>>851 วิธีลงรูป http://imgur.com/a/DbbEi
Last posted
Total of 1000 posts
>>851 วิธีลงรูป http://imgur.com/a/DbbEi
ต่อฟิคเวียนจ้าาาาาา >>831-834 ชอบการปรากฏตัวเอ็นโจตอนท้ายมาก มือสั่นต้องรีบแต่งต่อ ฮือ T///T
ทำไมเอ็นโจถึงมาอยู่ที่นี่ได้!! ไหนท่านไอระบอกว่าอยู่เยอรมันไงคะ? โกหกกันเหรอ!?? ในระหว่างที่ฉันกำลังอึ้งกับการปรากฏตัวของเอ็นโจ สองคนนั้นก็ผงกหัวทักทายกัน เอ็นโจเป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน
"กำลังจะไปไหนกันเหรอ" ......ถึงแม้พูดด้วยหน้าตายิ้มแย้มแบบนั้นทำไมมันน่ากลัวอย่างนี้ละคะ ท่านพี่ช่วยน้องด้วย
"จะไปกินราเม็งกันน่ะ พอดีฉันกับคิโชวอินเลิกงานดึกทั้งคู่เลยจะไปหาอะไรกินแล้วค่อยกลับมาทำงานกันต่อ"
"อ๋อ.. คิโชวอินกรุ๊ปนี่งานหนักเอาเรื่องนะเนี่ย สนใจมาทำที่เอ็นโจกรุ๊ปมั้ยล่ะ" เดี๋ยวเถอะ เอ็นโจ! จะมาแย่งพนักงานของคิโชวอินกรุ๊ปไปง่ายๆแบบนี้ไม่ได้นะ ที่มาตามป้วนเปี้ยนใกล้ท่านไอระบ่อยๆก็เพราะอยากได้คนเก่งๆไปทำงานด้วยใช่มั้ยล่ะ อย่ามาแย่งคนของท่านพี่ไปนะ! ดูท่าเอ็นโจจะสังเกตเห็นสายตาอาฆาตแค้นของฉันเลยหันมายิ้มให้ อ๊ะ ไม่ได้ๆต้องเก็บอาการ หลักการสำคัญในแวดวงธุรกิจคือการเก็บอารมณ์ค่ะ จะให้ฝั่งตรงข้ามรู้ไม่ได้ว่าคิดอะไรอยู่
"นึกไม่ถึงว่านายจะมีมุมตลกแบบนี้กับเขาด้วย แต่มาก็ดีแล้ว พาคิโชวอินไปสิ คริสต์มาสทั้งที จะปล่อยให้ใช้เวลาแบบนี้คนเดียวได้ไง" ทำไมฉันรู้สึกว่าคิ้วเอ็นโจกระตุกหน่อยๆ..
"แล้วมิซึซากิคุงไม่ไปไหนเหรอ"
"ไม่ล่ะ ฉันเดตกับงานอยู่" ฉันกับเอ็นโจเผลอหันมามองหน้ากันแวบหนึ่ง ในใจฉันอดสงสารนายตัวสำรองไม่ได้ โถ... วันแบบนี้ยังต้องเดตกับงาน
"งั้นฉันไปละ" นายตัวสำรองโบกมือลาแล้วรีบเดินหนีไป ก่อนที่ฉันจะตั้งสติทันก็พบว่าตอนนี้เหลือแค่ฉันกับเอ็นโจซะแล้ว เอ๋----
"เชิญครับ คุณคิโชวอิน" เอ็นโจเปิดประตูรถและเชื้อเชิญให้ฉันขึ้นด้วยหน้าตายิ้มแย้ม ดูไม่น่าไว้ใจสุดๆอะ!
ทะ ทำไงดี ตั้งแต่เกิดมาฉันยังไม่เคยไปฉลองวันคริสมาสต์กับผู้ชายสองต่อสองเลยนะคะ ทางนั้นจะคิดว่าฉันด้อยประสบการณ์หรือเปล่า กรี๊ด หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหาวิธีทำให้ดูโปรเฟสชั่นแนลในการออกเดตวันคริสต์มาสทันไหมคะ เอ๊ะ แต่นี่ไม่ใช่เดตนี่ งั้นคงไม่ต้องเกร็งมากหรอก เอ็นโจอาจจะแค่ผ่านมาที่บริษัทแล้วไม่มีใครเลยมาชวนไปกินข้าวด้วยกันเฉยๆ ใจร่มๆนะตัวฉัน
"จะไปกินราเม็งกับมิซึซากิคุงหรือครับ คุณคิโชวอิน" กรี๊ด จะพูดอะไรก็ให้สุ้มให้เสียงหน่อยสิคะ!
"เอ่อ.. ค่ะ"
"แหม งั้นเหรอ แต่มากับผมแล้ว น่าเสียดายจัง"
"แหม ก็ไม่ได้เสียดายอะไรหรอกนะคะ"
"งั้นเหรอ แล้วถ้าวันนี้ไม่ไปกินราเม็ง คุณคิโชวอินอยากไปไหนเหรอ"
"หืม.. ไม่ไปกินราเม็งเหรอคะ" คริสต์มาสทั้งทีฉันก็อยากไปร้านอะไรน่ารักๆอย่างไปร้านขนมหวาน คาเฟ่อะไรงี้นะ แต่...
"งั้นไปร้าน ****** กันไหมครับ" เอ๋ ร้าน ****** นี่มันขึ้นชื่อว่าร้านขนมที่มีคนเข้ามากสุดในวันคริสต์มาสนี่คะ ฉันอยากไปนานแล้วแต่ถ้าไปคนก็ต้องรู้แน่เลยว่าไม่มีใครไปด้วยเลยต้องทนเก็บความเจ็บช้ำน้ำใจมาหลายปี
"แต่ท่านเอ็นโจไม่ชอบทานของหวานนี่คะ.."
"เอ๊ะ จำได้ด้วยเหรอ ดีใจจัง" อุ๊... "ก็ไม่เชิงว่าไม่ชอบขนาดนั้นหรอกนะ ถ้าหวานไม่มากก็ทานได้เรื่อยๆแหละ อีกอย่าง.."
"อีกอย่าง?"
"ถ้าคนที่ไปด้วยชอบจะไปไหนก็น่าไปหมดแหละครับ :)" อุเงี้ยว ที่ไปเยอรมันนี่ก็ไปฝึกสกิลเตรียมเป็นหัวหน้าหมูบ้านคาสโนว่าเหรอคะ ประตูเมืองหมูบ้านไร้รักโดนเขย่าอย่างรุนแรง กรี๊ด ไม่ใช่นะคะ ที่หน้าร้อนนี่เป็นเพราะรถตระกูลเอ็นโจแอร์เสียแน่ๆเลยค่ะ หัดตรวจเช็คสภาพรถบ้างคะ!
อยากเห็นจอมม่รยันแตกอ่าาาา อย่าถอยง่ายๆ สิทั่นรัชทายา---
โธ่ ทำไมอาริมะรีบหนีไปล่ะ กูเปลี่ยนเรือแล้วนะ เบื่อจอมมารที่ชอบโผล่มาแกล้งท่านเรย์กะ ตุ๋นจนเปื่อยตลอดเวลา ไม่เปิดทางเลือกให้นางเลย
บ้าจริงอาริมะ เราอุตส่าห์เชียร์นาย เจาะเรือตัวเองทำไม นายต้องช่วยท่านเรย์กะจากนักต้มตุ๋นก่อนสิ555555
ว่าแต่ เดทคริสต์มาสนี่ก็ทำให้นึกถึงฟิคกาลครั้งหนึ่งในฝัน... โม่งฟิคยังอยู่มั้ยเนี่ย 5555
>>863 จะมีspin off เป็นเรือ อาริมะก็ได้น้า ลองจิตนาการคู่รักพ่อบ้านแม่บ้าน ดูสิ
เรย์กะ:"คุณค่ะ ของ...ที่ซื้อมาจากอันนี้ใช้ดีจังเลย ขอบคุณนะคะ"
อาริมะ:"ไม่เป็นไรหรอก พอดีเห็นในช่อง...พอดีน่ะ" ขยับแว่นแล้วก็ ท่าซึนนิดๆ
ไม่ก็โมเม้น ช่วยกันทำงานบ้าน งานสวน อาริมะไล่เรย์กะออกจากครัวอะไรงี้
กริ๊ดดด อาริมะกลับมาก่อนนนน
คือฟิคดีงามจนอยากให้นายตัวสำรองดันให้คุณนักต้มตุ๋นตกกระป๋องเลย
สรุปรายชื่อที่เสนอชื่อกระทู้ใหม่
>>814 ปราสาทไร้รักของท่านราชินี: งานเต้นรำหน้ากากราตรีของท่านราชินีที่ตามหาราชา และกลยุทธ์ชิงหัวใจของจอมมารที่หวังไม่ให้ราชินีมีราชาเป็นของตน!![ปราสาทหลังที่19]
>>815 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับใบประกาศหาคู่ของจักรพรรดินี (ใบประกาศโดนฉีกอีกแล้ว!! ครั้งที่ 19 แล้วนะ!!)
>>819 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับปฏิบัติการตามหาโจรขโมยหัวใจของสาวสายลับสองหน้า (น้ำยาขัดโต๊ะขวดที่ 19)
>>821 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการขี่โพนี่พุ่งทะยานข้ามแดนไปหาเจ้าชาย (หน้าตาสมัยศตวรรษที่ 19)
>>825 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับนิทานเล่าขาน "ใครจะเอาแหวนเงินไปสวมนิ้วนางเจ้าแม่" (มหกรรมการแข่งขันขว้างมีด เป้าหมายคือตาซ้ายข้างนั้น! ครั้งที่ 19)
เฮลโหลๆ นี่โม่งที่ขอต่อฟิคเวียนเองนะ พอแต่งๆดูแล้วท่าจะยาวววววน่าดู อยากจะให้ตัดตอนลงดีไหมเอ่ย เพราะกระทู้ใกล้เต็มแล้วด้วย
>>834 >>857 อ้าวววว อาริม้าาาา ทำไมถอดใจไปง่ายๆ แบบนี้ แหม เสียแรงท่านพี่อุตส่าห์ชงให้ซะขนาดนี้ จะไปยอมแพ้ทางเอ็นโจทำม๊ายยยยยย ไม่ได้นะ ไม่ได้นะ อาริม๊าาา คิดถึงสมัยที่สู้ในสภานักเรียนเพื่อปกป้องสิทธินักเรียนซุยรันธรรมดาสิ ความกล้าที่จะสู้กับเหล่าา Pivoine หายไปไหน ฮือฮือ ก็รู้ว่าเอ็นโจเค้าเป้นพระเอกในฟิคเวียน แต่ได้เห็นตัวประกอบบ้างก็ดีนะ
>>831 - >>834 ต่อฟิคเวียนในตำนาน
มุมมองเอ็นโจ
------------------------------------------------------
ใกล้วันงานฮาโลวีนแล้ว
“.....ฮาโลวีนเหรอ”
ผมมองจดหมายจาก Pivoine ที่อยู่ในมือของตัวเองแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย
ตอนที่เรย์กะไปเยี่ยมยูกิโนะที่โรงพยาบาลผมก็คิดอยู่ว่าจะหลอกถามยังไงดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ดันติดธุระเสียก่อนจะได้ลงมือทำอะไร แต่โชคก็เหมือนจะเข้าข้างที่ยูกิโนะตะล่อมถามเอาจากเจ้าตัวได้สำเร็จด้วยใบหน้าเทวดาจอมปลอมนั่น
หืม ทีผมนี่แทบจะไม่ยอมตอบอะไรไม่ก็ตอบเลี่ยงๆแล้วก็ระวังตัวเกินไปเลยนะ แต่นั่นก็เป็นจุดที่น่ารักมากของเธอ
เหมือนกระต่ายหิมะเลยล่ะ
ถ้าละสายตาไปแปปเดียวก็จะหาตัวได้ยาก เป็นกระต่ายขาวช่างระแวงตัวหนึ่ง .....แต่เฉพาะกับผม
นอกนั้นแล้วเธอก็เปิดใจให้คนอื่นได้อย่างง่ายดาย ทั้งยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุขเมื่ออยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวผม แต่ผมเองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่อยากจะทำให้คนที่ตัวเองรักมีความสุขด้วยน้ำมือของตนเอง มันไม่ใช่ของที่ใครจะมาทำแทนให้ได้ ยอมรับเลยว่าผมแอบอิจฉาคนเหล่านั้น
ความพยายามสิบกว่าปีที่ผ่านมาเหมือนจะไม่เป็นผลเลย ผมคงจะคิดแบบนั้นถ้าเกิดว่าไม่ได้เห็นปฏิกิริยาที่แตกต่างจากเดิม โดยเฉพาะหลังจากช่วงงานโรงเรียน
มันทำให้ผมมีความหวัง
เหยื่อน่ะ หากอยู่ในอาการหวาดกลัว สัญชาติญาณระแวงภัยจะยิ่งมีความเฉียบคมมากจนไม่สามารถรุกเข้าไปแบบมั่วๆได้ เพราะมันจะหนีก่อนที่จะได้ทำอะไร แต่หากอยู่ในอาการสับสนลังเลทำอะไรไม่ถูก ช่วงนั้นล่ะคือโอกาสทองที่จะรุกเข้าใส่จนไม่สามารถหนีไปไหนได้
เรย์กะตอนนี้คือกระต่ายน้อยที่อยู่ในอาการสับสนตัวนั้น แล้วอะไรกันที่ทำให้เธอทั้งหวาดกลัวและลังเล?
“......” ผมไม่ตอบคำถามที่ตัวเองไม่รู้หรอก
“.............”
มาซายะมักจะพูดอยู่บ่อยๆเรื่องการรุกเข้าหาใส่คนที่ชอบ ถึงส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับคุณวาคาบะก็เถอะ
มาซายะแสดงอารมณ์ความรู้สึกกับคนรอบตัวอย่างตรงไปตรงมาเสมอ และเป็นคนที่กระตือรือร้นที่จะแสดงความรักกับคุณวาคาบะไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบใดก็ตาม คงเพราะแบบนั้นคุณวาคาบะถึงได้ตกหลุมรักมาซายะในที่สุด
ผมเคยถามเขาว่าทำไม
‘ถ้าเจ้าตัวไม่รู้ จะแสดงออกยังไงเขาก็ไม่เข้าใจหรอก!’
