Fanboi Channel

ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการขี่โพนี่พุ่งทะยานข้ามแดนไปหาเจ้าชาย [หน้าตาสมัยศตวรรษที่ 19]

Last posted

Total of 1000 posts

159 Nameless Fanboi Posted ID:2KQcGNzsi

เขียนเสร็จไวกว่าที่คิด ลงเลยละกัน
ฟิคเวียนในตำนาน >>>/webnovel/4296/147-149
---------------------------

เพราะแพ้ลูกตื๊อและสายตากดดันของสองคนนั้น ฉันก็เลยยอมๆเล่าออกมาในที่สุด

ทีแรกว่าจะเล่าแค่ตอนไปซื้อเค้กในคาเฟ่กับนายตัวสำรอง แต่เจอสายตาคมปลาบของซากุระจังที่จ้องมาเหมือนจะสื่อว่า “ฉันรู้นะยะว่าเรื่องมันไม่ได้มีแค่นี้” ฉันมันคนใจนกกระจิบ เห็นสายตาพิฆาตแบบนั้นก็จำต้องยกธงขาว

“เป็นคริสต์มาสที่แย่ที่สุดเลย…..”

จากที่จะพูดแค่นิดเดียว ก็กลายเป็นสารภาพหมดเปลือก ตั้งแต่ตอนคุยว่าจะไปทานราเมงกับนายตัวสำรอง เจอเอ็นโจมารอที่หน้าบริษัท ฉันวิ่งหนีลงมาจากรถ ได้ไปทานราเมงกันสามคน แล้วก็จบด้วยการไปร้านเค้กกับนายตัวสำรอง แต่ไปร้านไหนๆก็ไม่มีที่นั่งเลยต้องซื้อเค้กกลับมานั่งทานที่บ้านคนเดียวแบบเฉาๆ

ซากุระจังกับอาโออิจังนั่งฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ ส่วนฉันพอได้ระบายก็รู้สึกโล่งๆขึ้นมาบ้าง แต่พอเล่าจบสองคนนั้นก็ทำหน้าแปลกๆ

“ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่าไงน่ะ”

พอฉันทำหน้าบึ้งใส่ อาโออิจังยิ้มแหยๆเหมือนจะขอโทษ ส่วนซากุระจังยกแก้วน้ำสัปปะรดขึ้นมาจิบ

“แค่คิดว่าเธอนี่โง่รึเปล่า”

“อะไรกัน!! เธอว่าฉันโง่เหรอ ใจร้ายเกินไปแล้วนะ” ฉันหันไปฟ้องอาโออิจัง “ดูสิ ซากุระจังว่าฉันอ้ะ”

“เอาน่าๆ ซากุระจังก็อย่าพูดแรงขนาดนั้นสิ”

“ก็มันจริงมั้ยล่ะ แฟนมารอหน้าบริษัทดันไปควงกับหนุ่มคนอื่นต่อหน้าต่อตา ใครบ้างจะไม่โมโห”

“แล้วหมอนั่นก็เล่นหูเล่นตากับผู้หญิงในร้านด้วยนะ บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกันด้วย ยังไงก็ผิดเห็นๆ”

“ก็ใครใช้ให้เธอพูดว่าไม่ได้เป็นอะไรกันก่อนล่ะ เขาก็ประชดให้น่ะสิ”

“ซากุระจังเป็นเพื่อนฉันไม่ใช่เหรอ ต้องเข้าข้างฉันสิ” ฉันทำแก้มป่องแบบงอนๆ “แล้วอีกอย่าง เอ็นโจก็ไม่ใช่แฟนด้วย”

“จริงอะ แล้วเขาจะมารอหน้าบริษัทในวันคริสต์มาสทำไมล่ะ” ซากุระจังหัวเราะหึๆ “แถมเหตุผลที่หนีลงจากรถก็คือเขาจะจูบอีกต่างหาก ไม่ได้เรื่องเล้ย”

“กะ...ก็ มันทำตัวไม่ถูกนี่นา”

“เป็นจูบแรกของเรย์กะจังงั้นเหรอ” อาโออิจังทำตาโต

“แหมๆ มันคงจะหนักหนาสำหรับเรย์กะนั่นล่ะน้า ฉันเข้าใจ จะให้ข้ามขั้นไปจูบในรถเลยก็เร็วเกินไปสำหรับเด็กน้อย….”

