Fanboi Channel

ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับไอเดียบรรเจิดเพ้อฝันของเจ้าแม่ [ขอปฏิเสธรอบที่ 18]

Last posted

Total of 1000 posts

894 Nameless Fanboi Posted ID:Ebsut0jzi

>>831 - >>834 ต่อฟิคเวียนในตำนาน
มุมมองเอ็นโจ
------------------------------------------------------
ใกล้วันงานฮาโลวีนแล้ว
“.....ฮาโลวีนเหรอ”
ผมมองจดหมายจาก Pivoine ที่อยู่ในมือของตัวเองแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย
ตอนที่เรย์กะไปเยี่ยมยูกิโนะที่โรงพยาบาลผมก็คิดอยู่ว่าจะหลอกถามยังไงดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ดันติดธุระเสียก่อนจะได้ลงมือทำอะไร แต่โชคก็เหมือนจะเข้าข้างที่ยูกิโนะตะล่อมถามเอาจากเจ้าตัวได้สำเร็จด้วยใบหน้าเทวดาจอมปลอมนั่น
หืม ทีผมนี่แทบจะไม่ยอมตอบอะไรไม่ก็ตอบเลี่ยงๆแล้วก็ระวังตัวเกินไปเลยนะ แต่นั่นก็เป็นจุดที่น่ารักมากของเธอ
เหมือนกระต่ายหิมะเลยล่ะ
ถ้าละสายตาไปแปปเดียวก็จะหาตัวได้ยาก เป็นกระต่ายขาวช่างระแวงตัวหนึ่ง .....แต่เฉพาะกับผม
นอกนั้นแล้วเธอก็เปิดใจให้คนอื่นได้อย่างง่ายดาย ทั้งยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุขเมื่ออยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวผม แต่ผมเองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่อยากจะทำให้คนที่ตัวเองรักมีความสุขด้วยน้ำมือของตนเอง มันไม่ใช่ของที่ใครจะมาทำแทนให้ได้ ยอมรับเลยว่าผมแอบอิจฉาคนเหล่านั้น
ความพยายามสิบกว่าปีที่ผ่านมาเหมือนจะไม่เป็นผลเลย ผมคงจะคิดแบบนั้นถ้าเกิดว่าไม่ได้เห็นปฏิกิริยาที่แตกต่างจากเดิม โดยเฉพาะหลังจากช่วงงานโรงเรียน
มันทำให้ผมมีความหวัง
เหยื่อน่ะ หากอยู่ในอาการหวาดกลัว สัญชาติญาณระแวงภัยจะยิ่งมีความเฉียบคมมากจนไม่สามารถรุกเข้าไปแบบมั่วๆได้ เพราะมันจะหนีก่อนที่จะได้ทำอะไร แต่หากอยู่ในอาการสับสนลังเลทำอะไรไม่ถูก ช่วงนั้นล่ะคือโอกาสทองที่จะรุกเข้าใส่จนไม่สามารถหนีไปไหนได้
เรย์กะตอนนี้คือกระต่ายน้อยที่อยู่ในอาการสับสนตัวนั้น แล้วอะไรกันที่ทำให้เธอทั้งหวาดกลัวและลังเล?
“......” ผมไม่ตอบคำถามที่ตัวเองไม่รู้หรอก
“.............”
มาซายะมักจะพูดอยู่บ่อยๆเรื่องการรุกเข้าหาใส่คนที่ชอบ ถึงส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับคุณวาคาบะก็เถอะ
มาซายะแสดงอารมณ์ความรู้สึกกับคนรอบตัวอย่างตรงไปตรงมาเสมอ และเป็นคนที่กระตือรือร้นที่จะแสดงความรักกับคุณวาคาบะไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบใดก็ตาม คงเพราะแบบนั้นคุณวาคาบะถึงได้ตกหลุมรักมาซายะในที่สุด
ผมเคยถามเขาว่าทำไม
‘ถ้าเจ้าตัวไม่รู้ จะแสดงออกยังไงเขาก็ไม่เข้าใจหรอก!’

895 Nameless Fanboi Posted ID:Ebsut0jzi

จำได้ว่ามาซายะตอบแบบนี้ แต่นั่นก็สมกับเป็นตัวเขาดี
แต่ผมมันประเภทปิดทองหลังพระซะด้วยสิ แล้วที่สำคัญ การแสดงความรู้สึกมากเกินไปในวงการนี้มันอันตรายมากด้วย
ยิ่งเก็บซ่อนมันไว้ได้เท่าไหร่ก็ยิ่งดี
แต่กับเรื่องความรักแล้วมันยากมากจริงๆ การไม่สามารถแสดงความรักออกมาทั้งที่ความรักนั้นเอ่อล้นอยู่ในใจเต็มเปี่ยมได้นั้นช่างลำบากเกินทน ผมในวัยเด็กจึงพยายามอดทนเพื่อให้เวลานั้นมาถึง
หลังจบการศึกษาผมก็ได้จัดการทุกอย่างและ “ทำความสะอาด” บริษัทจนหมดจดและไม่มีพันธะใดหลงเหลืออยู่อีกและในงานแต่งงานของเพื่อนร่วมรุ่นผมก็รู้แล้ว
.....ตอนนี้ผมสามารถรักเธอได้อย่างเปิดเผยแล้ว
ไม่ว่าเธอจะผลักไล่ไสส่งแค่ไหนผมก็จะทำต่อไป
ผมจะแสดงความรัก
อยากให้คุณได้เห็นถึงความรักของผม
อยากให้คุณได้สัมผัสกับความรักของผม
อยากทำให้คุณมีความสุขได้ด้วยมือของผม
.....
แต่ผลจากการที่ไม่แสดงอะไรเลยให้อีกฝ่ายเห็นนั้น ทำให้เมื่อถึงเวลาจริงๆก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ทำให้ผมนึกถึงสมัยที่มาซะยะกำลังหาทางรุกจีบวาคาบะอยู่โดยมีเรย์กะคอยช่วยเหลือทั้งด้านหน้าและลับหลัง
ผมจึงใช้วิธีไปเจอกันบ่อยๆเข้าไว้ทำให้เธอเริ่มจะคุ้นชินกับตัวผม แล้วค่อยชวนไปไหนต่อไหน หรือเอาง่ายๆก็เรียกว่า “เดท” แต่จนแล้วจนรอดก็มีพญายมคอยกีดขวางทางผมอยู่คนหนึ่ง
คิโชวอิน ทาคาเทรุ
....ให้ตายสิ เขาเป็นคนที่รักน้องมากจริงๆ ผมคิด
โบราณว่าผีเห็นผีฉันใด ผมกับคิโชวอิน ทาคาเทรุก็เป็นฉันนั้น
นับตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอเขาผมรู้ทันทีว่า “เรามันคนประเภทเดียวกัน”
และพี่ชายอย่างเขาคงไม่ยอมที่จะยกเธอให้กับผมที่เป็นคนประเภทเดียวกันกับเขา เขาไม่ยอมให้ผมเล่นกับอารมณ์สีหน้าและท่าทางของเธอได้ตามใจเหมือนกับที่เขาทำกับน้องสาว
“มีคนอย่างฉันอยู่ข้างเรย์กะอยู่แล้วทั้งคน อย่างแกน่ะมันไม่จำเป็น” เขาคงคิดแบบนี้ ....แน่นอน สำหรับผมแล้วก็เห็นด้วยนะ ถ้ามีใครรู้ไส้รู้พุงของผม ผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน มันเป็นความรู้สึกคุกคามประเภทหนึ่งที่อธิบายได้ยาก แต่อย่างหนึ่งที่แน่ชัดคือเขารู้ว่าผมรักเรย์กะแค่ไหน
ทั้งที่เขารู้แต่ก็ยังคงหาทางขัดขวางเพราะความหวงน้องสาวนั้นมีมากเกินเยียวยาตามประสาซิสค่อนอาการหนัก
บอกเลยว่าตรงจุดนี้ถ้าไม่มียูกิโนะผมคงลำบากยิ่งกว่านี้ แต่น้องชายที่รู้จักพี่ดีเกินไปนี่มันไม่น่ารักเอาซะเลยน้า
แต่ก็ขอบคุณมากเลยไอ้น้องชายตัวแสบ
เพราะแบบนี้ผมถึงรู้ว่าเรย์กะจะไปร่วมงานแน่ๆถ้าไม่มีผม แล้วไอระเองก็เมลล์มาบอกว่าไปเลือกชุดด้วยกันอย่างสนุกสนานเลยด้วย
ชุดนางฟ้าในวันฮาโลวีนเหรอ หืม
ระวังจะถูกปิศาจทำให้แปดเปื้อนจนไม่ได้กลับสวรรค์นะ....เรย์กะ