จำได้ว่ามาซายะตอบแบบนี้ แต่นั่นก็สมกับเป็นตัวเขาดี
แต่ผมมันประเภทปิดทองหลังพระซะด้วยสิ แล้วที่สำคัญ การแสดงความรู้สึกมากเกินไปในวงการนี้มันอันตรายมากด้วย
ยิ่งเก็บซ่อนมันไว้ได้เท่าไหร่ก็ยิ่งดี
แต่กับเรื่องความรักแล้วมันยากมากจริงๆ การไม่สามารถแสดงความรักออกมาทั้งที่ความรักนั้นเอ่อล้นอยู่ในใจเต็มเปี่ยมได้นั้นช่างลำบากเกินทน ผมในวัยเด็กจึงพยายามอดทนเพื่อให้เวลานั้นมาถึง
หลังจบการศึกษาผมก็ได้จัดการทุกอย่างและ “ทำความสะอาด” บริษัทจนหมดจดและไม่มีพันธะใดหลงเหลืออยู่อีกและในงานแต่งงานของเพื่อนร่วมรุ่นผมก็รู้แล้ว
.....ตอนนี้ผมสามารถรักเธอได้อย่างเปิดเผยแล้ว
ไม่ว่าเธอจะผลักไล่ไสส่งแค่ไหนผมก็จะทำต่อไป
ผมจะแสดงความรัก
อยากให้คุณได้เห็นถึงความรักของผม
อยากให้คุณได้สัมผัสกับความรักของผม
อยากทำให้คุณมีความสุขได้ด้วยมือของผม
.....
แต่ผลจากการที่ไม่แสดงอะไรเลยให้อีกฝ่ายเห็นนั้น ทำให้เมื่อถึงเวลาจริงๆก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ทำให้ผมนึกถึงสมัยที่มาซะยะกำลังหาทางรุกจีบวาคาบะอยู่โดยมีเรย์กะคอยช่วยเหลือทั้งด้านหน้าและลับหลัง
ผมจึงใช้วิธีไปเจอกันบ่อยๆเข้าไว้ทำให้เธอเริ่มจะคุ้นชินกับตัวผม แล้วค่อยชวนไปไหนต่อไหน หรือเอาง่ายๆก็เรียกว่า “เดท” แต่จนแล้วจนรอดก็มีพญายมคอยกีดขวางทางผมอยู่คนหนึ่ง
คิโชวอิน ทาคาเทรุ
....ให้ตายสิ เขาเป็นคนที่รักน้องมากจริงๆ ผมคิด
โบราณว่าผีเห็นผีฉันใด ผมกับคิโชวอิน ทาคาเทรุก็เป็นฉันนั้น
นับตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอเขาผมรู้ทันทีว่า “เรามันคนประเภทเดียวกัน”
และพี่ชายอย่างเขาคงไม่ยอมที่จะยกเธอให้กับผมที่เป็นคนประเภทเดียวกันกับเขา เขาไม่ยอมให้ผมเล่นกับอารมณ์สีหน้าและท่าทางของเธอได้ตามใจเหมือนกับที่เขาทำกับน้องสาว
“มีคนอย่างฉันอยู่ข้างเรย์กะอยู่แล้วทั้งคน อย่างแกน่ะมันไม่จำเป็น” เขาคงคิดแบบนี้ ....แน่นอน สำหรับผมแล้วก็เห็นด้วยนะ ถ้ามีใครรู้ไส้รู้พุงของผม ผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน มันเป็นความรู้สึกคุกคามประเภทหนึ่งที่อธิบายได้ยาก แต่อย่างหนึ่งที่แน่ชัดคือเขารู้ว่าผมรักเรย์กะแค่ไหน
ทั้งที่เขารู้แต่ก็ยังคงหาทางขัดขวางเพราะความหวงน้องสาวนั้นมีมากเกินเยียวยาตามประสาซิสค่อนอาการหนัก
บอกเลยว่าตรงจุดนี้ถ้าไม่มียูกิโนะผมคงลำบากยิ่งกว่านี้ แต่น้องชายที่รู้จักพี่ดีเกินไปนี่มันไม่น่ารักเอาซะเลยน้า
แต่ก็ขอบคุณมากเลยไอ้น้องชายตัวแสบ
เพราะแบบนี้ผมถึงรู้ว่าเรย์กะจะไปร่วมงานแน่ๆถ้าไม่มีผม แล้วไอระเองก็เมลล์มาบอกว่าไปเลือกชุดด้วยกันอย่างสนุกสนานเลยด้วย
ชุดนางฟ้าในวันฮาโลวีนเหรอ หืม
ระวังจะถูกปิศาจทำให้แปดเปื้อนจนไม่ได้กลับสวรรค์นะ....เรย์กะ
.
.
ถึงวันงานจนได้
ตลอดเวลาจนถึงวันก่อนงานจะเริ่มเนี่ย ผมทำงานหนักมากๆ เพื่อที่จะได้วันว่างแค่วันเดียวมาหาเธอในงานนี้
ผมโดนมาซายะบ่นใสว่า “ปั่นงานตาเหลือกแบบนั้นระวังจะไม่ไหวเอานะ!” แล้วก็จ้างคนมาช่วยผมทำจนมีเวลาพักผ่อนก่อนเริ่มงานพอดี ขอบคุณสำหรับความเห็นใจนะมาซายะ
วันนี้ผมจงใจใส่ชุดปิศาจและหน้ากากแพะเต็มหน้าเพื่อไม่ให้คนรู้ว่าผมเป็นใครจะได้แยกตัวออกมาทำอะไรได้ง่าย
สถานที่จัดงานวันนี้คือโรงแรมในเครือคาบุรากิแล้วได้มาดามคาบุรากิลงมาคุมงานด้วยตัวเอง งานจริงยิ่งใหญ่อลังการสมกับที่เป็นงานสังสรรค์ของเหล่าอมนุษย์ แต่มีคนแต่งตัวน่าสมจริงอยู่หลายคนเรย์กะจะยอมเข้างานมาหรือเปล่านะ ผมมองไปรอบๆงานเห็นมีนางฟ้าหลายคนเดินผ่านไปมา มีบ้างที่มาทักแต่ผมก็ทักทายตามมารยาทแล้วก็ถอยออกมา
อ่า....ตื่นเต้นเป็นสาวน้อยเลยนะผมเนี่ย
พอคิดว่าคนที่ตัวเองรักอยู่จะสวมชุดแบบไหนมานั้นผมก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาจนอยู่ไม่สุข
จะมีคนเข้าไปหาเธอหรือเปล่า
มีผู้ชายคนไหนจะเข้าไปหาเธอหรือเปล่า
เธอจะสนใจผู้ชายคนไหนหรือเปล่า
ความคิดผมวนเวียนอยู่กับสิ่งเหล่านี้จนแทบทนไม่ไหว
“ท่านพี่? อย่าบอกนะว่าตื่นเต้นน่ะ” ยูกิโนะที่อยู่ข้างตัวผมถาม
“หือ....เปล่านี่” ผมยิ้มแล้วก็ตอบด้วยน้ำเสียงที่ข่มอารมณ์ของตัวเอง
“โกหกอีกแล้ว แต่เอาเถอะ ผมพอจะเดาได้น่ะนะ” ยูกิโนะยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
ยูกิโนะมองไปที่พระจันทร์เต็มดวงแล้วพูดขึ้นมา
“วันนี้เป็นวันปล่อยผี นานๆทีปลดปล่อยมันออกมาบ้างก็ดีนะท่านพี่”
“นั่นสิน้า.....”
ไม่ต้องพูดแบบนั้นผมก็รู้อยู่แล้ว ที่ผมทำงานเป็นบ้าเป็นหลังก็เพื่อสิ่งนี้นี่แหละ
นับวันความรักของผมยิ่งเอ่อล้นขึ้นมา เรย์กะนับวันยิ่งสวย นับวันยิ่งน่ารัก เมื่อห่างไกลกันก็คิดถึงจนแทบทนไม่ไหว ซักวันหนึ่งเขื่อนแห่งศีลธรรมที่ผมได้สร้างไว้คงจะพังลงเป็นแน่แท้หากไม่ได้แสดงความรักที่มีต่อเธอแบบตรงๆ ถึงตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำอะไรลงไปบ้าง
....ผมตัดสินใจว่าวันนี้ผมจะทำให้มันชัดเจน
....จะทำให้มันชัดเจนตราตรึงลงไปในใจของเธอจนไม่มีอะไรลบให้หายไปได้
“ไงชูสุเกะ พักผ่อนพอหรือยัง” เสียงอันคุ้นเคยของมาซะยะดังมาจากทางด้านหลัง
“แค่นั้นก็พอแล้วล่ะ ว่าแต่ชุดอัศวินสินะ หืม” ผมตอบกลับแล้วมองไปที่ชุดของมาซายะ ชุดนี่ไม่ร้อนเหรอ? อยากจะถามอยู่หรอก แต่มาซายะเอาจริงเอาจังมาก นี่คงจะอดทนอยู่ด้วย เห็นแก่ที่จ้างคนมาช่วยผม ผมจะทำเป็นไม่เห็นสายตาที่มองมายังชุดของผมด้วยความภาคภูมิใจก็แล้วกัน
“วันนี้จัดเต็มเชียวนะ ว่าไง? จะให้ฉันเปิดห้องที่ชั้นบนเอาไว้ไหม?” มาซายะถาม ในฐานะของคนที่เคยผ่านจุดนั้นมาก่อนเขาคงจะรู้ว่าผมคิดจะทำอะไร แต่ว่าเขาคิดเตลิดไปไกลถึงขนาดไหนล่ะนั่น?
“ขอบคุณนะมาซายะ แต่ไม่จำเป็น”
“เอาน่า เผื่อไว้ๆ ฉันจะทำให้ทางสะดวกเอง” ว่าแล้วมาซายะก็เรียกคนมาจัดการตามเรื่อง
โอเค....ผมยอมลงให้ก็ได้มาซายะ แต่หลังจากงานนี้คนที่จะได้ใช้ห้องนั้นน่าจะเป็นนายมากกว่านะมาซายะ?
“ขอโทษสำหรับการเสียมารยาทนะคะท่านเอ็นโจ” คุณวาคาบะในชุดกระโปรงสุ่มแบบโบราณก้มหัวขอโทษแทนมาซายะแล้วหัวเราะแห้งๆ
“ไม่เป็นไรครับ”
“คิกๆ...ท่านเอ็นโจวันนี้เองก็ดูกระตือรือร้นมากเลยนะคะ ขอให้สุขสมความปรารถณานะคะ” เนื่องจากตอนนี้เธอมีสถานะเป็นหนึ่งในมาดามคาบุรากิด้วยจึงไม่สามารถรั้งอยู่ได้นานจึงรีบตามมาซายะไปทักทายแขกที่มาร่วมงาน
ทันใดนั้นหัวใจของผมก็เต้นแรง
เธอนั่นเอง เธออยู่ตรงนั้น ผมมองไปยังทางที่มาซายะพูดคุยกับแขกอยู่
ที่อยู่ตรงนั้นคือนางฟ้าตนหนึ่ง
เป็นนางฟ้าที่แสนบริสุทธ์และงดงามที่สุดในบรรดานางฟ้าทั้งหมดในงานนี้ ช่างงามล้ำยิ่งกว่าหยาดฟ้ามาดิน
โดยเฉพาะเมื่อหรี่ไฟลงชุดของเธอก็ส่องประกายดั่งดาวจรัสแสงบนท้องฟ้าที่ไม่อาจจับต้องได้
ผมรู้สึกว่ากลายเป็นคนบาปคนหนึ่งที่ริอ่านมารักนางฟ้าผู้สูงศักดิ์และปรารถณาทุกสิ่งที่เป็นเธอขึ้นมา
ปรารถณาจะฉุดความขาวบริสุทธ์นั่นลงมาแปดเปื้อนและอยู่คู่กับเขาไปชั่วนิจนิรันดร์ ไม่ให้ใครได้เห็น ไม่ให้ใครได้ยิน สมบัติล้ำค่านี้นั้นเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว นับจากนี้และตลอดไป
“.....ไอระ”
ผมก้าวเข้าไปหาไอระกับยูกิโนะแล้ววางแผนด้วยกัน
.
.
.
