Fanboi Channel

ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการขี่โพนี่พุ่งทะยานข้ามแดนไปหาเจ้าชาย [หน้าตาสมัยศตวรรษที่ 19]

Last posted

Total of 1000 posts

5 Nameless Fanboi Posted ID:qHP9M778s

ลงฟิคเจิมกระทู้ หายกันไปนานกับฟิคนี้คิดถึงกันมั้ย
กาลครั้งหนึ่งในฝัน >>>/webnovel/3543/571-573
----------------

จวนจะค่ำแล้ว สองข้างทางเริ่มเปิดไฟตกแต่งคริสต์มาส สีสันหลากหลายขับให้ยามราตรีดูมีชีวิตชีวา บรรยากาศเลยงดงามเหมือนล่องลอยอยู่ในความฝัน มองไปทางไหนก็เห็นแต่คู่รักเดินควงแขนกันมาดูไฟประดับด้วยกันทั้งนั้นเลยล่ะค่ะ

คู่รักงั้นเหรอ

ฉันมองเอ็นโจที่นั่งอยู่ข้างๆ นึกไม่แน่ใจในความสัมพันธ์ที่กำลังเป็นอยู่นี้ จะบอกว่าเป็นเพื่อนมันก็ไม่มีเพื่อนที่ไหนเขาทำกันแบบนี้หรอกนะคะ

หรือเอ็นโจจะชอบฉันเหรอ

ความคิดนี้ทำให้ฉันตัวแข็งค้าง ชาวาบจากหัวลงไปถึงปลายนิ้ว

ไม่จริงหรอกน่า เอ็นโจเนี่ยนะจะมาชอบคนอย่างฉัน

ฉันไม่รู้ว่าหมอนี่คิดอะไรอยู่กันแน่ ผู้ชายคนนี้น่ะเป็นจอมเจ้าเล่ห์ ถ้าไม่ระวังตัวก็จะถูกแกล้งเอานะ ถ้าเผลอก็ต้องติดหนี้บุญคุณนะ เหมือนปีศาจไม่มีผิด

แล้วทำไมในฝัน ฉันถึงตกลงแต่งงานกับเอ็นโจได้นะ

หรือฉันจะรักเขา

รัก!?

ความคิดนี้น่ากลัวยิ่งกว่าตอนที่คิดว่าเอ็นโจจะชอบคนอย่างฉันอีกนะคะ

“คิดอะไรอยู่เหรอ” เอ็นโจถามฉันพร้อมกับยิ้มน้อยๆ

“ปะ เปล่าค่ะ เปล่า” ฉันหันหน้าไปทางอื่นเพราะเดี๋ยวจะถูกอ่านใจ ต้องหาทางเบี่ยงเบนความสนใจจากเรื่องนี้โดยด่วน

แต่กำลังคิดว่าจะพูดอะไรดี รถก็เลี้ยวไปในทิศทางที่ไม่ใช่ทางกลับบ้านของฉัน แล้วก็ไม่ใช่ทางไปบ้านของเอ็นโจด้วย

เหมือนเอ็นโจจะรู้ว่าฉันคิดอะไร เพราะพูดขึ้นมา

“มีที่หนึ่งที่อยากพาไปน่ะ”

ฉันกระพริบตาปริบๆอย่างไม่เข้าใจ จะพาฉันไปไหนเนี่ย ภัตตาคารเหรอ แต่เมื่อกี้ก็ทานข้าวหน้าไก่กับไข่แล้วก็ขนมบ้านวาคาบะจังกันมาแล้วนะ ยังอิ่มอยู่เลยอ่ะ

เอ็นโจหัวเราะแล้วบีบมือฉันเบาๆ รู้สึกมือนั้นจะสั่นหน่อยๆด้วยล่ะ ตื่นเต้นอะไรอยู่รึเปล่านะ

.
.
.
.

