ลงฟิคเจิมกระทู้ หายกันไปนานกับฟิคนี้คิดถึงกันมั้ย
กาลครั้งหนึ่งในฝัน >>>/webnovel/3543/571-573
----------------
จวนจะค่ำแล้ว สองข้างทางเริ่มเปิดไฟตกแต่งคริสต์มาส สีสันหลากหลายขับให้ยามราตรีดูมีชีวิตชีวา บรรยากาศเลยงดงามเหมือนล่องลอยอยู่ในความฝัน มองไปทางไหนก็เห็นแต่คู่รักเดินควงแขนกันมาดูไฟประดับด้วยกันทั้งนั้นเลยล่ะค่ะ
คู่รักงั้นเหรอ
ฉันมองเอ็นโจที่นั่งอยู่ข้างๆ นึกไม่แน่ใจในความสัมพันธ์ที่กำลังเป็นอยู่นี้ จะบอกว่าเป็นเพื่อนมันก็ไม่มีเพื่อนที่ไหนเขาทำกันแบบนี้หรอกนะคะ
หรือเอ็นโจจะชอบฉันเหรอ
ความคิดนี้ทำให้ฉันตัวแข็งค้าง ชาวาบจากหัวลงไปถึงปลายนิ้ว
ไม่จริงหรอกน่า เอ็นโจเนี่ยนะจะมาชอบคนอย่างฉัน
ฉันไม่รู้ว่าหมอนี่คิดอะไรอยู่กันแน่ ผู้ชายคนนี้น่ะเป็นจอมเจ้าเล่ห์ ถ้าไม่ระวังตัวก็จะถูกแกล้งเอานะ ถ้าเผลอก็ต้องติดหนี้บุญคุณนะ เหมือนปีศาจไม่มีผิด
แล้วทำไมในฝัน ฉันถึงตกลงแต่งงานกับเอ็นโจได้นะ
หรือฉันจะรักเขา
รัก!?
ความคิดนี้น่ากลัวยิ่งกว่าตอนที่คิดว่าเอ็นโจจะชอบคนอย่างฉันอีกนะคะ
“คิดอะไรอยู่เหรอ” เอ็นโจถามฉันพร้อมกับยิ้มน้อยๆ
“ปะ เปล่าค่ะ เปล่า” ฉันหันหน้าไปทางอื่นเพราะเดี๋ยวจะถูกอ่านใจ ต้องหาทางเบี่ยงเบนความสนใจจากเรื่องนี้โดยด่วน
แต่กำลังคิดว่าจะพูดอะไรดี รถก็เลี้ยวไปในทิศทางที่ไม่ใช่ทางกลับบ้านของฉัน แล้วก็ไม่ใช่ทางไปบ้านของเอ็นโจด้วย
เหมือนเอ็นโจจะรู้ว่าฉันคิดอะไร เพราะพูดขึ้นมา
“มีที่หนึ่งที่อยากพาไปน่ะ”
ฉันกระพริบตาปริบๆอย่างไม่เข้าใจ จะพาฉันไปไหนเนี่ย ภัตตาคารเหรอ แต่เมื่อกี้ก็ทานข้าวหน้าไก่กับไข่แล้วก็ขนมบ้านวาคาบะจังกันมาแล้วนะ ยังอิ่มอยู่เลยอ่ะ
เอ็นโจหัวเราะแล้วบีบมือฉันเบาๆ รู้สึกมือนั้นจะสั่นหน่อยๆด้วยล่ะ ตื่นเต้นอะไรอยู่รึเปล่านะ
.
.
.
.
