ต่อจาก>>618
ตรงหน้าเรฟีกาคือหัวของบุตรสาวตระกูลซูรูฮานน์ที่ลอยอยู่กลางอากาศ
คนที่มองผิวเผินอาจจะนึกว่านางได้เสียชีวิตไปแล้วถ้าส่วนอื่นของร่างกายนางไม่ตามศีรษะของนางมาด้วยในภายหลัง
"พวกเจ้าเป็นใคร บุกรุกเข้ามาในบ้านข้าได้อย่างไร?!" เจ้าของบ้านตะโกนลั่น
"ใจเย็นๆก่อนซูรูฮานน์ นี่ข้าเอง'เรฟีกา'"
"หะ!... แล้วท่านมาทำอะไรที่นี่?"
"ข้าต้องการจะเดินทางไปยังโลกมนุษย์ เลยจะมาขอความช่วยเหลือจากเจ้า"
"...'ช่วยเหลือ'" คุณหนูตระกูลซูรูฮานน์ยิ้มเยาะอย่างอวดดี
ถึงแม้จะทำให้คิ้วของเรฟีกากระตุกขึ้นพร้อมความรู้สึกเดือดพล่านภายในจิตใจ แต่นางก็ต้องข่มไว้
'ท่องเอาไว้ เพื่อราชวงศ์ๆๆๆๆ'
"ได้สิข้ายินดีช่วยเจ้าหญิงเรฟีกาเป็นอย่างยิ่ง ไหนๆก็ตกอับมาแล้วขอร้องข้าอย่างนอบน้อมเช่นนี้ มีหรือที่คนใจบุญอย่างข้าจะไม่ช่วยเหลือได้"
"มากเกินไปแล้วนะซูรูฮานน์!!!"
"อย่านะ... เซรีกา เคียคูราโน"
"ท่านเรฟีกา!!"
เรฟีกาข่มน้ำตาไม่ให้เพราะคำดูถูกก่อนจะเอ่ยเข้าเรื่อง
"มีวิธีใดบ้างที่ข้าจะข้ามไปยังโลกมนุษย์ได้?"
"จริงๆก็มีหลายวิธีอยู่นะ แต่ถ้าท่านมาเอ่ยปากขอ'ความช่วยเหลือ'จากข้า ข้าก็จะแนะนำทางที่ดีที่สุดให้"
ไม่พูดเปล่าคุณหนูตระกูลซูรูฮานน์ลุกขึ้นไปเปิดกล่องไม้สลักลายสวยงามแล้วหยิบกุญแจสีทองดอกนึง
"กุญแจดอกนี้คือกุญแจไขประตูมิติที่ข้าแอบไปทำมาอย่างลับๆเพื่อเอาไว้สำรองกุญแจตัวจริงที่ครอบครัวของข้าจะมีติดตัวทุกคน"
"ถ้าอย่างนั้นที่เจ้าโผล่มาจากอากาศเมื่อครู่นี้ ก็เพราะกุญแจมิติสินะ"
"ใช่แล้ว แต่กุญแจมิตินี่เป็นกรรมสิทธิ์ของบ้านซูรูฮานน์เท่านั้น หากคนนอกตระกูลจะถือครองมันได้ก็จำเป็นจะต้องมอบสิ่งแลกเปลี่ยนกับพลังของมันก่อน"
"ถ้าอย่างนั้นข้าจะต้องแลกด้วยสิ่งใดกัน?"
"สิ่งแลกเปลี่ยนจะต้องอยู่ในดุลพินิจของเจ้าของกุญแจอย่างข้า"
"...."
"จะให้ข้ายึดดวงความรักของท่าน ก็เห็นทีว่าจะเสียเปล่า"
"หมายความว่าอย่างไร?!"
เจ้าหญิงเกิดอาการปวดกระเพาะขึ้นมาอีกครั้ง ช่างเป็นคำพูดที่เสียดแทงใจนางเหลือเกิน
'อัปมงคลๆๆๆๆ'
ซูรูฮานน์ใช้หางตามองเซรีกาและเคียคูราโนอย่างรู้ทัน
"ก่อนข้าจะมอบกุญแจดอกนี้ให้กับท่าน ข้าขอให้ท่านรับรู้ข้อตกลงในการใช้กุญแจและการใช้ชีวิตในโลกมนุษย์เสียก่อน
สำหรับบุคคลนอกตระกูลแล้วกุญแจดอกนี้จะใช้ได้เฉพาะในวันที่มีอุปราคา ท่านจะทำวิธีไหนเพื่อสร้างอุปราคาก็เป็นเรื่องของท่าน แต่เมื่อใดที่เกิดแสงสว่างขึ้นที่มณีบนหัวกุญแจท่านจะสามารถเปิดมิติได้ แต่หากมณีหายไปกุญแจดอกนี้จะเป็นเพียงกุญแจธรรมดาๆดอกนึงเท่านั้น"
"..."