896 Nameless Fanboi Posted ID:Ebsut0jzi

.
.
ถึงวันงานจนได้
ตลอดเวลาจนถึงวันก่อนงานจะเริ่มเนี่ย ผมทำงานหนักมากๆ เพื่อที่จะได้วันว่างแค่วันเดียวมาหาเธอในงานนี้
ผมโดนมาซายะบ่นใสว่า “ปั่นงานตาเหลือกแบบนั้นระวังจะไม่ไหวเอานะ!” แล้วก็จ้างคนมาช่วยผมทำจนมีเวลาพักผ่อนก่อนเริ่มงานพอดี ขอบคุณสำหรับความเห็นใจนะมาซายะ
วันนี้ผมจงใจใส่ชุดปิศาจและหน้ากากแพะเต็มหน้าเพื่อไม่ให้คนรู้ว่าผมเป็นใครจะได้แยกตัวออกมาทำอะไรได้ง่าย
สถานที่จัดงานวันนี้คือโรงแรมในเครือคาบุรากิแล้วได้มาดามคาบุรากิลงมาคุมงานด้วยตัวเอง งานจริงยิ่งใหญ่อลังการสมกับที่เป็นงานสังสรรค์ของเหล่าอมนุษย์ แต่มีคนแต่งตัวน่าสมจริงอยู่หลายคนเรย์กะจะยอมเข้างานมาหรือเปล่านะ ผมมองไปรอบๆงานเห็นมีนางฟ้าหลายคนเดินผ่านไปมา มีบ้างที่มาทักแต่ผมก็ทักทายตามมารยาทแล้วก็ถอยออกมา
อ่า....ตื่นเต้นเป็นสาวน้อยเลยนะผมเนี่ย
พอคิดว่าคนที่ตัวเองรักอยู่จะสวมชุดแบบไหนมานั้นผมก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาจนอยู่ไม่สุข
จะมีคนเข้าไปหาเธอหรือเปล่า
มีผู้ชายคนไหนจะเข้าไปหาเธอหรือเปล่า
เธอจะสนใจผู้ชายคนไหนหรือเปล่า
ความคิดผมวนเวียนอยู่กับสิ่งเหล่านี้จนแทบทนไม่ไหว
“ท่านพี่? อย่าบอกนะว่าตื่นเต้นน่ะ” ยูกิโนะที่อยู่ข้างตัวผมถาม
“หือ....เปล่านี่” ผมยิ้มแล้วก็ตอบด้วยน้ำเสียงที่ข่มอารมณ์ของตัวเอง
“โกหกอีกแล้ว แต่เอาเถอะ ผมพอจะเดาได้น่ะนะ” ยูกิโนะยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
ยูกิโนะมองไปที่พระจันทร์เต็มดวงแล้วพูดขึ้นมา
“วันนี้เป็นวันปล่อยผี นานๆทีปลดปล่อยมันออกมาบ้างก็ดีนะท่านพี่”
“นั่นสิน้า.....”
ไม่ต้องพูดแบบนั้นผมก็รู้อยู่แล้ว ที่ผมทำงานเป็นบ้าเป็นหลังก็เพื่อสิ่งนี้นี่แหละ
นับวันความรักของผมยิ่งเอ่อล้นขึ้นมา เรย์กะนับวันยิ่งสวย นับวันยิ่งน่ารัก เมื่อห่างไกลกันก็คิดถึงจนแทบทนไม่ไหว ซักวันหนึ่งเขื่อนแห่งศีลธรรมที่ผมได้สร้างไว้คงจะพังลงเป็นแน่แท้หากไม่ได้แสดงความรักที่มีต่อเธอแบบตรงๆ ถึงตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำอะไรลงไปบ้าง
....ผมตัดสินใจว่าวันนี้ผมจะทำให้มันชัดเจน
....จะทำให้มันชัดเจนตราตรึงลงไปในใจของเธอจนไม่มีอะไรลบให้หายไปได้
“ไงชูสุเกะ พักผ่อนพอหรือยัง” เสียงอันคุ้นเคยของมาซะยะดังมาจากทางด้านหลัง
“แค่นั้นก็พอแล้วล่ะ ว่าแต่ชุดอัศวินสินะ หืม” ผมตอบกลับแล้วมองไปที่ชุดของมาซายะ ชุดนี่ไม่ร้อนเหรอ? อยากจะถามอยู่หรอก แต่มาซายะเอาจริงเอาจังมาก นี่คงจะอดทนอยู่ด้วย เห็นแก่ที่จ้างคนมาช่วยผม ผมจะทำเป็นไม่เห็นสายตาที่มองมายังชุดของผมด้วยความภาคภูมิใจก็แล้วกัน
“วันนี้จัดเต็มเชียวนะ ว่าไง? จะให้ฉันเปิดห้องที่ชั้นบนเอาไว้ไหม?” มาซายะถาม ในฐานะของคนที่เคยผ่านจุดนั้นมาก่อนเขาคงจะรู้ว่าผมคิดจะทำอะไร แต่ว่าเขาคิดเตลิดไปไกลถึงขนาดไหนล่ะนั่น?
“ขอบคุณนะมาซายะ แต่ไม่จำเป็น”
“เอาน่า เผื่อไว้ๆ ฉันจะทำให้ทางสะดวกเอง” ว่าแล้วมาซายะก็เรียกคนมาจัดการตามเรื่อง
โอเค....ผมยอมลงให้ก็ได้มาซายะ แต่หลังจากงานนี้คนที่จะได้ใช้ห้องนั้นน่าจะเป็นนายมากกว่านะมาซายะ?
“ขอโทษสำหรับการเสียมารยาทนะคะท่านเอ็นโจ” คุณวาคาบะในชุดกระโปรงสุ่มแบบโบราณก้มหัวขอโทษแทนมาซายะแล้วหัวเราะแห้งๆ
“ไม่เป็นไรครับ”
“คิกๆ...ท่านเอ็นโจวันนี้เองก็ดูกระตือรือร้นมากเลยนะคะ ขอให้สุขสมความปรารถณานะคะ” เนื่องจากตอนนี้เธอมีสถานะเป็นหนึ่งในมาดามคาบุรากิด้วยจึงไม่สามารถรั้งอยู่ได้นานจึงรีบตามมาซายะไปทักทายแขกที่มาร่วมงาน

