เหมาเหมาเห็นท่าทางกระอักกระอ่วนของท่านหญิงที่ถูกเรียกว่าท่านหญิงจี้ดูไปแล้วทั้งสองคล้ายรู้จักกันมาก่อน
เรื่องราวบางอย่างสมควรให้คนบางคนรับฟัง เหมาเหมาคิดว่าคนผู้นั้นไม่ใช่ตนทั้งไม่ต้องการชักนำความยุ่งยากค่อยหลบออกไป
สถานที่นึ่งซาลาเปาของเการั่วเย่(วาคาบะ) แม้ลับหูลับตาแต่ไม่ถือว่าไกลจากโรงครัวนัก เดินออกมาได้เพียงเล็กน้อยเหมาเหมาก็ได้ยินเสียงคนดังขึ้นมาเป็นระยะก่อนจะตามต้นเสียงนั้นไป
ต่อจากนั้นกลับเป็นเรื่องราวที่คุ้นเคย เหมาเหมาเป็นนางกำนัลที่มาจากระดับล่างบางโอกาสยังคงได้ช่วยเหลืองานเช่นนี้ อย่างไรการเมื่อก่อนเพียงยุ่งอยู่ในโรงครัวแต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นคนยกถาดอาหารเข้าสู่งานเลี้ยงภายในวัง
งานเลี้ยงแห่งนี้หลายอย่างเจริญหูเจริญตา โดยเฉพาะองค์จักรพรรดิที่มีสิริโฉมสง่างามสมวัย ฮองเฮาที่งดงามสูงส่ง เหมาเหมายังเจอคุณหนูจี้เดินชดช้อยมากับสตรีที่ดูอายุมากกว่าเล็กน้อยไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายเป็นพี่สาวของคุณหนูจี้ท่านนั้นหรือไม่เพราะใบหน้าคล้ายคลึงกัน
ภายในงานคล้ายดั่งภาพฝัน บุรุษล้วนหล่อเหลา สตรีล้วนงดงาม เหมาเหมาเริ่มกลับไปคิดว่าตนอาจจะฝันอยู่อีกครั้งหนึ่งเพราะสถานที่แห่งนี้ช่างเกินจริงจนเกินไป
โดยเฉพาะคุณชายผู้สง่างามสองท่านที่ยืนอยู่ท่ามกลางสาวแรกรุ่นที่ห้อมล้อมมากมาย คุณชายผู้หนึ่งมีใบหน้าเย็นชาไม่สนใจรอบข้างในขณะอีกท่านกลับยิ้มแย้มตอบคำถามด้วยความสุภาพเรียบร้อย
เห็นรอยยิ้มของคุณชายผู้นั้นแล้วเหมาเหมาอดที่จะนึกถึงท่านจินชิไม่ได้ บุรุษผู้นั้นยามที่ยิ้มแย้มเช่นนี้มักซ่อนแผนการไม่ดีเอาไว้ภายใน
ไม่แน่ใจว่าเพราะเป็นเช่นนี้เหมาเหมาเลยเริ่มไม่ค่อยถูกชะตากับบุรุษผู้ยิ้มแย้มท่านนั้น แต่นางไหนเลยมีโอกาสแม้แต่เศษเสี้ยวที่อีกฝ่ายจะชายตามอง
"เหมาเหมา"
ผู้ถูกเรียกสะดุ้งตื่นจนแทบจะทำถาดอาหารที่ยกมาตกกระจาย ยังดีว่าสตินางนับว่าแข็งแกร่งขึ้นตั้งแต่ตอนที่ตัวเองถูกก่อนกวนหลังจากเป็นนางกำนัลให้ท่านหญิงเกียคุโยจากบุรุษผู้ว่างงานคนหนึ่ง
หันหน้ากลับไปกลายเป็นใบหน้างดงามเฉิดฉายของท่านหญิงจี้ผู้นั้นเอง
"ท่านหญิง"
"เการั่วเย่(วาคาบะ)บอกชื่อเจ้าให้ข้าฟัง วันนี้ข้าขอบใจเจ้ามาก" ท่านหญิงผู้นั้นกล่าว