นั่งรถกันนานพอสมควร ผ่านสองข้างทางที่ประดับไฟและสถานที่เดทยอดนิยมในวันคริสต์มาสมาหลายที่ แต่เอ็นโจไม่ได้พาแวะไปที่พวกนั้นเลย เหมือนจะออกมาแถวๆชานเมืองโตเกียวตรงไหนซักแห่ง
มาทำไมกันนะ
“ถึงแล้วล่ะ”
เอ็นโจจับมือฉันให้ลงจากรถ เดินบนฟุตบาทที่ไม่ได้ตกแต่งอะไร มีแต่ต้นแปะก๊วยสองฟากฝั่งถนนห้อยระย้าลงมาปกคลุมเหมือนซุ้มให้เดินลอดผ่าน ใบแปะก๊วยที่หล่นเกลื่อนกลาดพื้นเหมือนพรมสีเหลืองทองที่ปูลาด แถวนี้เงียบสงบมากแทบไม่มีใครผ่านมา ทั้งที่คริสต์มาสน่าจะมีคนเยอะแท้ๆ
เอ๊ะ!! หมอนี่จะหลอกฉันมาฆาตกรรมรึเปล่าคะ ที่ผ่านมาก็ทำไม่ดีไว้ตั้งเยอะ แย่แน่ๆ ต้องแย่แน่ๆค่ะ
ฉันเดินไประแวงไป อยากจะดึงมือออกแล้ววิ่งหนี แต่เอ็นโจสอดประสานมือฉันอยู่แบบนี้ ปิดโอกาสหนีโดยสิ้นเชิง แถมสุขภาพข้อเท้าก็ไม่เป็นใจอีก ทำได้แค่เดินช้าๆก็เท่านั้นเอง
มองไปรอบๆ ทิวทัศน์แถวนี้มันคุ้นๆอยู่นะคะ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
ผ่านซุ้มต้นแปะก๊วยมาได้ ก็ได้เห็นโบสถ์คริสต์ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า เสียงระฆังดังเหง่งหง่างท่ามกลางความเงียบของกลางคืน และภาพในความฝันก็กลับมาอีกครั้ง
สถานที่ที่ล้อมรอบไปด้วยดอกไม้ที่บานสะพรั่งและกลีบดอกไม้ที่ล่องลอยอยู่ในสายลม แสงแดดก็อบอุ่นและอากาศที่เป็นใจไร้อุปสรรคราวกับถูกกำหนดให้เป็นแบบนั้น
ฉันที่ยืนอยู่หน้าประตูโบสถ์ในชุดเจ้าสาวสีขาวแทบจะเอาหน้าซุกลงไปในช่อดอกไม้ที่กำลังถืออยู่ ข้างๆกันเป็นท่านพ่อที่ฉันควงแขนไว้เสียแน่นเหมือนจะหาหลักยึด ข้างหลังก็คือริรินะที่กำลังถือชายกระโปรงชุดแต่งงานอย่างตั้งอกตั้งใจ มาโอะจังกับยูริคุงที่เป็นผู้ถือเทียนเองก็หันมายิ้มให้กำลังใจฉัน ยูกิโนะคุงที่ถือเบาะแหวนก็ยิ้มด้วย
ประตูโบสถ์ถูกเปิดออก และทุกคนก็ยืนต้อนรับฉันเข้าไปข้างใน ท่านพี่ ท่านอิมาริ ตรงที่นั่งเพื่อนเจ้าสาวมีวาคาบะจัง เซริกะจัง คิคุโนะจัง อายาเมะจัง รุเนะจัง ซากุระจัง ท่านฟุยุโกะ ท่านซาราระ ท่านไอระ ท่านยูริเอะ ซาโตมิคุง หัวหน้าห้อง อิวามุโระคุง…..ทุกคนมีรอยยิ้มกว้างแสดงความยินดี บรรยากาศข้างในสดใส อบอวลด้วยความสุข
ท่านพ่อพาฉันเดินไปตามทางเดินตรงกลางที่ทอดยาวในโบสถ์ ข้างๆแท่นพิธีคือคาบุรากิที่นั่งดีดออร์แกนอยู่ ยูกิโนะคุงก้าวไปยืนข้างๆบาทหลวง ส่วนท่านพ่อส่งมือฉันไปหามือเอ็นโจที่ยื่นออกมา
แต่พอกระพริบตา สถานที่ที่สว่างไสวนั้นก็หายไป มีแค่ฉันกับเอ็นโจที่ยืนอยู่ตรงบันไดหินขั้นแรก
นี่มันโบสถ์ที่ใช้แต่งงานในความฝันไม่ใช่เหรอคะ
ฉันหันมองเอ็นโจ แต่เอ็นโจแหงนหน้ามองโบสถ์ด้วยรอยยิ้มน้อยๆ
“คุณคิโชวอิน”
“เอ่อ คะ คะ”
“ผมอยากจะพูดอะไรกับคนคนหนึ่งน่ะครับ” เอ็นโจหันมายิ้มให้ฉัน “แต่ว่าบางคำมันก็ค่อนข้างจะติดขัด ถ้าพูดตะกุกตะกักคงไม่ดี ก็เลยอยากลองดูก่อน”
“เอ๋” ฉันเลิกคิ้วขึ้นกับท่าทางแบบนั้น