พูดไปซากุระจังก็มองฉันขึ้นๆลงๆไปแล้วก็แสยะยิ้ม

“หนอย!! อย่ามาดูถูกกันนะ กะอีแค่จูบน่ะ ทำมาหลายครั้งแล้วย่ะ”

“เห” ทั้งคู่ประสานเสียงพร้อมกัน

“มีนอกเหนือจากที่เล่าให้ฟังเมื่อคราวก่อนด้วยเหรอ”

ซากุระจังฉีกยิ้มที่เห็นแล้วฉันก็พลันรู้ตัวว่าตกหลุมพรางเข้าจนได้

อ๊าาาาาาา!!!! เมื่อไหร่ฉันจะเลิกนิสัยปากเบา พอเจอคำปรามาสก็หลวมตัวได้ง่ายขนาดนี้ล่ะค้าาาา!!!

“เล่ามาเดี๋ยวนี้!” ซากุระจังเขย่าแขนฉัน ท่าทางตื่นเต้นจัดๆ ทำท่าจะไม่ปล่อยด้วยถ้าไม่ได้อะไรไปจากฉัน ส่วนอาโออิจังช่วยยุส่งอีกแรง

ยะ อย่ากดดันกันสิ!!

160 Nameless Fanboi Posted ID:2KQcGNzsi

จากฝีมือการรีดความลับของซากุระจัง ฉันก็จำต้องคายเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันฮาโลวีนด้วยเหมือนกัน สองคนนั้นอมยิ้มทำท่าเหมือนจะหัวเราะ….อย่าเชียวนะ

“โรแมนติคชะมัด”

“นั่นสิ” อาโออิจังยิ้มกว้าง “จูบกลางสวนดอกไม้ใต้แสงจันทร์นี่ฟังดูวิเศษจังเลยน้า”

“แต่ว่า….”

“ทำไมล่ะ” ซากุระจังเลิกคิ้ว “เขาทำให้เธอรู้สึกไม่ดีงั้นเหรอ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก” ฉันก้มหน้าก้มตาพูดเสียงอุบอิบๆ พอนึกถึงเรื่องนั้นขึ้นมาทีไรก็แก้มร้อนซู่ทุกครั้ง

“แล้วอะไรล่ะยะ”

“ก็...วันนั้น รู้สึกเคลิ้มๆจน...เอ่อ….” ซากุระจังกับอาโออิจังขยับเข้ามาใกล้ๆฉัน ใกล้ไปแล้วนะยะ

“อะไรล่ะ….อย่ายึกยักสิ”

“ก็...เป็นลมไปน่ะ”

สองคนนั้นหัวเราะลั่นห้องเลยค่ะ

แง้!! ถึงจะจองห้องส่วนตัวแต่จะหัวเราะดังขนาดนั้นมันไม่ดีน้าาาาา!!!

อาโออิจังหยุดหัวเราะคนแรก แล้วก็ปรามๆซากุระจังที่ตอนนี้ขำจนน้ำตาไหลแล้ว แต่หน้ายังยิ้มอยู่เลยอะ

ใจร้ายที่สุด!! รู้งี้ไม่เล่าให้ฟังก็ดีหรอก
.
.
.
.

เม้าท์มอยเรื่องนั่นนี่ตามประสาสาวๆกันอย่างเพลิดเพลิน รู้ตัวอีกทีเวลาผ่านไปเกือบสี่ทุ่มครึ่ง ในที่สุดก็ได้เวลาที่ต้องแยกย้าย

ซากุระจังมีอาคิสะวะคุงมารับ แต่อาโออิจังบอกจะกลับรถไฟ ฉันเห็นว่าดึกป่านนี้แล้วเลยอาสาไปส่งถึงที่พักให้เอง อาโออิจังดูเกรงใจทำท่าจะปฏิเสธ แต่ฉันคะยั้นคะยอให้มาด้วยกันจนได้

“อาโออิจังเป็นคนแรกเลยน้า ที่ได้นั่งรถที่ขับโดยฝีมือฉันน่ะ”