นั่งรถกันนานพอสมควร ผ่านสองข้างทางที่ประดับไฟและสถานที่เดทยอดนิยมในวันคริสต์มาสมาหลายที่ แต่เอ็นโจไม่ได้พาแวะไปที่พวกนั้นเลย เหมือนจะออกมาแถวๆชานเมืองโตเกียวตรงไหนซักแห่ง

มาทำไมกันนะ

“ถึงแล้วล่ะ”

เอ็นโจจับมือฉันให้ลงจากรถ เดินบนฟุตบาทที่ไม่ได้ตกแต่งอะไร มีแต่ต้นแปะก๊วยสองฟากฝั่งถนนห้อยระย้าลงมาปกคลุมเหมือนซุ้มให้เดินลอดผ่าน ใบแปะก๊วยที่หล่นเกลื่อนกลาดพื้นเหมือนพรมสีเหลืองทองที่ปูลาด แถวนี้เงียบสงบมากแทบไม่มีใครผ่านมา ทั้งที่คริสต์มาสน่าจะมีคนเยอะแท้ๆ

เอ๊ะ!! หมอนี่จะหลอกฉันมาฆาตกรรมรึเปล่าคะ ที่ผ่านมาก็ทำไม่ดีไว้ตั้งเยอะ แย่แน่ๆ ต้องแย่แน่ๆค่ะ

ฉันเดินไประแวงไป อยากจะดึงมือออกแล้ววิ่งหนี แต่เอ็นโจสอดประสานมือฉันอยู่แบบนี้ ปิดโอกาสหนีโดยสิ้นเชิง แถมสุขภาพข้อเท้าก็ไม่เป็นใจอีก ทำได้แค่เดินช้าๆก็เท่านั้นเอง

มองไปรอบๆ ทิวทัศน์แถวนี้มันคุ้นๆอยู่นะคะ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

ผ่านซุ้มต้นแปะก๊วยมาได้ ก็ได้เห็นโบสถ์คริสต์ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า เสียงระฆังดังเหง่งหง่างท่ามกลางความเงียบของกลางคืน และภาพในความฝันก็กลับมาอีกครั้ง

สถานที่ที่ล้อมรอบไปด้วยดอกไม้ที่บานสะพรั่งและกลีบดอกไม้ที่ล่องลอยอยู่ในสายลม แสงแดดก็อบอุ่นและอากาศที่เป็นใจไร้อุปสรรคราวกับถูกกำหนดให้เป็นแบบนั้น

ฉันที่ยืนอยู่หน้าประตูโบสถ์ในชุดเจ้าสาวสีขาวแทบจะเอาหน้าซุกลงไปในช่อดอกไม้ที่กำลังถืออยู่ ข้างๆกันเป็นท่านพ่อที่ฉันควงแขนไว้เสียแน่นเหมือนจะหาหลักยึด ข้างหลังก็คือริรินะที่กำลังถือชายกระโปรงชุดแต่งงานอย่างตั้งอกตั้งใจ มาโอะจังกับยูริคุงที่เป็นผู้ถือเทียนเองก็หันมายิ้มให้กำลังใจฉัน ยูกิโนะคุงที่ถือเบาะแหวนก็ยิ้มด้วย

ประตูโบสถ์ถูกเปิดออก และทุกคนก็ยืนต้อนรับฉันเข้าไปข้างใน ท่านพี่ ท่านอิมาริ ตรงที่นั่งเพื่อนเจ้าสาวมีวาคาบะจัง เซริกะจัง คิคุโนะจัง อายาเมะจัง รุเนะจัง ซากุระจัง ท่านฟุยุโกะ ท่านซาราระ ท่านไอระ ท่านยูริเอะ ซาโตมิคุง หัวหน้าห้อง อิวามุโระคุง…..ทุกคนมีรอยยิ้มกว้างแสดงความยินดี บรรยากาศข้างในสดใส อบอวลด้วยความสุข

ท่านพ่อพาฉันเดินไปตามทางเดินตรงกลางที่ทอดยาวในโบสถ์ ข้างๆแท่นพิธีคือคาบุรากิที่นั่งดีดออร์แกนอยู่ ยูกิโนะคุงก้าวไปยืนข้างๆบาทหลวง ส่วนท่านพ่อส่งมือฉันไปหามือเอ็นโจที่ยื่นออกมา

แต่พอกระพริบตา สถานที่ที่สว่างไสวนั้นก็หายไป มีแค่ฉันกับเอ็นโจที่ยืนอยู่ตรงบันไดหินขั้นแรก

นี่มันโบสถ์ที่ใช้แต่งงานในความฝันไม่ใช่เหรอคะ

ฉันหันมองเอ็นโจ แต่เอ็นโจแหงนหน้ามองโบสถ์ด้วยรอยยิ้มน้อยๆ

“คุณคิโชวอิน”

“เอ่อ คะ คะ”

“ผมอยากจะพูดอะไรกับคนคนหนึ่งน่ะครับ” เอ็นโจหันมายิ้มให้ฉัน “แต่ว่าบางคำมันก็ค่อนข้างจะติดขัด ถ้าพูดตะกุกตะกักคงไม่ดี ก็เลยอยากลองดูก่อน”