897 Nameless Fanboi Posted ID:Ebsut0jzi

ทันใดนั้นหัวใจของผมก็เต้นแรง
เธอนั่นเอง เธออยู่ตรงนั้น ผมมองไปยังทางที่มาซายะพูดคุยกับแขกอยู่
ที่อยู่ตรงนั้นคือนางฟ้าตนหนึ่ง
เป็นนางฟ้าที่แสนบริสุทธ์และงดงามที่สุดในบรรดานางฟ้าทั้งหมดในงานนี้ ช่างงามล้ำยิ่งกว่าหยาดฟ้ามาดิน
โดยเฉพาะเมื่อหรี่ไฟลงชุดของเธอก็ส่องประกายดั่งดาวจรัสแสงบนท้องฟ้าที่ไม่อาจจับต้องได้
ผมรู้สึกว่ากลายเป็นคนบาปคนหนึ่งที่ริอ่านมารักนางฟ้าผู้สูงศักดิ์และปรารถณาทุกสิ่งที่เป็นเธอขึ้นมา
ปรารถณาจะฉุดความขาวบริสุทธ์นั่นลงมาแปดเปื้อนและอยู่คู่กับเขาไปชั่วนิจนิรันดร์ ไม่ให้ใครได้เห็น ไม่ให้ใครได้ยิน สมบัติล้ำค่านี้นั้นเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว นับจากนี้และตลอดไป
“.....ไอระ”
ผมก้าวเข้าไปหาไอระกับยูกิโนะแล้ววางแผนด้วยกัน
.
.
.
วงดนตรีเริ่มบรรเลงเพลง หลายๆคนก็จับคู่กันแล้วเริ่มเต้นรำ
คู่ของผมคือไอระ และที่คู่กับเรย์กะอยู่คือน้องชายของผม
บอกตามตรงผมล่ะอิจฉาชะมัด แต่ก็ต้องอดทนเพราะมันเป็นแผน
เรย์กะยิ้มแย้มอย่างสดใสเมื่อเต้นรำกับยูกิโนะแม้ว่าจะดูแห้งๆบ้างเพราะหน้ากากที่น่ากลัวของเขา ผมหวังว่าสักวันคนที่เธอส่งยิ้มให้จะเป็นผมนะ
อื๋อ มองมาทางนี้ด้วยล่ะ
ถึงหน้ากากนั่นจะปิดบังหน้าตาของเธออยู่ก็จริง แต่ความสงสัยใคร่รู้ในแววตาปิดไม่มิดเลยนะแม่นางฟ้า
“....เอ็นโจ” ไอระกระซิบ
...ดูท่าจะถึงเวลาแล้วสิ
เมื่อถึงจังหวะหมุนตัวผมก็เข้าไปแทนที่ยูกิโนะ
เรย์กะหมุนตัวกลับมาสู่ท่าเริ่มต้นแล้วก็รู้สึกตัวว่าไม่ใช่ยูกิโนะ แล้วก็งุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่
...ผมไม่พลาดโอกาสนี้แน่
ผมค่อยๆใช้จังหวะเต้นรำพาเราออกห่างจากกลุ่มคนมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันผมก็ต้องพยุงเธอดีๆไม่ให้ได้ต้องเจ็บตัว ผมพยายามใส่การสัมผัสที่ทะนุถนอมที่สุดเท่าที่ทำได้แล้วพาไปอยู่ตรงกลางวง
ฟ้าเหมือนจะเป็นใจมากทีเดียว เหนือขึ้นไปยังโดมกระจก เมฆได้ลอยหายไปจากผืนผ้าแห่งดวงดาวและเผยโฉมความงามแห่งรัตติกาลด้วยรัศมีของดวงจันทร์
แม้เธอจะอยู่ในความมืดก็ส่องประกายดั่งดาวพร่างพรายบนท้องฟ้า แม้อยู่ในความสว่างก็ส่องแสงอบอุ่นดั่งดวงสุริยัน สำหรับผมแล้วไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหนก็เป็นเหมือนแสงสว่างสำหรับผมอยู่เสมอ
ไม่ว่าผมจะหลงลืม หลงทาง หรือจะเป็นอะไร
ทุกครั้งที่ผมมองเธอ ผมก็ตกหลุมรักเธออยู่เรื่อยไป
รัก รัก รัก
ผมสังเกตได้ว่าคนออกจากฟลอร์ไปหมดแล้วเหลือแต่พวกเราเท่านั้น
ยอดเยี่ยมมากมาซายะ แม้ว่าผลงานนั้นจะเป็นขอยูกิโนะซะเกือบหมดก็เถอะ กลับไปต้องให้รางวัลสักหน่อย
เสียงเพลงเริ่มเปลี่ยนไปเป็นจังหวะที่เร่าร้อนขึ้น มาแล้วสินะ บทเพลงที่ผมจะใช้เป็นตัวประกาศแสดงความเป็นเจ้าของกับเธอ
แม้เจ้าตัวจะไม่ได้คิดอะไรแต่ต้องเกิดข่าวลือขึ้นแน่นอน
ข่าวลือนั่นจะทำให้พวกไม่รู้ที่ต่ำที่สูงรู้อย่างชัดเจนว่า “ผมจองเธอแล้ว” แล้วจะไม่มีหน้าไหนมาเข้าใกล้เธออีกเป็นครั้งที่สอง
เรย์กะดูเหมือนจะแปลกใจน่าดูที่เพลงเป็นเปลี่ยนเป็นแทงโก้ที่ตัวเองเต้นไม่ค่อยถนัด แต่ผมจะนำเธอให้เอง
“ท่านเอ็นโจ” เรย์กะเอ่นชื่อของผมออกมาด้วยความสงสัย
ผมหัวเราะในลำคอเบาๆ ดีใจนะที่เธอเดาว่าเป็นผม
“ครับ” ผมตอบกลับด้วยอารมณ์ดี
เรย์กะมองผมด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อว่าผมเต้นแทงโก้เป็นด้วยความคมกริบ นี่ๆหัวคิ้วย่นแล้วนะ
“ไหนว่าจะไม่มายังไงล่ะคะ” เธอถาม
“นั่นยูกิโนะพูดเอง” ผมหัวเราะ “ผมไม่ได้บอกซักหน่อยว่าจะไม่มา”
เรย์กะมองผมด้วยสายตาเคืองๆแบบ ไหนว่าจะไม่มาไง!? แต่ใครสนล่ะ ผมก้มลงไปใกล้ๆเธอตามสเต็ปแทงโก้ แล้วเอามือรองแผ่นหลังของเธออย่างดี
....รู้อยู่หรอกว่าใส่ชุดเปิดหลังมาแต่ไม่นึกว่าจะขนาดนี้....ผมพยายามข่มสติของตัวเองไม่ให้เตลิดไปกับสัมผัสอันเรียบลื่นจากแผ่นหลังนั้น เมื่อเพลงจะจบลงเธอก็เอาขามาเกี่ยวต้นขาของผมตามสเต็ปเพลง แล้วเสียงปรบมือก็ดังสนั่นลั่นฟลอร์ แต่ผมอดคิดเกินเลยไปไม่ได้เลย ผมนับเลขในใจหลายครั้งกว่าจะสงบลง เมื่อเราคำนับให้กันเธอก็ทำท่าจะเดินจากไป แต่นี่มันโอกาสของผม ผมไม่ยอมให้ใครได้ไปหรอกนะ
ผมจับมือของเรย์กะแล้วลากตัวออกไป ผมเปิดประตูทางออกอีกทาง แล้วพาเธอลงบันไดเดินไกลออกมาจากงานเลี้ยงยังสวนหิ่งห้อยที่ปลอดคนทันที