“แหม เป็นเกียรติมากเลยล่ะ” อาโออิจังโค้งศีรษะลง “ต้องขอรบกวนด้วยนะคะ”

“ไว้ใจได้เลยค่า” ฉันตะเบ๊ะให้ อาโออิจังก็หัวเราะ

วันนี้ฉันขับรถมาเองเพราะคุณซากามิที่รับส่งฉันประจำลาป่วย ท่านพี่ก็ไม่อยู่ ท่านพ่อกับท่านแม่ก็ใช้คนขับรถอีกคนพาไปงานเลี้ยง ฉันเห็นว่าไม่เหลือบ่ากว่าแรงอะไรก็เลยขับมาเองดีกว่า

เห็นอย่างนี้ฉันก็มีใบขับขี่แล้วนะคะ บางวันก็ขับรถไปที่ทำงานเองด้วย ไม่ใช่มือใหม่หัดขับให้ใครต่อใครเป็นกังวลหรอกนะ แต่เพิ่งเคยให้ใครมานั่งข้างๆนี่ล่ะ

ระหว่างรถติดไฟแดง ฉันเหลือบมองอาโออิจังที่ถือกล่องขนมหวานจากร้านอาหารไทยเมื่อครู่นี้ไว้ ท่าทางทนุถนอมเป็นพิเศษ มีอมยิ้มด้วยล่ะ

“ซื้อฝากที่บ้านเหรอจ๊ะ”

“อ๋อ เปล่าหรอก…...ซื้อไปง้อแฟนน่ะ”

“เอ๋!?”

“ก่อนออกมา เราเถียงกันนิดหน่อย ป่านนี้ไม่รู้จะงอนไปถึงไหนแล้ว ก็เลยว่าจะเอาของหวานไปง้อ...อร่อยสมกับเป็นร้านที่เรย์กะจังแนะนำเลยล่ะ น่าจะได้ผลนะ”

“ทะเลาะกันบ่อยเหรอ”

“โอ๊ย บ่อยจะตาย ทะเลาะกันได้ทุกเรื่องแหล่ะ ส่วนมากก็เรื่องไร้สาระ” อาโออิจังหัวเราะ “แต่เราก็ตั้งกฎไว้ว่าต้องคืนดีกันภายในหนึ่งวัน ใครผิดก็ต้องขอโทษก่อน”

“เห”

“ฉันว่าการที่คนเราทะเลาะกันคือการทำความเข้าใจกันนะ” อาโออิจังมองหน้าฉันยิ้มๆ “มันเป็นทางที่เราจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจเราออกไป พออีกฝ่ายรู้ เราก็มาหาทางแก้ไข ปรับความเข้าใจให้ตรงกันเพื่อที่เราจะได้ไม่ทำผิดพลาดในแบบเดิมอีก…”

“เห…..”

“อ้อ ไฟเขียวแล้วล่ะเรย์กะจัง”

ฉันคว้าเกียร์แบบเงอะงะนิดหน่อย เพราะยังอึ้งๆกับคำตอบของอาโออิจังอยู่ โชคดีที่ถนนนี้โล่ง มีรถฉันจอดติดไฟแดงแค่คันเดียวเลยไม่ถูกบีบแตรไล่จากด้านหลัง

“แล้วทะเลาะกันบ่อยๆนี่ไม่เบื่อบ้างเหรอ”

“เบื่อจะตาย เหนื่อยด้วย แต่ก็ไม่อยากเลิกหรอก”

อาโออิจังก้มหน้าอมยิ้มกับกล่องขนม

“ก็รักนี่นา”

หน้าตาของอาโออิจังที่พูดคำนี้ออกมาดูอ่อนโยนมาก ฉันคิดว่ามันเป็นความรู้สึกที่มาจากใจจริง ฟังแล้วหัวใจเต้นระรัวเหมือนได้ดูหนังรักเลยล่ะค่ะ

“ถ้าแฟนของอาโออิจังได้ยินคงดีใจน่าดู”

“ฮะๆๆๆ หลังทะเลาะกัน เราก็บอกรักกันอยู่นะ อาจจะไม่หวานมาก แต่เข้าใจกันก็พอแล้ว”

“นี่คำพูดเหมือนในหนังรักเด๊ะเลยล่ะ อาโออิจัง”

