“ไม่รู้หรือไงว่าสิ่งที่พวกคุณทำมันผิด”
เอ็นโจเอ่ยขึ้น พวกสามัญชนในกลุ่มต่างลนลาน
“ท่านเอ็นโจคะ แต่พวกเราเองก็โดนมาไม่ต่างกันหรอกนะคะก่อนหน้านั้น! ทุกคนที่นี่เคยโดนผู้หญิงคนนี้กลั่นแกล้งมาทั้งนั้น!!!”
“ใช่ค่ะ! แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ”
“ฉันเคยคิดจะลาออกเพราะถูกแกล้งเหมือนกันค่ะในตอนนั้น!”
เมื่อมีคนเริ่ม ก็มีคนพูดตามไปเรื่อยๆ ต่างคนต่างพูดถึงเรื่องถูกแกล้ง ทั้งๆที่เรื่องแบบนั้นคนเป็นสามัญชนไม่สมควรกล้าต่อว่า pivione อย่างฉันด้วยซ้ำ ช่างไม่เจียมตัวจริงๆ
เมื่อพูดมาสักพัก เอ็นโจก็เปลี่ยนรอยยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกวาดตามองไปทีละคน ทุกคนไม่กล้าพูดอะไรต่อแทบจะในทันที
“เพราะงั้นเลยเลือกที่จะวิธีเดียวกันแกล้งกลับไปสินะครับ พวกคุณก็ทำไม่ต่างอะไรจากคนที่พวกคุณประณามหรอกนะครับ”
อาจเพราะพวกนั้นไม่ชินกับตัวตนที่แท้จริงของปีศาจร้ายนัก เลยหน้าซีดตัวสั่นกันไปหมด
ฉันเดินหลบกลุ่มคนเข้าไปในอาคาร แต่ไปไม่ถึงไหนก็มีคนน่ารำคาญคนหนึ่งเข้ามาพูดด้วย
“คุณน่ะหยุดมองว่าคนอื่นต่ำกว่าได้แล้ว ไม่รู้หรือไงว่าตอนนี้คุณน่ะก็ฐานะเดียวกับสามัญชนที่เคยดูถูกนั่นแหละ”
“อย่ามาเตือนเหมือนว่าตัวเองเป็นคนสูงส่งไปหน่อยเลยค่ะ” ฉันตอบกลับไปอย่างเย็นชา
“ผมอาจจะไม่ได้สูงส่งก็จริง แต่ฐานะในตอนนี้ผมสูงกว่าคุณก็แล้วกัน”
รอยยิ้มเย็นของจอมมารหนาวลึกเข้าไปถึงหัวใจ
นี่สินะ ตำแหน่งของคนที่พ่ายแพ้ อย่างที่ท่านพ่อบอกจริงๆ เมื่อไหร่ที่พลาดพลั้ง สุดท้ายต้องสูญเสียทุกอย่าง
ถ้าตอนนั้นฉันใจแข็งกว่านี้ คงไม่มาถึงจุดนี้ได้หรอก ตัวตนที่อ่อนแอของฉันนี่ช่างน่าสมเพชจริงๆ
ทำไมตอนนั้นถึงไม่กำจัดให้เด็ดขาดไปซะนะ
“ยินดีด้วยแล้วกันนะคะ ดูเหมือนคุณได้ทุกอย่างที่ต้องการแล้ว”
ฉันตอบรับกลับไป มองใบหน้าของคนเบื้องหน้า
เขาชนะแล้ว ชนะทุกอย่าง
เจ็บใจจริงๆ
ฉันหันหลังกลับ หัวใจรู้สึกเจ็บแปลบอย่างอธิบายไม่ถูก
“ผมขอโทษ... ผมไม่ได้อยากให้เรื่องจบลงแบบนี้เลย”
คำพูดที่ทับซ้อนกับตอนที่เขาเคยพูดก่อนหน้านั้น ทำให้ฉันหยุดชะงักไปพักหนึ่ง
“ไม่ต้องพยายามรักษาภาพคนดีอะไรนั่นหรอกค่ะ” ฉันหันกลับไปพูด “ของแบบนั้นคุณไม่ได้เป็นจริงตั้งแต่ต้นอยู่แล้วนี่คะ”