898 Nameless Fanboi Posted ID:Ebsut0jzi

.
.
.
“พอได้ออกมาข้างนอกก็ค่อยยังชั่วหน่อย ในงานคนเยอะจริงๆ” ผมพาเธอมานั่งที่ม้านั่งใกล้ๆกัน บริเวณนี้เป็นซุ้มดอกไม้ที่ปลูกไว้อย่างสวยงาม มีแสงจันทร์จากพระจันทร์เต็มดวงสาดส่องมาเพิ่มความโรแมนติคให้ด้วย ผมอยากให้บรรยากาศมันสมบูรณ์แบบที่สุดน่ะนะ
“นะ...นั่นน่ะสิคะ”
“หน้ากากนี่ก็อึดอัดจัง คุณเรย์กะช่วยผมถอดหน่อยสิ” ผมพูดสองแง่สองง่ามด้วยน้ำเสียงออดอ้อนที่นานๆจะได้อ้อนสักที ที่เธอไม่สนใจผมมากว่าสิปปีน่ะ งอนมากเลยรู้ไหม
จบคำพูดเรย์กะก็ถลึงตาใส่ผม ผมหัวเราะแล้วพยายามแกะออกเอง แต่ผมจงใจทำเหมือนกับว่ามันแกะยาก เรย์กะเลยเอื้อมมือไปดึงพวกสายรั้งอะไรพวกนั้นให้ออกไปเป็นการช่วยผมอีกแรง
พอหน้ากากหลุดออกไป ผมเผ้าของผมก็ยุ่งเหยิงพอสมควร แต่เพราะตอนนี้ผมมีความสุขมากจึงยิ้มกว้าง
“นึกยังไงถึงแต่งตัวแบบนี้กันล่ะคะ”
“ยูกิโนะ มาซายะ ไอระช่วยกันออกไอเดียน่ะ” ผมหัวเราะเบาๆ “ต้องนั่งเป็นหุ่นลองเสื้อให้สามคนนั้นตั้งนาน กว่าจะได้ที่ถูกใจที่ยากไม่ใช่เล่นเลยนะ” มาซายะชอบความสมบูรณ์แบบมากเกินไปเลยลำบากในหลายๆความหมาย
“เอ๋!?”
เรย์กะทำสายตาไม่ไว้วางใจผม คิดว่าผมหลอกอยู่สินะ ไม่ไหวเลยแฮะ ทำกระต่ายระแวงอีกแล้วสิ....
“คุณเรย์กะไม่ดีใจที่ผมมาเหรอ” ผมถามด้วยความรู้สึกจากใจจริง
“แหม ก็…” เรย์กะอ้ำอึ้งแล้วตอบไม่ถูก ดูเหมือนว่าผมจะมีความหวังเพิ่มขึ้นแฮะ
“อื๋อ” ผมแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้
“กะ ใกล้เกินไปแล้วนะคะ”
“ก็นานๆทีจะมีโอกาสได้เห็นนางฟ้านี่นา” ผมยิ้มกริ่ม “ก็อยากมองใกล้ๆไม่เห็นจะแปลกตรงไหน”
นี่ผมพูดจริงนะ แล้วนางฟ้าที่ว่าต้องเป็นเธอเท่านั้นด้วย
“พอมองแล้วก็อยากสัมผัส”
ผมใช้ปลายนิ้วไล้ไปตามใบหน้าของเธออย่างหลงไหลและรักใคร่ ผมล่ะอยากจะกอดเธอจริงๆ ผมอยากจะแสดงความรักที่ผมมีให้คุณได้เห็นมันตอนนี้ ที่นี่ และเดี๋ยวนี้ แต่ถ้าเกิดผมทำจริงๆเธอคงจะเกลียดผมไปชั่วชีวิต
แต่ว่า....ถ้าไม่ระบายความรู้สึกนี้ออกไปให้เธอรับรู้ ผมก็คงทนไม่ไหว แล้วตายด้วยความรักที่เต็มล้นนี้แน่นอน
เธอยกมือขึ้นกันผมออกมาอย่างเงอะงะ แต่ผมรวบข้อมือฉันไว้ทั้งสองข้าง กดจูบเบาๆแล้วเอามือของเธอมาแนบแก้มตัวเอง เธอจะดึงมือตัวเองออกถูกผมจับไว้ไม่ปล่อย เหมือนจะอ้อนวอนขอให้เรย์กะได้รับรู้ความรักของผมผ่านสัมผัสเหล่านั้นสักนิดก็ยังดี
“ทะ ท่านเอ็นโจ อย่าล้อกันเล่นแบบนี้สิคะ”