“เอ๋” ฉันเลิกคิ้วขึ้นกับท่าทางแบบนั้น

6 Nameless Fanboi Posted ID:qHP9M778s

อะไรกันเนี่ย เอ็นโจก็มีช่วงเวลาที่ไม่มั่นใจในตัวเองด้วยงั้นเหรอ

“คุณคิโชวอินช่วยรับฟังหน่อยได้รึเปล่าครับ”

ถูกจ้องหน้าแบบนี้มีหรือที่ฉันจะตอบอะไรได้ พอฉันพยักหน้าเอ็นโจก็สูดลมหายใจเข้าลึก ปล่อยมือฉันออก ก้าวขึ้นบันไดหินไปช้าๆ หยุดนิ่งบนขั้นบันไดสุดท้าย ไม่หันกลับมา

ฉันมองตามแผ่นหลังนั่นด้วยความรู้สึกสับสน

“ตอนที่ผมอายุหกขวบ ผมได้พบกับคนคนหนึ่ง”

“ค่ะ”

“ผมสนใจเธอตั้งแต่แรกเห็น แต่ผมเป็นแค่เด็กงี่เง่า ไม่รู้จะเข้าหายังไง ก็เลยทำตัวไม่ดีกับเธอไปหลายอย่าง”

“งั้นหรือคะ”

อย่างนายเนี่ยนะ เข้าหาสาวไม่เป็น พูดเรื่องตลกอยู่รึไง

“รู้ตัวอีกที เธอก็กลัวและหนีผมไปไกลแสนไกลแล้ว”

ก็สมควรอยู่หรอกค่ะ

“ผมเลยพยายามอย่างมาก จนบางทีก็ท้อ แต่ถึงจะท้อยังไงก็ไม่อยากจะยอมแพ้”

โอ้ มุ่งมั่นดีจังเลยค่ะ

“และผมพยายามจะบอกความรู้สึก แต่ติดอยู่ตรงที่ไม่รู้เธอได้ฟังแล้วจะเข้าใจรึเปล่าน่ะสิครับ”

“เอ่อ ถ้าท่านเอ็นโจมุ่งมั่นขนาดนี้ ฉันคิดว่าเธอคนนั้นได้รับฟังและต้องเข้าใจแน่นอนค่ะ”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีสิ ผมน่ะ ทำอะไรให้เธอไปหลายอย่าง ไม่เคยทำแบบนี้กับใคร แต่เธอก็ไม่รู้ตัวสักทีว่าผมน่ะชอบเธอ”

“แหม”

ฉันหัวเราะฝืดๆในใจ มีผู้หญิงที่เอ็นโจไปทำแบบนั้นด้วยงั้นเหรอ หนอย เจ้าคนจากหมู่บ้านคาสโนว่านี่อันตรายชะมัด

พอคิดขึ้นมาก็อดที่จะโกรธไม่ได้ ที่เดทวันนี้ ก็เป็นการซ้อมเพื่อไปทำกับผู้หญิงคนนั้นใช่มั้ยล่ะ

แย่ล่ะสิ โกรธจนรู้สึกเหมือนจะร้องไห้แล้ว

ขอบตาฉันร้อนผ่าว ฉันหันหลังให้เอ็นโจทันที ยกมือปาดน้ำตาที่เริ่มจะปริ่มๆขอบตา ถึงยังไงฉันก็จะไม่ยอมให้หมอนี่เห็นน้ำตาของฉันแน่ๆล่ะ

“คุณคิโชวอิน”

“ค่ะ ค่ะ ฟังอยู่ค่ะ พูดต่อสิคะ”

“ผมก็คิดวิธีพูดตั้งหลายวิธี แต่ไม่ค่อยเข้าท่าเลย คุณคิโชวอินเองก็เป็นที่ปรึกษาความรักให้ใครหลายคนอยู่นี่นา คิดว่าผมควรจะทำยังไงดีน้า ขอคำแนะนำหน่อยสิ”

ฉันปาดน้ำตาออกแล้วหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับเอ็นโจที่ยืนอยู่บนบันได นับหนึ่งถึงสิบในใจอย่างต้องอดทนอดกลั้น

จะร้องไห้ไม่ได้นะ ห้ามเด็ดขาด อดทนไว้นะตัวฉัน

“ถ้าท่านเอ็นโจพูดขนาดนั้นแล้วล่ะก็ การได้พูดตรงๆออกไปต่อหน้า ฉันเชื่อว่าเธอคนนั้นจะต้องดีใจมากแน่นอนค่ะ”

“ก็....กำลังพูดอยู่นี่ไงครับ”

“เอ๋!?”

