>>459 ต่อ
“ทาคามิจิ วาคาบะ”
“ค๊า---“
เจ้าตัวตอบกลับมาอย่างอารมณ์ดี ผิดกับผมที่มีความงุนงงอย่างขีดสุด ทาคามิจิกล่าวทักทายผมก่อนเชิญผมนั่งลงตรงเก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามพลางถามผมว่าจะสั่งอะไรไหม? ที่นี่กาแฟอร่อยนะ แต่ผมไม่มีอารมณ์มาดื่มกาแฟตอนนี้หรอกนะ
“ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?” ผมถามออกไปอย่างไม่คิด ก่อนมองมาที่ดอกกุหลาบพันปีสีชมพูที่อยู่บนโต๊ะ ทาคามิจิเป็นคนส่งกระดาษมาหรอหรือว่าเธอโดนข่มขู่เหมือนกับผม?
“การที่ท่านเอ็นโจมาที่นี่แสดงว่าของชิ้นนี้เป็นของคุณเอ็นโจจริงๆ ด้วยสินะคะ” ทาคามิจิพูดจบก็วางชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชิ้นเล็กๆ หลายๆชิ้นที่เหมือนกับของที่ผมได้รับพร้อมกับข้อความนั้น
“ไอ้เจ้าเครื่องดักฟังกับกล้องเข้มที่แอบติดไว้ที่ห้องสภานักเรียนกับห้องเรียนของชั้นน่ะ เผอิญชั้นไปเจอตอนเก็บเอกสารที่ห้องสภานักเรียนก็เลยหาไปเรื่อยๆ จนเจอเครื่องดักฟังกับกล้องรูเข็มหลายชิ้น เข้าใจติดในกรอบรูปนะคะแต่น่าจะเลือกบริเวณดีๆ หน่อย กรอบรูปที่ติดดันสะอาดแต่รูปข้างๆมีฝุ่นจับ ชั้นที่จะเข้าไปทำความสะอาดตรงนั้นก็รู้แล้วล่ะค่ะว่ามันผิดปกติ” ทาคามิจิกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มที่กดดันผู้ฟังที่กระทำความผิดได้ดีทีเดียว
“งั้นเธอก็เป็นคนส่งข้อความกับดอกไม้นี้มาสินะ ไม่คิดว่าเป็นคนอื่นมั่งหรอ? บางทีผมเห็นว่าเป็นเรื่องน่าสนุกเลยมาดูก็ได้” ผมถามพร้อมส่งรอยยิ้มกลับไปแต่ทาคามิจิก็หัวเราะเบาๆ
“ตอนแรกก็ไม่ได้สงสัยคุณเอ็นโจหรอกค่ะ คิดว่าเป็นพวกที่ไม่พอใจสภานักเรียนหรือตัวชั้นด้วยซ้ำว่าคิดดักฟังข้อมูลไปข่มขู่พวกชั้นหรือเปล่า? และถ้าไม่ใช่ของคุณเอ็นโจคงไม่สนใจด้วยซ้ำเพราะพื้นฐานของคุณคือไม่อยากยุ่งเรื่องวุ่นวายชาวบ้านที่ไม่มีผลประโยชน์กับตัวเอง อ่ะ..คุณเอ็นโจลองกินโกโก้มิลล์ของร้านนี้ไหมคะเค้าว่าอร่อยนะแถมกินโกโก้ทำให้อารมณ์ดีขึ้นนะ” ทาคามิจิตอบกลับอย่างร่าเริงพลางเอามือชี้ไปที่มุมปาก ผมเห็นใบหน้าตัวเองที่หยุดยิ้มอย่างไม่รู้ตัวตรงกระจกที่ประดับอยู่ในห้อง พลาดซะแล้วสิ
“เธอต้องการอะไรกันแน่?” ดูท่าจะต่อปากต่อคำหรือเปลี่ยนเรื่องก็คงไม่มีปะโยชน์อะไรต่อหน้าทาคามิจิที่ดูจะรู้เรื่องราวของผมมาระดับหนึ่งสู้พูดกันตรงๆ ถามจุดประสงค์กันเลยดีกว่าซึ่งฝ่ายตรงข้ามเองก็คิดเช่นกัน
“นั้นต้องเป็นคำพูดของชั้นมากกว่าค่ะ คุณต้องการอะไรกันแน่? ไม่สิ....” หล่อนเว้นวรรคหายใจก่อนพูดด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น “คุณต้องการอะไรจากคุณคิโชอิน เรย์กะกันแน่?”
“...........”
“ฉันเป็นคนธรรมดาไม่เข้าใจความคิดพวกตระกูลใหญ่ๆแบบคุณหรอกค่ะ แต่คุณต้องการข่มขู่คุณคิโชอินที่แอบติดต่อสภานักเรียนที่เป็นศัตรูของ Pivoine เพื่อให้เธอทำตามคำขอของคุณเพื่อประโยชน์ของตัวคุณเองหรือคะ? โดยใช้ของพวกนี้เป็นการแบล็คเมล์เธอ”
“...........”
“ข่มขู่ว่าเธอเป็นสปายสินะ ให้คุณคิโชอินหวาดกลัว ให้คิดว่าทุกคนต้องทอดทิ้งเธอเพราะเธอเป็นคนทรยศทั้งที่จริงที่คุณคิโชอินติดต่อกับสภานักเรียนเพื่อช่วยลดการบาดหมางระหว่าง Pivoine กับนักเรียนกลุ่มนอกและช่วยเพื่อนๆ ของเธอด้วย ถึงความแตกว่าคุณคิโชอินเป็นสปายก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” ทาคามิจิพูดมาด้วยสีหน้าและรอยยิ้มที่มั่นใจ
“เพราะฉันจะอยู่เคียงข้างคุณคิโชอินและไม่ให้เธอเสียใจอยู่เพียงผู้เดียวเด็ดขาด”
เมื่อทาคามิจิพูดประโยคนั้นออกมา ประโยคที่ผมอยากพูดกับเธอคนนั้นมาตลอด มือของผมก็ขย้ำดอกกุหลาบพันปีที่อยู่ในมืออย่างไม่รู้ตัว
.................................................................................................................
เอาไว้ต่อตอนฟิตนี้แต่งจบก็แล้วกัน น่ะนับถือคนแต่งฟิตคนอื่นจริงๆ พิมพ์แค่นี้ปาไป 3 - 4 ชั่วโมงเลย จนกาวหมดกระป๋องแล้วเนี่ย