"มิเป็นไรเจ้าค่ะ เป็นหน้าที่ของข้าน้อยอยู่แล้ว"
"จริงสิ เรื่องราวในวันนี้เก็บเป็นความลับให้ข้าด้วยนะ"
"เรื่องอันใดหรือเจ้าคะ"
"ทุกเรื่อง"
ท่านหญิงผู้นั้นยิ้มกล่าว แต่จู่ๆ เหมาเหมาก็เริ่มรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมา สมแล้วที่เป็นท่านหญิงรัศมีบางอย่างแตกต่างจากสามัญชนจริงเสียด้วย
ยามท่านหญิงจากไปเหมาเหมายังเห็นสตรีในกลุ่มคนที่ห้อมล้อมคุณชายทั้งสองหันมาทักทาย แต่สัญชาตญาณบางอย่างของนางกลับรู้สึกคล้ายกำลังก่อสงครามเสียมากกว่า
ได้ยินชื่อท่านหญิงอู่ฮุ่ยหมา(ไมฮามะ) ท่านหญิงจี้ลี่ฮวา(เจ้าแม่)ดูท่าจะเป็นชื่อของท่านหญิงจี้และอีกหลายท่าน จากนั้นสตรีทั้งหลายค่อยเรียกชื่อคุณชายทั้งสอง ผู้ที่ยิ้มแย้มคือคุณชายเฉิงซิ่วเจี้ยทว่าอีกท่านกลับเป็นไท่จื่อ เหมาเหมาแม้ตกใจอยู่บ้างแต่รัศมีบางอย่างในตัวของไท่จื่อผู้นั้นกลับทำให้นางเชื่อจนหมดใจ
งานเลี้ยงดำเนินไปอย่างราบรื่นกระทั่งเลิกรา เหมาเหมาที่เริ่มปวดไหล่เริ่มยอมรับความจริงได้ว่ายามนี้สมควรเป็นเรื่องแท้จริง จากนั้นได้แต่ทำใจเดินกลับห้องนอนของตน
แต่นางหลงทางอีกแล้ว
เหมาเหมาหลงทางเป็นครั้งที่สองในรอบวันเกิดหวั่นวิตกไม่ได้ ยามนั้นคิดหาเหตุผลยามเจอเวรยามว่าสมควรกล่าวเช่นไร บุรุษที่นางไม่คิดว่ามีโอกาสได้พบเจอในเวลานี้กลับยืนอยู่ต่อหน้านาง
"คะ คุณชายเฉิง"
เหมาเหมาในใจร้องว่าแย่แล้ว
หากอีกฝ่ายสอบถามทางขึ้นมาตนเองสมควรบอกเช่นไรดี
คุณชายเฉิงผู้นั้นเลิกคิ้วขึ้นก่อนใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มแล้วค่อยกล่าว
"ที่แท้เจ้าก็รู้จักข้า"
"พะ พอทราบมาบ้างเจ้าค่ะ คุณชายเฉิงชื่อเสียงโด่งดังนางกำนัลในวังล้วนรู้จักทั้งสิ้น" เหมาเหมาพิจารณาคุณชายตรงหน้าจากความสนิทสนมกับไท่จื่อแล้วคิดว่าอีกฝ่ายสมควรเป็นที่รู้จักดี
"งั้นหรือ แล้วเจ้ารู้จักคุณหนูจี้หรือไม่" คุณชายเฉิงผู้นั้นถามขึ้นมาแต่กลับไม่เปิดโอกาสให้เหมาเหมาปฏิเสธก็ชิงกล่าวต่อ "ข้าเห็นนางสนทนากับเจ้าในงานเลี้ยง"
เหมาเหมาไม่กล้าตอบ แต่คุณชายเฉิงผู้นั้นคล้ายเข้าใจอันใดได้จึงยกมือข้างหนึ่งขึ้นมา
"วานเจ้านำไปมอบให้คุณหนูจี้ได้หรือไม่"
เหมาเหมามองดูค่อยพบเห็นกรงไม้สานกรงหนึ่ง ภายในเป็นประกายสีเหลืองนวลลอยไปมา
เป็นกรงไม้สานที่มีหิ่งห้อยอยู่ภายใน
"บอกว่าจากข้าก็พอ"