161 Nameless Fanboi Posted ID:2KQcGNzsi

เราสองคนหัวเราะให้กันอยู่พักหนึ่ง อาโออิจังพออยู่ใกล้ๆแล้วก็ทำให้บรรยากาศสดใสจังเลยน้า

“ฉันว่าคุณคนนั้นของเรย์กะจังก็รอให้เรย์กะจังไปพูดด้วยอยู่นะ” อาโออิจังมองฉันยิ้มๆ “แค่ตรงไปตรงมา บอกเลยว่ารู้สึกยังไงก็พอ ซื่อสัตย์ต่อตัวเองแล้วจะมีความสุขนะ”

“อาโออิจัง”

“เดี๋ยวเลี้ยวซ้ายข้างหน้าก็ถึงแล้วล่ะ” อาโออิจังชี้ให้ดูตึกข้างหน้า เป็นอพาร์ทเมนท์ที่หน้าตาดูดีเลยล่ะ

ฉันจอดตามที่บอก พอลงรถไปอาโออิก็กล่าวขอบคุณ โบกมือให้ฉันอย่างร่าเริงแล้วเดินขึ้นบันไดหายลับไปจากสายตา

ซื่อสัตย์ต่อตัวเองแล้วจะมีความสุขอย่างนั้นเหรอ….

เพลงที่เปิดในรถเปลี่ยนจาก Clair de Lune ของ Debussy ไปเป็น Gnossienne ของ Satie ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ แต่เสียงเปียโนเหงาๆเศร้าๆก็ปลุกให้ฉันตื่นจากภวังค์

หน้าของใครบางคนลอยชัดขึ้นในความคิดอย่างไม่ตั้งใจ

ฉันพยายามไล่ความฟุ้งซ่านออกไปจากหัวตอนขับรถกลับบ้าน และอยู่ๆเสียงมือถือที่เงียบมานานของฉันก็ดังขึ้น ช่วยดึงความสนใจไป...คงจะเป็นท่านพี่ที่โทรหา

แต่ชื่อที่โชว์ขึ้นมากลับเป็น “วาคาบะจัง” ทำให้ฉันแปลกใจอยู่มาก ดึกป่านนี้มีอะไรนะ

พอกดรับสาย เสียงวาคาบะจังก็ดังขึ้น เหมือนกำลังลุกลี้ลุกลนอะไรบางอย่าง

“คุณเรย์กะ ช่วยฉันด้วยค่ะ”
.
.
.
.

ฉันรีบขับรถไปยังโรงแรมในเครือคาบุรากิอีกที่ตามที่วาคาบะจังบอก นึกร้อนใจเรื่องที่อีกฝ่ายโทรหาเอาดึกป่านนี้ ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรแต่ฝั่งนั้นขอความช่วยเหลือมาก็ต้องรีบไปล่ะนะ

วาคาบะจังบอกว่ามาถึงเดี๋ยวก็รู้เอง ฉันก็ได้แต่ภาวนาว่าขอให้ไม่ใช่เรื่องร้ายๆ

จอดรถที่หน้าโรงแรมได้ ฉันก็รีบกดลิฟท์ขึ้นไปยังชั้น 28 พอออกจากลิฟท์ก็ให้ตรงไปข้างหน้าตามที่วาคาบะจังบอกมาทุกอย่าง

ฉันแจ้งกับคนเฝ้าประตูสองคนว่ามาพบคุณวาคาบะ สองคนนั้นก็เปิดประตูให้เข้าไปเลย วาคาบะจังคงบอกไว้ล่วงหน้าแล้ว

ข้างในคือผับหรูหราที่ออกแบบโดยมัณฑณากรดังระดับประเทศ ที่ฉันเคยเห็นในนิตยสารแนะนำที่เที่ยว ของจริงสวยไม่แพ้ในรูปถ่ายเลยล่ะค่ะ

อ๊ะ!!!! นี่ไม่ใช่เวลาชื่นชมความงามซักหน่อย ต้องรีบไปหาวาคาบะจัง

คาบุรากิ!!!! นายปล่อยให้วาคาบะจังมาลำบากในที่แบบนี้ได้ไงยะ เจอหน้าสงสัยต้องเฉ่งกันหน่อยแล้ว

