ยิ่งนานวันเข้าการได้พบเจอคุณคิโชวอินกลายเป็นหนึ่งในเรื่องสนุกของผม การได้เห็นคุณคิโชวอินเผลอทำเรื่องแปลกๆออกมาเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุข ผมทราบได้จากใจจริงเลยว่าผมมีความสุขจริงๆ
คนที่เป็นถึงบุตรของตระกูลคิโชวอินแต่แค่ได้ทานของอร่อยๆก็มีแววตาที่เปล่งประกายแล้ว เป็นคนที่ดูสูงส่งจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้กลับเป็นที่รักของบรรดาสัตว์โลก
ถึงแม้คุณคิโชวอินจะเป็นคนแปลกๆอยู่บ้างแต่เธอก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ผมไม่เคยเห็นเธอใช้อำนาจข่มเหงเพื่อนของเธอเลยสักครั้ง และนั่นทำให้ผมประทับใจในตัวเธอมากขึ้นไปอีก
วันเวลาผ่านพ้นไป เผลอแป๊ปเดียว พวกเราก็ขึ้นชั้นมัธยมต้น
คุณคิโชวอินมีความรักครั้งแรก เธอไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่คนที่คอยเฝ้ามองเธอมาตลอดอย่างผมก็รู้สึกได้ แววตาที่เปลี่ยนไปเมื่อเธอมองเขา ต่างจากตอนมองคนอื่น ต่างจากเวลาที่เธอมองผม ผมรับรู้ได้ถึงความขมขื่นที่แผ่ขยายในจิตใจ
วันนั้นผมรู้สึกตัวว่าผมรักคุณคิโชวอินเข้าแล้ว
แต่รักแล้วยังไงล่ะ
ผมก็ยังคงไม่สามารถเข้าใกล้เธอได้เหมือนเดิม ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมคุณคิโชวอินถึงไม่ยอมมาพูดคุยกับพวกผมเลยนะ
บางครั้งบางคราว คุณคิโชวอินและผองเพื่อนก็ชอบลงไปเดินเล่นในสวน ผมไม่ได้ยินว่าเธอพูดคุยอะไรกับเพื่อนแต่จากท่าทีที่ชูมือแปลกๆคงเป็นเรื่องที่น่าสนุกแน่เลย ผมที่แอบมองเธอจากบนอาคารเรียนพูดในใจว่า น่ารักจังเลย
หนึ่งวันของผมจะเป็นวันที่ดีหรือเลวร้ายล้วนขึ้นอยู่กับคุณคิโชวอิน คุณคิโชวอินมีความสุข วันนั้นเป็นวันที่ดี หากวันไหนเธอหม่นหมอง ราวกับว่าท้องฟ้าของผมครึ้มเหมือนฝนจะตกก็ไม่ปาน
มีบางที ความคิดเรื่องสารภาพรักออกไปแวบเข้ามาในหัวแต่ก็ถูกปัดตกไปในทันที
แค่ผมพยายามหาเรื่องคุยด้วยยังกลัวขนาดนั้น
ผมไปทำอะไรให้เธอกันนะ...
