ชีวิตของผู้แพ้โหดร้ายเสมอ เพราะฉะนั้นท่านพ่อท่านแม่เลยบอกเสมอว่าเราจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด แต่ทว่าก็ไม่สามารถทำอะไรอีกแล้ว
หลังจากเจอเอ็นโจในวันแรกที่มาซุยรัน เขาก็ไม่ปรากฏตัวให้เห็นอีกเลย
พวกเพื่อนๆที่งี่เง่าพวกนั้นก็คอยพยายามช่วยเหลือฉัน น่ารำคาญชะมัด ฉันไม่ได้ต้องการให้ทำอะไรแบบนี้ซะหน่อย
ฉันไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองตัดสินใจผิดพลาดแค่ไหน...
วันหนึ่งขณะเดินไปโรงอาหารด้วยกัน คุคิโนะจังโดนกระแทกอย่างจงใจจากสาวเกลที่พากันหัวเราะคิกคัก
"ฉันไม่เป็นไรค่ะท่านเรย์กะ"
"..."
"ท่านเรย์กะ..."
"พอได้แล้ว เลิกตามดื้อน่ารำคาญแบบนี้ซะที"
"ท่านเรย์กะคะ..."
"อย่าเข้ามาใกล้ฉันอีก! เข้าใจไหม!" ฉันสะบัดมือที่คุคิโนะจังพยายามเข้ามาจับ
พอกันซะที!
ไม่ควรรับความช่วยเหลือนั่นตั้งแต่ต้นเลย...
ฉันไม่ไหวอีกแล้ว อยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว...
เซริกะจังพยายามเข้ามาหยุดฉันไว้ตอนที่ฉันคิดจะเดินออกจากซุยรัน ฉันพูดคำพูดที่โหดร้ายที่สุดเท่าที่จะคิดออกในเวลานั้น ก่อนจะรีบหนีไปให้เร็วที่สุด
อย่าทำเหมือนฉันไม่รู้เลยว่าตอนนี้ที่บ้านเซริกะจังลำบากแค่ไหนในการทำธุรกิจกับตระกูลคาบุรากิ คิดว่าฉันไม่รู้หรือไงว่ามันเลวร้ายขึ้นตั้งแต่เธอยังทำดีกับฉัน...
ฉันวิ่ง วิ่งไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย ทำไมกันเรื่องแบบนี้ต้องเกิดกับฉัน... ทั้งๆที่ฉันเกิดมาในตระกูลที่ดีพร้อมยิ่งกว่าใครแท้ๆ ทำไมจุดจบถึงมาอยู่จุดนี้ได้...
"โอ้ย!"
ฉันชนใครสักคน แต่ก็ไม่คิดที่จะสนใจอะไร ก่อนจะลุกขึ้นเตรียมวิ่งต่อ แต่แขนถูกจับเอาไว้อย่างดิ้นไม่หลุด
"ก็ไม่ได้ไร้หัวใจนี่นา"
"คุณ..."
ท่านพี่งั้นหรอ คนที่ทรยศหันหลังให้ตระกูลคนนั้นน่ะนะ
ฉันตกตะลึง มองคนร่วมสายเลือดที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมานาน
เขามาทำอะไรที่ซุยรันกันน่ะ
"ปล่อยค่ะ!"
"เธอคิดจะทำอะไรต่อไป"
"ไม่เกี่ยวกับคุณซะหน่อยนี่คะ!"
"แม้เราจะเป็นพี่น้องกันน่ะหรอ"
"ต่อให้มีสายเลือดเดียวกัน แต่คนที่ทิ้งครอบครัวไปอย่างคุณน่ะไม่ถือว่าเกี่ยวกับฉันหรอกนะคะ"
"พี่ออกจากบ้านเพราะคิดว่าทุกคนในครอบครัวเป็นพวกเลือดเย็นไร้หัวใจ"
"คิดจะมาซ้ำเติมกับทางเลือกนี้งั้นหรอคะ"
ฉันถามกลับไป
"เปล่า” เขาตอบ และหยุดไปสักพักก่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากขึ้น “พี่กลับมาเพราะรู้แล้วว่าพี่คิดผิด ขอโทษนะที่ปล่อยให้น้องต้องเผชิญหน้ากับเรื่องอย่างนั้นคนเดียว"
"...ไม่ว่าคุณต้องการจะทำอะไร ตอนนี้ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว”
“พี่แค่...”
“อย่ามาเสแสร้งเป็นคนดีไปหน่อยเลยค่ะ"
ผู้ชายคนนั้นชะงัก รอยยิ้มอ่อนโยนเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่งในพริบตา
"มองออกด้วยสินะ"
"มีคนหลงผิดที่ดูไม่ออกด้วยงั้นหรอคะ ต้องการอะไรถึงมาที่นี่ล่ะคะ"
ผู้ชายคนนั้นยิ้มนิ่งๆยากจะคาดเดาอารมณ์ ท่าทางเหมือนถือไพ่เหนือจนน่ารำคาญ ทำตัวเหมือนเอ็นโจไม่มีผิด เป็นคนประเภทที่ฉันเกลียดที่สุด
“พี่มาจัดการเรื่องของเธอที่นี่”
“หมายความว่ายังไงกันคะ”
เขาไม่ตอบแต่ยื่นนามบัตรให้
“ถ้ามีเรื่องต้องการความช่วยเหลือ ติดต่อมาก็แล้วกัน”
ฉันมองพี่ชายคนเดียวเดินจากไปอย่างไม่เข้าใจจุดประสงค์ของเขา และตัดสินใจไม่ว่าจะลำบากแค่ไหนก็จะไม่ขอความช่วยเหลือจากคนประเภทเดียวกับเอ็นโจเด็ดขาด
ฉันลองหันมาดูนามบัตรที่ได้มา ชื่อของเขาที่ใช้ในบัตรเป็นชื่อปลอม ก็นะ จะยังไงบอกใครว่าเป็นคนตระกูลคิโชวอินก็คงไม่มีใครไว้ใจหรือกล้ารับเข้าทำงานหรอก ว่าแต่นามสกุลปลอมโมโมโซโนะนี่รู้สึกเหมือนนามสกุลใครในสังคมคนชั้นสูงเลยนะ ไปเอามาใช้แบบนี้ไม่เป็นไรหรือไงกัน
เมื่อกวาดตาดูรายละเอียดฉันก็ชะงักไปชั่ววูบ
ตอนนี้เขาทำงานที่บริษัทของตระกูลเอ็นโจ
คิดจะทำอะไรกันแน่นะ...
………………(จบตอนพิเศษ1)………………
ป.ล. นี่เป็นเพียงนิสัยตัวละครที่มโนขึ้นเองนะคะ เดาว่าถ้าไม่ทะลุมิติไปเจอเหตุการณ์แบบนั้น แต่ละคนน่าจะนิสัยประมาณนี้ อาจจะแปลกไปบ้างนะคะ