>>620 มาต่ออีก จอมมารช่างกล้าพูดนะว่าไม่จนตรอกหักธงตัวเองไปกี่รอบล่ะฮ่ะ ธิดามารจัดการมันเลยค่ะ!!
.................................................................................
“...............”
“..............”
ทาคามิจิที่หน้าเหมือนรูปปั้นท้าวจตุโลกบาลหน้าศาลเจ้า อยู่ๆก็สูดหายใจเข้า หายใจออกเหมือนกับพยายามกดอารมณ์ตัวเองลง
“ที่ว่าถึงจะพยายามแค่ไหนถ้าไม่มีคนเห็นคุณค่าก็เปล่าประโยชน์สินะคะ”
อ่า...ผมขอถอนคำพูดเรื่องที่ทาคามิจิพยายามกดอารมณ์ตัวเองลงนะ ไอ้ท่าเมื่อกี๊มันเป็นท่าเรียกแรงฮึดก่อนปล่อยระเบิดลูกใหญ่ อุ..รู้สึกเหมือนไปเปิดกล่องต้องห้ามแพนโดร่าเข้ามาเลย
“เหมือนกับคุณเอ็นโจ ที่พยายามทำกับคุณคิโชวอินใช่ไหมคะ? ไม่ว่าทำยังไงเธอก็ถอยหนี ไม่ว่าพูดคำหวานไปเท่าไหร่เธอก็ระแวง ไม่ว่าพยายามกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เธอก็ไม่แล ไม่เข้าใจความรู้สึกของคุณเลยสินะ”
เสียงทาคามิจิเริ่มมีน้ำเสียงที่เย็นขึ้นเรื่อยๆ กับคำพูดที่คมบาดเข้าจิตใจผมอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
“แต่มันก็เป็นบทลงโทษที่เหมาะกับคุณดีนะ สำหรับคนที่ใช้ความรู้สึกของคนอื่นเป็นเครื่องมือก่อนน่ะ” อยู่ๆ ทาคามิจิก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเลื่อนอะไรสักอย่าง
“นี่คุณเอ็นโจรู้หรือเปล่า การสร้างความเชื่อใจในสายสัมพันธ์มันเป็นสิ่งสำคัญมากนะ ถ้าหมดไปแล้วถึงทำดีแค่ไหนมันก็ไม่ฟื้นคืนมาหรอก มีแต่สร้างความระแวงกันก็เท่านั้น”
ทาคามิจิโชว์รูปในมือถือของเธอให้ผมดู......รูปนั่น...
เป็นรูปที่คุณคิโชวอินยิ้มอย่างสดใสกับตุ๊กตาเมอแรงค์รูปเด็กผู้หญิงผมม้วน......
…..อิจฉาหรือปล่า? อิจฉาสิน่ะ คุณคิโชวอินยิ้มแบบนี้กับชั้น แล้วก็กับคนอื่นๆ ที่....... “ไม่ใช่คุณ” .....
ผมเข้าใจสิ่งที่ทาคามิจิพูด คุณคิโชวอินไม่ใช่พวกผู้หญิงที่เห็นแก่ตัวแบบนั้น ถ้าผมไม่ใช้หนี้บุญคุณกับคุณคิโชวอิน มีความจริงใจกับเธอมากกว่านี้ สร้างความเชื่อใจกับเธอผมคงได้เห็นรอยยิ้มที่สดใสแบบที่ทาคามิจิได้เห็นจากคุณคิโชวอินบ่อยครั้ง ผมก้มหน้านิ่งเงียบจนทาคามิจิเก็บโทรศัพท์ไป