"ท่านห้ามใช้พลังวิเศษบนโลกมนุษย์หรือหากจำเป็นจะต้องใช้ก็จงใช้ในที่ลับตาคน ประตูมิติก็เช่นกัน ไม่เช่นนั้นเทวดาและนักล่าปิศาจจะร่วมมือกันมาจัดการท่าน!!"
เรฟีกาลอบกลินน้ำลายอย่างช้าๆ ชีวิตนอกอาณาจักรของนางน่ากลัวจริงๆ ท่านพี่ของนางใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนั้นได้อย่างไรตั้งนานสองนานกันนะ
"ได้ฟังแล้วท่านคิดอย่างไร จะรับกุญแจดอกนี้ไปอีกหรือไม่?"
"ข้ายินดีจะรับมัน!"
"ดี! ...กุญแจเอ๋ยจงฟังคำข้า ในนามของตระกูลซูรูฮานน์ผู้ครอบครอง ข้าขอมอบเจ้าให้แก่เจ้าหญิงเรฟีกา โดยมีข้อแลกเปลี่ยนคือ..."
"..."
"เมื่อนางโป้ปดหรือคิดอกุศลครั้งใด หน้าท้องนางจะยื่นครั้งละ 1 เซนติเมตร! ทางแก้คือการทำความดีลบล้างความผิดเท่านั้น!!!"
'พุงยื่น พุงยื่น พุงยื่น'
"...ซูรูฮานน์ กล้าดียังไงมายื่นข้อแลกเปลี้ยนเช่นนี้กับท่านเรฟีกา!!!"
"ก็ถือว่าเป็นค่าตอบแทนเล็กน้อยจากสัญญาเลือดอันไม่เป็นธรรมของนายเจ้าแล้วกันนะ... ประตูมิติเปิดแล้ว จงรับไปซะ"
คุณหนูซูรูฮานน์ยัดกุญแจใส่มือเรฟีกาที่กำลังช็อคกับข้อแลกเปลี่ยน แล้วออกแรงผลักนางให้ผ่านช่องว่างของมิติ
"โชคดีนะเจ้าหญิง"
'พุงยื่น พุงยื่น พุงยื่น'
------------------------------
วาบ!
ตุ๊บบ!!
"ท่านเรฟีกา เป็นอะไรรึเปล่าคะ?"
'พุงยื่น พุงยื่น พุงยื่น'
"ท่านเรฟีกา!!"
"อ๊ะ! เราอยู่ที่ไหนกัน?"
"โลกมนุษย์ค่ะ แต่ดูเหมือนที่นี่จะเป็น...โบสถ์คริสตจักร"
"เอ๋!"
"รีบออกจากที่นี่ก่อนที่เราจะสูญเสียพลังกันเถอะค่ะ!!"
"...นั่นสินะ"
เรฟีกากำกุญแจมิติแน่น
'ท่านพี่ น้องจะตามหาท่านพี่ให้เจอให้ได้!!'
------------------------------
'เสียงดังอะไรกันนะ'
เจ้าของดวงหน้าหล่อเหลาที่มีดวงตาอ่อนโยนคู่นั้นสะบัดศีรษะคลายความึน และเดินออกมาดูหน้าโบสถ์ของตน
จากการรับใช้พระเจ้ามานานแรมปีของเขาทำให้ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่หญิงสาวในเมืองล้วนสยบให้สามารถมองเห็นในสิ่งที่คนทั่วไปมองไม่เห็นได้ บัดนี้หญิงสาวที่กำลังเดินออกจากโบสถ์ตรงหน้าเขาล้วนไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาทั้งสิ้น
'น่าสนุกดีแฮะ' เจ้าของเรือนผมสีดำที่ส่องประกายสีทองเมื่อโดนแดดยิ้มอย่างหรรษา
เห็นทีบาทหลวงรูปนี้จะรับใช้พระเจ้านานเกินไปเสียแล้วกระมัง?
(ขอคนต่อด้วย)