ฉันตรงดิ่งเข้าไปด้านในตามที่วาคาบะจังบอก เป็นส่วนที่กั้นไว้ด้วยฉากกั้นที่เป็นสแตนเลสฉลุลายงดงาม ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวจากสายตาคนอื่น พอฉันเข้าไปก็ได้เห็น

บนโซฟาหนังที่ดูหรูหรา คาบุรากินั่งกอดวาคาบะจังไว้อยู่ เอาหัวซุกไหล่ หลับตาพริ้ม ส่วนวาคาบะจังที่ถูกกอดทำหน้าแหยๆ บนโต๊ะและรอบตัวมีขวดเหล้าเกลื่อนกลาด

ฝั่งตรงข้ามมีร่างที่ดูคุ้นๆนอนฟุบกับโต๊ะ….เอ็นโจนี่นา!!

“คุณเรย์กะ” วาคาบะจังส่งเสียงเรียกเบาๆเหมือนกลัวว่าคาบุรากิจะตื่นขึ้นมา “ช่วยกันหน่อยสิคะ”

“วาคาบะจัง นี่เรื่องเป็นมายังไงกันน่ะ”

“เอ่อ คือว่า….”

วาคาบะจังเล่าอย่างรวบรัดว่าวันนี้คาบุรากิเห็นเอ็นโจดูซึมๆเลยชวนออกมาดื่ม ตอนห้าทุ่มคนของโรงแรมก็โทรไปรายงานว่าคุณชายคาบุรากิเมาแอ๋เดินไม่ตรง แต่พยายามจะห้ามเพื่อนที่เอาแต่กรอกเหล้าเข้าปากไม่หยุด แถมคุณเพื่อนก็ดูตาขวางๆเหมือนพร้อมจะมีเรื่อง ต้องลากมานั่งสงบสติอารมณ์ในมุมด้านในกันนี่ล่ะ

แล้วพอวาคาบะจังมาถึง พวกขี้เมาก็กำลังโหวกเหวกโวยวายได้ที่ รับมือคนเดียวไม่ไหวก็เลยโทรหาฉัน

อ๋อ เข้าใจแล้ว

“จริงๆน่าจะโทรหาคนของตระกูลเอ็นโจจะดีกว่านะคะ ฉันมาก็ทำอะไรไม่ได้หรอก”

“เอ่อ ขอโทษค่ะ ฉันลืมไป” วาคาบะจังยิ้มแหยๆ ทำหน้าเหมือนสำนึกผิด “จะว่าเคยตัวก็ได้นะคะ แต่พอนึกถึงคนที่จะช่วยได้ก็มีแต่คุณเรย์กะนี่ล่ะ”

“งั้นจะช่วยติดต่อบ้านเอ็นโจให้มารับก็แล้วกันนะคะ” ฉันปรายตามองคนที่ฟุบหลับอยู่บนโต๊ะ แถวนี้เหม็นกลิ่นเหล้าชะมัด

“รบกวนด้วยนะคะ”

ฉันทรุดตัวลงนั่งขณะกดโทรศัพท์หาบ้านของเอ็นโจ พ่อบ้านรับสายแล้วก็บอกว่าจะส่งรถมารับภายในสี่สิบนาที พอบอกไปตามนั้น วาคาบะจังก็มีสีหน้าโล่งอก

“งั้น ฉันขอพาคุณมาซายะกลับบ้านก่อนได้มั้ยคะ”

ฉันมองนาฬิกา ตอนนี้เที่ยงคืนแล้วนี่นะ วาคาบะจังก็ดูเพลียๆด้วย ให้กลับไปพักผ่อนดีกว่า

พอฉันพยักหน้า วาคาบะจังก็ปรบมือเรียกให้บอดี้การ์ดที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่แล้วให้เข้ามา โอ้ ท่าทางจะคุ้นชินกับวิถีชีวิตนายหญิงบ้านคาบุรากิแล้วสินะคะ

บอดี้การ์ดสองคนประคองแขนคาบุรากิคนละข้าง ส่วนวาคาบะจังที่เป็นอิสระแล้วก็โค้งหัวให้ฉัน เดินตามคนพวกนั้นไป