ฉันอ้าปากค้าง ถ้าถืออะไรไว้ในมือคงทำร่วงไปแล้ว

“คุณคิโชวอินครับ ก่อนหน้านั้น ผมฝัน….”

เอ็นโจแหงนหน้ามองโบสถ์พร้อมกับรอยยิ้ม พูดด้วยเสียงเรียบเรื่อยเหมือนพูดถึงลมฟ้าอากาศ

“...ฝันว่าได้มายืนตรงนี้กับคนที่ผมรัก ในฝันผมแต่งงานกับเธอ บอกรักเธอ สาบานว่าจะอยู่กับเธอไปชั่วชีวิต”

เอ๋!! แต่งงานในฝัน!?

หมายความว่ายังไงกันคะ เอ็นโจฝันว่าได้แต่งงานในที่นี้เหมือนกันกับฉันอย่างนั้นเหรอ

เอ็นโจหันมายิ้มน้อยๆให้ฉัน

“คุณคิโชวอินช่วยทำให้ฝันนั้นเป็นจริงจะได้รึเปล่าครับ”

หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นมากับคำพูดนั้น สองข้างแก้มร้อนซู่เหมือนความร้อนในร่างมารวมกันอยู่บนใบหน้า นี่เพราะอากาศที่หนาวเย็นใช่มั้ยคะ!! ไม่ใช่เพราะฉันกำลังเขินใช่มั้ยคะ!!!

“ไม่ต้องรีบตอบก็ได้”

เอ็นโจเดินลงจากบันไดช้าๆ ฉันมองตามด้วยความสับสนและไม่แน่ใจ เสแสร้งแกล้งทำเหรอ หรือคิดว่าฉันไม่มีใครในวันคริสต์มาสเลยแกล้งเล่น ห๊ะ!!

“ท่านเอ็นโจ”

7 Nameless Fanboi Posted ID:qHP9M778s

เมื่อถูกเรียก เอ็นโจก็หยุดนิ่ง แต่ไม่หันกลับมา

“ครับ”

“เมื่อกี้นี้ หมายความว่ายังไงคะ” บอกสิว่าแกล้งเล่น ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ฉันคง…….

“เราต้องพูดความจริงในวันคริสต์มาสครับ”

“ไม่เห็นเคยได้ยินเรื่องแบบนั้นเลยค่ะ”

“งั้นก็ถือซะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วกันนะ”

“ทำได้ซะที่ไหนล่ะคะ พูดออกมาแล้วจะให้ปล่อยผ่านไปอย่างนั้นเหรอ”

“.......”

“แล้วก็หันมาคุยกันก่อนสิคะ” ฉันเดินเข้าไปใกล้ เอ็นโจก็ยิ่งถอยห่างไปเรื่อยๆ

“คุ...คุณคิโชวอิน อย่าเข้ามาใกล้มากไปกว่านี้เลยครับ” น้ำเสียงเอ็นโจดูร้อนรนกว่าปกติ พูดจาก็ตะกุกตะกักแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“เป็นอะไรไปคะ ท่านเอ็นโจ”

“ขอร้องล่ะ”

“ไม่สบายเหรอคะ”

“......”

“ท่านเอ็นโจ” ฉันก้าวเข้าไปประชิดตัวเอ็นโจ หมอนั่นสะดุ้งเฮือกแล้วรีบก้มหน้าก้มตาลง เอ๊ะ อะไรกันนักกันหนายะ

ฉันก้มตัวตาม เอียงคอมองคนที่กำลังก้มหน้าอยู่แล้วก็ได้เห็น

ใบหน้าของเอ็นโจแดงก่ำเหมือนเลือดไหลมารวมกันอยู่ตรงนั้นทั้งหมด สีแดงนั้นลามไปถึงใบหู ปากก็ดูจะสั่นๆ ตาจ้องเป๋งมองพื้นไม่สบตาฉัน

เอ๋!!!