899 Nameless Fanboi Posted ID:Ebsut0jzi

อื๋อ คุณเรย์กะคิดว่าล้อเล่นเหรอ” ผมมองเธอตอนจูบฝ่ามือของเธออย่างอ้อนวอน
ขอร้องล่ะ ความรักของผม ได้โปรดรับรู้มันด้วยเถอะนะ
“คุณเรย์กะรู้มั้ย จูบที่ฝ่ามือน่ะแปลว่าอะไร” ผมมองมือของเธอที่ผมจูบด้วยความรัก เธอคงไม่สนเรื่องความหมายหรอกแต่ว่า...
“แปลว่าผมกำลังอ้อนวอนคุณ”
เรย์กะมองผมอย่างสงสัยว่าอ้อนวอนอะไร
ผมหัวเราะแล้วกระซิบข้างหูของเธอ “ถ้าจะอ้อนวอนขอจูบ คุณเรย์กะจะยอมหรือเปล่าล่ะครับ”
ได้โปรดให้ผมได้แสดงความรักแก่เธอทีเถอะ ได้โปรดมอบความรักให้ผมทีเถอะนะ
ทันทีที่ได้ยินเรย์กะก็หน้าแดง หูแดงและอ้าปากค้างไม่อยากจะเชื่อ คงกำลังกำลังว่าผมหน้าไม่อายอยู่ใช่ไหมครับ?
ใช่ครับ เพราะตอนนี้ผมกำลังอ้อนวอนขอร้องเธอด้วยความรู้สึกที่มีทั้งหมดแล้ว ถ้าเพื่อสิ่งนี้แล้ว ไม่ว่าจะให้ทำอะไรผมก็ทำได้อย่างไม่อายเลย
เพราะความรู้สึกรักนั้นมีมากมายเหลือเกิน
“ว่ายังไงล่ะครับ” ผมไล้นิ้วโป้งไปตามริมฝีปากของเธอเบาๆ “ที่เงียบไปนี่แปลว่าตกลงใช่มั้ยเอ่ย”
“ไม่ตกลงค่ะ” เรย์กะรีบถอยกรูดไปข้างหลัง แล้วเอามือตะครุบปากตัวเอง
“ไม่ได้จริงๆเหรอ” ผมยิ้ม
“ไม่ได้ค่ะ”
“นะ?”
เรย์กะถอยตัวกรูดไปจนกระทั่งหลังชนกับเรือนกระจกขนาดใหญ่ ขณะที่ผมยิ้มกว้างขยับตัวย่างสามขุมตามเข้าไปช้าๆ
"คุณเรย์กะ" ผมเรียกเธอด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความรู้สึกทั้งหมดของผม และส่งสายตาอ้อนวอน
"เรย์กะ" ผมเรียกชื่อของเธออีกครั้ง แล้วขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ๆพร้อมกับจ้องมองลึกลงไปในดวงตาที่สั่นระริกของเธอ
"ไม่ได้ค่ะ! ฉัน ฉันไม่ใช่ท่านไอระนะคะ!!!" เธอร้องดังลั่น พร้อมกับใช้มือดันตัวผมออกไป
....ไอระงั้นเหรอ?
"หือ? ไหงพูดถึงไอระขึ้นมาล่ะ?" ผมถอยไปเล็กน้อย พร้อมกับรวบมือของเธอที่กำลังจะดึงกลับมาไว้ในทันที ผมไม่ยอมให้เธอหนีไปไหนจนกว่าจะตอบคำถามผมหรอกนะ ผมเอียงหัวเลิกคิ้วทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อยทั้งที่ยังยิ้มอยู่
เรย์กะยิ้มกริ่มเบาๆเหมือนจะคิดว่า เป็นไงล่ะฉันรู้เท่าทันเธอนะ! เลยล่ะ ผมคิด
อ้อ ผมลืมไปเลยว่าเธอมีนิสัยที่ชอบคิดเองเออเองด้วยสิ
ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วก้าวเท้าเข้ามาประชิดตัวเธอ เรย์กะพยายามจะหนีแต่ว่าหลังก็ติดเรือนกระจกแล้ว แถมมือก็โดนจับรั้งไว้อยู่ ไม่มีทางให้หนีไปได้เลยล่ะ ไม่ให้หนีหรอกนะกระต่ายน้อย
"คราวนี้คิดเองเออเองเรื่องอะไรอีกแล้วล่ะครับ?"
น้ำเสียงของผมแข็งกระด้างขึ้นมาด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ก่อนที่จะก้มลงไปกระซิบที่หูข้างขวาของเรย์กะ
"เรย์กะใจร้ายจังเลยน้า"
ใช่ ใจร้ายมากเลย ทั้งที่ไม่ยอมสนใจผมและหลีกเลี่ยงผม แต่มาคิดว่าผมแอบรักไอระอยู่ซะงั้น
แต่นี่นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีว่า ผมเองก็มีตัวตนอยู่ในใจของเธอ ในสารบบความคิดของเธอยังมีผมอยู่ข้างในนั้น ผมดีใจนะ
เพราะผมจะได้สื่อความรู้สึกของตัวเองไปได้ง่ายขึ้น
ผมใช้ปลายนิ้วข้างหนึ่งไล้บนแก้มของเธออย่างแผ่วเบา
"ที่ผมทำมาทั้งหมดเนี่ย ถ้าผมไม่สารภาพ คุณจะไม่รู้เลยจริงๆงั้นเหรอ?"
ผมถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ผมหวังว่าเธอจะรับรู้ได้บ้างแท้ๆเชียว แต่บ้าจริง
ทั้งผมทั้งเธอต่างเป็นคนโง่ในเรื่องความรักของตัวเอง
ผมดีแต่รอให้เธอรู้สึกถึงความรักของผมทั่งที่ไม่ได้ทำอะไรให้เธอได้รู้สึกเลย
เธอเองก็รอคอยความรักจากผู้อื่นทั้งๆยังไร้เดียงสาไม่รู้จักความรักที่แท้จริง
รุ่นพี่ที่เธอหลงรักนั้นเป็นเพียงความหลงในชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้นมันเป็นความรักที่ใกล้เคียงกับความหลงไหล ไม่ใช่ความรักลึกซึ้งที่ผมมีให้เธอ
คนหนึ่งรอไม่ไปไหนแต่ไม่รับรู้ ส่วนอีกคนเอาแต่รอให้รู้สึกไปรุกคืบหน้า แบบนี้เมื่อไหร่เราจะรู้เสียทีว่าใครกำลังรักเราหรือเรากำลังรักใคร
ผมขยับใบหน้ามาที่ข้างหน้าของเธออีกครั้ง แล้วจ้องมองเธอด้วยความจริงจัง
"ผมไม่เคยทำแบบนี้กับคนอื่นเลยนะ" ผมยกมือของเรย์กะขึ้นมาจูบเบาๆอีกครั้ง "....แค่คุณเท่านั้น"
"!!!"
เรย์กะทำท่าลนลานและหันรีหันขวาง แต่ผมไม่ปล่อยโอกาสให้คุณหรอกนะ
"เรย์กะ..." ผมเรียกเธอด้วยเสียงแผ่วเบา ไม่รู้ว่าใบหน้าของผมเป็นสีอะไรแล้วนะตอนนี้ แล้วขยับตัวเข้าไปใกล้เรื่อยๆ
"เรย์กะ... ที่ผ่านมา... ตลอดเวลา... ผมน่ะ..." ผมกำลังจะสารภาพบาป
ใช่แล้ว บาปที่ว่าคือการไปหลงรักนางฟ้าองค์นี้ จนตัวเองต้องมาทรมาณกับความรักและมีความสุขกับความรักแบบนี้