วงดนตรีเริ่มบรรเลงเพลง หลายๆคนก็จับคู่กันแล้วเริ่มเต้นรำ
คู่ของผมคือไอระ และที่คู่กับเรย์กะอยู่คือน้องชายของผม
บอกตามตรงผมล่ะอิจฉาชะมัด แต่ก็ต้องอดทนเพราะมันเป็นแผน
เรย์กะยิ้มแย้มอย่างสดใสเมื่อเต้นรำกับยูกิโนะแม้ว่าจะดูแห้งๆบ้างเพราะหน้ากากที่น่ากลัวของเขา ผมหวังว่าสักวันคนที่เธอส่งยิ้มให้จะเป็นผมนะ
อื๋อ มองมาทางนี้ด้วยล่ะ
ถึงหน้ากากนั่นจะปิดบังหน้าตาของเธออยู่ก็จริง แต่ความสงสัยใคร่รู้ในแววตาปิดไม่มิดเลยนะแม่นางฟ้า
“....เอ็นโจ” ไอระกระซิบ
...ดูท่าจะถึงเวลาแล้วสิ
เมื่อถึงจังหวะหมุนตัวผมก็เข้าไปแทนที่ยูกิโนะ
เรย์กะหมุนตัวกลับมาสู่ท่าเริ่มต้นแล้วก็รู้สึกตัวว่าไม่ใช่ยูกิโนะ แล้วก็งุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่
...ผมไม่พลาดโอกาสนี้แน่
ผมค่อยๆใช้จังหวะเต้นรำพาเราออกห่างจากกลุ่มคนมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันผมก็ต้องพยุงเธอดีๆไม่ให้ได้ต้องเจ็บตัว ผมพยายามใส่การสัมผัสที่ทะนุถนอมที่สุดเท่าที่ทำได้แล้วพาไปอยู่ตรงกลางวง
ฟ้าเหมือนจะเป็นใจมากทีเดียว เหนือขึ้นไปยังโดมกระจก เมฆได้ลอยหายไปจากผืนผ้าแห่งดวงดาวและเผยโฉมความงามแห่งรัตติกาลด้วยรัศมีของดวงจันทร์
แม้เธอจะอยู่ในความมืดก็ส่องประกายดั่งดาวพร่างพรายบนท้องฟ้า แม้อยู่ในความสว่างก็ส่องแสงอบอุ่นดั่งดวงสุริยัน สำหรับผมแล้วไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหนก็เป็นเหมือนแสงสว่างสำหรับผมอยู่เสมอ
ไม่ว่าผมจะหลงลืม หลงทาง หรือจะเป็นอะไร
ทุกครั้งที่ผมมองเธอ ผมก็ตกหลุมรักเธออยู่เรื่อยไป
รัก รัก รัก
ผมสังเกตได้ว่าคนออกจากฟลอร์ไปหมดแล้วเหลือแต่พวกเราเท่านั้น
ยอดเยี่ยมมากมาซายะ แม้ว่าผลงานนั้นจะเป็นขอยูกิโนะซะเกือบหมดก็เถอะ กลับไปต้องให้รางวัลสักหน่อย
เสียงเพลงเริ่มเปลี่ยนไปเป็นจังหวะที่เร่าร้อนขึ้น มาแล้วสินะ บทเพลงที่ผมจะใช้เป็นตัวประกาศแสดงความเป็นเจ้าของกับเธอ
แม้เจ้าตัวจะไม่ได้คิดอะไรแต่ต้องเกิดข่าวลือขึ้นแน่นอน
ข่าวลือนั่นจะทำให้พวกไม่รู้ที่ต่ำที่สูงรู้อย่างชัดเจนว่า “ผมจองเธอแล้ว” แล้วจะไม่มีหน้าไหนมาเข้าใกล้เธออีกเป็นครั้งที่สอง
เรย์กะดูเหมือนจะแปลกใจน่าดูที่เพลงเป็นเปลี่ยนเป็นแทงโก้ที่ตัวเองเต้นไม่ค่อยถนัด แต่ผมจะนำเธอให้เอง
“ท่านเอ็นโจ” เรย์กะเอ่นชื่อของผมออกมาด้วยความสงสัย
ผมหัวเราะในลำคอเบาๆ ดีใจนะที่เธอเดาว่าเป็นผม
“ครับ” ผมตอบกลับด้วยอารมณ์ดี
เรย์กะมองผมด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อว่าผมเต้นแทงโก้เป็นด้วยความคมกริบ นี่ๆหัวคิ้วย่นแล้วนะ
“ไหนว่าจะไม่มายังไงล่ะคะ” เธอถาม
“นั่นยูกิโนะพูดเอง” ผมหัวเราะ “ผมไม่ได้บอกซักหน่อยว่าจะไม่มา”
เรย์กะมองผมด้วยสายตาเคืองๆแบบ ไหนว่าจะไม่มาไง!? แต่ใครสนล่ะ ผมก้มลงไปใกล้ๆเธอตามสเต็ปแทงโก้ แล้วเอามือรองแผ่นหลังของเธออย่างดี
....รู้อยู่หรอกว่าใส่ชุดเปิดหลังมาแต่ไม่นึกว่าจะขนาดนี้....ผมพยายามข่มสติของตัวเองไม่ให้เตลิดไปกับสัมผัสอันเรียบลื่นจากแผ่นหลังนั้น เมื่อเพลงจะจบลงเธอก็เอาขามาเกี่ยวต้นขาของผมตามสเต็ปเพลง แล้วเสียงปรบมือก็ดังสนั่นลั่นฟลอร์ แต่ผมอดคิดเกินเลยไปไม่ได้เลย ผมนับเลขในใจหลายครั้งกว่าจะสงบลง เมื่อเราคำนับให้กันเธอก็ทำท่าจะเดินจากไป แต่นี่มันโอกาสของผม ผมไม่ยอมให้ใครได้ไปหรอกนะ
ผมจับมือของเรย์กะแล้วลากตัวออกไป ผมเปิดประตูทางออกอีกทาง แล้วพาเธอลงบันไดเดินไกลออกมาจากงานเลี้ยงยังสวนหิ่งห้อยที่ปลอดคนทันที
.
.
.
“พอได้ออกมาข้างนอกก็ค่อยยังชั่วหน่อย ในงานคนเยอะจริงๆ” ผมพาเธอมานั่งที่ม้านั่งใกล้ๆกัน บริเวณนี้เป็นซุ้มดอกไม้ที่ปลูกไว้อย่างสวยงาม มีแสงจันทร์จากพระจันทร์เต็มดวงสาดส่องมาเพิ่มความโรแมนติคให้ด้วย ผมอยากให้บรรยากาศมันสมบูรณ์แบบที่สุดน่ะนะ
“นะ...นั่นน่ะสิคะ”
“หน้ากากนี่ก็อึดอัดจัง คุณเรย์กะช่วยผมถอดหน่อยสิ” ผมพูดสองแง่สองง่ามด้วยน้ำเสียงออดอ้อนที่นานๆจะได้อ้อนสักที ที่เธอไม่สนใจผมมากว่าสิปปีน่ะ งอนมากเลยรู้ไหม
จบคำพูดเรย์กะก็ถลึงตาใส่ผม ผมหัวเราะแล้วพยายามแกะออกเอง แต่ผมจงใจทำเหมือนกับว่ามันแกะยาก เรย์กะเลยเอื้อมมือไปดึงพวกสายรั้งอะไรพวกนั้นให้ออกไปเป็นการช่วยผมอีกแรง
พอหน้ากากหลุดออกไป ผมเผ้าของผมก็ยุ่งเหยิงพอสมควร แต่เพราะตอนนี้ผมมีความสุขมากจึงยิ้มกว้าง
“นึกยังไงถึงแต่งตัวแบบนี้กันล่ะคะ”
“ยูกิโนะ มาซายะ ไอระช่วยกันออกไอเดียน่ะ” ผมหัวเราะเบาๆ “ต้องนั่งเป็นหุ่นลองเสื้อให้สามคนนั้นตั้งนาน กว่าจะได้ที่ถูกใจที่ยากไม่ใช่เล่นเลยนะ” มาซายะชอบความสมบูรณ์แบบมากเกินไปเลยลำบากในหลายๆความหมาย
“เอ๋!?”
เรย์กะทำสายตาไม่ไว้วางใจผม คิดว่าผมหลอกอยู่สินะ ไม่ไหวเลยแฮะ ทำกระต่ายระแวงอีกแล้วสิ....
“คุณเรย์กะไม่ดีใจที่ผมมาเหรอ” ผมถามด้วยความรู้สึกจากใจจริง
“แหม ก็…” เรย์กะอ้ำอึ้งแล้วตอบไม่ถูก ดูเหมือนว่าผมจะมีความหวังเพิ่มขึ้นแฮะ
“อื๋อ” ผมแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้
“กะ ใกล้เกินไปแล้วนะคะ”
“ก็นานๆทีจะมีโอกาสได้เห็นนางฟ้านี่นา” ผมยิ้มกริ่ม “ก็อยากมองใกล้ๆไม่เห็นจะแปลกตรงไหน”
นี่ผมพูดจริงนะ แล้วนางฟ้าที่ว่าต้องเป็นเธอเท่านั้นด้วย
“พอมองแล้วก็อยากสัมผัส”
ผมใช้ปลายนิ้วไล้ไปตามใบหน้าของเธออย่างหลงไหลและรักใคร่ ผมล่ะอยากจะกอดเธอจริงๆ ผมอยากจะแสดงความรักที่ผมมีให้คุณได้เห็นมันตอนนี้ ที่นี่ และเดี๋ยวนี้ แต่ถ้าเกิดผมทำจริงๆเธอคงจะเกลียดผมไปชั่วชีวิต
แต่ว่า....ถ้าไม่ระบายความรู้สึกนี้ออกไปให้เธอรับรู้ ผมก็คงทนไม่ไหว แล้วตายด้วยความรักที่เต็มล้นนี้แน่นอน
เธอยกมือขึ้นกันผมออกมาอย่างเงอะงะ แต่ผมรวบข้อมือฉันไว้ทั้งสองข้าง กดจูบเบาๆแล้วเอามือของเธอมาแนบแก้มตัวเอง เธอจะดึงมือตัวเองออกถูกผมจับไว้ไม่ปล่อย เหมือนจะอ้อนวอนขอให้เรย์กะได้รับรู้ความรักของผมผ่านสัมผัสเหล่านั้นสักนิดก็ยังดี
“ทะ ท่านเอ็นโจ อย่าล้อกันเล่นแบบนี้สิคะ”
อื๋อ คุณเรย์กะคิดว่าล้อเล่นเหรอ” ผมมองเธอตอนจูบฝ่ามือของเธออย่างอ้อนวอน
ขอร้องล่ะ ความรักของผม ได้โปรดรับรู้มันด้วยเถอะนะ
“คุณเรย์กะรู้มั้ย จูบที่ฝ่ามือน่ะแปลว่าอะไร” ผมมองมือของเธอที่ผมจูบด้วยความรัก เธอคงไม่สนเรื่องความหมายหรอกแต่ว่า...
“แปลว่าผมกำลังอ้อนวอนคุณ”
เรย์กะมองผมอย่างสงสัยว่าอ้อนวอนอะไร
ผมหัวเราะแล้วกระซิบข้างหูของเธอ “ถ้าจะอ้อนวอนขอจูบ คุณเรย์กะจะยอมหรือเปล่าล่ะครับ”
ได้โปรดให้ผมได้แสดงความรักแก่เธอทีเถอะ ได้โปรดมอบความรักให้ผมทีเถอะนะ
ทันทีที่ได้ยินเรย์กะก็หน้าแดง หูแดงและอ้าปากค้างไม่อยากจะเชื่อ คงกำลังกำลังว่าผมหน้าไม่อายอยู่ใช่ไหมครับ?
ใช่ครับ เพราะตอนนี้ผมกำลังอ้อนวอนขอร้องเธอด้วยความรู้สึกที่มีทั้งหมดแล้ว ถ้าเพื่อสิ่งนี้แล้ว ไม่ว่าจะให้ทำอะไรผมก็ทำได้อย่างไม่อายเลย
เพราะความรู้สึกรักนั้นมีมากมายเหลือเกิน
“ว่ายังไงล่ะครับ” ผมไล้นิ้วโป้งไปตามริมฝีปากของเธอเบาๆ “ที่เงียบไปนี่แปลว่าตกลงใช่มั้ยเอ่ย”
“ไม่ตกลงค่ะ” เรย์กะรีบถอยกรูดไปข้างหลัง แล้วเอามือตะครุบปากตัวเอง
“ไม่ได้จริงๆเหรอ” ผมยิ้ม
“ไม่ได้ค่ะ”
“นะ?”
เรย์กะถอยตัวกรูดไปจนกระทั่งหลังชนกับเรือนกระจกขนาดใหญ่ ขณะที่ผมยิ้มกว้างขยับตัวย่างสามขุมตามเข้าไปช้าๆ
"คุณเรย์กะ" ผมเรียกเธอด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความรู้สึกทั้งหมดของผม และส่งสายตาอ้อนวอน
"เรย์กะ" ผมเรียกชื่อของเธออีกครั้ง แล้วขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ๆพร้อมกับจ้องมองลึกลงไปในดวงตาที่สั่นระริกของเธอ
"ไม่ได้ค่ะ! ฉัน ฉันไม่ใช่ท่านไอระนะคะ!!!" เธอร้องดังลั่น พร้อมกับใช้มือดันตัวผมออกไป
....ไอระงั้นเหรอ?
"หือ? ไหงพูดถึงไอระขึ้นมาล่ะ?" ผมถอยไปเล็กน้อย พร้อมกับรวบมือของเธอที่กำลังจะดึงกลับมาไว้ในทันที ผมไม่ยอมให้เธอหนีไปไหนจนกว่าจะตอบคำถามผมหรอกนะ ผมเอียงหัวเลิกคิ้วทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อยทั้งที่ยังยิ้มอยู่
เรย์กะยิ้มกริ่มเบาๆเหมือนจะคิดว่า เป็นไงล่ะฉันรู้เท่าทันเธอนะ! เลยล่ะ ผมคิด
อ้อ ผมลืมไปเลยว่าเธอมีนิสัยที่ชอบคิดเองเออเองด้วยสิ
ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วก้าวเท้าเข้ามาประชิดตัวเธอ เรย์กะพยายามจะหนีแต่ว่าหลังก็ติดเรือนกระจกแล้ว แถมมือก็โดนจับรั้งไว้อยู่ ไม่มีทางให้หนีไปได้เลยล่ะ ไม่ให้หนีหรอกนะกระต่ายน้อย
"คราวนี้คิดเองเออเองเรื่องอะไรอีกแล้วล่ะครับ?"
น้ำเสียงของผมแข็งกระด้างขึ้นมาด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ก่อนที่จะก้มลงไปกระซิบที่หูข้างขวาของเรย์กะ
"เรย์กะใจร้ายจังเลยน้า"
ใช่ ใจร้ายมากเลย ทั้งที่ไม่ยอมสนใจผมและหลีกเลี่ยงผม แต่มาคิดว่าผมแอบรักไอระอยู่ซะงั้น
แต่นี่นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีว่า ผมเองก็มีตัวตนอยู่ในใจของเธอ ในสารบบความคิดของเธอยังมีผมอยู่ข้างในนั้น ผมดีใจนะ
เพราะผมจะได้สื่อความรู้สึกของตัวเองไปได้ง่ายขึ้น
ผมใช้ปลายนิ้วข้างหนึ่งไล้บนแก้มของเธออย่างแผ่วเบา
"ที่ผมทำมาทั้งหมดเนี่ย ถ้าผมไม่สารภาพ คุณจะไม่รู้เลยจริงๆงั้นเหรอ?"
ผมถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ผมหวังว่าเธอจะรับรู้ได้บ้างแท้ๆเชียว แต่บ้าจริง
ทั้งผมทั้งเธอต่างเป็นคนโง่ในเรื่องความรักของตัวเอง
ผมดีแต่รอให้เธอรู้สึกถึงความรักของผมทั่งที่ไม่ได้ทำอะไรให้เธอได้รู้สึกเลย
เธอเองก็รอคอยความรักจากผู้อื่นทั้งๆยังไร้เดียงสาไม่รู้จักความรักที่แท้จริง
รุ่นพี่ที่เธอหลงรักนั้นเป็นเพียงความหลงในชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้นมันเป็นความรักที่ใกล้เคียงกับความหลงไหล ไม่ใช่ความรักลึกซึ้งที่ผมมีให้เธอ
คนหนึ่งรอไม่ไปไหนแต่ไม่รับรู้ ส่วนอีกคนเอาแต่รอให้รู้สึกไปรุกคืบหน้า แบบนี้เมื่อไหร่เราจะรู้เสียทีว่าใครกำลังรักเราหรือเรากำลังรักใคร
ผมขยับใบหน้ามาที่ข้างหน้าของเธออีกครั้ง แล้วจ้องมองเธอด้วยความจริงจัง
"ผมไม่เคยทำแบบนี้กับคนอื่นเลยนะ" ผมยกมือของเรย์กะขึ้นมาจูบเบาๆอีกครั้ง "....แค่คุณเท่านั้น"
"!!!"