เอ็นโจหน้าแดงเนี่ยนะ อะไรเนี่ย หมายความว่ายังไงกัน ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้เห็นหมอนี่หน้าแดงหรือเขินอายกับเขาด้วย

มือถือ มือถืออยู่ไหนอะ ขอถ่ายรูปก่อนได้มั้ย นี่มันโมเมนต์หายากเลยนะเนี่ย

“อย่ามองเลยครับ” เอ็นโจยกมือมาปิดหน้าตัวเองแต่ก็ปิดไม่มิด

“ท่านเอ็นโจ….” ฉันควานมือไปข้างๆตัว อ้าว ลืมไปว่ากระเป๋าอยู่บนรถนี่นา “หน้าแดงเชียว...เขินอยู่งั้นเหรอคะ”

เอ็นโจสะดุ้งเฮือก แล้วหันไปทางอื่น

“มัวแต่หนีแล้วจะคุยกันรู้เรื่องได้ยังไงล่ะคะ หันมานี่ก่อนสิ”

ฉันเข้าไปใกล้ๆ เอ็นโจดูลนลานแตกตื่นแบบเห็นได้ชัด เป็นท่าทีที่คงจะไม่มีวันได้เห็นในยามปกติแน่ๆ

“อะไรกัน คนที่มั่นใจในตัวเองเมื่อกี้หายไปไหนแล้วล่ะ”

โอ๊ย ได้เอาคืนแบบนี้สนุกชะมัดเลยค่ะ

เอ็นโจถอนหายใจออกมา สีหน้าดูสับสน

“น่าสมเพชใช่มั้ยล่ะครับ อุตส่าห์คิดว่าจะพูดแบบเท่ๆ แต่ดันมาทำตัวน่าขายหน้าซะได้” หมอนี่เกาคอตัวเอง มองไปทางอื่นไม่ยอมสบตา “จะหัวเราะก็ได้นะครับ”

“ไม่หัวเราะหรอกค่ะ” ฉันทำแค่ยิ้ม จริงๆก็อยากหัวเราะนะ แต่ไม่รู้จะโดนเก็บดอกเบี้ยอาฆาตแค้นอะไรรึเปล่า ก็เลยต้องเก็บไว้ก่อน “แล้ว....จะหันมาพูดกันดีๆได้รึยังคะ”

เอ็นโจค่อยๆหันมา ส่งยิ้มหน้าปูเลี่ยนๆให้ แต่ก็ดีแล้วที่ไม่ใช่ยิ้มขื่นๆแบบที่ชอบทำ

“เมื่อกี้ สารภาพรักสินะคะ” ฉันยื่นนิ้วไปตรงหน้าเอ็นโจที่ทำท่าผงะหงาย “อ๊ะๆ อย่ามาบ่ายเบี่ยงเชียวนะ วันคริสต์มาสต้องพูดความจริงไม่ใช่เหรอคะ”

เอ็นโจนิ่งไปครู่หนึ่งก็พยักหน้า “ก็...ตามนั้นนั่นล่ะ”

“นี่เพี้ยนรึเปล่า คนสวยๆ นิสัยดีๆก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ ฉันแทบจะไม่เคยทำอะไรดีๆให้คุณเลยไม่ใช่รึไง” พูดไปก็รู้สึกว่ากำลังด่าตัวเองอยู่เลยแฮะ แต่ฉันสงสัยจริงๆนะ

หรือหมอนี่จะเป็นมาโซ…..โอ๊ย!! ตายแล้ว ชอบการถูกทรมานทำร้ายจิตใจอย่างนั้นเหรอ

“คนสวยๆหรือนิสัยดีๆพวกนั้นไม่ใช่คุณนี่นา” เอ็นโจยิ้ม แสงไฟจากโบสถ์และต้นคริสต์มาสทำให้บรรยากาศดูอ่อนโยนมาก หยั่งกะในหนังแน่ะ “สำหรับผม คุณเพอร์เฟค”

ฉันหน้าร้อนซู่ขึ้นมาทันที

8 Nameless Fanboi Posted ID:qHP9M778s

อะ….อยู่ๆมาพูดแบบนั้นเนี่ยนะ...ตายแล้ว เจ้าคนหมู่บ้านคาสโนว่านี่….หัวใจฉันเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะแล้วน้า!!!

