“...ทำไมถึงออกมาจากห้องกรรมการนักเรียนได้”
“ท่านคาบุรากิ?”
วันนี้ชักจะเจอคนที่คาดไม่ถึงเยอะเกินไปแล้วนะ! เอาล่ะ นิ่งไว้ๆ
“เธอคิดจะทำอะไรอีกน่ะ” แววตาคมกริบจับจ้องมาที่ฉัน ช่างเต็มไปด้วยความหวาดระแวงและไม่ไว้ใจ ท่าทางพร้อมจะขยี้ฉันให้จมดินได้ทุกเมื่อ เป็นสายตาที่เขามีให้ฉันทุกครั้งที่ฉันทำร้ายทาคามิจิ
แม้จะแอบมองจากที่ไกลๆมาหลายวัน แต่ไม่คิดว่าวันหนึ่งจำเป็นต้องพูดกับเขาอีกครั้งแบบนี้ ฉันไม่แน่ใจว่าตัวเองควรจะรู้สึกยังไงกับท่านคาบุรากิดี เขายังเป็นคนดูแข็งแกร่งสง่างามใบหน้าคมคายหมดจดน่าหลงใหลจนยากที่จะละสายตาไปจากเขาได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นคนที่ประกาศเรื่องฉ้อโกงของตระกูลคิโชวอินกลางงานหมั้น และทำลายทุกอย่างที่ฉันมี
ฉันไม่แน่ใจว่าตอนนี้ฉันยังรักเขาอยู่หรือเปล่า แต่พอได้เผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง แม้จะทำตัวไม่ถูก แต่ในใจยังคงสงบมากกว่าที่คิด อาจเพราะก่อนหน้านั้นฉันอยู่ในจุดที่ตกต่ำกว่านี้มาแล้ว
“ตอนนี้ฉันทำอะไรไม่ได้หรอกค่ะ ไม่ต้องห่วง”
ฉันพูดพลางประเมิน ทำไมท่านคาบุรากิถึงมาที่นี่คนเดียวกันนะ เอ็นโจกับสามัญชนคนนั้นหายไปไหนกัน และปกติท่านคาบุรากิน่าจะเมินฉัน ทำเหมือนฉันไม่มีตัวตนแล้วเดินผ่านไปเฉยๆ เพราะเขาก็ไม่เห็นฉันอยู่ในสายตาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว
ก่อนที่ฉันจะได้พูดอะไรอีก เสียงประตูข้างหลังก็เปิดตามมา มิซึซากิเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นและถามทันที “นายมาทำอะไรที่นี่?”
“ไม่มีอะไรหรอก แค่กำลังตามหาทาคามิจิอยู่น่ะ สงสัยว่ามาแถวนี้หรือเปล่า”
ชื่อทาคามิจิทำฉันชะงักเล็กน้อย
“ฉันไม่เห็นทาคามิจิตั้งแต่เช้าแล้วเหมือนกัน อาจจะอยู่ห้องสมุดก็ได้”
มิซึซากิตอบกลับไปแบบไม่สะทกสะท้าน ทำใจเรื่องทาคามิจิได้แล้วงั้นหรอ? ฉันแอบมองเขา ดูเขาฝืนๆตอนตอบอยู่เหมือนกัน
“ฉันติดต่อเธอไม่ได้เลยตั้งแต่เช้า หวังว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“บางทีอาจจะกำลังเจออะไรน่าสนใจแล้วเพลินจนเลยเวลาก็ได้”
มิซึซากิออกความเห็น
“ก็เป็นไปได้”
สองคนนี้เห็นฉันเป็นรูปปั้นประกอบฉากที่วางอยู่แถวนั้นสินะ ถึงฉันอาจจะไม่ได้สูงมาก แต่อย่าคุยข้ามหัวฉันไปมาได้ไหม
“เวลานี้ทาคามิจิมักจะอยู่ที่ห้องเรียนกับกลุ่มเพื่อน ไม่ก็เข้าห้องน้ำที่ใกล้กับห้องเรียนทางขวามือ”
ฉันลองพูดบ้าง ทั้งสองคนหันขวับมาหาฉัน
อะไรน่ะ สองคนนี้รู้พฤติกรรมคนที่รักน้อยกว่าที่เคยตามแกล้งอย่างฉันอีกหรอ
ไม่นานนักเสียงเรียกเข้าจากมือถือของท่านคาบุรากิดังขึ้น บทสนทนาหวานชื่นราวกับโลกนี้มีเพียงเราสองคน ทำให้ฉันรู้สึกแปลกตาอย่างบอกไม่ถูก ท่านคาบุรากิผู้สุขุมเคร่งครึมมีอำนาจ กลับยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนโลกทั้งใบสว่างไสวขึ้นมา
ทันทีที่เขาวางสายก็พูดอะไรสองสามคำกับมิซึซากิและรีบจากไปอย่างนั้น
ฉันแอบเหลือบมองมิซึซากิเป็นระยะไม่ได้ แววตาเขาดูเศร้า แม้กำลังพยายามทำเป็นเข้มแข็งก็ตาม ถึงยังไงรักใครสักคนก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะลืมจริงๆด้วยสินะ ยิ่งคนงี่เง่าแบบมิซึซากิคงเจ็บทีเดียว
มีอย่างที่ไหนที่รักใครสักคน แล้วปล่อยให้คนนั้นไปรักกับอีกคน ยอมเสียสละเป็นตัวสำรองจนน่ารำคาญจริงๆ
เห็นท่าทางน่าเบื่อนั่นแล้วรู้สึกหงุดหงิดชะมัด
“นี่ค่ะ”
“นี่คือ...?”
“ช็อกโกแลตไงคะ”
“ช็อกโกแลต?”
“จะยังไงก็ช่วยกินแล้วหายจากหน้าตารำคาญแบบนั้นซะทีนะคะ”
ยังไงช็อกโกแลตก็ทำให้มีความสุขได้นี่นะ มันเหลือๆขี้เกียจเอากลับหรอกนะ หน้าตามิซึซากิตอนนี้ดูเศร้าจนขวางหูขวางตาสุดๆเลยให้
ฉันรีบออกจากห้องกรรมการนักเรียน ไม่ใช่ว่ากลัวจะทำตัวไม่ถูกตอนมิซึซากิตอบกลับมาอะไรงั้นหรอกนะ แค่มันใกล้เวลาเรียนแล้วเฉยๆเลยต้องรีบไปต่างหาก
………………(จบตอนพิเศษ Kimidolce ตอนที่ 3 )………………
ป.ล. พยายามสร้างเรือมิซึซากิหลังหายไปหลายตอนแล้วเหลือเกิน
ป.ล.2 ไปนั่งเหงาๆปั่นงานในวันคริสต์มาสต่อก่อนนะคะ Merry Christmas เพื่อนโม่งทุกคน