เรย์กะทำท่าลนลานและหันรีหันขวาง แต่ผมไม่ปล่อยโอกาสให้คุณหรอกนะ
"เรย์กะ..." ผมเรียกเธอด้วยเสียงแผ่วเบา ไม่รู้ว่าใบหน้าของผมเป็นสีอะไรแล้วนะตอนนี้ แล้วขยับตัวเข้าไปใกล้เรื่อยๆ
"เรย์กะ... ที่ผ่านมา... ตลอดเวลา... ผมน่ะ..." ผมกำลังจะสารภาพบาป
ใช่แล้ว บาปที่ว่าคือการไปหลงรักนางฟ้าองค์นี้ จนตัวเองต้องมาทรมาณกับความรักและมีความสุขกับความรักแบบนี้
แต่ก่อนที่ผมจะพูดจบเสียงนาฬิกาในสวนก็ลั่นดังเหง่งหง่างขึ้นมาพอดี เพราะว่าที่นี่มันเงียบสนิทมาตลอดเลยทำให้เราทั้งคู่สะดุ้งโหยง พอผมชะงักไป เรย์กะก็รีบพูดขัดผมทันทีอย่างร้อนรน
"อะ เอ่อ เที่ยงคืนแล้ว กลับเข้าข้างในกันเถอะค่ะ!!!"
ผมแอบเดาะลิ้นเบาๆ แล้วถอยหายใจก่อนจะยิ้มให้เธอ
"เรย์กะเป็นนางฟ้า ไม่ใช่ซินเดอเรลล่าสักหน่อย จะรีบไปไหนล่ะครับ?"
"เอ่อ....... เราออกมาข้างนอกนานแล้ว เดี๋ยวคนอื่นๆจะเป็นห่วงนะคะ"
"ถ้าเป็นไอระหรือยูกิโนะ พวกเขารู้อยู่แล้วล่ะว่าเรย์กะอยู่กับผมสองคนคงไม่ได้ห่วงเท่าไหร่หรอกน่า"
...และที่สำคัญผมก็ใช้ทั้งไอระ ยูกิโนะและมาซายะให้คอยรั้งคนอื่นอยู่ด้วย เวลาน่ะ “เหลืออีกเยอะ”
"เอ่อ...... ข้างนอกมันหนาวน่ะค่ะ....." เรย์กะทำท่ากอดแขนอย่างหนาวสั่น แต่ก็จริงเพราะเธอใส่ชุดเปิดหลังมาเอง ไม่ใช่ความผิดของผมเสียหน่อย แต่ว่านะ.....
"ไล้สายตามองอะไรแบบนั้นกันน่ะคะ! เสียมารยาท!!"
ผมหัวเราะเล็กน้อยก่อนพูดขอโทษ
"อา ไม่หนาวก็แปลกแล้วล่ะครับ..."
จากนั้นผมก็ถอดเสื้อคลุมนักเวทย์ของตัวเองออกมาและกำลังจะเอาไปคลุมให้เรย์กะ
"อ๊ะ"
"หือ?"
"เรย์กะหันหลังหน่อยซิครับ"
"หา?"
"เสื้อคลุมมันจะติดตรงปีกที่หลังเอาน่ะ แกะออกก่อนดีกว่านะ"
"อ้อ นั่นซินะคะ"
เรย์กะหันหลังให้ผมอย่างว่าง่าย
"ทะ ท่านเอ็นโจ!" เรย์กะร้องขึ้นเมื่อรู้สึกตัวว่าแผ่นหลังของเธอนั้นผมจะเห็นทั้งหมด
"นิ่งๆซิครับ" ผมทำเสียงดุ เพราะว่าผมไม่อยากให้มันนานไม่มากกว่านี้เดี๋ยวเธอจะไม่สบายเอา ผมส่งปีกนางฟ้าให้เธอแล้วไม่พูดอะไร ก่อนวางเสื้อคลุมบนไหล่ให้
เรย์กะถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วกำลังจะใช้มือรวบผมตัวเอง ผมเห็นว่ามันท่าจะลำบากเลยจับมือเธอเอาไว้
"ผมช่วยนะ" ผมบอกพลางเอามือไปจัดผม ออกจากเสื้อคลุมช้าๆ กล่าวกันว่าลำคอของหญิงสาวนั้นคือจุดหนึ่งที่ทำให้มีสเน่ห์ ตอนนี้ผมเห็นด้วยกับประโยคนี้มาก โดยเฉพาะเมื่อมันเป็นลำคอของคนที่คุณรัก...
"ขะ ขอบคุณค่---!!!" เรย์กะชะงักไปเมื่อผมจูบลงไปที่หลังคอของเธออย่างแผ่วเบา
"ใส่ชุดเปิดเผยขนาดนี้ เป็นนางฟ้าที่นิสัยไม่ดีเลยนะ...” ผมพูด รู้สึกตัวได้เลยว่าน้ำเสียงของผมมีความปรารถนาเจือปนอยู่ด้วย
ผมมองเห็นสีหน้าที่เขินอายและตกตะลึงจากด้านหลังผ่านกระจกได้ชัดเจนเลยล่ะ
เรย์กะออกอาการแตกตื่นลนลานอย่างน่ารักจนเสื้อคลุมร่นมาอยู่ที่เอวแทน
ผมค่อยๆจูบแผ่นหลังของเธออย่างอ่อนโยนโดยค่อยๆเลื่อนลงไปตามแนวกระดูกสันหลัง ผมล่ะรักทุกสิ่งที่เป็นเธอจริงๆ
เรย์กะรีบหันหน้ามาเมื่อเห็นว่าผมทำท่าจะไล่ลงต่ำไปเรื่อยๆ หน้าของผมเลยฝังอยู่กับช่วงท้องของเธอ นึกถึงช่วงที่เธอกำลังลดน้ำหนักแล้วผมล่ะอยากจะเอาหน้าซุกไปที่ท้องจริงๆ คงจะนุ่นิ่มน่าดู โดยเฉพาะถ้าเกิดเราได้แต่งงานและมีลูกกันจริงๆผมคงจะพิงหัวฟังเสียงลูกอยู่ทุกวันเลยล่ะ ไม่ได้การ.... ผมที่อยู่ในท่านั่งคุกเข่าเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยิ้มมุมปาก แล้วมองเธอด้วยความหลงไหลรักใคร่
“ทะ ท่านเอ็นโจ”
“ครับ”
“กะ...กลับเข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ ขอร้องล่ะ”
“เอ เรย์กะง่วงแล้วเหรอครับ”
“ก็ประมาณนั้นล่ะค่ะ”
“นั่นสินะ เที่ยงคืนกว่าแล้วด้วย” ผมลุกขึ้นมายืน สวมเสื้อคลุมกลับคืนที่ให้เรย์กะ ผมไม่ยอมให้ใครที่ไหนได้เห็นแผ่นหลังของคนที่ผมรักหรอกนะ
เรย์กะทำท่าโล่งใจที่ผมทำตัวว่าง่าย อา....ท่าทางนั้นช่างน่ารักจริงๆ
ผมกอดเธอไว้แน่นราวกับจะไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไปไหนอีก
“มาซายะเปิดห้องไว้ให้ผมน่ะ เราสองคนได้ที่นอนพอดีเลยเนอะ”
ขอบคุณมากมาซายะ ถ้านายไม่เปิดห้องให้วันนี้ ผมคงไม่มีข้ออ้างใดมาแกล้งเธอได้อีกแล้ว
“มะ ไม่เอาค่ะ ไม่เอา” เรย์กะรีบส่ายหน้าหวือๆ
“ห้องสวีทด้วยนะ วิวสวยเชียว” ผมยิ้มมุมปาก แล้วมองดูด้วยความสนุก “ไม่อยากขึ้นไปดูวิวหน่อยเหรอ”
“มีขนมที่ยูกิโนะซื้อมาแช่ไว้ในตู้เย็นตอนนั่งรอแต่งตัวด้วยนะ” ผมเอาขนมมาล่อนิดหน่อย แต่ก็ไม่น่าจะติดกับง่ายขนาดนั้นหรอก “ผมไม่ทานขนม เรย์กะช่วยไปทานให้หมดหน่อยสิ”
“ท่านพี่ต้องมารับฉันกลับบ้านนะคะ”
“เรย์กะโตแล้วนี่ครับ ต้องมีผู้ปกครองมารับกลับอีกเหรอ” ผมหัวเราะ
อันที่จริงผมไม่อยากจะให้หมอนั่นมาขัดจังหวะเลยสักนิด วันนี้มันเป็นวันที่ผมจะทำให้มันชัดเจนที่สุด แต่เจ้าตัวดันปฏิเสธที่จะรับรู้และรับฟังเลยอย่างนั้น ผมเลยต้องรุกหนักกว่าเดิมอีก ถ้าเกิดมาจริงๆ ทุกอย่างที่วางเอาไว้คงจะพังหมด
“ถ้าอยากกลับจริงๆ ผมขับรถไปส่งให้ก็ได้นะ”
“ไม่กล้ารบกวนท่านเอ็นโจหรอกค่ะ”
“ประธานเอ็นโจเสนอตัวให้เชียวนะครับ ปฏิเสธได้ลงคอเชียวเหรอ” ผมใช้น้ำเสียงและสายตาออดอ้อนเต็มที่“ค่าจ้างก็ถูกด้วยนะ”
“ไม่เอาค่ะ”
“อื๋อ” เรย์กะถลึงตาใส่ผม แต่ผมก็หัวเราะ
คนที่เรารักเนี่ย ไม่ว่าจะทำอะไรก็น่ารักไปหมดจริงๆนั่นล่ะ
“อย่าทำหน้าบึ้งแบบนั้นสิครับ” ผมก้มลงไปใกล้ๆ “คืนนี้พระจันทร์สวยออกนะ”
อ่า....ว่าแล้ว กับเรื่องแสดงความรู้สึกผ่านคำพูดนี่ไม่ถนัดเลย รู้ตัวอีกที่ก็บอกอ้อมๆเกินไปเสียแล้ว
เรย์กะกระพริบตาปริบๆ แล้วกำลังจะคาดคั้นเอาจากผมด้วยความสงสัยเลยจ้องมองมาที่ผมตรงๆ จากนั้นเธอก็เริ่มหน้าแดงอีกครั้ง
ผมหัวเราะแล้วจูบหน้าผากของเธอเบาๆ
“ทะ ท่านเอ็นโจ…”
“ครับ” น้ำเสียงผมที่ตอบรับมานั้นแหบพร่า
“ฉะ...ฉันกลัวค่ะ” เรย์กะตอบด้วยความรู้สึกที่หวาดกลัวต่อสิ่งที่ไม่รู้จัก
นั่นสินะ ผมเองก็กลัวเหมือนกัน
กลัวว่าเธอจะปฏิเสธผม
กลัวว่าเธอจะรังเกียจผม
กลัวว่าเธอจะขับไล่ไสส่งผม
การถูกรังเกียจและขับไล่โดยคนที่ตัวเองรักนั้นเป็นสิ่งที่ผมหวาดกลัวเป็นที่สุด
แต่สิ่งที่ผมได้รับในวันนี้ทำให้ผมรู้ว่าผมยังมีโอกาส ผมยังมีความหวัง
ผมค่อยๆสอดประสานเข้ากับมือของเรย์กะ แล้วจับมือฉันขึ้นไปจูบที่หลังมือ บริเวณนิ้วนางข้างซ้าย ก่อนที่ผมจะช้อนสายตามองเธอแบบเชื่องช้า
“ไม่มีอะไรที่ต้องกลัวเลยครับ”
เรย์กะมองมาเหมือนจะปฏิเสธว่าสิ่งที่เธอกลัวนั้นคือตัวผม
แต่ผมรู้ว่าเธอกลัวอะไรมากกว่า นอกเหนือจากตัวผมแล้ว สิ่งที่ทำให้เธอกลัวคือความรู้สึกอันเต็มล้นที่มีให้กับเธอ มันคือความรักลึกซึ้งที่เธอไม่รู้จัก ดังนั้นจึงหวาดกลัว และกลัวใจตัวเอง
ผมยิ้มน้อยๆแล้วจูบหน้าผากของเธออีกครั้งโดยหวังจะปลอบประโลม ค่อยๆไล่ระมาตามปลายจมูกและแก้ม สายตาเรามองกันในระยะประชิด ใกล้ยิ่งกว่าครั้งไหนๆในชีวิต
“ไว้ใจผมนะ” ผมพูดเบาๆ
ใช่แล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัวเลย เพราะว่าผมน่ะ....
เรย์กะมองผมด้วยดวงตาอันใสกระจ่างและไม่มีแววหวาดกลัวอีกแล้ว
ริมฝีปากเราสัมผัสกันอย่างเชื่องช้า นุ่มนวลเหมือนขนนกลากผ่าน ความอ่อนหวานที่เคล้าเคลียอยู่ตรงปากทำเอาหัวใจเต้นรัวด้วยความสุข
กลิ่นดอกไม้ที่บานในตอนกลางคืนลอยตามลมมาเหมือนอยู่ในความฝัน ผมมอบรสสัมผัสที่อ่อนโยนและอ่อนหวานมากที่สุดให้กับเธอเท่าที่จะทำได้
เมื่อสัมผัสที่นุ่มนวลเหมือนขนนกค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นความหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วเรย์กะก็คล้อยตาม ตอบสนองโดยเขาแขนมาคล้องคอผม นั่นทำให้ผมมีความสุขมากที่สุด
ในที่สุดคุณก็ได้รับรู้ความรู้สึกของผมเสียที
แม้จะเพียงแค่เล็กน้อย แต่สิ่งที่เธอรู้สึกเกี่ยวกับผมจะไม่มีความกลัวเข้ามาแทรกมากกว่านี้อีกต่อไป
เหลือไว้แต่ความอ่อนหวานที่เธอไม่รู้จักและกำลังจะได้เรียนรู้ต่อจากนี้ไปเท่านั้น
.
.
.
เสียงนาฬิกาตอนตีหนึ่งดังขึ้นทำให้เรย์กะสะดุ้งตื่นขึ้นมา
อ้ะๆ ผมไม่ได้ทำอะไรไร้จรรยาบรรณนะ ในระหว่างที่เธอหมดสติไปผมก็เฝ้าคอยมองหน้าของเธอตอนหลับอย่างมีความสุขเท่านั้นเอง
....สงสัยจะจูบเกินไปหน่อย...