แต่บางทีเธอมองมาที่ผมด้วยความขุ่นเคืองใจ อาจจะฟังดูแปลกประหลาดไปหน่อยแต่ผมกลับชอบที่เธอมองมาที่ผมด้วยสายตาแบบนั้น เพราะลึกๆในใจผมมีความรู้สึกว่าเธอก็ไม่ได้กลัวผมมากมายเสียหน่อย
และอีกอย่าง.. ไม่ใช่ทุกคนที่เธอจะเปิดเผยความรู้สึกด้วยขนาดนี้
ส่วนใหญ่แล้วเธอมักจะยิ้มแย้มอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นการที่ได้เห็นคุณคิโชวอินมีอารมณ์อย่างอื่นบ้าง(โดยเฉพาะกับผมคนเดียว)นับเป็นเรื่องที่น่าดีใจอย่างยิ่ง
แล้ววันหนึ่งคุณคิโชวอินก็รู้จักยูกิโนะ เธอชอบยูกิโนะมากๆ มากเสียจนคุยกับผมด้วยท่าทีผ่อนคลายมากกว่าที่เคย
คุณคิโชวอินที่คอยเก็บงำความรู้สึกไว้เสมอ คราวนี้ยิ้มด้วยรอยยิ้มเหมือนเมื่องานซัมเมอร์ปาร์ตี้วันนั้น แววตามีร่องรอยของความสุขใจ
ผมไม่ได้เห็นรอยยิ้มและแววตาของเธอแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ
ในใจลึกๆ ผมอดอิจฉายูกิโนะไม่ได้ที่เป็นคนทำให้เธอมีความสุขขนาดนี้
เหลือบมองใบหน้าของเธอที่อยู่ด้านข้าง อยู่ใกล้ถึงเพียงนี้แต่ไม่สามารถบอกอะไรออกไปได้ ช่างเป็นระยะห่างที่แสนอึดอัดใจ
ทั้งๆที่ชอบมากมายถึงเพียงนี้ ผมก็ยังคงไม่สามารถเข้าใกล้คุณคิโชวอิน
เพราะชอบมากมายถึงเพียงนี้ ผมถึงไม่สามารถเข้าใกล้คุณคิโชวอิน
แค่เห็นหน้าเธอ ผมก็ไม่รู้จะทำตัวยังไง ในใจมันเงอะงะไปหมด ถึงภายนอกผมจะดูสบายๆก็เถอะ
หยิบยกเรื่องที่ผมได้จากการสังเกตคุณคิโชวอินมาพูดคุยเล่น ถ้าหากไม่ใช่เรื่องยูกิโนะแล้ว คุณคิโชวอินก็มีสายตาบ่งบอกว่าระแวงผมเสียอย่างนั้น
คิดอะไรของคุณน่ะคุณคิโชวอิน..
แต่ผมพบว่า ผมชอบช่วงเวลาที่อารมณ์ของเธอเปลี่ยนไปมาเหลือเกิน โดยเฉพาะอารมณ์และสีหน้าของคุณคิโชวอินที่ไม่มีใครเคยได้เห็น มีแค่ผมเท่านั้นที่รู้จัก
ความคิดที่ว่าผมอยากเป็นคนที่เธอคอยมาแบ่งปันความรู้สึกในแต่ละวันผ่านเข้ามาในหัว
อยากให้พึ่งพาตัวผมให้มากกว่านี้สักหน่อย เราเป็นถึง….?
นั่นสินะ เราเป็นอะไรกัน ผมรู้จักกับคุณคิโชวอินมามากกว่าสิบปีแต่ระยะห่างระหว่างเราก็ไม่ได้ใกล้เคียงคำว่าเพื่อนเลยแม้แต่น้อย
เมื่อคิดเช่นนี้ ผมก็แอบท้อใจอยู่บ้าง
มีข่าวลือระหว่างเราสองคนอยู่บ้างแต่ถึงกระนั้นก็โดนคุณคิโชวอินปฏิเสธไปทุกครั้ง
ไม่เห็นต้องจริงจังขนาดนั้นเลยนี่นา… ปล่อยไว้แบบนั้นแล้วตกหลุมรักผมก็ได้นะคุณคิโชวอิน
แล้วก็มีวันที่ผมต้องอิจฉาน้องชายตัวเอง ยูกิโนะได้เต้นรำกับคุณคิโชวอินด้วยล่ะ ผมอยากเต้นด้วยจังเลย ถ้าไปขอแลกคู่ คุณคิโชวอินจะตอบตกลงมั้ยนะ แต่ถ้าเป็นคุณคิโชวอินแล้วล่ะก็คงจะตอบปฏิเสธแน่ๆเลย ในขณะที่ผมละล้าละลังอยู่นั้นเสียงเพลงก็จบลง ผมถอนหายใจอย่างเซ็งๆแล้วเดินไปหายูกิโนะกับคุณคิโชวอิน
ผมไม่ชอบตัวเองที่ขี้ขลาดแบบนี้เลย แต่ก็เพราะเป็นเรื่องของคุณคิโชวอิน ผมถึงได้ขี้ขลาดแบบนี้ ถ้าหากเผลอหลุดปากอะไรออกไปแค่นิดเดียว คุณคิโชวอินคงหายจากผมไปตลอดกาล
แต่ละวันของผมจบลงไปด้วยคำว่า ‘ถ้าได้สารภาพรักออกไปคงดีไม่น้อย..’