900 Nameless Fanboi Posted ID:Ebsut0jzi

แต่ก่อนที่ผมจะพูดจบเสียงนาฬิกาในสวนก็ลั่นดังเหง่งหง่างขึ้นมาพอดี เพราะว่าที่นี่มันเงียบสนิทมาตลอดเลยทำให้เราทั้งคู่สะดุ้งโหยง พอผมชะงักไป เรย์กะก็รีบพูดขัดผมทันทีอย่างร้อนรน
"อะ เอ่อ เที่ยงคืนแล้ว กลับเข้าข้างในกันเถอะค่ะ!!!"
ผมแอบเดาะลิ้นเบาๆ แล้วถอยหายใจก่อนจะยิ้มให้เธอ
"เรย์กะเป็นนางฟ้า ไม่ใช่ซินเดอเรลล่าสักหน่อย จะรีบไปไหนล่ะครับ?"
"เอ่อ....... เราออกมาข้างนอกนานแล้ว เดี๋ยวคนอื่นๆจะเป็นห่วงนะคะ"
"ถ้าเป็นไอระหรือยูกิโนะ พวกเขารู้อยู่แล้วล่ะว่าเรย์กะอยู่กับผมสองคนคงไม่ได้ห่วงเท่าไหร่หรอกน่า"
...และที่สำคัญผมก็ใช้ทั้งไอระ ยูกิโนะและมาซายะให้คอยรั้งคนอื่นอยู่ด้วย เวลาน่ะ “เหลืออีกเยอะ”
"เอ่อ...... ข้างนอกมันหนาวน่ะค่ะ....." เรย์กะทำท่ากอดแขนอย่างหนาวสั่น แต่ก็จริงเพราะเธอใส่ชุดเปิดหลังมาเอง ไม่ใช่ความผิดของผมเสียหน่อย แต่ว่านะ.....
"ไล้สายตามองอะไรแบบนั้นกันน่ะคะ! เสียมารยาท!!"
ผมหัวเราะเล็กน้อยก่อนพูดขอโทษ
"อา ไม่หนาวก็แปลกแล้วล่ะครับ..."
จากนั้นผมก็ถอดเสื้อคลุมนักเวทย์ของตัวเองออกมาและกำลังจะเอาไปคลุมให้เรย์กะ
"อ๊ะ"
"หือ?"
"เรย์กะหันหลังหน่อยซิครับ"
"หา?"
"เสื้อคลุมมันจะติดตรงปีกที่หลังเอาน่ะ แกะออกก่อนดีกว่านะ"
"อ้อ นั่นซินะคะ"
เรย์กะหันหลังให้ผมอย่างว่าง่าย
"ทะ ท่านเอ็นโจ!" เรย์กะร้องขึ้นเมื่อรู้สึกตัวว่าแผ่นหลังของเธอนั้นผมจะเห็นทั้งหมด
"นิ่งๆซิครับ" ผมทำเสียงดุ เพราะว่าผมไม่อยากให้มันนานไม่มากกว่านี้เดี๋ยวเธอจะไม่สบายเอา ผมส่งปีกนางฟ้าให้เธอแล้วไม่พูดอะไร ก่อนวางเสื้อคลุมบนไหล่ให้
เรย์กะถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วกำลังจะใช้มือรวบผมตัวเอง ผมเห็นว่ามันท่าจะลำบากเลยจับมือเธอเอาไว้
"ผมช่วยนะ" ผมบอกพลางเอามือไปจัดผม ออกจากเสื้อคลุมช้าๆ กล่าวกันว่าลำคอของหญิงสาวนั้นคือจุดหนึ่งที่ทำให้มีสเน่ห์ ตอนนี้ผมเห็นด้วยกับประโยคนี้มาก โดยเฉพาะเมื่อมันเป็นลำคอของคนที่คุณรัก...
"ขะ ขอบคุณค่---!!!" เรย์กะชะงักไปเมื่อผมจูบลงไปที่หลังคอของเธออย่างแผ่วเบา
"ใส่ชุดเปิดเผยขนาดนี้ เป็นนางฟ้าที่นิสัยไม่ดีเลยนะ...” ผมพูด รู้สึกตัวได้เลยว่าน้ำเสียงของผมมีความปรารถนาเจือปนอยู่ด้วย
ผมมองเห็นสีหน้าที่เขินอายและตกตะลึงจากด้านหลังผ่านกระจกได้ชัดเจนเลยล่ะ
เรย์กะออกอาการแตกตื่นลนลานอย่างน่ารักจนเสื้อคลุมร่นมาอยู่ที่เอวแทน
ผมค่อยๆจูบแผ่นหลังของเธออย่างอ่อนโยนโดยค่อยๆเลื่อนลงไปตามแนวกระดูกสันหลัง ผมล่ะรักทุกสิ่งที่เป็นเธอจริงๆ
เรย์กะรีบหันหน้ามาเมื่อเห็นว่าผมทำท่าจะไล่ลงต่ำไปเรื่อยๆ หน้าของผมเลยฝังอยู่กับช่วงท้องของเธอ นึกถึงช่วงที่เธอกำลังลดน้ำหนักแล้วผมล่ะอยากจะเอาหน้าซุกไปที่ท้องจริงๆ คงจะนุ่นิ่มน่าดู โดยเฉพาะถ้าเกิดเราได้แต่งงานและมีลูกกันจริงๆผมคงจะพิงหัวฟังเสียงลูกอยู่ทุกวันเลยล่ะ ไม่ได้การ.... ผมที่อยู่ในท่านั่งคุกเข่าเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยิ้มมุมปาก แล้วมองเธอด้วยความหลงไหลรักใคร่
“ทะ ท่านเอ็นโจ”
“ครับ”
“กะ...กลับเข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ ขอร้องล่ะ”
“เอ เรย์กะง่วงแล้วเหรอครับ”
“ก็ประมาณนั้นล่ะค่ะ”
“นั่นสินะ เที่ยงคืนกว่าแล้วด้วย” ผมลุกขึ้นมายืน สวมเสื้อคลุมกลับคืนที่ให้เรย์กะ ผมไม่ยอมให้ใครที่ไหนได้เห็นแผ่นหลังของคนที่ผมรักหรอกนะ
เรย์กะทำท่าโล่งใจที่ผมทำตัวว่าง่าย อา....ท่าทางนั้นช่างน่ารักจริงๆ
ผมกอดเธอไว้แน่นราวกับจะไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไปไหนอีก
“มาซายะเปิดห้องไว้ให้ผมน่ะ เราสองคนได้ที่นอนพอดีเลยเนอะ”
ขอบคุณมากมาซายะ ถ้านายไม่เปิดห้องให้วันนี้ ผมคงไม่มีข้ออ้างใดมาแกล้งเธอได้อีกแล้ว
“มะ ไม่เอาค่ะ ไม่เอา” เรย์กะรีบส่ายหน้าหวือๆ
“ห้องสวีทด้วยนะ วิวสวยเชียว” ผมยิ้มมุมปาก แล้วมองดูด้วยความสนุก “ไม่อยากขึ้นไปดูวิวหน่อยเหรอ”
“มีขนมที่ยูกิโนะซื้อมาแช่ไว้ในตู้เย็นตอนนั่งรอแต่งตัวด้วยนะ” ผมเอาขนมมาล่อนิดหน่อย แต่ก็ไม่น่าจะติดกับง่ายขนาดนั้นหรอก “ผมไม่ทานขนม เรย์กะช่วยไปทานให้หมดหน่อยสิ”
“ท่านพี่ต้องมารับฉันกลับบ้านนะคะ”
“เรย์กะโตแล้วนี่ครับ ต้องมีผู้ปกครองมารับกลับอีกเหรอ” ผมหัวเราะ
อันที่จริงผมไม่อยากจะให้หมอนั่นมาขัดจังหวะเลยสักนิด วันนี้มันเป็นวันที่ผมจะทำให้มันชัดเจนที่สุด แต่เจ้าตัวดันปฏิเสธที่จะรับรู้และรับฟังเลยอย่างนั้น ผมเลยต้องรุกหนักกว่าเดิมอีก ถ้าเกิดมาจริงๆ ทุกอย่างที่วางเอาไว้คงจะพังหมด