ริมฝีปากของเธอดูบวมชื้นอวบอิ่มด้วยสีกุหลาบ น่าดูไม่เลว ผมรู้ว่าลิปสติดน่าจะติดมาที่ปากของผมด้วยก็เลยปล่อยไว้แบบนั้นแหละ เดี๋ยวคนก็เข้าใจเอง
เรย์กะมองไปรอบๆด้วยความงง ผมจึงใส่เสื้อคลุมให้ก่อนที่จะพูดว่า
“ตีหนึ่งแล้ว กลับกันเถอะครับ”
เรย์กะทำท่าจะวิ่ง ผมจึงจับไว้ก่อนที่เธอจะเผลอล้มทำตัวเองเจ็บตัวแล้วยิ้มก่อนจะสอดประสานมือเข้ากับมือของเธอ จูงให้เดินด้วยกันไปช้าๆ
“อย่าวิ่งสิครับ เดี๋ยวก็หกล้มหรอก” มือขอผมอีกข้างถือปีกนางฟ้าของเธอกับหน้ากากหัวกระโหลกแพะของตัวเองเอาไว้
เรย์กะทำท่าคิดเหมือนว่าตัวเองเป็นนางฟ้าที่ถูกถอดปีกโดยซาตานอย่างไรอย่างนั้นเลย
แต่ก็จริง เพราะผมไม่ใช่เทวดาเสียหน่อย
เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องจัดงาน มองเข้าไปคนในงานค่อนข้างโหรงเหรง ถึงเวลาเลิกงานที่ระบุไว้ในบัตรจะบอกว่าเลิกตีหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่ก็กลับไปเกือบหมดแล้ว ยอดเยี่ยมมาก คนที่ยังอยู่ก็เป็นคนที่รักจักกันอยู่แล้วจะยิ่งแพร่กระจายข่าวลือได้มากขึ้น
ทุกคนกำลังยืนกันอยู่ที่ประตูทางออกรวมถึงคิโชวอิน ทาคาเทรุด้วย แย่หน่อยนะที่ศึกคราวนี้ผมชนะ
“อ้าว ท่านพี่กับคุณพี่เรย์กะนี่ครับ” ยูกิโนะคุงหันหน้ามาเห็นเข้าก็โบกมือให้ผมเดินไปหา โดยที่...ผมกำลังจับมือเรย์กะอยู่
เรย์กะหันรีหันขวาเลิกลั่กและมองมาแบบขอให้ปล่อยมือด้วย แต่ใครสนล่ะ ผมจะประกาศสงครามเต็มรูปแบบแล้วล่ะ
ผมกล่าวทักทาย คิโชวอิน ทาคาเทรุ โดยที่ยังยิ้มและจับมืออยู่ สายตาทุกคนมาหยุดที่มือของผมที่จับมือเรย์กะ ปีกนางฟ้าในมือของผม แล้วก็เสื้อคลุมที่อยู่บนตัวของเธอ
ท่านไอระ ยูกิโนะ คุณวาคาบะและคุณอิมาริมองเรย์กะยิ้มๆ คิโชวอิน ทาคาเทรุ กระแอมไอเล็กน้อยแล้วทักทายตอบผม
ผมชนะนะคราวนี้ นับแต่นี้ไปผมจะเอาจริงด้วย เราส่งสายตาที่สื่อความหมายให้กัน เขาก็ตอบกลับมาว่าจะไม่มีเป็นครั้งที่สองแน่
“นึกว่าพาขึ้นห้องไปแล้วซะอีก” คาบุรากิหันไปกระซิบกระซาบกับผมที่มีรอยยิ้มประดับบนหน้า
“อื๋อ มาซายะ?”ผมยิ้ม
“.....ก็ได้ๆ ไม่ยุ่งก็ได้”มาซายะสะดุ้งแล้วถอยไปอยู่ด้านหลังคุณวาคาบะอย่างรวดเร็ว
“นี่ก็ดึกมากแล้ว คงต้องขอพาเรย์กะและคุณไอระกลับก่อนนะครับ” คิโชวอิน ทาคาเทรุ เอ่ยขึ้น
“งั้นพวกเราก็กลับกันดีกว่านะ” คาบุรากิพยักเพยิดหน้า แล้วทุกคนก็ทยอยกันกลับ
ไอระเดินไปสมทบกับ คิโชวอิน ทาคาเทรุ แล้วไม่ลืมที่จะตบไหล่ผมเบาๆ “ฉันกลับก่อนนะ ชูสุ….อ๊ะ”
เสียงอุทานหลุดออกมาไม่ดังมาก แต่ก็เรียกความสนใจจากทุกคนได้
“มีอะไรเหรอ” ผมจงใจถาม
“ใส่หน้ากากเต็มหน้าแท้ๆ แต่ช่างแต่งหน้าเขาทาปากให้ด้วย...” ไอระหยุดพูดไปชั่วครู่แล้วหันหน้ามองผมสลับกับปากเรย์กะ
ไอระยิ้มมีอย่างเลศนัยและคุณวาคาบะก็จ้องเรย์กะอยู่นานโข
เสียงหัวเราะคิกคักของไอระและคุณวาคาบะดังขึ้นพร้อมกันแบบไม่ได้นัดหมาย ยูกิโนะกับมาซายะก็หัวเราะด้วย ตบหลังตบไหล่ผมกันใหญ่
ผมรู้น่าว่าคิดอะไรอยู่ ว่าแล้วก็เอานิ้วแตะๆปากตัวเอง สีแดงสดเหมือนกลีบกุหลาบติดปลายนิ้วมาเล็กน้อย
สีเดียวกับสีลิปสติกที่ทามาในวันนี้ของเรย์กะ
อิมาริผิวปากดังหวือ มองไปที่ผมด้วยสายตาที่ดูรู้ทัน แต่เรย์กะเขินอายจนหน้าแดงก่ำ
ผมมองนิ้วตัวเองแล้วก็มองเธอ รู้ใช่ไหมว่ามันหมายถึงอะไร?
เรย์กะโผเข้าหา คิโชวอิน ทาคาเทรุ แล้วหลบไปซุกหลัง ทำตัวได้น่ารักจริงๆเลยน้า แต่ว่าสี่คนนั้นยังไม่หยุดหัวเราะด้วยความเอ็นดูเลย
“เอาล่ะๆ ทุกคนพอดีกว่า” อิมาริพูดด้วยเสียงเหมือนกำลังกลั้นหัวเราะ “อย่าแกล้งเรย์กะจังมากไปกว่านี้เลยนะ”
นั่นสินะ ขืนแหย่มากกว่านี้เดี๋ยวจะหนีเอามากกว่า
“กลับกันได้แล้วล่ะ เรย์กะ” คิโชวอิน ทาคาเทรุ เอ่ยกับเรย์กะอย่างอ่อนโยน
“ขะ ขอตัวก่อนนะคะทุกท่าน”เรย์กะกุลีกุจอรีบกลับบ้าน เมื่อถึงหน้าโรงแรมแล้วผมก็ส่งเสียงเรียกเธอ
“คุณเรย์กะ”
ผมเอามือไขว้หลังพร้อมกับหน้ากากแพะในมือ
“ฝันดีนะครับ”
ตรงที่เธอยืนอยู่คือสุดปลายบันได ส่วนผมยืนอยู่ขั้นบนสุด พระจันทร์ที่อยู่เบื้องหลังสาดแสงลงมาทำให้เงาของผมทอดตัวยืดยาวออกมาทาบทับกับตัวเรย์กะ
ใช่แล้ว คุณน่ะหนีผมไม่พ้นแล้วล่ะ
เรย์กะสะดุ้งแล้วจ้ำอ้าวไปหา คิโชวอิน ทาคาเทรุ ที่ยืนรออยู่ที่รถ เปิดประตูแล้วขึ้นไปไม่เหลียวหลังมามองผม ผมหัวเราะเบาๆ เชื่อสิว่าเธอยังต้องได้ยินเสียงของผมอย่างแน่นอน....
>>894-902 อุ๊ยตาย อะไรกันคะ กูอ่านไปยิ้มไป แอบเสียดายตรงที่นึกว่าจะหื่นกว่านี้//แค่กๆๆๆๆๆๆๆ
ซาตานมันชั่วร้ายจริงๆเลยนะคะ แต่ที่วาร์ปข้ามมาตีหนึ่งเพราะเป็นลมไปซะก่อนเหรอ นึกว่าจูบมาราธอนจนลืมตัวลืมเวลาซะอีก 555555555555 แต่นายไปท้าทายท่านพี่ทำไมกันหา นั่นท่านเทพมารนะเว้ย อิทธิฤทธิ์สูงส่งหาใดเทียบเทียมนัก เดี๋ยวก็โดนกระทืบเข้าให้หรอก นายควรจะเคารพนอบน้อมสักการะบูชาแบบอิมาริเซร่!!!
>>894-902 ว้อยยยย กรี๊ดดดดด ฟกดหหดเาสง โอ๊ยยยย ดีงามมากค่าา จอมมารนี่จอมมารจริงๆ
ขอโทษค่ะที่เมื่อกลางวันนึกอยากให้เปลี่ยนบทพระเอกกลางเรื่อง 555555
ช่วงดวลาที่หายไปแค่สลบหรอกเหรอ โธ่ นึกว่าจะมีอะไรมากกว่านี้
5555 คิดงัดข้อกับว่าที่พี่เขยนี่จะดีเหรอวะเอ็นโจ
ขอบคุณสำหรับกาวก่อนนอน รอพาร์ทต่อนะคะะะ
ฟิคกาลครั้งหนึ่งในฝันก็มีpovเอ็นโจมาละแล้วฟิคเวียนล่ะคะ จะมีมั้ยื55555555
ฟิคเวียนตอนนี้ถึงคริสมาสต์ อีเว้นท์ใกล้ๆก็วาเลนไทน์กับวันไวท์เดย์ กูไม่ได้อยากอ่านpovเอ็นโจตอนได้ช็อคโกแลตเล๊ยยยย ไม่อยากอ่านจริงจริ๊งงงงงงง
>>901 คืนนี้พระจันทร์สวย แต่นางฟ้าสวยยิ่งกว่า ฮิ้วว~~
บอกรักด้วยพระจันทร์มันโรแมนติคจริงๆ เผื่อใครไม่รู้ที่มาของพระจันทร์สวย มาจาก 「月が綺麗ですね」(Tsuki ga kirei desu ne) เป็นคำพูดของ นัตสึเมะ โซเซกิตอนสอนภาษาญี่ปุ่นให้นักเรียนต่างชาติ นักเรียนคนนึงแปลคำว่า "I Love You" ออกมาเป็นคำบอกรักทื่อๆอย่าง 「我君を愛す」(Wagimi wo aisu) นัตสึเมะเลยบอกให้เปลี่ยนมาเป็นประโยคนี้ และบอกว่าถ้าเป็นคนญี่ปุ่น เท่านี้ก็เพียงพอที่จะเข้าใจแล้ว
ส่วนเวลาจะตอบรับกับประโยคพระจันทร์สวย คือ 「死んでもいいわ」- ให้ตายตอนนี้ก็ยังได้ มีที่มาจาก นิยายของรัสเซียชื่อ Aся ของ Ivan Turgenev เป็นฉากที่นางเอกมาพบพระเอกที่พยายามหักห้ามใจ เจ้าหล่อนก็กอดเขาไว้แล้วกระซิบว่า "ваша..." แปลว่า "Yours" (ฉันเป็นของคุณ) ซึ่งฟุตาบะเทย์ ชินเมย์ นักแปลนิยายเรื่องนี้ก็แปลออกมาเป็น 死んでもいいわ (ให้ตายตอนนี้เลยก็ยังได้)
ให้เป็นข้อมูล เผื่อมีใครเก็บไปเขียนฟิค 5555555
>>894-902 กูกรี๊ดดดด ไม่ไหวแล้วววว มึงงขาา ท่านเอ็นโจงานดีมากกกก กรี๊ดด กรี๊ดด จะมีพาร์ตสองอีกเหรอออ กูรักมึงงงง กรี๊ดดด ดีงาม ดีงาม พูดไม่ออก ขอแค่กรี๊ดด ท่านเอ็นโจเจ้าขาาาา ตอนหัวค่ำไม่น่าคิดจะไปลงเรืออาริมะเลย กูผิดไปแล้วววว ท่านเอ็นโจช่างดี กรี๊ดดดดด แต่อ้าวววว นึกว่าจูบมาราธอนด้วยทู นึี่มันอะไร ท่านเรย์กะแพ้ สลบไป ไม่ได้นะ เอ็นโจ โมเมนต์แบบนี้มีน้อย ทำให้สลบไปได้ไง เสียเวลาาาาๆๆๆๆ // ทุบโต๊ะทุบเก้าอี้หน้าากลิ้งเกลือก
อะไรน่ะ บรรยากาศที่เหมือนเรือจะแล่นด้วยความโอตะทีวีไดเร็ก กับ Gap Moe ของทั้งนายตัวสำรองและท่านเรย์กะนั่น
นายตัวสำรอง นายจะได้ตายดีมั๊ยเนี่ย ขโมยผู้หญิงของจักรพรรดิและจอมมารในคราวเดียวกัน
*ลุ้นนนน*
บ้าเอ้ยย กูชอบเวลาสองคนนี้คุยกันจัง คุยเป็นธรรมชาติดีเหลือเกิน เรย์กะก็ไม่ได้หวดระแวงเหมือนตอนคุยกะใครบางคน ดูสนิทสนมกันดีจังเลยน้า งานอดิเรกก็ใกล้เคียงกัน เข้ากันได้ดีจังเลยน้า~
เรย์กะไปกับอาริมะได้ดีจนดูเฟรนด์โซนเลย อยากพายเรืออื่นให้กระชุ่มกระชวยหัวใจบ้าง
แต่ภาพหลอนคุณนายข้างบ้านคุยกันมันหลอกหลอนจนพายไม่ออก คานซังบังตากูอยู่แน่ๆ คานซัง!เอามือออกไป!
อ้อ โลกียโลก > โลกีย์ หรือโลกียะ นะโม่งแปล
อาริม้าาาาา นายมันคนดีชะมัดเลย คนดีๆแบบนี้ดันบทน้อยกว่านกพิราบ โฮวววววว ไอ้หนุ่มสองคนนั้นหัดเอานิสัยดีๆแบบนี้ไปใส่ตัวบ้างสิวะ ตอนท้ายๆก็น่ารักกกก อาริมะเป็นโอตาคุโดนท่านเรย์กะแซวหนักจนหลุดมาดคุณหนูกันเลยทีเดียว ทำไมมันน่ารักขนาดนี้วะ ฮึ่ยยยย จะน่ารักกันเกินไปแล้วนะ
อย่างกะพวกโอตาคุคุยกันเลยแฮะ 555
บรรยากาศเหมือนพูดกับคนชอบแต่งหญิง(จำชื่อไม่ได้ ขออภัยยิ่ง)จริงๆน้า~
ทั่นเรย์กะ +Get Friend!