ฉันเหลือบมองแววตาเขาชั่วขณะ มันแปลกแตกต่างจากทุกครั้ง ทำให้ฉันรู้สึกอยากหนีออกห่างให้เร็วที่สุด และครั้งนี้ดูเหมือนเขาจะไม่ตามมาอีกแล้ว
ขณะที่แยกทางออกมาได้ไม่ไกล ใครสักคนเทน้ำที่ไว้ถูพื้นใส่ฉัน
"อุ๊ย ขอโทษทีค่ะ มองไม่เห็นจริงๆ นึกว่าถังขยะซะอีก"
คนในกลุ่มนั้นหัวเราะกันอย่างครึกครื้น ความอดทนฉันมาถึงขีดสุด
"พวกเธอคิดว่า..." ฉันหยุดไปกลางคันเมื่อเห็นคุคิโนะจังกำลังเดินพุ่งตรงมาทางนี้ ฉันตัดสินใจรีบหนีไปอีกทางทันที
"ท่านเรย์กะ!"
พวกเซริกะจังเรียกขณะรีบตามฉันมา ก่อนใครสักคนจะคว้ามือฉันไว้ทำให้วิ่งต่อไม่ได้
"เป็นอะไรหรือเปล่าคะ..."
เซริกะถามขณะจับมือฉันไว้แน่น ฉันไม่กล้ามองสายตาเหล่านั้นตรงๆ
มีแค่พวกเธอเท่านั้นที่ฉันไม่อยากให้ต้องเป็นอะไรไปด้วย...
ฉันปัดมือของเซริกะจังออก ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงรังเกียจ "เอามือสกปรกนั่นออกไปนะ"
ทั้งๆที่บอกชัดขนาดนั้นแท้ๆ ยัยพวกงี่เง่าพวกนั้นก็ยังพามาห้องน้ำ ช่วยเช็ดน้ำที่เปื้อนอยู่ให้
"...ออกไปเดี๋ยวนี้นะ ไปให้พ้น"
"เอาชุดในอาคารฉันไปเปลี่ยนก่อนนะคะ"
"ใครต้องการช่วยเหลือจากพวกเธอกัน!"
"เซริกะจังจองห้องประชุมเล็กไว้ให้แล้วค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปเอาไดร์เป่าผม แล้วไปเจอกันที่นั่นนะคะ คุคิโนะจังจะพาท่านเรย์กะไปเองค่ะ"
พวกเธอทำบ้าอะไรกัน! งี่เง่ากันชะมัด
คุคิโนะจังเป่าผมให้ฉัน ผมม้วนที่ไม่ได้รับการดูแลเท่าไหร่เริ่มคลายออก มีเพียงปอยเล็กๆเท่านั้นที่ยังเป็นลอนอ่อนๆ
"ฉันขอพูดให้ชัดเจนเลยนะ! ฉันเกลียดพวกเธอทุกคน! พวกเธอมันก็แค่คนที่ฉันหลอกใช้! เป็นแค่..."
ฉันชะงักเมื่อพวกเขากอดฉัน
"ท่านเรย์กะไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวนะคะ!"
"..."
"พวกเราพร้อมอยู่ข้างท่านเรย์กะเสมอค่ะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม"
"ได้โปรด อย่าเก็บทุกอย่างไว้กับตัวเองแบบนี้อีกเลยนะคะ!"
"เราผ่านมันไปด้วยกันนะคะ"
ผ้าเช็ดหน้าของใครสักคนช่วยเช็ดน้ำที่ไหลออกมาจากตาของฉันอย่างแผ่วเบา ในที่สุดผ้านั้นก็เปียกชื้นจนซับไว้แทบไม่พอ
งี่เง่ากันจริงๆ...
ฉันเองก็แย่ชะมัดที่เผลอกอดตอบพวกเขา...
...............