“ไปกันต่อไหม”
"นี่คิดจะไปตามหาสำนักแบบนั้นจริงๆหรอคะ..." เพิ่งเกือบโดนรถชนมานะ ไม่คิดหน่อยหรอว่าเป็นเสียงจากสวรรค์ส่งสัญญาณมาบอกว่าอย่าไปทำอะไรแบบนั้นเลย
"ฉันคิดไว้แล้วล่ะ เรามาตั้งสำนักขึ้นมาเองกันเถอะ!"
เอ๋?! จะบ้าหรือไงกันคะ!!!
ฉันเหนือคำจะกล่าว แต่ท่าทางคาบุรากิดูตื่นเต้นน่าดู ความสลดจากอกหักนี่หายไปเร็วขนาดนี้เลยหรือไงกัน
คาบุรากิเริ่มพูดถึงการออกแบบอาคาร และสิ่งที่จะสอนในสำนักอย่างกระตือรือร้น ถ้าไม่รีบห้าม มีหวังทำจริงแน่เลยล่ะนะคะ...
ฉันพยายามค่อยๆพูดเปลี่ยนความคิด สุดท้ายไม่รู้ทำไม พวกเราก็มาจบที่ภัตตาคารที่เพิ่งเปิดสาขาในญี่ปุ่น แต่อย่างน้อยเขาก็ดูจะคิดได้แล้วว่าไม่ควรเปิดสำนักเอง
"เธอจะสั่งคาโบนาร่างั้นหรอ..."
"ค่ะ ทำไมหรอคะ"
"แค่...นั่นเป็นเมนูสุดท้ายที่ฉันกินกับทาคามิจิน่ะ..."
ซวยล่ะ ดันบังเอิญไปตรงกันซะได้
คาบุรากิทำหน้านิ่งก็จริง แต่ท่าทางนี่ซึมจ๋อยเศร้าสลดเหมือนแมวโดนน้ำสาดจนตัวลีบ
"คิดๆไป ฉันเปลี่ยนไปกินสลัดดีกว่านะคะ" จะได้ไดเอทด้วยล่ะนะ คำว่าหนักกว่าที่เห็นยังสะท้อนก้องอยู่ในหัวอยู่เลย...
"..."
คาบุรากินิ่งเงียบไม่ตอบอะไรสักพัก มองเมนูด้วยสายตาว่างเปล่า แผ่ออร่าหล่อระทมให้พนักงานเสิร์ฟสาวที่เดินผ่านมามองตาค้าง
จะเอาสลัดทั้งที เอาแบบไหนดีนะ เพิ่งรู้นะคะว่าร้านนี้มีสลัดกว่า 40 แบบ บางอันนี่ดูมีแป้งและเนื้อเกินกว่าจะกินเพื่อไดเอทนะคะ
แต่ภาพสเต็กข้างๆนี่ก็ดูน่ากินจังเลยนะ วันนี้มีเสิร์ฟเมนูพิเศษด้วย! สปาเกตตี้ผัดซอสนี่มันอะไรกันน่ะ!!! ซอสสูตรพิเศษที่จะมาแค่หนึ่งสัปดาห์ต่อปีเท่านั้น!!! ตอนนั้นฉันบินไปยุโรปยังกินไม่ทันเลยนะคะ ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เห็นเมนูนี้กับตาที่ญี่ปุ่น
มือไม้ฉันสั่นไปหมดจนทำอะไรไม่ถูก สั่งเมนูนี้ออกไปก่อนโดยไม่รอคาบุรากิที่ยังนั่งสลด
แต่ถ้าคาบุรากิยังไม่สั่งซะที เมนูของฉันก็ยังไม่ไปถึงห้องครัว แล้วซอสสูตรพิเศษอาจจะหมดก็ได้!
"ตัดสินใจได้หรือยังคะ"
ฉันเร่งคาบุรากิ แต่เขาดูหมดอะไรตายอยากน่าดู ถึงอย่างนั้นฉันก็ได้ยินเสียงกรี๊ดแววมาจากโต๊ะข้างๆตอนที่คาบุรากิถอนหายใจ
"อือ ฉันไม่รู้จะสั่งเซ็ตไหนดีน่ะ"
คาบุรากิวางเมนูให้ฉันดู แต่ละอย่างถ้าฉันเป็นคนกินเองต้องลดน้ำหนักเป็นเดือนแน่เลยค่ะ ปกติคนที่เศร้าๆเขากินกันเยอะขนาดไหนกันนะคะ
“เซ็ตที่สามดีไหมคะ มีสปาเกตตี้ผัดซอสสูตรพิเศษเฉพาะของร้านนี้ด้วยนะคะ”
“อ้า”
สรุปเอาใช่ไหมน่ะ ฉันหันไปสั่งก่อนถามต่อเปลี่ยนบรรยากาศ
“จะว่าไปท่านคาบุรากิเคยกินหรือยังคะ”
“อือ เคยให้เซฟมาทำให้ตอนไปกินกับทาคามิจิน่ะ...”
“...”
เอาอีกแล้วเรอะ ประสบการณ์ของกินของคาบุรากิกับทาคามิจินี่ท่าทางจะเยอะเกินไปแล้วนะ!
คาบุรากิเหม่อมองด้วยสายตาคะนึงหา ก็มัวแต่ถือหลักการหมู่บ้านคานทองไม่ยอมสารภาพจนโดนตัดหน้าไปเองนะคะ
ท่าทางหมดอาลัยตายอยากขึ้นเรื่อยๆเลยนะ พอไม่มีเรื่องสร้างสำนักเดินทางออกบวชก็ไม่มีอะไรยึดเหนี่ยวจิตใจสินะ
พออาหารมาเสิร์ฟ ฉันกินอย่างตื่นเต้น นี่เองสินะรสชาติที่ร่ำลือกันมานาน ช่างคุ้มค่าจริงๆที่มีโอกาสได้ลิ้มลอง
ผ่านไปสักพัก อยู่ๆคาบุรากิก็พูดขึ้นมา “เธอทนได้ยังไงน่ะ...”
“เอ๋?”
“เธอรับมือกับเรื่องแบบนั้นได้ยังไง”
“เรื่องอะไรคะ?”
“ก็ประธานนักเรียนนั่นไง เธอชอบหมอนั่นไม่ใช่หรือไง”
“ห๊า?! ไม่ใช่ค่ะ ดูเหมือนจะเข้าใจผิดแล้วนะคะ!!!”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันเข้าใจ เธอเองก็ไม่อยากพูดออกมาใช่ไหม...”
“...”
“ฉันเห็นเธอร้องไห้ตอนหมอนั่นกับ...ทาคามิจิเดินไปด้วยกัน ไม่จำเป็นต้องปิดบังเรื่องนี้หรอกนะ”
เอ๊ะ หมายถึงเรื่องเมื่อวานงั้นหรอ เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้วนะคะ ทำไมคาบุรากิชอบคิดว่าฉันต้องเจอเหตุการณ์เดียวกับเขาตลอดด้วยคะ
“ฉันไม่ได้ชอบคุณมิซึซากิหรอกนะคะ...”
“เธอเข้มแข็งจริงๆเลยนะ”
บอกว่าไม่ใช่ไงเล่า! เข้าใจผิดอย่างงี้นี่เองสินะถึงได้มาลากไปออกเดินทาง