แปลตอนล่าสุด ท่านเรย์กะหลุดมาดรั่วๆมาแล้ว คงไม่ได้ไปปักธงอาริมะหรอกนะ
เวลาอยู่กับจักรพรรดิ-เจ้าชายเคยแต่หลุดโมโห ไม่มีหลุดแบบรั่วๆให้2หนุ่มนั้นเห็นเลย
ท่านเรย์กะไม่คิดจะยั้งไว้บ้างเลยหรือไง ถ้ากูเป็นนายตัวสำรองคงเงิบอะ ช่องว่างกับความเขินอายระหว่างเพศมันอยู่ตรงไหนนนน ถ้าเป็นนางเอกเรื่องอื่นมีผู้หล่อๆมาชมนี่ต้องมโนแล้วนะท่านเรย์กะ เรื่องนี้มันช่างแห้งแล้งเหลือเกิน!
>>921 กูรู้สึกว่าเรย์กะหลุดรั่วบ่อยนะ แค่นางไม่รู้ตัวเอง เราอ่านมุมนางกันก็คิดกันไปด้วยว่าคนอื่นไม่รู้ เรย์กะซามะเนี่ยถ้าไม่มีคนทักก็จะชอบเข้าข้างตัวเองว่าคนอื่นไม่รู้ คนอื่นไม่คิด แต่จริงๆกูว่าหลุดโป๊ะบ่อย คนรอบข้างแค่ฟิลเตอร์หนาพร้อมเบลอ.. เหมือนไอ้ตอนที่นางเที่ยวเอาเกลือชำระไล่โปรยตอนทัศนศึกษา ตอนแรกอ่านมุมนางก็เข้าใจว่าคนอื่นไม่รู้ ที่ไหนได้ รู้ทั้งนั้นนี่หว่า หลุดมาแล้วเห็นๆ โป๊ะแตกชัดๆ แต่กลุ่มเพื่อนผู้ซื่อสัตย์ยังคงตั้งมั่นปกป้องภาพลักษณ์ให้สุดฤทธิ์..
.
.
แล้วเอาจริงๆต่อหน้าคาบุตอนไปซุปเปอร์แล้วไปอ้อนลุงขายไก่ร่าเริงกับไก่แถมฟรีนั่นกูว่าก็หลุดรั่วแล้วนะ...ไอ้ตอนที่ทักเรื่องผมเองๆว่าเป็นมิจฉาชีพทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเป็นใครกูว่าก็รั่ว.. หลุดนิสัยแปลกๆมาตั้งหลายหนแล้ว แต่เพิ่งมีท่าทีผ่อนคลายจนลดความระมัดระวังตัวลงก็กับอาริมะนี่แหละ
จะว่าไปท่านเรย์กะ ถ้านับอายุจิต(ไม่นับร่างกายม.ปลายนิ้ว) สมองน่าจะอายุประมาณ 35 แล้วมั้ง สำหรับญี่ปุ่น 35 นี่ก็ป้าแล้วนะ ไทโชโคโตะนั่นอีก เข้ากันมากๆ.เลยล่ะท่านเรย์กะ
>>922 ถ้าเรย์กะทำตัวห่ามๆเฮ้วๆแบบนี้มาตั้งแต่ต้น เหล่าหนุ่มๆในเรื่องคงคิดว่าเป็นเพศเดียวกันแหงๆ ไปตีๆแขนเขาแล้วหัวเราะก๊ากใส่นี่โครตจะไม่ใช่กริยาของคุณหนู แถมแซวซะ.... อารมณ์จับได้ว่าเพื่อนทำอะไรน่าอายก็เอามาแซวให้อายกันไปข้าง
>>926 กูว่าที่กล้าทำเพราะอาริมะดูอ่อนข้อให้ บวกกับเปิดเผยใจจริงว่ะ เลยกล้าเล่นด้วย กับอีตานักต้มตุ๋นนั่นต้องมาระแวงว่ามันคิดอะไรอยู่ จะเคืองมั้ย ลิมิตเล่นได้แค่ไหน อีกอย่าง...ยังไม่เจอเรื่องของจอมมารที่บอกใครเขาไปก็อายตายชักแบบอาริมะนั้นล่ะ กูว่าถ้าเรย์กะรู้น่าจะแซวจนเสียหมาตามไปอีกคนแน่ๆ
เราว่าท่านเรย์กะก็แซวเอ็นโจบ่อยนะ พอตั้งท่าจะแซวแล้วมันมีอิร่ารอยยิ้มทะมึนตามมาทุกที
*อ๊ะ ต้องแซ็วสินะ ฮา
ตอนนี้น่ารักดีนะ คุยกันงุ้งงิ้งๆ แซวกันอีก ดูสนุกสนานและสนิทกันดี ฮ้าาา
ดีกว่าใครบางคน โผล่มาก็แซะเค้าบ้างล่ะ ข่มเค้าบ้างล่ะ ล่าสุดยังไปทำท่ารู้ทัน(หรือสู่รู้) ไปขู่เค้าอีก
หืมมม หล่อมากดิ ทำไรก็ได้เหรอ หมั่นไส้จริงๆ
ชิ...
ระเบิดเรือตัวเองทำไมวะกุ แต่ช่างเถอะ พักนี้รำคาญฮี กุเชียร์คนนอกสายตาดีกว่า
หรือจะจบแบบอยู่กับท่านพี่ไปตลอดชีวิตก็ไม่เกี่ยงแล้วเว้ย!
มีซาโตมิอีกคนที่แซวกลับได้สบายมาก แต่โดนสององครักษ์ลากไปสั่งสอนในมุมมืดอยู่เป็นเนืองนิจ แต่ไม่เคยเข็ดหลาบ 5555555555
กำลังคิดว่าถ้าเอ็นโจเคยตามสโตกท่านเรย์กะแบบที่เคยมีคนบอกจริง
แล้วเห็นท่านเรย์กะคุยกระหนุงกระหนิงเอานิ้วไปจิ้มๆอาริมะ
ตอนหน้าจะมีระเบิดอีกไหมเนี่ย
เออ ดีนะ อยู่กันแบบ เราสองสามคน
ท่านอิมาริ ท่านพี่ และคุณน้องสาว อ่าส์ เพ้อออ
อ่านตอนวาคาบะบอกว่าภูตจิ๋วร้านรองเท้ามาทำความสะอาดโต๊ะให้ พวกมึงว่าวาคาบะจะรู้มั้ยว่าเรย์กะนั่นล่ะที่มาทำ แต่เฉไฉตอบอาริมะไปอย่างนั้นเอง ไม่ให้รู้ว่าสนิทกัน
อาจจะไม่รู้ว่าใครทำก็ได้มั้ง เรย์กะไม่น่าหลงเหลือหลักฐานทิ้งไว้
แต่กูก็สงสัยนะว่าเจ้าตัวไม่คิดจะมาเช้าเพื่อหาความจริงให้ตัวเองบ้างเหรอ ต่อให้ไม่แคร์ว่าใครแกล้ง แต่ก็น่าจะสงสัยว่าทำไมโต๊ะตัวเองเงาวับทุกเช้าหน่อย...
หรือเพราะตารางรถไฟ เลยมาเช้ากว่านี้ไม่ได้แล้ว ถถถ
>>947 กูว่าเพราะตารางรถไฟมั้ง เลยมาเช้ากว่านี้ไม่ได้ละ แต่คนที่แกล้งนางแม่งโครตอุตสาหะเลย เขาลบทุกวันก็ยังเขียนได้ทุกวัน ไม่ใช่ว่าแหกขี้ตาตื่นมาเขียนข้อความด้วยนะ มึงเอารางวัลคนพยายามประจำเรื่องนี้ไปเลย
กูว่าวาคาบะรู้ว่ะ แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ เพื่อให้เรย์กะสบายใจ ตอนโป๊ะแตกเรื่องจดหมายเตือน เรย์กะยังอายแทบแทรกแผ่นดินหนี วาคาบะคงเห็นว่าเรย์กะจะอายมั้ง ก็เลยไม่พูดอะไร ปล่อยให้เล่นบทพระรอง แต่จริงๆรู้ตั้งแต่ไก่โห่แล้ว
Side Story of ch.247
“งั้นหรอกหรือครับ ขอบคุณมากนะครับ รบกวนคุณมัตสึโมโต้แย่เลย”
ปลายสายรีบพูดแย้ง
“จะรบกวนได้ยังไงล่ะครับ ตอนลูกสาวผมเข้าโรงพยาบาลก็ได้ท่านเอ็นโจช่วยออกค่ารักษาพยาบาลให้ ถ้าไม่ได้ท่าน ลูกสาวผมก็คง....” น้ำเสียงของชายวัยกลางคนสลดลง ก่อนจะพูดต่อด้วยความกระตือรือร้น “ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยอีก บอกได้ทันทีเลยนะครับ”
“ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ คุณมัตสึโมโต้ ผมคงรบกวนเวลาของคุณแค่นี้ล่ะครับ ขอบคุณครับ”
..
พักนี้คุณคิโชวอินมักจะอยู่กับมิซึซากิ อาริมะ
พอตามสืบข่าวจากพนักงานรักษาความปลอดภัยที่คอยตรวจตรากล้องวงจรปิด ก็พบว่าก่อนหน้านั้นคุณคิโชวอินมาโรงเรียนแต่เช้า และมักจะไปทำความสะอาดโต๊ะที่ถูกขีดเขียนของคุณทาคามิจิทุกวัน
‘แหม คุณหนูเธอเป็นคนมีน้ำใจจริง ๆ เลยครับ ขัดทั้งโต๊ะทั้งล็อคเกอร์ของเด็กที่ถูกแกล้งซะจนสะอาด สมัยนี้หาคนแบบนี้ได้ยากมาก ๆ อย่าว่าแต่จะเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้านคิโชวอินคนนั้นเลย เด็กธรรมดาสมัยนี้จะหาคนที่ช่วยเหลือคนอื่นอย่างไม่หวังผลตอบแทนก็หาได้ยากยิ่งกว่าตัวโนซุจิซะอีก อา นอกจากคุณหนูคนนั้นก็มีแต่ท่านเอ็นโจล่ะครับ’
ผมนึกถึงคำพูดของคุณมัตสึโมโตะแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ฮืมม์ คนที่ช่วยคนอื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนงั้นหรือ? ผมคงไม่กล้ารับตำแหน่งนั้นหรอกนะ
‘แล้ว...เด็กที่มาแกล้ง...’
น้ำเสียงในตอนนั้นของคุณมัตสึโมโตะลังเล ถ้าไม่มีใครสืบ ทางทีมรักษาความปลอดภัยก็ไม่อยากเข้าไปยุ่มย่ามกับการกลั่นแกล้งในโรงเรียนเท่าไหร่ โดยเฉพาะถ้าผู้เสียหายไม่ได้เรียกร้องหรือเป็นผู้มีอิทธิพลใดๆ
‘ถ้าแจ้งทางผู้อำนวยการไปจะลำบากคุณมัตสึโมโตะเปล่าๆ เรื่องนี้ให้จัดการกันเองเถอะครับ’
ผมบอกไปอย่างนั้น เพราะเรื่องของคุณทาคามิจิผมไม่คิดจะเข้าไปมีส่วนร่วมแม้แต่น้อย ถึงเธอจะเป็นคนที่มาซายะชอบก็เถอะ
แต่การที่ต้องให้คุณคิโชวอินมาเก็บกวาด แถมยังเข้าไปพัวพันกับมิซึซากิ อาริมะ...
แค่คิดว่าประธานนักเรียนคนก่อนเป็นใคร ผมก็รู้สึกไม่ค่อยชอบใจซักเท่าไหร่
ถ้าไม่ทำอะไร...ก็คงไม่ได้สินะ
......
หมู่นี้นอกจากองครักษ์ซ้ายขวา คุณคิโชวอินก็มีนางสนองพระโอษฐ์เพิ่มขึ้นมาอีกคน
ตอนที่อยู่ใน Pivoine ผมเห็นคุณคิโชวอินกับเธอคนนั้นพูดคุยอย่างสนุกสนานบ่อยครั้ง มาซายะเล่าให้ฟังว่าเธอคนนั้นชอบเรื่องลึกลับแปลกๆ ที่ไม่มีอยู่จริง
ผมที่นั่งฟังมาซายะบรรยายเกี่ยวกับดาวเคราะห์ดวงใหม่ที่นาซ่าเพิ่งค้นพบปลายตามองไปยังทั้งสองคนที่พูดคุยกันอย่างน่าสนุกสนาน ท่าทางเกร็ง ๆ เมื่อตอนแรกที่เพิ่งเริ่มคุยกันผ่อนคลายลงมาก ระดับของความหวาดระแวงผิดกับตอนที่พูดคุยกับผมลิบลับ
เห็นอย่างนั้นผมจึงเปลี่ยนเรื่องคุยเป็นเรื่องของทาคามิจิ พอบอกไปว่านอกจากเหตุการณ์ที่คุณทาคามิจิโดนปาขยะใส่ ก็ได้ยินว่าเธอถูกกลั่นแกล้งมากกว่านั้น มาซายะจึงรีบชวนผมออกไปยังห้องประชุมลับทันที พอพวกเราลุกขึ้น สมาชิกใน Pivoine ก็ทักอำลาตามมารยาท คุณคิโชวอินที่กำลังคุยอย่างสนุกสนานกับเพื่อนใหม่เงยหน้าขึ้นมามองพวกเราด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้ยิ้มกลับเมื่อผมส่งยิ้มไปให้
ไม่ต้องเดินถึงห้องประชุม มาซายะก็พิมพ์อีเมล์เรียกตัวคุณคิโชวอินทันที ไม่นานนัก คุณคิโชวอินก็มายังห้องประชุม ทักทายผมตามมารยาท แล้วก็มองข้ามผมเข้าไปยังมาซายะ
พอคุณคิโชวอินมา มาซายะก็เปิดประเด็นเรื่องที่คุณทาคามิจิโดนกลั่นแกล้งทันที ยิ่งคุยเธอก็ยิ่งมีสีหน้าลำบากใจขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะยิ่งตอนที่มาซายะประกาศก้องว่าจะจับตัวคนร้าย คุณคิโชวอินก็ทำท่าทางตระหนก
หือม์?
