“ไม่เอาน่า คุณคิโชวอิน ไหน ๆ ก็มาแล้ว ไม่ลองชิมปลาหมึกทอดของร้านจิสึรุหน่อยเหรอ” โทโมกิที่ไม่รู้ว่าไปเอาความกล้ามาจากไหนพยายามกล่อมเธอ
ดวงตากลมโตเหมือนตุ๊กตากระพริบถี่ ๆ “ปลาหมึกทอดที่ได้รับรีวิวอันดับหนึ่งสามปีซ้อนบนเว็บไซต์โกโระงั้นเองหรือคะเนี่ย” แล้วก็มองไปรอบ ๆ เหมือนจะเพิ่งตระหนักว่าตัวเองกำลังอยู่ในร้านจิสึรุ
“คุณคิโชวอินก็ตามเหมือนกันเหรอเนี่ย! ใช่แล้ว ๆ ปลาหมึกทอดที่นี่อร่อยที่สุดเลยนะ พลาดไปเสียดายแย่” ว่าแล้วก็แจกจ่ายปลาหมึกทอดไปให้ทุกคนที่ทำหน้าแปลก ๆ โดยเฉพาะสาว ๆ จากซุยรัน “ทุกคนเองก็ลองกินดูสิ”
ไม่รู้ว่าจู่ ๆ ทุกคนก็จับคู่กันตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ดูเหมือนว่าผมกับโทโมกิจะได้จับคู่กับมาดอนน่าแห่งซุยรัน แม้ว่าผู้ชายจากโรงเรียนอินเตอร์คนอื่น ๆ จะลอบมองคุณหนูบ้านคิโชวอินบ่อยครั้ง แต่ไม่มีใครกล้าพอที่จะผละจากสาว ๆ ที่ตัวเองคุยอยู่มาชวนเธอคุย ดังนั้นโทโมกิเลยชวนคุณคิโชวอินที่บัดนี้กลายเป็น “เรย์กะจัง” คุยเรื่องของกินบริเวณรอบ ๆ ย่านการค้า
“ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคุณหนูจากโรงเรียนซุยรันจะกินของพื้น ๆ อย่างราเม็งยืนกินด้วย” ผมเปรยออกมาเมื่อโทโมกิออกไปร้องคาราโอเกะ ถึงตอนนี้ก็ยังจินตนาการไม่ออกว่าคุณหนูที่วางตัวเป็นกันเองแต่ก็ไม่ทิ้งความสูงสง่าจะยืนซดราเม็งรวมกับพนักงานบริษัทได้
ดูเหมือนว่ามาดอนน่าแห่งซุยรันจะเพิ่งรู้ตัวว่าหลุดความลับออกมา ใบหน้าขาว ๆ ขึ้นสีแดงจัด
อ๊ะ น่ารักแฮะ
ผมมองคุณคิโชวอินนั่งหน้าแข็งค้างเหมือนมีใครกดปุ่มสต๊อป ก่อนจะพูดเสริมเพื่อไม่ให้เธอรู้สึกอึดอัด “ผมว่าน่านับถือกว่าที่คิดนะ เพราะถ้าให้ผมต้องไปในที่เป็นทางการมาก ๆ ที่ผมไม่คุ้นเคย กินของที่ไม่รู้จัก ก็คงจะรู้สึกสนุกสนานได้ไม่เท่าคุณหรอก”
คุณคิโชวอินยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่มีลักยิ้มเล็กน้อยทำให้เธอดูเคร่งขรึมน้อยลงมาก ผมมองเธออีกครั้ง แล้วคิดว่าความจริงคุณหนูลูกผู้ดีก็ไม่ได้คบยากอย่างที่คิด
“ฉันชอบทดลองของแปลกให—“ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากกระเป๋าของคุณคิโชวอิน พอเธอเปิดดูก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด แต่ยังไม่ทันได้เก็บมือถือลงกระเป๋า โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง เป็นเสียงสั้น ๆ เหมือนอีเมล์เข้า
และดังอีกครั้ง
อีกครั้ง
อีกครั้ง
ผมสงสัยว่าเธอจะโดนพวกขายของตรงจู่โจมหรือเปล่า เพราะอีเมล์เข้ามาถี่จัดจนน่าเป็นห่วง แม้ว่าจะไม่ได้รบกวนทุกคนท่ามกลางเสียงคาราโอเกะที่ดังลั่น แต่คุณคิโชวอินก็เงยหน้าขึ้นขอโทษผม แล้วพิมพ์อีกไรซักอย่างส่งตอบกลับไป
ไม่ถึงสิบวินาที อีเมล์จากปลายทางก็ตอบกลับมาอีก คราวนี้คุณคิโชวอินจ้องหน้าจอเฉย ๆ แล้วตัดสินใจปิดเสียงแล้วเก็บกลับเข้าไปในกระเป๋า
ดูจากสีหน้าเหนื่อยหน่ายของเธอแล้ว เหมือนกับพนักงานบริษัทที่ถูกภรรยาสาวขี้หึงตามให้กลับบ้านยังไงยังงั้น
โทโมกิร้องเพลงเสร็จก็กลับมาร่วมบทสนทนาต่อ คราวนี้พวกเราคุยกันถึงเรื่องชานม ในระหว่างที่ทุกคนกำลังคุยเพลิน ๆ ประตูห้องคาราโอเกะก็เปิดออก และสิ่งมีชีวิตเจิดจ้าก็ก้าวเข้ามาแบบไม่ทันให้ใครได้ตั้งตัว