง ไม่ได้ว่านางไม่ได้ดีนะ แต่ไม่ใช่เสป็คมาดามคาบุรากิอะ
ประคองคนที่เป็นตะคริวให้เดิน มันต้องโอบระดับไหนวะ ฟืดฟาดดดดดด
ตอนล่าสุดนี่ท่านเรย์กะหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองในการเอาคืนคาบุได้เหมือนเวลาใส่ส่วนผสมแปลกๆลงไปในอาหารเลย
ตอนล่าสุดคือโคตรเถื่อน 5555555
พออ่านตอนนี้แล้วแสดงว่า3คนนี้นี่สนิทกันจริงๆ
ถ้าท่านเรย์กะยังระแวงรูทหายนะคงไม่กล้าเล่นแรงขนาดนี้
แถมจบเรื่องที่ท่านเรย์กะพยายามฆาตกรรมคาบุด้วยเมล่อนคนละลูก
เมื่อเทียบกับการยืนแช่งจากข้างหลัง กับ อยากเอาคราบน้ำมันป้ายโทรศัพท์ ครั้งนี้ถือว่ารุนแรงจริงๆ สงสัยจะแค้นเรื่องสัตว์กีบคู่จริงๆ 5555
แต่ตอนนี้ ถือว่าเป็นตอนโดขิๆ ของคาบุเลยนะ 555
//ตัวตนด้าน S ของเรย์กะได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ววววว เห็นเขาดิ้นทุรนทุราย ยังเอามือไปกดไหล่เขาอีกแน่ะ
ความจริงฉากยืนมองหน้าตอนนอนมันควรจะโชโจสิ ดูอีเรื่องนี้ พลิกไปโคนันเฉย5555555555
ที่บอกฆ่าแม่งนี่ไม่ได้พูดเล่นนี่หว่า เอาจริง55555
เจ้าแม่ชอบบอกว่าไม่สนิทกับคาบุและเอ็นโจ แต่ดูยังไงก็โคตรสนิทเลยเนี่ย5555
ฝั่งสองหนุ่มน่าจะคิดว่าสนิทกับเจ้าแม่มานานละ ไม่งั้นคนไม่สนิทกันจะถ่ายรูปตอนหลุดๆเหวอๆไปให้คนอื่นได้เหรอวะ
คาบุถ่สยเจ้าแม่ตอนโดนกวางรุมงี้ ตั้งแต่เด็กๆนี่นะ
อะไรคือการบรรยายอย่างโชโจจ้องหน้าตอนหลับแล้วเลี้ยวลงข้างทางเป็นฆาตกรรมไปได้ เรื่องนี้ก็ยังคงคอนเซปต์เสมอต้นเสมอปลายดีจริง สิ่งที่คุณอยากเห็น คุณอยากได้ เราไม่ให้.....
ว่าตามตรง ก็มีวิญญาณหญิงชราสิงอยู่จริงๆนั่นแหละ.... นับอายุตอนโลกก่อนบวกรวมกับอายุโลกนี้ก็ดูไม่น้อยแล้วนะ!
เอ้า ปั่นเม้นกันได้แล้ว ดูซิว่ามู้นี้จะปิดท้ายด้วยอะไร!?
รู้สึกได้ถึงความสนิทสนม มันกร๊าวใจมาก ในที่สุด เรือก็เริ่มแล่นอย่างที่ควรจะเป็น ขอโมเม้นแบบนี้อีก นี่แหละ เซชุนหละ
ตั้งกระทู้ใหม่รอล่ะ เชิญวิ่งควายกันตามสะดวก! ขอให้ดิบตอนใหม่คลอดไวๆ!
https://fanboi.ch/webnovel/5102/
ตอนหน้ามุมมองฟูจินไรจินแล้วสินะ รออออออ
อาริมะกับบทที่หายไป...
ถ้าแปลทันดิบทู้ต้องเงียบแน่ๆ
ขอให้ท่านฮิโยโกะต่อไวๆที
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.