จริงสินะ คุณคิโชวอินกับมิซึซากิ อาริมะคนนั้น...คนที่คอยช่วยเหลือลับหลัง กับคนที่รักความยุติธรรมสุดๆ ถ้ารู้ว่ามีคนพยายามกลั่นแกล้ง จะไม่สืบหาตัวคนร้ายเลยก็แปลก
เพราะงั้นคุณคิโชวอินที่ร่วมมือกับศัตรูหัวใจของมาซายะไปแล้วจึงรีบปฏิเสธอย่างเด็ดขาด พอเห็นเธอมีท่าทีอึดอัดมาก ๆ ผมก็อดช่วยไม่ได้
“ผมเห็นด้วยกับคุณคิโชวอินนะ” ผมที่นิ่งเงียบมองทั้งสองคนมาตลอดพูดขึ้น “สาเหตุที่คุณทาคามิจิตกเป็นเป้าหมายแห่งความริษยาของพวกผู้หญิงส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะมาซายะด้วย ยิ่งถ้ามาซายะออกตัวมาปกป้องคุณทาคามิจิอย่างเปิดเผย ก็จะยิ่งเหมือนราดน้ำมันเข้ากองไฟนะ”
สีหน้าปลื้มปิติของคุณคิโชวอินที่ส่งมาให้ผมเจิดจ้ายิ่งกว่ารอยยิ้มที่ผมเคยได้รับมาทั้งหมด ผมอดยิ้มตอบไม่ได้ ก่อนจะสุมไฟมาซายะและเตือนคุณคิโชวอินเป็นนัยด้วยประโยคถัดไป
“แล้วดูเหมือนเธอเองก็มีพรรคพวกที่คอยช่วยเหลืออยู่อย่างมิซึซากิ คงไม่จำเป็นต้องห่วงมากนักหรอกมั้ง”
มาซายะของขึ้นทันทีตามที่คาดไว้ ส่วนคุณคิโชวอินเสริมต่อผมด้วยท่าทีกระตือรือร้นแบบที่ไม่ได้ยินคำเตือนในคำพูดแฝงนัยของผมเลยแม้แต่น้อย...
อ้อมค้อมไปสินะ
พอมาซายะพูดเรื่องที่โต๊ะของคุณทาคามิจิถูกขีดเขียน คุณคิโชวอินก็ทำตาโต ทุกสิ่งทุกอย่างที่คิดในใจเหมือนจะเขียนไว้บนหน้าผากของเธอหมด ประมาณว่า รู้แล้วงั้นเหรอ?! รู้ได้ไง??!!!
เห็นสีหน้าอย่างนั้น ผมเองก็อดสะใจไม่ได้ โลกนี้ไม่มีความลับหรอกนะครับ คุณคิโชวอิน เพราะว่าสีหน้าตกใจของเธอตลกมาก ผมก็เลยแกล้งอีกหน่อย
“เรื่องนั้น ผมก็ได้ยินมาเหมือนกัน”
สีหน้าที่บอกว่า ‘คนทรยศ’ กรีดร้องบนใบหน้าที่เหมือนตุ๊กตานั่น ผมยิ้มเย็น ๆ คนทรยศงั้นเหรอ เป็นคุณที่ทรยศไปสนิทสนมกับประธานนักเรียนก่อนนะครับ คุณคิโชวอิน
แต่ถึงแม้ว่าผมอยากจะแกล้งเธอมากกว่านี้ แต่ก็ไม่อยากให้เธอวิ่งหนีไปเหมือนกระต่ายน้อยจนผมเข้าประชิดตัวไม่ได้อีก ดังนั้นผมเลยพูดช่วยเธอต่ออีกประโยค
“ช่วงที่สอบปลายภาคเสร็จละมั้ง ได้ยินเรื่องนั้นมาแว่วๆ เหมือนกัน แต่ดูเหมือนระยะนี้จะหายไปแล้วนะ”
“งั้นเรอะ” มาซายะหันหน้ามาหาผม สีหน้ายังคงเคลือบแคลง
“อื้อ จะไปควานหาตัวคนร้ายทางโน้นคงยาก ไม่จำเป็นต้องไปแหย่เรื่องที่สงบไปแล้วให้กระพือขึ้นอีกครั้งหรอก ที่สำคัญก็คือเจ้าตัวเขาจะคิดยังไงน่ะนะ บุคคลที่สามอย่างพวกเรามานั่งเถียงกันนั่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้ก็ไม่มีความหมายอะไร ถามเจ้าตัวโดยตรงดีกว่านะ ว่าเขาอยากให้มาซายะช่วยหรือเปล่า”
ใช่ คุณคิโชวอินก็ด้วย ทั้ง ๆ ที่เด็กคนนั้นไม่ได้ขอ แต่คุณก็ยังลงทุนตื่นแต่เช้ามาทำความสะอาดให้เธอทุกวัน ทั้ง ๆ ที่ผมคอยช่วยคุณหลายอย่าง แต่ต้องทวงบุญคุณถึงจะยอมออกหน้าช่วยผม
ถ้ายังใจร้ายเฉพาะกับผมคนเดียว...ผมจะไม่ใจดีด้วยแล้วนะ
เห็นคุณคิโชวอินมีสีหน้าแปลกใจ ผมก็พูดต่อ “มาซายะฉวยโอกาสตอนไปเจอเขาโดนปาขยะใส่ขอคำสัญญาเดทครั้งต่อไปได้น่ะสิ บอกว่าไปดูหนังด้วยกันเปลี่ยนบรรยากาศไหม”
พอพูดถึงหนัง ทั้งสองคนก็พูดคุยกันเรื่องหนังจนลืมผม ผมมองคุณคิโชวอินที่มีสีหน้าโล่งใจ พลิกดูโปรแกรมหนังเรื่องนั้นเรื่องนี้ อันที่จริงตั้งแต่ผมรู้จักเธอมา ก็ไม่เคยได้ไปไหนด้วยกันสองคนซักครั้ง ต้องเอายูกิโนะมาล่อนั่นแหล่ะถึงจะไป การที่เธอไปไหนมาไหนก็มาซายะสองคนเป็นเรื่องที่ทำให้ผมหงุดหงิดนิดหน่อย ผมมองคุณคิโชวอิน แล้วนึกถึงตอนที่คุยโทรศัพท์กับคุณมัตสึโมโตะ
‘วันนี้คุณหนูคิโชวอินกับผู้ชายคนนั้นก็มาคุยกันตั้งแต่เช้าครับ ดูท่าทางสนิทสนมเชียว’ คุณมัตสึโมโตะพูดแกมหัวเราะ ‘คิดถึงตอนสมัยผมหนุ่ม ๆ ก็ตื่นแต่เช้าเพื่อจะได้ไปดักเจอผู้หญิงที่ชอบ ดูท่าคุณหนูเธอก็คงพอใจผู้ชายคนนั้นไม่น้อย เพราะเดินเล่นกันจนถึงเวลาเข้าเรียนเชียว’
“เรื่องนี้ก็น่าจะดีนะ หนังสปาย” ผมชี้ไปยังภาพโปสเตอร์โปรโมตภาพยนตร์ในนิตยสาร “ภาพยนตร์แนว Crime Suspense ที่บอกเล่าถึงอนาคตอันทารุณของตัวเอกที่กลายเป็นสปายสองหน้าไงล่ะ”
พอมาซายะก้มหน้าก้มตาอ่านเนื้อเรื่องย่อ ผมก็หันไปหาคุณคิโชวอิน
“คุณคิโชวอินก็ชอบหนังสปายด้วยหรือเปล่า”
คุณคิโชวอินนิ่งไปซักพัก ก่อนจะตอบกลับมา
“คงเฉย ๆ ละมั้งคะ”
สีหน้าของเธอหลังจากที่ตอบผมดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดูท่าคำพูดของผมจะแทงใจดำเธอไม่น้อย
ร่วมมือกับประธานนักเรียนจริง ๆ ด้วยสินะ
“แต่จุดจบของสปายสองหน้าเนี่ยไม่ว่ายุคไหนก็แล้วแต่โหดเหี้ยมทารุณทั้งนั้นเลยนะ พอตัวจริงเปิดเผยออกมาก็ถูกพรรคพวกตัดขาด โดนฝั่งศัตรูตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ โดนไล่ล่าแล้วก็โดนเก็บ”
สีหน้าของคุณคิโชวอินซีดลงเรื่อย ๆ พอเห็นอย่างนั้นผมก็อดยิ้มไม่ได้
หน้าตอนดีใจของคุณคิโชวอินน่ารัก
แต่สีหน้าตอนลำบากใจเพราะผม...น่ารักยิ่งกว่า
วาระสุดท้ายก็ไปจบที่อยู่ก้นทะเลไม่ก้ในหุบเขาโดยไม่มีใครล่วงรู้ละมั้ง... จะยังไงซะ ก็ไม่น่ารับบทเป็นสปายสองหน้าเลยจริง ๆ เนอะ”
ผมหัวเราะเมื่อเห็นใบหน้าของคุณคิโชวอินตอนที่ผมพูดว่าไม่น่าเป็นสปาย อ๊ะ ผมเปลี่ยนใจแล้วล่ะ ถึงจะบอกว่าสีหน้าลำบากใจของคุณคิโชวอินน่ารักมาก แต่ผมชอบตอนที่เธอใกล้จะร้องไห้เพราะโดนผมแกล้งที่สุด
คุณคิโชวอินจ้องหนังสือในมือไม่ตอบผม ตาไม่ได้อ่านหนังสือเลยด้วยซ้ำ ไม่แม้กระทั่งจะรับรู้ว่าผมตบไหล่ของเธอเบา ๆ ด้วยความสนิทสนม
โทรศัพท์มือถือของผมสั่นบอกว่ามีอีเมล์เข้ามา ผมขมวดคิ้วเมื่อเห็นสองอีเมล์ อีเมล์แรกมาจากยุยโกะเมื่อสิบนาทีที่แล้วแต่ผมไม่รู้ตัว ผมเลื่อนเคอร์เซอร์ผ่านอีเมล์ของยุยโกะไปเปิดอ่านอีเมล์ที่สองทันที
‘ขอโทษด้วยนะครับท่านเอ็นโจ อาทิตย์หน้าผมลาพักผ่อนไปเที่ยวกับครอบครัวครับ แต่ผมส่งยูสเซอร์กับรหัสเข้าดูกล้องรักษาความปลอดภัยของซุยรันมาให้ สามารถต่อดูออนไลน์ได้ เผื่อท่านเอ็นโจอยากจะคอยดูแลคุณหนูคิโชวอิน ถึงแม้ว่าจะไม่มีกฎห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องดูกล้องวงจรปิด แต่ยังไงก็ขอให้ท่านเอ็นโจปิดเรื่องนี้เป็นความลับให้หน่อยนะครับ – มัตสึโมโตะ’
ผมเลิกคิ้ว ก็ไม่คิดว่าจะตามดูด้วยตัวเองหรอกนะ แต่...
ผมเงยหน้ามองคุณคิโชวอินที่ทำท่ามีพิรุธ
จับตาดูไว้หน่อยดีกว่า
.............
ช่วงนี้กระทู้วิ่งกันรัว
เรื่องโหวตชื่อห้องใหม่ สรุปคะแนนเป็นไงบ้าง
น่าจะปิดโหวตได้แล้วมั้ง
>>814 ปราสาทไร้รักของท่านราชินี: งานเต้นรำหน้ากากราตรีของท่านราชินีที่ตามหาราชา และกลยุทธ์ชิงหัวใจของจอมมารที่หวังไม่ให้ราชินีมีราชาเป็นของตน!![ปราสาทหลังที่19]
= 3 แต้ม
>>815 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับใบประกาศหาคู่ของจักรพรรดินี (ใบประกาศโดนฉีกอีกแล้ว!! ครั้งที่ 19 แล้วนะ!!)
= 1 แต้ม
>>819 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับปฏิบัติการตามหาโจรขโมยหัวใจของสาวสายลับสองหน้า (น้ำยาขัดโต๊ะขวดที่ 19)
= 2 แต้ม
>>821 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการขี่โพนี่พุ่งทะยานข้ามแดนไปหาเจ้าชาย (หน้าตาสมัยศตวรรษที่ 19)
= 9 แต้ม
>>825 ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับนิทานเล่าขาน "ใครจะเอาแหวนเงินไปสวมนิ้วนางเจ้าแม่" (มหกรรมการแข่งขันขว้างมีด เป้าหมายคือตาซ้ายข้างนั้น! ครั้งที่ 19)
= 0 แต้ม
ช่วงนี้กูอยากโดดลงเรืออาริมะเต็มตัวมาก ถ้าไม่ติดเรื่องเฟรนด์โซ... อะแฮ่มๆสมาคมแม่บ้านทีวีไดเร็กกับเรื่องที่อาริมะอาจจะชอบวาคาบะละก็นะ ดีต่อใจชะมัด เป็นหนึ่งในกี่คนในโรงเรียนที่ท่านเรย์กะอยู่ด้วยแล้วผ่อนคลายจนหลุดมาด แถมไปแซวเขาซะเขินอีก 5555
มีแต่มุมมองเอ็นโจเป็นจอมมาร อยากได้มุมมองเอ็นโจแบบเซื่องซื่อ แค่ไก่อ่อนที่จีบสาวไม่เป็นบ้างจัง ถถถ
โถ อาริมะกับท่านเรย์กะตอนนี้น่ารักดีแท้ ท่านเรย์กะหลุดเอานิสัยชาติที่แล้วมาอีกแล้วเหรออ จริงๆ ก็สงสัยนะ ชาติที่แล้วก็จริง แต่ก็ผ่านมาเป็นสิบปีแล้วนะ ทำไมนิสัยใหม่จากสภาพแวดล้อมใหม่ไม่ฝังรากลงไปในตัวท่านเรย์กะเสียทีเนี่ยยยยย โอ๊ยย อยู่ดีๆ ก็เกิดอยากลงเรืออาริมะะะะะ เป็นอะไรไปก็ไม่รู้ กรี๊ดดด
>>952-954 ขอบคุณโม่งฟิคคคคคคคคคคคค กูรักมึงงงง อ่านตอนนี้แล้วเอ็นโจใจร้ายจังนะ แอบงอนๆ โดยที่ทางโน้นก็ไม่รู้ตัวว่าเพราะอะไร โถโถ ท่านเอ็นโจคะ เลิกดูท่านเรย์กะผ่านกล้องวงจรแล้วออกไปคุยเลยดีไหมคะ ดีไม่ดี ตอนคุณลุงภารโรงกลับมา ท่าทางจะยึดห้องกล้องวงจรปิดเป็นศูนย์บัญชาการแล้วสินะ อ๊ะ หรือว่าไม่ ใช้วิธีต่อกลับไปดูที่คฤหาสน์เอ็นโจนะ????
กลายเป็นว่าวันนึงนั่งดูอึน ๆ อยู่ ยูกิโนะโผล่เข้ามาพอดี
"ท่านพี่ดูอะไรอยู่ฮะ"
"....." เอ็นโจปิดหนีไม่ทัน
"อ๊ะะ คุณพี่เรย์กะนี่นาา ผมดูด้วยคนสิฮะ"
กว่าจะรู้ตัว สองพี่น้องมีงานอดิเรกคอยดูท่านเรย์กะเสียแล้ว อาจมีการจ้างคนเพื่อคัดกรองเอาแต่โมเมนต์ท่านเรย์กะโดยเฉพาะ
มุมที่โรงอาหาร
ยูกิโนะ : "คุณพี่เรย์กะกินโอเปร่าเค้กไปชิ้นนึงแล้ว ยังจะสั่งเยลลี่ส้มอีกเหรอฮะ?"