901 Nameless Fanboi Posted ID:Ebsut0jzi

“ถ้าอยากกลับจริงๆ ผมขับรถไปส่งให้ก็ได้นะ”
“ไม่กล้ารบกวนท่านเอ็นโจหรอกค่ะ”
“ประธานเอ็นโจเสนอตัวให้เชียวนะครับ ปฏิเสธได้ลงคอเชียวเหรอ” ผมใช้น้ำเสียงและสายตาออดอ้อนเต็มที่“ค่าจ้างก็ถูกด้วยนะ”
“ไม่เอาค่ะ”
“อื๋อ” เรย์กะถลึงตาใส่ผม แต่ผมก็หัวเราะ
คนที่เรารักเนี่ย ไม่ว่าจะทำอะไรก็น่ารักไปหมดจริงๆนั่นล่ะ
“อย่าทำหน้าบึ้งแบบนั้นสิครับ” ผมก้มลงไปใกล้ๆ “คืนนี้พระจันทร์สวยออกนะ”
อ่า....ว่าแล้ว กับเรื่องแสดงความรู้สึกผ่านคำพูดนี่ไม่ถนัดเลย รู้ตัวอีกที่ก็บอกอ้อมๆเกินไปเสียแล้ว
เรย์กะกระพริบตาปริบๆ แล้วกำลังจะคาดคั้นเอาจากผมด้วยความสงสัยเลยจ้องมองมาที่ผมตรงๆ จากนั้นเธอก็เริ่มหน้าแดงอีกครั้ง
ผมหัวเราะแล้วจูบหน้าผากของเธอเบาๆ
“ทะ ท่านเอ็นโจ…”
“ครับ” น้ำเสียงผมที่ตอบรับมานั้นแหบพร่า
“ฉะ...ฉันกลัวค่ะ” เรย์กะตอบด้วยความรู้สึกที่หวาดกลัวต่อสิ่งที่ไม่รู้จัก
นั่นสินะ ผมเองก็กลัวเหมือนกัน
กลัวว่าเธอจะปฏิเสธผม
กลัวว่าเธอจะรังเกียจผม
กลัวว่าเธอจะขับไล่ไสส่งผม
การถูกรังเกียจและขับไล่โดยคนที่ตัวเองรักนั้นเป็นสิ่งที่ผมหวาดกลัวเป็นที่สุด
แต่สิ่งที่ผมได้รับในวันนี้ทำให้ผมรู้ว่าผมยังมีโอกาส ผมยังมีความหวัง
ผมค่อยๆสอดประสานเข้ากับมือของเรย์กะ แล้วจับมือฉันขึ้นไปจูบที่หลังมือ บริเวณนิ้วนางข้างซ้าย ก่อนที่ผมจะช้อนสายตามองเธอแบบเชื่องช้า
“ไม่มีอะไรที่ต้องกลัวเลยครับ”
เรย์กะมองมาเหมือนจะปฏิเสธว่าสิ่งที่เธอกลัวนั้นคือตัวผม
แต่ผมรู้ว่าเธอกลัวอะไรมากกว่า นอกเหนือจากตัวผมแล้ว สิ่งที่ทำให้เธอกลัวคือความรู้สึกอันเต็มล้นที่มีให้กับเธอ มันคือความรักลึกซึ้งที่เธอไม่รู้จัก ดังนั้นจึงหวาดกลัว และกลัวใจตัวเอง
ผมยิ้มน้อยๆแล้วจูบหน้าผากของเธออีกครั้งโดยหวังจะปลอบประโลม ค่อยๆไล่ระมาตามปลายจมูกและแก้ม สายตาเรามองกันในระยะประชิด ใกล้ยิ่งกว่าครั้งไหนๆในชีวิต
“ไว้ใจผมนะ” ผมพูดเบาๆ
ใช่แล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัวเลย เพราะว่าผมน่ะ....
เรย์กะมองผมด้วยดวงตาอันใสกระจ่างและไม่มีแววหวาดกลัวอีกแล้ว
ริมฝีปากเราสัมผัสกันอย่างเชื่องช้า นุ่มนวลเหมือนขนนกลากผ่าน ความอ่อนหวานที่เคล้าเคลียอยู่ตรงปากทำเอาหัวใจเต้นรัวด้วยความสุข
กลิ่นดอกไม้ที่บานในตอนกลางคืนลอยตามลมมาเหมือนอยู่ในความฝัน ผมมอบรสสัมผัสที่อ่อนโยนและอ่อนหวานมากที่สุดให้กับเธอเท่าที่จะทำได้
เมื่อสัมผัสที่นุ่มนวลเหมือนขนนกค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นความหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วเรย์กะก็คล้อยตาม ตอบสนองโดยเขาแขนมาคล้องคอผม นั่นทำให้ผมมีความสุขมากที่สุด
ในที่สุดคุณก็ได้รับรู้ความรู้สึกของผมเสียที
แม้จะเพียงแค่เล็กน้อย แต่สิ่งที่เธอรู้สึกเกี่ยวกับผมจะไม่มีความกลัวเข้ามาแทรกมากกว่านี้อีกต่อไป
เหลือไว้แต่ความอ่อนหวานที่เธอไม่รู้จักและกำลังจะได้เรียนรู้ต่อจากนี้ไปเท่านั้น