แต่เอ๊ะ คำพวกนี้มันคุ้นๆอยู่นะ เหมือนเคยได้ยินที่ไหน

“นั่นมันคำพูดจากหนังเรื่อง Love Actually ไม่ใช่เหรอคะ” พอทักไป เอ็นโจก็สะดุ้งเฮือก หันหน้าหนีไปทางอื่นทันที “ไหนว่าไม่ชอบดูหนังรักไงล่ะคะ ท่านเอ็นโจ”

ฉันทำเสียงล้อๆ ยังจำได้อยู่นะยะว่านายเคยพูดอะไรไว้น่ะ

“แล้วยังจะ...เราต้องพูดความจริงในวันคริสต์มาสอีก ก็คำพูดจากหนังเรื่องนี้เหมือนกันนี่นา”

“ดูเป็นเพื่อนมาซายะน่ะ” เอ็นโจก้มหน้าลง ตอบเสียงอุบอิบในลำคอ “เห็นว่ามันดีเลยยืมมาใช้หน่อย…”

“แต่เจ้าของคำพูดก็อกหักนี่นา ไม่กลัวผลลัพธ์ออกมาเป็นแบบนั้นเหรอคะ”

“ก็อยากลองเสี่ยงดูน่ะ...” เอ็นโจค่อยๆเงยหน้าขึ้นทั้งๆที่หน้ายังแดงก่ำ “....แล้ว...คำตอบล่ะครับ”

“เอ๋ อะไรกัน เมื่อกี้ยังบอกว่าไม่ต้องรีบตอบก็ได้อยู่เลยนี่นา” ฉันตั้งแง่บ้าง นานๆจะเป็นผู้ถือไพ่เหนือกว่าก็ต้องเอาให้คุ้ม “ขอไปคิดดูก่อนก็แล้วกันนะคะ”

เอ็นโจพยักหน้าทั้งที่ยังหน้าแดงอยู่อย่างนั้น ไม่พูดอะไรออกมาซักคำ

อุ๊ยตาย วันนี้ดูเชื่องผิดปกติ นี่เพราะเวทมนต์วิเศษของคริสต์มาสรึเปล่าคะ หรือเข้ามาในอาณาเขตของพระเจ้า ปีศาจก็เลยกระเด็นหลุดออกจากร่างไปแล้ว

แต่โอกาสมาให้แกล้งถึงที่ แล้วทำไมต้องปล่อยให้หลุดมือไปด้วยกันล่ะ เห็นเอ็นโจเขินอายหน้าแดงขนาดนี้ ไม่น่าจะมีเรี่ยวแรงมาต่อกรฉันที่อยู่เหนือกว่าได้

“นี่ๆ ท่านเอ็นโจ คริสต์มาสต้องไม่โกหกใช่มั้ยคะ”

เอ็นโจเลิกคิ้วแต่ก็พยักหน้า

“งั้นขอถามหน่อยสิ…” ฉันฉีกยิ้ม รู้สึกสนุกชะมัดเลยค่ะ “....นึกยังไงมาพูดแบบนี้ล่ะคะ”

“เอ่อ...….”

“เอ้า ให้มันแข็งขันหน่อยสิคะ” ฉันกอดอก เชิดหน้าขึ้นหน่อยๆ “มีอะไรอยากพูดก็พูดออกมาเถอะ”

“อยากฟังจริงๆเหรอ” เอ็นโจดูอึกอัก เอาแต่มองไปทางอื่นไม่สบตาอีกแล้ว หน้าที่แดงอยู่แล้วก็แดงหนักเข้าไปใหญ่

ว้าย!!! ความรู้สึกของผู้ที่อยู่เหนือกว่าเป็นแบบนี้เองสินะคะ ไล่ต้อนคนนี่มันสนุกจริงจริ๊ง

“แน่นอนค่ะ”

ฉันที่ยังยิ้มกว้างอยู่ ไม่ทันได้ตั้งตัวเมื่อเอ็นโจก้มหน้ามาใกล้ๆ ริมฝีปากแนบลงกับปากของฉัน

ทุกสิ่ง ดูจะหยุดเคลื่อนไหวไปในทันที

ไม่รู้ว่าเอ็นโจค้างอยู่แบบนั้นนานเท่าไหร่ รู้แต่พอใบหน้านั้นเลื่อนห่างออกไป หน้าฉันก็ร้อนวาบ

“ก็แค่อยากทำแบบนี้กับคุณคนเดียว”

-----------------------

ถึงจะไก่อ่อน แต่ก็ไม่ทิ้งลายของความเป็นจอมมารนะฮ๊าฟฟฟฟ
ตอนหน้าน่าจะเป็นตอนจบแล้ว แต่ถ้าใครอยากต่ออยากแทรกก็เชิญได้เลยไม่ว่ากัน 555555555

9 Nameless Fanboi Posted ID:qHP9M778s

เกือบลืมไป To me you're perfect คือฉากจากหนังเรื่อง Love Actually เป็นฉากการสารภาพรักและอกหักในทันทีเพราะผู้หญิงเขามีสามีแล้ววววว
https://www.youtube.com/watch?v=B7u6bMBlCXw

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.