เอ็นโจคนพี่ : "อืมมม" (เงียบ ๆ แต่ในใจคิดว่าจะไปทักเรย์กะเรื่องชุดหน้าร้อน)
ที่ห้องชมรม
ยูกิโนะ : "ท่านพี่ฮะ คิดถึงคุณพี่เรย์กะถักทานุกิหรือแมวน้ำฮะ?"
เอ็นโจคนพี่ : "อืมมม" (เงียบ ๆ แต่ในใจคิดว่าจะไปทักเรย์กะเรื่องติดพ่อ)
ต่อฟิคเวียน (พาร์ทเรย์กะ) >>857
กูไม่แน่ใจว่าเพื่อนที่แต่งพาร์ทเอ็นโจจะจบตอนที่ช่วงไหน แต่กูคันไม้คันมือจนขออนุญาตแทรกแล้วกัน หากว่าไปขัดช่วงต่อของเพื่อนโม่งก็ขออภัยด้วยค่ะ *ไหว้*
-----------
อุหวา อุหวา หวาา ทำยังไงดีล่ะเนี่ย
รู้สึกหน้าร้อนจนคิดอะไรแทบไม่ออกเลย
เอ็นโจเปิดประตูฝั่งคนขับและขึ้นนั่งจับพวงมาลัย หันมาส่งยิ้มให้
ในที่แคบๆสภาพปิดอย่างในรถแบบนี้ นี่มันใกล้เกินไปแล้ว!
มันเป็นเวลาเกือบสองเดือนตั้งแต่คืนฮาโลวีนวันนั้นที่ฉันพยายามหลีกเลี่ยงเอ็นโจมาตลอด
แต่อยู่ในรถแบบนี้ก็แย่แล้วซิคะะ!!
"อื๋อ? คาดเบลล์ด้วยซิครับเรย์กะ... มาผมคาดให้"
ไม่พูดพร่ำทำเพลง เอ็นโจก็ขยับตัวเอื้อมมือเข้ามาใกล้
กะ ใกล้เกินไปแล้ว!
ฉันตกใจจนนิ่งค้าง สายตาเจ้ากรรมก็ดันเผลอจับจ้องไปที่ริมฝีปากของคนตรงหน้า พลันให้นึกถึงค่ำคืนในวันนั้นขึ้นมาอีก
กรี๊ดดด ไม่น้าาาา มานึกอะไรตอนนี้กันเล่า!!!!!
"มะ ไม่เป็นไรค่ะ!!"
ฉันร้องเสียงหลง รีบผลักตัวเอ็นโจกลับไปทันที ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มเล็กๆ นี่แกล้งกันอีกแล้วใช่มั้ยน่ะหา!!?
ฉันทั้งรู้สึกหน้าร้อนวูบทั้งฉุน เลยส่งสายตาเขม็งใส่อย่างแค้นเคือง หนอยแน่!!!
เอ็นโจยังคงหัวเราะยิ้มละไมไม่สะทกสะท้านสักนิด ยังทำสายตาแปลกมองกลับมาอีก
"ยอมมองหน้าผมตรงๆสักทีเนอะ"
"เหะ?"
"ก็ตั้งแต่วันฮาโลวีนนั้น เรย์กะก็หลบหน้าหลบตาผมตลอดเลยนี่นา"
อึก กะ ก็ความผิดใครกันล่ะคะ!!!
เอ็นโจยกมือเข้ามาใกล้ ฉันผงะและขยับถอยตัวหลังชิดประตูรถ แต่แขนยาวๆนั่นก็ยังจะเอื้อมมาถึงอีกแน่ะ
มือหนาสัมผัสใบหน้าของฉันแผ่วเบา ปลายนิ้วนั้นเย็นจนทำเอาใบหน้าร้อนๆของฉันกระตุกเล็กน้อย
มัวแต่โฟกัสที่มือที่ไล้ใบหน้า พอมองเบื้องหน้าอีกที ใบหน้าของเอ็นโจก็โน้มเข้ามาใกล้แล้ว!
ดะดะดะ เดี๋ยวก่อนสิ! จะทำอะไรน่ะค้า!?
ฉันรู้สึกงุ่มง่ามทำอะไรไม่ถูกไปทั้งหมด ทำไงดีๆ
"อยากให้ในสายตาคุณมีแค่ผมจัง..."
"!!!!!!!!"
อะไรสักอย่างระเบิดดังบรึ้มในหัว แล้วระบบก็ขัดข้อง สมองฉันนิ่งงันไม่ทำงานใดๆแล้ว
"เรย์กะ?"
"อะอะอะ อุเงี้ยวววววววววว"
ฉันแหกปากดังลั่นรถจนเอ็นโจสะดุ้งชะงักไป สบโอกาสฉันก็หันเปิดประตูรถ แล้วชิ่งออกไปทันที!
"เอ๋!? เรย์กะ!!"
มะ ไม่ไหวแล้วค่าาาาาาา!!!
สถานการณ์ที่ไม่เคยเจอะเจอแบบนี้ทั้งชาตินี้ชาติก่อน นี่มันอะไรกันน่ะคะ!? ทำไงดีๆๆๆ?
ไม่ไหวแล้ว ฉันรับมือไม่ได้จริงๆค่าาาา
ลงจากรถฉันก็วิ่งเผ่นแบบไร้ทิศทาง ได้ยินเสียงเอ็นโจไล่ตามมา ฉันก็วิ่งแบบไม่คิดชีวิต
โอ๊ยย ดันใส่ส้นสูงลงมาด้วยซิ เห็นว่าจะกินราเมงใกล้ๆ รู้งี้น่าจะเปลี่ยนรองเท้าก่อน!
มองไปข้างหน้า ในย่านการค้าที่มีแต่คู่หนุ่มสาวควงคู่เดทกันในคืนคริสต์มาสอีฟ แล้วดูฉันซิต้องมาวิ่งป่าราบ บ้าที่สุดเลย!
โอ๊ย เหนื่อย แต่เอ็นโจก็ยังคงฝ่าฝูงชนตามมาที่ข้างหลัง สติสตังฉันยังไม่สู้ดีก็คิดได้แค่วิ่งต่อไปเท่านั้นล่ะค่ะ
ฉันวิ่งหักหลบเลี้ยวลดหวังจะสลัดให้หลุด จนเริ่มหอบแฮ่ก ผ่านไปอีกหนึ่งเลี้ยวโค้ง ก็เห็นหลังของคนคุ้นๆยืนต่อคิวอยู่หน้าร้านราเมงที่มีลูกค้าแน่นเอี้ยด
เห็นแบบนั้นฉันก็คว้าแขนคนๆนั้นหมับ
"มิซึซากิคุง!!!"
"หือ? คิโชวอิน? ทำไมมาอยู่นี่ล่ะ?"
"ช่วยฉันด้วยค่ะ!!"
มิตรแท้แห่งความยุติธรรม ได้โปรดช่วยลูกด้วยเถอะค่า!!
"อะไร? เกิดอะไรขึ้น?"
"คะ คือว่า..."
"เรย์กะ"
"อุกรี๊ด!"
เอ็นโจโผล่ตัวมาจากข้างหลัง ทำเอาฉันสะดุ้งสุดตัว รีบไปเกาะข้างหลังนายตัวสำรองเป็นกำบัง
เอ็นโจหายใจหอบเล็กน้อย ผิดกะฉันที่แทบจะเข่าอ่อนแล้ว แถมยังคงมีรอยยิ้มปะใบหน้า รอยยิ้มที่ชวนให้รู้สึกถึงพายุหิมะบนยอดเขาสูง นะ น่ากลัวสุดไปเลย! ฉันจะร้องไห้แล้วจริงๆนะ!
"เฮ้ นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะ คิโชวอิน!"
นายตัวสำรองหันมากระซิบกะฉันที่กำเสื้อกันหนาวของเขาแน่น
"ช่วยฉันด้วยเถอะค่ะท่านประธาน!"
"ตอนนี้บริษัทเธอเป็นนายจ้างฉันต่างหากเล่า! อย่าลากฉันไปเกี่ยวกับปัญหาคู่รักซิ!"
"ก็บอกแล้วไงล่ะ ว่าฉันกับเอ็นโจไม่ได้เป็นอะไรกันน่ะ!"
" ซุบซิบอะไรกันเหรอ ทั้งสองคน"
"!!!!"
เสีนงเอ็นโจดังแทรกการกระซิบกระซาบของฉันกับนายตัวสำรอง น้ำเสียงเยียบเย็นจนนายตัวสำรองก็ยังตัวกระตุกเบาๆ
"เรย์กะคงลืมของไว้กับคุณมิซึซากิสินะ"
"หา?"
"คุณมิซึซากิส่งคืนมาได้แล้วน่า"
เอ็นโจเดินทอดน่องเข้ามใกล้ ผายมือเหมือนขอรับของที่มา นายตัวสำรองหันขวับมาที่ฉัน สายตาบอกว่า "รีบออกไปซิ!"
ไม่นะ! ฉันไม่ใช่สิ่งของนะยะ!!!
ให้ตายก็ไม่ตามไปสองต่อสองด้วยหรอก!
อยากจะบอกแบบนั้นจังค่ะ แต่ใจไม่กล้าพอ แง้
สถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกสุดๆเลย เราสามคนนิ่งงันดูเชิงกัน จนกระทั่งมีบุคคลที่สี่เข้ามา
"เอ่อ... ลูกค้ากี่ที่ครับ?"
"ที่เดียวครับ" นายตัวสำรองตอบพนักงานร้านราเมง
"สองที่ค่ะ!" ฉันรีบพูดแทรก นายตัวสำรองทำตาเขียวปั๊ดใส่ เอ็นโจก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างไม่สบอารมณ์นัก
ไม่เอาอะ ขอพระคุ้มครองหนูด้วยเถอะค่า
นายตัวสำรองหันรีหันขวางไปมา ก่อนจะถอนหายใจเฮือกถามเอ็นโจ "ทานราเมงด้วยกันมั้ย...?"
เอ็นโจจ้องฉันนิ่ง สายตาเหมือนคาดโทษจนรู้สึกตัวหดเล็กลงทุกที
เอ็นโจถอนหายใจ ยิ้มขื่นๆ
"ถ้าเรย์กะอยากทาน งั้นก็ได้ครับ"
"3ที่ครับ"
นายตัวสำรองหันสรุปจำนวนที่นั่งกับพนักงาน
-------
กูพาอาริมะกลับมาแล้ว คริสต์มาสของสามเรา 5555555
>>974-975 มึ๊งงงงงงงงงงงงง!!!! ชนะเลิศมากดีไหมมมม แหม แหม ตอนแรกกูก็นึกว่าจะมีฉากสวีทจูบในรถอีกเล็กน้อยไปจนถึงเกือบเยอะ ที่ไหนได้ ท่านเรย์กะสมองระเบิดอุทานแปลก ๆ ไม่เป็นภาษา (ถ้าท่านเรย์กะไม่วิ่งลงมาจากรถเสียก่อนคงถูกล้อแล้วสินะ) แล้วย้อนกลับไปหาอาริมะอีก โถโถ คริสต์มาสของสามเราจริงๆ แถมยังเป็นคืนกินราเม็ง รันทดได้ใจมากมึงงง ชอบๆๆๆๆๆ 55555555 ว่าแต่ไหนท่านพี่พาอาริมะมาขัดเอ็นโจไม่ใช่เหรอ ทำไมรีบเข็นท่านเรย์กะออกไปจัง ไม่มีคิดจะรั้งไว้เลยเหรอ หรือจะรู้ว่าศึกครั้งนี้ลงไปก็ไม่ได้ประโยชน์ โถโถ
ลืมฮ่ะ ขอบคุณมึงงงง
บางทีกูก็สงสัยนะ คนกระทู้นี้คือตื่นเช้าหรือยังไม่ได้นอนกันวะ....
กริ๊ดดด ทำดีมากมึง
เอาอาริมะกลับมาได้ โมเมนต์คู่นี้นี่ดีต่อใจจริงๆ
เอาให้คุณนักต้มตุ๋นร้อนใจกระวนกระวายเยอะๆเลยค่าาาา
>>974-975 กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด คริสต์มาสของเราสองสามคน จะว่าฮาก็ฮา จะว่าอนาถก็อนาถ ท่าทางจะเป็นคริสต์มาสแรกที่ได้ใช้เวลาด้วยกันทำไมมันรันทดอย่างเนร้ อย่าลืมเอาไว้เล่าให้ลูกให้หลานฟังไปชั่วกาลปาวสานนะ คุณนักต้มตุ๋น 5555555555555555
มีใครต่อมั้ย ขอจองคิวหน่อย กูจะแกล้งคุณนักต้มตุ๋น //ชูไม้ชูมือสูงๆค่ะ
ขอบคุณนะโม่งฟิคดีใจที่มีฟิคอ่านก่อนสอบTT//สงสารอาริมะแท้อุตส่าห์หนีได้แล้วแท้ๆต้องมาทนสายตาจอมมารอีกรอบ555
สถานีต่อไป สถานีหมู่บ้านคานทองนิเวศน์ ท่านสามารถเปลี่ยนเส้นทางไปยังสายหมู่บ้านมีรักได้ที่สถานีนี้ โดยประตูรถจะเปิดทางด้านขวา
>>>/webnovel/4296/
เชิญวิ่งโพนี่กันได้ตามสบาย
>>974-975 ทีแรกกูก็นึกไปฉากวาบหวิวติดเรทซะอีก แต่ดันเป็นฉากหักธงงั้นเร้ออออออ สมเป็นเจ้าแม่จริงๆ โอกาสมากองแทบเท้าดันหักธงไม่เหลือชิ้นดีเลย คริสต์มาสมันควรเป็นค่ำคืนโรแมนติคของคู่รัก แต่ดันไปนั่งโซ้ยราเมงกันสามคนเนี่ยนะ หมดกันความโรแมนซ์ ถ้าท่านพี่เช็คกล้องวงจรปิดเห็นน้องสาววิ่งออกจากรถ มีไอ้หนุ่มวิ่งตามไปคงฮาน่าดู 555555555555555555555
อาริมะ: ไม่รักไม่ต้องมาแคร์ไม่ต้องมาดีกับฉัน ถึงเธอจะไม่รักฉันแต่มาทำแบบนี้ฉันก็หวั่นไหว~~~~
ตอนต่อไป การเผชิญหน้าระหว่างชูสุมอย หมาป่าเงิน และลูกทานุกิปุ้มปุ้ย!
เดี๋ยวนี้กระชุ่มชุ่มชวยหัวใจจริมๆ
เหลืออีกนิดมีใครจะส่งท้ายอะไรไหม ฮา
ขอให้คานซังยอมแพ้เจ้าแม่!
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.