902 Nameless Fanboi Posted ID:Ebsut0jzi

.
.
.
เสียงนาฬิกาตอนตีหนึ่งดังขึ้นทำให้เรย์กะสะดุ้งตื่นขึ้นมา
อ้ะๆ ผมไม่ได้ทำอะไรไร้จรรยาบรรณนะ ในระหว่างที่เธอหมดสติไปผมก็เฝ้าคอยมองหน้าของเธอตอนหลับอย่างมีความสุขเท่านั้นเอง
....สงสัยจะจูบเกินไปหน่อย...
ริมฝีปากของเธอดูบวมชื้นอวบอิ่มด้วยสีกุหลาบ น่าดูไม่เลว ผมรู้ว่าลิปสติดน่าจะติดมาที่ปากของผมด้วยก็เลยปล่อยไว้แบบนั้นแหละ เดี๋ยวคนก็เข้าใจเอง
เรย์กะมองไปรอบๆด้วยความงง ผมจึงใส่เสื้อคลุมให้ก่อนที่จะพูดว่า
“ตีหนึ่งแล้ว กลับกันเถอะครับ”
เรย์กะทำท่าจะวิ่ง ผมจึงจับไว้ก่อนที่เธอจะเผลอล้มทำตัวเองเจ็บตัวแล้วยิ้มก่อนจะสอดประสานมือเข้ากับมือของเธอ จูงให้เดินด้วยกันไปช้าๆ
“อย่าวิ่งสิครับ เดี๋ยวก็หกล้มหรอก” มือขอผมอีกข้างถือปีกนางฟ้าของเธอกับหน้ากากหัวกระโหลกแพะของตัวเองเอาไว้
เรย์กะทำท่าคิดเหมือนว่าตัวเองเป็นนางฟ้าที่ถูกถอดปีกโดยซาตานอย่างไรอย่างนั้นเลย
แต่ก็จริง เพราะผมไม่ใช่เทวดาเสียหน่อย
เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องจัดงาน มองเข้าไปคนในงานค่อนข้างโหรงเหรง ถึงเวลาเลิกงานที่ระบุไว้ในบัตรจะบอกว่าเลิกตีหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่ก็กลับไปเกือบหมดแล้ว ยอดเยี่ยมมาก คนที่ยังอยู่ก็เป็นคนที่รักจักกันอยู่แล้วจะยิ่งแพร่กระจายข่าวลือได้มากขึ้น
ทุกคนกำลังยืนกันอยู่ที่ประตูทางออกรวมถึงคิโชวอิน ทาคาเทรุด้วย แย่หน่อยนะที่ศึกคราวนี้ผมชนะ
“อ้าว ท่านพี่กับคุณพี่เรย์กะนี่ครับ” ยูกิโนะคุงหันหน้ามาเห็นเข้าก็โบกมือให้ผมเดินไปหา โดยที่...ผมกำลังจับมือเรย์กะอยู่
เรย์กะหันรีหันขวาเลิกลั่กและมองมาแบบขอให้ปล่อยมือด้วย แต่ใครสนล่ะ ผมจะประกาศสงครามเต็มรูปแบบแล้วล่ะ
ผมกล่าวทักทาย คิโชวอิน ทาคาเทรุ โดยที่ยังยิ้มและจับมืออยู่ สายตาทุกคนมาหยุดที่มือของผมที่จับมือเรย์กะ ปีกนางฟ้าในมือของผม แล้วก็เสื้อคลุมที่อยู่บนตัวของเธอ
ท่านไอระ ยูกิโนะ คุณวาคาบะและคุณอิมาริมองเรย์กะยิ้มๆ คิโชวอิน ทาคาเทรุ กระแอมไอเล็กน้อยแล้วทักทายตอบผม
ผมชนะนะคราวนี้ นับแต่นี้ไปผมจะเอาจริงด้วย เราส่งสายตาที่สื่อความหมายให้กัน เขาก็ตอบกลับมาว่าจะไม่มีเป็นครั้งที่สองแน่
“นึกว่าพาขึ้นห้องไปแล้วซะอีก” คาบุรากิหันไปกระซิบกระซาบกับผมที่มีรอยยิ้มประดับบนหน้า
“อื๋อ มาซายะ?”ผมยิ้ม
“.....ก็ได้ๆ ไม่ยุ่งก็ได้”มาซายะสะดุ้งแล้วถอยไปอยู่ด้านหลังคุณวาคาบะอย่างรวดเร็ว
“นี่ก็ดึกมากแล้ว คงต้องขอพาเรย์กะและคุณไอระกลับก่อนนะครับ” คิโชวอิน ทาคาเทรุ เอ่ยขึ้น
“งั้นพวกเราก็กลับกันดีกว่านะ” คาบุรากิพยักเพยิดหน้า แล้วทุกคนก็ทยอยกันกลับ
ไอระเดินไปสมทบกับ คิโชวอิน ทาคาเทรุ แล้วไม่ลืมที่จะตบไหล่ผมเบาๆ “ฉันกลับก่อนนะ ชูสุ….อ๊ะ”
เสียงอุทานหลุดออกมาไม่ดังมาก แต่ก็เรียกความสนใจจากทุกคนได้
“มีอะไรเหรอ” ผมจงใจถาม
“ใส่หน้ากากเต็มหน้าแท้ๆ แต่ช่างแต่งหน้าเขาทาปากให้ด้วย...” ไอระหยุดพูดไปชั่วครู่แล้วหันหน้ามองผมสลับกับปากเรย์กะ
ไอระยิ้มมีอย่างเลศนัยและคุณวาคาบะก็จ้องเรย์กะอยู่นานโข
เสียงหัวเราะคิกคักของไอระและคุณวาคาบะดังขึ้นพร้อมกันแบบไม่ได้นัดหมาย ยูกิโนะกับมาซายะก็หัวเราะด้วย ตบหลังตบไหล่ผมกันใหญ่
ผมรู้น่าว่าคิดอะไรอยู่ ว่าแล้วก็เอานิ้วแตะๆปากตัวเอง สีแดงสดเหมือนกลีบกุหลาบติดปลายนิ้วมาเล็กน้อย
สีเดียวกับสีลิปสติกที่ทามาในวันนี้ของเรย์กะ
อิมาริผิวปากดังหวือ มองไปที่ผมด้วยสายตาที่ดูรู้ทัน แต่เรย์กะเขินอายจนหน้าแดงก่ำ
ผมมองนิ้วตัวเองแล้วก็มองเธอ รู้ใช่ไหมว่ามันหมายถึงอะไร?
เรย์กะโผเข้าหา คิโชวอิน ทาคาเทรุ แล้วหลบไปซุกหลัง ทำตัวได้น่ารักจริงๆเลยน้า แต่ว่าสี่คนนั้นยังไม่หยุดหัวเราะด้วยความเอ็นดูเลย
“เอาล่ะๆ ทุกคนพอดีกว่า” อิมาริพูดด้วยเสียงเหมือนกำลังกลั้นหัวเราะ “อย่าแกล้งเรย์กะจังมากไปกว่านี้เลยนะ”
นั่นสินะ ขืนแหย่มากกว่านี้เดี๋ยวจะหนีเอามากกว่า
“กลับกันได้แล้วล่ะ เรย์กะ” คิโชวอิน ทาคาเทรุ เอ่ยกับเรย์กะอย่างอ่อนโยน
“ขะ ขอตัวก่อนนะคะทุกท่าน”เรย์กะกุลีกุจอรีบกลับบ้าน เมื่อถึงหน้าโรงแรมแล้วผมก็ส่งเสียงเรียกเธอ
“คุณเรย์กะ”
ผมเอามือไขว้หลังพร้อมกับหน้ากากแพะในมือ
“ฝันดีนะครับ”
ตรงที่เธอยืนอยู่คือสุดปลายบันได ส่วนผมยืนอยู่ขั้นบนสุด พระจันทร์ที่อยู่เบื้องหลังสาดแสงลงมาทำให้เงาของผมทอดตัวยืดยาวออกมาทาบทับกับตัวเรย์กะ
ใช่แล้ว คุณน่ะหนีผมไม่พ้นแล้วล่ะ
เรย์กะสะดุ้งแล้วจ้ำอ้าวไปหา คิโชวอิน ทาคาเทรุ ที่ยืนรออยู่ที่รถ เปิดประตูแล้วขึ้นไปไม่เหลียวหลังมามองผม ผมหัวเราะเบาๆ เชื่อสิว่าเธอยังต้องได้ยินเสียงของผมอย่างแน่นอน....

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.