162 Nameless Fanboi Posted ID:2KQcGNzsi

ดื่มไปเท่าไหร่กันเนี่ย ถึงได้เมาแอ๋ขนาดนี้ หมดสภาพเอ็นโจที่ฉันเคยรู้จักไปโดยสิ้นเชิงเลยล่ะ

เรียกคนบ้านเอ็นโจมารับแล้ว ฉันก็น่าจะได้เวลากลับเหมือนกัน แต่พอมองคนเมาแล้วก็อดรู้สึกสงสารไม่ได้ ก็เลยคิดว่าจะนั่งรอจนกว่าคนบ้านเอ็นโจจะมารับ...สำนึกบุญคุณด้วยล่ะ

ระหว่างนั่งรอ ฉันก็มองสำรวจว่าเจ้าพวกนี้มันดื่มอะไรกันไปมั่ง ส่วนใหญ่ก็วิสกี้กับรัมที่ดีกรีแรงสุดๆไปเลยทั้งนั้น เห็นแล้วแสบกระเพาะแทน ตัวฉันขอดื่มค็อกเทลหรือโรสไวน์หวานๆสีสวยๆจะดีกว่า

ขณะนั่งสำรวจยี่ห้อเหล้าต่างๆอยู่ ก็รู้สึกถึงอะไรที่เข้ามารัดพันตรงช่วงเอว หันกลับไปก็เห็นเอ็นโจลุกขึ้นมาจากการฟุบหลับตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่หน้าอยู่ใกล้ฉันมาก เหม็นเหล้าสุดๆเลยอะ!!

“ท่านเอ็นโจ”

“เรย์ก่าเหรออ…..” เอ็นโจหรี่ตามอง แล้วก็ยิ้มออกมา ตานี่เยิ้มเชียว แถมเสียงพูดก็อ้อแอ้ฟังไม่รู้เรื่องตามประสาคนเมา “คิดถึงจางงง”

“ปล่อยก่อนเถอะค่ะ”

“ม่ายอาววววววว” เอ็นโจส่ายหน้าไปมาแล้วเอาหน้าซุกกับต้นคอฉัน “เดี๋ยวเรย์ก่าหนีปายอีกกก ผมม่ายยอมมม”

“โอ๊ย ทำตัวให้มันดีๆหน่อยสิ”

“อย่าปายกาบมี้ซือซากี่เลยน้าาาา”

“ท่านเอ็นโจ”

“เรียกชูสิคร้าบบบบ” เอ็นโจเริ่มส่งเสียงแปลกๆแล้ว “ชูน่ะ ชู……”

“พูดไม่รู้เรื่องแล้วค่ะ”

ฉันเอามือดันๆหน้านั้นออกไป แต่กลับรู้สึกว่าถูกอ้อมแขนรัดมากขึ้นทุกที น้ำหนักตัวที่กดทับลงมาก็หนักชะมัด อย่ามาอ้วกใส่ฉันเด็ดขาดเชียวนะ ไม่งั้นฉันจะโกรธนายไปชั่วชีวิตเลย

“น้า น้าาา….เรียกหน่อยยย เดี๋ยวห้ายชูเปนรางวานนนนน”

เอ็นโจเอาแก้มมาดันๆกับแก้มฉันแบบออดอ้อน ถ้าไม่ติดว่าเมาอยู่ฉันจะเอานิ้วจิ้มตาหมอนี่ไปแล้ว ยังไม่ได้อนุญาตให้กอดเลยนะยะ

“น้าาา เรย์ก่าาาา…...”

วุ้ย!!! รับมือกับคนเมาพูดไม่รู้เรื่องนี่มันน่ารำคาญสุดๆไปเลยอ้ะ เมื่อไหร่คนบ้านเอ็นโจจะมาซักที อยากไปจากตรงนี้จะแย่อยู่แล้ว ไม่น่าใจอ่อนยอมนั่งรอจนกว่าคนบ้านเอ็นโจจะมารับเลยอ่า

“ท่านเอ็นโจนั่งดีๆหน่อยสิคะ ฉันหนัก”

“ชู……”

ทำไมสี่สิบนาทีมันถึงได้นานขนาดนี้ล่ะค้าาาาาา

-----------------------------------------------------------
ส่งต่อแจ้ //โปรยดอกไม้อวยพร

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.